ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รวมฟิคสั้น] Super Junior (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Cinderella's Wings -first- (Kang/teuk/Han/chul)

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 53


    Title :: Cinderella’s Wings –first-
    Pairing :: Leeteuk Heechul ft. Kangin Hangeng
    Author :: kobamura
    Rating :: PG - 13
    Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงแค่เหตุการณ์สมมติ อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ



    ถ้ามีเพลง OST Cinderella sister ที่พี่เย่ร้อง เปิดฟังไปด้วยจะดีมากค่ะ










    พระเจ้านำทาง ให้เรามาพบกัน...

    เพราะฉะนั้นฉันจะเป็นปีกให้กับนายนะ






    ปัง! ปัง! ปัง!





    “ไนซ์ชูท…” ฮีซอลยื่นปืนให้กับคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่ง ห้อยขาอยู่บนต้นไม้ ที่กิ่งข้างๆมีตะกร้าผลไม้ใบเล็กแขวนอยู่ แอปเปิ้ลผลสีแดงสดถูกโยนเล่นอยู่ในมือเรียวก่อนที่ร่างบางจะหยิบมันมากัด แล้วเคี้ยวกร้วมๆอย่างอารมณ์ดี

    “ตกลงมาตายจะขำให้”

    “ไม่มีทางหรอก ฮีซอลมารับฉันทันทุกทีแหละ” อีทึกหัวเราะก่อนจะโยนส้มผลหนึ่งมาให้คนที่ยืนกอดอกอยู่ใต้ต้นไม้

    “นายยิงปืนแม่นจัง สอนฉันบ้างสิ”

    “มีหน้าที่ผสมยาพิษก็ทำไปสิ จะมายุ่งหน้าที่คนอื่นทำไม” ปอกส้มใส่ปากแล้วเอ่ยว่าคนที่ยังนั่งห้อยขาอยู่ข้างบน อีทึกปล่อยตะกร้าผลไม้ให้คนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันก่อนจะกระโดดลงมา เสียหลักเซไปนิดหน่อยแต่ก็มีมือมาดึงเอาไว้ได้ทัน

    “ขอบคุณนะ” ส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังเล็กของตัวเองที่สร้างแยกออก มาเพื่อความเป็นส่วนตัวและใช้สำหรับปรุงยาพิษโดยเฉพาะ

    “คุณฮีซอลไม่ควรปล่อยคุณอีทึกไว้เป็นเสี้ยนหนามแบบนี้นะครับ เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ซักวันคุณอีทึกอาจจะแว้งกัดคุณฮีซอลก็ได้” คนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี

    ตอนนี้พรรคหงส์ฟ้าใกล้ถึงเวลาที่จะเลือกผู้นำคนใหม่เข้าไปทุกที และคนที่มีผลงานเข้าตาเหล่าผู้อาวุโสมากที่สุดก็คือคุณฮีซอลที่ถนัดการใช้ อาวุธแทบทุกชนิด กับคุณอีทึกที่เก่งในด้านการวางยาพิษ เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สูสีกันมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่น่าแปลก...แทนที่ทั้งสองคนจะต้องเป็นอริกัน กลับดูเหมือนจะรักใคร่กันดี โดยเฉพาะคุณอีทึกที่มักจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเสมอ เลยทำให้พวกหางๆที่เตรียมจะงัดข้อกันต้องชะงักกันเป็นทิวแถว เพราะตัวหัวดันเป็นมิตรกันเสียนี่ แต่ก็นั่นแหละ...เห็นหน้าสวยๆแบบนั้น อาจจะเต็มไปด้วยพิษร้ายอย่างที่เจ้าตัวถนัดก็ได้

    “ถึงเวลาแล้วฉันจะบอกเอง ตอนนี้อีทึกยังมีประโยชน์กับเราอยู่” เอ่ยบอกปัดไปอย่างนั้น ความจริงเขาแทบไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเพื่อน(ที่มีคนเดียวในโลก)คนนี้ เลย

    ทั้งที่เขาสองคนถูกฝึกหนักเพื่อตำแหน่งผู้นำในภายภาคหน้าเหมือนกัน แต่อีทึกกลับใช้ชีวิตได้อย่างสบายจนน่าอิจฉา บ่อยครั้งต้องทดลองพิษด้วยตัวเองจนเฉียดตาย แต่ก็ยังนั่งยิ้มแป้นบนเตียงทุกครั้งที่เขาไปเยี่ยม หรือไม่เวลาที่เขามีอันตราย อีทึกกลับมาถึงตัวเขาก่อนพวกลูกน้องเขาเสียอีก อาวุธอะไรก็ใช้ไม่เป็น ได้แค่เตะต่อยพอเอาตัวรอด แต่ก็ยังอวดดีมาช่วยเขาตลอด เป็นคนที่จุ้นจ้านจนน่ารำคาญ แต่พอไม่เห็นก็เหงาปากพิลึก




    นี่ สินะ...เพื่อนตาย












    บางสิ่ง บางอย่างเปลี่ยนไป...เมื่อมีตัวแปร





    เช้านี้ค่อนข้างแปลกไปกว่าทุกวันเมื่อพ่อบุญธรรมเรียกฮีซอลและอีทึกให้เข้า มาทานอาหารเช้าที่ตึกใหญ่ทั้งคู่ ปกติจะอยู่ที่ใครที่มันไม่ค่อยได้มีโอกาสร่วมโต๊ะเท่าไหร่ ยกเว้นวันไหนที่อีทึกทำอะไรแปลกๆก็จะคอยเอาไปบังคับให้ฮีซอลกินเสมอ แต่ก็นั่นแหละ...กินแล้วก็อร่อยดี

    “คุณพ่อมีอะไรพิเศษหรือครับ ครั้งสุดท้ายที่เราทานข้าวด้วยกันก็ตอนวันเกิดคุณพ่อเมื่อสิ้นปี” อีทึกที่นั่งอยู่ทางขวามือของนายใหญ่พรรคหงส์ฟ้าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม และได้รับการตอบรับด้วยการลูบศีรษะอย่างเอ็นดู ฮีซอลมองมองการกระทำนั้นแล้วกระตุกยิ้ม

    “อ้อนเข้าไปเจ้าลูกแหง่...”

    “งั้นพ่อลูบหัวเราบ้างเอาไหม?”

    “ไม่ล่ะครับ ผมโตแล้ว” นายใหญ่หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นอีทึกแยกเขี้ยวใส่ฮีซอล จนกระทั่งพ่อบ้านเดินเข้ามาบอกว่าแขกเดินทางมาถึงแล้วถึงได้ลุกกันออกไปต้อน รับทั้งหมด รถที่จอดเทียบอยู่หน้าบ้านเขาไม่ต่ำกว่าสิบคัน ชายชุดดำลงมายืนกันเต็มไปหมด ท่าจะใหญ่โตพอดู

    ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทก้าวลงมาจากรถเล็กซัสสีดำคันงาม ฮีซอลมองรถรุ่นโปรดอย่างถูกใจ รุ่นนี้เขาก็มีเหมือนกันแต่เป็นสีแดง ชายคนนั้นเดินตรงมาหาพ่อบุญธรรมของพวกเขา ภาษาเกาหลีที่ฟังดูแปร่งหูทำให้ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นชาวต่างชาติ

    “ยินดีต้อนรับนะหานเกิง ไม่เจอกันเสียนานโตเป็นหนุ่มแล้วนะ”

    “คุณลุงเองก็สุขภาพแข็งแรงจนหนุ่มๆอย่างผมต้องอิจฉาเชียวล่ะครับ” คนถูกชมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะแนะนำลูกชายทั้งสองให้รู้จัก

    “นี่ฮีซอลกับอีทึก ลูกของลุงทั้งสองคน รู้จักกันเอาไว้นะ วันข้างหน้าอาจจะต้องพึ่งพาอาศัยกัน” ร่างสูงไล่สายตามองลูกชายสองคนที่หน้าตากระเดียดออกไปทางสะสวยทั้งสองคนแล้ว ส่งยิ้มเป็นมิตรให้ ฮีซอลเพียงแค่มองกลับด้วยสายตานิ่งๆ ส่วนอีทึกก็ส่งยิ้มหวานให้ตามประสาคนอัธยาศัยดี นัยน์ตาคมทอดอ่อนลงเมื่อเห็นรอยยิ้มชื่นใจนั้น

    ช่วงนี้หานเกิงต้องมาติดต่อธุรกิจที่เกาหลีซักระยะ ด้วยความที่นายยองจูเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของเขา เขาจึงได้รับสิทธิ์ให้มาพักที่คฤหาสน์หลังนี้และอยู่ในเรือนใหญ่ เพราะห้องส่วนใหญ่ที่นี่จะเอาไว้รับรองแขกสำคัญ เขาเพิ่งรู้ว่าคุณหนูทั้งสองคนมีบ้านเป็นของตัวเองซึ่งจะอยู่ปีกซ้ายและขวา ของบ้าน

    ร่างสูงออกมายืนรับลมที่ระเบียงยามเช้า แล้วก็ต้องแปลกใจกับความต่างของลูกชายบ้านนี้ ที่สนามหญ้าฝั่งซ้ายมือของเขา ฮีซอลกำลังฝึกปามีดอยู่ แต่ทางสนามหญ้าฝั่งขวาอีทึกกลับวิ่งเล่นอยู่กับสุนัขโกลเด้น ร่างบางในชุดวอร์มสีแดงดูแข็งกร้าวหากร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ตากลับให้ความรู้สึกน่าทะนุถนอม ชายหนุ่มเท้าแขนกับระเบียงแล้วมองร่างบางฝั่งขวามืออย่างเพลินตา ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มตามเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างจากคนที่กำลังกอดสุนัขตัวโปรด แน่น




    ...น่า รัก...










    ฉึก!






    มีดสั้นเล่มสุดท้ายหลุดจากศูนย์กลางไปพอสมควรเมื่อเจ้าของไม่ได้มีสมาธิ เหมือนทุกครั้ง นัยน์ตาสวยดุเหลือบมองขึ้นไปที่ระเบียงชั้นสองไล่ตามสายตาร่างสูงไปจนพบว่า อีกฝ่ายกำลังให้ความสนใจกับสิ่งไหนอยู่ ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นขีดตรง ถึงแม้หานเกิงจะมาพักที่นี่ไม่ถึงอาทิตย์ แต่ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจในตัวอีทึกและพยายามจะเข้าหาขนาด ไหน

    ริมฝีปากกระตุกยิ้มอีกครั้งเมื่อก้มลงมองมือซ้ายของตัวเองที่พันผ้าผันแผล ไว้อย่างดี แต่นอนว่าคนทำแผลให้ต้องเป็นอีทึกจอมจุ้นจ้าน แต่ที่เขามอง...เขากำลังมองรอยสัมผัสของใครบางคนที่รีบเข้ามาดูแผลให้เขา ตอนที่เขาเผลอกำมีดแน่นจนมันบาดตัวเอง ทุกคนคิดว่ามันคืออุบัติเหตุ แต่ใครจะรู้เล่า...ว่าเขาทำไปเพราะอะไร




    .
    .
    .





    “อรุณสวัสดิ์ครับ” คนสวยสองคนที่กำลังนั่งทำกิจกรรมส่วนตัวอยู่ที่โต๊ะนั่งกลางสนามหญ้าหันมา มองผู้มาใหม่ อีทึกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ส่วนฮีซอลเพียงแค่ก้มศีรษะให้เล็กน้อย

    “ผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?” เอ่ยถามคนที่กำลังนั่งปอกแอปเปิ้ลอยู่ อีทึกอมยิ้มก่อนจะผายมือเชิญให้นั่ง หานเกิงเลือกที่จะนั่งลงใกล้ร่างบางชุดขาว ชายหนุ่มมองคนที่กำลังทำชิ้นแอปเปิ้ลให้เป็นรูปกระต่ายอย่างสนใจ

    “คุณอีทึกดูท่าจะถนัดงานบ้านงานเรือนนะครับ” คนถูกชมกรายๆได้แต่ยิ้มเขิน ก่อนจะหยิบยื่นมิตรภาพให้ด้วยการส่งแอปเปิ้ลที่เพิ่งบอกเสร็จให้ ซึ่งหานเกิงก็รับมาทานด้วยความเต็มใจ คนที่นั่งไขว่ห้างเช็ดมีดสั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ลอบมองการกระทำที่กรุ้ม กริ่มนั้นด้วยท่าทีนิ่งๆ

    “ปกติผมก็ไม่ค่อยทำหรอกนะ ชอบกัดทั้งลูกมากกว่า แต่ฮีซอลบอกว่าอยากกินแอปเปิ้ลกระต่าย ผมเลยมานั่งปอกให้หน่ะ” เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มหวานอย่างเคย ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งหันไปมองร่างบางในเสื้อแขนกุดสีแดงอีกคน รอยยิ้มแห้งๆถูกส่งมาให้ด้วยความสำนึกผิด

    “ของคุณฮีซอลหรอครับ? ผมแย่งทานไปก่อนซะแล้ว”

    “ผมไม่ถือ...” วางมีดที่เช็ดเสร็จแล้วลงในกล่องแล้วหยิบอีกเล่มมาเช็ดต่อ บรรยากาศแลดูอึมครึมเสียจนอีทึกต้องทำลายความเงียบนั้นด้วยการชวนชายหนุ่ม คุย

    “คุณหานเกิงมาเกาหลีบ่อยไหมครับ?”

    “ก็พอสมควรครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นระยะสั้นๆไม่เกินสองสามวัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมจะต้องอยู่นานร่วมเดือนก็เลยมาขอรบกวนคุณลุงเสีย หน่อย”

    “เห็นเขาว่าที่จีนมีศิลปะป้องกันตัวที่น่าทึ่งมากๆ ถ้าไม่ลำบากเกินไปคุณหานเกิงสอนผมบ้างได้ไหมครับ ผมอยากมีอะไรไว้ป้องกันตัวบ้าง” ชายหนุ่มมองร่างบางที่ทำท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเด็กอย่างนึกเอ็นดู จริงสินะ...ชีวิตของเราจะมัวแต่เพิ่งการ์ดรอบข้างไม่ได้ เราต้องปกป้องตัวเองได้ด้วย

    “ได้สิครับ ด้วยความเต็มใจเลย” จะด้วยความดีใจหรืออะไรก็แล้วแต่ อีทึกร้องไชโยเสียงดังลั่นก่อนจะโผกอดร่างสูงแน่น ซึ่งตอนแรกหานเกิงก็ตกใจ ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วกอดตอบร่างบางเช่นกัน แขนแกร่งจำต้องคลายออกเมื่อร่างบางผละตัวออกมา ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป

    “อ่า...ขอโทษครับ พอดีผมดีใจไปหน่อย” สองสายตาประสานกันนิ่ง จนอีทึกต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะยืดตัวขึ้นตรง เขาได้กลิ่น...กลิ่นคาวเลือด!

    “ฮีซอล!” อีทึกรีบวิ่งมาหาก่อนจะหยิบมีดในมือคนตรงหน้าออก น้ำตาแทบร่วงเมื่อเห็นว่ารอยแผลนั้นลึกมากจนน่ากลัว ซึ่งคนเจ็บเองก็เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำร้ายตัวเองลงไป

    “นายทำบ้าอะไรเนี่ย! ทีหลังให้คนอื่นเช็ดมีดแทนเลยนะ”

    “พอดีคิดอะไรเพลินๆหน่ะ แผลแค่นี้ขี้แยไปได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย” มือข้างที่ไม่เจ็บผลักศีรษะคนที่กำลังน้ำตาคลอเบาๆ

    “ไปเอากล่องยาของนายมาทำแผลฉันสิ” เอ่ยสั่งเสียงเรียบซึ่งอีทึกก็พยักหน้ารับเร็วๆ แล้ววิ่งกลับไปที่บ้านเล็กของตัวเอง

    “คุณหานเกิงดูแผลฮีซอลไว้ก่อนนะครับ” คำบอกนั้นทำให้ร่างสูงลุกขึ้นเดินมาหา มือหนาประคองมือเรียวอย่างเบามือ คิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่นเมื่อเห็นว่ารอยแผลนั้นลึกกว่าที่เขาคิด ผ้าเช็ดหน้าสีดำถูกหยิบมาซับเลือดให้ มือเรียวทำท่าจะกระตุกออกจนเขาต้องเอ่ยปราม

    “ผ้าเช็ดหน้าของผมสะอาดครับ แล้วอีกอย่างมันมีสมุนไพรที่เป็นผลดีกับแผลสด ผมเอาไว้กับตัวตลอด มันจำเป็นเวลาฉุกเฉิน” แตะผ้าเบาๆรอบๆปากแผลอย่างใจเย็น ใบหน้าคมโน้มลงมาเป่าแผลแล้วเงยขึ้นส่งยิ้มให้ในระยะกระชั้นชิด ฮีซอลลอบมองการกระทำนั้นด้วยหัวใจที่ตัวเองรู้ดีว่ามันเต้นผิดจังหวะไป แล้ว...




    ความ รัก...หน้าตามันเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ




    .
    .
    .












    “อืม กำลังจะกลับแล้วหน่า แค่หนีออกมาเดินเล่นนิดหน่อยเอง” เอ่ยบอกกับคนสนิทที่อยู่ปลายสาย เมื่อเช้าฮีซอลบอกว่าอยากทานคิมบับ แต่สาหร่ายสำหรับห่อมันหมดพอดี แถมซุปเปอร์ที่จะซื้อก็ไม่ได้ไกลอะไรนัก อีทึกจึงเลือกที่จะเดินออกมาคนเดียว ถ้าบอกมุนฮวานกว่าจะตั้งขบวนรถเสร็จ ฮีซอลก็รู้พอดีว่าเขาจะไปทำอะไร แล้วก็มาบ่นเขาอีกว่าแค่จะไปซื้อสาหร่ายทำยังจะไปค้าอาวุธสงคราม

    “.................” ขาเรียวชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อสัญชาตญาณกำลังบอกว่า...เขากำลังถูกสะกดรอย ตาม! เงาคนวูบไหวด้านหลังยามที่หยุดแล้วเหลือบตามองทำให้ยิ่งมั่นใจว่าเขากำลัง ถูกตามอยู่จริงๆ

    “ถ้ากลับไปเล่าให้มุนฮวานฟังสงสัยถูกเทศน์ยาวแน่ๆ” ด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดีชนิดสุดโต่ง อีทึกจึงคิดว่ายังไงเขาก็น่าจะปลอดภัย เพราะอีกไม่ถึงสองสามช่วงถนนก็จะถึงบ้านแล้ว หากมันไม่เป็นแบบนั้น...เขาคงโชคดีมามากพอแล้ว




    […R…R…R…]




    “อ๊ะ!” ชั่วขณะที่กำลังล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ ยังไม่ทันขานรับกับคนปลายสาย แขนเรียวทั้งสองข้างก็ถูกมือใหญ่คว้าไว้ มือถือสีขาวร่วงลงกับพื้นและถูกเหยียบจนแตกละเอียด

    “ยอมไปกับเราดีๆจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวนะคุณหนูอีทึก” คนที่อยู่ด้านหลังจ่อกระบอกปืนไว้ตรงหลัง กลิ่นไอความตายลอยคลุ้งจนเวียนหัว อีทึกไม่ขัดขืนอะไรนอกจากหลับตานิ่งแล้วพยายามหาทางหนีไปจากตรงนี้ให้ได้

    มือเรียวขยับปลดตะขอสร้อยข้อมือจนหล่นลงกับพื้น สร้อยที่ทำจากแก้วเมื่อตกลงพื้นก็แตกปล่อยของเหลวที่อยู่ภายในออกมา กรดเมื่อเจอกับพื้นถนนก็กัดกร่อนจนเกิดเป็นควันคลุ้ง พวกมันต่างตกใจจนเผลอปล่อยร่างบางจนเป็นอิสระ มือเรียวหยิบขวดแก้วเล็กๆที่พกติดตัวไว้ตลอดก่อนจะสาดผงกรดที่ปรุงเองกับมือ ใส่คนกลุ่มนั้นแล้วรีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุด ปล่อยให้ชายชุดดำสามคนนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พวกที่ยืนดูลาดเลาอยู่ห่างๆต่างวิ่งมาดู แล้ววิ่งตามเป้าหมายไปนับสิบคน

    “โอ้ย!” ร่างบางเสียหลักล้มลงกับพื้นเมื่อมีลูกดอกพุ่งมาปักที่แขนขวา มือเรียวชักอาวุธเล็กนั้นออกก่อนจะปาทิ้ง กลิ่นของเลือดทำให้เบาใจได้ขึ้นมาในระดับหนึ่งว่าเขาไม่ได้ถูกพิษ มือข้างหนึ่งกดปิดปากแผลไว้แล้ววิ่งหนีด้วยความเร็วที่ลดลงเรื่อยๆ หากเขาวิ่งตรงไปแบบนี้คงไม่แคล้วถูกจับได้ ถึงแม้มันจะเป็นทางที่ทำให้ถึงบ้านเร็วที่สุดแต่ดูแล้ว...เขาคงไปไม่ถึง

    “วัดดวงแล้วกัน!” กัดปากรวบรวมแรงฮึดเฮือกสุดท้ายวิ่งเข้าไปในซอยข้างหน้า อีทึกหยุดมองเส้นทางที่มีทางแยกถึงสามทาง อย่างน้อยพวกนั้นก็คงลังเลบ้างล่ะ สุดท้ายร่างบางก็ตัดสินใจเลี้ยวเข้าตรอกเล็กอีกข้างหนึ่ง นึกขอบคุณพระเจ้าเมื่อเห็นประตูบานหนึ่งเปิดอยู่ เขารีบวิ่งเข้าไปแล้วปิดประตูดังปัง

    “.................” คนที่กำลังทำกิจกรรมอยู่ภายในห้องนั้นต่างหันมามองผู้มาใหม่เป็นตาเดียว ถึงแม้สติจะลางเลือนเต็มที แต่อีทึกก็ยังส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยท่าทีอ่อนแรง จากบรรดาคนในพรรคทั้งหมด เขาเป็นที่มีสัญชาตญาณแรงที่สุด ที่นี่ปลอดภัย...เขารอดแน่ๆ

    “คุณ...” ชายหนุ่มในชุดวอร์มเดินเข้ามาใกล้คนที่ยืนพิงประตูหอบตัวโยน มือหนาแตะเบาๆที่แขนเรียว ที่แขนขวาเขาเห็นรอยเลือดซึมเป็นวงกว้าง คนๆนี้อาจจะถูกทำร้ายมา

    “ช่วย...ช่วยผมด้วยนะ อย่าให้...อย่าให้คนพวกนั้นหา...หาผม...เจอ...” เมื่อรับรู้ได้ถึงความปลอดภัยของที่นี่เปลือกตาบางก็ปิดลง พร้อมกับร่างบางที่ทรุดเข้ามาในอ้อมกอดอีกฝ่าย แขนแกร่งโอบกอดอีกฝ่ายไว้แล้วหันมาเอ่ยกับเพื่อนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ ไกลนัก

    “ชินดงนายเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดรอยเลือด แล้วก็เอาสเปรย์ปรับอากาศมาฉีดไล่กลิ่นคาวเลือดที ฉันจะพาเขาไปทำแผล” ช้อนตัวคนที่สลบไปแล้วขึ้นก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองของโรงยิม

    “คังอิน...ทำแบบนี้จะดีหรอวะ?” แถวนี้มันถิ่นมาเฟียเสียด้วยสิ ขืนเผลอไปเหยียบหางใครเขาเข้า คงไม่แคล้วกลายเป็นศพ...เผลอๆซากศพยังจะไม่มีเหลือให้เห็น!

    “ฉันจะรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างเอง แต่ตอนนี้ฉันต้องขอให้นายช่วยฉันก่อน ขอบใจนะเพื่อน” เอ่ยจบก็รีบพาร่างบางที่เริ่มหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆขึ้นไปห้องข้างบน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาต้องช่วย แต่พอเห็นแววตาอ้อนวอนนั้นจะให้เขาทนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็คงใจร้ายเกินไป

    ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างบางลงบนเตียงเล็กแล้วรีบวิ่งไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล เสื้อไหมพรมสีขาวแฉะไปด้วยของเหลวสีแดงเข้มที่ซึมออกมาจากปากแผลเรื่อยๆจน ต้องตัดสินใจใช้กรรไกรตัดแขนเสื้อออก เมื่อเห็นลักษณะแผลแล้วถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่

    อาชีพนักมวยเรื่องบาดแผลถือเป็นเรื่องปกติ เขาทำแผลให้ตัวเองบ่อยไป แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน แผลนี้เหมือนถูกอะไรซักอย่างปักเข้ามา ไม่ใช่กระสุน...ลูกดอก? จะว่าไปแถวนี้ก็มีพวกมาเฟียที่ใช้ลูกดอกอาบยาพิษเป็นอาวุธประจำกลุ่มเหมือน กัน ว่าแต่ตัวบางร่างน้อยดูไร้พิษสงแบบนี้ไปทำอะไรให้เขาตามฆ่ากันนะ? หรือหน้าตาสะสวยเข้าตาจนถูกฉุดพอขัดขืนก็ถูกทำร้าย อ่า...สงสัยจะเป็นอย่างหลังซะมากกว่า

    “แผลแบบนี้ผมคงช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” บอกกับร่างบางที่นอนไร้สติก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือกดหาตัวช่วยที่นึกได้ใน ตอนนี้ ตัวเขาคงทำได้แค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการห้ามเลือดและทำความสะอาดปากแผลไป ก่อน เมื่อปลายสายมีการตอบรับชายหนุ่มก็กรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว

    “คิมจงอุน หยุดงานทั้งหมดที่คลินิกแกแล้วมาหาฉันที่ยิมเดี๋ยวนี้ อ้อ...หนีบอุปกรณ์คู่ชีพเซ็ตใหญ่ของแกมาด้วย อีกสิบนาทีเจอกัน ฉันถ่วงชีวิตคนป่วยนานที่สุดได้แค่นี้แหละ” กดตัดสายก่อนจะลุกไปหยิบผ้าห่มมาคลุมให้จนถึงคอ ตอนนี้หน้าที่ของเขาก็คือคอยดูไม่ให้อีกฝ่ายอาการทรุดหนักไปกว่านี้ก่อนที่ เพื่อนของเขาจะมาถึงและทำการรักษาอย่างเต็มรูปแบบ


    “ตื่นมาแล้วก็อย่าลืมขอบคุณผมด้วยนะ คุณคนสวย”













    ทางฝั่งพรรคหงส์ฟ้าก็ดูโกลาหลไม่แพ้กันเมื่อคุณหนูสีขาวของพวกเขาหายตัวไป อย่างไร้ร่องรอย เหล่าบรรดาคนในสังกัดของอีทึกต่างติดตามร่องรอยของเจ้านายกันอย่างสุดความ สามารถผ่านการนำของมุนฮวานคนสนิทของอีทึก ถึงแม้ฮีซอลจะร้อนใจไม่แพ้กันแต่ด้วยเป็นคนที่เก็บอาการได้อย่างดีเยี่ยม ท่าทีที่แสดงออกมาจึงมีเพียงสีหน้าที่เรียบเฉยจนหานเกิงยังนึกแปลกใจ

    “คุณไม่เป็นห่วงคุณอีทึกเลยหรอ?” คนที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ข้างนายใหญ่ของพรรคเพียงแค่ไหวไหล่เล็กน้อย ฮีซอลก้มลงอุ้มแมวตัวโปรดขึ้นมานั่งบนตักแล้วเล่นกับมันราวกับที่บ้านไม่ได้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เมื่อคนของฮีซอลเห็นเจ้านายมีท่าทีเฉยเมยกับการหายตัวไปของอีทึก ทุกคนจึงอยู่ในอาการเดียวกับเจ้านาย จนลูกน้องของอีทึกต่างส่ายหน้าหนีกันเป็นแถบ

    “ยังไงเขาก็ถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณนะ”

    “แต่สุดท้ายที่หนึ่งก็ต้องมีเพียงคนเดียวไม่ใช่หรอ?” เปล่าเลย...เขาไม่ได้คิดแบบนั้น คนอย่างอีทึก ถึงจะดูอ่อนแอไม่มีทางสู้ใครได้ แต่บทเข้าตาจนก็สามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง อย่างที่มินฮวานคนสนิทของเขาเคยเอ่ยเตือน อีทึกมีพิษสงกว่าที่คิด เพียงแต่ว่า...อีทึกไม่เคยคิดจะเอามันมาใช้กับเขาเท่านั้นเอง

    “คุณคิดจะถือโอกาสนี้กำจัดคนที่ขวางการขึ้นสู่จุดสูงสุดของคุณสินะ...หลัก แหลมนี่” เหมือนกับเป็นการชม แต่เปล่าเลย...เขากำลังถูกหานเกิงต่อว่า นัยน์ตาคมทอดมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ฮีซอลรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบจากมือที่มองไม่เห็น เมื่อชายหนุ่มหันไปเอ่ยกับพ่อของเขาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

    “พรรคมังกรดำจะช่วยตามหาคุณอีทึกอย่างสุดความสามารถ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณอีทึกต้องปลอดภัย ผมสาบาน...” ร่างสูงเหลือบตามองคนที่นั่งลูบหัวแมวเพียงครู่เดียวก่อนจะเดินนำลูกน้องของ ตัวเองออกไป รถยนต์ไม่ต่ำกว่าสิบคันทยอยออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ และนั่นยังไม่รวมถึงเครือข่ายของพรรคมังกรดำที่อยู่โดยรอบกรุงโซลอีก




    แล้วแบบนี้ จะต้องการคนของเขาไปช่วยอีกทำไมกันล่ะ?







    “ลูกก็เป็นห่วงอีทึกพ่อรู้...” เมื่ออยู่กันตามลำพังนายยองจูก็เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ สายสัมพันธ์ระหว่างฮีซอลกับอีทึกทำไมเขาจะมองไม่เห็น เพียงแต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกว่ามันกำลังเปราะบางเท่านั้นเอง

    “ลูกรู้ใช่ไหมว่าถ้าใครได้เป็นผู้นำ ผลของคนที่แพ้คืออะไร”

    “หากไม่ยอมก้มหัวให้...ก็ต้องตัดหัวมา” เขาเชื่อ...ถ้าเขาได้เป็นนายใหญ่ของพรรคหงส์ฟ้า อีทึกต้องยอมที่จะยืนอยู่ข้างหลังเขาอยู่แล้ว แต่หากนายใหญ่คืออีทึก กลับเป็นเขาเสียเองที่ทนก้มหัวให้ไม่ได้

    “ไพ่ใบสุดท้ายคือว่าที่หัวหน้าพรรคมังกรดำ...” ฮีซอลหันมามองผู้เป็นพ่อด้วยความตกใจจนเผลอบีบคือฮีบอมจนร้องลั่นแล้วกระโดด หนีลงจากตักไป ไพ่ใบสุดท้าย...หานเกิง?

    “คนที่หานเกิงเลือก คือคนที่จะได้ขึ้นเป็นนายใหญ่พรรคหงส์ฟ้าเพื่อเดินเคียงไปกับพรรคมังกรดำ” ยองจูเอื้อมมือมาบีบมือให้กำลังใจกับลูกรักอีกคนของเขา นายใหญ่ของพรรคดึงลูกชายเข้ามากอดให้หยดน้ำตาของลูกซึมลงบนเสื้อของเขาแทน

    ความรักคือเรื่องเปราะบาง แต่มันกลับมีอำนาจมากพอที่จะทำให้คนที่รักกันมานานแตกคอกันได้เพียงชั่วข้าม คืน สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากบรรยากาศที่ลอยวนอยู่ระหว่างลูกชายทั้งสองคนของเขา คือเรื่องนี้ เขาไม่ได้กำหนดไว้ว่าลูกคนไหนของเขาต้องขึ้นเป็นผู้นำ หน้าที่ของคนเป็นพ่ออย่างเขาคือปกป้องลูกอีกคนที่แพ้จากการแข่งขันครั้งนี้ มากกว่า

    ฮีซอลผละออกมาจากผู้เป็นพ่อ เงยหน้าขึ้นกระพริบตาไล่สิ่งที่น่าอับอายให้จางหายไปโดยเร็ว ก่อนจะขอตัวกลับไปพักที่บ้านของตัวเอง เมื่อลุกขึ้นยืนนัยน์ตาแดงช้ำกลับเงยขึ้นไปสบกับภาพใหญ่กลางบ้าน ภาพที่คุณพ่อนั่งอยู่ตรงกลางโดยมีเขาและอีทึกนั่งขนาบข้าง ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเศร้า นายใหญ่ของพรรคหงส์ฟ้าจะมีเพียงหนึ่งเดียว และแน่นอนว่าคนที่จะยืนอยู่ข้างหานเกิงได้ก็ต้องมีเพียงคนเดียวเช่นกัน








    อีทึก...เรา สองคนคงอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกแล้วสินะ








    TBC.



    เพลงพี่เย่ทำพิษปออีกแล้ว ถึงขนาดเก็บ Love&Rock ไว้แล้วเผ่นมาหาเรื่องนี้ก่อน ไม่ไหวจะเคลียร์ มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มาสดๆเมื่อคืนตอนฟังเพลงพี่เย่แบบจริงจัง พล็อตไหลมาก เพราะฉะนั้นต้องเอาออกมา ไม่งั้นอาจมีเหวี่ยงใส่คนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว ฮ่าๆ

    พี่เย่หล่อ...ไม่เกี่ยว -*-

    ตอนหน้าจบนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×