ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : whats the hell happened!! # 7
“ซีวอนช่วยด้วย!”
ร่างสูงละสายตาจากนิตยสารในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างบางคุ้นตาที่เปิดประตูวิ่งเข้ามานั่งข้างหลังเขา มือเรียวดึงแขนเสื้อเขาไว้ราวกับต้องการที่กำบัง ไม่นานนักก็ปรากฏร่างสูงโปร่งที่เดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าออกระอาเล็กน้อย
“น้องฮยอกแจคะ น้องจะวิ่งหนีคุณพี่ออกมาทำไมเนี่ย” ซีวอนได้แต่มองสลับไปมาระหว่างคนตัวเล็กที่เกาะแขนเขาไม่ปล่อยกับอีกคนที่เป็นพนักงานสถาบันเสริมความงามแห่งนี้
“มีอะไรกันหรอ?” หันไปถามลูกไก่ตัวน้อยที่ยังคงหลบอยู่ข้างหลังเขา ฮยอกแจฟ้องทันที
“ก็พี่อินซองจะแว๊กซ์ขนฉันอ่ะ! ฉันไม่แว๊กซ์นะซีวอน! ฉันต้องตามใจฉันด้วย!” พอรู้ถึงสาเหตุร่างสูงก็ถึงกับขำพรืดออกมา นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร
“ไม่ขำเลยนะ ลองโดนบ้างไหม?!” ฟาดไหล่หนาอย่างนึกเคือง คนอุตส่าห์วิ่งหนีออกมาหาที่พึ่งแต่กลับมานั่งหัวเราะซะนี่...มันน่านัก!
“ไม่เจ็บหรอกค่ะน้องฮยอกแจ เพื่อความงามแล้วคนงามอย่างเราต้องทนได้สิคะ” กระเทยสาว(?)เอ่ยหว่านล้อมก่อนจะเดินอ้อมมาคว้าแขนเล็กไว้พลางยิ้มหวาน ไก่น้อยทำหน้าจะร้องไห้เต็มทน คนงามอะไรกัน? เขาไม่อยากเป็นแบบนั้นเลยนะ!
“ซีวอน~” ส่งสายตาอ้อนสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายสุดชีวิต ทำเอาคนถูกอ้อนหนักใจขึ้นมาทันที
“เอ่อ...พี่อินซองครับ”
“คุณซีวอนจะตามใจน้องฮยอกแจไม่ได้นะคะ จะประกวดทั้งทีต้องงามหมดจดทั้งตัวค่ะ และเพื่อไม่ให้ตกมาตรฐานของปริ๊นเซสไทม์คุณพี่ขอนะคะ...กรุณาอย่าห้าม” ถือว่าเคสของฮยอกแจค่อนข้างจะพิเศษ เพราะว่าเป็นเพื่อน(ที่มองยังไงก็น่าจะเป็นคนรัก)ของหลานชายเจ้าของสถาบันเสริมความงามแห่งนี้ อินซองซึ่งเป็นถึงผู้จัดการร้านเลยได้รับหน้าที่ให้ลงมาดูแลด้วยตัวเอง
“ไปกันได้แล้วนะคะน้องฮยอกแจ วันนี้นอกจากแว๊กซ์ขนแล้วคุณน้องจะต้องลงสครับผิวแล้วก็อาบน้ำนมอีกนะคะ ไปเร็วค่ะ” อินซองแจกแจงรายละเอียดในวันนี้ก่อนจะดึงร่างบางให้เดินตามไป ฮยอกแจหันมาค้อนใส่ซีวอนก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายลากไปขัดสีฉวีวรรณแต่โดยดี
“โดนงอนซะแล้ว...” เอ่ยกับตัวเองก่อนจะกลับไปสนใจนิตยสารในมือต่อ เดี๋ยวขากลับค่อยพาไปง้อที่ร้านขนมดีกว่า...อืม แบบนั้นแหละดีแล้ว
ตอนนี้กลายเป็นว่าทุกเสาร์อาทิตย์จะเป็นหน้าที่ของซีวอนที่จะต้องไปรับฮยอกแจมาเข้าคอร์สตามคำสั่งของฮีซอล ส่วนวันธรรมดาช่วงเย็นก็ซ้อมการแสดงไป รู้สึกว่าตอนนี้ศูนย์หน้าคนสำคัญของทีมฟุตบอลจะไม่ต้องไปซ้อมที่สนามแล้ว เพราะฮีซอลยื่นคำขาด
ถ้าฮยอกแจขาวไม่ได้อย่างที่ฉันต้องการ ฉันจะยุบชมรมฟุตบอล!!!
มันก็จริงอยู่ว่ายังไงก็ยุบไม่ได้หรอก แต่คังอินเองก็ขี้เกียจเถียง อาจจะออกแนวรำคาญซะมากกว่าก็เลยไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ประมาณว่าอยากทำอะไรก็ทำไป ก็เลยกลายเป็นว่า...ฮยอกแจไม่ต้องมาซ้อมที่สนามก็ได้ เพราะยังไม่ถึงฤดูกาลแข่งขัน ตอนนี้ตารางของฮยอกแจจึงถูกเปลี่ยนใหม่หมดโดยผู้จัดการชีวิตที่ชื่อคิมฮีซอล
[ R R R ]
“ครับ?” เจ้าของเครื่องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือมากดตอบรับด้วยเสียงสุภาพเมื่อปลายสายขึ้นชื่อชัดเจนว่าเป็นใคร
[ตอนนี้อยู่ที่ปริ๊นเซสไทม์หรือเปล่า?]
“ครับ ตอนนี้ฮยอกแจกำลังเข้าคอร์สอยู่ ส่วนผมรออยู่ที่ห้องรับแขก”
[คิดว่าเสร็จกี่โมง] คนถูกถามยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนจะประเมินเวลาตามที่พี่อินซองเคยบอกไว้
“คงจะเย็นๆล่ะครับพี่ฮีซอล มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
[ฉันจะให้เจ้าลูกเจี๊ยบมาลองชุดที่จะเดินรอบแรกหน่ะ มีอะไรไม่พอดีตรงไหนจะได้แก้ทัน]
“ที่ไหนครับ”
[ร้านแมรี่ยู ถัดไปจากปริ๊นเซสไทม์นิดหน่อย นายน่าจะเคยเห็น]
“พอนึกออกครับ แล้วจะให้ฮยอกแจไปลองกี่โมงครับ” ซีวอนนิ่งคิดตามอยู่ซักพัก...ร้านแมรี่ยูงั้นหรอ...คงจะเป็นร้านเช่าชุดแต่งงานร้านนั้นมั้ง
เอ๊ะ...ร้านเช่าชุดแต่งงาน?
[ซักห้าโมงเย็นทันไหม?]
“คิดว่าทันครับ”
[งั้นห้าโมงเย็นฉันกับอีทึกจะไปรอที่ร้านแล้วกัน เสร็จแล้วก็โทรมาบอกด้วย]
“ครับ”
[อืม...งั้นก็แค่นี้แหละ] เมื่อวางสายจากคนใหญ่คนโต(?)เสร็จก็นั่งอ่านนิตยสารรอคนตัวเล็กที่ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงประตูห้องรับแขกวีไอพีก็เปิดออกพร้อมกับลูกไก่ตัวขาวที่เดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้อง
“เสร็จแล้ว!”
“อ่า...ครับ” รีบลุกขึ้นตามอีกคนที่เดินลิ่วออกไปจากห้อง
“นี่งอนฉันจริงๆหรอ?” เอ่ยถามคนที่เดินออกจากร้านตรงไปที่รถไม่พูดไม่จา ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถามนั้นนอกจากยืนกอดอกรอให้เจ้าของรถเปิดประตูรถให้เขาเข้าไปนั่งเสียที ซึ่งซีวอนก็รีบอัญเชิญเจ้านางตัวน้อยให้เข้าไปนั่งในรถแล้วรีบเดินมาขึ้นทางฝั่งคนขับทันที
“ฮยอกแจ...” เงียบแบบนี้ใจไม่ดีเลยแฮะ โกรธเขาเรื่องแว๊กซ์อะไรนั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรคนตัวเล็กก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบๆ
“เจ็บ...”
“หืม?” คนหล่อเลิกคิ้วสูง เจ็บ?
“โดนแว๊กซ์เจ็บจนชาไปหมดแล้ว! ไอ้บ้า!” โวยวายเสร็จก็นั่งกอดอกอมลมจนแก้มป่อง จนซีวอนอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มนุ่มๆเล่น เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร ฮยอกแจจึงถือโอกาสระบายสิ่งที่เขาเจอในวันนี้ออกมาอย่างเหลืออด
“ฉันไม่น่าหลวมตัวมาลงประกวดนี่เลย ทรมานตัวเองชะมัด นายรู้ไหมซีวอนหลังจากแว๊กซ์ขนเสร็จนะ พี่อินซองก็ลากฉันไปอีกห้องนึง บอกว่าจะขัดผิวให้แล้วก็เอาอะไรหยาบๆมาขัดก็ไม่รู้แสบเป็นบ้าเลย แล้วยังไม่พอเอาฉันลงไปนอนแช่อยู่ในอ่างน้ำนมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงบอกว่าผิวจะได้นุ่ม ฉันไม่ใช่ไก่นมสดที่คุณยายหน้าโรงเรียนเสียบไม้ย่างขายนะ! ดูดิ...กลิ่นนมยังติดอยู่เลย” ยกมือตัวเองขึ้นดมก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายดมบ้างอย่างลืมตัว กว่าจะคิดออกว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไปก็ตอนที่จมูกโด่งกดลงมาที่หลังมือเบาๆ ใบหน้าหวานร้อนวูบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ร่างสูงส่งมาให้หลังจากก้มลงพิสูจน์ความหอมอยู่นาน
“หอมดีออก” คนถูกชมรีบชักมือกลับก่อนจะเสหน้าออกไปมองนอกรถ คนบ้า!...อย่ามาทำส่งสายตาหวานซึ้งแบบนั้นนะ รู้ไหมว่าหน้าฉันมันร้อนจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
“หิวไหม?” ซีวอนมองคนที่เขินจนแทบจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงช่องเล็กๆระหว่างประตูรถกับเบาะนั่งแล้วยิ้มออกมาบางๆ และแน่นอนว่าวิธีคลายอาการเขิน งอน หรือโกรธของฮยอกแจมีเพียงเรื่องเดียว
เรื่องกิน
“หิวมาก!”
“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน เดี๋ยวตอนห้าโมงต้องไปลองชุดกันต่อ” รถคันหรูขับออกจากบริเวณลานจอดรถของร้านเพื่อมุ่งไปยังร้านเบเกอรี่ที่ฮยอกแจชอบ
“ทริปวันนี้ยังไม่หมดอีกหรอ?” ไก่น้อยกอดอกตีหน้ายู่ อุตส่าห์หวังว่ากินขนมเสร็จแล้วจะกลับไปนอนกลิ้งดูหนังที่บ้านซักหน่อย น่าเบื่อจัง...
“พี่ฮีซอลเพิ่งโทรมาเพิ่มตารางงานให้หน่ะ” ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าร้านเบเกอรี่ร้านโปรดของคนน่ารัก
“เฮ่อ...งานเข้าอีกแล้ว” ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวลงจากรถเมื่อร่างสูงเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ หวังว่าเค้กซักสี่ห้าชิ้นคงจะพอเรียกกำลังใจให้ตัวเองได้บ้างล่ะนะ
“เอาจริงๆหรอฮีซอล?” เอ่ยถามเพื่อนที่นั่งไขว่ห้างเปิดดูแคตตาล็อคชุดเจ้าสาวอย่างสบายอารมณ์แล้วอดเป็นห่วงน้องชายตัวเองไม่ได้
อีฮยอกแจได้ช็อคตายก็คราวนี้แหละ
“นายว่าชุดเว้าหลังนี่ดีไหม? โชว์หลังขาวๆเรียกเรตติ้งหน่อยก็ดีนะ” คนสวยถอนใจหน่ายๆ มันไม่เคยคิดจะฟังความเห็นคนอื่นจริงๆใช่ไหมเนี่ย ไอ้คนเผด็จการ!
“ฮยอกแจมันคงกัดลิ้นตายต่อหน้านายนั่นแหละ”
“ซีทรูทั้งตัวก็สวยนะ มีลูกไม้ปิดเฉพาะจุด...เซ็กซี่เป็นบ้า” อะไรนะ? ปิดเฉพาะจุด?!
“อย่านะเว้ย...น้องฉันได้บ้าแทนไอ้ชุดนี้หน่ะสิ”
“เฮ้ยๆ แต่ฉันโคตรถูกใจกี่เพ้าผ่าข้างถึงสะโพกนี่จังเลยว่ะ ยิ่งตัวเล็กๆ ขาวๆ เอวคอดๆอย่างเจ้าลูกเจี๊ยบนี่นะ...ให้คะแนนเต็มสิบเลย!” จะให้ใส่ไปเดินในหอนางโลมของแกหรือไง! ดูมันเลือกแต่ละชุดสิ เขาอยากจะจับคนที่นั่งข้างๆมาหักคอนัก!
“เลือกให้มันดีๆหน่อยสิ นายน่าจะรู้นะว่ายังไงฮยอกแจก็ไม่ใส่ไอ้ที่นายเลือกหรอก”
“ถ้าฉันเลือกมันก็ต้องใส่ ทีตอนนายประกวดยังไม่เห็นบ่นเล๊ย~!” อีทึกหันขวับ ไม่เห็นบ่น? ไม่บ่นงั้นหรอ?! เราสองคนแทบจะตบกันตายหลังเวทีเมื่อปีที่แล้วจำไม่หรือไง จู่ๆก่อนขึ้นเวทีครึ่งชั่วโมงฮีซอลก็ดันก่อกบฏให้เขาเปลี่ยนชุดซะอย่างนั้น
จากชุดเจ้าหญิงสมัยวิคตอเรียอันงามสง่าเปลี่ยนเป็นผ้าชีฟองสีขาวสองผืนเอามาพันตัว! อ่านกันไม่ผิดหรอก...ผ้าชีฟองสองผืนจริงๆ ผืนแรกเอามาพันช่วงอกที่เสริมด้วยซิลิโคนนิดหน่อยให้พอนูนๆไม่ขัดลูกตา ส่วนอีกผืนก็มาพันช่วงสะโพกปล่อยให้ยาวลากพื้นแต่ก็ยังอุตส่าห์หาทางให้มันแหวกเปิดให้เห็นโคนขาเขาจนได้!!
ปาร์คจองซูคนนี้ไม่มีวันลืมวินาทีที่ต้องก้าวขึ้นเวทีด้วยชุดเทพธิดากรีก(ฮีซอลมันบอกว่างั้น) ที่แสนจะให้ความรู้โล่งโจ้งจนสึกเหมือนกำลังเดินเปลือยกายต่อหน้าประชาชีทั้งโรงเรียนก็ไม่ปาน!! แล้วที่ทำให้ช็อคกว่านั้น...ไอ้ชุดบ้านั่นดันได้รับการโหวตให้เป็นชุดแต่งกายยอดเยี่ยมเนี่ยสิ
โรงเรียนนี้มันเป็นบ้าอะไรกันไปหมด!!
“ว่าไงนางงาม ส่งรัศมีวิ๊งๆมาแต่ไกลเชียว~” คำทักของฮีซอลดึงอดีตมิสบิวตี้ออกจากภวังค์ฝันร้ายเมื่อปีก่อน อีทึกยิ้มให้น้องชายก่อนจะอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กที่โผเข้ามาหา ปากเล็กๆขยับฟ้องทันทีจนคนเป็นพี่อมยิ้มขำ
“วันนี้พี่อินซองจับผมแว๊กซ์ขนด้วยอ่ะพี่ทึก เจ็บจนน้ำตาไหลพรากๆเลย” คำบอกนั้นทำเอาเจ้าแม่หูผึ่งทันที
“ไหนๆแว๊กซ์ที่ขาหรอ? ขอดูหน่อยสิ” ไม่พูดเปล่า ฮีซอลยังถกขากางเกงน้องขึ้นดูก่อนจะผิวปากหวือ
“เนียนๆแบบนี้ ใส่ชุดโชว์ขาเลยน้องเอ้ย~ เดี๋ยวเจ๊จัดให้!” ไก่น้อยถึงกับตาเหลือกมองซีวอนสลับกับอีทึกให้วุ่นไปหมด
“แหงะ! โชว์อะไร? ผมไม่โชว์อะไรทั้งนั้นแหละ”
“แล้วแกจะแว๊กซ์มาทำเพื่อ...?! ไม่ต้องเถียง เดี๋ยวเจ๊จัดการเอง มีหน้าที่ประกวดก็ประกวดไป” ยื่นคำขาดก่อนจะลุกขึ้นไปคุยกับพนักงานในร้าน ไม่นานนักชุดสวยสองสามชุดก็ถูกยื่นให้ตรงหน้าคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อีทึกได้แต่ตบไหล่ปลอบน้องชายแล้วขอเป็นฝ่ายพาไปเปลี่ยนชุดเอง
“ฮยอกแจจะร้องไห้อยู่แล้วนะครับ” ซีวอนที่เงียบมาตั้งแต่ต้นเอ่ยกับคนที่ยืนกอดอกอยู่กลางร้าน
“ชเวซีวอน ถึงฉันจะขึ้นชื่อเรื่องการแกล้งสุดที่รักของนาย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำไปโดยไม่คิดไตร่ตรองถึงผลที่จะตามมาหรอกนะ” นัยน์ตาสวยดุที่ตวัดมองทำเอาร่างสูงต้องก้มหัวขอโทษ ถึงแม้บางครั้งเขาจะไม่ชอบการกระทำหลายๆอย่างที่แสนจะสุดโต่งของรุ่นพี่คนนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพี่ฮีซอลเองก็เอ็นดูและพร้อมที่จะปกป้องฮยอกแจไม่น้อยไปว่าเขาเลย
“ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ” หลังจากเงียบกันไปนาน ฮีซอลก็เริ่มที่จะเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ค่อยเข้าใจคำถามนั้นนัก
“ครับ?”
“เส้นทางรักของพวกนายทั้งสองคนหน่ะ ไปถึงไหนแล้ว” เมื่อถูกถามขึ้นมาตรงๆก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี...คำถามแบบนี้เขาควรตอบแบบไหนดีนะ?
“มันดีขึ้นหรือแย่ลง?” เมื่อเห็นคิ้วเข้มแทบจะขมวดเป็นปม ฮีซอลจึงเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามให้ง่ายขึ้น
“ดีขึ้นครับ”
“ก็ดีแล้ว...เท่าที่ดูนายก็จริงใจกับน้องฉันดี ถ้าคบกันได้ฉันกับอีทึกก็สบายใจ แต่ปัญหาตอนนี้ก็คงอยู่ที่ฮยอกแจเท่านั้นแหลว่าจะลืมพี่ชายคนจีนนั่นได้เมื่อไหร่...ฉันจะกำจัดหมอนั่นยังไงดีนะ?” ประโยคหลังถึงจะเหมือนอยู่กับตัวเองเบาๆแต่ซีวอนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ร่างสูงแอบสะดุ้งเมื่อนัยน์ตาเรียวตวัดขึ้นมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่กดลึกจนอดเสียวสันหลังไม่ได้
“ไม่ต้องกังวลไปไอ้น้อง...เจ๊อยู่ข้างนายเอง”
“ชุดบ้าอะไรวะเนี่ย...” แทนที่คนบ่นจะเป็นคนที่ถูกบังคับให้ใส่แต่อีทึกกลับเป็นฝ่ายอุทานออกมาเสียเองเมื่อหยิบชุดแต่ละชุดมาพิจารณา
ชุดแรก...ชุดสายเดี่ยวคล้องคอคว้านหลังลึกจนถึงช่วงเอว เนื้อผ้ามันลื่นสีชมพูหวานจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าฮยอกแจใส่ก็คงจะยิ่งขับผิวขาวน้ำนมให้ขาวยิ่งขึ้น แต่ขอโทษเถอะ...น้องฉันเป็นผู้ชายนะเว้ยฮีซอล!
ชุดที่สอง...เป็นชุดเกาะอกผ้าชีฟองสีขาวสะอาดตา ตรงช่วงอกแต่งด้วยผ้าที่เย็บเป็นดอกกุหลาบติดอยู่ไม่ให้ดูโล่งจนเกินไป จะว่าไปชุดนี้มันก็เข้าท่า แต่...ทำไมมันต้องสั้นเต่อมาถึงโคนขาด้วยวะเนี่ย? ให้ฮยอกแจใส่ชุดนี้ได้แต๊บกันวุ่นวายแน่ๆ
แค่สองชุด...
ปาร์คจองซูก็เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลมแทนเจ้าตัวเล็กเอาเสียดื้อๆ
ชุดที่สาม...นี่คงเป็นความปรารถนาส่วนลึกของคิมฮีซอลแน่ๆ ชุดกี่เพ้าสีแดงสดแขนกุดเข้ารูป เท่านั้นไม่พอ...ไอ้รอยแหวกข้างจนถึงสะโพกนี่มันอะไร? แกกะจะให้น้องฉันโชว์ Calvin Klein ด้านข้างทั้งตัวหรือไง?!
“พี่ทึก...ผมไม่เอานะ” ฮยอกแจมองชุดแต่ละชุดที่พี่ชายหยิบขึ้นมาดูแล้วอยากจะร้องไห้น้ำตาท่วมเกาหลีกลายเป็นทะเลซัฟไฟล์บลูเสียให้ได้ ยอมรับปากประกวดให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว จับเขาไปขัดตัวแช่น้ำนมก็อุตส่าห์ไม่บ่นให้รำคาญใจ แล้วทำไมพี่ฮีซอลยังทำร้ายเขาอีก ฮืออออออออออ~
“พี่ก็ไม่ยอมให้เราใส่ไอ้ชุดบ้าพวกนี้หรอก” เอ่ยกับน้องชายก่อนจะหันไปทางประตูห้องลองเสื้อเมื่อมีคนเปิดเข้ามา นางฟ้าคนสวยเตรียมกลายร่างทันทีเมื่อเจอเป้าหมาย
“ชุดสามชุดนี้ฉันไม่อนุมัติ!” ฮีซอลที่รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าจะเจออะไรถ้าเดินเข้ามาในห้องนี้เพียงแค่ยักไหล่กวนๆ มือเรียวคว้าชุดกี่เพ้าจากเพื่อนไปดูแล้วหมุนไปรอบๆห้องลองชุดอย่างอารมณ์ดี
“สวยจะตายไป ไอ้พวกตาไม่ถึง”
“แกจะแกล้งน้องฉันไปถึงไหน?! ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าเวลาที่แต่งตัวด้วยชุดแบบนี้แล้วต้องออกไปยืนต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียนตอนประกวดมันรู้สึกยังไง แต่ฉันรู้! ในเมื่อปีที่แล้วฉันก็เจอสถานการณ์แบบนั้นมาแล้ว ปีนี้ฉันจะไม่ยอมให้ฮยอกแจรู้สึกแบบนั้นเป็นอันขาด!” คนถูกดุถึงกับยกมือขึ้นอุดหูเมื่อเพื่อนรักเท้าแขนร่ายยาวจนนึกรำคาญ ถึงจะดูเหมือนแกล้งไปหน่อย แต่ปีที่แล้วแกก็ชนะการประกวดไม่ใช่หรือไงวะ?
“ใจเย็นสิอีทึก มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกหน่า”
“เดี๋ยวฉันเลือกชุดเอง นายไม่ต้องยุ่งเลย” ว่าแล้วก็เดินหายออกไปจากห้องลองชุด ปล่อยให้ลูกไก่อยู่กับนางมารสองต่อสองโดยไม่ทันระวังตัว ฮีซอลยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันมาเจ้าตัวเล็กที่สะดุ้งโหยงเมื่อกำลังตกเป็นเป้าสายตาที่ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“อ่า...พี่ฮีซอล”
“จะยอมดีๆหรือจะยอมทั้งน้ำตาจ๊ะ?”
TBC.
มาต่อช้าได้อีก...ขอโทษด้วยนะคะ
ถ้าอยากให้ไรท์เตอร์มาต่อเร็วๆ และลงหลายๆเรื่อง
ขอความกรุณาส่งตัวแทนมาช่วยไรท์เตอร์ทำรายงานออกแบบโรงงานที
ตอนนี้โรงงานผลิตก๊าซไฮโดรเจนของไรท์เตอร์กำลังเจ๊งเพราะคำนวณ Mass Balance ไม่ได้ TT^TT
มีใครเรียนวิศวะบ้างม๊ายยยยยยยยยยยยย โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ต้องแก้รายงานไปอีกเท่าไหร่ถึงจะจบปริญญาซักที?
**คลานไปทำจุลพิพนธ์ต่อ...BIOGAS จงเจริญ โฮกกกกกกกกกกกก**
ตอนหน้า...รวมพลเพื่อนไรท์เตอร์ กร๊าซซซซซซซ
ปล.ตอนหน้าคาดว่าน่าจะมาต่อเร็วนะคะ ภายในวันศุกร์นี้แหละมั้ง
ความอยากแกล้งเพื่อนมีสูง =w=
((ยิ่งใกล้จบไรท์เตอร์ยิ่งบ้า))
ร่างสูงละสายตาจากนิตยสารในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างบางคุ้นตาที่เปิดประตูวิ่งเข้ามานั่งข้างหลังเขา มือเรียวดึงแขนเสื้อเขาไว้ราวกับต้องการที่กำบัง ไม่นานนักก็ปรากฏร่างสูงโปร่งที่เดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าออกระอาเล็กน้อย
“น้องฮยอกแจคะ น้องจะวิ่งหนีคุณพี่ออกมาทำไมเนี่ย” ซีวอนได้แต่มองสลับไปมาระหว่างคนตัวเล็กที่เกาะแขนเขาไม่ปล่อยกับอีกคนที่เป็นพนักงานสถาบันเสริมความงามแห่งนี้
“มีอะไรกันหรอ?” หันไปถามลูกไก่ตัวน้อยที่ยังคงหลบอยู่ข้างหลังเขา ฮยอกแจฟ้องทันที
“ก็พี่อินซองจะแว๊กซ์ขนฉันอ่ะ! ฉันไม่แว๊กซ์นะซีวอน! ฉันต้องตามใจฉันด้วย!” พอรู้ถึงสาเหตุร่างสูงก็ถึงกับขำพรืดออกมา นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร
“ไม่ขำเลยนะ ลองโดนบ้างไหม?!” ฟาดไหล่หนาอย่างนึกเคือง คนอุตส่าห์วิ่งหนีออกมาหาที่พึ่งแต่กลับมานั่งหัวเราะซะนี่...มันน่านัก!
“ไม่เจ็บหรอกค่ะน้องฮยอกแจ เพื่อความงามแล้วคนงามอย่างเราต้องทนได้สิคะ” กระเทยสาว(?)เอ่ยหว่านล้อมก่อนจะเดินอ้อมมาคว้าแขนเล็กไว้พลางยิ้มหวาน ไก่น้อยทำหน้าจะร้องไห้เต็มทน คนงามอะไรกัน? เขาไม่อยากเป็นแบบนั้นเลยนะ!
“ซีวอน~” ส่งสายตาอ้อนสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายสุดชีวิต ทำเอาคนถูกอ้อนหนักใจขึ้นมาทันที
“เอ่อ...พี่อินซองครับ”
“คุณซีวอนจะตามใจน้องฮยอกแจไม่ได้นะคะ จะประกวดทั้งทีต้องงามหมดจดทั้งตัวค่ะ และเพื่อไม่ให้ตกมาตรฐานของปริ๊นเซสไทม์คุณพี่ขอนะคะ...กรุณาอย่าห้าม” ถือว่าเคสของฮยอกแจค่อนข้างจะพิเศษ เพราะว่าเป็นเพื่อน(ที่มองยังไงก็น่าจะเป็นคนรัก)ของหลานชายเจ้าของสถาบันเสริมความงามแห่งนี้ อินซองซึ่งเป็นถึงผู้จัดการร้านเลยได้รับหน้าที่ให้ลงมาดูแลด้วยตัวเอง
“ไปกันได้แล้วนะคะน้องฮยอกแจ วันนี้นอกจากแว๊กซ์ขนแล้วคุณน้องจะต้องลงสครับผิวแล้วก็อาบน้ำนมอีกนะคะ ไปเร็วค่ะ” อินซองแจกแจงรายละเอียดในวันนี้ก่อนจะดึงร่างบางให้เดินตามไป ฮยอกแจหันมาค้อนใส่ซีวอนก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายลากไปขัดสีฉวีวรรณแต่โดยดี
“โดนงอนซะแล้ว...” เอ่ยกับตัวเองก่อนจะกลับไปสนใจนิตยสารในมือต่อ เดี๋ยวขากลับค่อยพาไปง้อที่ร้านขนมดีกว่า...อืม แบบนั้นแหละดีแล้ว
ตอนนี้กลายเป็นว่าทุกเสาร์อาทิตย์จะเป็นหน้าที่ของซีวอนที่จะต้องไปรับฮยอกแจมาเข้าคอร์สตามคำสั่งของฮีซอล ส่วนวันธรรมดาช่วงเย็นก็ซ้อมการแสดงไป รู้สึกว่าตอนนี้ศูนย์หน้าคนสำคัญของทีมฟุตบอลจะไม่ต้องไปซ้อมที่สนามแล้ว เพราะฮีซอลยื่นคำขาด
ถ้าฮยอกแจขาวไม่ได้อย่างที่ฉันต้องการ ฉันจะยุบชมรมฟุตบอล!!!
มันก็จริงอยู่ว่ายังไงก็ยุบไม่ได้หรอก แต่คังอินเองก็ขี้เกียจเถียง อาจจะออกแนวรำคาญซะมากกว่าก็เลยไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ประมาณว่าอยากทำอะไรก็ทำไป ก็เลยกลายเป็นว่า...ฮยอกแจไม่ต้องมาซ้อมที่สนามก็ได้ เพราะยังไม่ถึงฤดูกาลแข่งขัน ตอนนี้ตารางของฮยอกแจจึงถูกเปลี่ยนใหม่หมดโดยผู้จัดการชีวิตที่ชื่อคิมฮีซอล
[ R R R ]
“ครับ?” เจ้าของเครื่องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือมากดตอบรับด้วยเสียงสุภาพเมื่อปลายสายขึ้นชื่อชัดเจนว่าเป็นใคร
[ตอนนี้อยู่ที่ปริ๊นเซสไทม์หรือเปล่า?]
“ครับ ตอนนี้ฮยอกแจกำลังเข้าคอร์สอยู่ ส่วนผมรออยู่ที่ห้องรับแขก”
[คิดว่าเสร็จกี่โมง] คนถูกถามยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนจะประเมินเวลาตามที่พี่อินซองเคยบอกไว้
“คงจะเย็นๆล่ะครับพี่ฮีซอล มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
[ฉันจะให้เจ้าลูกเจี๊ยบมาลองชุดที่จะเดินรอบแรกหน่ะ มีอะไรไม่พอดีตรงไหนจะได้แก้ทัน]
“ที่ไหนครับ”
[ร้านแมรี่ยู ถัดไปจากปริ๊นเซสไทม์นิดหน่อย นายน่าจะเคยเห็น]
“พอนึกออกครับ แล้วจะให้ฮยอกแจไปลองกี่โมงครับ” ซีวอนนิ่งคิดตามอยู่ซักพัก...ร้านแมรี่ยูงั้นหรอ...คงจะเป็นร้านเช่าชุดแต่งงานร้านนั้นมั้ง
เอ๊ะ...ร้านเช่าชุดแต่งงาน?
[ซักห้าโมงเย็นทันไหม?]
“คิดว่าทันครับ”
[งั้นห้าโมงเย็นฉันกับอีทึกจะไปรอที่ร้านแล้วกัน เสร็จแล้วก็โทรมาบอกด้วย]
“ครับ”
[อืม...งั้นก็แค่นี้แหละ] เมื่อวางสายจากคนใหญ่คนโต(?)เสร็จก็นั่งอ่านนิตยสารรอคนตัวเล็กที่ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงประตูห้องรับแขกวีไอพีก็เปิดออกพร้อมกับลูกไก่ตัวขาวที่เดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้อง
“เสร็จแล้ว!”
“อ่า...ครับ” รีบลุกขึ้นตามอีกคนที่เดินลิ่วออกไปจากห้อง
“นี่งอนฉันจริงๆหรอ?” เอ่ยถามคนที่เดินออกจากร้านตรงไปที่รถไม่พูดไม่จา ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถามนั้นนอกจากยืนกอดอกรอให้เจ้าของรถเปิดประตูรถให้เขาเข้าไปนั่งเสียที ซึ่งซีวอนก็รีบอัญเชิญเจ้านางตัวน้อยให้เข้าไปนั่งในรถแล้วรีบเดินมาขึ้นทางฝั่งคนขับทันที
“ฮยอกแจ...” เงียบแบบนี้ใจไม่ดีเลยแฮะ โกรธเขาเรื่องแว๊กซ์อะไรนั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรคนตัวเล็กก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบๆ
“เจ็บ...”
“หืม?” คนหล่อเลิกคิ้วสูง เจ็บ?
“โดนแว๊กซ์เจ็บจนชาไปหมดแล้ว! ไอ้บ้า!” โวยวายเสร็จก็นั่งกอดอกอมลมจนแก้มป่อง จนซีวอนอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มนุ่มๆเล่น เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร ฮยอกแจจึงถือโอกาสระบายสิ่งที่เขาเจอในวันนี้ออกมาอย่างเหลืออด
“ฉันไม่น่าหลวมตัวมาลงประกวดนี่เลย ทรมานตัวเองชะมัด นายรู้ไหมซีวอนหลังจากแว๊กซ์ขนเสร็จนะ พี่อินซองก็ลากฉันไปอีกห้องนึง บอกว่าจะขัดผิวให้แล้วก็เอาอะไรหยาบๆมาขัดก็ไม่รู้แสบเป็นบ้าเลย แล้วยังไม่พอเอาฉันลงไปนอนแช่อยู่ในอ่างน้ำนมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงบอกว่าผิวจะได้นุ่ม ฉันไม่ใช่ไก่นมสดที่คุณยายหน้าโรงเรียนเสียบไม้ย่างขายนะ! ดูดิ...กลิ่นนมยังติดอยู่เลย” ยกมือตัวเองขึ้นดมก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายดมบ้างอย่างลืมตัว กว่าจะคิดออกว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไปก็ตอนที่จมูกโด่งกดลงมาที่หลังมือเบาๆ ใบหน้าหวานร้อนวูบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ร่างสูงส่งมาให้หลังจากก้มลงพิสูจน์ความหอมอยู่นาน
“หอมดีออก” คนถูกชมรีบชักมือกลับก่อนจะเสหน้าออกไปมองนอกรถ คนบ้า!...อย่ามาทำส่งสายตาหวานซึ้งแบบนั้นนะ รู้ไหมว่าหน้าฉันมันร้อนจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
“หิวไหม?” ซีวอนมองคนที่เขินจนแทบจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงช่องเล็กๆระหว่างประตูรถกับเบาะนั่งแล้วยิ้มออกมาบางๆ และแน่นอนว่าวิธีคลายอาการเขิน งอน หรือโกรธของฮยอกแจมีเพียงเรื่องเดียว
เรื่องกิน
“หิวมาก!”
“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน เดี๋ยวตอนห้าโมงต้องไปลองชุดกันต่อ” รถคันหรูขับออกจากบริเวณลานจอดรถของร้านเพื่อมุ่งไปยังร้านเบเกอรี่ที่ฮยอกแจชอบ
“ทริปวันนี้ยังไม่หมดอีกหรอ?” ไก่น้อยกอดอกตีหน้ายู่ อุตส่าห์หวังว่ากินขนมเสร็จแล้วจะกลับไปนอนกลิ้งดูหนังที่บ้านซักหน่อย น่าเบื่อจัง...
“พี่ฮีซอลเพิ่งโทรมาเพิ่มตารางงานให้หน่ะ” ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าร้านเบเกอรี่ร้านโปรดของคนน่ารัก
“เฮ่อ...งานเข้าอีกแล้ว” ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวลงจากรถเมื่อร่างสูงเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ หวังว่าเค้กซักสี่ห้าชิ้นคงจะพอเรียกกำลังใจให้ตัวเองได้บ้างล่ะนะ
“เอาจริงๆหรอฮีซอล?” เอ่ยถามเพื่อนที่นั่งไขว่ห้างเปิดดูแคตตาล็อคชุดเจ้าสาวอย่างสบายอารมณ์แล้วอดเป็นห่วงน้องชายตัวเองไม่ได้
อีฮยอกแจได้ช็อคตายก็คราวนี้แหละ
“นายว่าชุดเว้าหลังนี่ดีไหม? โชว์หลังขาวๆเรียกเรตติ้งหน่อยก็ดีนะ” คนสวยถอนใจหน่ายๆ มันไม่เคยคิดจะฟังความเห็นคนอื่นจริงๆใช่ไหมเนี่ย ไอ้คนเผด็จการ!
“ฮยอกแจมันคงกัดลิ้นตายต่อหน้านายนั่นแหละ”
“ซีทรูทั้งตัวก็สวยนะ มีลูกไม้ปิดเฉพาะจุด...เซ็กซี่เป็นบ้า” อะไรนะ? ปิดเฉพาะจุด?!
“อย่านะเว้ย...น้องฉันได้บ้าแทนไอ้ชุดนี้หน่ะสิ”
“เฮ้ยๆ แต่ฉันโคตรถูกใจกี่เพ้าผ่าข้างถึงสะโพกนี่จังเลยว่ะ ยิ่งตัวเล็กๆ ขาวๆ เอวคอดๆอย่างเจ้าลูกเจี๊ยบนี่นะ...ให้คะแนนเต็มสิบเลย!” จะให้ใส่ไปเดินในหอนางโลมของแกหรือไง! ดูมันเลือกแต่ละชุดสิ เขาอยากจะจับคนที่นั่งข้างๆมาหักคอนัก!
“เลือกให้มันดีๆหน่อยสิ นายน่าจะรู้นะว่ายังไงฮยอกแจก็ไม่ใส่ไอ้ที่นายเลือกหรอก”
“ถ้าฉันเลือกมันก็ต้องใส่ ทีตอนนายประกวดยังไม่เห็นบ่นเล๊ย~!” อีทึกหันขวับ ไม่เห็นบ่น? ไม่บ่นงั้นหรอ?! เราสองคนแทบจะตบกันตายหลังเวทีเมื่อปีที่แล้วจำไม่หรือไง จู่ๆก่อนขึ้นเวทีครึ่งชั่วโมงฮีซอลก็ดันก่อกบฏให้เขาเปลี่ยนชุดซะอย่างนั้น
จากชุดเจ้าหญิงสมัยวิคตอเรียอันงามสง่าเปลี่ยนเป็นผ้าชีฟองสีขาวสองผืนเอามาพันตัว! อ่านกันไม่ผิดหรอก...ผ้าชีฟองสองผืนจริงๆ ผืนแรกเอามาพันช่วงอกที่เสริมด้วยซิลิโคนนิดหน่อยให้พอนูนๆไม่ขัดลูกตา ส่วนอีกผืนก็มาพันช่วงสะโพกปล่อยให้ยาวลากพื้นแต่ก็ยังอุตส่าห์หาทางให้มันแหวกเปิดให้เห็นโคนขาเขาจนได้!!
ปาร์คจองซูคนนี้ไม่มีวันลืมวินาทีที่ต้องก้าวขึ้นเวทีด้วยชุดเทพธิดากรีก(ฮีซอลมันบอกว่างั้น) ที่แสนจะให้ความรู้โล่งโจ้งจนสึกเหมือนกำลังเดินเปลือยกายต่อหน้าประชาชีทั้งโรงเรียนก็ไม่ปาน!! แล้วที่ทำให้ช็อคกว่านั้น...ไอ้ชุดบ้านั่นดันได้รับการโหวตให้เป็นชุดแต่งกายยอดเยี่ยมเนี่ยสิ
โรงเรียนนี้มันเป็นบ้าอะไรกันไปหมด!!
“ว่าไงนางงาม ส่งรัศมีวิ๊งๆมาแต่ไกลเชียว~” คำทักของฮีซอลดึงอดีตมิสบิวตี้ออกจากภวังค์ฝันร้ายเมื่อปีก่อน อีทึกยิ้มให้น้องชายก่อนจะอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กที่โผเข้ามาหา ปากเล็กๆขยับฟ้องทันทีจนคนเป็นพี่อมยิ้มขำ
“วันนี้พี่อินซองจับผมแว๊กซ์ขนด้วยอ่ะพี่ทึก เจ็บจนน้ำตาไหลพรากๆเลย” คำบอกนั้นทำเอาเจ้าแม่หูผึ่งทันที
“ไหนๆแว๊กซ์ที่ขาหรอ? ขอดูหน่อยสิ” ไม่พูดเปล่า ฮีซอลยังถกขากางเกงน้องขึ้นดูก่อนจะผิวปากหวือ
“เนียนๆแบบนี้ ใส่ชุดโชว์ขาเลยน้องเอ้ย~ เดี๋ยวเจ๊จัดให้!” ไก่น้อยถึงกับตาเหลือกมองซีวอนสลับกับอีทึกให้วุ่นไปหมด
“แหงะ! โชว์อะไร? ผมไม่โชว์อะไรทั้งนั้นแหละ”
“แล้วแกจะแว๊กซ์มาทำเพื่อ...?! ไม่ต้องเถียง เดี๋ยวเจ๊จัดการเอง มีหน้าที่ประกวดก็ประกวดไป” ยื่นคำขาดก่อนจะลุกขึ้นไปคุยกับพนักงานในร้าน ไม่นานนักชุดสวยสองสามชุดก็ถูกยื่นให้ตรงหน้าคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อีทึกได้แต่ตบไหล่ปลอบน้องชายแล้วขอเป็นฝ่ายพาไปเปลี่ยนชุดเอง
“ฮยอกแจจะร้องไห้อยู่แล้วนะครับ” ซีวอนที่เงียบมาตั้งแต่ต้นเอ่ยกับคนที่ยืนกอดอกอยู่กลางร้าน
“ชเวซีวอน ถึงฉันจะขึ้นชื่อเรื่องการแกล้งสุดที่รักของนาย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำไปโดยไม่คิดไตร่ตรองถึงผลที่จะตามมาหรอกนะ” นัยน์ตาสวยดุที่ตวัดมองทำเอาร่างสูงต้องก้มหัวขอโทษ ถึงแม้บางครั้งเขาจะไม่ชอบการกระทำหลายๆอย่างที่แสนจะสุดโต่งของรุ่นพี่คนนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพี่ฮีซอลเองก็เอ็นดูและพร้อมที่จะปกป้องฮยอกแจไม่น้อยไปว่าเขาเลย
“ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ” หลังจากเงียบกันไปนาน ฮีซอลก็เริ่มที่จะเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ค่อยเข้าใจคำถามนั้นนัก
“ครับ?”
“เส้นทางรักของพวกนายทั้งสองคนหน่ะ ไปถึงไหนแล้ว” เมื่อถูกถามขึ้นมาตรงๆก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี...คำถามแบบนี้เขาควรตอบแบบไหนดีนะ?
“มันดีขึ้นหรือแย่ลง?” เมื่อเห็นคิ้วเข้มแทบจะขมวดเป็นปม ฮีซอลจึงเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามให้ง่ายขึ้น
“ดีขึ้นครับ”
“ก็ดีแล้ว...เท่าที่ดูนายก็จริงใจกับน้องฉันดี ถ้าคบกันได้ฉันกับอีทึกก็สบายใจ แต่ปัญหาตอนนี้ก็คงอยู่ที่ฮยอกแจเท่านั้นแหลว่าจะลืมพี่ชายคนจีนนั่นได้เมื่อไหร่...ฉันจะกำจัดหมอนั่นยังไงดีนะ?” ประโยคหลังถึงจะเหมือนอยู่กับตัวเองเบาๆแต่ซีวอนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ร่างสูงแอบสะดุ้งเมื่อนัยน์ตาเรียวตวัดขึ้นมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่กดลึกจนอดเสียวสันหลังไม่ได้
“ไม่ต้องกังวลไปไอ้น้อง...เจ๊อยู่ข้างนายเอง”
“ชุดบ้าอะไรวะเนี่ย...” แทนที่คนบ่นจะเป็นคนที่ถูกบังคับให้ใส่แต่อีทึกกลับเป็นฝ่ายอุทานออกมาเสียเองเมื่อหยิบชุดแต่ละชุดมาพิจารณา
ชุดแรก...ชุดสายเดี่ยวคล้องคอคว้านหลังลึกจนถึงช่วงเอว เนื้อผ้ามันลื่นสีชมพูหวานจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าฮยอกแจใส่ก็คงจะยิ่งขับผิวขาวน้ำนมให้ขาวยิ่งขึ้น แต่ขอโทษเถอะ...น้องฉันเป็นผู้ชายนะเว้ยฮีซอล!
ชุดที่สอง...เป็นชุดเกาะอกผ้าชีฟองสีขาวสะอาดตา ตรงช่วงอกแต่งด้วยผ้าที่เย็บเป็นดอกกุหลาบติดอยู่ไม่ให้ดูโล่งจนเกินไป จะว่าไปชุดนี้มันก็เข้าท่า แต่...ทำไมมันต้องสั้นเต่อมาถึงโคนขาด้วยวะเนี่ย? ให้ฮยอกแจใส่ชุดนี้ได้แต๊บกันวุ่นวายแน่ๆ
แค่สองชุด...
ปาร์คจองซูก็เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลมแทนเจ้าตัวเล็กเอาเสียดื้อๆ
ชุดที่สาม...นี่คงเป็นความปรารถนาส่วนลึกของคิมฮีซอลแน่ๆ ชุดกี่เพ้าสีแดงสดแขนกุดเข้ารูป เท่านั้นไม่พอ...ไอ้รอยแหวกข้างจนถึงสะโพกนี่มันอะไร? แกกะจะให้น้องฉันโชว์ Calvin Klein ด้านข้างทั้งตัวหรือไง?!
“พี่ทึก...ผมไม่เอานะ” ฮยอกแจมองชุดแต่ละชุดที่พี่ชายหยิบขึ้นมาดูแล้วอยากจะร้องไห้น้ำตาท่วมเกาหลีกลายเป็นทะเลซัฟไฟล์บลูเสียให้ได้ ยอมรับปากประกวดให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว จับเขาไปขัดตัวแช่น้ำนมก็อุตส่าห์ไม่บ่นให้รำคาญใจ แล้วทำไมพี่ฮีซอลยังทำร้ายเขาอีก ฮืออออออออออ~
“พี่ก็ไม่ยอมให้เราใส่ไอ้ชุดบ้าพวกนี้หรอก” เอ่ยกับน้องชายก่อนจะหันไปทางประตูห้องลองเสื้อเมื่อมีคนเปิดเข้ามา นางฟ้าคนสวยเตรียมกลายร่างทันทีเมื่อเจอเป้าหมาย
“ชุดสามชุดนี้ฉันไม่อนุมัติ!” ฮีซอลที่รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าจะเจออะไรถ้าเดินเข้ามาในห้องนี้เพียงแค่ยักไหล่กวนๆ มือเรียวคว้าชุดกี่เพ้าจากเพื่อนไปดูแล้วหมุนไปรอบๆห้องลองชุดอย่างอารมณ์ดี
“สวยจะตายไป ไอ้พวกตาไม่ถึง”
“แกจะแกล้งน้องฉันไปถึงไหน?! ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าเวลาที่แต่งตัวด้วยชุดแบบนี้แล้วต้องออกไปยืนต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียนตอนประกวดมันรู้สึกยังไง แต่ฉันรู้! ในเมื่อปีที่แล้วฉันก็เจอสถานการณ์แบบนั้นมาแล้ว ปีนี้ฉันจะไม่ยอมให้ฮยอกแจรู้สึกแบบนั้นเป็นอันขาด!” คนถูกดุถึงกับยกมือขึ้นอุดหูเมื่อเพื่อนรักเท้าแขนร่ายยาวจนนึกรำคาญ ถึงจะดูเหมือนแกล้งไปหน่อย แต่ปีที่แล้วแกก็ชนะการประกวดไม่ใช่หรือไงวะ?
“ใจเย็นสิอีทึก มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกหน่า”
“เดี๋ยวฉันเลือกชุดเอง นายไม่ต้องยุ่งเลย” ว่าแล้วก็เดินหายออกไปจากห้องลองชุด ปล่อยให้ลูกไก่อยู่กับนางมารสองต่อสองโดยไม่ทันระวังตัว ฮีซอลยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันมาเจ้าตัวเล็กที่สะดุ้งโหยงเมื่อกำลังตกเป็นเป้าสายตาที่ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“อ่า...พี่ฮีซอล”
“จะยอมดีๆหรือจะยอมทั้งน้ำตาจ๊ะ?”
TBC.
มาต่อช้าได้อีก...ขอโทษด้วยนะคะ
ถ้าอยากให้ไรท์เตอร์มาต่อเร็วๆ และลงหลายๆเรื่อง
ขอความกรุณาส่งตัวแทนมาช่วยไรท์เตอร์ทำรายงานออกแบบโรงงานที
ตอนนี้โรงงานผลิตก๊าซไฮโดรเจนของไรท์เตอร์กำลังเจ๊งเพราะคำนวณ Mass Balance ไม่ได้ TT^TT
มีใครเรียนวิศวะบ้างม๊ายยยยยยยยยยยยย โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ต้องแก้รายงานไปอีกเท่าไหร่ถึงจะจบปริญญาซักที?
**คลานไปทำจุลพิพนธ์ต่อ...BIOGAS จงเจริญ โฮกกกกกกกกกกกก**
ตอนหน้า...รวมพลเพื่อนไรท์เตอร์ กร๊าซซซซซซซ
ปล.ตอนหน้าคาดว่าน่าจะมาต่อเร็วนะคะ ภายในวันศุกร์นี้แหละมั้ง
ความอยากแกล้งเพื่อนมีสูง =w=
((ยิ่งใกล้จบไรท์เตอร์ยิ่งบ้า))
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น