คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : What's the hell happend!! # 6
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเขาอีกแล้วเนี่ย?
มีใครพอจะอธิบายได้บ้างไหม?
ภาพของศูนย์หน้าคนสำคัญของทีมกำลังถอนใจซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้สมาชิกในชมรมหลายคนเริ่มหันมาสนใจแต่ก็ยังไม่มีกล้าออกปากถาม ก็แหม...ตอนแม่คุณของขึ้นมันน่าอภิรมย์กันที่ไหนล่ะครับ ตัวแม่พอๆกับคิมฮีซอลนั่นแหละ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เคยรู้ตัวเท่าไหร่นักหรอกนะ
สุดท้ายสายตาหลายสิบคู่ก็ถูกส่งไปหาชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่นั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเยซองถึงกับสะดุ้ง ไอ้พวกบ้านี่จะจ้องเขาหาพระแสงด้ามสั้นด้ามยาวไปทำไมวะ? แต่เมื่อหลายคนเริ่มบุ้ยปากไปอีกทางก็พอจะเริ่มเข้าใจ หาหน่วยกล้าตายสอดเรื่องชาวบ้านอีกแล้วล่ะสิ ใครว่าผู้ชายไม่สอดรู้สอดเห็นนะ? เขาว่ามันก็พอๆกับพวกผู้หญิงนั่นแหละ
“เป็นอะไรหรือเปล่าไม่ร่าเริงเลยไอ้ตัวเล็ก” ลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆรุ่นน้องคนสนิทเมื่อทนไม่ได้กับสายตาอ้อนวอนของพวกที่เหลือ น่าขนลุกชะมัด
“ผมว่ามันจะต้องมีเรื่องซวยครั้งมโหฬารวิ่งใส่ผมอีกแน่เลยพี่เยซอง” ถอนใจอีกเฮือกใหญ่จนคนเป็นพี่เลิกคิ้วสูง
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ตาซ้ายผมกระตุกมาหลายวันแล้ว” ร่างสูงถึงกับขำพรืดออกมา ก็เพราะไอ้ความคิดน่ารักๆนี่ไงเล่า ไอ้พวกนั้นถึงเป็นห่วงกันนักหนา ดูแลกันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าของชมรม ก็แค่ตัวขาวๆ บางๆ ปากแดงๆ ชอบทำหน้าซื่อๆแถมยังอ้อนเก่งเป็นที่หนึ่งเท่านั้นเอง...เท่านั้นเองจริงๆ
ยอมรับล่ะว่าเขาก็เป็นอีกคนที่เป็นพวกหวงน้อง นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นชเวซีวอน (ที่ฮยอกแจอุตส่าห์ไปตะโกนสารภาพรักเขาก่อนอีกต่างหาก) ล่ะก็...กว่าจะมีชีวิตผ่านมาทำตัวกะลิ้มกะเหลี่ยใส่เจ้าตัวขาวนี้ได้ก็คงต้องผ่านหลายด่านอยู่ ซึ่ง...ฮยอกแจไม่มีวันรู้เรื่องนี้หรอก นอกจากพวกผู้ชายที่มันคิดจะมาจีบคนก่อนๆเท่านั้นแหละที่ได้สัมผัสอารมณ์หวงน้องจนต้องล่าถอยไปจากเหล่าชายฉกรรจ์สมาชิกชมรมฟุตบอลร่วมยี่สิบชีวิต!
และนั่นทำให้ที่ผ่านมาฮยอกแจมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองไม่ได้เป็นที่ดึงดูดกับเพศเดียวกันเลยซักนิด จึงตั้งหน้าตั้งตาขายขนมจีบสาวๆต่อไปอย่างเริงร่า ซึ่ง...(ขออีกซักซึ่งแล้วกัน)...ฮยอกแจก็ไม่เคยจะรู้เลยว่าแม่สาวที่ยอมให้ขายขนมจีบพวกนั้นเขาเอ็นดูตัวเองไม่ต่างจากเพื่อนสาวเลยซักนิด! ช่างเป็นเด็กที่ตามใครเขาไม่ค่อยจะทันเลยจริงๆ
ถึงว่า...ได้ข่าวช่วงนี้ไปขลุกห้องประธานเพราะบรรดาสาวๆเลือดวายกับซีวอนแท็คทีมกันสร้างคลังขนมหวานเอาไว้ ไอ้น้องเราก็ลัลล๊าเหลือเกิน วิ่งขึ้นไปติดกับได้ทุกวัน แล้วก็มาโวยวายให้เหล่าพี่ๆเส้นเลือดข้างสมองเต้นกันตุบๆว่าถูกซีวอนแกล้งอย่างนั้นอย่างนี้
ขอโทษทีเถอะ...เท่าที่ฟังมามันไม่ได้แกล้ง แต่มันลวนลามเว้ย!
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ตบไหล่น้องชายเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือน...แต่ก็รู้สึกเหมือนกันว่าน่าจะมีเรื่องอะไรซักอย่างเกิดขึ้น ลางสังหรณ์ของเขาโคตรจะแม่นเลยนะขอบอก
“แต่มันเหมือนจะเริ่มมีแล้วล่ะพี่เยซอง” ฮยอกแจเอ่ยพลางยื่นเสื้อแขนยาวเนื้อหนานุ่มให้พี่ชายดูก่อนจะถอนใจอย่างจนปัญญา ซึ่งแน่นอนว่า...เยซองไม่เก็ทอะไรเลย
“ก็แค่เสื้อแขนยาว ทำไมหรอ?”
“พี่ฮีซอลบังคับให้ผมใส่เป็นซับในออกไปเตะฟุตบอล” คนฟังถึงกับตาโต
“ร้อนตายห่า
”
“แล้วยังมีอีกนะ” หันไปหยิบกระเป๋าใบย่อมมาวางบนตักแล้วเปิดให้พี่ชายดูบรรดาเครื่องสำอางมากมายที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ
“ครีมกันแดดตั้งแต่ SPF 15 ยัน SPF 50 แถมยังมีทั้งแบบก่อนออกแดด ระหว่างออกแดด และหลังออกแดด ยังไม่พอนะพี่...มีแยกเป็นแบบใช้กับหน้าแล้วก็ตัวด้วยนะ” กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเยซองที่นั่งฟังอยู่ เหล่าบรรดาพี่ชายและเพื่อนๆในชมรมก็ต่างมายืนล้อมดูอย่างสนอกสนใจเช่นเดียวกัน
“ให้มาเยอะขนาดนี้ไม่ให้หมวกไหมพรมแบบคลุมทั้งหัวมาด้วยล่ะ?” คยูฮยอนถามด้วยน้ำเสียงติดตลก ซึ่งฮยอกแจก็เพียงแค่เค้นยิ้มแล้วหยิบของที่ว่าออกมาจากกระเป๋าที่พี่ฮีซอลยัดใส่มือเขาและสั่งว่าต้องใช้ทุกอย่างที่ให้
“อย่านึกว่าไม่มีนะคยูฮยอน” มาถึงตรงนี้เหล่าสมาชิกชมรมฟุตบอลต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่คำถามเดียวที่ดูเหมือนจะคิดตรงกันก็คือ...คิมฮีซอลกำลังคิดจะทำอะไร?
“นี่กะว่าไม่ให้โดนแดดเลยหรอวะ? กลัวฮยอกแจดำขนาดนั้นเลย?”
“จะดำเท่าไหร่กันเชียว ขนาดวิ่งตากแดดอยู่ทุกวันไอ้ลูกเจี๊ยบนี่ก็แทบจะเรืองแสงในที่มืดได้อยู่แล้ว”
“ทำเป็นเข้าคอร์สนางงามไปได้”
“เออ...จะจับประกวดมิสบิวตี้ปีนี้หรือเปล่า? ปีที่แล้วพี่อีทึกก็ถูกจับลงเหมือนกันนี่”
“นั่นสิ...ช่วงนี้ช่วงรับสมัครอยู่นี่หว่า เงินรางวัลปีนี้หลายแสนวอนเลยนะเว้ย ถ้าได้มานะ...ลาภปากชมรมเราเลยล่ะ”
“พอเลยพวกพี่หน่ะ จะเดาอะไรก็ให้มันเข้าเรื่องหน่อยสิ” ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนจะพากันออกปากอ่าวไปเรื่อยๆ หลงประเด็นกันไปหมดแล้วเนี่ย ประกวดบ้าบออะไร ให้ตายก็ไม่ยอมหรอก!
“แล้วถ้าต้องลงประกวดจริงๆล่ะ?” ทุกคนต่างหันไปมอง ณ จุดๆเดียวกัน คนมาใหม่เพียงแค่ยิ้ม...ยิ้มที่ใครๆก็รู้ในทันทีว่า
ไอ้เรื่องที่พูดเมื่อกี้นี้หน่ะ...ฟันธง!
“เฮ้ย!!!!!!!!” เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ (และที่บอบบางอยู่หนึ่งคน) ต่างร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกัน ฮยอกแจส่ายหัวยิก ไม่ๆๆๆๆๆ พี่คังอินต้องอำเขาอยู่แน่ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมือหนาลูบผมเขาเบาๆ แววตาสำนึกผิดกับประโยคที่หลุดออกมาจากปากคนเป็นพี่เขยช่างเป็นประโยคที่ผ่ากะโหลกของเขาออกเป็นสองซีกภายในชั่วพรึบตา
“ขอโทษนะฮยอกแจ พี่กับจองซูพยายามช่วยเราอย่างถึงที่สุดแล้ว”
“ฉันไม่ประกวด! ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ” หากใครได้เดินผ่านห้องของชมรมคหกรรมก็ต้องเป็นอันสะดุ้งเพราะร่างบางที่นั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะทำขนมส่งเสียงโวยวายด้วยประโยคเดิมๆมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว
“แล้วทำไมไม่ไปบอกพี่ฮีซอลล่ะ มาโวยวายให้ฉันกับซองมินฟังทำไม” ทงเฮที่กำลังนั่งเท้าคางมองเพื่อนกระต่ายที่ทำขนมอยู่อีกโต๊ะหนึ่งอย่างสนอกสนใจหันมาถามเสียงเนือยๆ โวยวายไปก็เท่านั้นแหละเจ้าไก่ ถ้าเจ๊เขาอยากจะเล่นกับแก แกก็ต้องเป็นของเล่นให้เจ๊เขาโดยไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว
“นี่พวกนายไม่คิดจะช่วยฉันเลยหรอ? ฉันเป็นเพื่อนพวกนายนะเว้ย! เพื่อนเดือดร้อนหน่ะ เห็นไหมว่าเพื่อนกำลังเดือนร้อน!” ฟาดหัวฟาดหางอีกรอบก่อนจะหงายหลังลงไปนอนดิ้นๆอย่างขัดใจอยู่บนโต๊ะทำขนม ทงเฮกับซองมินได้แต่มองหน้ากันแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
“แล้วพวกฉันเคยช่วยได้ไหมล่ะ?”
“ไม่เคยเลย”
“เออ! รู้ทั้งรู้แล้วจะมาง๊องแง๊งใส่ทำไมวะ แฟนตัวเองก็เป็นถึงประธานนักเรียน อำนาจการต่อรองก็มีสูงกว่า ทำไมไม่ให้ซีวอนช่วยล่ะ โอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าพวกฉันอีก” คนฟังถึงกับหยุดดิ้นก่อนจะนอนคิดตาม เออ...มันก็จริงแฮะ ทำไมเขาไม่ได้นึกถึงซีวอนเลยนะ? ว่าแล้วก็ลุกพรวดกระโดดลงจากโต๊ะเตรียมวิ่งออกไป แต่ก็ชะงักเท้าทันเมื่อซองมินตะโกนเรียกไว้ก่อน
“ฝากขนมไปให้ซีวอนทานด้วยสิไหนๆก็จะไปหาแล้ว” เดินไปหยิบกล่องขนมที่ทำเตรียมไว้สำหรับเพื่อนๆส่งให้ไก่น้อยที่ยืนรออยู่ เวลาที่ซองมินคิดค้นขนมสูตรใหม่ๆก็จะมีการแจกจ่ายอย่างทั่วถึงแบบนี้ประจำ อีกสองสามกล่องที่วางอยู่นั่นก็คงเป็นของพี่อีทึก พี่คังอิน แล้วก็พี่ฮีซอลล่ะมั้ง
“อือ...ขอบใจนะ” ยิ้มให้เพื่อนก่อนจะวิ่งปรื๋อหายไป สองสหายปลากระต่ายต่างมองไปที่ประตูชมรมแล้วถอนใจกันออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย
“ดูฮยอกแจมีความสุขดีนะ” อยู่ๆทงเฮก็เปรยออก คนฟังเพียงแค่ขานรับในลำคอ
“อืม...”
“คิดอะไรอยู่หรอซองมิน?”
“แค่คิดว่า...ถ้าฉันมีเวทมนต์หรือขอพรอะไรได้ซักข้อ”
“แล้ว?...”
“ฉันจะขอให้พี่ชายคนจีนคนนั้นหายไปจากชีวิตของฮยอกแจ อย่าหาว่าฉันเห็นแก่ตัวเลยนะทงเฮ แต่เราก็เห็นกันอยู่ว่าซีวอนรักและพร้อมจะดูแลฮยอกแจขนาดไหน ไอ้เพื่อนเราถึงจะปากแข็ง แต่มองดีๆก็จะรู้ว่าให้ใจเขาไปกว่าครึ่งแล้ว ฮยอกแจยึดติดกับคำสัญญานั่นเกินไป” เอ่ยอย่างหนักใจเมื่อลองคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
“หายไปตั้งห้าปีแล้ว ตายไปกับแผ่นดินไหวเมื่อปีที่แล้วหรือยังเถอะ”
“ปากเสียหน่าทงเฮ” ตงตายอะไร...อัปมงคลชะมัด
“อ้าว? แล้วทีเมื่อกี้ใครกันนะที่อยากขอพรให้เขาหายไป” คนถูกย้อนแทบอยากจะร่อนถาดคุกกี้ใส่หน้าคนปากดี แต่ก็ทำได้แค่ระงับอารมณ์ไว้ ก็เมื่อกี้เขาก็คิดแบบนั้นจริงๆนี่นา
“ปากแบบนี้ล่ะนะ ถึงยังไม่มีแฟนกับเขาซักที”
“ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจนี่หว่า” บ่นงุบงิบอยู่คนเดียวเมื่อถูกแทงใจดำเต็มๆ ตอนนี้ในบรรดาสามสหายตระกูลอี เหลือเขาเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้มีคนรู้ใจกับเขาเลย มันก็โอเคแหละที่มีอิสระจะทำอะไรก็ได้ แต่บางครั้งพอเห็นคนเดินกันเป็นคู่ๆมันก็เหงาเหมือนกันนะ
“เจอแล้วแต่ไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแล้วว่าเจอแต่ทำเป็นไม่สนใจ?” ปลาน้อยเงยหน้ามองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นว่าในมือเพื่อนกำลังถืออะไรแกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าเขา
“เฮ้ย! เอามานะซองมิน” ตะครุบมือเพื่อนเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะดึงรูปออกมานั่งมองแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว ซองมินได้แต่ยืนขำท่าทางของเพื่อน ดูทำเข้าสิ!
“ตามหาได้แล้วมั้งว่าใครส่งรูปมา คิดจะจีบกันเงียบๆแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่มีบุคคลปริศนาส่งรูปที่ออกแนวแอบถ่ายมาให้ วันไหนทงเฮทำหน้าเครียดก็จะมีข้อความให้กำลังใจแถมมาด้วย วันไหนหัวเราะจนอ้าปากกว้างก็จะมีคำแซวแถมมาให้อมยิ้มเล่น เรียกได้ว่าทงเฮจะได้รูปแอบถ่ายของตัวเองทุกวัน เออ...เขาจีบกันแปลกดี และที่แปลกว่านั้นดูเหมือนเพื่อนของเขาจะถูกอกถูกใจเสียด้วยสิ
“ทงเฮ...ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรอ?”
“ก็ไม่จำเป็นต้องตอบนี่นา” เออ! ถ้าเขาเปิดเผยตัวออกมาแล้วตัวดำแก้มบวม ฉันจะขำให้!
ซีวอนละสายตาออกจากแฟ้มกิจกรรมชมรมตรงหน้ามาจับจ้องที่ผู้มาใหม่ รอยยิ้มที่เตรียมไว้ถูกเปลี่ยนไปสามร้อยหกสิบองศาเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเดินเข้ามาเต็มตา คิบอมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ท่านรองอุตส่าห์มาหาทั้งที ท่านประธานช่วยดีใจหน่อยได้ไหมครับ?”
“มีอะไรก็ว่ามา” เอ่ยออกมาทั้งที่ไม่เงยหน้ามองคู่สนทนาซักนิด และนั่นยิ่งทำให้คิบอมอารมณ์ดีกว่าเดิม ไอ้เรื่องแกล้งคนคิดถึงแฟนเนี่ย...ของชอบ
“โหย...อะไรกันวะ อุตส่าห์รีบคาบข่าวร้อนๆจากชมรมหนังสือพิมพ์มาบอกเลยนะเว้ย เห็นไหมว่าฉันเป็นเพื่อนดีเด่นขนาดไหน” เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้อีกหนึ่งที
“ข่าวอะไร?”
“ฮยอกแจจะลงประกวดมิสบิวตี้คอนเทสต์ประจำปีนี้”
“อะไรนะ!” เสียงนั่นทำเอาคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาใหม่ถึงกับสะดุ้ง ซีวอนหันหน้ามามองก่อนจะเดินตรงมาหาทำเอาฮยอกแจรีบถอยออกอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! ขอโทษ! ฉันไม่รู้ว่านายมีประชุมอยู่ ทีหลังก็หัดแขวนป้ายห้ามเข้าไว้หน้าห้องบ้างสิ จะได้ไม่ทะเล่อทะล่าเข้ามา” คนตัวเล็กก้มหน้าหลับตาปี๋ยกกล่องขนมมาบังหน้าไว้อย่างตกใจ
“จะขอโทษทำไม?” คว้าเอวบางไว้ก่อนจะออกแรงดันให้เข้ามาในห้อง คิบอมส่งยิ้มให้แล้วขยับปากบอกให้คลายกังวลว่าไม่มีอะไรหรอก
“อ้าว? ก็เห็นเดินตรงมาทำหน้าเหมือนจะงับหัวฉันซะอย่างนั้น เป็นใครก็คิดว่ากำลังโมโหแหละ” เดินเอากล่องขนมไปวางไว้ที่โต๊ะตรงมุมห้องก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟารับแขก
“คิบอมบอกว่านายจะลงประกวดมิสบิวตี้?” มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบตุ๊กตาไก่มากอดชะงักกึก ฮยอกแจทำหน้าเหมือนนึกได้ก่อนจะรีบลุกมาหามาร่างสูงที่ยืนกอดอกมองอยู่
“เรื่องนี้แหละที่จะขอให้นายช่วย”
“ช่วยอะไร?”
“งัดข้อกับพี่ฮีซอลให้ที”
“ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะ” เสียงเรียบๆเอ่ยขึ้นทันทีที่ฟังเรื่องทุกอย่างจบ ฮยอกแจรีบก้มหน้าเมื่อนัยน์ตาเรียวตวัดมองเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย
“แต่ผมว่า...” เรื่องที่จะให้ฮยอกแจไปแต่งหญิงยังไงเขาก็ไม่เห็นด้วยนักหรอกนะ ไม่ใช่ว่ากลัวออกมาไม่ดูดี แต่เท่าที่ประเมินออกมา...มันดูดีเกินไป เอาง่ายๆชัดๆ เขาหวง...จบ!
“ชเว ซีวอน” น้ำเสียงนิ่งเรียบเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นสบดวงตานางพญานั่น...นี่เขากำลังท้าทายอำนาจของคิม ฮีซอลอยู่ใช่ไหม?
“ครับ”
“ฉันรู้ว่านายเป็นประธานนักเรียนคนปัจจุบัน แต่นายจะได้อำนาจนั้นเต็มก็ต่อเมื่ออีทึกซึ่งเป็นประธานนักเรียนและฉันซึ่งเป็นรองประธานนักเรียนได้จบการศึกษาจากที่นี่แล้วเท่านั้น อย่าเพิ่งรีบเร่งมาท้าชนกับพวกฉัน ถ้านายไม่อยากเจอของจริง!” อีทึกที่นั่งฟังอยู่ข้างๆถึงกับกรอกตาอย่างเซ็งๆ ตกลงนายเป็นรองประธานนักเรียนหรือหัวหน้าแก๊งมาเฟียกันแน่นะ? นี่ยังอุตส่าห์ดึงตำแหน่งเขาไปพูด ทั้งที่ความจริงประธานนักเรียนอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะอยู่ในสายตาท่านรองอย่างหมอนั่นนักหรอก เฮ้อ~ เขาล่ะกลุ้ม
“ขอโทษครับพี่ฮีซอล ผมไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น ที่ผมมาพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ในฐานะที่ผมเป็นประธานนักเรียน แต่ผมมาพูดในฐานะที่ผมเป็น...” อยากจะบอกว่าเป็นคนรักใจจะขาด แต่ก็ติดอยู่ที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆเท่านั้น ถ้าเขาพูดออกไปฮยอกแจจะแสดงอารมณ์แบบไหนกันนะ?
“เป็นคนรักกันเมื่อไหร่ค่อยมาพูด”
“ฮีซอล!” อีทึกรีบกระทุ้งซอกใส่เพื่อนเป็นการเตือน ปากไวเกินไปแล้วนะแก
“ทำไม? ก็แค่พูดเรื่องจริง เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดที่จะมาพูดกับฉัน” ส่งสายตาตอบโต้เพื่อนเป็นเชิงว่าเงียบปากไป เดี๋ยวจัดการเอง!
“....แต่.......” กำลังจะเอ่ยปากแต่ก็ต้องเงียบเมื่อถูกฮยอกแจแตะเบาๆที่ไหล่เป็นเชิงให้หยุด
“ผมกับซีวอนเราคุยกันแล้ว ตอนนี้เรากำลังดูๆกันอยู่ ถึงจะไม่ได้เรียกว่าอยู่ในฐานะคนรัก แต่ผมก็คิดว่าความหมายมันคงไม่ต่างจากนั้นซักเท่าไหร่” ซีวอนหันมองคนข้างๆที่เลื่อนมือมากุมมือเขาไว้ อยากจะส่งความรู้สึกมากมายผ่านสายตาแต่คนตัวเล็กกลับไม่หันมามองเขาแม้แต่น้อย
“จะดูกันไปถึงเมื่อไหร่?” เอาอีกแล้วคิม ฮีซอล นายจะโหมเพลิงให้มันวินาศไปเพื่อ...?! อีทึกมองเพื่อนแล้วได้แต่ถอนใจปลงๆ บรรยากาศในห้องชักเริ่มอึดอัดจนเขาอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกชะมัด
“พี่ก็น่าจะรู้ว่าถึงเมื่อไหร่” กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่ทอดถอนใจกลับเป็นฮีซอลเสียเอง ในเมื่อต้อนเสียขนาดนี้แต่ผลที่ได้ไม่เป็นที่พึงพอใจเท่าไหร่เขาจึงเลือกที่จะหยุด ร่างโปร่งของนางพญาประจำโรงเรียนลุกขึ้นไปที่โต๊ะก่อนจะหยิบซองเอกสารมายื่นให้ซีวอนที่รับมาอย่างไม่เข้าใจนัก
“คอร์สความงามสำหรับฮยอกแจ ฉันยกหน้าที่ให้นายพาเจ้าลูกเจี๊ยบนี่ไปก็แล้วกัน” เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังคงนิ่งเขาจึงเลือกที่จะงัดไม้ตายออกมา ไม่ทำให้มันรู้ไปสิวะ
“จะไม่ทำก็ได้นะ ตัวเลือกฉันเยอะ”
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” เปิดซองหยิบเอกสารขึ้นมาดู ร่างสูงไล่ดูบรรดาสถาบันความงามแล้วสะดุดกับที่ที่หนึ่ง เขาจึงเลือกโบชัวร์ใบนั้นยื่นให้ฮีซอลที่ยืนรออยู่
“ซีวอน!” ฉันให้นายมาช่วยฉันนะเว้ย! ดันไปรับปากเจ๊แกซะอย่างนั้น
“มันก็ดีกว่าให้นายไปกับใครก็ไม่รู้นี่ ในเมื่อยกเลิกไม่ได้ฉันจะคอยอยู่ข้างๆนายนี่แหละ” บอกกับคนตัวเล็กที่เริ่มออกอาการงอแงอีกรอบ ก่อนจะเงยหน้ารอฟังคำตอบจากจนที่ยืนอ่านรายละเอียดโบชัวร์ในมืออยู่
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ตาถึงดีนี่...ระดับแนวหน้าเลยนะ” ปริ๊นเซสไทม์ สถาบันเสริมความงามในระดับแนวหน้าของเกาหลี แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงตามไปด้วย หมอนี่กำลังคิดจะทำอะไรนะ? คิดจะให้คิมฮีซอลถอยเพียงเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ย? ตลก!
“ครับ ความเป็นส่วนตัวสูง บริการดี เชื่อถือได้ และที่สำคัญเป็นร้านของอาผมเอง” อ้อ...มันมีที่มานี่เอง ว่าแล้วก็เข้าแผนโป๊ะเชะ
“ฟรี?”
“ถ้าพี่ฮีซอลให้ฮยอกแจไปร้านนี้ ผมจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง” ฮีซอลถึงกับร้องโอ้...ช่างเป็นพ่อบุญทุ่มเหลือหลาย ท่าจะรักจริงหวังแต่งนะเนี่ย
ก็เลยเป็นอันตกลงกันว่าเรื่องคอร์สเสริมความงาม อาบน้ำแร่ แช่น้ำนมก็ยกให้ซีวอนจัดการไป เมื่อตกลงทุกอย่างเสร็จเจ้าลูกเจี๊ยบที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับมาตลอดงานก็ลุกพรวดออกไปจากห้องโดยมีซีวอนลุกตามไป อีทึกถอนใจเฮือกใหญ่กำลังจะลุกไปหาหนังสือมาอ่านแก้เครียดแต่ก็ถูกเพื่อนตัวดีขัดจังหวะเสียก่อน
“ก็ดูรักใคร่กันดีนะ” ชะโงกหน้าออกไปดูความเคลื่อนไหวทางปีกซ้ายซึ่งเห็นฮยอกแจกำลังโวยวายใส่ซีวอนอยู่ คนเป็นพี่ยิ้มได้ครู่เดียวก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าตัวเล็กถูกช้อนขึ้นอุ้มเข้าไปในห้องประธานผิดประตูเงียบ...จบการเคลื่อนไหว
“เกือบล่มไม่เป็นท่าก็เพราะนายเมื่อกี้นี่แหละ” เรื่องปากหาเรื่องหน่ะขอให้บอก เขาล่ะเหนื่อย...ไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนมาหนีบปากเพื่อนตัวแสบนี่ดี
“..............” เมื่อไม่มีเสียงโต้เถียงกลับมาอีทึกจึงเงยหน้าหันไปมองเพื่อนที่ยังคงยืนอยู่ที่ประตู ดูอะไรของมันนะ?
“ส่องใครอยู่?” คนถูกถามไม่มีที่ท่าว่าจะตอบแต่กลับเปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น
“นี่...อีทึก” น้ำเสียงจริงจังที่นานๆจะมีซักทีของเพื่อนทำให้อีทึกไม่คิดที่จะแหย่เล่น
“อะไร?”
“พี่ชายคนจีนนั่นจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้สิ”
“ถ้าเขากลับมา...นายรีบบอกฉันเลยนะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำบอกนั้น อะไร? จะไปทำความรู้จักกับเขาหรือไง
“ทำไมล่ะ?”
“ฉันจะฆ่ามัน”
TBC.
พี่ชายคนจีนน่าสงสารจังเลยน๊า~
ตอนหน้าเจอกัน! แค่คิดภาพไรท์เตอร์ก็กรี๊ดจนจะไม่มีเสียงอยู่แล้ว คิกๆ
ความคิดเห็น