ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] What's the hell happened!! [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #6 : What's the hell happend!! # 6

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 52





    นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเขาอีกแล้วเนี่ย?


    มีใครพอจะอธิบายได้บ้างไหม?





    ภาพของศูนย์หน้าคนสำคัญของทีมกำลังถอนใจซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้สมาชิกในชมรมหลายคนเริ่มหันมาสนใจแต่ก็ยังไม่มีกล้าออกปากถาม ก็แหม...ตอนแม่คุณของขึ้นมันน่าอภิรมย์กันที่ไหนล่ะครับ ตัวแม่พอๆกับคิมฮีซอลนั่นแหละ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เคยรู้ตัวเท่าไหร่นักหรอกนะ

    สุดท้ายสายตาหลายสิบคู่ก็ถูกส่งไปหาชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่นั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเยซองถึงกับสะดุ้ง ไอ้พวกบ้านี่จะจ้องเขาหาพระแสงด้ามสั้นด้ามยาวไปทำไมวะ? แต่เมื่อหลายคนเริ่มบุ้ยปากไปอีกทางก็พอจะเริ่มเข้าใจ หาหน่วยกล้าตายสอดเรื่องชาวบ้านอีกแล้วล่ะสิ ใครว่าผู้ชายไม่สอดรู้สอดเห็นนะ? เขาว่ามันก็พอๆกับพวกผู้หญิงนั่นแหละ

    “เป็นอะไรหรือเปล่าไม่ร่าเริงเลยไอ้ตัวเล็ก” ลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆรุ่นน้องคนสนิทเมื่อทนไม่ได้กับสายตาอ้อนวอนของพวกที่เหลือ น่าขนลุกชะมัด

    “ผมว่ามันจะต้องมีเรื่องซวยครั้งมโหฬารวิ่งใส่ผมอีกแน่เลยพี่เยซอง” ถอนใจอีกเฮือกใหญ่จนคนเป็นพี่เลิกคิ้วสูง

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”

    “ตาซ้ายผมกระตุกมาหลายวันแล้ว” ร่างสูงถึงกับขำพรืดออกมา ก็เพราะไอ้ความคิดน่ารักๆนี่ไงเล่า ไอ้พวกนั้นถึงเป็นห่วงกันนักหนา ดูแลกันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าของชมรม ก็แค่ตัวขาวๆ บางๆ ปากแดงๆ ชอบทำหน้าซื่อๆแถมยังอ้อนเก่งเป็นที่หนึ่งเท่านั้นเอง...เท่านั้นเองจริงๆ

    ยอมรับล่ะว่าเขาก็เป็นอีกคนที่เป็นพวกหวงน้อง นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นชเวซีวอน (ที่ฮยอกแจอุตส่าห์ไปตะโกนสารภาพรักเขาก่อนอีกต่างหาก) ล่ะก็...กว่าจะมีชีวิตผ่านมาทำตัวกะลิ้มกะเหลี่ยใส่เจ้าตัวขาวนี้ได้ก็คงต้องผ่านหลายด่านอยู่ ซึ่ง...ฮยอกแจไม่มีวันรู้เรื่องนี้หรอก นอกจากพวกผู้ชายที่มันคิดจะมาจีบคนก่อนๆเท่านั้นแหละที่ได้สัมผัสอารมณ์หวงน้องจนต้องล่าถอยไปจากเหล่าชายฉกรรจ์สมาชิกชมรมฟุตบอลร่วมยี่สิบชีวิต!

    และนั่นทำให้ที่ผ่านมาฮยอกแจมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองไม่ได้เป็นที่ดึงดูดกับเพศเดียวกันเลยซักนิด จึงตั้งหน้าตั้งตาขายขนมจีบสาวๆต่อไปอย่างเริงร่า ซึ่ง...(ขออีกซักซึ่งแล้วกัน)...ฮยอกแจก็ไม่เคยจะรู้เลยว่าแม่สาวที่ยอมให้ขายขนมจีบพวกนั้นเขาเอ็นดูตัวเองไม่ต่างจากเพื่อนสาวเลยซักนิด! ช่างเป็นเด็กที่ตามใครเขาไม่ค่อยจะทันเลยจริงๆ

    ถึงว่า...ได้ข่าวช่วงนี้ไปขลุกห้องประธานเพราะบรรดาสาวๆเลือดวายกับซีวอนแท็คทีมกันสร้างคลังขนมหวานเอาไว้ ไอ้น้องเราก็ลัลล๊าเหลือเกิน วิ่งขึ้นไปติดกับได้ทุกวัน แล้วก็มาโวยวายให้เหล่าพี่ๆเส้นเลือดข้างสมองเต้นกันตุบๆว่าถูกซีวอนแกล้งอย่างนั้นอย่างนี้



    ขอโทษทีเถอะ...เท่าที่ฟังมามันไม่ได้แกล้ง แต่มันลวนลามเว้ย!




    “ไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ตบไหล่น้องชายเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือน...แต่ก็รู้สึกเหมือนกันว่าน่าจะมีเรื่องอะไรซักอย่างเกิดขึ้น ลางสังหรณ์ของเขาโคตรจะแม่นเลยนะขอบอก

    “แต่มันเหมือนจะเริ่มมีแล้วล่ะพี่เยซอง” ฮยอกแจเอ่ยพลางยื่นเสื้อแขนยาวเนื้อหนานุ่มให้พี่ชายดูก่อนจะถอนใจอย่างจนปัญญา ซึ่งแน่นอนว่า...เยซองไม่เก็ทอะไรเลย

    “ก็แค่เสื้อแขนยาว ทำไมหรอ?”

    “พี่ฮีซอลบังคับให้ผมใส่เป็นซับในออกไปเตะฟุตบอล” คนฟังถึงกับตาโต

    “ร้อนตายห่า…”

    “แล้วยังมีอีกนะ” หันไปหยิบกระเป๋าใบย่อมมาวางบนตักแล้วเปิดให้พี่ชายดูบรรดาเครื่องสำอางมากมายที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

    “ครีมกันแดดตั้งแต่ SPF 15 ยัน SPF 50 แถมยังมีทั้งแบบก่อนออกแดด ระหว่างออกแดด และหลังออกแดด ยังไม่พอนะพี่...มีแยกเป็นแบบใช้กับหน้าแล้วก็ตัวด้วยนะ” กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเยซองที่นั่งฟังอยู่ เหล่าบรรดาพี่ชายและเพื่อนๆในชมรมก็ต่างมายืนล้อมดูอย่างสนอกสนใจเช่นเดียวกัน

    “ให้มาเยอะขนาดนี้ไม่ให้หมวกไหมพรมแบบคลุมทั้งหัวมาด้วยล่ะ?” คยูฮยอนถามด้วยน้ำเสียงติดตลก ซึ่งฮยอกแจก็เพียงแค่เค้นยิ้มแล้วหยิบของที่ว่าออกมาจากกระเป๋าที่พี่ฮีซอลยัดใส่มือเขาและสั่งว่าต้องใช้ทุกอย่างที่ให้

    “อย่านึกว่าไม่มีนะคยูฮยอน” มาถึงตรงนี้เหล่าสมาชิกชมรมฟุตบอลต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่คำถามเดียวที่ดูเหมือนจะคิดตรงกันก็คือ...คิมฮีซอลกำลังคิดจะทำอะไร?

    “นี่กะว่าไม่ให้โดนแดดเลยหรอวะ? กลัวฮยอกแจดำขนาดนั้นเลย?”

    “จะดำเท่าไหร่กันเชียว ขนาดวิ่งตากแดดอยู่ทุกวันไอ้ลูกเจี๊ยบนี่ก็แทบจะเรืองแสงในที่มืดได้อยู่แล้ว”

    “ทำเป็นเข้าคอร์สนางงามไปได้”

    “เออ...จะจับประกวดมิสบิวตี้ปีนี้หรือเปล่า? ปีที่แล้วพี่อีทึกก็ถูกจับลงเหมือนกันนี่”

    “นั่นสิ...ช่วงนี้ช่วงรับสมัครอยู่นี่หว่า เงินรางวัลปีนี้หลายแสนวอนเลยนะเว้ย ถ้าได้มานะ...ลาภปากชมรมเราเลยล่ะ”

    “พอเลยพวกพี่หน่ะ จะเดาอะไรก็ให้มันเข้าเรื่องหน่อยสิ” ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนจะพากันออกปากอ่าวไปเรื่อยๆ หลงประเด็นกันไปหมดแล้วเนี่ย ประกวดบ้าบออะไร ให้ตายก็ไม่ยอมหรอก!

    “แล้วถ้าต้องลงประกวดจริงๆล่ะ?” ทุกคนต่างหันไปมอง ณ จุดๆเดียวกัน คนมาใหม่เพียงแค่ยิ้ม...ยิ้มที่ใครๆก็รู้ในทันทีว่า



    ไอ้เรื่องที่พูดเมื่อกี้นี้หน่ะ...ฟันธง!



    “เฮ้ย!!!!!!!!” เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ (และที่บอบบางอยู่หนึ่งคน) ต่างร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกัน ฮยอกแจส่ายหัวยิก ไม่ๆๆๆๆๆ พี่คังอินต้องอำเขาอยู่แน่ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมือหนาลูบผมเขาเบาๆ แววตาสำนึกผิดกับประโยคที่หลุดออกมาจากปากคนเป็นพี่เขยช่างเป็นประโยคที่ผ่ากะโหลกของเขาออกเป็นสองซีกภายในชั่วพรึบตา







    “ขอโทษนะฮยอกแจ พี่กับจองซูพยายามช่วยเราอย่างถึงที่สุดแล้ว”










    “ฉันไม่ประกวด! ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ” หากใครได้เดินผ่านห้องของชมรมคหกรรมก็ต้องเป็นอันสะดุ้งเพราะร่างบางที่นั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะทำขนมส่งเสียงโวยวายด้วยประโยคเดิมๆมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว

    “แล้วทำไมไม่ไปบอกพี่ฮีซอลล่ะ มาโวยวายให้ฉันกับซองมินฟังทำไม” ทงเฮที่กำลังนั่งเท้าคางมองเพื่อนกระต่ายที่ทำขนมอยู่อีกโต๊ะหนึ่งอย่างสนอกสนใจหันมาถามเสียงเนือยๆ โวยวายไปก็เท่านั้นแหละเจ้าไก่ ถ้าเจ๊เขาอยากจะเล่นกับแก แกก็ต้องเป็นของเล่นให้เจ๊เขาโดยไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว

    “นี่พวกนายไม่คิดจะช่วยฉันเลยหรอ? ฉันเป็นเพื่อนพวกนายนะเว้ย! เพื่อนเดือดร้อนหน่ะ เห็นไหมว่าเพื่อนกำลังเดือนร้อน!” ฟาดหัวฟาดหางอีกรอบก่อนจะหงายหลังลงไปนอนดิ้นๆอย่างขัดใจอยู่บนโต๊ะทำขนม ทงเฮกับซองมินได้แต่มองหน้ากันแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

    “แล้วพวกฉันเคยช่วยได้ไหมล่ะ?”

    “ไม่เคยเลย”

    “เออ! รู้ทั้งรู้แล้วจะมาง๊องแง๊งใส่ทำไมวะ แฟนตัวเองก็เป็นถึงประธานนักเรียน อำนาจการต่อรองก็มีสูงกว่า ทำไมไม่ให้ซีวอนช่วยล่ะ โอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าพวกฉันอีก” คนฟังถึงกับหยุดดิ้นก่อนจะนอนคิดตาม เออ...มันก็จริงแฮะ ทำไมเขาไม่ได้นึกถึงซีวอนเลยนะ? ว่าแล้วก็ลุกพรวดกระโดดลงจากโต๊ะเตรียมวิ่งออกไป แต่ก็ชะงักเท้าทันเมื่อซองมินตะโกนเรียกไว้ก่อน

    “ฝากขนมไปให้ซีวอนทานด้วยสิไหนๆก็จะไปหาแล้ว” เดินไปหยิบกล่องขนมที่ทำเตรียมไว้สำหรับเพื่อนๆส่งให้ไก่น้อยที่ยืนรออยู่ เวลาที่ซองมินคิดค้นขนมสูตรใหม่ๆก็จะมีการแจกจ่ายอย่างทั่วถึงแบบนี้ประจำ อีกสองสามกล่องที่วางอยู่นั่นก็คงเป็นของพี่อีทึก พี่คังอิน แล้วก็พี่ฮีซอลล่ะมั้ง

    “อือ...ขอบใจนะ” ยิ้มให้เพื่อนก่อนจะวิ่งปรื๋อหายไป สองสหายปลากระต่ายต่างมองไปที่ประตูชมรมแล้วถอนใจกันออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย

    “ดูฮยอกแจมีความสุขดีนะ” อยู่ๆทงเฮก็เปรยออก คนฟังเพียงแค่ขานรับในลำคอ

    “อืม...”

    “คิดอะไรอยู่หรอซองมิน?”

    “แค่คิดว่า...ถ้าฉันมีเวทมนต์หรือขอพรอะไรได้ซักข้อ”

    “แล้ว?...”

    “ฉันจะขอให้พี่ชายคนจีนคนนั้นหายไปจากชีวิตของฮยอกแจ อย่าหาว่าฉันเห็นแก่ตัวเลยนะทงเฮ แต่เราก็เห็นกันอยู่ว่าซีวอนรักและพร้อมจะดูแลฮยอกแจขนาดไหน ไอ้เพื่อนเราถึงจะปากแข็ง แต่มองดีๆก็จะรู้ว่าให้ใจเขาไปกว่าครึ่งแล้ว ฮยอกแจยึดติดกับคำสัญญานั่นเกินไป” เอ่ยอย่างหนักใจเมื่อลองคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

    “หายไปตั้งห้าปีแล้ว ตายไปกับแผ่นดินไหวเมื่อปีที่แล้วหรือยังเถอะ”

    “ปากเสียหน่าทงเฮ” ตงตายอะไร...อัปมงคลชะมัด

    “อ้าว? แล้วทีเมื่อกี้ใครกันนะที่อยากขอพรให้เขาหายไป” คนถูกย้อนแทบอยากจะร่อนถาดคุกกี้ใส่หน้าคนปากดี แต่ก็ทำได้แค่ระงับอารมณ์ไว้ ก็เมื่อกี้เขาก็คิดแบบนั้นจริงๆนี่นา

    “ปากแบบนี้ล่ะนะ ถึงยังไม่มีแฟนกับเขาซักที”

    “ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจนี่หว่า” บ่นงุบงิบอยู่คนเดียวเมื่อถูกแทงใจดำเต็มๆ ตอนนี้ในบรรดาสามสหายตระกูลอี เหลือเขาเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้มีคนรู้ใจกับเขาเลย มันก็โอเคแหละที่มีอิสระจะทำอะไรก็ได้ แต่บางครั้งพอเห็นคนเดินกันเป็นคู่ๆมันก็เหงาเหมือนกันนะ

    “เจอแล้วแต่ไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแล้วว่าเจอแต่ทำเป็นไม่สนใจ?” ปลาน้อยเงยหน้ามองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นว่าในมือเพื่อนกำลังถืออะไรแกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าเขา

    “เฮ้ย! เอามานะซองมิน” ตะครุบมือเพื่อนเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะดึงรูปออกมานั่งมองแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว ซองมินได้แต่ยืนขำท่าทางของเพื่อน ดูทำเข้าสิ!

    “ตามหาได้แล้วมั้งว่าใครส่งรูปมา คิดจะจีบกันเงียบๆแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่มีบุคคลปริศนาส่งรูปที่ออกแนวแอบถ่ายมาให้ วันไหนทงเฮทำหน้าเครียดก็จะมีข้อความให้กำลังใจแถมมาด้วย วันไหนหัวเราะจนอ้าปากกว้างก็จะมีคำแซวแถมมาให้อมยิ้มเล่น เรียกได้ว่าทงเฮจะได้รูปแอบถ่ายของตัวเองทุกวัน เออ...เขาจีบกันแปลกดี และที่แปลกว่านั้นดูเหมือนเพื่อนของเขาจะถูกอกถูกใจเสียด้วยสิ

    “ทงเฮ...ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรอ?”

    “ก็ไม่จำเป็นต้องตอบนี่นา” เออ! ถ้าเขาเปิดเผยตัวออกมาแล้วตัวดำแก้มบวม ฉันจะขำให้!











    ซีวอนละสายตาออกจากแฟ้มกิจกรรมชมรมตรงหน้ามาจับจ้องที่ผู้มาใหม่ รอยยิ้มที่เตรียมไว้ถูกเปลี่ยนไปสามร้อยหกสิบองศาเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเดินเข้ามาเต็มตา คิบอมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    “ท่านรองอุตส่าห์มาหาทั้งที ท่านประธานช่วยดีใจหน่อยได้ไหมครับ?”

    “มีอะไรก็ว่ามา” เอ่ยออกมาทั้งที่ไม่เงยหน้ามองคู่สนทนาซักนิด และนั่นยิ่งทำให้คิบอมอารมณ์ดีกว่าเดิม ไอ้เรื่องแกล้งคนคิดถึงแฟนเนี่ย...ของชอบ

    “โหย...อะไรกันวะ อุตส่าห์รีบคาบข่าวร้อนๆจากชมรมหนังสือพิมพ์มาบอกเลยนะเว้ย เห็นไหมว่าฉันเป็นเพื่อนดีเด่นขนาดไหน” เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้อีกหนึ่งที

    “ข่าวอะไร?”

    “ฮยอกแจจะลงประกวดมิสบิวตี้คอนเทสต์ประจำปีนี้”

    “อะไรนะ!” เสียงนั่นทำเอาคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาใหม่ถึงกับสะดุ้ง ซีวอนหันหน้ามามองก่อนจะเดินตรงมาหาทำเอาฮยอกแจรีบถอยออกอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย! ขอโทษ! ฉันไม่รู้ว่านายมีประชุมอยู่ ทีหลังก็หัดแขวนป้ายห้ามเข้าไว้หน้าห้องบ้างสิ จะได้ไม่ทะเล่อทะล่าเข้ามา” คนตัวเล็กก้มหน้าหลับตาปี๋ยกกล่องขนมมาบังหน้าไว้อย่างตกใจ

    “จะขอโทษทำไม?” คว้าเอวบางไว้ก่อนจะออกแรงดันให้เข้ามาในห้อง คิบอมส่งยิ้มให้แล้วขยับปากบอกให้คลายกังวลว่าไม่มีอะไรหรอก

    “อ้าว? ก็เห็นเดินตรงมาทำหน้าเหมือนจะงับหัวฉันซะอย่างนั้น เป็นใครก็คิดว่ากำลังโมโหแหละ” เดินเอากล่องขนมไปวางไว้ที่โต๊ะตรงมุมห้องก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟารับแขก

    “คิบอมบอกว่านายจะลงประกวดมิสบิวตี้?” มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบตุ๊กตาไก่มากอดชะงักกึก ฮยอกแจทำหน้าเหมือนนึกได้ก่อนจะรีบลุกมาหามาร่างสูงที่ยืนกอดอกมองอยู่

    “เรื่องนี้แหละที่จะขอให้นายช่วย”

    “ช่วยอะไร?”








    “งัดข้อกับพี่ฮีซอลให้ที”









    “ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะ” เสียงเรียบๆเอ่ยขึ้นทันทีที่ฟังเรื่องทุกอย่างจบ ฮยอกแจรีบก้มหน้าเมื่อนัยน์ตาเรียวตวัดมองเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย

    “แต่ผมว่า...” เรื่องที่จะให้ฮยอกแจไปแต่งหญิงยังไงเขาก็ไม่เห็นด้วยนักหรอกนะ ไม่ใช่ว่ากลัวออกมาไม่ดูดี แต่เท่าที่ประเมินออกมา...มันดูดีเกินไป เอาง่ายๆชัดๆ เขาหวง...จบ!

    “ชเว ซีวอน” น้ำเสียงนิ่งเรียบเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นสบดวงตานางพญานั่น...นี่เขากำลังท้าทายอำนาจของคิม ฮีซอลอยู่ใช่ไหม?

    “ครับ”

    “ฉันรู้ว่านายเป็นประธานนักเรียนคนปัจจุบัน แต่นายจะได้อำนาจนั้นเต็มก็ต่อเมื่ออีทึกซึ่งเป็นประธานนักเรียนและฉันซึ่งเป็นรองประธานนักเรียนได้จบการศึกษาจากที่นี่แล้วเท่านั้น อย่าเพิ่งรีบเร่งมาท้าชนกับพวกฉัน ถ้านายไม่อยากเจอของจริง!” อีทึกที่นั่งฟังอยู่ข้างๆถึงกับกรอกตาอย่างเซ็งๆ ตกลงนายเป็นรองประธานนักเรียนหรือหัวหน้าแก๊งมาเฟียกันแน่นะ? นี่ยังอุตส่าห์ดึงตำแหน่งเขาไปพูด ทั้งที่ความจริงประธานนักเรียนอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะอยู่ในสายตาท่านรองอย่างหมอนั่นนักหรอก เฮ้อ~ เขาล่ะกลุ้ม

    “ขอโทษครับพี่ฮีซอล ผมไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น ที่ผมมาพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ในฐานะที่ผมเป็นประธานนักเรียน แต่ผมมาพูดในฐานะที่ผมเป็น...” อยากจะบอกว่าเป็นคนรักใจจะขาด แต่ก็ติดอยู่ที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆเท่านั้น ถ้าเขาพูดออกไปฮยอกแจจะแสดงอารมณ์แบบไหนกันนะ?

    “เป็นคนรักกันเมื่อไหร่ค่อยมาพูด”

    “ฮีซอล!” อีทึกรีบกระทุ้งซอกใส่เพื่อนเป็นการเตือน ปากไวเกินไปแล้วนะแก

    “ทำไม? ก็แค่พูดเรื่องจริง เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดที่จะมาพูดกับฉัน” ส่งสายตาตอบโต้เพื่อนเป็นเชิงว่าเงียบปากไป เดี๋ยวจัดการเอง!

    “....แต่.......” กำลังจะเอ่ยปากแต่ก็ต้องเงียบเมื่อถูกฮยอกแจแตะเบาๆที่ไหล่เป็นเชิงให้หยุด

    “ผมกับซีวอนเราคุยกันแล้ว ตอนนี้เรากำลังดูๆกันอยู่ ถึงจะไม่ได้เรียกว่าอยู่ในฐานะคนรัก แต่ผมก็คิดว่าความหมายมันคงไม่ต่างจากนั้นซักเท่าไหร่” ซีวอนหันมองคนข้างๆที่เลื่อนมือมากุมมือเขาไว้ อยากจะส่งความรู้สึกมากมายผ่านสายตาแต่คนตัวเล็กกลับไม่หันมามองเขาแม้แต่น้อย

    “จะดูกันไปถึงเมื่อไหร่?” เอาอีกแล้วคิม ฮีซอล นายจะโหมเพลิงให้มันวินาศไปเพื่อ...?! อีทึกมองเพื่อนแล้วได้แต่ถอนใจปลงๆ บรรยากาศในห้องชักเริ่มอึดอัดจนเขาอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกชะมัด

    “พี่ก็น่าจะรู้ว่าถึงเมื่อไหร่” กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่ทอดถอนใจกลับเป็นฮีซอลเสียเอง ในเมื่อต้อนเสียขนาดนี้แต่ผลที่ได้ไม่เป็นที่พึงพอใจเท่าไหร่เขาจึงเลือกที่จะหยุด ร่างโปร่งของนางพญาประจำโรงเรียนลุกขึ้นไปที่โต๊ะก่อนจะหยิบซองเอกสารมายื่นให้ซีวอนที่รับมาอย่างไม่เข้าใจนัก

    “คอร์สความงามสำหรับฮยอกแจ ฉันยกหน้าที่ให้นายพาเจ้าลูกเจี๊ยบนี่ไปก็แล้วกัน” เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังคงนิ่งเขาจึงเลือกที่จะงัดไม้ตายออกมา ไม่ทำให้มันรู้ไปสิวะ

    “จะไม่ทำก็ได้นะ ตัวเลือกฉันเยอะ”

    “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” เปิดซองหยิบเอกสารขึ้นมาดู ร่างสูงไล่ดูบรรดาสถาบันความงามแล้วสะดุดกับที่ที่หนึ่ง เขาจึงเลือกโบชัวร์ใบนั้นยื่นให้ฮีซอลที่ยืนรออยู่

    “ซีวอน!” ฉันให้นายมาช่วยฉันนะเว้ย! ดันไปรับปากเจ๊แกซะอย่างนั้น

    “มันก็ดีกว่าให้นายไปกับใครก็ไม่รู้นี่ ในเมื่อยกเลิกไม่ได้ฉันจะคอยอยู่ข้างๆนายนี่แหละ” บอกกับคนตัวเล็กที่เริ่มออกอาการงอแงอีกรอบ ก่อนจะเงยหน้ารอฟังคำตอบจากจนที่ยืนอ่านรายละเอียดโบชัวร์ในมืออยู่

    “เป็นยังไงบ้างครับ?”

    “ตาถึงดีนี่...ระดับแนวหน้าเลยนะ” ปริ๊นเซสไทม์ สถาบันเสริมความงามในระดับแนวหน้าของเกาหลี แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงตามไปด้วย หมอนี่กำลังคิดจะทำอะไรนะ? คิดจะให้คิมฮีซอลถอยเพียงเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ย? ตลก!

    “ครับ ความเป็นส่วนตัวสูง บริการดี เชื่อถือได้ และที่สำคัญเป็นร้านของอาผมเอง” อ้อ...มันมีที่มานี่เอง ว่าแล้วก็เข้าแผนโป๊ะเชะ

    “ฟรี?”

    “ถ้าพี่ฮีซอลให้ฮยอกแจไปร้านนี้ ผมจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง” ฮีซอลถึงกับร้องโอ้...ช่างเป็นพ่อบุญทุ่มเหลือหลาย ท่าจะรักจริงหวังแต่งนะเนี่ย

    ก็เลยเป็นอันตกลงกันว่าเรื่องคอร์สเสริมความงาม อาบน้ำแร่ แช่น้ำนมก็ยกให้ซีวอนจัดการไป เมื่อตกลงทุกอย่างเสร็จเจ้าลูกเจี๊ยบที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับมาตลอดงานก็ลุกพรวดออกไปจากห้องโดยมีซีวอนลุกตามไป อีทึกถอนใจเฮือกใหญ่กำลังจะลุกไปหาหนังสือมาอ่านแก้เครียดแต่ก็ถูกเพื่อนตัวดีขัดจังหวะเสียก่อน

    “ก็ดูรักใคร่กันดีนะ” ชะโงกหน้าออกไปดูความเคลื่อนไหวทางปีกซ้ายซึ่งเห็นฮยอกแจกำลังโวยวายใส่ซีวอนอยู่ คนเป็นพี่ยิ้มได้ครู่เดียวก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าตัวเล็กถูกช้อนขึ้นอุ้มเข้าไปในห้องประธานผิดประตูเงียบ...จบการเคลื่อนไหว

    “เกือบล่มไม่เป็นท่าก็เพราะนายเมื่อกี้นี่แหละ” เรื่องปากหาเรื่องหน่ะขอให้บอก เขาล่ะเหนื่อย...ไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนมาหนีบปากเพื่อนตัวแสบนี่ดี

    “..............” เมื่อไม่มีเสียงโต้เถียงกลับมาอีทึกจึงเงยหน้าหันไปมองเพื่อนที่ยังคงยืนอยู่ที่ประตู ดูอะไรของมันนะ?

    “ส่องใครอยู่?” คนถูกถามไม่มีที่ท่าว่าจะตอบแต่กลับเปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น

    “นี่...อีทึก” น้ำเสียงจริงจังที่นานๆจะมีซักทีของเพื่อนทำให้อีทึกไม่คิดที่จะแหย่เล่น

    “อะไร?”

    “พี่ชายคนจีนนั่นจะกลับมาเมื่อไหร่?”

    “ไม่รู้สิ”

    “ถ้าเขากลับมา...นายรีบบอกฉันเลยนะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำบอกนั้น อะไร? จะไปทำความรู้จักกับเขาหรือไง

    “ทำไมล่ะ?”








    “ฉันจะฆ่ามัน”











    TBC.



    พี่ชายคนจีนน่าสงสารจังเลยน๊า~

    ตอนหน้าเจอกัน! แค่คิดภาพไรท์เตอร์ก็กรี๊ดจนจะไม่มีเสียงอยู่แล้ว คิกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×