ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Good Morning My Love # 6 [KangTeuk]
เมื่อถึงเวลาของการตัดสินใจ คุณจะเลือกอะไรระหว่าง
ความรัก หรือ ความผูกพัน
[ออด...]
อีทึกค่อยๆเดินไปเปิดประตู น่าแปลกใจ ทำไมเขาไม่ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น ความจริงเขาน่าจะวิ่งไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เปิดประตูด้วยความตื่นเต้นและโผกอดคนที่เขารักด้วยความดีใจ แต่ตอนนี้...มันไม่ได้เป็นแบบนั้น จะด้วยเหตุผลใดเขาก็ไม่สามารถสรุปได้
“พี่ซึงฮวาน” ร่างบางยิ้มหวานเมื่อเห็นคนรักเต็มตา พวกเขาไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ร่วมกันนานแค่ไหนแล้วนะ?
“คิดถึงมากเลยรู้ไหม” ริมฝีปากได้รูปโฉบลงมาประกบแนบแน่น ร่างสูงใช้มือหนึ่งโอบเอวบางแล้วพลิกตัวเข้ามาในห้อง โดยใช้อีกมือหนึ่งดึงประตูเข้ามาและลงกลอนเสร็จสรรพ
“อื้มมม...” จูบที่แนบแน่นและเนิ่นนานเริ่มทำให้อีทึกขาดอากาศ คนตัวเล็กไม่สามารถหลบหลีกไปไหนได้เมื่อโดนดันเข้าไปจนติดฝาผนังโดยมีอีกฝ่ายคร่อมขวางไว้ นิ้วเรียวเริ่มจิกแน่นเข้ากับต้นแขนของร่างสูงเพื่อบอกกรายๆว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว ซึ่งชายหนุ่มก็รับรู้อาการเหล่านั้นแล้วค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะไล่จูบพรมไปทั่วใบหน้าหวานอย่างโหยหา
“รู้ไหมว่าพี่อยากกอดนายมากแค่ไหน” เรียวลิ้นตวัดไล้ติ่งหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ อีทึกสะดุ้งเฮือก
“อ๊ะ! ผมคิดว่าผมน่าจะรู้นะ”
“งั้นก็” นิ้วเรียวแตะริมฝีปากได้รูปเป็นเชิงหยุด
“พอเถอะครับพี่ซึงฮวาน ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้”
“นั่นสินะ พี่ก็ใจร้อนเกินไป” ร่างสูงยอมถอยออกมาแต่โดยดี อีทึกจึงเดินนำเข้ามาในห้องนั่งเล่น เป็นจังหวะเดียวกับที่ซึงฮวานมองตามไป รอยเลือดที่เสื้อ? ผู้จัดการหนุ่มรีบคว้าแขนเรียวเอาไว้แล้วเค้นถาม
“อีทึก! เสื้อนายไปโดนอะไรมา”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรมากหรอกครับ อุบัติเหตุนิดหน่อยหน่ะ” ร่างบางยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะแยกตัวไปที่เคาน์เตอร์ ถึงแม้จะไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่แต่ถ้าอีทึกต้องการให้เขารับรู้เพียงแค่นั้น เขาจะไปว่าอะไรได้
“ดื่มอะไรหน่อยไหมครับ? แต่ผมว่าชาร้อนๆดีกว่านะ พี่จะได้สดชื่นขึ้น เพิ่งเมาเละมานี่นะ” เจ้าของห้องพยายามชวนคุยเพื่อดึงบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้น
“นายไปบ้านยองจุนมาใช่ไหม? อีทึก” คนถูกถามชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่พูดอะไร ร่างบางแสร้งทำเป็นสนใจการเตรียมเครื่องดื่มมากกว่าที่จะตอบคำถาม
“ทั้งที่นายก็รู้ว่าพี่อยู่ที่นั่น แต่นายก็เลือกที่จะไม่เจอพี่ เพราะอะไร?”
“เอ่อ...ผม” อีทึกยิ่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ สายตาตัดพ้อแบบนั้นเขาไม่ชอบเสียจริงๆ
“ความสับสนของนายเริ่มเพิ่มมากขึ้นแล้วสินะ อีทึก”
“ความสับสน?”
“นายยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือว่าใจนายหน่ะอยู่ที่ใคร...ตั้งแต่แรก”
“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด” อีทึกถอยไปจนติดเคาน์เตอร์โดยมีแขนของร่างสูงคร่อมกันเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
“งั้นนายลองยืนยันให้พี่ฟังสิว่า นายไม่ได้คิดอะไรกับคังอิน ไม่ได้เป็นห่วง ไม่ได้แคร์ ไม่ได้ใส่ใจเกินคำว่าพี่น้อง! นายพูดออกมาสิ!” นี่เป็นครั้งแรกที่ซึงฮวานตะคอกใส่ จึงไม่แปลกเลยที่ร่างบางจะสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ผม...ผม...” คำพูดอึกอักบอกถึงอารมณ์สับสนที่กำลังก่อตัวขึ้น สุดท้ายอีทึกก็ได้แต่ซบหน้าเข้ากับไหล่กว้าง ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีคำแก้ตัว ไม่มีคำอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น มีเพียงความเงียบที่ทั้งสองมอบให้กัน
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ พี่ไม่ควรตะคอกใส่นายแบบนั้น” ฝ่ามืออุ่นลูบไปบนเส้นผมนุ่มเบาๆคล้ายปลอบโยน
“ไม่เป็นไรครับ”
“อีทึก...นายรักพี่ไหม?”
“รักสิครับ”
“แล้วคังอินล่ะ” ไม่มีคำตอบกลับมานอกจากสีหน้าสับสนของคนที่อยู่ตรงหน้า ซึงฮวานส่ายหน้าช้าๆ
“งั้นพี่จะถามนายใหม่อีกครั้งนะอีทึก นายค่อยๆคิดนะว่านายรักใครแล้วนายผูกพันกับใคร”
“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด”
“อีทึก...ความรักกับความผูกพันระดับความรู้สึกมันไม่ต่างกันหรอกนะ แต่ความจริงแล้วมันคนละอย่างกัน นายอาจจะคิดว่า...นายขาดพี่ไม่ได้แต่พอเวลาที่นายไม่มีพี่ นายก็สามารถอยู่ได้ ที่นายทุกข์ใจอยู่ตอนนี้เพราะว่านายพยายามบอกตัวเองว่านายรักพี่ ทั้งที่ความจริงแล้วหัวใจของนายเรียกร้องหาใครคนนั้นอยู่ตลอดเวลา นายไม่เคยลืมเขาซักวินาทีเดียว” ร่างสูงโน้มตัวลงจูบเบาๆที่เปลือกตาบางอย่างรักใคร สูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มเนียนเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้สึกต่างๆเกี่ยวกับร่างบางเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
“อย่าหลอกตัวเองอีกเลยนะอีทึก ระหว่างเราสิ่งที่เชื่อมเราเอาไว้เป็นแค่เส้นด้ายที่มีชื่อว่าความผูกพัน แต่ระหว่างนายกับใครคนนั้นของนายมันคือความรักที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ขอเพียงนายเปิดใจยอมรับเขาอีกครั้ง วันนั้นนายจะพบกับความสุขที่นายค้นหามาตลอดชีวิต”
“พี่ซึงฮวาน ”
“ที่ผ่านมาพี่พยายามหลอกตัวเองมาโดยตลอดว่านายรักพี่ แต่สิ่งที่พี่ได้รับกลับมามีแค่ความเจ็บปวดเมื่อเห็นนายมักจะมองคังอินด้วยสายตาที่พี่ไม่สามารถตีความหมายได้ นายคอยห่วงใยเขาอยู่เสมอ นายพร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเขาทุกครั้งเมื่อมีปัญหา ถึงแม้นายจะทำเหมือนกับว่านายไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง แต่ความจริงแล้ว...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะนายรักคังอิน”
“พี่คิดมากเกินไปแล้วครับ...ความรู้สึกที่ผมมีให้คังอินมันจบไปนานแล้ว” ร่างบางดึงมือคนรักมากุมไว้หลวมๆ
“มันไม่เคยจบหรอกอีทึก นายรู้ไหม ทำไมพี่ถึงขอร้องไม่ให้นายดื่มเหล้า”
“เพราะพี่กลัวผมเมาแล้วเที่ยวออกอาละวาดยังไงล่ะครับ...พี่เป็นคนบอกกับผมแบบนี้นี่” อีทึกตอบตามตรง
“มันก็ส่วนหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว...พี่ไม่อยากได้ยินนายเปิดเผยความรู้สึกต่างๆที่เก็บซ่อนไว้ต่างหาก เวลาที่นายไม่มีสตินายมักจะปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหลายออกมา นั่นมันทำให้พี่รู้ว่า...ความรักที่พี่มอบให้นายไม่ว่าจะมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถลบความรู้สึกของนายที่มีให้คังอินได้เลย นายยังรักเขา แต่เพราะนายมีพี่อยู่นายถึงพยายามลบความรู้สึกนั้นทิ้ง แล้วผลลัพธ์ก็คือความเจ็บปวดของพวกเราทั้งสามคน” ร่างสูงโน้มตัวลงก่อนจะซุกหน้าเข้ากับไหล่บางของคนที่รัก ความรู้สึกที่เขาเก็บเงียบเอาไว้ตลอดค่อยๆถูกระบายออกมาพร้อมกับน้ำตา ถึงแม้เขาจะพยายามกลั้นเอาไว้ซักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลอีกแล้ว เขาปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ ถึงแม้จะไม่ปลื้มนักที่มีจะคนเห็นน้ำตา แต่กับคนที่เขารักแล้วเขาพร้อมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาเสมอ
“ถ้าผมกลับไปหาคังอินจริงๆ คนที่เจ็บปวดจะเป็นตัวพี่เองนะครับ” ที่ผ่านมาเพราะความรักและความจริงใจของพี่ซึงฮวาน เขาถึงพร้อมที่จะลืมคังอินเพื่อคนๆนี้ คนที่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา พี่ซึงฮวานดีกับเขาเสมอ ความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจทำให้เขาไม่กล้าที่จะหักหาญน้ำใจ แต่ความจริงแล้วเขากำลังทำร้ายคนที่ดีกับเขามากที่สุดโดยที่เขาไม่รู้ตัวต่างหาก
“หากพี่ยืนกรานที่จะครอบครองนายไว้ เราก็จะได้รับความเจ็บปวดด้วยกันทั้งสามคน แต่ถ้าพี่ถอยออกมาแล้วปล่อยให้นายกับคังอินได้เดินไปด้วยกัน ถึงแม้จะเจ็บอยู่ซักหน่อยแต่การที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข...มันก็คุ้มนะ”
“พี่ดีออกอย่างนี้จะให้ผมทำร้ายพี่ได้ยังไง”
“ถ้านายรั้งความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ นั่นจะเป็นการทำร้ายพี่อย่างร้ายกาจต่างหากล่ะ”
“พี่ซึงฮวาน ”
“ไปเถอะ...ไปตามหาหัวใจของนาย” ร่างสูงถอยหลังออกมาเพื่อเปิดทางให้ อีทึกมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ พี่ซึงฮวานต้องการให้เขาทำอะไร
“บางที...พระเจ้าอาจจะอยากให้นายวิ่งตามความรู้สึกที่แท้จริงของนายอีกครั้งล่ะมั้ง”
“พี่จะให้ผมไปหาคังอิน?”
“ใจนายก็ต้องการแบบนั้นไม่ใช่หรอ ปล่อยเด็กบ้านั่นกลับไปในสภาพแบบนั้น นายไม่กังวลบ้างก็ให้รู้ไป” ร่างสูงยิ้มน้อยๆให้กับอีกคนที่นิ่งไปแล้ว
“พี่รู้ได้ยังไงว่าคังอินมาที่นี่?”
“พี่รู้ก็แล้วกัน...นายรีบไปเถอะ” ไม่พูดเปล่าซึงฮวานยังดันให้อีทึกรีบออกไปอีกด้วย ซึ่งร่างบางก็ทำตามอย่างงงๆ เมื่ออดีตคนรักออกไปจากห้องแล้วร่างสูงก็เดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะกดโทรศัพท์หาใครอีกคน
“อีทึกไปหาคังอินแล้วนะ”
[อืม...นายโอเคใช่ไหม?] ยองจุนถามด้วยเป็นห่วง มันก็จริงอยู่ที่แผนนี้ซึงฮวานเป็นคนวางขึ้นมา แต่เท่าที่เขาดูอยู่ คนที่วางแผนนั่นแหละที่น่าเป็นห่วงที่สุด
“ฉัน...ฉันไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว” ร่างสูงยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้า ใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอีทึกเดินจากเขาไป เขาต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง? แล้วจะมาเจ็บปวดอะไรกันอีก
[งั้นถ้าฉันจัดการทางนี้เสร็จ ฉันจะไปหานายนะ...ห้ามปฏิเสธ!!] เขาไม่ต้องการให้เพื่อนอยู่ตามลำพังในเวลาแบบนี้ จะว่าไปในโลกนี้จะหาคนที่เสียสละเท่าคนๆนี้ได้อีกไหมเนี่ย?
“ตามใจ” ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะขัดอะไร บางทีการที่เรามีใครซักคนมาอยู่เป็นเพื่อน มันก็ดีกว่าปล่อยตัวเองให้ฟุ้งซ่านไม่เข้าเรื่อง
[ตกลงตามนี้...แล้วเจอกัน] ซึงฮวานนั่งมองโทรศัพท์ในมืออย่างเลื่อนลอย ในเมื่อเขาคิดจะช่วยแล้วเขาก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด การที่ได้เห็นคนรักมีความสุขย่อมเป็นอะไรที่เขาสมควรทำ ถึงแม้จะต้องเจ็บก็ตาม
“ขอให้นายโชคดีอีทึก พี่ดีใจนะที่นายรู้ใจตัวเองซักที”
TBC.
ความรัก หรือ ความผูกพัน
[ออด...]
อีทึกค่อยๆเดินไปเปิดประตู น่าแปลกใจ ทำไมเขาไม่ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น ความจริงเขาน่าจะวิ่งไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เปิดประตูด้วยความตื่นเต้นและโผกอดคนที่เขารักด้วยความดีใจ แต่ตอนนี้...มันไม่ได้เป็นแบบนั้น จะด้วยเหตุผลใดเขาก็ไม่สามารถสรุปได้
“พี่ซึงฮวาน” ร่างบางยิ้มหวานเมื่อเห็นคนรักเต็มตา พวกเขาไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ร่วมกันนานแค่ไหนแล้วนะ?
“คิดถึงมากเลยรู้ไหม” ริมฝีปากได้รูปโฉบลงมาประกบแนบแน่น ร่างสูงใช้มือหนึ่งโอบเอวบางแล้วพลิกตัวเข้ามาในห้อง โดยใช้อีกมือหนึ่งดึงประตูเข้ามาและลงกลอนเสร็จสรรพ
“อื้มมม...” จูบที่แนบแน่นและเนิ่นนานเริ่มทำให้อีทึกขาดอากาศ คนตัวเล็กไม่สามารถหลบหลีกไปไหนได้เมื่อโดนดันเข้าไปจนติดฝาผนังโดยมีอีกฝ่ายคร่อมขวางไว้ นิ้วเรียวเริ่มจิกแน่นเข้ากับต้นแขนของร่างสูงเพื่อบอกกรายๆว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว ซึ่งชายหนุ่มก็รับรู้อาการเหล่านั้นแล้วค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะไล่จูบพรมไปทั่วใบหน้าหวานอย่างโหยหา
“รู้ไหมว่าพี่อยากกอดนายมากแค่ไหน” เรียวลิ้นตวัดไล้ติ่งหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ อีทึกสะดุ้งเฮือก
“อ๊ะ! ผมคิดว่าผมน่าจะรู้นะ”
“งั้นก็” นิ้วเรียวแตะริมฝีปากได้รูปเป็นเชิงหยุด
“พอเถอะครับพี่ซึงฮวาน ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้”
“นั่นสินะ พี่ก็ใจร้อนเกินไป” ร่างสูงยอมถอยออกมาแต่โดยดี อีทึกจึงเดินนำเข้ามาในห้องนั่งเล่น เป็นจังหวะเดียวกับที่ซึงฮวานมองตามไป รอยเลือดที่เสื้อ? ผู้จัดการหนุ่มรีบคว้าแขนเรียวเอาไว้แล้วเค้นถาม
“อีทึก! เสื้อนายไปโดนอะไรมา”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรมากหรอกครับ อุบัติเหตุนิดหน่อยหน่ะ” ร่างบางยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะแยกตัวไปที่เคาน์เตอร์ ถึงแม้จะไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่แต่ถ้าอีทึกต้องการให้เขารับรู้เพียงแค่นั้น เขาจะไปว่าอะไรได้
“ดื่มอะไรหน่อยไหมครับ? แต่ผมว่าชาร้อนๆดีกว่านะ พี่จะได้สดชื่นขึ้น เพิ่งเมาเละมานี่นะ” เจ้าของห้องพยายามชวนคุยเพื่อดึงบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้น
“นายไปบ้านยองจุนมาใช่ไหม? อีทึก” คนถูกถามชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่พูดอะไร ร่างบางแสร้งทำเป็นสนใจการเตรียมเครื่องดื่มมากกว่าที่จะตอบคำถาม
“ทั้งที่นายก็รู้ว่าพี่อยู่ที่นั่น แต่นายก็เลือกที่จะไม่เจอพี่ เพราะอะไร?”
“เอ่อ...ผม” อีทึกยิ่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ สายตาตัดพ้อแบบนั้นเขาไม่ชอบเสียจริงๆ
“ความสับสนของนายเริ่มเพิ่มมากขึ้นแล้วสินะ อีทึก”
“ความสับสน?”
“นายยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือว่าใจนายหน่ะอยู่ที่ใคร...ตั้งแต่แรก”
“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด” อีทึกถอยไปจนติดเคาน์เตอร์โดยมีแขนของร่างสูงคร่อมกันเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
“งั้นนายลองยืนยันให้พี่ฟังสิว่า นายไม่ได้คิดอะไรกับคังอิน ไม่ได้เป็นห่วง ไม่ได้แคร์ ไม่ได้ใส่ใจเกินคำว่าพี่น้อง! นายพูดออกมาสิ!” นี่เป็นครั้งแรกที่ซึงฮวานตะคอกใส่ จึงไม่แปลกเลยที่ร่างบางจะสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ผม...ผม...” คำพูดอึกอักบอกถึงอารมณ์สับสนที่กำลังก่อตัวขึ้น สุดท้ายอีทึกก็ได้แต่ซบหน้าเข้ากับไหล่กว้าง ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีคำแก้ตัว ไม่มีคำอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น มีเพียงความเงียบที่ทั้งสองมอบให้กัน
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ พี่ไม่ควรตะคอกใส่นายแบบนั้น” ฝ่ามืออุ่นลูบไปบนเส้นผมนุ่มเบาๆคล้ายปลอบโยน
“ไม่เป็นไรครับ”
“อีทึก...นายรักพี่ไหม?”
“รักสิครับ”
“แล้วคังอินล่ะ” ไม่มีคำตอบกลับมานอกจากสีหน้าสับสนของคนที่อยู่ตรงหน้า ซึงฮวานส่ายหน้าช้าๆ
“งั้นพี่จะถามนายใหม่อีกครั้งนะอีทึก นายค่อยๆคิดนะว่านายรักใครแล้วนายผูกพันกับใคร”
“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด”
“อีทึก...ความรักกับความผูกพันระดับความรู้สึกมันไม่ต่างกันหรอกนะ แต่ความจริงแล้วมันคนละอย่างกัน นายอาจจะคิดว่า...นายขาดพี่ไม่ได้แต่พอเวลาที่นายไม่มีพี่ นายก็สามารถอยู่ได้ ที่นายทุกข์ใจอยู่ตอนนี้เพราะว่านายพยายามบอกตัวเองว่านายรักพี่ ทั้งที่ความจริงแล้วหัวใจของนายเรียกร้องหาใครคนนั้นอยู่ตลอดเวลา นายไม่เคยลืมเขาซักวินาทีเดียว” ร่างสูงโน้มตัวลงจูบเบาๆที่เปลือกตาบางอย่างรักใคร สูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มเนียนเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้สึกต่างๆเกี่ยวกับร่างบางเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
“อย่าหลอกตัวเองอีกเลยนะอีทึก ระหว่างเราสิ่งที่เชื่อมเราเอาไว้เป็นแค่เส้นด้ายที่มีชื่อว่าความผูกพัน แต่ระหว่างนายกับใครคนนั้นของนายมันคือความรักที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ขอเพียงนายเปิดใจยอมรับเขาอีกครั้ง วันนั้นนายจะพบกับความสุขที่นายค้นหามาตลอดชีวิต”
“พี่ซึงฮวาน ”
“ที่ผ่านมาพี่พยายามหลอกตัวเองมาโดยตลอดว่านายรักพี่ แต่สิ่งที่พี่ได้รับกลับมามีแค่ความเจ็บปวดเมื่อเห็นนายมักจะมองคังอินด้วยสายตาที่พี่ไม่สามารถตีความหมายได้ นายคอยห่วงใยเขาอยู่เสมอ นายพร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเขาทุกครั้งเมื่อมีปัญหา ถึงแม้นายจะทำเหมือนกับว่านายไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง แต่ความจริงแล้ว...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะนายรักคังอิน”
“พี่คิดมากเกินไปแล้วครับ...ความรู้สึกที่ผมมีให้คังอินมันจบไปนานแล้ว” ร่างบางดึงมือคนรักมากุมไว้หลวมๆ
“มันไม่เคยจบหรอกอีทึก นายรู้ไหม ทำไมพี่ถึงขอร้องไม่ให้นายดื่มเหล้า”
“เพราะพี่กลัวผมเมาแล้วเที่ยวออกอาละวาดยังไงล่ะครับ...พี่เป็นคนบอกกับผมแบบนี้นี่” อีทึกตอบตามตรง
“มันก็ส่วนหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว...พี่ไม่อยากได้ยินนายเปิดเผยความรู้สึกต่างๆที่เก็บซ่อนไว้ต่างหาก เวลาที่นายไม่มีสตินายมักจะปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหลายออกมา นั่นมันทำให้พี่รู้ว่า...ความรักที่พี่มอบให้นายไม่ว่าจะมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถลบความรู้สึกของนายที่มีให้คังอินได้เลย นายยังรักเขา แต่เพราะนายมีพี่อยู่นายถึงพยายามลบความรู้สึกนั้นทิ้ง แล้วผลลัพธ์ก็คือความเจ็บปวดของพวกเราทั้งสามคน” ร่างสูงโน้มตัวลงก่อนจะซุกหน้าเข้ากับไหล่บางของคนที่รัก ความรู้สึกที่เขาเก็บเงียบเอาไว้ตลอดค่อยๆถูกระบายออกมาพร้อมกับน้ำตา ถึงแม้เขาจะพยายามกลั้นเอาไว้ซักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลอีกแล้ว เขาปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ ถึงแม้จะไม่ปลื้มนักที่มีจะคนเห็นน้ำตา แต่กับคนที่เขารักแล้วเขาพร้อมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาเสมอ
“ถ้าผมกลับไปหาคังอินจริงๆ คนที่เจ็บปวดจะเป็นตัวพี่เองนะครับ” ที่ผ่านมาเพราะความรักและความจริงใจของพี่ซึงฮวาน เขาถึงพร้อมที่จะลืมคังอินเพื่อคนๆนี้ คนที่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา พี่ซึงฮวานดีกับเขาเสมอ ความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจทำให้เขาไม่กล้าที่จะหักหาญน้ำใจ แต่ความจริงแล้วเขากำลังทำร้ายคนที่ดีกับเขามากที่สุดโดยที่เขาไม่รู้ตัวต่างหาก
“หากพี่ยืนกรานที่จะครอบครองนายไว้ เราก็จะได้รับความเจ็บปวดด้วยกันทั้งสามคน แต่ถ้าพี่ถอยออกมาแล้วปล่อยให้นายกับคังอินได้เดินไปด้วยกัน ถึงแม้จะเจ็บอยู่ซักหน่อยแต่การที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข...มันก็คุ้มนะ”
“พี่ดีออกอย่างนี้จะให้ผมทำร้ายพี่ได้ยังไง”
“ถ้านายรั้งความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ นั่นจะเป็นการทำร้ายพี่อย่างร้ายกาจต่างหากล่ะ”
“พี่ซึงฮวาน ”
“ไปเถอะ...ไปตามหาหัวใจของนาย” ร่างสูงถอยหลังออกมาเพื่อเปิดทางให้ อีทึกมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ พี่ซึงฮวานต้องการให้เขาทำอะไร
“บางที...พระเจ้าอาจจะอยากให้นายวิ่งตามความรู้สึกที่แท้จริงของนายอีกครั้งล่ะมั้ง”
“พี่จะให้ผมไปหาคังอิน?”
“ใจนายก็ต้องการแบบนั้นไม่ใช่หรอ ปล่อยเด็กบ้านั่นกลับไปในสภาพแบบนั้น นายไม่กังวลบ้างก็ให้รู้ไป” ร่างสูงยิ้มน้อยๆให้กับอีกคนที่นิ่งไปแล้ว
“พี่รู้ได้ยังไงว่าคังอินมาที่นี่?”
“พี่รู้ก็แล้วกัน...นายรีบไปเถอะ” ไม่พูดเปล่าซึงฮวานยังดันให้อีทึกรีบออกไปอีกด้วย ซึ่งร่างบางก็ทำตามอย่างงงๆ เมื่ออดีตคนรักออกไปจากห้องแล้วร่างสูงก็เดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะกดโทรศัพท์หาใครอีกคน
“อีทึกไปหาคังอินแล้วนะ”
[อืม...นายโอเคใช่ไหม?] ยองจุนถามด้วยเป็นห่วง มันก็จริงอยู่ที่แผนนี้ซึงฮวานเป็นคนวางขึ้นมา แต่เท่าที่เขาดูอยู่ คนที่วางแผนนั่นแหละที่น่าเป็นห่วงที่สุด
“ฉัน...ฉันไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันแค่อยากอยู่คนเดียว” ร่างสูงยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้า ใจมันเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอีทึกเดินจากเขาไป เขาต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง? แล้วจะมาเจ็บปวดอะไรกันอีก
[งั้นถ้าฉันจัดการทางนี้เสร็จ ฉันจะไปหานายนะ...ห้ามปฏิเสธ!!] เขาไม่ต้องการให้เพื่อนอยู่ตามลำพังในเวลาแบบนี้ จะว่าไปในโลกนี้จะหาคนที่เสียสละเท่าคนๆนี้ได้อีกไหมเนี่ย?
“ตามใจ” ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะขัดอะไร บางทีการที่เรามีใครซักคนมาอยู่เป็นเพื่อน มันก็ดีกว่าปล่อยตัวเองให้ฟุ้งซ่านไม่เข้าเรื่อง
[ตกลงตามนี้...แล้วเจอกัน] ซึงฮวานนั่งมองโทรศัพท์ในมืออย่างเลื่อนลอย ในเมื่อเขาคิดจะช่วยแล้วเขาก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด การที่ได้เห็นคนรักมีความสุขย่อมเป็นอะไรที่เขาสมควรทำ ถึงแม้จะต้องเจ็บก็ตาม
“ขอให้นายโชคดีอีทึก พี่ดีใจนะที่นายรู้ใจตัวเองซักที”
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น