ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] What's the hell happened!! [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #5 : What's the hell happened!! # 5

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 52




    มือที่กำลังตักข้าวต้มชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงรถจอดที่หน้ารั้วบ้าน เสียงจิ๊ปากอย่างเซ็งจัดเรียกให้พี่ชายมามองก่อนจะอมยิ้มขำ

    “เป็นอะไรไปเจ้าตัวดี?”

    “มาอยู่ได้ทุกเช้า ไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ!” เบ้ปากหนักขึ้นอีกเมื่อเห็นคนตัวสูงเปิดประตูรั้วเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี

    “อ้าว? ทำไมล่ะ ทานข้าวกันหลายคนอบอุ่นดีออก” รับชามข้าวต้มจากน้องชายก่อนจะนำไปวางที่โต๊ะ

    “เปลืองจะตาย!” อีทึกหัวเราะเบาๆ เบื่อจริงเชียวพวกที่ปากไม่ตรงกับใจเนี่ย

    “งั้นหรอ? แต่พี่เห็นเราเตรียมจานชามไว้สามชุดทุกทีเลยนะ” ยังไม่ทันจะอ้าปากเถียง ร่างสูงก็เดินยิ้มแก้มบุ๋มเข้ามาในครัวพอดี ฮยอกแจถอนใจฮึดฮัดแล้วหันไปตักข้าวต้มต่อ

    “อรุณสวัสดิ์ซีวอน”

    “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ทึก วันนี้ผมขอฝากท้องอีกวันนะครับ” โค้งให้รุ่นพี่ก่อนจะเดินไปประกบที่รักที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าเตา

    “น่าทานจังเลย” คนถูกยืนซ้อนหลังขยับตัวอย่างอึดอัด อย่ามาทำตัวน่าหมั่นไส้แถวนี้นะเฟ้ย หน้าฉันมันจะร้อนกว่าข้าวต้มในชามอยู่แล้ว คนบ้า!

    “ถ้าหิวนักก็เอาไปกินซะ!” ส่งชามข้าวต้มให้ก่อนจะเดินมากระแทกตัวนั่งตรงข้ามพี่ชาย ซีวอนอมยิ้มแล้วเดินมานั่งด้วย

    “ที่บ้านก็มีรถ นายจะเอามันมาจอดที่บ้านฉันแล้วเดินไปโรงเรียนด้วยกันเนี่ยนะ? นายมันบ้าซีวอน!”

    “บ้าตรงไหน? ใครๆก็ฝันอยากจะไปโรงเรียนพร้อมกับประธานนักเรียนสุดหล่ออย่างฉันทั้งนั้นเลยนะ” คนฟังถึงกับเบ้หน้า ตัวตนของนายคือผู้ชายหลงตัวเองใช่ไหมเนี่ย! ชเว ซีวอน!

    “ไม่ใช่ฉันคนนึงล่ะ”

    “นั่นสินะ…คนน่ารักอย่างนายไม่ค่อยจะมองมาทางฉันนักหรอก” ตีหน้าเศร้าเอาช้อนเขี่ยข้าวต้มในชามจนนึกอยากจะยันซักโครม อย่ามาทำเหมือนฉันผิดนะเว้ย แล้วไอ้อะไรน่ารักๆนั่นอีก อี ฮยอกแจไม่ใช่สาวๆที่จะดีใจกับคำชมประเภทนี้นะเว้ยเฮ้ย!

    “ฉันหล่อนะ!”

    “หล่อตรงไหน? หล่อๆต้องอย่างฉันนี่ ถ้าสวยก็ต้องอย่างพี่ทึก แบบนายหน่ะเขาเรียกว่าน่ารัก” ไม่พูดเปล่ายังอุตส่าห์ยื่นมือมาหยิกแก้มนุ่มๆเล่นอีกต่างหาก ฮยอกแจปัดมือหนาออกทันที ยั๊วะแล้วนะเฟ้ย!

    “ชเว ซีวอน!!”

    “เลิกทะเลาะกันได้แล้วหน่าสองคนนี้” คนเป็นพี่เอ่ยยิ้มๆ นี่พี่ทึกไม่ได้จริงจังจะห้ามเลยใช่ไหมเนี่ย?

    “พี่ทึกก็ดูสิวอนพูดเข้าสิ!”

    “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกคนบ้านี่

    “ซีวอน!”

    “ครับ…ที่รัก?”

    “ไอ้บ้า!” อีทึกนั่งมองน้องทั้งสองคนแล้วส่ายศีรษะอย่างนึกเอ็นดู ตั้งแต่ทำงานสภานักเรียนกับซีวอนมา เขาไม่เคยเห็นท่าทีขี้เล่นของรุ่นน้องคนนี้หลุดออกมาเลยซักครั้ง แต่พออยู่กับฮยอกแจเหมือนซีวอนจะเป็นตัวของตัวเองมาก ด้านน้องชายของเขาก็เหมือนกัน ถึงฮยอกแจจะนิสัยเหมือนเด็กๆแต่ก็ไม่เคยงอแงแบบนี้ เหมือนจะเป็นกับซีวอนคนเดียว ไม่สิ…กับพี่ชายคนจีนนั่นด้วยสินะ อีทึกลอบมองน้องสองคนที่ยังต่อปากต่อคำกันไม่เลิกแล้วถอนใจเบาๆ



    ฮยอกแจ…ถ้านายลืมสัญญานั่นได้ พี่ว่านายจะมีความสุขกับความรักครั้งใหม่นี้มากทีเดียว







    “เฮ้ยๆ คิมจองซู” เสียงเรียกห้าวๆพร้อมกับก้อนกระดาษที่ขยำเป็นก้อนกลมถูกโยนลงศีรษะทำเอาเส้นเลือดข้างขมับอดีตประธานนักเรียนคนสวยผุดขึ้นทันที

    “แกจะเรียกฉันให้มันนุ่มนวลกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะฮะ?” คนยิ่งกำลังยุ่ง ยังจะมากวนใส่อีก เดี๋ยวปั๊ดประเคนออกนอกห้องซะนี่

    “ยังไม่ชินอีกหรือไง คิมฮีซอลก็ต้องแบบนี้แหละ อยากได้หวานๆก็ไปอ้อนเอาจากไอ้คังอินคืนนี้สิว๊า~!” ส่งยิ้มเยาะตามแบบฉบับนางพญาเมื่อเห็นเพื่อนโกรธจนควันออกหู อีทึกลุกขึ้นทันที รายการกิจกรรมสำคัญแค่ไหนก็ไม่มีอารมณ์อ่านแล้วเว้ย!

    “ถ้าว่างมากนักก็ออกไปหาอะไรกัดเล่นข้างนอกไป๊! หรือถ้าอยากอยู่ที่นี่เดี๋ยวฉันออกไปเองก็ได้” รวบแฟ้มกิจกรรมมาถือไว้แล้วเดินปึงปังไปที่ประตู ร้อนถึงเจ้าแม่ต้องรีบวิ่งไปขวางไว้

    “เฮ้ยๆ เห็นทำหน้าเครียดเลยช่วยผ่อนคลายเท่านั้นเอง จะโกรธอะไรจริงจังขนาดนี้วะ” คว้าแฟ้มทั้งหมดมาถือไว้เองก่อนจะเอาไปวางที่โต๊ะตามเดิม

    “ช่วยบ้านแกดิ สมองฉันยิ่งทำงานหนักขึ้นซะมากกว่า” ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่ก็ยอมกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม

    “ชิวๆหน่า นี่เครียดเรื่องงานประกวดบิวตี้คอนเทสต์อยู่ล่ะสิ” เปิดแฟ้มดูสองสามทีก่อนจะหันมาถามเพื่อน อีทึกพยักหน้ารับก่อนจะถอนใจหนักๆ

    “ก็ปีที่แล้วใครสร้างวีรกรรมไว้ล่ะ? ฉันต้องตามล้างตามเช็ดให้อยู่เนี่ย” อ่านรายงานจากแต่ละชมรมแล้วจะลมจับ ทุกอย่างก็เพราะตัวยุ่งอย่างนายทั้งนั้นแหละคิมฮีซอล

    “อะไรๆ ปีที่แล้วประสบความสำเร็จที่สุดตั้งแต่จัดการประกวดมาเลยต่างหาก คนที่ได้รับตำแหน่งก็ได้คะแนนล้นหลามชนิดที่ว่าถ้าจับประกวดมิสโคเรียจะต้องเข้าถึงรอบห้าคนสุดท้ายได้แน่ๆ นายว่าจริงไหม?” เอ่ยถามเพื่อนที่กำลังขยับปากขยุกขยิกสาปแช่งเขาอยู่เงียบๆ

    “มันเป็นปีที่น่าอับอายที่สุดสำหรับฉันต่างหาก!”







    การประกวดบิวตี้คอนเทสต์เป็นกิจกรรมประจำปีที่นักเรียนหลายคนรอคอย สาวงามตัวแทนจากแต่ละชมรมจะถูกคัดสรรมาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือความสามารถ และแน่นอนว่าชมรมการแสดงของพวกเขาก็มีเพชรเม็ดงามด้วยเหมือนกัน น้องโซฮีขวัญใจของหนุ่มๆกว่าครึ่งโรงเรียน…และแน่นอนว่ารวมคิม ฮีซอล เข้าไปด้วย ได้รับการคัดเลือกให้เข้าประกวดในครั้งนี้ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เป็นอย่างดี จนกระทั่งก่อนการประกวดเพียงวันเดียว

    “ปาร์ค จองซู! ถ้าแกไม่เปิดประตูฉันจะถีบเข้าไปแล้วนะ!” เสียงรัวทุบประตูชนิดที่ว่าสามารถปลุกคนได้ทั้งซอยดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนแปดล้านหลอดทำเอาอีทึกและฮยอกแจที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่กับรายการโทรทัศน์อยู่ในบ้านถึงกับรีบวิ่งมาที่ประตู

    “เป็นบ้าอะไรเนี่ยฮีซอล นี่มันสองทุ่มแล้วนะเว้ย! นายอยากให้บ้านฉันถูกปาของใส่หลังคาหรือไง?!”

    “ก็เรื่องของบ้านแกสิ! เรื่องของฉันใหญ่กว่าเว้ย!” ดันเจ้าของบ้านเข้าไปด้านในก่อนจะปิดประตูโครมใหญ่ ฮยอกแจกับอีทึกได้แต่มองหน้ากันงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกกันเลยทีเดียว

    “เรื่องใหญ่ที่ว่าคืออะไร?” เอ่ยถามผู้บุกรุกยามวิกาลทันทีที่มานั่งรวมตัวกันที่โซฟา

    “น้องโซฮีเข้าโรงพยาบาลเมื่อเย็นนี้”

    “อะไรนะ?!” พรุ่งนี้จะประกวดแล้วนะ อะไรมันจะซวยแบบนี้เนี่ย หาคนตอนนี้จะทันที่ไหนเล่า

    “แม่ง! ใครไม่รู้มันเอาเกสรดอกลิลลี่ไปโปรยไว้ทั้งในล็อคเกอร์แล้วก็โต๊ะเรียนของน้องโซฮี น้องเขาแพ้เกสรลิลลี่มากด้วย ถึงกับเข้าโรงพยาบาลไปเลย สงสารน้องว่ะ”

    “คิดว่าใครทำ”

    “ต้นข่าวบอกว่าชมรมว่ายน้ำ…พวกลิ่วล้อของยุนอา” ชมรมไม้เบื่อไม้เมาที่มีเรื่องงัดข้อกันมาตลอด แต่คราวนี้เล่นกันแรงขนาดนี้สงสัยจะต้องเล่นให้อยู่ต่อไปไม่ได้ซะแล้วมั้ง

    “ฉันว่าชมรมเราคงต้องถอนตัวแล้วล่ะ หาคนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว” ตบไหล่ปลอบเพื่อนเบาๆ เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้ฮีซอลโกรธมากแค่ไหน คำสัญญาที่ให้ไว้กับน้องๆในชมรมว่าจะนำเงินรางวัลการประกวดมาฉลองด้วยกันตอนปีใหม่ก็ค้ำคออยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...ไปเล่นกับขวัญใจของเจ้าแม่ก็คงจะเป็นเชื้อเพลิงที่แรงอยู่ไม่น้อย

    “ไม่! ฉันจะฉีกหน้าแม่นั่น ชมรมเราะต้องชนะการประกวด!!” เสียงคำรามนั่นทำเอาฮยอกแจถึงกับตกใจถอยกรูดไปที่อีกข้างหนึ่งของโซฟา ทำไมพี่ฮีซอลน่ากลัวแบบนี้เนี่ย

    “บ้าหรือไงฮีซอล เราหาคนไม่ทันแล้ว ถึงจะหาทันแต่การแสดงที่เราเตรียมไว้จะให้ซ้อมตรงสเต็ปในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนายก็น่าจะรู้ว่ามันออกมาไม่ดีแน่นอน” อีทึกพยายามใช้เหตุผลกับเพื่อนทั้งที่รู้ดีว่ากับคนอย่างฮีซอลเวลาโกรธยังไงก็ใช้ไม่ได้

    “มีสิ! นอกจากน้องโซฮี ยังมีคนที่รู้สเต็ปการแสดงอยู่อีกคน”

    “ใครวะ?”

    “ก็นายไง…ปาร์ค จองซู”

    “บ้า! ฉันผู้ชายนะเว้ย งานประกวดนี้เขาสำหรับผู้หญิง แกบ้าไปแล้วหรือไง” มันต้องโมโหจนเสียสติไปแล้วแน่ๆ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮีซอลจะเป็นไปได้ขนาดนี้

    “กฎข้อไหนของการประกวดบอกว่าต้องเป็นผู้หญิง?”

    “เอ่อ…” จะว่าไปมันก็ไม่มี แต่มันต้องรู้กันด้วยสามัญสำนึกสิว่ามันเป็นงานของผู้หญิง!

    “เพราะฉะนั้นนายต้องลงประกวดแทนน้องโซฮี”

    “ถ้าอย่างนั้นนายก็ประกวดเองสิ!”

    “ฉันเป็นผู้จัดการนางงามเว้ย หรือถ้าฉันจะขึ้นเวทีก็มีกรณีเดียว…ขึ้นไปชำระแค้นกับยุนอา จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ?” นองเลือด…คำนี้ผุดขึ้นมาในความคิดสองพี่น้องทันที อีทึกกับฮยอกแจหันมามองหน้ากันแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

    “ข้อเสนอดีกว่านี้ไม่มีแล้วหรือไง ข้อหาหลอกลวงประชาชนเลยนะเว้ย”

    “ไม่ได้หลอกลวงเว้ย! แค่พลิกหน้าประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง”







    “คุยอะไรกันอยู่หรอ บรรยากาศดูอึมครึมจัง” เสียงทุ้มเอ่ยทำลายบรรยากาศกดดันนั่นได้ชะงัดนัก อีทึกยิ้มบางๆให้กับร่างสูงที่เดินมาหา ผิดกับฮีซอลที่เบะปากอย่างหมั่นไส้

    “แหม~ พอแฟนมาล่ะอารมณ์ดีเชียวนะ”

    “อย่ามากัดหน่าฮีซอล กระดูกยางที่ให้ไปครั้งที่แล้วสึกไปหมดแล้วหรือไง?” เรื่องต่อปากต่อคำชนิดถือมีดเชือดกันซึ่งๆหน้านี่ต้องยกให้คังอินกับฮีซอลจริงๆนะเนี่ย

    “เออ! แทะจนสึกหมดแล้ว ถึงได้หมั่นเขี้ยวจนต้องมานั่งแทะสุดที่รักของแกอยู่นี่ไง” คังอินหัวเราะให้กับคำต่อปากต่อคำนั่นก่อนจะเดินมานั่งข้างอีทึก

    “แล้วนี่ตกลงว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่?”

    “เรื่องการประกวดบิวตี้คอนเทสต์ของปีที่แล้วหน่ะ”

    “หืม? ปรากฏการณ์นางฟ้าจำแลงหน่ะหรอ?” คนถูกแซวถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก ต้องแก้เขินด้วยการศอกใส่ร่างสูงไม่เบานัก ก็เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้นคังอินก็ประกาศตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาจนออกนอกหน้าทั้งที่แต่ก่อนชอบทำตัวลับๆล่อๆไม่เคยจะเปิดตัวว่าชอบเขาซักครั้ง

    “ทำเป็นพูดดีไปไอ้หมี ถ้าตอนนั้นแกยังทำตัวเป็นคนในเงามืด นางฟ้าของแกอาจจะถูกใครมาฉกไปก็ได้ ต้องขอบคุณฉันรู้ไหมที่กรอกหูเรียกความกล้าแกอยู่เช้าเย็น” เงยหน้าขึ้นมาบอกก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งอยู่ในมือต่อ กลายเป็นว่าตอนนี้ฮีซอลกำลังให้ความสนใจอยู่กับแฟ้มรายงานที่อีทึกอ่านเมื่อครู่แทน

    “ขอบพระคุณอย่างสูงครับ”

    “เออ...ดี”

    “แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า? ตอนนี้คาบชมรมนี่นา” อีทึกมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยถามคนรัก ปกติเวลานี้คังอินจะต้องคุมทีมอยู่ที่สนามฟุตบอล หมดคาบชมรมแล้วถึงจะมารับเขากลับบ้าน แต่นี่มันเพิ่งต้นคาบเองไม่ใช่หรอ?

    “วันนี้หยุดหน่ะ เยซองมันจะไปออกเดท ไอ้พวกตัวโตๆในชมรมมันเลยงอแงอยากไปออกเดทกับแฟนพวกมันบ้าง ก็เลยให้พักวันนึงเพราะยังไงตอนนี้ฟอร์มการเล่นก็เข้าขากันได้ดีแล้ว เลยไม่มีอะไรน่าห่วง” อธิบายให้สุดที่รักฟังก่อนจะยิ้มจนตาหยี

    “อ้าว? งั้นตอนนี้ลูกสาวแกหายไปไหนเสียล่ะ? ทำไมไม่รับลูกมาหาคุณแม่ด้วย” เอ่ยถามพลางหยิบแฟ้มที่อยู่ใกล้ๆกันขึ้นมาอ่านอีกเล่ม

    “นั่นสิ…ฮยอกแจไปไหนล่ะ? วันนี้ชมรมคหกรรมของซองมินทำขนมมาฝากเต็มเลย” บุ้ยปากไปทางกล่องขนมสี่ห้ากล่องที่วางอยู่โต๊ะข้างๆ ร่างสูงมองตามก่อนจะอมยิ้ม

    “ก็เดินมาด้วยกันเนี่ยแหละ แต่เจ้าตัวยุ่งโทรคุยกับใครอยู่ก็ไม่รู้แล้วก็เดินเลี้ยวไปทางปีกซ้ายเฉยเลย” คนฟังได้แต่มองหน้ากัน ใครก็รู้ว่าปีกขวาจะเป็นส่วนของกรรมการนักเรียนทั้งหมด ส่วนปีกซ้ายนั่นมัน…ห้องประธานนักเรียน

    “สงสัยห้องนั้นจะมีขนมเยอะกว่าแน่เลยอีทึก ฉันว่านายต้องซื้อขนมมาตุนให้เยอะกว่านี้นะ ไม่งั้นลูกสาวนายจะจำทางกลับมาห้องแม่มันไม่ได้” คนเป็นแม่ (?) ได้แต่ถอนใจกับคำเปรียบเปรยอันสุดยอดของเพื่อน คิดอะไรปกติเหมือนที่คนธรรมดาเขาคิดกันเป็นบ้างไหมเนี่ย

    “ดูท่าจะสู้ไม่ได้หรอก” อีทึกหันมามองคังอินอย่างไม่เข้าใจ กัปตันทีมฟุตบอลคนเก่งจึงรีบอธิบายให้ที่รักฟังทันที

    “ก็เห็นซองมินกับทงเฮมาบ่นให้ฟังว่าช่วงนี้พอว่างปุ๊บ เจ้าลูกไก่ก็จะแวบหายไปเรื่อยเลย พอถามว่าไปไหนก็บอกว่าไปหาขนมกิน แล้วเรื่องก็รู้ไปถึงบรรดาแฟนคลับ พวกขนมสารพัดชนิดก็เลยถูกเอาฝากไว้ที่ห้องประธานนักเรียนแทนที่จะเป็นชมรมฟุตบอล เมื่อวันก่อนบังเอิญเจอคิบอม เจ้านั่นก็เอารูปที่ถ่ายในห้องประธานมาให้ดู คลังของหวานชัดๆ”

    “เตรียมเรียกสินสอดจากตระกูลชเวได้เลยแก”

    “รอดูไปก่อนเถอะฮีซอล นายก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ” สองสาวมองหน้ากันก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับคังอินที่รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มกดดันจนเหมือนอากาศที่ใช้หายใจจะลดลงเรื่อยๆ

    “แล้วนี่แฟ้มอะไรเยอะแยะ ของงานบิวตี้หมดเลยหรอ?”

    “อืม…แต่ละชมรมเริ่มทยอยส่งรายละเอียดผู้สมัครมาแล้วล่ะ” เอ่ยพลางยื่นแฟ้มที่อ่านแล้วให้คนรัก คังอินรับมาเปิดดูก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของตำแหน่งมิส(เตอร์)บิวตี้คนที่ยี่สิบของโรงเรียนที่เป็นผู้ชายคนแรก (?) อีทึกยิ้มแห้งๆก่อนจะพยักหน้ารับเมื่ออ่านสายตาของร่างสูงออก

    “เอฟเฟคแรงนะเนี่ย…”

    “แรงมากเลยเถอะ” ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่ยังคงอ่านแฟ้มอื่นๆอย่างสนอกสนใจ

    “ดูมีความสุขจริงนะ”

    “ปีนี้สนุกเห็นๆ ไม่ให้มีความสุขได้ไง” ตอบพลางยกยิ้มที่มุมปากตามสไตล์

    “เออ...ดี! จากที่ส่งมาสิบสองชมรม มีผู้ชายปาเข้าไปสี่คนแล้ว พายุหายนะมาเห็นๆแกยังจะมีหน้ามายิ้มอีก”

    “มีเรื่องสนุกๆให้ทำก็ต้องอารมณ์ดีเป็นธรรมดา จริงไหมคังอิน?” คนถูกพาดพิงหันมามองอย่างไม่ไว้วางใจ ไอ้หน้าตาระรื่นแบบนี้บอกตามตรง…เขาไม่อยากนึกถึงเรื่องที่กำลังผุดอยู่ในหัวของคนๆนี้เลย มันจะลากเขาเข้าไปเอี่ยวแบบไหนกันนะ

    “อะไร? แกจะสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับฉันอีกล่ะ”

    “โหย~ มองฉันในแง่ดีบ้างสิวะ เงินรางวัลคราวนี้หน่ะหลายแสนวอนอยู่นะเว้ย ถ้าได้มานะชมรมแกจะจัดเทรนนอกสถานที่ก็ยังได้” นี่มันไม่ได้ลากเขาเข้าไปคนเดียวแต่มันลากชมรมฟุตบอลของเขาเข้าไปด้วยหรือเนี่ย?!

    “จะให้ลงประกวดหรือไง? มีแต่ผู้ชายถึกๆทั้งนั้น บอกตามตรงอุจาดตาว่ะ” แค่คิดถึงสมาชิกในชมรมคนใดคนหนึ่งจะต้องมาแต่งหน้าทาปากเขาก็รับไม่ได้แล้ว

    “อะไรเนี่ย มีเพชรงามอยู่กับตัวแต่มองไม่เห็น ตาแกเนี่ยมองเห็นแต่ปาร์ค จองซูหรือไง” คนถูกกัดได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ ใครวะ…เพชรเม็ดงามของชมรมฟุตบอล?

    “อย่าแม้แต่จะคิดลากฮยอกแจเข้าไปยุ่งกับความหายนะของนายนะฮีซอล ฉันไม่ยอม” อีทึกเอ่ยขัดขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดจะทำอะไร แค่นี้เรื่องปวดหัวก็ปะดังปะเดใส่น้องเขามากเกินพอแล้ว

    “อะไรเนี่ยคุณแม่ กลัวนวลที่ตัวลูกสาวจะหลุดหรือไงจ๊ะ?”

    “ไม่ได้กลัวเว้ย! แต่ฉันไม่อยากให้ฮยอกแจต้องมาเจอเรื่องบ้าๆเพราะนายอีกก็เท่านั้น”

    “ฉันถามคังอิน ไม่ใช่นาย…เพราะฉะนั้นหุบปากไป” ร่างสูงถอนใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้คงไม่มีอะไรน่าลำบากใจเท่ากับการที่ต้องมานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสงครามนางฟ้ากับนางมารอีกแล้ว







    “ฮัดชิ่ว!” เสียงจามติดต่อกันหลายครั้งเรียกความสนใจจากร่างสูงที่กำลังนั่งศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการทำงานของกรรมการนักเรียน ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่เอานิ้วเช็ดจมูกตัวเองไปมาแล้วอมยิ้ม

    “พี่ทีกกำลังบ่นถึงหรือเปล่า?” มือที่กำลังหยิบขนมเข้าปากชะงักแล้วหันมามองร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน

    “จามแรงขนาดนี้พี่ฮีซอลมากกว่า” คว้าแก้วโกโก้เย็นที่ซีวอนชงให้ดื่มอีกอึกใหญ่

    “พี่เขาคงคิดถึงล่ะมั้ง” บอกกับคนที่ล้มตัวลงนอนกับโซฟาไปแล้ว ดูท่าคงจะต้องปล่อยให้งีบจนกว่าโรงเรียนจะเลิกแล้วค่อยอุ้มกลับบ้านก็แล้วกัน

    “หรอ? แต่ทำไมมันเสียวสันหลังแปลกๆก็ไม่รู้สิ...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ประโยคหลังบอกกับตัวเองเบาๆก่อนจะคว้าตุ๊กตาลูกไก่ที่วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างๆมากอดแล้วหลับตาลง…เข้าตำราหนังท้องตึงหนังตาหย่อนจริงๆ







    TBC.






    คงไม่มีอะไรหรอกม๊างงงงงงงง~~

    ถ้าไม่มีคนเมนต์จะไม่ต่อแล้วนะ

    งอน TT^TT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×