ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Good Morning My Love # 5 [KangTeuk]
[ออด...]
ยืนรอเพียงชั่วอึดใจเจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูต้อนรับ
“ดีใจนะที่นายมา” ยองจุนยิ้มบางๆก่อนจะเปิดทางให้รุ่นน้องของเขาเข้ามาในห้อง
“แล้ว”
“หมอนั่นหลับอยู่ในห้อง” ชายหนุ่มบุ้ยปากไปทางห้องนอนของเขา
“ช่างเขาเถอะ ตกลงพี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผม” ผู้มาเยือนทำเป็นไม่ใส่ใจ อีทึกเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวที่เขามักจะนั่งประจำเวลาที่มาบ้านรุ่นพี่คนนี้ พี่ยองจุนเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ซึงฮวาน เขาเลยมีโอกาสติดสอยห้อยตามมาด้วยบ่อยๆ อีทึกจึงเปรียบเหมือนแขกประจำของบ้านหลังนี้อีกคนหนึ่ง
“พูดกันตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ ฉันไม่อยากให้ความรักของนายสองคนจบลงแบบนี้เลยว่ะ”
“แล้วพี่คิดว่าผมอยากให้มันเกิดขึ้นหรองั้นหรอครับ? จู่ๆเขาก็ประกาศแต่งงานโดยที่ไม่บอกผมซักคำ อย่างน้อยเขาก็น่าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย! นอกจาก...เราเลิกกันเถอะ เขาจบความรักของผมด้วยคำสี่คำ! ในสายตาเขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่!!” น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้สุดกำลังในที่สุดก็ทนต่อไปอีกไม่ไหว อีทึกซุกหน้าร้องไห้กับฝ่ามืออย่างช่วยไม่ได้
“ในเมื่อยังรักกันอยู่แล้วเลิกกันทำไมวะ” ชายหนุ่มเดินมาตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ
“เขาต่างหากที่ขอผมเลิก แถมยังประกาศแต่งงานอีก” ร่างบางเถียงทั้งน้ำตา
“ก็แค่แต่งงานกับผู้หญิง ทีตอนนายคบกับยูรินไม่เห็นซึงฮวานมันจะโวยวายหาว่านายเลิกรักมันเลย”
“นั่นมันไม่เหมือนกันซักหน่อย...ผมบอกเหตุผลกับเขาแล้ว” ยูริน? เขาแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยคบกับผู้หญิงคนนี้ มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ใช่ตอนที่เขาเพิ่งถอยห่างออกมาจากคังอินช่วงแรกๆหรือเปล่า? สงสัยคงจะเป็นช่วงนั้น
“อย่าปัดความรับผิดชอบหน่ะอีทึก ฉันว่าตอนนี้นายน่าจะรู้สึกได้แล้วนะว่าตอนที่นายคบกับยูรินซึงฮวานมันรู้สึกยังไง...โดนเข้ากับตัวแล้วนี่นะ” ยองจุนตบไหล่บางเบาๆ ก่อนจะผละไปเตรียมเครื่องดื่มมาให้
“เบียร์? โคล่า?”
“ขอโคล่าดีกว่าครับ แค่นี้ผมก็เมาเกินพอแล้ว”
“อะไรกัน~ ฉันพูดแค่นี้ทำเป็นเมา เอ้อ! เห็นได้ข่าวมาว่ากำลังไปได้ดีกับคังอินนี่นะ”
“ใครบอกพี่เรื่องนั้น” อีทึกหันมามองด้วยความสงสัย มือเรียวรับกระป๋องโคล่ามาก่อนจะเปิดดื่ม ยองจุนเดินอ้อมมานั่งที่โซฟาก่อนจะตอบคำถามนั้น
“ซึงฮวานมันเพ้อหน่ะ ละเมอตลอดเลยว่านายกลับไปรักคังอินแล้ว นายคงลืมมันแล้ว”
“เขาต่างหากที่ลืมผม เขาต่างหากที่ตัดเยื่อใยจนไม่เหลือชิ้นดี” ทั้งๆที่ไม่รักเขาแล้วจะมาสนใจทำไมว่าเขาจะคิดยังไงกับคังอิน
“ฉันกล้าพูดเลยนะอีทึก...ซึงฮวานมันรักนายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด”
“รักผม? ถ้ารักผมจริงทำไมถึงเลิกกับผมล่ะ”
“ก็เพราะตัวนายนั่นแหละ” อีทึกหันมามองรุ่นพี่คนสนิทอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขางั้นหรอ?
“เพราะผม?” ร่างบางทวนคำพูดนั้นเหมือนต้องการคำยืนยันที่แน่นอน
“ใช่...เพราะนายนั่นแหละ ทั้งที่ตัวนายอยู่กับซึงฮวาน แต่ใจนายล่ะ นายลองถามตัวเองให้ดีสิว่าใจนายอยู่ที่ใคร...คังอิน?”
“เกี่ยวอะไรกับคังอิน”
“นายลืมไปแล้วหรอว่านายเคยรักคังอิน”
“มันก็ใช่ แต่นั่นมันนานมาแล้วนะครับ” ยังไงอีทึกก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมจู่ๆเรื่องมันถึงได้วนมาที่คังอินล่ะ?
“ซึงฮวานมันเปรยให้ฉันฟังบ่อยๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สายตาของนายที่มองคังอินมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย บางครั้งนายดูห่วงใยคังอินมากกว่ามันเสียด้วยซ้ำ มันก็เลยน้อยใจหน่ะ”
“ก็เลยจบปัญหาทุกอย่างด้วยการเลิกกัน? นี่หรอวิธีแก้ปัญหาของคนที่เป็นถึงผู้จัดการวง!!” ร่างบางหัวเราะสมเพศในโชคชะตาของตัวเอง
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง นายน่าจะอธิบายหรือไม่ก็แสดงให้ซึงฮวานเห็นว่านายไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“มันสายไปแล้วล่ะครับพี่ยองจุน เขามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างกายแล้ว” อีทึกเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปจนแทบจะเรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
“แล้วเมื่อก่อนนายก็มียูรินข้างกายไม่ใช่หรอ? ในเมื่อซึงฮวานยอมให้นายมียูรินได้ ทำไมนายจะยอมให้หมอนั่นมีคนอื่นบ้างไม่ได้ล่ะ?” มันเหมือนกันที่ไหน?! ตอนนั้นที่เขายังคบกับอยู่กับยูรินเพราะเขาไม่มั่นใจที่จะตอบรับความรู้สึกของพี่ซึงฮวาน แต่พอมั่นใจว่าจะคบกันเขาก็เลิกกับยูริน แน่นี่ พี่ซึงฮวานแต่งงานไปแล้ว จะให้ผมเล่นบทตีท้ายครัวบ้านอื่นหรือยังไงกัน?
“ฉันว่าตอนนี้นายต้องเลือกแล้วล่ะ ซึงฮวานหรือว่าคังอิน”
“ทำไมผมต้องเลือก” คิ้วเรียวขมวดมุ่น พี่ยองจุนต้องการทำอะไรกันแน่
“นายน่าจะตัดสินใจได้ง่ายๆนะอีทึก นายรักใครตัวนายเองรู้ดีที่สุด”
“ถ้าผมไม่เลือกใครเลยล่ะ?”
“นายเริ่มโลเลแล้วนะ”
“ผมเหนื่อยที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้เต็มทนแล้วเหมือนกันนะพี่จองยุน บางทีผมน่าจะหยุดความสัมพันธ์ทุกอย่างให้มันจบลงซักที” ร่างบางเอนตัวลงพิงหลังกับเก้าอี้นวม รอยยิ้มเศร้าๆปรากฎขึ้นบนริมฝีปากอิ่มสวย
“ถ้านายตัดสินใจแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไง” ยองจุนถอนหายใจเบาๆ
“นี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้” อีทึกลุกขึ้นคว้ากุญแจรถเตรียมออกจากบ้าน
“จะกลับแล้วหรอ?”
“ครับ...ขอโทษด้วยที่ผมพาเขากลับไปไม่ได้”
“ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณนะครับ”
“อือ ไว้คราวหน้าไปดื่มกันนะ”
“ถ้าว่างผมไปแน่นอนครับ” โค้งตัวลาก่อนจะเปิดประตูออกไป ส่วนเจ้าของห้องก็ได้แต่มองตาม จะรั้งไว้ก็ยังไงอยู่ในเมื่อเจ้าตัวเขาต้องการแบบนั้นจะทำยังไงได้
“ขอภาวนาให้พระเจ้าช่วยให้นายรู้ใจตัวเองเร็วๆเถอะนะอีทึก”
ร่างบางถึงกับชะงักเท้าเมื่อเห็นรุ่นน้องของเขา ร่างสูงนั่งกอดเข่าหลับอยู่หน้าประตูห้อง นี่หรือนักร้องหนุ่มผู้มีมาดแบดบอยที่สาวๆต่างโหวตให้ทั่วบ้านทั่วเมือง? นอนแบบไม่เกรงใจว่านักข่าวจะย่องมาถ่ายรูปไปประจานเลยนะเนี่ย อีทึกเดินเข้าไปสะกิดเรียกเบาๆจนคนขี้เซาพอจะมีสติขึ้นมาบ้าง
“หืม? พี่ไปไหนมา” คังอินพูดพลางขยี้ตา วันนี้ไม่มีจัดรายการแทนที่จะอยู่ห้องกลับหายไปไหนก็ไม่รู้
“ไปบ้านพี่ยองจุนมาหน่ะ”
“พี่ยองจุน? ไปทำไม ดื่มหรอ?” ร่างสูงถามพลางเดินตามร่างบางเข้ามาในห้อง
“พี่เขาจะให้พี่ไปรับพี่ซึงฮวานหน่ะ”
“แล้วพี่ก็ไป”
“ก็...นะ” อีทึกยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรมากมาย
“เมื่อไหร่พี่จะลืมหมอนั่นซักที!!” ชายหนุ่มโพล่งออกมาอย่างเหลืออด อะไรก็พี่ซึงฮวาน แล้วเขาล่ะ? ไม่คิดจะเหลือช่องว่างให้เขาบ้างหรือไง
“แล้วนายจะมาตะคอกพี่ทำไมเนี่ย นี่มันเรื่องส่วนตัวของพี่นะ”
“พี่นี่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำนะ”
“แล้วทำไม? เกี่ยวอะไรกับนาย นี่มันชีวิตพี่!อย่ามายุ่งนักเลยหน่ะ” อีทึกเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนอน เขาไม่อยากทะเลาะกับรุ่นน้องร่วมวงด้วยเรื่องแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ
“แล้วถ้าผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ล่ะ!” มือหนารั้งแขนเรียวเอาไว้ ก่อนจะดึงคนตัวบางเข้ามาในอ้อมกอด อีทึกตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก
“ปล่อยนะคังอิน”
“ผมไม่ปล่อย ผมรักพี่”
“พี่บอกให้ปล่อย” ไม่ว่าจะออกแรงดันแค่ไหน คนแข็งแรงก็ไม่มีท่าทีว่าจะสะทกสะท้านแต่อย่างใด ร่างบางเริ่มจิ๊ปากอย่างขัดใจ
“ต้องทำยังไงพี่ถึงจะรักผม”
“หยุดซักทีคังอิน พี่ไม่ชอบ” มือเรียวยังคงพยายามที่จะดันให้เขาออกห่าง พี่รังเกียจผมมากนักหรือไง ยังไงผมก็คงไม่มีวันแทนคนๆนั้นของพี่ได้สินะ เมื่อความน้อยใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ร่างสูงจึงเหวี่ยงคนที่รักจนกลิ้งไปนอนบนเตียงแล้วก้าวตามขึ้นไปทันที
“อ๊ะ! หยุดนะคังอิน” ร่างบางพยายามกระถดถอยหนี แต่ก็ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อถึงทางตันที่หัวเตียง
“ทำไมครับ? พี่รังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ไม่ใช่นะคังอิน มันต้องไม่เป็นแบบนี้”
“เลิกพูดคำบ้าๆแบบนี้ซักทีเถอะ! ผมเบื่อจนจะอาเจียนอยู่แล้ว!”
“อ๊ะ! อย่านะ!” เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกกระชากออกจนกระดุมกระเด็นหลุดออกทั้งแถบ ใบหน้าคมเข้าซุกไซร้ซอกคอขาว เชยชมความเย้ายวนตรงหน้าโดยไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดขืนจากร่างบางแม้แต่น้อย ไม่มีคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องในเวลานี้อีกแล้ว ณ ตรงนี้มีเพียงผู้ชายที่กำลังบ้าคลั่งกับเหยื่ออารมณ์ที่เข้ามาถูกจังหวะเท่านั้นเอง
อีทึกพยายามดิ้นจนสุดกำลัง เขาเข้าใจดีว่าคังอินกำลังรู้สึกยังไง แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทั้งที่คังอินบอกว่ารักเขา แต่พอโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้กลับทำกับเขาราวกับว่าเขาเป็นสิ่งของรองรับอารมณ์ ความรักแบบนี้เขาไม่ต้องการ!
หยาดน้ำตาไหลรินจากนัยน์ตาเรียวสวย ร่างบางสะอื้นฮักด้วยไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้อีกต่อไป ผู้รุกรานหยุดการกระทำทุกอย่างทันที อีทึกหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“พี่รู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีชีวิตจิตใจแบบนี้” หยดน้ำเย็นๆตกลงสัมผัสแก้มเนียนสวย อีทึกลืมตาขึ้นมองแล้วก็ต้องตกใจ หยดน้ำนั่นมาจากนัยน์ตาคมที่กำลังทอดมองมาที่เขา
“ผม...ผมขอโทษ” ร่างสูงผละออกไปนั่งที่ปลายเตียงอย่างรวดเร็ว
“คังอิน” อีทึกเอื้อมมือหวังจะสัมผัสต้นแขนอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นหนี
“ผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมไม่น่าทำแบบนี้กับพี่” ร่างสูงพูดทั้งที่ยังหันหลังให้ เขายอมรับว่าตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับอีทึกด้วยซ้ำ
“ทั้งที่ผมรักพี่ ผมอยากทำให้พี่มีความสุขด้วยมือของผม แต่วันนี้ มือของผมกลับทำร้ายพี่ ทำให้พี่ร้องไห้ ทำไม!!” คังอินเดินตรงไปที่กำแพงก่อนจะก็รัวหมัดใส่อย่างบ้าคลั่ง
“หยุดนะคังอิน! นายบ้าไปแล้วหรือไง” อีทึกรีบวิ่งเข้ามาห้าม เขาไม่อยากเห็นคังอินเจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว มือเรียวประคองมืออีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ยิ่งเห็นเลือดออกยิ่งใจเสีย
“เลือดออกด้วย กระดูกจะแตกไหมเนี่ย! นายเจ็บมากไหมคังอิน” ร่างบางละล่ำละลักถามด้วยความเป็นห่วง
“.............” คนเจ็บไม่ได้ตอบอะไรนอกจากโผเข้ากอดคนที่รักแล้วสะอื้นออกมาเบาๆ
“...คังอิน”
“ผมขอโทษ”
“อย่ามัวแต่ขอโทษเลย ให้พี่ทำแผลให้นายก่อนดีกว่า” อีทึกลุกขึ้นไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่มาใส่แทนตัวเก่าที่กระดุมหลุดกระจายไปไหนต่อไหนเพราะแรงกระชากจากร่างสูง ก่อนจะรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้อย่างตั้งอกตั้งใจ คังอินได้แต่นั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำความสะอาดแผลและใส่ยาให้
“พี่อีทึก”
“หือ? เจ็บหรอ? เดี๋ยวพี่จะเบามือกว่านี้นะ” พยาบาลจำเป็นพูดพลางเป่าเบาๆที่แผล
“ผมไม่ได้เจ็บแผล”
“งั้น...นายมีอะไรจะพูดกับพี่ล่ะ?” สำลีชุบยาแตะลงเบาๆที่รอยแผล
“พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าเมื่อกี้ผมทำอะไรกับพี่ไว้” ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจกับแผลที่มืออีกข้าง
“ไม่ลืมหรอก แล้วก็ไม่มีวันลืมด้วย”
“ผมขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ขอแค่ว่านายอย่าทำกับพี่แบบนี้อีกก็พอแล้ว”
“ผมสัญญา ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก ถ้าพี่ไม่อนุญาต” อีทึกยิ้มรับคำบอกนั้นก่อนจะทำแผลต่อจนเสร็จ หลังจากเอาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปเก็บ ร่างบางก็เดินมานั่งข้างๆชายหนุ่มที่เตียง
“คังอิน ”
“ครับ?”
“พี่ไปที่บ้านพี่ยองจุนมา”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนั่งเงียบเพื่อรอให้อีกฝ่ายเล่าในสิ่งที่อยากจะบอก
“พี่ยองจุนบอกว่าพี่ซึงฮวานยังรักพี่อยู่”
“รัก? คนรักกันจะทำกันแบบนี้หรอ พี่ถูกพี่ยองจุนปั่นหัวมาหรือไง” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินร่างสูงเอ่ยแบบนั้น
“ไม่มีใครปั่นหัวพี่ได้หรอกนะคังอิน”
“พี่จะกลับไปหาเขาอีกหรือไง”
“ถ้าเขายังรักพี่อยู่ พี่ก็พร้อมที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้ง” อีทึกยิ้มบางๆ ช่วงเวลาที่ดีต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพี่ซึงฮวานมันสวยงามจนไม่อยากให้มันจางหายไปแบบนี้
“ไม่ว่ายังไงพี่ก็เลือกเขา เหมือนกับตอนนั้น” คังอินลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องอย่างฉุนเฉียว ถ้าขืนเขายังนั่งฟังต่อไปก็คงลงเอยที่เขาเผลอไปทำร้ายจิตใจอีทึกอีกจนได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการแบบนั้น
“ตอนนั้น? นี่มันเรื่องอะไรกันคังอิน” ร่างบางรีบเดินตามออกมา มีอะไรบางอย่างที่เขายังไม่ได้รับรู้งั้นหรือ?
“ผมมักจะทำอะไรช้ากว่าพี่ซึ่งฮวานหนึ่งก้าวเสมอ” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเศร้า
“ทั้งที่ตอนนั้นผมมั่นใจแล้วว่าเราใจตรงกัน แต่สุดท้าย...พี่ก็เลือกเขาให้มายืนเคียงข้าง ทั้งที่ความจริงแล้วที่ตรงนั้นมันน่าจะเป็นของผมมากกว่า”
“นั่นเพราะนายไม่เคยทำให้พี่มั่นใจเลยต่างหาก”
“แต่” ชายหนุ่มหยุดคำพูดทุกอย่างไว้แค่นั้นเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขัดบทสนทนาระหว่างพวกเขาขึ้นมาเสียก่อน เจ้าของห้องจำต้องเดินไปรับโทรศัพท์อย่างช่วยไม่ได้
“ครับ อีทึกพูดครับ”
[...อีทึก]
“พี่ซึงฮวาน?” ร่างสูงหันขวับทันทีที่อีทึกเอ่ยชื่อนั้น และนี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่เขาก้าวช้ากว่าผู้ชายที่ชื่อซึงฮวานอีกหนึ่งก้าว
[พี่...พี่ไม่อยากฝืนตัวเองอีกแล้ว พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย]
“พี่เพิ่งจะรู้หรอครับ? ผมหน่ะรู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่พี่บอกเลิกแล้วว่าผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดพี่” คังอินถึงกับเดินเลี่ยงไปทางอื่น เขาทนไม่ได้จริงๆที่อีทึกพูดแบบนั้น จะมีบ้างไหมนะที่อีทึกจะพูดกับเขาแบบนี้
[พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ไม่สบายใจเลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้]
“ตอนนี้พี่ซึงฮวานอยู่ไหนครับ? พี่สร่างเมาแล้วหรือยัง” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
[ก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้กำลังจะกลับบ้าน ไอ้ยองจุนมันไล่ให้กลับหน่ะ]
“...............”
[อยากเจอนายเหลือเกินอีทึก]
“เอ่อ...แต่ว่า...ผม...” อีทึกมองไปทางรุ่นน้องร่วมวงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักอย่างหนักใจ ซึ่งร่างสูงก็เข้าใจความหมายนั้นดี ริมฝีปากได้รูปขยับพูดแต่ไม่ออกเสียง
ผมกลับก่อนนะ
[มีอะไรหรออีทึก?]
“ป...เปล่าครับ” อีทึกเอื้อมมือไปแตะประตูเบาๆ บางทีเขาน่าจะรั้งคังอินเอาไว้ ร่างบางส่ายหัวกับความคิดของตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝากหนึ่งของประตูมีใครบางคนกำลังหัวใจสลายจนแทบจะเดินไปไหนไม่ไหวยืนรอด้วยความหวังที่ว่าร่างบางอาจจะเปิดประตูมาเรียกเขาเอาไว้ เมื่อทุกอย่างยังคงเงียบ ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือแตะบานประตูเบาๆก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากมาพร้อมกับหยดน้ำตา
ผมคงไม่คู่ควรกับพี่จริงๆสินะ
[จะเป็นอะไรไหมถ้าพี่จะขอไปหานายที่บ้าน]
“ก็...ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ พี่จะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้”
[งั้นเดี๋ยวพี่ไปหานายนะ]
“ครับ” ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องนี้อีกครั้งหลังจากซึงฮวานวางสายไป อะไรบางอย่างกำลังทำให้อีทึกไขว้เขว
“อีกไม่นานเราก็จะมีความสุข เราต้องดีใจสิ” พูดกำชับตัวเองอย่างหนักแน่น แต่ใจหนึ่งก็พะวงเป็นห่วงใครบางคนที่เพิ่งออกไปจากห้อง จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้?
“เป็นอะไรไปอีทึก นายต้องไม่ไขว้เขว ท่องเอาไว้สิ!” หรือพระเจ้าจะเล่นตลกกับชีวิตเขาอีกครั้งกันนะ?
TBC.
ยืนรอเพียงชั่วอึดใจเจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูต้อนรับ
“ดีใจนะที่นายมา” ยองจุนยิ้มบางๆก่อนจะเปิดทางให้รุ่นน้องของเขาเข้ามาในห้อง
“แล้ว”
“หมอนั่นหลับอยู่ในห้อง” ชายหนุ่มบุ้ยปากไปทางห้องนอนของเขา
“ช่างเขาเถอะ ตกลงพี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผม” ผู้มาเยือนทำเป็นไม่ใส่ใจ อีทึกเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวที่เขามักจะนั่งประจำเวลาที่มาบ้านรุ่นพี่คนนี้ พี่ยองจุนเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ซึงฮวาน เขาเลยมีโอกาสติดสอยห้อยตามมาด้วยบ่อยๆ อีทึกจึงเปรียบเหมือนแขกประจำของบ้านหลังนี้อีกคนหนึ่ง
“พูดกันตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ ฉันไม่อยากให้ความรักของนายสองคนจบลงแบบนี้เลยว่ะ”
“แล้วพี่คิดว่าผมอยากให้มันเกิดขึ้นหรองั้นหรอครับ? จู่ๆเขาก็ประกาศแต่งงานโดยที่ไม่บอกผมซักคำ อย่างน้อยเขาก็น่าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย! นอกจาก...เราเลิกกันเถอะ เขาจบความรักของผมด้วยคำสี่คำ! ในสายตาเขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่!!” น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้สุดกำลังในที่สุดก็ทนต่อไปอีกไม่ไหว อีทึกซุกหน้าร้องไห้กับฝ่ามืออย่างช่วยไม่ได้
“ในเมื่อยังรักกันอยู่แล้วเลิกกันทำไมวะ” ชายหนุ่มเดินมาตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ
“เขาต่างหากที่ขอผมเลิก แถมยังประกาศแต่งงานอีก” ร่างบางเถียงทั้งน้ำตา
“ก็แค่แต่งงานกับผู้หญิง ทีตอนนายคบกับยูรินไม่เห็นซึงฮวานมันจะโวยวายหาว่านายเลิกรักมันเลย”
“นั่นมันไม่เหมือนกันซักหน่อย...ผมบอกเหตุผลกับเขาแล้ว” ยูริน? เขาแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยคบกับผู้หญิงคนนี้ มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ใช่ตอนที่เขาเพิ่งถอยห่างออกมาจากคังอินช่วงแรกๆหรือเปล่า? สงสัยคงจะเป็นช่วงนั้น
“อย่าปัดความรับผิดชอบหน่ะอีทึก ฉันว่าตอนนี้นายน่าจะรู้สึกได้แล้วนะว่าตอนที่นายคบกับยูรินซึงฮวานมันรู้สึกยังไง...โดนเข้ากับตัวแล้วนี่นะ” ยองจุนตบไหล่บางเบาๆ ก่อนจะผละไปเตรียมเครื่องดื่มมาให้
“เบียร์? โคล่า?”
“ขอโคล่าดีกว่าครับ แค่นี้ผมก็เมาเกินพอแล้ว”
“อะไรกัน~ ฉันพูดแค่นี้ทำเป็นเมา เอ้อ! เห็นได้ข่าวมาว่ากำลังไปได้ดีกับคังอินนี่นะ”
“ใครบอกพี่เรื่องนั้น” อีทึกหันมามองด้วยความสงสัย มือเรียวรับกระป๋องโคล่ามาก่อนจะเปิดดื่ม ยองจุนเดินอ้อมมานั่งที่โซฟาก่อนจะตอบคำถามนั้น
“ซึงฮวานมันเพ้อหน่ะ ละเมอตลอดเลยว่านายกลับไปรักคังอินแล้ว นายคงลืมมันแล้ว”
“เขาต่างหากที่ลืมผม เขาต่างหากที่ตัดเยื่อใยจนไม่เหลือชิ้นดี” ทั้งๆที่ไม่รักเขาแล้วจะมาสนใจทำไมว่าเขาจะคิดยังไงกับคังอิน
“ฉันกล้าพูดเลยนะอีทึก...ซึงฮวานมันรักนายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด”
“รักผม? ถ้ารักผมจริงทำไมถึงเลิกกับผมล่ะ”
“ก็เพราะตัวนายนั่นแหละ” อีทึกหันมามองรุ่นพี่คนสนิทอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขางั้นหรอ?
“เพราะผม?” ร่างบางทวนคำพูดนั้นเหมือนต้องการคำยืนยันที่แน่นอน
“ใช่...เพราะนายนั่นแหละ ทั้งที่ตัวนายอยู่กับซึงฮวาน แต่ใจนายล่ะ นายลองถามตัวเองให้ดีสิว่าใจนายอยู่ที่ใคร...คังอิน?”
“เกี่ยวอะไรกับคังอิน”
“นายลืมไปแล้วหรอว่านายเคยรักคังอิน”
“มันก็ใช่ แต่นั่นมันนานมาแล้วนะครับ” ยังไงอีทึกก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมจู่ๆเรื่องมันถึงได้วนมาที่คังอินล่ะ?
“ซึงฮวานมันเปรยให้ฉันฟังบ่อยๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สายตาของนายที่มองคังอินมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย บางครั้งนายดูห่วงใยคังอินมากกว่ามันเสียด้วยซ้ำ มันก็เลยน้อยใจหน่ะ”
“ก็เลยจบปัญหาทุกอย่างด้วยการเลิกกัน? นี่หรอวิธีแก้ปัญหาของคนที่เป็นถึงผู้จัดการวง!!” ร่างบางหัวเราะสมเพศในโชคชะตาของตัวเอง
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง นายน่าจะอธิบายหรือไม่ก็แสดงให้ซึงฮวานเห็นว่านายไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“มันสายไปแล้วล่ะครับพี่ยองจุน เขามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างกายแล้ว” อีทึกเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปจนแทบจะเรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
“แล้วเมื่อก่อนนายก็มียูรินข้างกายไม่ใช่หรอ? ในเมื่อซึงฮวานยอมให้นายมียูรินได้ ทำไมนายจะยอมให้หมอนั่นมีคนอื่นบ้างไม่ได้ล่ะ?” มันเหมือนกันที่ไหน?! ตอนนั้นที่เขายังคบกับอยู่กับยูรินเพราะเขาไม่มั่นใจที่จะตอบรับความรู้สึกของพี่ซึงฮวาน แต่พอมั่นใจว่าจะคบกันเขาก็เลิกกับยูริน แน่นี่ พี่ซึงฮวานแต่งงานไปแล้ว จะให้ผมเล่นบทตีท้ายครัวบ้านอื่นหรือยังไงกัน?
“ฉันว่าตอนนี้นายต้องเลือกแล้วล่ะ ซึงฮวานหรือว่าคังอิน”
“ทำไมผมต้องเลือก” คิ้วเรียวขมวดมุ่น พี่ยองจุนต้องการทำอะไรกันแน่
“นายน่าจะตัดสินใจได้ง่ายๆนะอีทึก นายรักใครตัวนายเองรู้ดีที่สุด”
“ถ้าผมไม่เลือกใครเลยล่ะ?”
“นายเริ่มโลเลแล้วนะ”
“ผมเหนื่อยที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้เต็มทนแล้วเหมือนกันนะพี่จองยุน บางทีผมน่าจะหยุดความสัมพันธ์ทุกอย่างให้มันจบลงซักที” ร่างบางเอนตัวลงพิงหลังกับเก้าอี้นวม รอยยิ้มเศร้าๆปรากฎขึ้นบนริมฝีปากอิ่มสวย
“ถ้านายตัดสินใจแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไง” ยองจุนถอนหายใจเบาๆ
“นี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้” อีทึกลุกขึ้นคว้ากุญแจรถเตรียมออกจากบ้าน
“จะกลับแล้วหรอ?”
“ครับ...ขอโทษด้วยที่ผมพาเขากลับไปไม่ได้”
“ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณนะครับ”
“อือ ไว้คราวหน้าไปดื่มกันนะ”
“ถ้าว่างผมไปแน่นอนครับ” โค้งตัวลาก่อนจะเปิดประตูออกไป ส่วนเจ้าของห้องก็ได้แต่มองตาม จะรั้งไว้ก็ยังไงอยู่ในเมื่อเจ้าตัวเขาต้องการแบบนั้นจะทำยังไงได้
“ขอภาวนาให้พระเจ้าช่วยให้นายรู้ใจตัวเองเร็วๆเถอะนะอีทึก”
ร่างบางถึงกับชะงักเท้าเมื่อเห็นรุ่นน้องของเขา ร่างสูงนั่งกอดเข่าหลับอยู่หน้าประตูห้อง นี่หรือนักร้องหนุ่มผู้มีมาดแบดบอยที่สาวๆต่างโหวตให้ทั่วบ้านทั่วเมือง? นอนแบบไม่เกรงใจว่านักข่าวจะย่องมาถ่ายรูปไปประจานเลยนะเนี่ย อีทึกเดินเข้าไปสะกิดเรียกเบาๆจนคนขี้เซาพอจะมีสติขึ้นมาบ้าง
“หืม? พี่ไปไหนมา” คังอินพูดพลางขยี้ตา วันนี้ไม่มีจัดรายการแทนที่จะอยู่ห้องกลับหายไปไหนก็ไม่รู้
“ไปบ้านพี่ยองจุนมาหน่ะ”
“พี่ยองจุน? ไปทำไม ดื่มหรอ?” ร่างสูงถามพลางเดินตามร่างบางเข้ามาในห้อง
“พี่เขาจะให้พี่ไปรับพี่ซึงฮวานหน่ะ”
“แล้วพี่ก็ไป”
“ก็...นะ” อีทึกยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรมากมาย
“เมื่อไหร่พี่จะลืมหมอนั่นซักที!!” ชายหนุ่มโพล่งออกมาอย่างเหลืออด อะไรก็พี่ซึงฮวาน แล้วเขาล่ะ? ไม่คิดจะเหลือช่องว่างให้เขาบ้างหรือไง
“แล้วนายจะมาตะคอกพี่ทำไมเนี่ย นี่มันเรื่องส่วนตัวของพี่นะ”
“พี่นี่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำนะ”
“แล้วทำไม? เกี่ยวอะไรกับนาย นี่มันชีวิตพี่!อย่ามายุ่งนักเลยหน่ะ” อีทึกเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนอน เขาไม่อยากทะเลาะกับรุ่นน้องร่วมวงด้วยเรื่องแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ
“แล้วถ้าผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ล่ะ!” มือหนารั้งแขนเรียวเอาไว้ ก่อนจะดึงคนตัวบางเข้ามาในอ้อมกอด อีทึกตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก
“ปล่อยนะคังอิน”
“ผมไม่ปล่อย ผมรักพี่”
“พี่บอกให้ปล่อย” ไม่ว่าจะออกแรงดันแค่ไหน คนแข็งแรงก็ไม่มีท่าทีว่าจะสะทกสะท้านแต่อย่างใด ร่างบางเริ่มจิ๊ปากอย่างขัดใจ
“ต้องทำยังไงพี่ถึงจะรักผม”
“หยุดซักทีคังอิน พี่ไม่ชอบ” มือเรียวยังคงพยายามที่จะดันให้เขาออกห่าง พี่รังเกียจผมมากนักหรือไง ยังไงผมก็คงไม่มีวันแทนคนๆนั้นของพี่ได้สินะ เมื่อความน้อยใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ร่างสูงจึงเหวี่ยงคนที่รักจนกลิ้งไปนอนบนเตียงแล้วก้าวตามขึ้นไปทันที
“อ๊ะ! หยุดนะคังอิน” ร่างบางพยายามกระถดถอยหนี แต่ก็ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อถึงทางตันที่หัวเตียง
“ทำไมครับ? พี่รังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ไม่ใช่นะคังอิน มันต้องไม่เป็นแบบนี้”
“เลิกพูดคำบ้าๆแบบนี้ซักทีเถอะ! ผมเบื่อจนจะอาเจียนอยู่แล้ว!”
“อ๊ะ! อย่านะ!” เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกกระชากออกจนกระดุมกระเด็นหลุดออกทั้งแถบ ใบหน้าคมเข้าซุกไซร้ซอกคอขาว เชยชมความเย้ายวนตรงหน้าโดยไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดขืนจากร่างบางแม้แต่น้อย ไม่มีคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องในเวลานี้อีกแล้ว ณ ตรงนี้มีเพียงผู้ชายที่กำลังบ้าคลั่งกับเหยื่ออารมณ์ที่เข้ามาถูกจังหวะเท่านั้นเอง
อีทึกพยายามดิ้นจนสุดกำลัง เขาเข้าใจดีว่าคังอินกำลังรู้สึกยังไง แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทั้งที่คังอินบอกว่ารักเขา แต่พอโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้กลับทำกับเขาราวกับว่าเขาเป็นสิ่งของรองรับอารมณ์ ความรักแบบนี้เขาไม่ต้องการ!
หยาดน้ำตาไหลรินจากนัยน์ตาเรียวสวย ร่างบางสะอื้นฮักด้วยไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้อีกต่อไป ผู้รุกรานหยุดการกระทำทุกอย่างทันที อีทึกหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“พี่รู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีชีวิตจิตใจแบบนี้” หยดน้ำเย็นๆตกลงสัมผัสแก้มเนียนสวย อีทึกลืมตาขึ้นมองแล้วก็ต้องตกใจ หยดน้ำนั่นมาจากนัยน์ตาคมที่กำลังทอดมองมาที่เขา
“ผม...ผมขอโทษ” ร่างสูงผละออกไปนั่งที่ปลายเตียงอย่างรวดเร็ว
“คังอิน” อีทึกเอื้อมมือหวังจะสัมผัสต้นแขนอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นหนี
“ผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมไม่น่าทำแบบนี้กับพี่” ร่างสูงพูดทั้งที่ยังหันหลังให้ เขายอมรับว่าตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับอีทึกด้วยซ้ำ
“ทั้งที่ผมรักพี่ ผมอยากทำให้พี่มีความสุขด้วยมือของผม แต่วันนี้ มือของผมกลับทำร้ายพี่ ทำให้พี่ร้องไห้ ทำไม!!” คังอินเดินตรงไปที่กำแพงก่อนจะก็รัวหมัดใส่อย่างบ้าคลั่ง
“หยุดนะคังอิน! นายบ้าไปแล้วหรือไง” อีทึกรีบวิ่งเข้ามาห้าม เขาไม่อยากเห็นคังอินเจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว มือเรียวประคองมืออีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ยิ่งเห็นเลือดออกยิ่งใจเสีย
“เลือดออกด้วย กระดูกจะแตกไหมเนี่ย! นายเจ็บมากไหมคังอิน” ร่างบางละล่ำละลักถามด้วยความเป็นห่วง
“.............” คนเจ็บไม่ได้ตอบอะไรนอกจากโผเข้ากอดคนที่รักแล้วสะอื้นออกมาเบาๆ
“...คังอิน”
“ผมขอโทษ”
“อย่ามัวแต่ขอโทษเลย ให้พี่ทำแผลให้นายก่อนดีกว่า” อีทึกลุกขึ้นไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่มาใส่แทนตัวเก่าที่กระดุมหลุดกระจายไปไหนต่อไหนเพราะแรงกระชากจากร่างสูง ก่อนจะรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้อย่างตั้งอกตั้งใจ คังอินได้แต่นั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำความสะอาดแผลและใส่ยาให้
“พี่อีทึก”
“หือ? เจ็บหรอ? เดี๋ยวพี่จะเบามือกว่านี้นะ” พยาบาลจำเป็นพูดพลางเป่าเบาๆที่แผล
“ผมไม่ได้เจ็บแผล”
“งั้น...นายมีอะไรจะพูดกับพี่ล่ะ?” สำลีชุบยาแตะลงเบาๆที่รอยแผล
“พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าเมื่อกี้ผมทำอะไรกับพี่ไว้” ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจกับแผลที่มืออีกข้าง
“ไม่ลืมหรอก แล้วก็ไม่มีวันลืมด้วย”
“ผมขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ขอแค่ว่านายอย่าทำกับพี่แบบนี้อีกก็พอแล้ว”
“ผมสัญญา ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก ถ้าพี่ไม่อนุญาต” อีทึกยิ้มรับคำบอกนั้นก่อนจะทำแผลต่อจนเสร็จ หลังจากเอาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปเก็บ ร่างบางก็เดินมานั่งข้างๆชายหนุ่มที่เตียง
“คังอิน ”
“ครับ?”
“พี่ไปที่บ้านพี่ยองจุนมา”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนั่งเงียบเพื่อรอให้อีกฝ่ายเล่าในสิ่งที่อยากจะบอก
“พี่ยองจุนบอกว่าพี่ซึงฮวานยังรักพี่อยู่”
“รัก? คนรักกันจะทำกันแบบนี้หรอ พี่ถูกพี่ยองจุนปั่นหัวมาหรือไง” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินร่างสูงเอ่ยแบบนั้น
“ไม่มีใครปั่นหัวพี่ได้หรอกนะคังอิน”
“พี่จะกลับไปหาเขาอีกหรือไง”
“ถ้าเขายังรักพี่อยู่ พี่ก็พร้อมที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้ง” อีทึกยิ้มบางๆ ช่วงเวลาที่ดีต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพี่ซึงฮวานมันสวยงามจนไม่อยากให้มันจางหายไปแบบนี้
“ไม่ว่ายังไงพี่ก็เลือกเขา เหมือนกับตอนนั้น” คังอินลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องอย่างฉุนเฉียว ถ้าขืนเขายังนั่งฟังต่อไปก็คงลงเอยที่เขาเผลอไปทำร้ายจิตใจอีทึกอีกจนได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการแบบนั้น
“ตอนนั้น? นี่มันเรื่องอะไรกันคังอิน” ร่างบางรีบเดินตามออกมา มีอะไรบางอย่างที่เขายังไม่ได้รับรู้งั้นหรือ?
“ผมมักจะทำอะไรช้ากว่าพี่ซึ่งฮวานหนึ่งก้าวเสมอ” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเศร้า
“ทั้งที่ตอนนั้นผมมั่นใจแล้วว่าเราใจตรงกัน แต่สุดท้าย...พี่ก็เลือกเขาให้มายืนเคียงข้าง ทั้งที่ความจริงแล้วที่ตรงนั้นมันน่าจะเป็นของผมมากกว่า”
“นั่นเพราะนายไม่เคยทำให้พี่มั่นใจเลยต่างหาก”
“แต่” ชายหนุ่มหยุดคำพูดทุกอย่างไว้แค่นั้นเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขัดบทสนทนาระหว่างพวกเขาขึ้นมาเสียก่อน เจ้าของห้องจำต้องเดินไปรับโทรศัพท์อย่างช่วยไม่ได้
“ครับ อีทึกพูดครับ”
[...อีทึก]
“พี่ซึงฮวาน?” ร่างสูงหันขวับทันทีที่อีทึกเอ่ยชื่อนั้น และนี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่เขาก้าวช้ากว่าผู้ชายที่ชื่อซึงฮวานอีกหนึ่งก้าว
[พี่...พี่ไม่อยากฝืนตัวเองอีกแล้ว พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย]
“พี่เพิ่งจะรู้หรอครับ? ผมหน่ะรู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่พี่บอกเลิกแล้วว่าผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดพี่” คังอินถึงกับเดินเลี่ยงไปทางอื่น เขาทนไม่ได้จริงๆที่อีทึกพูดแบบนั้น จะมีบ้างไหมนะที่อีทึกจะพูดกับเขาแบบนี้
[พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ไม่สบายใจเลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้]
“ตอนนี้พี่ซึงฮวานอยู่ไหนครับ? พี่สร่างเมาแล้วหรือยัง” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
[ก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้กำลังจะกลับบ้าน ไอ้ยองจุนมันไล่ให้กลับหน่ะ]
“...............”
[อยากเจอนายเหลือเกินอีทึก]
“เอ่อ...แต่ว่า...ผม...” อีทึกมองไปทางรุ่นน้องร่วมวงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักอย่างหนักใจ ซึ่งร่างสูงก็เข้าใจความหมายนั้นดี ริมฝีปากได้รูปขยับพูดแต่ไม่ออกเสียง
ผมกลับก่อนนะ
[มีอะไรหรออีทึก?]
“ป...เปล่าครับ” อีทึกเอื้อมมือไปแตะประตูเบาๆ บางทีเขาน่าจะรั้งคังอินเอาไว้ ร่างบางส่ายหัวกับความคิดของตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝากหนึ่งของประตูมีใครบางคนกำลังหัวใจสลายจนแทบจะเดินไปไหนไม่ไหวยืนรอด้วยความหวังที่ว่าร่างบางอาจจะเปิดประตูมาเรียกเขาเอาไว้ เมื่อทุกอย่างยังคงเงียบ ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือแตะบานประตูเบาๆก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากมาพร้อมกับหยดน้ำตา
ผมคงไม่คู่ควรกับพี่จริงๆสินะ
[จะเป็นอะไรไหมถ้าพี่จะขอไปหานายที่บ้าน]
“ก็...ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ พี่จะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้”
[งั้นเดี๋ยวพี่ไปหานายนะ]
“ครับ” ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องนี้อีกครั้งหลังจากซึงฮวานวางสายไป อะไรบางอย่างกำลังทำให้อีทึกไขว้เขว
“อีกไม่นานเราก็จะมีความสุข เราต้องดีใจสิ” พูดกำชับตัวเองอย่างหนักแน่น แต่ใจหนึ่งก็พะวงเป็นห่วงใครบางคนที่เพิ่งออกไปจากห้อง จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้?
“เป็นอะไรไปอีทึก นายต้องไม่ไขว้เขว ท่องเอาไว้สิ!” หรือพระเจ้าจะเล่นตลกกับชีวิตเขาอีกครั้งกันนะ?
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น