ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] What's the hell happened!! [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #4 : What's the hell happened!! # 4

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 52







    หากใครเดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้คงอดที่จะคิดไม่ได้ว่าประธานนักเรียนสุดหล่อกำลังจะฉุดนักฟุตบอลคนเก่งของโรงเรียนไปทำอะไรบางอย่างแน่ๆ เพราะฮยอกแจก็พยายามจะสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะสำเร็จแถมยังส่งเสียงโวยวายไปตลอดทางเดิน

    “นายทำแบบนี้อีกแล้วนะ!” มือเรียวตวัดฟาดแขนคนตรงหน้าอย่างนึกฉุน มีอย่างที่ไหนไปประกาศต่อหน้าคนเยอะๆแบบนั้น เราสองคนเป็นคนรักกันตั้งแต่ตอนไหนห๊ะ?

    “ฉันทำอะไร?” ถามกลับยิ้มๆเมื่อเข้าใจดีว่าคนตัวเล็กกำลังฟาดหัวฟาดหางเรื่องอะไร ลักยิ้มบุ๋มยิ่งกดลึกเมื่อกลิ่นแป้งหอมยังคงติดจมูกอยู่จางๆ

    “ก็…” กะจะตอกหน้าให้คนความจำเสื่อมได้รู้สำนึกแต่แล้วก็ต้องหุบปากฉับ มันเรื่องอะไรกันที่เขาจะต้องมาพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นด้วยเล่า!

    “ก็อะไรล่ะ?” ฮยอกแจๆๆๆ ถ้านายถอยไอ้บ้านี่ก็ไล่ต้อนนายอยู่นั่นแหละ ถึงจะอายซักหน่อยแต่ก็พูดๆไปเถอะ! ดีกว่าให้ไอ้บ้านี่แกล้งเป็นที่สนุกสนาน

    “แล้วนายมาหอมแก้มฉันทำไมเล่า?! ฉันเสียหายนะเว้ย! ถ้าความนิยมฉันตกฉันจะให้พี่คังอินมาสั่งสอนนาย!”

    “หอมแก้มแฟนตัวเองผิดตรงไหน? ฉันก็ไม่เห็นจะมีใครว่าซักคน” ดูมันตอบ! ใครสอนให้มันตอบคำถามน่าตบแบบนี้ ใคร?!

    “ก็เพราะอึ้งกันไปหมดแล้วหน่ะสิ! ใครจะหน้า…เฮ้ย!!” ร้องเสียงหลงเมื่อเดินผ่านบอร์ดประชาสัมพันธ์โรงเรียนแล้วเจอรูปตัวเองที่จูบกับไอ้บ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนแรกก็คิดว่าคงเหมือนรูปถ่ายธรรมดาทั่วไป ใครจะไปคิดว่ามันจะใหญ่เท่าฝาบ้านแบบนี้เล่า!!

    “ชเว ซีวอน! เอาไอ้รูปบ้านี่ออกไปเดี๋ยวนี้เลย! นายไม่อายบ้างหรือไงห๊ะ?!” ความรู้สึกของอะไรซักอย่างที่มันร้อนจัดจวนเจียนจะระเบิดมันเป็นแบบนี้เองสินะ…งั้นตอนนี้หน้าของเขาก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก

    “ไม่นี่ ฉันว่าแสงเงาสวยดีนะ”

    “ไอ้บ้า! แสงเงาสวยบ้าอะไร เอาออกเดี๋ยวนี้เลย” แทบอยากจะกระโดดสกายคิกใส่คนปากดีแต่ก็ติดอยู่ตรงที่ถูกรวบเข้าไปกอดแล้วพาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มีป้ายเขียนอยู่ชัดเจน



    ‘ห้องประธานนักเรียน’



    “ปล่อยฉันนะ ชเว ซีวอน!!!”







    “มันไม่แรงไปหน่อยหรอ?” ภายในห้องชมรมการแสดง ร่างบางอดีตประธานนักเรียนเอ่ยถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบน้ำหวานอย่างอารมณ์ดี ฮีซอลเพียงแค่ยักคิ้วก่อนจะหยิบคุกกี้ที่ซองมินทำมาฝากขึ้นมาทานราวกับไม่ทุกร้อนกับคำถามนั้น

    “ฉันซีเรียสนะคิม ฮีซอล” อดถอนใจกับท่าทีของเพื่อนไม่ได้ ไอ้นิสัยที่ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนอะไรเนี่ย กับบางเรื่องมันก็ดีอยู่หรอกนะ

    “ฉันทำอะไร? แม่เด็กนั่นเป็นคนคิดเองทำเองทุกอย่างนะ ฉันไม่ได้ลงมือทำอะไรด้วยซ้ำไป ทงเฮกับซองมินก็อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เชื่อถามน้องสิ” อีทึกมองน้องสองคนที่นั่งแอ๊บหน้าแบ๊วสุดชีวิตแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

    “ฮีซอล~ เด็กผู้หญิงคนนั้นยื่นใบลาออกเลยนะเว้ย” มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไหน ที่จู่ๆเด็กคนหนึ่งจะมายื่นเรื่องขอลาออก ถามเหตุผลก็ไม่ยอมบอก เอาแต่อ้อนวอนขอให้ทางโรงเรียนจัดการเรื่องลาออกให้เสร็จโดยเร็ว แล้วจะไม่ให้เขาสงสัยฮีซอลได้อย่างไรในเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะมีเรื่องกับฮีซอลเมื่อเช้านี้เอง

    “นี่หรอสิ่งที่นายบอกว่าเครียดหนักหนา…หืม?… คิม จองซู?”

    “ปาร์ค จองซูเว้ย!” แทบจะขว้างแฟ้มรายงานกิจกรรมใส่ให้หน้าหงาย แต่ก็ติดที่ยังมีตุ๊กตาปลานีโม่กับตุ๊กตากระต่ายนั่งขนาบข้างแม่นางอยู่ เดี๋ยวน้องจะโดนลูกหลงไปด้วย

    “นั่นแหละๆ ไอ้คังอินมันไม่ปล่อยให้นายใช้นามสกุลเก่านานนักหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องชวนนายไปร่วมตระกูลกับมันอยู่แล้ว” นางฟ้าคนสวยแทบจะกลายร่างชั่วคราวเพื่อต่อกรกับนางพญามารแต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้เมื่อทงเฮเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “พี่ฮีซอลเพียงแค่ยื่นโอกาสให้ตัดสินใจเองนะครับพี่ทึก ส่วนที่เลือกจะลาออกมันก็เป็นเรื่องของเจ้าตัวเขาเองนี่ครับ” เจ้าแม่ถึงกับยิ้มกว้างเมื่อมือขวาพูดได้ถูกใจ

    “เยี่ยมมากทงเฮ เดี๋ยวเจ๊จัดผู้ชายดีๆให้ซักคนนะ” ตบไหล่น้องชายเบาๆ ทงเฮถึงกับยิ้มแหย

    “ไม่ดีกว่าครับพี่ฮีซอล ตอนนี้ผมก็มีความสุขดีอยู่แล้ว” อีทึกหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินคำตอบนั้นก่อนจะนึกเอะใจอะไรขึ้นมาซักอย่าง

    “แล้วนี่เราสองคนไม่มีเรียนหรือไง”

    “เช้าว่างครับ” สองเสียงตอบออกมากันอย่างพร้อมเพรียง

    “แล้วตอนนี้ฮยอกแจอยู่ไหน” นั่นสิ…น้องชายเขาหายไปไหน?

    “หายไปกับซีวอนตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเปลี่ยนเสื้อกันถึงไหน” พี่ชายคนสวยเพียงแค่พยักหน้ารับ ทั้งสี่คนนั่งเงียบกันอยู่ซักพักก่อนที่ทงเฮจะเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง

    “น่าแปลกนะครับ”

    “แปลกอะไร?” มือเรียวที่กำลังหยิบคุกกี้เข้าปากชะงักกึก เช่นเดียวกับอีทึกที่ค้างมือที่กำลังเปิดแฟ้มรายงานเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นเป็นเชิงถาม

    “ก็ตั้งแต่รู้จักกับเจ้าไก่มา หมอนั่นไม่เห็นเคยสนใจผู้ชายคนไหนเลย เห็นแต่หยอกผู้หญิงน่ารักคนนั้นทีคนนี้ที นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นฮยอกแจมันเขินซีวอน”

    “ใช่ๆ” ซองมินพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อน

    “ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเนี่ย…จะบอกว่าเพิ่งเคยเห็นมันทำตัวเคะใช่ไหม?” ฮีซอลสรุปให้เสร็จสรรพเมื่อเห็นว่าอีทึกยังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจที่ทงเฮพูดอยู่

    “อ่า…นั่นแหละครับ”

    “เด็กน้อยเอ้ย…เรารู้จักไอ้เจ้าลูกเจี๊ยบนั่นนานแค่ไหนกัน เพิ่งจะเรียนด้วยกันตอนม.ปลายได้สองปีเองนะ ความจริงมันเคะมาตั้งแต่เด็กแล้ว มีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วยเถอะ” ทงเฮกับซองมินถึงกับตาโตเมื่อได้ยินความลับสุดยอดของเพื่อนซี้เป็นครั้งแรกจากปากฮีซอล

    “ใครอ่ะครับ?!”

    “ฮีซอล มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฮยอกแจนะ” อีทึกเอ่ยปรามเมื่อเห็นเพื่อนกำลังจะเริ่มตั้งวงเล่าความลับสุดยอดของฮยอกแจที่รู้กันเพียงไม่กี่คน

    “แหม~ นายทำเหมือนฉันรู้มากอย่างนั้นแหละอีทึก”

    “ก็มากกว่าเจ้าสองตัวนี่ก็แล้วกัน”

    “พี่ทึกอ่า…” นางฟ้าคนสวยจำต้องเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มรายงานอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงร้องแง๊วๆจากน้องทั้งสอง ฮีซอลหัวเราะฮึในลำคอ ไม่ให้ฉันพูดแกก็พูดเองก็แล้วกัน

    “อะไร?”

    “พวกผมอยากรู้จริงๆน๊า~”

    “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เรื่องสมัยเด็ก แล้วอีกอย่าง…พี่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว” เอ่ยตัดบทก่อนจะหันไปสนใจเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง แต่มีหรือที่สองสหายปลากระต่ายจะยอมเลิกง่ายๆ อะไรที่อยากรู้ก็ต้องได้รู้สิ!

    “งั้นพี่ทึกไม่ต้องเล่าก็ได้ พวกผมจะตั้งคำถามแล้วพี่ก็ตอบมาแล้วกัน” ซองมินยื่นข้อเสนอทันที อีทึกหันไปมองฮีซอลที่เพียงแค่แสยะยิ้มมาให้เขาเท่านั้น นายเป็นเพื่อนที่พึ่งอะไรไม่ได้จริงๆเลยสินะ คนสวยได้แต่ถอนใจเบาๆ ขอโทษทีนะฮยอกแจ

    “ก็ว่ามา…”

    “ฮยอกแจมีแฟนแล้วหรอครับ?”

    “ไม่เชิงแฟนหรอก แต่เห็นฮยอกแจเรียกว่าพี่ชาย”

    “อ่า…ฮยอกแจมีพี่ชายด้วยหรอ?” ซองมินหันไปถามทงเฮที่นั่งอยู่ที่ฟากหนึ่งของฮีซอล

    “ฮยอกแจมีพี่สาวคนเดียวชื่อพี่โซรา แต่ที่เรียกคนนั้นว่าพี่ชายเพราะเขาแก่กว่าไง” ฮีซอลเหลือบมองอีกคนที่ยังคงไม่พูดอะไรก่อนจะไขข้อข้องใจให้

    “แล้วพี่ชายคนนั้นชื่ออะไรอ่ะครับ?”

    “เหมือนฮยอกแจจะเคยบอกนะ แต่จำไม่ได้เหมือนกัน อีทึกนายจำชื่อพี่ชายคนนั้นได้ไหม?” หันไปถามอีกคนที่ยังคงใช้สมาธิอยู่กับแฟ้มรายงานบนโต๊ะ

    “จำไม่ได้เหมือนกัน แต่จำได้ลางๆว่าน่าจะเป็นคนจีนนะ”

    “เออ…ฉันก็คุ้นๆเหมือนกันว่าน่าจะเป็นคนจีนนะ”

    “แล้วตอนนี้พี่ชายคนนั้นไปไหนแล้วล่ะครับ?” เจอคำถามนี้ไปฮีซอลเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เพราะเขาเองก็รู้มาแค่นี้แหละ อีทึกถอนใจหนักๆเมื่อเพื่อนรักโยนคุกกี้ใส่เขาเป็นเชิงให้เล่าเสียที เพราะแกอยากรู้เหมือนกันใช่ไหมเนี่ย ถึงได้ลงทุนวอนตายด้วยการทำเสื้อฉันเลอะเศษคุกกี้แบบนี้

    “เอาแบบย่อๆนะ เพราะพี่เองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากนัก”

    “อย่าลีลาหน่าอีทึก เล่ามา!” คนสวยถึงกลับกรอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะปิดแฟ้มบนโต๊ะแล้วเดินมานั่งรวมที่โต๊ะรับแขกของชมรม

    “เท่าที่เคยฟังพี่โซราเล่ามา ฮยอกแจน่าจะรู้จักพี่ชายคนนั้นช่วงประถม เหมือนเขาจะย้ายตามพ่อแม่มาอยู่ข้างบ้านหน่ะ ก็เลยสนิทกัน ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเรียกว่าความรักได้หรือยัง แต่ว่าก่อนจะขึ้นม.ต้น พี่ชายคนนั้นก็ต้องย้ายตามพ่อแม่ที่ไปเปิดธุรกิจที่จีนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย”

    “ตั้งแต่ม.ต้นงั้นหรอ? ตั้งห้าปีแหน่ะ!” ซองมินอุทานออกมาเสียงดัง แล้วแบบนี้ฮยอกแจไม่คิดถึงพี่ชายคนนั้นแย่หรอ?

    “แล้วฮยอกแจ…”

    “ก็ซึมไปช่วงหนึ่งแหละ ที่บ้านฮยอกแจเลยส่งให้เข้ามาเรียนต่อในโซลนี่ไง ตั้งแต่นั้นแหละพี่ถึงได้เป็นคนที่คอยดูแลฮยอกแจแทนที่บ้านเขา ตอนแรกยังกังวลอยู่เลยว่าทำไมถึงเป็นเด็กที่มีดวงตาที่เศร้าขนาดนั้น” นึกถึงตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกแล้วก็อดถอนใจออกมาไม่ได้ ฮยอกแจตอนนี้ต่างจากฮยอกแจเมื่อห้าปีก่อนราวกับพลิกผ่ามือเลยทีเดียว

    “แล้วพี่ชายคนนั้นไม่ติดต่อมาเลยหรอครับ? เป็นผู้ชายที่แย่จริงๆ” ทงเฮกอดอกทำเสียงฮึดฮัดโกรธแค้นแทนเพื่อขึ้นมาทันที

    “ไม่นะ…แต่เหมือนจะมีสัญญาอะไรกันเอาไว้ซักอย่าง แต่ฮยอกแจก็ไม่เคยบอกพี่หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่า…ถ้าพี่ชายไม่กลับมา ฮยอกแจจะแต่งงานกับผู้หญิง”

    “ฉันว่าฮยอกแจมันคงแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้แล้วล่ะ”

    “เห?” ผู้ร่วมวงสนทนาต่างหันไปมองฮีซอลเป็นสายตาเดียว ทำเอาเจ้าแม่ถึงกับจิ๊ปากอย่างขัดใจ ไอ้พวกสมองประมวลผลช้านี่น่ารำคาญจริงๆ

    “ก็ตอนนี้ซีวอนกำลังไล่ต้อนฮยอกแจอยู่ไม่ใช่หรอ? ก็อย่างที่ทงเฮบอกว่าฮยอกแจไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน แต่ทำไมถึงได้เขินกับซีวอน? บางที…คนที่จะหันหลังให้กับสัญญาก่อนอาจจะเป็นเจ้าลูกเจี๊ยบนี่ก็ได้ ใครจะไปรู้…จริงไหม?” เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้งในวงสนทนา ถึงตรงนี้ทงเฮกับซองมินเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาได้รับรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าเสียแล้ว




    เจ้าไก่เพื่อนยากของพวกเขาท่าจะมีปัญหาเข้าซะแล้วสิ 







    “พี่ทึกมีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฮยอกแจเอ่ยถามพี่ชายเมื่อรู้สึกว่ามื้อเช้าวันนี้มีเขาลงมือทานอยู่คนเดียว ส่วนพี่ชายคนสวยหน่ะหรอ? เอาแต่นั่งมองเขาหน่ะสิ

    “เอ่อ…เปล่าหรอก เห็นเรากินท่าทางน่าอร่อยเลยอดนั่งมองไม่ได้”

    “ก็พี่ทึกทำกับข้าวอร่อยนี่ครับ” ยิ้มกว้างตามประสาก่อนจะคีบกุ้งเทมปุระใส่จานพี่ชายก่อนที่เขาจะเผลอกินมันจนหมด

    “วันนี้จะไปไหนหรอ? แต่งตัวเหมือนจะไปเที่ยวเลย”

    “วันนี้ซีวอนชวนไปซื้อแผ่นเกมส์หน่ะครับ โทรไปชวนทงเฮเจ้าปลาบ้านั่นก็บอกว่าจะนอนอย่ายุ่ง ส่วนซองมินก็ไปเดทกับคยูฮยอน ผมก็เลยต้องไปกับเจ้านั่นสองคน”

    “คบกันแล้วสินะ” ตะเงียบที่กำลังจะคีบกุ้งเทมปุระชิ้นสุดท้ายในจานชะงักกึก ใบหน้าที่ดูจะมีความสุขกับการทานอาหารจางหายไปทันที ฮยอกแจเงียบไปซักพักก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พี่ชายฟังแล้วต้องลอบถอนใจ

    “…ยังครับ”

    “แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เห็นเราไปไหนมาไหนกับซีวอนตลอดเลยนี่ จะว่าไปซีวอนก็เป็นคนดีนะ ถ้ายังไง…”

    “ไม่ครับ!”

    “ฮยอกแจ…” อีทึกรีบดึงมือน้องชายมากุมไว้เมื่อดวงตาเรียวเล็กกำลังคลอไปด้วยน้ำใสๆ เขาพลาดไปแล้วหรือเนี่ย

    “ผมรู้ว่าพี่จะพูดเรื่องอะไร แต่ยังไงผมก็จะไม่ทิ้งสัญญานั้นเด็ดขาด ผมจะรอ…รอจนกว่าพี่เขาจะมาบอกผมเองว่าไม่ต้องการผมแล้ว ผมคิดว่าพี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของผมนะครับ”

    “พี่เข้าใจ…แต่ซีวอนล่ะ” นิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาตรงหางตาให้น้องชายก่อนจะเอ่ยถามถึงใครอีกคนที่เขาชักนึกห่วง

    “..................”

    “ฮยอกแจ…ใครๆเขาก็มองออกว่าซีวอนจริงจังกับเรานะ”

    “ผม…ผมพยายามอธิบายแล้ว แต่เขาไม่ยอมฟังผม” เปลือกตาบางปิดลงอย่างอ่อนล้า ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่เขาถูกสาดน้ำเมื่ออาทิตย์ก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง

    .
    .
    .
    .
    .

    “ปล่อยฉันนะ ชเว ซีวอน!!!” พยายามดิ้นแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมกอดของคนตัวสูงนี้ได้เลย ซีวอนอมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะอุ้มเด็กดื้อขึ้นไปนั่งบนโต๊ะประธานนักเรียน

    “ปล่อยแล้วครับคนดี สอดเสื้อออกก่อนนะ เดี๋ยวเป็นหวัดกันพอดี” น้ำเสียงทอดอ่อนนั้นทำให้ตัวดื้อยอมนั่งนิ่งๆให้ปลดกระดุมอย่างง่ายดาย ซีวอนเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นเสื้อกล้ามตัวบางอยู่ข้างในอีกชั้นหนึ่ง

    “ไหนบอกว่ามันร้อนไง”

    “ก็…ก็แค่อยากใส่ ใส่ไม่ได้หรือไง?!” คนตัวเล็กรีบเสหน้าไปทางอื่น ฉันไม่ได้ใส่เพราะนายสั่งเมื่อคราวก่อนเสียหน่อย อย่ามาหลงตัวเองเชียวนะ!

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” เอ่ยยิ้มๆก่อนลูบเนื้อผ้าบางแผ่วเบาสองสามที ฮยอกแจถึงกับตัวงอเพราะจั๊กจี้

    “เล่นบ้าอะไรเนี่ย!”

    “เสื้อกล้ามไม่เปียกแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องถอดก็ได้ แต่ใส่นี่ไปก่อนจะได้ไม่หนาว” เดินไปหยิบเสื้อกันหนาวที่แขวนอยู่ตรงมุมห้องมาให้ ซึ่งฮยอกแจก็รับมาใส่แต่โดยดี

    “ส่วนเสื้อนายเดี๋ยวผึ่งให้แห้งแล้วค่อยเอามาใส่ใหม่ แต่ถ้าอยากรีดให้เรียบเดี๋ยวฉันจะโทรให้ร้านซักรีดมารับไปก็ได้นะ”

    “ยุ่งยาก ฉันไม่ได้เนี๊ยบขนาดนั้น”

    “แล้วนี่มีเรียนหรือเปล่า?” ถามพลางเดินไปหยิบขนมที่เหล่าบรรดานักเรียนหญิงมักจะทำมาให้ทานเล่นมาวางไว้ที่โต๊ะรับแขก ซึ่งฮยอกแจก็รีบกระโดดลงจากโต๊ะที่นั่งอยู่เดินตามมาอย่างรู้งาน

    “เช้าว่าง…” หยิบคุกกี้อัลมอลต์ใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ซีวอนอมยิ้มเมื่อเห็นคนน่ารักกำลังเพลินอยู่กับการทานขนม

    “งั้นนั่งเล่นที่นี่ก่อนก็ได้นะ”

    “ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะฉันคงไม่คิดจะออกไปสภาพแบบนี้หรอก โดนสาดน้ำทีเดียวก็เกินพอแล้ว” ร่างบางทำปากยู่ก่อนจะหยิบขนมทานต่อราวกับเรื่องที่เพิ่งเจอมาไม่ได้ใหญ่โตอะไรสำหรับเขา

    “ขอโทษนะฮยอกแจ ทั้งที่ฉันสัญญาว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

    “โอย…ชิวๆ นักเรียนหญิงโรงเรียนเราทั้งรักทั้งหวงไอดอลของตัวเองแค่ไหน นายก็น่าจะรู้ดี” โบกมือไปมาอย่างไม่นึกใส่ใจอะไรก่อนจะชูคุกกี้ชอคชิพชิ้นใหญ่ที่ถูกห่อด้วยกระดาษแก้วสีทองไปมาแล้วแกะทานอย่างสบายใจ ของหวานช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นจริงๆด้วยสินะ อร่อยจังเล๊ย~

    “โกโก้ร้อนๆซักแก้วไหม?” คนถูกถามถึงกับหู่ผึ่งก่อนจะพยักหน้าเร็วๆเมื่อได้ยินข้อเสนอแสนถูกใจ

    “ขอแบบ…”

    “รู้แล้วหน่า…โกโก้ช้อนครึ่งกับนมสองช้อนใช่ไหม? กินหวานเกินไปแล้วนะเรา” หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชะงักเมื่อถูกเอ่ยถามเสียงเรียบ

    “นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบกินแบบไหน?”

    “คนที่ชอบกินขนมหวานเขาก็กินสูตรนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรอ?” ยิ้มกว้างให้กับคนที่พยายามมองเขาอย่างจับผิด

    “ไม่ใช่…”

    “ฮยอกแจ…” รอยยิ้มเจื่อนลงทันทีเมื่อคนตัวเล็กลุกมาจากโซฟาแล้วเดินมาหาเขาถึงตรงมุมชงกาแฟ นัยน์ตาเรียวฉายแววโกรธขึงจนเขารู้สึกใจไม่ดี

    “บอกมาเดี๋ยวนี่ว่านายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกินแบบนี้! แม้แต่ซองมินกับทงเฮยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วนายรู้ได้ยังไง!” ขนาดพี่ทึกกว่าจะรู้ว่าเขาชอบกินโกโก้สูตรนี้ก็ใช้เวลากันเกือบปี คนๆเดียวที่จำได้ว่าเขาชอบกินแบบไหนตั้งแต่ครั้งแรกที่บอกมีแค่พี่ชายคนเดียวเท่านั้นแหละ แล้วนี่ซีวอนไปรู้มาได้ยังไง พี่ทึกเองก็ไม่น่าจะบอก แล้วซีวอนรู้ได้ไงว่าเขาชอบกินแบบนี้?

    “นายคิดว่าเวลาเทอมกว่าที่ฉันคอยมองนายอยู่ตลอด มันจะไม่ทำให้ฉันรู้เลยหรอว่านายชอบกินอะไรแบบไหน นายสงสัยอะไรฉันอยู่หรือไง? ฉันรักนายขนาดนี้นายยังจะสงสัยอะไรในตัวฉันอีกหรอ?” คำบอกนั้นทำเอาร่างบางถึงกับผงะถอยออกมา

    “มะ…ไม่”

    “ฮยอกแจ?”

    “เลิกพูดว่าชอบ เลิกพูดว่ารักฉันซักที!”

    “…………”

    “ฉันสามารถเป็นเพื่อนนายได้ แต่ฉันเป็นคนรักของนายไม่ได้หรอก”

    “ทำไม?”

    “ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว ฉันรอเขาอยู่ ถ้านายคิดจะจริงจังกับฉัน…ต้องขอโทษจริงๆ ฉันรับความหวังดีของนายไม่ได้จริงๆ”

    “รอ? นายจะรอเขาถึงเมื่อไหร่”

    “จนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายมาบอกเลิกฉันเอง…”

    “ฮยอกแจ…”

    “ฉันรักเขาจริงๆนะซีวอน ขอโทษที่บางครั้งฉันอาจจะเผลอใจไปกับนายบ้าง เพราะความอ่อนโยนของนายมันทำให้ฉันนึกถึงเขา มันทำให้ฉันเห็นนายเป็นเขา!” ผลักร่างสูงออกห่างก่อนจะหันหลังเดินกลับไป แต่แขนเรียวกับถูกรั้งพร้อมกับเสียงดังฟังชัดที่ทำหัวใจของเขาหนักอึ้ง

    “ฉันจะรอ…”

    “..................”

    “ฉันจะรอนาย อย่างที่นายรอเขา”

    “บ้าหน่า!”

    “ขอให้ฉันได้รับรู้ความรู้สึกของนายบ้างนะ ความรู้สึกของการรอคอย…คนที่รัก” ไม่รู้ว่าวันนั้นฝนจะตกหรืออย่างไร ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลราวกับทำนบแตก เขาไม่ได้ขัดขืนอีกเมื่อซีวอนดึงเข้าไปกอดปลอบ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ร้องไห้จนแทบจะขาดใจขนาดนี้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนหนุนตักซีวอนอยู่ ซีวอนพูดเพียงประโยคเดียว…ประโยคเดียวที่เขาปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ยังคงอยู่ใกล้ๆเขาต่อไปโดยไม่ว่าอะไรอีก

    “ฉันจะไม่ร้องขอให้นายรักฉัน แต่ฉันขอ…ขอแค่ได้ดูแลนายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว”

    .
    .
    .
    .
    .

    “ฮยอกแจ…” เสียงทุ้มคุ้นหูดึงเขาออกมาจากความคิดเมื่อครู่ เมื่อหันไปก็สบกับสายตาที่แสดงความเป็นห่วงอยู่กรายๆ

    “หือ?”

    “นายนั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ นี่รู้ตัวหรือเปล่าว่านายออกจากบ้านมากับฉันแล้ว”

    “รู้หรอกหน่า ไม่ได้ใจลอยขนาดนั้น ขับรถไปเถอะฉันยังไม่อยากแหกโค้งไปกับนาย” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันหน้าออกไปมองบรรยากาศนอกหน้าต่าง ซึ่งซีวอนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกนอกจากกลับไปทำหน้าที่สารถีตามเดิม

    “ซีวอน”

    “ครับ?”

    “คิดดีแล้วหรอ…เรื่องนั้นหน่ะ” คนถูกถามเพียงแค่เหลือบมามองครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าต่อ

    “ไม่เบื่อบ้างหรอถามแต่คำถามนี้มาอาทิตย์นึงแล้วนะ”

    “ฉันไม่อยากให้…” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คำพูดของซีวอนทำหัวใจของเขาหนักอึ้งอีกครั้ง




    “ฉันเต็มใจ”







    TBC.




    ตอนนี้เครียดเนอะ…ว่างั้นไหม?

    ไรท์เตอร์ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ อีกอย่าง…วันนี้พลอตเรื่องมันถูกตีกระจายไปหมดแล้วล่ะ

    แม้แต่ไรท์เตอร์ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า…ตอนหน้าจะมีสภาพอย่างไร

    ไม่น่าแต่งฟิคหลังออกมาจากห้องสอบพร้อมกับฟังเพลงโหยหวนเลย -*-

    ปล.ยังคิดถึงคนอ่านทุกคนเสมอนะคะ เพราะฉะนั้นช่วยเมนต์ด้วยเถอะค่ะ TT^TT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×