ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : What's the hell happened!! # 4
หากใครเดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้คงอดที่จะคิดไม่ได้ว่าประธานนักเรียนสุดหล่อกำลังจะฉุดนักฟุตบอลคนเก่งของโรงเรียนไปทำอะไรบางอย่างแน่ๆ เพราะฮยอกแจก็พยายามจะสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะสำเร็จแถมยังส่งเสียงโวยวายไปตลอดทางเดิน
“นายทำแบบนี้อีกแล้วนะ!” มือเรียวตวัดฟาดแขนคนตรงหน้าอย่างนึกฉุน มีอย่างที่ไหนไปประกาศต่อหน้าคนเยอะๆแบบนั้น เราสองคนเป็นคนรักกันตั้งแต่ตอนไหนห๊ะ?
“ฉันทำอะไร?” ถามกลับยิ้มๆเมื่อเข้าใจดีว่าคนตัวเล็กกำลังฟาดหัวฟาดหางเรื่องอะไร ลักยิ้มบุ๋มยิ่งกดลึกเมื่อกลิ่นแป้งหอมยังคงติดจมูกอยู่จางๆ
“ก็ ” กะจะตอกหน้าให้คนความจำเสื่อมได้รู้สำนึกแต่แล้วก็ต้องหุบปากฉับ มันเรื่องอะไรกันที่เขาจะต้องมาพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นด้วยเล่า!
“ก็อะไรล่ะ?” ฮยอกแจๆๆๆ ถ้านายถอยไอ้บ้านี่ก็ไล่ต้อนนายอยู่นั่นแหละ ถึงจะอายซักหน่อยแต่ก็พูดๆไปเถอะ! ดีกว่าให้ไอ้บ้านี่แกล้งเป็นที่สนุกสนาน
“แล้วนายมาหอมแก้มฉันทำไมเล่า?! ฉันเสียหายนะเว้ย! ถ้าความนิยมฉันตกฉันจะให้พี่คังอินมาสั่งสอนนาย!”
“หอมแก้มแฟนตัวเองผิดตรงไหน? ฉันก็ไม่เห็นจะมีใครว่าซักคน” ดูมันตอบ! ใครสอนให้มันตอบคำถามน่าตบแบบนี้ ใคร?!
“ก็เพราะอึ้งกันไปหมดแล้วหน่ะสิ! ใครจะหน้า เฮ้ย!!” ร้องเสียงหลงเมื่อเดินผ่านบอร์ดประชาสัมพันธ์โรงเรียนแล้วเจอรูปตัวเองที่จูบกับไอ้บ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนแรกก็คิดว่าคงเหมือนรูปถ่ายธรรมดาทั่วไป ใครจะไปคิดว่ามันจะใหญ่เท่าฝาบ้านแบบนี้เล่า!!
“ชเว ซีวอน! เอาไอ้รูปบ้านี่ออกไปเดี๋ยวนี้เลย! นายไม่อายบ้างหรือไงห๊ะ?!” ความรู้สึกของอะไรซักอย่างที่มันร้อนจัดจวนเจียนจะระเบิดมันเป็นแบบนี้เองสินะ งั้นตอนนี้หน้าของเขาก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก
“ไม่นี่ ฉันว่าแสงเงาสวยดีนะ”
“ไอ้บ้า! แสงเงาสวยบ้าอะไร เอาออกเดี๋ยวนี้เลย” แทบอยากจะกระโดดสกายคิกใส่คนปากดีแต่ก็ติดอยู่ตรงที่ถูกรวบเข้าไปกอดแล้วพาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มีป้ายเขียนอยู่ชัดเจน
‘ห้องประธานนักเรียน’
“ปล่อยฉันนะ ชเว ซีวอน!!!”
“มันไม่แรงไปหน่อยหรอ?” ภายในห้องชมรมการแสดง ร่างบางอดีตประธานนักเรียนเอ่ยถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบน้ำหวานอย่างอารมณ์ดี ฮีซอลเพียงแค่ยักคิ้วก่อนจะหยิบคุกกี้ที่ซองมินทำมาฝากขึ้นมาทานราวกับไม่ทุกร้อนกับคำถามนั้น
“ฉันซีเรียสนะคิม ฮีซอล” อดถอนใจกับท่าทีของเพื่อนไม่ได้ ไอ้นิสัยที่ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนอะไรเนี่ย กับบางเรื่องมันก็ดีอยู่หรอกนะ
“ฉันทำอะไร? แม่เด็กนั่นเป็นคนคิดเองทำเองทุกอย่างนะ ฉันไม่ได้ลงมือทำอะไรด้วยซ้ำไป ทงเฮกับซองมินก็อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เชื่อถามน้องสิ” อีทึกมองน้องสองคนที่นั่งแอ๊บหน้าแบ๊วสุดชีวิตแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
“ฮีซอล~ เด็กผู้หญิงคนนั้นยื่นใบลาออกเลยนะเว้ย” มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไหน ที่จู่ๆเด็กคนหนึ่งจะมายื่นเรื่องขอลาออก ถามเหตุผลก็ไม่ยอมบอก เอาแต่อ้อนวอนขอให้ทางโรงเรียนจัดการเรื่องลาออกให้เสร็จโดยเร็ว แล้วจะไม่ให้เขาสงสัยฮีซอลได้อย่างไรในเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะมีเรื่องกับฮีซอลเมื่อเช้านี้เอง
“นี่หรอสิ่งที่นายบอกว่าเครียดหนักหนา หืม? คิม จองซู?”
“ปาร์ค จองซูเว้ย!” แทบจะขว้างแฟ้มรายงานกิจกรรมใส่ให้หน้าหงาย แต่ก็ติดที่ยังมีตุ๊กตาปลานีโม่กับตุ๊กตากระต่ายนั่งขนาบข้างแม่นางอยู่ เดี๋ยวน้องจะโดนลูกหลงไปด้วย
“นั่นแหละๆ ไอ้คังอินมันไม่ปล่อยให้นายใช้นามสกุลเก่านานนักหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องชวนนายไปร่วมตระกูลกับมันอยู่แล้ว” นางฟ้าคนสวยแทบจะกลายร่างชั่วคราวเพื่อต่อกรกับนางพญามารแต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้เมื่อทงเฮเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ฮีซอลเพียงแค่ยื่นโอกาสให้ตัดสินใจเองนะครับพี่ทึก ส่วนที่เลือกจะลาออกมันก็เป็นเรื่องของเจ้าตัวเขาเองนี่ครับ” เจ้าแม่ถึงกับยิ้มกว้างเมื่อมือขวาพูดได้ถูกใจ
“เยี่ยมมากทงเฮ เดี๋ยวเจ๊จัดผู้ชายดีๆให้ซักคนนะ” ตบไหล่น้องชายเบาๆ ทงเฮถึงกับยิ้มแหย
“ไม่ดีกว่าครับพี่ฮีซอล ตอนนี้ผมก็มีความสุขดีอยู่แล้ว” อีทึกหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินคำตอบนั้นก่อนจะนึกเอะใจอะไรขึ้นมาซักอย่าง
“แล้วนี่เราสองคนไม่มีเรียนหรือไง”
“เช้าว่างครับ” สองเสียงตอบออกมากันอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วตอนนี้ฮยอกแจอยู่ไหน” นั่นสิ น้องชายเขาหายไปไหน?
“หายไปกับซีวอนตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเปลี่ยนเสื้อกันถึงไหน” พี่ชายคนสวยเพียงแค่พยักหน้ารับ ทั้งสี่คนนั่งเงียบกันอยู่ซักพักก่อนที่ทงเฮจะเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง
“น่าแปลกนะครับ”
“แปลกอะไร?” มือเรียวที่กำลังหยิบคุกกี้เข้าปากชะงักกึก เช่นเดียวกับอีทึกที่ค้างมือที่กำลังเปิดแฟ้มรายงานเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นเป็นเชิงถาม
“ก็ตั้งแต่รู้จักกับเจ้าไก่มา หมอนั่นไม่เห็นเคยสนใจผู้ชายคนไหนเลย เห็นแต่หยอกผู้หญิงน่ารักคนนั้นทีคนนี้ที นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นฮยอกแจมันเขินซีวอน”
“ใช่ๆ” ซองมินพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อน
“ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเนี่ย จะบอกว่าเพิ่งเคยเห็นมันทำตัวเคะใช่ไหม?” ฮีซอลสรุปให้เสร็จสรรพเมื่อเห็นว่าอีทึกยังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจที่ทงเฮพูดอยู่
“อ่า นั่นแหละครับ”
“เด็กน้อยเอ้ย เรารู้จักไอ้เจ้าลูกเจี๊ยบนั่นนานแค่ไหนกัน เพิ่งจะเรียนด้วยกันตอนม.ปลายได้สองปีเองนะ ความจริงมันเคะมาตั้งแต่เด็กแล้ว มีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วยเถอะ” ทงเฮกับซองมินถึงกับตาโตเมื่อได้ยินความลับสุดยอดของเพื่อนซี้เป็นครั้งแรกจากปากฮีซอล
“ใครอ่ะครับ?!”
“ฮีซอล มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฮยอกแจนะ” อีทึกเอ่ยปรามเมื่อเห็นเพื่อนกำลังจะเริ่มตั้งวงเล่าความลับสุดยอดของฮยอกแจที่รู้กันเพียงไม่กี่คน
“แหม~ นายทำเหมือนฉันรู้มากอย่างนั้นแหละอีทึก”
“ก็มากกว่าเจ้าสองตัวนี่ก็แล้วกัน”
“พี่ทึกอ่า ” นางฟ้าคนสวยจำต้องเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มรายงานอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงร้องแง๊วๆจากน้องทั้งสอง ฮีซอลหัวเราะฮึในลำคอ ไม่ให้ฉันพูดแกก็พูดเองก็แล้วกัน
“อะไร?”
“พวกผมอยากรู้จริงๆน๊า~”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เรื่องสมัยเด็ก แล้วอีกอย่าง พี่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว” เอ่ยตัดบทก่อนจะหันไปสนใจเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง แต่มีหรือที่สองสหายปลากระต่ายจะยอมเลิกง่ายๆ อะไรที่อยากรู้ก็ต้องได้รู้สิ!
“งั้นพี่ทึกไม่ต้องเล่าก็ได้ พวกผมจะตั้งคำถามแล้วพี่ก็ตอบมาแล้วกัน” ซองมินยื่นข้อเสนอทันที อีทึกหันไปมองฮีซอลที่เพียงแค่แสยะยิ้มมาให้เขาเท่านั้น นายเป็นเพื่อนที่พึ่งอะไรไม่ได้จริงๆเลยสินะ คนสวยได้แต่ถอนใจเบาๆ ขอโทษทีนะฮยอกแจ
“ก็ว่ามา ”
“ฮยอกแจมีแฟนแล้วหรอครับ?”
“ไม่เชิงแฟนหรอก แต่เห็นฮยอกแจเรียกว่าพี่ชาย”
“อ่า ฮยอกแจมีพี่ชายด้วยหรอ?” ซองมินหันไปถามทงเฮที่นั่งอยู่ที่ฟากหนึ่งของฮีซอล
“ฮยอกแจมีพี่สาวคนเดียวชื่อพี่โซรา แต่ที่เรียกคนนั้นว่าพี่ชายเพราะเขาแก่กว่าไง” ฮีซอลเหลือบมองอีกคนที่ยังคงไม่พูดอะไรก่อนจะไขข้อข้องใจให้
“แล้วพี่ชายคนนั้นชื่ออะไรอ่ะครับ?”
“เหมือนฮยอกแจจะเคยบอกนะ แต่จำไม่ได้เหมือนกัน อีทึกนายจำชื่อพี่ชายคนนั้นได้ไหม?” หันไปถามอีกคนที่ยังคงใช้สมาธิอยู่กับแฟ้มรายงานบนโต๊ะ
“จำไม่ได้เหมือนกัน แต่จำได้ลางๆว่าน่าจะเป็นคนจีนนะ”
“เออ ฉันก็คุ้นๆเหมือนกันว่าน่าจะเป็นคนจีนนะ”
“แล้วตอนนี้พี่ชายคนนั้นไปไหนแล้วล่ะครับ?” เจอคำถามนี้ไปฮีซอลเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เพราะเขาเองก็รู้มาแค่นี้แหละ อีทึกถอนใจหนักๆเมื่อเพื่อนรักโยนคุกกี้ใส่เขาเป็นเชิงให้เล่าเสียที เพราะแกอยากรู้เหมือนกันใช่ไหมเนี่ย ถึงได้ลงทุนวอนตายด้วยการทำเสื้อฉันเลอะเศษคุกกี้แบบนี้
“เอาแบบย่อๆนะ เพราะพี่เองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากนัก”
“อย่าลีลาหน่าอีทึก เล่ามา!” คนสวยถึงกลับกรอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะปิดแฟ้มบนโต๊ะแล้วเดินมานั่งรวมที่โต๊ะรับแขกของชมรม
“เท่าที่เคยฟังพี่โซราเล่ามา ฮยอกแจน่าจะรู้จักพี่ชายคนนั้นช่วงประถม เหมือนเขาจะย้ายตามพ่อแม่มาอยู่ข้างบ้านหน่ะ ก็เลยสนิทกัน ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเรียกว่าความรักได้หรือยัง แต่ว่าก่อนจะขึ้นม.ต้น พี่ชายคนนั้นก็ต้องย้ายตามพ่อแม่ที่ไปเปิดธุรกิจที่จีนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย”
“ตั้งแต่ม.ต้นงั้นหรอ? ตั้งห้าปีแหน่ะ!” ซองมินอุทานออกมาเสียงดัง แล้วแบบนี้ฮยอกแจไม่คิดถึงพี่ชายคนนั้นแย่หรอ?
“แล้วฮยอกแจ ”
“ก็ซึมไปช่วงหนึ่งแหละ ที่บ้านฮยอกแจเลยส่งให้เข้ามาเรียนต่อในโซลนี่ไง ตั้งแต่นั้นแหละพี่ถึงได้เป็นคนที่คอยดูแลฮยอกแจแทนที่บ้านเขา ตอนแรกยังกังวลอยู่เลยว่าทำไมถึงเป็นเด็กที่มีดวงตาที่เศร้าขนาดนั้น” นึกถึงตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกแล้วก็อดถอนใจออกมาไม่ได้ ฮยอกแจตอนนี้ต่างจากฮยอกแจเมื่อห้าปีก่อนราวกับพลิกผ่ามือเลยทีเดียว
“แล้วพี่ชายคนนั้นไม่ติดต่อมาเลยหรอครับ? เป็นผู้ชายที่แย่จริงๆ” ทงเฮกอดอกทำเสียงฮึดฮัดโกรธแค้นแทนเพื่อขึ้นมาทันที
“ไม่นะ แต่เหมือนจะมีสัญญาอะไรกันเอาไว้ซักอย่าง แต่ฮยอกแจก็ไม่เคยบอกพี่หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่า ถ้าพี่ชายไม่กลับมา ฮยอกแจจะแต่งงานกับผู้หญิง”
“ฉันว่าฮยอกแจมันคงแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้แล้วล่ะ”
“เห?” ผู้ร่วมวงสนทนาต่างหันไปมองฮีซอลเป็นสายตาเดียว ทำเอาเจ้าแม่ถึงกับจิ๊ปากอย่างขัดใจ ไอ้พวกสมองประมวลผลช้านี่น่ารำคาญจริงๆ
“ก็ตอนนี้ซีวอนกำลังไล่ต้อนฮยอกแจอยู่ไม่ใช่หรอ? ก็อย่างที่ทงเฮบอกว่าฮยอกแจไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน แต่ทำไมถึงได้เขินกับซีวอน? บางที คนที่จะหันหลังให้กับสัญญาก่อนอาจจะเป็นเจ้าลูกเจี๊ยบนี่ก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงไหม?” เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้งในวงสนทนา ถึงตรงนี้ทงเฮกับซองมินเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาได้รับรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าเสียแล้ว
เจ้าไก่เพื่อนยากของพวกเขาท่าจะมีปัญหาเข้าซะแล้วสิ
“พี่ทึกมีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฮยอกแจเอ่ยถามพี่ชายเมื่อรู้สึกว่ามื้อเช้าวันนี้มีเขาลงมือทานอยู่คนเดียว ส่วนพี่ชายคนสวยหน่ะหรอ? เอาแต่นั่งมองเขาหน่ะสิ
“เอ่อ เปล่าหรอก เห็นเรากินท่าทางน่าอร่อยเลยอดนั่งมองไม่ได้”
“ก็พี่ทึกทำกับข้าวอร่อยนี่ครับ” ยิ้มกว้างตามประสาก่อนจะคีบกุ้งเทมปุระใส่จานพี่ชายก่อนที่เขาจะเผลอกินมันจนหมด
“วันนี้จะไปไหนหรอ? แต่งตัวเหมือนจะไปเที่ยวเลย”
“วันนี้ซีวอนชวนไปซื้อแผ่นเกมส์หน่ะครับ โทรไปชวนทงเฮเจ้าปลาบ้านั่นก็บอกว่าจะนอนอย่ายุ่ง ส่วนซองมินก็ไปเดทกับคยูฮยอน ผมก็เลยต้องไปกับเจ้านั่นสองคน”
“คบกันแล้วสินะ” ตะเงียบที่กำลังจะคีบกุ้งเทมปุระชิ้นสุดท้ายในจานชะงักกึก ใบหน้าที่ดูจะมีความสุขกับการทานอาหารจางหายไปทันที ฮยอกแจเงียบไปซักพักก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พี่ชายฟังแล้วต้องลอบถอนใจ
“ ยังครับ”
“แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เห็นเราไปไหนมาไหนกับซีวอนตลอดเลยนี่ จะว่าไปซีวอนก็เป็นคนดีนะ ถ้ายังไง ”
“ไม่ครับ!”
“ฮยอกแจ ” อีทึกรีบดึงมือน้องชายมากุมไว้เมื่อดวงตาเรียวเล็กกำลังคลอไปด้วยน้ำใสๆ เขาพลาดไปแล้วหรือเนี่ย
“ผมรู้ว่าพี่จะพูดเรื่องอะไร แต่ยังไงผมก็จะไม่ทิ้งสัญญานั้นเด็ดขาด ผมจะรอ รอจนกว่าพี่เขาจะมาบอกผมเองว่าไม่ต้องการผมแล้ว ผมคิดว่าพี่น่าจะเข้าใจความรู้สึกของผมนะครับ”
“พี่เข้าใจ แต่ซีวอนล่ะ” นิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาตรงหางตาให้น้องชายก่อนจะเอ่ยถามถึงใครอีกคนที่เขาชักนึกห่วง
“..................”
“ฮยอกแจ ใครๆเขาก็มองออกว่าซีวอนจริงจังกับเรานะ”
“ผม ผมพยายามอธิบายแล้ว แต่เขาไม่ยอมฟังผม” เปลือกตาบางปิดลงอย่างอ่อนล้า ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่เขาถูกสาดน้ำเมื่ออาทิตย์ก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
.
.
.
.
.
“ปล่อยฉันนะ ชเว ซีวอน!!!” พยายามดิ้นแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมกอดของคนตัวสูงนี้ได้เลย ซีวอนอมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะอุ้มเด็กดื้อขึ้นไปนั่งบนโต๊ะประธานนักเรียน
“ปล่อยแล้วครับคนดี สอดเสื้อออกก่อนนะ เดี๋ยวเป็นหวัดกันพอดี” น้ำเสียงทอดอ่อนนั้นทำให้ตัวดื้อยอมนั่งนิ่งๆให้ปลดกระดุมอย่างง่ายดาย ซีวอนเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นเสื้อกล้ามตัวบางอยู่ข้างในอีกชั้นหนึ่ง
“ไหนบอกว่ามันร้อนไง”
“ก็ ก็แค่อยากใส่ ใส่ไม่ได้หรือไง?!” คนตัวเล็กรีบเสหน้าไปทางอื่น ฉันไม่ได้ใส่เพราะนายสั่งเมื่อคราวก่อนเสียหน่อย อย่ามาหลงตัวเองเชียวนะ!
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” เอ่ยยิ้มๆก่อนลูบเนื้อผ้าบางแผ่วเบาสองสามที ฮยอกแจถึงกับตัวงอเพราะจั๊กจี้
“เล่นบ้าอะไรเนี่ย!”
“เสื้อกล้ามไม่เปียกแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องถอดก็ได้ แต่ใส่นี่ไปก่อนจะได้ไม่หนาว” เดินไปหยิบเสื้อกันหนาวที่แขวนอยู่ตรงมุมห้องมาให้ ซึ่งฮยอกแจก็รับมาใส่แต่โดยดี
“ส่วนเสื้อนายเดี๋ยวผึ่งให้แห้งแล้วค่อยเอามาใส่ใหม่ แต่ถ้าอยากรีดให้เรียบเดี๋ยวฉันจะโทรให้ร้านซักรีดมารับไปก็ได้นะ”
“ยุ่งยาก ฉันไม่ได้เนี๊ยบขนาดนั้น”
“แล้วนี่มีเรียนหรือเปล่า?” ถามพลางเดินไปหยิบขนมที่เหล่าบรรดานักเรียนหญิงมักจะทำมาให้ทานเล่นมาวางไว้ที่โต๊ะรับแขก ซึ่งฮยอกแจก็รีบกระโดดลงจากโต๊ะที่นั่งอยู่เดินตามมาอย่างรู้งาน
“เช้าว่าง ” หยิบคุกกี้อัลมอลต์ใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ซีวอนอมยิ้มเมื่อเห็นคนน่ารักกำลังเพลินอยู่กับการทานขนม
“งั้นนั่งเล่นที่นี่ก่อนก็ได้นะ”
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะฉันคงไม่คิดจะออกไปสภาพแบบนี้หรอก โดนสาดน้ำทีเดียวก็เกินพอแล้ว” ร่างบางทำปากยู่ก่อนจะหยิบขนมทานต่อราวกับเรื่องที่เพิ่งเจอมาไม่ได้ใหญ่โตอะไรสำหรับเขา
“ขอโทษนะฮยอกแจ ทั้งที่ฉันสัญญาว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“โอย ชิวๆ นักเรียนหญิงโรงเรียนเราทั้งรักทั้งหวงไอดอลของตัวเองแค่ไหน นายก็น่าจะรู้ดี” โบกมือไปมาอย่างไม่นึกใส่ใจอะไรก่อนจะชูคุกกี้ชอคชิพชิ้นใหญ่ที่ถูกห่อด้วยกระดาษแก้วสีทองไปมาแล้วแกะทานอย่างสบายใจ ของหวานช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นจริงๆด้วยสินะ อร่อยจังเล๊ย~
“โกโก้ร้อนๆซักแก้วไหม?” คนถูกถามถึงกับหู่ผึ่งก่อนจะพยักหน้าเร็วๆเมื่อได้ยินข้อเสนอแสนถูกใจ
“ขอแบบ ”
“รู้แล้วหน่า โกโก้ช้อนครึ่งกับนมสองช้อนใช่ไหม? กินหวานเกินไปแล้วนะเรา” หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชะงักเมื่อถูกเอ่ยถามเสียงเรียบ
“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบกินแบบไหน?”
“คนที่ชอบกินขนมหวานเขาก็กินสูตรนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรอ?” ยิ้มกว้างให้กับคนที่พยายามมองเขาอย่างจับผิด
“ไม่ใช่ ”
“ฮยอกแจ ” รอยยิ้มเจื่อนลงทันทีเมื่อคนตัวเล็กลุกมาจากโซฟาแล้วเดินมาหาเขาถึงตรงมุมชงกาแฟ นัยน์ตาเรียวฉายแววโกรธขึงจนเขารู้สึกใจไม่ดี
“บอกมาเดี๋ยวนี่ว่านายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกินแบบนี้! แม้แต่ซองมินกับทงเฮยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วนายรู้ได้ยังไง!” ขนาดพี่ทึกกว่าจะรู้ว่าเขาชอบกินโกโก้สูตรนี้ก็ใช้เวลากันเกือบปี คนๆเดียวที่จำได้ว่าเขาชอบกินแบบไหนตั้งแต่ครั้งแรกที่บอกมีแค่พี่ชายคนเดียวเท่านั้นแหละ แล้วนี่ซีวอนไปรู้มาได้ยังไง พี่ทึกเองก็ไม่น่าจะบอก แล้วซีวอนรู้ได้ไงว่าเขาชอบกินแบบนี้?
“นายคิดว่าเวลาเทอมกว่าที่ฉันคอยมองนายอยู่ตลอด มันจะไม่ทำให้ฉันรู้เลยหรอว่านายชอบกินอะไรแบบไหน นายสงสัยอะไรฉันอยู่หรือไง? ฉันรักนายขนาดนี้นายยังจะสงสัยอะไรในตัวฉันอีกหรอ?” คำบอกนั้นทำเอาร่างบางถึงกับผงะถอยออกมา
“มะ ไม่”
“ฮยอกแจ?”
“เลิกพูดว่าชอบ เลิกพูดว่ารักฉันซักที!”
“ ”
“ฉันสามารถเป็นเพื่อนนายได้ แต่ฉันเป็นคนรักของนายไม่ได้หรอก”
“ทำไม?”
“ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว ฉันรอเขาอยู่ ถ้านายคิดจะจริงจังกับฉัน ต้องขอโทษจริงๆ ฉันรับความหวังดีของนายไม่ได้จริงๆ”
“รอ? นายจะรอเขาถึงเมื่อไหร่”
“จนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายมาบอกเลิกฉันเอง ”
“ฮยอกแจ ”
“ฉันรักเขาจริงๆนะซีวอน ขอโทษที่บางครั้งฉันอาจจะเผลอใจไปกับนายบ้าง เพราะความอ่อนโยนของนายมันทำให้ฉันนึกถึงเขา มันทำให้ฉันเห็นนายเป็นเขา!” ผลักร่างสูงออกห่างก่อนจะหันหลังเดินกลับไป แต่แขนเรียวกับถูกรั้งพร้อมกับเสียงดังฟังชัดที่ทำหัวใจของเขาหนักอึ้ง
“ฉันจะรอ ”
“..................”
“ฉันจะรอนาย อย่างที่นายรอเขา”
“บ้าหน่า!”
“ขอให้ฉันได้รับรู้ความรู้สึกของนายบ้างนะ ความรู้สึกของการรอคอย คนที่รัก” ไม่รู้ว่าวันนั้นฝนจะตกหรืออย่างไร ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลราวกับทำนบแตก เขาไม่ได้ขัดขืนอีกเมื่อซีวอนดึงเข้าไปกอดปลอบ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ร้องไห้จนแทบจะขาดใจขนาดนี้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนหนุนตักซีวอนอยู่ ซีวอนพูดเพียงประโยคเดียว ประโยคเดียวที่เขาปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ยังคงอยู่ใกล้ๆเขาต่อไปโดยไม่ว่าอะไรอีก
“ฉันจะไม่ร้องขอให้นายรักฉัน แต่ฉันขอ ขอแค่ได้ดูแลนายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว”
.
.
.
.
.
“ฮยอกแจ ” เสียงทุ้มคุ้นหูดึงเขาออกมาจากความคิดเมื่อครู่ เมื่อหันไปก็สบกับสายตาที่แสดงความเป็นห่วงอยู่กรายๆ
“หือ?”
“นายนั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ นี่รู้ตัวหรือเปล่าว่านายออกจากบ้านมากับฉันแล้ว”
“รู้หรอกหน่า ไม่ได้ใจลอยขนาดนั้น ขับรถไปเถอะฉันยังไม่อยากแหกโค้งไปกับนาย” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันหน้าออกไปมองบรรยากาศนอกหน้าต่าง ซึ่งซีวอนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกนอกจากกลับไปทำหน้าที่สารถีตามเดิม
“ซีวอน”
“ครับ?”
“คิดดีแล้วหรอ เรื่องนั้นหน่ะ” คนถูกถามเพียงแค่เหลือบมามองครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าต่อ
“ไม่เบื่อบ้างหรอถามแต่คำถามนี้มาอาทิตย์นึงแล้วนะ”
“ฉันไม่อยากให้ ” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คำพูดของซีวอนทำหัวใจของเขาหนักอึ้งอีกครั้ง
“ฉันเต็มใจ”
TBC.
ตอนนี้เครียดเนอะ ว่างั้นไหม?
ไรท์เตอร์ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ อีกอย่าง วันนี้พลอตเรื่องมันถูกตีกระจายไปหมดแล้วล่ะ
แม้แต่ไรท์เตอร์ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า ตอนหน้าจะมีสภาพอย่างไร
ไม่น่าแต่งฟิคหลังออกมาจากห้องสอบพร้อมกับฟังเพลงโหยหวนเลย -*-
ปล.ยังคิดถึงคนอ่านทุกคนเสมอนะคะ เพราะฉะนั้นช่วยเมนต์ด้วยเถอะค่ะ TT^TT
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น