ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : What's the hell happened!! # 3
ร่างบางใต้ผ้านวมผืนใหญ่พลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย นึกโมโหตัวเองทั้งที่ปกติเป็นคนนอนง่ายแสนง่าย แต่วันนี้ทำไมแค่จะข่มตาหลับยังทำได้ยากเย็นเหลือเกิน และที่สำคัญ
ไอ้ฉากจูบเมื่อเย็นมันยังคงตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา เฝ้าถามตัวเองมาตลอดแต่กลับไม่เคยได้คำตอบกลับมา
ทำไมเขาถึงไม่ขัดขืนเลยนะ? ทำไมกัน?
สะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่านก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งถอนใจแรงๆ มือเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากเมื่อเผลอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น มันก็แค่จูบ จูบที่แทบจะดึงลมหายใจของเขาไปเสียหมด ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่ทำไมถึงได้ปล่อยตัวให้เขาทำตามใจแบบนั้นได้นะฮยอกแจ น่าขายหน้าจริงๆ
“บ้าจริงเชียวฮยอกแจ นายมันบ้าไปแล้ว” บอกกับตัวเองเบาๆก่อนจะล้มตัวนอนอีกครั้ง นัยน์ตาเรียวเหลือบมองการ์ดใบเล็กๆที่ถูกอัดกรอบไว้อย่างดีตรงหัวเตียงแล้วยิ้มเศร้า
“พี่คิดว่าผมกำลังหวั่นไหวหรือเปล่า?” นั่นสินะ ซีวอนกำลังทำให้เขาหวั่นไหวหรือเปล่า?
“พี่รีบกลับมาเร็วๆนะ กลับมาก่อนที่ผมจะเผลอทำลายสัญญาของเรา” ร่างบางนอนจ้องกระดาษใบเล็กอยู่เป็นนานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเสียที เมื่อหันไปดูนาฬิกาตุ๊กตาไก่ที่โต๊ะเล็กข้างเตียงก็พบว่านี่มันจะเช้าแล้ว เสียงกุกกักที่ดังขึ้นมาบนห้องบอกได้เป็นอย่างดีว่าพี่อีทึกคงจะตื่นมาเตรียมมื้อเช้าแล้ว ลงไปหาเพื่อนคุยดีกว่า
“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง” คนเป็นพี่หันมามองน้องชายที่เดินมานั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะถามยิ้มๆ
“ตื่นเช้าที่ไหนพี่ทึก ผมยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก” อ้าปากหาวหวอดก่อนจะนั่งเท้าคางมองพี่ชายคนสวยเตรียมมื้อเช้าอย่างขะมักเขม้น
“แล้วทำไมไม่นอนล่ะ?”
“ก็มันนอนไม่หลับนี่ครับ” มือเรียวรับชามข้าวต้มหมูหอมกรุ่นที่พี่ชายยกมาเสิร์ฟให้ถึงที่ กลิ่นหอมของน้ำซุปกระดูกหมูกระตุ้นให้ตื่นเต็มตา
“คิดอะไรอยู่? ซีวอน?”
“ทำไมผมต้องคิดถึงหมอนั่นด้วย! อ๊ะ! ร้อน~!” ถูกแซวขึ้นมากะทันหันก็เลยเผลอตักข้าวต้มเข้าปากไปโดยไม่ได้เป่า ฮยอกแจรีบทิ้งช้อนแล้วยกมือขึ้นพัดปากที่เริ่มบวมแดงเพราะถูกลวก
“เป่าก่อนสิ! เรานี่ไม่รู้จักโตจริงๆ” อีทึกเอ่ยดุก่อนจะหยิบทิชชูมาซับปากให้น้องแล้วลุกขึ้นไปรินน้ำเย็นมาให้
“ตอนนี้ไปกันถึงไหนแล้ว?”
“ใครไปไหนครับ?” วางแก้วน้ำลงก่อนจะมองพี่ชายตาปริบๆ พี่ทึกกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย?
“พี่ถามว่าความสัมพันธ์ของเรากับซีวอนไปถึงไหนกันแล้ว”
“ก็อยู่กับที่ครับ ผมไม่คิดจะให้มันเลยไปไหนอยู่แล้ว แค่นี้ก็มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน” ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ใครกันที่มาถ่ายรูป อย่าให้เจอตัวนะ พ่อจะสอยปากแตกเลยคอยดูสิ!
“พี่ว่าซีวอนจริงจังกับเรานะ ไม่งั้นคงไม่ตอบตกลงหรอก” ตัวเขาเองก็รู้จักซีวอนพอสมควรจากการได้ทำงานในสภานักเรียนด้วยกัน คนแบบนั้นคงไม่มานั่งล้อเล่นกับความรักหรอก
“พี่ทึก มันก็แค่เกมส์นะครับ พี่ก็รู้ว่าพี่ฮีซอลแกล้งผม” แม้แต่พี่ชายเขาก็เป็นไปด้วยหรือเนี่ย
“แล้วเราบอกซีวอนหรือยัง?”
“บอกอะไรครับ?”
“บอกเรื่องเกมส์ติ๊งต๊องนั่นไง”
“บอกแล้วครับ บอกตั้งแต่วันแรกเลยด้วย”
“แล้ว ?”
“แล้วอะไรครับ?”
“แล้วซีวอนว่ายังไงต่อ อย่ามาโกหกพี่นะ ซีวอนว่ายังไงบ้าง” คนเป็นน้องเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยการก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้ม เขาไม่ชอบสายตาจับผิดแบบนี้เลยให้ตายเถอะ
“ก็ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
“ซักนิด?” พี่ครับ เชื่อผมบ้างซิ!
“ไม่มีครับ”
“แน่ใจนะ” นี่พี่ไม่คิดจะเชื่อกันเลยหรือไง?
“ ครับ”
“แต่พี่ว่า ”
“ผมว่าผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า วันนี้มีซ้อมเช้าด้วยเดี๋ยวไปไม่ทันแล้วพี่คังอินจะหักคอผม” ก่อนที่พี่ชายคนสวยจะซักไซ้อะไรไปมากกว่านี้ น้องชายตัวดีก็รีบเก็บชามข้าวต้มไปไว้ที่ล้างก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวอร์มก่อนจะอาศัยความปราดเปรียวเฉพาะตัวหลบเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว อีทึกได้แต่ส่ายศีรษะแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ร่างบางจัดการทำความสะอาดภายในครัวก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนบ้าง
คิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่ก้าวเท้าผ่านประตูโรงเรียนมาก็เหมือนถูกจับตามองจากทุกทิศทาง แต่พอหันไปก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติ ฮยอกแจส่ายศีรษะให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง มือเรียวกระชับกระเป๋าเป้ให้สะพายสะดวกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน แต่จู่ๆร่างกายก็เหมือนเสียศูนย์เมื่อถูกชนจากด้านหลัง เมื่อหันมามองคู่กรณีก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ผู้หญิง?
“คนหน้าไม่อาย!” ตะโกนใส่หน้าเสร็จก็วิ่งจากไป ปล่อยให้คนถูกด่าได้แต่ยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก สาบานได้ว่านั่นคือคำขอโทษของคนที่เดินมาชนเขา? หรือว่าแม่นั่นตั้งใจตั้งแต่แรก?
“เป็นบ้าอะไรแต่เช้าวะ” บ่นพึมพำแล้วรีบเร่งฝีเท้าไปตั้งหลักที่ชมรมซึ่งเป็นถิ่นของเขาเอง ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้เขาอาจจะเจอผู้หญิงบ้าอีกซักคนสองคนก็ได้ แต่ดูเหมือนเรื่องจะไม่จบแค่นั้น
“มองอะไรกันห๊ะ? ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง?” เอ่ยถามเพื่อนๆในชมรมอย่างหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องชมรมทุกสรรพสิ่งก็ดูเหมือนจะเงียบสงัดขึ้นมาทันที สายตาทุกคู่ล้วนแต่จับจ้องมาที่เขาราวกับเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งผิดปกติก็ไม่ปาน เป็นบ้าอะไรกันไปหมดเนี่ย!
“พวกนายเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ถ้าไม่พูดฉันชกเรียงตัวเลยนะเว้ย!” ถกแขนเสื้อตั้งการ์ดพร้อมลุยเต็มที่ ในที่สุดก็มีผู้กล้าคนหนึ่งลุกขึ้นมา ชายหนุ่มร่างสูงตำแหน่งศูนย์หน้าคู่หูของฮยอกแจเดินมาตบไหล่รุ่นน้องแล้วถอนใจเบาๆ
“ไม่ว่านายจะเป็นแบบไหน ฉันสาบานว่านายยังเป็นน้องรักฉันเสมอว่ะ” พูดบ้าอะไรเนี่ย ฮยอกแจไม่เข้าใจ แล้วไอ้หน้าตาเข้าอกเข้าใจเสียเต็มประดานั่นมันอะไรกัน? เป็นอะไรกันไปหมด?
“พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ยพี่เยซอง ผมเป็นอะไรแบบไหน นี่คิดจะแกล้งอำผมพร้อมกันทั้งชมรมอีกแล้วใช่ไหม? เลิกเล่นเถอะหน่า! วันนี้ผมอารมณ์เสียมาแต่เช้าไม่มีอารมณ์มาตีหน้าเอ๋อให้พวกพี่แกล้งกันหรอกนะ” ความหวังที่จะให้ซักคนหนึ่งหลุดหัวเราะออกมาพังทลายไปต่อหน้า เมื่อทุกคนยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้นะเว้ย! บรรยากาศแบบนี้อี ฮยอกแจเกลียดที่สุด!
“ผมไหว้ล่ะพี่ บอกผมทีว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น”
“นั่นสินะ มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นพวกนายถึงไม่ยอมออกไปซ้อมซักที” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงของกัปตันทีมที่เดินเข้ามาในชมรม นัยน์ตาคมกริบจ้องมองสมาชิกแต่ละคนโดยไม่พูดอะไรอีก คนที่เริ่มรู้ตัวก็เริ่มทยอยออกไปกันทีละคนสองคน ไม่เว้นแม้แต่เยซองที่พยักหน้ารับเป็นอันรู้กันว่าซ้อมเช้านี้เขาเป็นคนคุมแทน
“อยากรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เมื่อเหลืออยู่กันเพียงสองคน น้ำเสียงดุดันเมื่อครู่ก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ฮยอกแจเงยหน้ามองคนที่ควบตำแหน่งกัปตันทีมและพี่เขยอย่างขอความช่วยเหลือ คังอินถอนใจเบาๆก่อนจะเดินไปตบไหล่น้องชาย เขาเองก็เริ่มต้นไม่ถูกเหมือนกันว่าจะพูดยังไงดี
“ตอนนี้เรื่องของเรากับซีวอนดังไปทั่วโรงเรียนแล้ว” คนฟังหัวเราะหึในลำคอ
“เพิ่งตอนนี้หรอครับ? ผมนึกว่าเขารู้กันไปทั่วตั้งแต่วันที่ผมสารภาพรักหมอนั่นกลางโรงอาหารเสียอีก”
“ฮยอกแจ ” น้ำเสียงที่ทอดอ่อนลงเหมือนกำลังหนักใจในสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไป ทำเอาคนเป็นน้องเริ่มรู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ครับ?”
“เมื่อวานเราจูบกับซีวอนในห้องชมรมนี้ใช่ไหม?” พระเจ้าครับ น้ำเสียงเรียบๆนั้นกระชากวิญญาณออกจากร่างผมได้ชะงัดนัก พี่คังอินรู้ได้ไง? หรือว่า
“อย่าบอกนะว่าไอ้คนที่แอบถ่ายรูปเมื่อวานคือพี่?!” ไม่นะ! ผมอุตส่าห์ไว้ใจพี่ รักพี่มากราวกับพ่อ(?)แท้ๆ แถมยังช่วยพี่จีบพี่ทึกจนสำเร็จอีกต่างหาก พี่ทำกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ ผมจะยุให้พี่ทึกเลิกกับพี่จริงๆด้วย!
“พี่จะถ่ายไปทำซากอะไร” นึกอยากจะตบกะโหลกเล็กๆนั้นให้ร้าวไปข้างแต่ก็ยั้งใจไว้ทัน น้องมันยังเด็ก ท่องเอาไว้นะยองอุน
“แล้วพี่รู้ได้ไงล่ะ ถ้าพี่ไม่ใช่คนถ่ายหน่ะ!”
“รูปแปะหลาทุกบอร์ดประกาศของโรงเรียน ไม่รู้ก็โง่เต็มทนแล้ว” ตอนนี้ฮยอกแจรู้สึกเหมือนถูกของหนักตกใส่หัวโครมใหญ่ ถูกถ่ายรูปว่าซวยแล้ว นี่ถึงขนาด
“แปะทุกบอร์ด!” นรกอะไรของอี ฮยอกแจคนนี้อีกครับ? จะมีอะไรนรกไปกว่านี้อีกไหม?!
“ ไม่จริง” คนตัวเล็กทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง แล้วแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน! ทีตอนเขายิงประตูสุดสวยไม่เห็นมีใครจะสนใจถ่ายรูปแปะชื่นชมกันตามบอร์ดบ้างเลย ทีอย่างนี้ล่ะซัดกันไม่ยั้งเชียว
“พี่ว่าเราไปคุยกับซีวอนดีกว่านะ หมอนั่นแฟนคลับเยอะติดอันดับท็อปไฟว์ของโรงเรียนซะด้วยสิ จะคบกันทั้งทีก็ควรจะทำอะไรให้มันชัวร์ไปเลย เห็นซองมินมาบ่นให้คยูฮยอนฟังว่าเราเริ่มเจอภัยมืดคุกคามแล้วนี่”
“ไอ้ฟักทองแบ๊วเอ้ย! ปากมากจนได้” ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่ทำไมมาบ่นให้แฟนเด็กมันฟังได้ล่ะเนี่ย ไก่ล่ะเซ็ง!
“ซองมินเขาห่วงเราหรอกหน่า นี่แสดงว่าอีทึกยังไม่รู้สินะ” ฮยอกแจพยักหน้ารับคำพี่ชายก่อนจะถอนใจเซ็งๆ นายทำฉันปวดหัวอีกแล้วซีวอน ไอ้บ้า!
“พี่คังอิน ผมอยากบ้า”
“งั้นก็ไปพักก่อนไป วันนี้ยังไม่ต้องซ้อมก็ได้ เราไม่มีสมาธิหรอกพี่รู้” ตบไหล่น้องรักเบาๆก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดนักเรียนซึ่งฮยอกแจก็ไม่ได้งอแงอะไร เพราะตอนนี้เขามึนเกินกว่าจะไปวิ่งตามเกมในสนามได้จริงๆ
พอหลุดออกมาจากสนามฟุตบอลได้ก็เหมือนตกอยู่ท่ามกลางสายตานับสิบคู่อีกครั้ง ร่างบางสบถออกมาเบาๆอย่างหัวเสีย อยากจะโดดเรียนแล้วหนีกลับบ้านไปซะเดี๋ยวนี้ แต่พอนึกถึงตอนที่จะต้องมานั่งฟังพี่อีทึกเทศน์ก็ขยาดขึ้นมาทันที แล้วนี่เขาจะไปตั้งตัวที่ไหนเนี่ย! ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือถือในกระเป๋าแผดเสียงลั่น เสียงพิเศษที่สองสหายปลากระต่ายบังคับหักคอให้เขาใช้ จะได้อินเทรน
[ ไอ้ไก่~ รับสายยยยยยยยยยยย...]
“ว่าไง” กรอกเสียงไปตามสายด้วยน้ำเสียงสุดเซ็ง
[เฮ้ยๆ มากินขนมกัน! ตอนนี้รออยู่ที่โต๊ะเดิมที่โรงอาหารแล้ว]
“เออ กำลังไป แค่นี้นะ” รีบกดวางสายก่อนจะเร่งฝีเท้าไปที่โรงอาหาร ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยอยากเจอผู้คนเท่าไหร่ แต่ยังไงก็มีเพื่อนเขาเยอะอยู่ เอาเว้ย! ลุย!
แต่พอเอาเข้าจริงเขาก็อยากหันหลังกลับเสียจริง สายตาทิ่มแทงที่ส่งมาให้นั่นมันอะไรกัน พยายามเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะประจำที่ทงเฮกับซองมินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเดินตัดหน้าด้วยผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
“เฮ้ๆ ระวังหน่อยสิ” เอ่ยบอกเมื่อแม่คุณเกือบจะทำโกโก้ร้อนๆหกใส่เขา แต่ฮยอกแจก็ไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไร ร่างบางเดินเลี่ยงออกมาเมื่อเห็นเพื่อนรักโบกมือให้อยู่ไม่ไกลนัก
“อี ฮยอกแจ” เสียงเรียกนั้นทำให้เจ้าของชื่อหยุดเดินแล้วหันกลับมาเหมือนจะถามว่ามีอะไร ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็ต้องยืนนิ่งเมื่อถูกสาดน้ำใส่เต็มหน้า โรงอาหารเงียบลงทันที
“แค่นี้มันยังน้อยไป สำหรับคนอย่างนาย!” คนลงมือเอ่ยอย่างสะใจ ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อถูกคว้าแขนแล้วกระชากเข้าไปใกล้
“น้อยไป? ไหนล่ะที่มากกว่านี้? ถ้ามีปัญญามาทำเรื่องไร้สาระขนาดนี้แล้วก็ทำให้เต็มที่หน่อยสิ!” อย่าหวังว่าคนอย่างเขาจะลงไปนั่งสะดีดสะดิ้งร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะเหมือนนางเอกละครหลังข่าว บอกได้คำเดียวว่านั่นไม่ใช่อี ฮยอกแจคนนี้แน่! ร้ายมาก็ร้ายกลับวะ! ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ เล่นกันแบบนี้ความอดทนเขาก็มีให้ไม่ถึงเสียด้วยสิ
“ปล่อยฉันนะ!” มือเรียวยอมปล่อยหญิงสาวแต่โดยดีเพราะเขาเองก็ไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกผู้หญิง ทงเฮกับซองมินรีบเข้ามาดูเพื่อนอย่างเป็นห่วง ยังดีที่เป็นแค่น้ำเปล่า ถ้าเป็นโกโก้ร้อนถ้วยนั้นคงดูไม่จืดแน่
“มาสาดน้ำฉันทำไม”
“คนอย่างนายมันหน้าไม่อาย! จีบผู้หญิงคนไหนก็ไม่เคยติด คราวนี้เลยคิดจะหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายด้วยกันหรือไง? น่าสมเพชสิ้นดี! แล้วก็ขอบอกไว้เลยนะว่าพวกเราไม่ทางให้นายมาจับซีวอนแน่! คนอย่างนายมันไม่มีอะไรน่าสนใจเลยซักนิด” มองตั้งแต่หัวจดเท้าก่อนจะยิ้มเยาะ ทงเฮถึงกับฟิวส์ขาดเตรียมพุ่งใส่แต่ฮยอกแจกับซองมินก็ช่วยกันรั้งไว้แล้วบอกให้ใจเย็นๆ
“นายจะชกผู้หญิงหรือไงทงเฮ ใจเย็นสิ”
“ปากแบบนี้จะเก็บไว้บูชาราหูหรือไง! แล้วอีกอย่างแม่นี่มันกำลังด่านายนะ นายไม่โกรธเลยหรือไงฮยอกแจ” กลายเป็นร่างบางที่ถูกเพื่อนวีนใส่แทน เพราะฉันกลัวแกจะถูกฝ่ายปกครองทำโทษหรอกนะถึงได้รั้งไว้ ทำไมถึงได้มาด่ากันเองวะ?
“ก็โกรธ แต่ฉันไม่อยากให้นายทำร้ายผู้หญิง”
“สุภาพบุรุษจริงนะ คลื่นไส้!” เหมือนเส้นความอดทนขาดผึง กลายเป็นฮยอกแจที่จะโผเข้าใส่โดยมีทงเฮกับซองมินรั้งเอาไว้แทน อยากตบผู้หญิงเว้ย!
“มีเรื่องอะไรกัน” กลุ่มคนที่มามุงดูเหตุการณ์รีบแตกออกเป็นสองฝั่งเพื่อเปิดทางให้ผู้มาใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงเรียบๆนั่น ซีวอนที่เดินผ่านบรรดาเกาหลีมุงเข้ามาหาคู่กรณีที่มีเรื่องกัน แทนที่จะไปเข้าเรียนกลับมาก่อเรื่องกันที่โรงอาหาร สงสัยคงจะต้องพาตัวไปที่ฝ่ายปกครองซะแล้วล่ะมั้ง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างบางยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่กลางวง
“ฮยอกแจ?” คนถูกเรียกกรอกตาไปมา ถ้าเขาเดินหนีออกไปก็แสดงว่าเขากลัว แต่บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย ถ้ามาพูดว่าฉันผิด ฉันจะชกนายให้หน้าหงายเลยคอยดู!
“แล้วคิดว่าใคร? เห็นเป็นวอนบินหรือไง?”
“อย่าเพิ่งมากวนฉันหน่า แล้วนี่ไปทำอะไรมาทำไมตัวเปียกแบบนี้” เดินตรงเข้ามาหาก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำตรงใบหน้าให้ เสียงฮือฮาดังมาจากเหล่าสักขีพยานที่อยู่โดยรอบทันทีแต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก ส่วนฮยอกแจที่พยายามปัดมืออีกฝ่ายออกให้พ้นหน้าตัวเองก็จิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อถูกรวบมือเอาไว้แน่น อย่ามาทำตัวพระเอกแบบนี้นะเว้ย หมั่นไส้!
“ยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าไปตกน้ำที่ไหนมา”
“ไม่มีอะไร แค่เดินสะดุดขาหมาเท่านั้นเอง”
“นายว่าใครเป็นหมาห๊ะ!” คนถูกพาดพิงถึงกับโวยวายขึ้นมาทันที แต่แล้วก็ต้องก้มหน้างุดเมื่อซีวอนหันมามอง
“ใครอยากเป็นก็รับไป ถ้าอยากทำตัวดีให้เนียนก็อย่าร้อนตัว” เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะคว้าแขนเพื่อนรักทั้งสองที่ยังปรับตัวตามสถานการณ์ไม่ทันให้เดินไปด้วยกัน แต่แล้วก็คนตัวเล็กก็ต้องหน้ามุ่ยอีกครั้งเมื่อถูกคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“นั่นนายจะไปไหน”
“เปลี่ยนเสื้อสิ! จะปอดบวมตายอยู่แล้ว” แหวเข้าให้ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นน้อยๆ โรงอาหารบ้านี่ก็ลมเข้าดีชะมัด หนาวนะเว้ย!
“เดี๋ยวฉันพาไปเอง” เสื้อสูทตัวนอกถูกถอดมาคลุมไหล่บางไว้กันหนาว ซีวอนรั้งให้ฮยอกแจเดินไปด้วยกันแต่ก็ติดอยู่ที่เจ้าตัวป่วนโวยวายขึ้นมาเสียงดังไม่ยอมท่าเดียว
“ไม่ต้อง! ฉันไปเองได้ เพื่อนฉันก็มี นายจะไปทำไม” ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่พอลมหนาวพัดมา มือเรียวก็กระชับเสื้อคลุมนั้นให้แน่นขึ้น ซีวอนอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“คนรักกันก็ต้องดูแลกันสิ นี่ก็ใกล้เข้าโฮมรูมแล้ว ให้เพื่อนนายไปเข้าเรียนเถอะ เดี๋ยวฉันพาไปเปลี่ยนชุดเอง” ราวกับเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใครหลายๆคนกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ ชัดแล้ว ชเว ซีวอนคบกับอี ฮยอกแจ!
ชัดล้านเปอร์เซ็น!!!!!!!!!!!!!!!
“ฉันไปเองได้!” ตั้งท่าจะเถียงอีกซักยกแต่ก็ต้องรีบเงียบเสียงเมื่อถูกขัดด้วยน้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ค่อยอยากได้ยินเท่าไหร่นัก
“จะเถียงให้เสื้อแห้งอยู่ตรงนี้กันเลยหรือไง? ชักช้าอยู่นั่นแหละไปได้แล้ว” ไม่ใช่ใครที่ไหน คิมฮีซอลนั้นเอง ทงเฮกับซองมินรีบแวบไปยืนหลังพี่ชายคนสวยทันทีเพราะรับรู้กันได้ว่าหลังจากนี้มีเรื่องสนุกมากกว่าการเข้าโฮมรูมเกิดขึ้นแน่ ฮยอกแจมองสองสหายปลากระต่ายแล้วเบ้ปาก ดูมัน เพื่อนตายทั้งนั้น!
“ไปกันหรือยัง ถ้าพี่ฮีซอลโกรธฉันไม่ช่วยนะ” ก้มลงกระซิบพอได้ยินกันสองคน ฮยอกแจหันไปมองนางพญาที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่แล้วลอบกลืนน้ำลาย แต่ยังไงก็ยังไม่ยอมทิ้งลายง่ายๆ
“ฉันไปคนเดียวได้!”
“ดื้อจริง เดี๋ยวปั๊ดอุ้มไปซะเลยดีไหม?” ทำท่าจะช้อนตัวไก่น้อยขึ้นอุ้มจนร่างบางร้องเสียงหลง
“เฮ้ยๆ” มือเรียวยกขึ้นยันอกกว้างแทบไม่ทัน อย่านะเว้ย คนไม่ใช่น้อยเลยนะ ฉันก็อายเป็นนะเว้ย!
“ไม่แกล้งก็ได้ครับคนดี” อาศัยช่วงที่คนตัวเล็กกำลังเผลอก้มลงหอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี และก่อนที่ฮยอกแจจะได้สติแล้ววีนใส่เขา ซีวอนก็รีบคว้าตัวคนรักที่ทำการประกาศตัวต่อหน้าสาธารณะชนเรียบร้อยแล้วไปทันที
“ที่เหลือฝากด้วยนะครับพี่ฮีซอล” ร่างโปร่งของนางพญาประจำโรงเรียนพยักหน้ารับเนือยๆ ก่อนจะหันมาฟังเรื่องราวทั้งหมดจากทงเฮและซองมินที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รอยยิ้มที่มุมปากกดลึกเมื่อรับฟังเรื่องราวต่างๆชนิดละเอียดยิบไม่มีหลุดหายไปซักฉากจากน้องทั้งสอง
“คิดยังไงมาเล่นกับเด็กของฉัน หืม?” เอ่ยถามยิ้มๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่เริ่มจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง เพื่อนๆที่คอยสนับสนุนก็หายไปหมดราวกับไร้ตัวตน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มเย็นเมื่อเห็นเจ้าหล่อนตัวสั่นราวกับลูกนกกำลังเจอมรสุมเข้า
“ไหนลองบอกมาสิว่า โทษแบบไหนที่เธอสมควรจะได้รับ”
TBC.
คิมฮีโหดแบบเบาะๆ คิกๆ
หายไปนานเลยนะคะ ต้องขอโทษที่ทำให้รอกันนะคะ
ช่วงนี้ไรท์เตอร์ติดพันกับเรื่องโปรเจคจบมากๆ
เลยต้องพักการเขียนไปบางช่วง...ฟีลตกเพราะความเครียดนั่นเอง
ตอนนี้ฟิคในหัวเยอะมาก เยอะจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว TT^TT
จะพยายามทยอยดึงออกมาเขียนนะคะ (แต่หนักใจเพราะมันเป็นเรื่องยาวหมด...ตาย)
รักคนอ่านน๊า~
ปล.อีกซักที ไรท์เตอร์เหลือฟิค love accident อยู่ 10 เล่มสุดท้าย คนอ่านคนใดสนใจรับไปไว้ในอ้อมแขนก็อย่าลืมแวะไปที่เว็บนี้นะคะ
http://fixland.19.forumer.com/viewtopic.php?t=22
ขอบคุณค่ะ
ทำไมเขาถึงไม่ขัดขืนเลยนะ? ทำไมกัน?
สะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่านก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งถอนใจแรงๆ มือเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากเมื่อเผลอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น มันก็แค่จูบ จูบที่แทบจะดึงลมหายใจของเขาไปเสียหมด ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่ทำไมถึงได้ปล่อยตัวให้เขาทำตามใจแบบนั้นได้นะฮยอกแจ น่าขายหน้าจริงๆ
“บ้าจริงเชียวฮยอกแจ นายมันบ้าไปแล้ว” บอกกับตัวเองเบาๆก่อนจะล้มตัวนอนอีกครั้ง นัยน์ตาเรียวเหลือบมองการ์ดใบเล็กๆที่ถูกอัดกรอบไว้อย่างดีตรงหัวเตียงแล้วยิ้มเศร้า
“พี่คิดว่าผมกำลังหวั่นไหวหรือเปล่า?” นั่นสินะ ซีวอนกำลังทำให้เขาหวั่นไหวหรือเปล่า?
“พี่รีบกลับมาเร็วๆนะ กลับมาก่อนที่ผมจะเผลอทำลายสัญญาของเรา” ร่างบางนอนจ้องกระดาษใบเล็กอยู่เป็นนานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเสียที เมื่อหันไปดูนาฬิกาตุ๊กตาไก่ที่โต๊ะเล็กข้างเตียงก็พบว่านี่มันจะเช้าแล้ว เสียงกุกกักที่ดังขึ้นมาบนห้องบอกได้เป็นอย่างดีว่าพี่อีทึกคงจะตื่นมาเตรียมมื้อเช้าแล้ว ลงไปหาเพื่อนคุยดีกว่า
“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง” คนเป็นพี่หันมามองน้องชายที่เดินมานั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะถามยิ้มๆ
“ตื่นเช้าที่ไหนพี่ทึก ผมยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก” อ้าปากหาวหวอดก่อนจะนั่งเท้าคางมองพี่ชายคนสวยเตรียมมื้อเช้าอย่างขะมักเขม้น
“แล้วทำไมไม่นอนล่ะ?”
“ก็มันนอนไม่หลับนี่ครับ” มือเรียวรับชามข้าวต้มหมูหอมกรุ่นที่พี่ชายยกมาเสิร์ฟให้ถึงที่ กลิ่นหอมของน้ำซุปกระดูกหมูกระตุ้นให้ตื่นเต็มตา
“คิดอะไรอยู่? ซีวอน?”
“ทำไมผมต้องคิดถึงหมอนั่นด้วย! อ๊ะ! ร้อน~!” ถูกแซวขึ้นมากะทันหันก็เลยเผลอตักข้าวต้มเข้าปากไปโดยไม่ได้เป่า ฮยอกแจรีบทิ้งช้อนแล้วยกมือขึ้นพัดปากที่เริ่มบวมแดงเพราะถูกลวก
“เป่าก่อนสิ! เรานี่ไม่รู้จักโตจริงๆ” อีทึกเอ่ยดุก่อนจะหยิบทิชชูมาซับปากให้น้องแล้วลุกขึ้นไปรินน้ำเย็นมาให้
“ตอนนี้ไปกันถึงไหนแล้ว?”
“ใครไปไหนครับ?” วางแก้วน้ำลงก่อนจะมองพี่ชายตาปริบๆ พี่ทึกกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย?
“พี่ถามว่าความสัมพันธ์ของเรากับซีวอนไปถึงไหนกันแล้ว”
“ก็อยู่กับที่ครับ ผมไม่คิดจะให้มันเลยไปไหนอยู่แล้ว แค่นี้ก็มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน” ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ใครกันที่มาถ่ายรูป อย่าให้เจอตัวนะ พ่อจะสอยปากแตกเลยคอยดูสิ!
“พี่ว่าซีวอนจริงจังกับเรานะ ไม่งั้นคงไม่ตอบตกลงหรอก” ตัวเขาเองก็รู้จักซีวอนพอสมควรจากการได้ทำงานในสภานักเรียนด้วยกัน คนแบบนั้นคงไม่มานั่งล้อเล่นกับความรักหรอก
“พี่ทึก มันก็แค่เกมส์นะครับ พี่ก็รู้ว่าพี่ฮีซอลแกล้งผม” แม้แต่พี่ชายเขาก็เป็นไปด้วยหรือเนี่ย
“แล้วเราบอกซีวอนหรือยัง?”
“บอกอะไรครับ?”
“บอกเรื่องเกมส์ติ๊งต๊องนั่นไง”
“บอกแล้วครับ บอกตั้งแต่วันแรกเลยด้วย”
“แล้ว ?”
“แล้วอะไรครับ?”
“แล้วซีวอนว่ายังไงต่อ อย่ามาโกหกพี่นะ ซีวอนว่ายังไงบ้าง” คนเป็นน้องเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยการก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้ม เขาไม่ชอบสายตาจับผิดแบบนี้เลยให้ตายเถอะ
“ก็ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
“ซักนิด?” พี่ครับ เชื่อผมบ้างซิ!
“ไม่มีครับ”
“แน่ใจนะ” นี่พี่ไม่คิดจะเชื่อกันเลยหรือไง?
“ ครับ”
“แต่พี่ว่า ”
“ผมว่าผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า วันนี้มีซ้อมเช้าด้วยเดี๋ยวไปไม่ทันแล้วพี่คังอินจะหักคอผม” ก่อนที่พี่ชายคนสวยจะซักไซ้อะไรไปมากกว่านี้ น้องชายตัวดีก็รีบเก็บชามข้าวต้มไปไว้ที่ล้างก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวอร์มก่อนจะอาศัยความปราดเปรียวเฉพาะตัวหลบเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว อีทึกได้แต่ส่ายศีรษะแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ร่างบางจัดการทำความสะอาดภายในครัวก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนบ้าง
คิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่ก้าวเท้าผ่านประตูโรงเรียนมาก็เหมือนถูกจับตามองจากทุกทิศทาง แต่พอหันไปก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติ ฮยอกแจส่ายศีรษะให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง มือเรียวกระชับกระเป๋าเป้ให้สะพายสะดวกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน แต่จู่ๆร่างกายก็เหมือนเสียศูนย์เมื่อถูกชนจากด้านหลัง เมื่อหันมามองคู่กรณีก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ผู้หญิง?
“คนหน้าไม่อาย!” ตะโกนใส่หน้าเสร็จก็วิ่งจากไป ปล่อยให้คนถูกด่าได้แต่ยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก สาบานได้ว่านั่นคือคำขอโทษของคนที่เดินมาชนเขา? หรือว่าแม่นั่นตั้งใจตั้งแต่แรก?
“เป็นบ้าอะไรแต่เช้าวะ” บ่นพึมพำแล้วรีบเร่งฝีเท้าไปตั้งหลักที่ชมรมซึ่งเป็นถิ่นของเขาเอง ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้เขาอาจจะเจอผู้หญิงบ้าอีกซักคนสองคนก็ได้ แต่ดูเหมือนเรื่องจะไม่จบแค่นั้น
“มองอะไรกันห๊ะ? ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง?” เอ่ยถามเพื่อนๆในชมรมอย่างหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องชมรมทุกสรรพสิ่งก็ดูเหมือนจะเงียบสงัดขึ้นมาทันที สายตาทุกคู่ล้วนแต่จับจ้องมาที่เขาราวกับเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งผิดปกติก็ไม่ปาน เป็นบ้าอะไรกันไปหมดเนี่ย!
“พวกนายเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ถ้าไม่พูดฉันชกเรียงตัวเลยนะเว้ย!” ถกแขนเสื้อตั้งการ์ดพร้อมลุยเต็มที่ ในที่สุดก็มีผู้กล้าคนหนึ่งลุกขึ้นมา ชายหนุ่มร่างสูงตำแหน่งศูนย์หน้าคู่หูของฮยอกแจเดินมาตบไหล่รุ่นน้องแล้วถอนใจเบาๆ
“ไม่ว่านายจะเป็นแบบไหน ฉันสาบานว่านายยังเป็นน้องรักฉันเสมอว่ะ” พูดบ้าอะไรเนี่ย ฮยอกแจไม่เข้าใจ แล้วไอ้หน้าตาเข้าอกเข้าใจเสียเต็มประดานั่นมันอะไรกัน? เป็นอะไรกันไปหมด?
“พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ยพี่เยซอง ผมเป็นอะไรแบบไหน นี่คิดจะแกล้งอำผมพร้อมกันทั้งชมรมอีกแล้วใช่ไหม? เลิกเล่นเถอะหน่า! วันนี้ผมอารมณ์เสียมาแต่เช้าไม่มีอารมณ์มาตีหน้าเอ๋อให้พวกพี่แกล้งกันหรอกนะ” ความหวังที่จะให้ซักคนหนึ่งหลุดหัวเราะออกมาพังทลายไปต่อหน้า เมื่อทุกคนยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้นะเว้ย! บรรยากาศแบบนี้อี ฮยอกแจเกลียดที่สุด!
“ผมไหว้ล่ะพี่ บอกผมทีว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น”
“นั่นสินะ มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นพวกนายถึงไม่ยอมออกไปซ้อมซักที” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงของกัปตันทีมที่เดินเข้ามาในชมรม นัยน์ตาคมกริบจ้องมองสมาชิกแต่ละคนโดยไม่พูดอะไรอีก คนที่เริ่มรู้ตัวก็เริ่มทยอยออกไปกันทีละคนสองคน ไม่เว้นแม้แต่เยซองที่พยักหน้ารับเป็นอันรู้กันว่าซ้อมเช้านี้เขาเป็นคนคุมแทน
“อยากรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เมื่อเหลืออยู่กันเพียงสองคน น้ำเสียงดุดันเมื่อครู่ก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ฮยอกแจเงยหน้ามองคนที่ควบตำแหน่งกัปตันทีมและพี่เขยอย่างขอความช่วยเหลือ คังอินถอนใจเบาๆก่อนจะเดินไปตบไหล่น้องชาย เขาเองก็เริ่มต้นไม่ถูกเหมือนกันว่าจะพูดยังไงดี
“ตอนนี้เรื่องของเรากับซีวอนดังไปทั่วโรงเรียนแล้ว” คนฟังหัวเราะหึในลำคอ
“เพิ่งตอนนี้หรอครับ? ผมนึกว่าเขารู้กันไปทั่วตั้งแต่วันที่ผมสารภาพรักหมอนั่นกลางโรงอาหารเสียอีก”
“ฮยอกแจ ” น้ำเสียงที่ทอดอ่อนลงเหมือนกำลังหนักใจในสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไป ทำเอาคนเป็นน้องเริ่มรู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ครับ?”
“เมื่อวานเราจูบกับซีวอนในห้องชมรมนี้ใช่ไหม?” พระเจ้าครับ น้ำเสียงเรียบๆนั้นกระชากวิญญาณออกจากร่างผมได้ชะงัดนัก พี่คังอินรู้ได้ไง? หรือว่า
“อย่าบอกนะว่าไอ้คนที่แอบถ่ายรูปเมื่อวานคือพี่?!” ไม่นะ! ผมอุตส่าห์ไว้ใจพี่ รักพี่มากราวกับพ่อ(?)แท้ๆ แถมยังช่วยพี่จีบพี่ทึกจนสำเร็จอีกต่างหาก พี่ทำกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ ผมจะยุให้พี่ทึกเลิกกับพี่จริงๆด้วย!
“พี่จะถ่ายไปทำซากอะไร” นึกอยากจะตบกะโหลกเล็กๆนั้นให้ร้าวไปข้างแต่ก็ยั้งใจไว้ทัน น้องมันยังเด็ก ท่องเอาไว้นะยองอุน
“แล้วพี่รู้ได้ไงล่ะ ถ้าพี่ไม่ใช่คนถ่ายหน่ะ!”
“รูปแปะหลาทุกบอร์ดประกาศของโรงเรียน ไม่รู้ก็โง่เต็มทนแล้ว” ตอนนี้ฮยอกแจรู้สึกเหมือนถูกของหนักตกใส่หัวโครมใหญ่ ถูกถ่ายรูปว่าซวยแล้ว นี่ถึงขนาด
“แปะทุกบอร์ด!” นรกอะไรของอี ฮยอกแจคนนี้อีกครับ? จะมีอะไรนรกไปกว่านี้อีกไหม?!
“ ไม่จริง” คนตัวเล็กทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง แล้วแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน! ทีตอนเขายิงประตูสุดสวยไม่เห็นมีใครจะสนใจถ่ายรูปแปะชื่นชมกันตามบอร์ดบ้างเลย ทีอย่างนี้ล่ะซัดกันไม่ยั้งเชียว
“พี่ว่าเราไปคุยกับซีวอนดีกว่านะ หมอนั่นแฟนคลับเยอะติดอันดับท็อปไฟว์ของโรงเรียนซะด้วยสิ จะคบกันทั้งทีก็ควรจะทำอะไรให้มันชัวร์ไปเลย เห็นซองมินมาบ่นให้คยูฮยอนฟังว่าเราเริ่มเจอภัยมืดคุกคามแล้วนี่”
“ไอ้ฟักทองแบ๊วเอ้ย! ปากมากจนได้” ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่ทำไมมาบ่นให้แฟนเด็กมันฟังได้ล่ะเนี่ย ไก่ล่ะเซ็ง!
“ซองมินเขาห่วงเราหรอกหน่า นี่แสดงว่าอีทึกยังไม่รู้สินะ” ฮยอกแจพยักหน้ารับคำพี่ชายก่อนจะถอนใจเซ็งๆ นายทำฉันปวดหัวอีกแล้วซีวอน ไอ้บ้า!
“พี่คังอิน ผมอยากบ้า”
“งั้นก็ไปพักก่อนไป วันนี้ยังไม่ต้องซ้อมก็ได้ เราไม่มีสมาธิหรอกพี่รู้” ตบไหล่น้องรักเบาๆก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดนักเรียนซึ่งฮยอกแจก็ไม่ได้งอแงอะไร เพราะตอนนี้เขามึนเกินกว่าจะไปวิ่งตามเกมในสนามได้จริงๆ
พอหลุดออกมาจากสนามฟุตบอลได้ก็เหมือนตกอยู่ท่ามกลางสายตานับสิบคู่อีกครั้ง ร่างบางสบถออกมาเบาๆอย่างหัวเสีย อยากจะโดดเรียนแล้วหนีกลับบ้านไปซะเดี๋ยวนี้ แต่พอนึกถึงตอนที่จะต้องมานั่งฟังพี่อีทึกเทศน์ก็ขยาดขึ้นมาทันที แล้วนี่เขาจะไปตั้งตัวที่ไหนเนี่ย! ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือถือในกระเป๋าแผดเสียงลั่น เสียงพิเศษที่สองสหายปลากระต่ายบังคับหักคอให้เขาใช้ จะได้อินเทรน
[ ไอ้ไก่~ รับสายยยยยยยยยยยย...]
“ว่าไง” กรอกเสียงไปตามสายด้วยน้ำเสียงสุดเซ็ง
[เฮ้ยๆ มากินขนมกัน! ตอนนี้รออยู่ที่โต๊ะเดิมที่โรงอาหารแล้ว]
“เออ กำลังไป แค่นี้นะ” รีบกดวางสายก่อนจะเร่งฝีเท้าไปที่โรงอาหาร ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยอยากเจอผู้คนเท่าไหร่ แต่ยังไงก็มีเพื่อนเขาเยอะอยู่ เอาเว้ย! ลุย!
แต่พอเอาเข้าจริงเขาก็อยากหันหลังกลับเสียจริง สายตาทิ่มแทงที่ส่งมาให้นั่นมันอะไรกัน พยายามเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะประจำที่ทงเฮกับซองมินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเดินตัดหน้าด้วยผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
“เฮ้ๆ ระวังหน่อยสิ” เอ่ยบอกเมื่อแม่คุณเกือบจะทำโกโก้ร้อนๆหกใส่เขา แต่ฮยอกแจก็ไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไร ร่างบางเดินเลี่ยงออกมาเมื่อเห็นเพื่อนรักโบกมือให้อยู่ไม่ไกลนัก
“อี ฮยอกแจ” เสียงเรียกนั้นทำให้เจ้าของชื่อหยุดเดินแล้วหันกลับมาเหมือนจะถามว่ามีอะไร ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็ต้องยืนนิ่งเมื่อถูกสาดน้ำใส่เต็มหน้า โรงอาหารเงียบลงทันที
“แค่นี้มันยังน้อยไป สำหรับคนอย่างนาย!” คนลงมือเอ่ยอย่างสะใจ ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อถูกคว้าแขนแล้วกระชากเข้าไปใกล้
“น้อยไป? ไหนล่ะที่มากกว่านี้? ถ้ามีปัญญามาทำเรื่องไร้สาระขนาดนี้แล้วก็ทำให้เต็มที่หน่อยสิ!” อย่าหวังว่าคนอย่างเขาจะลงไปนั่งสะดีดสะดิ้งร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะเหมือนนางเอกละครหลังข่าว บอกได้คำเดียวว่านั่นไม่ใช่อี ฮยอกแจคนนี้แน่! ร้ายมาก็ร้ายกลับวะ! ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ เล่นกันแบบนี้ความอดทนเขาก็มีให้ไม่ถึงเสียด้วยสิ
“ปล่อยฉันนะ!” มือเรียวยอมปล่อยหญิงสาวแต่โดยดีเพราะเขาเองก็ไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกผู้หญิง ทงเฮกับซองมินรีบเข้ามาดูเพื่อนอย่างเป็นห่วง ยังดีที่เป็นแค่น้ำเปล่า ถ้าเป็นโกโก้ร้อนถ้วยนั้นคงดูไม่จืดแน่
“มาสาดน้ำฉันทำไม”
“คนอย่างนายมันหน้าไม่อาย! จีบผู้หญิงคนไหนก็ไม่เคยติด คราวนี้เลยคิดจะหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายด้วยกันหรือไง? น่าสมเพชสิ้นดี! แล้วก็ขอบอกไว้เลยนะว่าพวกเราไม่ทางให้นายมาจับซีวอนแน่! คนอย่างนายมันไม่มีอะไรน่าสนใจเลยซักนิด” มองตั้งแต่หัวจดเท้าก่อนจะยิ้มเยาะ ทงเฮถึงกับฟิวส์ขาดเตรียมพุ่งใส่แต่ฮยอกแจกับซองมินก็ช่วยกันรั้งไว้แล้วบอกให้ใจเย็นๆ
“นายจะชกผู้หญิงหรือไงทงเฮ ใจเย็นสิ”
“ปากแบบนี้จะเก็บไว้บูชาราหูหรือไง! แล้วอีกอย่างแม่นี่มันกำลังด่านายนะ นายไม่โกรธเลยหรือไงฮยอกแจ” กลายเป็นร่างบางที่ถูกเพื่อนวีนใส่แทน เพราะฉันกลัวแกจะถูกฝ่ายปกครองทำโทษหรอกนะถึงได้รั้งไว้ ทำไมถึงได้มาด่ากันเองวะ?
“ก็โกรธ แต่ฉันไม่อยากให้นายทำร้ายผู้หญิง”
“สุภาพบุรุษจริงนะ คลื่นไส้!” เหมือนเส้นความอดทนขาดผึง กลายเป็นฮยอกแจที่จะโผเข้าใส่โดยมีทงเฮกับซองมินรั้งเอาไว้แทน อยากตบผู้หญิงเว้ย!
“มีเรื่องอะไรกัน” กลุ่มคนที่มามุงดูเหตุการณ์รีบแตกออกเป็นสองฝั่งเพื่อเปิดทางให้ผู้มาใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงเรียบๆนั่น ซีวอนที่เดินผ่านบรรดาเกาหลีมุงเข้ามาหาคู่กรณีที่มีเรื่องกัน แทนที่จะไปเข้าเรียนกลับมาก่อเรื่องกันที่โรงอาหาร สงสัยคงจะต้องพาตัวไปที่ฝ่ายปกครองซะแล้วล่ะมั้ง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างบางยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่กลางวง
“ฮยอกแจ?” คนถูกเรียกกรอกตาไปมา ถ้าเขาเดินหนีออกไปก็แสดงว่าเขากลัว แต่บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย ถ้ามาพูดว่าฉันผิด ฉันจะชกนายให้หน้าหงายเลยคอยดู!
“แล้วคิดว่าใคร? เห็นเป็นวอนบินหรือไง?”
“อย่าเพิ่งมากวนฉันหน่า แล้วนี่ไปทำอะไรมาทำไมตัวเปียกแบบนี้” เดินตรงเข้ามาหาก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำตรงใบหน้าให้ เสียงฮือฮาดังมาจากเหล่าสักขีพยานที่อยู่โดยรอบทันทีแต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก ส่วนฮยอกแจที่พยายามปัดมืออีกฝ่ายออกให้พ้นหน้าตัวเองก็จิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อถูกรวบมือเอาไว้แน่น อย่ามาทำตัวพระเอกแบบนี้นะเว้ย หมั่นไส้!
“ยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าไปตกน้ำที่ไหนมา”
“ไม่มีอะไร แค่เดินสะดุดขาหมาเท่านั้นเอง”
“นายว่าใครเป็นหมาห๊ะ!” คนถูกพาดพิงถึงกับโวยวายขึ้นมาทันที แต่แล้วก็ต้องก้มหน้างุดเมื่อซีวอนหันมามอง
“ใครอยากเป็นก็รับไป ถ้าอยากทำตัวดีให้เนียนก็อย่าร้อนตัว” เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะคว้าแขนเพื่อนรักทั้งสองที่ยังปรับตัวตามสถานการณ์ไม่ทันให้เดินไปด้วยกัน แต่แล้วก็คนตัวเล็กก็ต้องหน้ามุ่ยอีกครั้งเมื่อถูกคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“นั่นนายจะไปไหน”
“เปลี่ยนเสื้อสิ! จะปอดบวมตายอยู่แล้ว” แหวเข้าให้ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นน้อยๆ โรงอาหารบ้านี่ก็ลมเข้าดีชะมัด หนาวนะเว้ย!
“เดี๋ยวฉันพาไปเอง” เสื้อสูทตัวนอกถูกถอดมาคลุมไหล่บางไว้กันหนาว ซีวอนรั้งให้ฮยอกแจเดินไปด้วยกันแต่ก็ติดอยู่ที่เจ้าตัวป่วนโวยวายขึ้นมาเสียงดังไม่ยอมท่าเดียว
“ไม่ต้อง! ฉันไปเองได้ เพื่อนฉันก็มี นายจะไปทำไม” ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่พอลมหนาวพัดมา มือเรียวก็กระชับเสื้อคลุมนั้นให้แน่นขึ้น ซีวอนอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“คนรักกันก็ต้องดูแลกันสิ นี่ก็ใกล้เข้าโฮมรูมแล้ว ให้เพื่อนนายไปเข้าเรียนเถอะ เดี๋ยวฉันพาไปเปลี่ยนชุดเอง” ราวกับเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใครหลายๆคนกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ ชัดแล้ว ชเว ซีวอนคบกับอี ฮยอกแจ!
ชัดล้านเปอร์เซ็น!!!!!!!!!!!!!!!
“ฉันไปเองได้!” ตั้งท่าจะเถียงอีกซักยกแต่ก็ต้องรีบเงียบเสียงเมื่อถูกขัดด้วยน้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ค่อยอยากได้ยินเท่าไหร่นัก
“จะเถียงให้เสื้อแห้งอยู่ตรงนี้กันเลยหรือไง? ชักช้าอยู่นั่นแหละไปได้แล้ว” ไม่ใช่ใครที่ไหน คิมฮีซอลนั้นเอง ทงเฮกับซองมินรีบแวบไปยืนหลังพี่ชายคนสวยทันทีเพราะรับรู้กันได้ว่าหลังจากนี้มีเรื่องสนุกมากกว่าการเข้าโฮมรูมเกิดขึ้นแน่ ฮยอกแจมองสองสหายปลากระต่ายแล้วเบ้ปาก ดูมัน เพื่อนตายทั้งนั้น!
“ไปกันหรือยัง ถ้าพี่ฮีซอลโกรธฉันไม่ช่วยนะ” ก้มลงกระซิบพอได้ยินกันสองคน ฮยอกแจหันไปมองนางพญาที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่แล้วลอบกลืนน้ำลาย แต่ยังไงก็ยังไม่ยอมทิ้งลายง่ายๆ
“ฉันไปคนเดียวได้!”
“ดื้อจริง เดี๋ยวปั๊ดอุ้มไปซะเลยดีไหม?” ทำท่าจะช้อนตัวไก่น้อยขึ้นอุ้มจนร่างบางร้องเสียงหลง
“เฮ้ยๆ” มือเรียวยกขึ้นยันอกกว้างแทบไม่ทัน อย่านะเว้ย คนไม่ใช่น้อยเลยนะ ฉันก็อายเป็นนะเว้ย!
“ไม่แกล้งก็ได้ครับคนดี” อาศัยช่วงที่คนตัวเล็กกำลังเผลอก้มลงหอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี และก่อนที่ฮยอกแจจะได้สติแล้ววีนใส่เขา ซีวอนก็รีบคว้าตัวคนรักที่ทำการประกาศตัวต่อหน้าสาธารณะชนเรียบร้อยแล้วไปทันที
“ที่เหลือฝากด้วยนะครับพี่ฮีซอล” ร่างโปร่งของนางพญาประจำโรงเรียนพยักหน้ารับเนือยๆ ก่อนจะหันมาฟังเรื่องราวทั้งหมดจากทงเฮและซองมินที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รอยยิ้มที่มุมปากกดลึกเมื่อรับฟังเรื่องราวต่างๆชนิดละเอียดยิบไม่มีหลุดหายไปซักฉากจากน้องทั้งสอง
“คิดยังไงมาเล่นกับเด็กของฉัน หืม?” เอ่ยถามยิ้มๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่เริ่มจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง เพื่อนๆที่คอยสนับสนุนก็หายไปหมดราวกับไร้ตัวตน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มเย็นเมื่อเห็นเจ้าหล่อนตัวสั่นราวกับลูกนกกำลังเจอมรสุมเข้า
“ไหนลองบอกมาสิว่า โทษแบบไหนที่เธอสมควรจะได้รับ”
TBC.
คิมฮีโหดแบบเบาะๆ คิกๆ
หายไปนานเลยนะคะ ต้องขอโทษที่ทำให้รอกันนะคะ
ช่วงนี้ไรท์เตอร์ติดพันกับเรื่องโปรเจคจบมากๆ
เลยต้องพักการเขียนไปบางช่วง...ฟีลตกเพราะความเครียดนั่นเอง
ตอนนี้ฟิคในหัวเยอะมาก เยอะจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว TT^TT
จะพยายามทยอยดึงออกมาเขียนนะคะ (แต่หนักใจเพราะมันเป็นเรื่องยาวหมด...ตาย)
รักคนอ่านน๊า~
ปล.อีกซักที ไรท์เตอร์เหลือฟิค love accident อยู่ 10 เล่มสุดท้าย คนอ่านคนใดสนใจรับไปไว้ในอ้อมแขนก็อย่าลืมแวะไปที่เว็บนี้นะคะ
http://fixland.19.forumer.com/viewtopic.php?t=22
ขอบคุณค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น