ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] What's the hell happened!! [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #16 : What the hell happened!! # 14 [END]

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 54


    Title :: What the hell happened!!
    Part :: 14 [END]
    Pairing :: WonHyuk
    Author :: kobamura
    Rating :: PG-13
    Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ


    จบแว๊ว~

    มีอะไรมาให้เล่นตอนท้ายด้วยแหละ ^^















    เช้านี้ก็เป็นอีกวันที่เหล่าแมงเม้าท์ได้บริหารปากอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเลวที่ไปสืบกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าที่แท้เป็นพี่ชายต่างมารดาของประธานนักเรียนสุดหล่อเดินควงมากับนางพญาของโรงเรียนโดยไม่แคร์สายตาใคร


    ฮีซอลอมยิ้มเมื่อแผนการของตัวเองกำลังไปได้สวยถึงจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปหน่อยแต่การได้กระชากหน้ากากคนดีออกจากคนตรงหน้าก็นับว่าคุ้ม คนสวยกำลังนั่งคิดถึงแผนการณ์ที่วางไว้กับเอลล่าที่ตอนนี้เลื่อนขั้นมาเป็นรุ่นน้องคนสนิทอีกคน หากนัยต์ตาเรียวกลับไปสะดุดกับร่างสูงที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก


    ไม่ว่าเขาจะไปไหนมาไหนกับซือเหวิน ในรัศมีไม่เกินห้าเมตรเขาจะต้องเห็นหานเกิงอยู่ในสายตาตลอด พอถามว่าจะตามมาให้เสี่ยงแผนแตกทำไม เจ้าผีจีนนั่นก็ดันตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มันดันทำให้หัวใจเขาเต้นแรง




    ก็เป็นห่วง...











    “คิดอะไรอยู่ครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยขัดจังหวะความเป็นส่วนตัว ฮีซอลปรับท่าทีที่ว่าจะกำลังจะเหวี่ยงใส่เป็นยิ้มหวานได้อย่างแนบเนียน มือเรียวรับน้ำส้มคั้นที่อีกฝ่ายนำเสนอว่าอุตสาหะไปต่อแถวซื้อมาให้


    ใครขอร้องให้แกไปวะ?






    ได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป นางพญายกแก้วน้ำส้มขึ้นดูดแกนๆพลางหาทางแยกออกจากอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด เขาเอียนน้ำส้มนี่จะบ้าอยู่แล้ว เขาไม่ใช่ปาร์คจองซูที่ชอบน้ำส้มเป็นชีวิตจิตใจเพราะมันทำให้ผิวสวย เขาชอบแฟนต้าน้ำแดงมากกว่า...ซ่าๆแบบนั้นสิถึงจะเหมาะกับคิมฮีซอล


    “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ? เห็นดูนาฬิกาหลายครั้งแล้ว” ด้วยความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เขาจึงค่อนข้างไวต่อการจับความรู้สึกของคนรอบข้างพอสมควร แต่คิมฮีซอลคนนี้ต่างออกไป เป็นคนสวยที่...


    ลึกลับน่าค้นหา




    และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปล่อยฮยอกแจแล้วมาทางนี้แทน เด็กหัวอ่อนแบบนั้นจะกลับไปจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คนอย่างฮีซอล...สัญชาตญาณของเขาบอกว่ารอไม่ได้ ต้องลุยเดี๋ยวนี้!


    “ต้องไปซ้อมการแสดงหน่ะ เหลืออีกสามวันก็จะวันงานแล้วมันก็เลยเครียดๆ”

    “ผมไปดูด้วยได้ไหม อยากไปให้กำลังใจฮีซอลจัง”

    “อย่าเลย...เดี๋ยวไม่มีสมาธิ” แกจะไปอยู่ให้ทัศนียภาพในการมองของฉันเสียทำไม แค่นี้ก็เบื่อจนแทบอยากลาโลกอยู่แล้ว

    “ผมไม่กวนหรอกนะ รับรองเลย” แกนั่นแหละตัวปัญหา เขาขี้เกียจกันทงเฮออกจากรัศมีการเจอหน้าหมอนี่ หลายครั้งแล้วที่เจ้าหมวยมันร่ำๆว่าอยากกระโดดเตะปากพี่ชายคนจีนของฮยอกแจ เขาก็อยากให้เตะอยู่หรอกนะ แต่ต้องรอหลังจบแผนก่อนสิค่อยจัดการกันทีเดียว






    ครั้งเดียว...จำไปจนตาย ฮึๆ









    ไม่รู้ว่าเพราะทนแรงตื้อไม่ไหวหรือเบื่อหน่ายกับการบอกปัดก็ไม่ทราบแน่ ตอนนี้ในชมรมการแสดงจึงมีชายหนุ่มที่สถาปนาตนเองเป็นคนรู้ใจของประธานชมรมนั่งหน้าแฉล้มอยู่ในชมรมเสียแล้ว

    ทงเฮมองแขกไม่ได้รับเชิญแล้วฟึดฟัดอยากเข้าไปกระโดดเตะปากอย่างที่เคยบอกไว้ ร้อนถึงคิบอมต้องลากไปตรงนั้นตรงนี้หรือไม่ก็ต้องคอยหาขนมมาดับอารมณ์ฉุนเฉียวให้วุ่น สุดท้ายเห็นท่าไม่ดีเลยตัดสินใจพาไปสงบใจที่ห้องคหกรรมของซองมินก่อน


    “มันหน้าด้านกว่าที่คิด” ฮีซอลกระซิบบอกเอลล่าที่เดินมาช่วยแต่งตัวให้เพราะสามวันที่เหลือจะเริ่มซ้อมแบบใส่ชุดจริงเพียงแค่ยังไม่แต่งหน้าเท่านั้น

    “อันนี้เรื่องปกติค่ะ ถือวิสาสะตีหน้าซื่อไปนอนบ้านสาวคนโน้นคนนี้ก็เคยทำมาแล้ว”

    “เออ...เลวกว่าที่คิด” หญิงสาวหัวเราะให้กับการวิจารณ์คนแบบตรงไปตรงมาของว่าที่พี่สะใภ้ นึกแปลกใจว่าพี่หานเกิงเปลี่ยนรสนิยมมาชอบของแรงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็นั่นแหละ...พี่ฮีซอลก็น่ารักดี
    จบคู่นั้นก็คงต้องจัดการเรื่องคู่นี้ต่อสินะเนี่ย...



    เป็นกามเทพนี่งานหนักจริงๆ








    “เสียงเอะอะอะไรกัน?” สองสาวที่กำลังช่วยกันแต่งตัวเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อก่อนจะหันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจเมื่อเห็นซีวอนกำลังยืนเผชิญหน้ากับซือเหวินอยู่กลางห้องชมรม หานเกิงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่รอบนอกและกันให้น้องๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากห้องชมรมแล้วหันมาบอกด้วยน้ำเสียงเครียด


    “ซือหยวนมันมาคุยเรื่องฮยอกแจ”

    “อ้าว?”

    “บอกแล้วว่ามันรักของมันมาก ให้เวลาไม่เกินสามวันมันต้องมาลากคอพี่ชายมันแน่” หัวหน้าทีมกามเทพหันไปมองกามเทพสาวหมายเลขหนึ่งแล้วยิ้มให้กัน เป็นแบบนี้ก็ดีไม่ต้องเปลืองแรงกระตุ้นฮยอกแจ ใช้ซีวอนกระตุ้นนี่แหละดีที่สุด

    “ทงเฮไปไหน? ให้ไปตามฮยอกแจดูฉากสำคัญเร็ว”

    “คิบอมเพิ่งลากออกไป เห็นว่าจะไปชมรมคหกรรม” เมื่อได้รับคำตอบจากร่างสูงเมื่อเรียวก็กดโทรศัพท์หาน้องชายในสังกัดทันที และแน่นอนว่าการทำงานของทงเฮไวเหนือแสงอยู่แล้ว











    “พี่ทำอะไรอยู่”

    “ฉันมาดูฮีซอลซ้อมการแสดง ไม่ได้หรือไง?” เอ่ยตอบน้องชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ซือเหวินยังคงนั่งไขว่ห้างอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ซีวอนยืนกำหมัดแน่น

    “ทำไมพี่ไม่ดูแลฮยอกแจ”

    “อ้าว? ทำไมฉันต้องดูแลเด็กนั่นล่ะ แฟนก็ไม่ใช่” คนเป็นพี่ถึงกับลอยวืดเมื่อน้องชายพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อให้เขาลุกขึ้น ซือเหวินเองตอนนี้ก็เริ่มคุกรุ่นแล้วเหมือนกันเพราะซีวอนไม่เคยก้าวร้าวใส่เขาเลยซักครั้ง

    “ฉันเป็นพี่แกนะซือหยวน จะทำอะไรก็คิดบ้าง”

    “เป็นพี่แล้วไง? เป็นพี่แล้วทำตัวไม่ดีแบบนี้ได้อย่างนั้นหรอ?!” แม้แต่คนที่ใกล้ชิดอย่างหานเกิงกับเอลล่ายังตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นซีวอนฉุนเฉียวขนาดนี้

    “ฮยอกแจรอพี่มาตลอด มันไม่ง่ายเลยนะที่จะหาคนที่สามารถเฝ้ารอเราได้ถึงห้าปีโดยที่ไม่ยอมมีใคร แล้วดูพี่ทำเข้าสิ! พี่เห็นฮยอกแจเป็นอะไร? ทำไมพี่ทำร้ายคนที่ผมรักแบบนี้!”

    “จะบอกอะไรให้หายโง่นะซือหยวน...” เพราะเห็นว่าน้องชายกำลังแสดงความอ่อนแออยู่ตรงหน้า ด้วยความสะใจชายหนุ่มจึงลืมคิดไปว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหนและมีพยานรู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้หรือไม่

    “ก็เพราะเด็กนั่นเป็นคนที่นายรักยังไงล่ะ ฉันถึงเข้าไปแหย่เล่น แล้วตอนนั้นก็ไม่มีใครที่พอจะเป็นเพื่อนเล่นได้ฉันถึงได้จำใจลากเด็กนั่นไปเล่นด้วยต่างหาก รู้ไหมว่าเวลาที่ฉันหันหลังกลับมาแล้วเห็นแกยืนมองด้วยสายตาละห้อยเหมือนลูกหมาถูกทิ้งนั่นหน่ะ...สะใจเป็นบ้าเลย” หมัดหนักๆกระแทกเข้าที่สันกรามทันทีที่เขาเอ่ยจบ ซือเหวินลงไปนอนกองกับพื้นด้วยมึนเพราะฤทธิ์กำปั้นเมื่อครู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาช็อคที่ซือหยวนหาญกล้าที่จะลงไม่ลงมือกับเขามากกว่า นั่นทำเอาเขาสติแตก

    “แกกล้าชกฉันหรอซือหยวน?! แกกล้าชกฉันได้ยังไงไอ้น้องไม่รักดี!” ยันตัวลุกขึ้นก่อนจะผลักอกน้องชายอย่างหาเรื่อง ในความคิดของเขาซือหยวนคือเด็กที่ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงเขาและเขาก็อยากให้ซือหยวนเป็นเด็กแบบนั้นตลอดไป


    อยู่ให้เขาข่มแบบนี้ต่อไป!!






    “ผมเคยเตือนพี่แล้วว่าอย่าทำให้ฮยอกแจเจ็บเพราะผมจะไม่ปล่อยพี่ไว้แน่ ทั้งที่ผมเตือนพี่...พี่ก็ยังทำ!” ชายหนุ่มหัวเราะฮึก่อนจะยกหลังมือเช็ดเลือดที่มุมปาก

    “ฉันจะทำ! อะไรที่ทำให้แกเจ็บฉันจะทำ...ทำทุกอย่าง!!”

    “อยากให้ผมเจ็บพี่ก็ชกผมสิ! หาไม้มาฟาดผมก็ได้ แต่พี่ไปลงที่ฮยอกแจทำไม...พี่เอาความรู้สึกของคนที่ผมรักมาล้อเล่นทำไม?!” ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อน้องชายกลับมามีท่าทีเป็นเด็กอ่อนแออีกครั้ง น้ำตาของซีวอนที่นานๆเขาจะได้เห็นซักครั้งทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด

    “เพราะเจ็บที่ใจมันเจ็บลึกกว่าเจ็บที่กายยังไงล่ะ...” จะว่าโชคเข้าข้างหรือยังไงไม่รู้ สายตาเขากลับเหลือบไปเห็นประตูชมรมที่เปิดออกพร้อมกับร่างบางที่กำลังเดินเข้ามา ซือเหวินกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงกระซิบแค่ได้ยินกันสองคนและนั่นทำให้เส้นความอดทนของซีวอนขาดผึง!




    “ฉันจะทำร้ายฮยอกแจของแกแบบไหนดีนะ...ฟันแล้วทิ้งดีไหม?”




    “ไอ้ชั่ว!” ชายหนุ่มพุ่งตัวขึ้นกระชากพี่ชายเข้ามาหาแล้วชกไปอีกที ร่างสูงตรงไปคร่อมพี่ชายของตัวเองเตรียมประเคนอีกหมัดแต่ก็ต้องชะงักเมื่อซือเหวินตะโกนด้วยเสียงอันดัง

    “น้องฮยอกแจช่วยพี่ด้วย ซือหยวนมันบ้าไปแล้ว!” อาศัยจังหวะที่น้องชายชะงักถีบเข้าให้ที่ท้องเต็มแรงจนชายหนุ่มกระเด็นไปนอนกองกับพื้นเพราะความจุกก่อนจะรีบยันตัวเองลุกขึ้นแล้วเดินกะโผลกกะเผลกท่าทางน่าสงสารไปหาร่างบางที่วิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี

    “น้องฮยอกแจ ซือหยวนมันเป็นบ้าอะไรไม่รู้จู่ๆก็มาทำร้ายพี่ พี่เจ็บจังเลยครับ” สำออยทำตัวเจ็บโอเว่อร์จนคนรอบข้างหมั่นไส้ ชายหนุ่มรีบทำตัวเนียนจะมาซบคนตัวเล็กแต่ฮยอกแจกลับเดินผละมาหาซีวอนแทน

    “ชเวซีวอน...เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เอ่ยกับคนที่ถูกคิบอมกับคยูฮยอนประคองให้ลุกขึ้นก่อนจะเดินนำออกไป ชายหนุ่มหันไปมองพี่ชายที่ยกคิ้วกวนๆมาให้แล้วเดินตามร่างบางออกไปโดยไม่พูดอะไร


    ทันทีที่ประตูชมรมปิดลงซือเหวินก็รู้สึกถึงบรรยากาศกดดันที่รายล้อมอยู่รอบตัว เมื่อหันไปก็ต้องหน้าซีดเมื่อถูกห้อมล้อมด้วยคนถึงเจ็ดคน เขาหันไปมองหานเกิงที่เดินออกมาประจันหน้ากับตัวเองแล้วเข้าใจในทันทีว่าจะเกิดอะไรกับตัวเองต่อจากนี้ไป




    “เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาวนะซือเหวิน”













    บรรยากาศภายในห้องประธานนักเรียนอึมครึมเสียจนไม่อยากจะเอ่ยอะไรออกมาเพราะกลัวจะทำให้มันเลวร้ายมากลงไปกว่านี้ ซีวอนเลือกที่จะยืนนิ่งๆหากสายตาของเขาไม่ได้ละไปจากร่างบางที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแม้แต่น้อย


    “ฉันอยากกินโกโก้ ชงให้หน่อยได้ไหม?” คนฟังได้ยืนกระพริบตาปริบๆ เพราะปรับตัวไม่ถูก นัยน์ตาเรียวจึงตวัดมองคนที่ยังยืนอึ้งอยู่แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง


    “ฉันอยากกินโกโก้” คราวนี้ชายหนุ่มจึงค่อยได้สติเดินไปชงมาให้อย่างมึนๆ เขาไม่เข้าใจว่าฮยอกแจต้องการอะไร ความจริงเขาสมควรจะถูกต่อว่าแรงๆไม่ใช่หรือไงที่ไปชกพี่ชายสุดที่รักเข้า



    แต่นี่...เขาไม่เข้าใจจริงๆ





    “นายชงมาให้ฉันหรอ?” มือเรียวรับแก้วเซรามิกสีขาวมาถือไว้ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม คำถามนั้นทำเอาซีวอนงงเข้าไปอีก แล้วเมื่อกี้ใครกันล่ะที่บอกให้เขาไปชงมาให้?


    “ซีวอนตั้งใจชงมาให้ฉันใช่ไหม?”


    “อะ...อืม”


    “น่าเสียดายจังที่ไม่ใช่แก้วลายลูกเจี๊ยบสีเหลืองเหมือนที่เคยกินตอนเด็กๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ชงมาให้นะแว่น!” สรรพนามแทนตัวที่ไม่ได้ยินมาเกือบห้าปีทำเอายืนอึ้ง





    อย่าบอกนะว่า…









    “ฮยอกแจ...”

    “จะปิดฉันไปถึงไหน?”

    “ฉัน...”

    “จะเป็นคนดีไปถึงไหน?”

    “คือว่า...ฉัน...”

    “แค่นี้ฉันยังรักนายไม่พอใช่ไหม ชเวซีวอน?” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเขาก็ถูกร่างบางโถมใส่ ถึงจะยังเจ็บจากที่ถูกถีบมาเมื่อครู่แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจมากไปกว่าอ้อมกอดของร่างบางโอบกอดเขาไว้แน่น

    “ขอโทษที่ทำร้ายนายโดยไม่รู้ตัว” มือหนาลูบผมนุ่มแผ่วเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสะอื้นน้อยๆ

    “ไม่หรอก ฮยอกแจไม่ผิดเสียหน่อย” จุมพิตเบาๆที่หน้าผากมนอย่างรักใคร่ เขาดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ

    “ฮยอกแจ”

    “หืม?”

    “ตอนนี้ฉันไม่ต้องรอแล้วใช่ไหม? ฉันสามารถรักนายได้อย่างเต็มที่แล้วใช่ไหม?” คนฟังถึงกับหัวเราะคิก ที่ผ่านมานายยังรักฉันไม่เต็มที่อีกหรือเนี่ย ถ้าต่อจากนี้ไปนายรักฉันอย่างเต็มที่ฉันไม่มีความสุขจนอกระเบิดเลยหรือไง?

    “นายคงต้องไปถามเขาก่อน ถ้าเขายอมฉันก็โอเคนะ” ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างแล้วซ่อนยิ้มไว้เมื่อเห็นว่าร่างสูงยิ้มเจื่อนลงทันทีที่เอ่ยถึง ‘เขา’

    “ซีวอน...” ชายหนุ่มก้มลงลงมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด มือเรียวกระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆก่อนจะยืนบางอย่างให้

    “การ์ดใบนี้ซือหยวนฝากมาให้ฉันใช่ไหม?” เอ่ยถามร่างสูงพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งซีวอนก็ยิ้มบางๆก่อนจะพยักหน้ารับ

    “อืม”

    “ฝากบอกซือหยวนด้วยนะว่าฉันจะเก็บรักษาอย่างดี”

    “แล้วก็...ที่เขียนเอาไว้ว่าจะคอยปกป้องฉันหน่ะ บอกเขาด้วยว่าทำให้ได้ซะด้วยนะ”

    “แล้วที่ให้ฉันไปถามเขา?”

    “นายก็ถามเอาเองว่าซือหยวนว่ายังไง ถ้าเขาโอเคฉันก็จะตกลงยอมคบกับนาย” ร่างบางถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อถูกอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหอมแก้มซ้ายขวาอย่างหมั่นเขี้ยว

    “ซีวอนอ่า~ แก้มฉันช้ำหมด”

    “ซือหยวนเขาอนุญาตให้เราคบกัน เพราะฉะนั้นเราคบกันนะ”

    “ไปถามมาตอนไหน? อย่ามามั่ว”

    “ก็ถามมาเมื่อกี้แหละ ซือหยวนบอกว่าโอเคเลย แถมยังบอกด้วยนะว่าขอให้รักกันมากๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร”

    “ขี้ตู่~!”

    “แล้วรักไหมล่ะ?”









    “รักสิ”











    คนตัวเล็กถึงกับเอามือยันอกอีกฝ่ายไว้แทบไม่ทันเมื่อร่างสูงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แต่เมื่อเห็นสายตาหวานที่ส่งมาให้จึงยอมหลับตาเป็นเชิงอนุญาต ริมฝีปากอุ่นวาบจากสัมผัสที่ทาบทับลงมา จูบรสหวานที่ต่างเฝ้ารอมานานหลอมรวมคู่รักคู่ใหม่เข้าด้วยกัน จากนี้ไปคงเป็นการเริ่มต้นความรักที่ราบเรียบเรียบเสียที หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นอีกแล้วนะ










    ใครว่าไม่มีกันล่ะหืม?







    ผมบอกแล้วไงว่าผมจะเอาคืนแบบทบต้นทบดอกเลย

    คอยดูต่อไปก็แล้วกัน...












    ว่าแต่...



    อยากรู้ไหมล่ะว่าตอนนี้ซือเหวินเป็นยังไงบ้าง?

    ลองไปถามก๊วนกามเทพสิ...แล้วคุณจะรู้คำตอบ










    END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×