ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : What the hell happened!! # 12
Title :: What the hell happened!!
Part :: 12
Pairing :: WonHyuk
Author :: kobamura
Rating :: PG-13
Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
ดีใจที่ได้เจอทุกคนที่งานไก่นะคะ ^^
“นั่นมันอะไรหน่ะ?” เสียงของทงเฮเรียกความสนใจจากหลายคนที่กำลังเดินออกมาจากชมรมการแสดงด้วยกัน และแน่นอนว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้กับทุกคนไม่น้อย
“ลูกเจี๊ยบมันเดินไปกับใครวะ?” ฮีซอลที่เดินออกมาเป็นคนสุดท้ายเอ่ยถามพยานที่ยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันนี่...
“ซือเหวิน ” ร่างโปร่งหันไปมองสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผีจีนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยจิกๆกัดๆตามประสา
“บ่นอะไรตาแป๊ะ”
“ก็อยากรู้ไม่ใช่หรือไงว่าลูกเจี๊ยบของนายเดินไปกับใคร ก็เลยบอกให้ไงว่าหมอนั่นชื่อซือเหวินเป็นพี่ชายของซือหยวน”
“ซือหยวน?” หลายคนในที่นั้นต่างทวนชื่อตามที่หานเกิงเอ่ย พอเห็นว่าไม่มีใครเข้าใจซักคนเขาเลยเอ่ยขยายความต่อ
“ซือหยวนเป็นชื่อจีนของซีวอน” เสียงร้องอ๋อดังตามมาทันทีที่เขาเอ่ยจบ เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าใครเป็นใคร
“ซีวอนมีพี่ชายด้วยหรอคิบอม?”
“ผมก็เพิ่งรู้พร้อมทงเฮเนี่ยแหละ แล้วอีกอย่างผมก็เพิ่งรู้ว่าซีวอนมันเป็นคนจีน”
“ไม่ใช่คนจีน แต่...เฮ้อ...เรื่องมันยาว ไว้ว่างๆค่อยเล่าให้ฟังแล้วกัน” ร่างสูงโบกมือปัดไปมาทำท่าจะเดินจากไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกคว้าแขนเอาไว้
“จะมากั๊กทำไมเนี่ย! ไม่เคยมีคนสอนหรือไงว่าอย่าทำนิสัยทิ้งให้อยากแล้วจากไป!” สำนวนแปลกๆไม่คุ้นหูทำเอาหนุ่มชาวจีนขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่พอเห็นเจ้าแม่ถอนใจฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ก็พอจะเดาอะไรออก
“ก็จะกลับกันแล้วไม่ใช่หรอ? เห็นบ่นว่าซ้อมหนักเหนื่อยจนไม่มีแรงหายใจ นี่ก็ให้กลับไปพักที่บ้านแล้วไง”
“บ้านมันไม่หนีหายไปไหนหรอก ไปหาร้านนมแถวนี้นั่งคุยก่อนก็ได้ อะไรที่คิมฮีซอลอยากรู้ต้องได้รู้เดี๋ยวนี้ ไม่มีคำว่าเอาไว้ก่อน เข้าใจไหม?!”
“ชวนผมเดททางอ้อมหรอ?”
“โอ้ย! ไอ้ผีจีนนี่! ตามมาอย่าพูดมาก” ออกแรงดึงให้อีกฝ่ายเดินตามไปร้านนมหน้าโรงเรียนโดยไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น และแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ทงเฮไม่มีพลาด มือเรียวคว้าแขนแฟนหมาดๆมากอดเดินคลอไปด้วยกันก่อนจะกดโทรศัพท์หาซองมินรายงานในสิ่งที่เห็นแล้วเรียกรวมพลที่ร้านนมเจ้าประจำทันที
“น้องฮยอกแจน่ารักจนพี่แทบจำไม่ได้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยหยอดตามประสาคนเจ้าชู้ ในใจนึกไว้ว่าต้องได้เห็นท่าทางเอียงอายจากอีกฝ่ายอย่างแน่นอน แต่ร่างบางกับนิ่งผิดปกติ
“น้องฮยอกแจครับ?” คนถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆก่อนจะหันมายิ้มให้
“ครับ?”
“น้องฮยอกแจไม่ดีใจหรือครับที่พี่มาหา หรือว่าน้องฮยอกแจไม่เคยคิดถึงพี่ซือเหวินคนนี้เลย?” น้ำเสียงตัดพ้อนั้นทำเอาคนตัวเล็กรีบเอ่ยปฏิเสธเป็นการใหญ่
“คิดถึงสิครับ! ผมดีใจมากๆด้วยที่พี่ซือเหวินกลับมา แต่มันกะทันหันไปหน่อย ผมก็เลยนึกว่ามันเป็นความฝัน...” เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นเลยไม่ทันรอยยิ้มที่ยกเหยียดตรงมุมปากของคนเจ้าเล่ห์ เท่าที่ประเมินท่าทีอีกฝ่ายมาระยะสั้นๆก็พอจะรู้ว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆเป็นแค่ลูกไก่ที่ยังไม่ประสีประสา
แบบนี้ค่อยง่ายหน่อย
“...?!...” ลูกไก่ตัวน้อยถึงกับสะดุ้งเมื่อมือเรียวถูกดึงไปกุมเอาไว้
“งั้นก็จับมือพี่ไว้นะครับ น้องฮยอกแจจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายชักมือออกอย่างนุ่มนวลก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆให้เขา
“เมื่อกี้ผมหยิกแขนตัวเองไปแล้ว ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ความฝัน”
“จะว่าไปซือหยวนนี่ก็แย่จังเลยนะ” ในเมื่อแผนดึงลูกไก่เข้ามาในกำมือเหมือนจะยากขึ้น เขาจึงเลือกที่จะโจมตีน้องชายตัวเองแทน ซึ่งก็ได้ผลเมื่อฮยอกแจหันกลับมามองเขาทันที
“พี่ซือเหวินหมายถึงซีวอนหรือครับ” การที่รู้ว่าซีวอนเป็นน้องชายพี่ซือเหวินยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากจนเขายังตั้งรับไม่ทัน ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับคนๆนี้ แต่ก็นั่นแหละ...สิ่งที่พี่ซือเหวินพูดกับเขาในห้องประธานนักเรียนมันไม่ค่อยจะเข้าหัวเขานัก เพราะในหัวเขามันมีเพียงคำๆเดียวที่วิ่งชนกันไปมา
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเขาอีก?
“ก็ใช่หน่ะสิ พี่นะทั้งไหว้วาน ทั้งขอร้องให้ซือหยวนช่วยตามหาเราทีเพราะพี่คิดถึงเรามาก แต่เจ้านั่นก็ไม่เห็นบอกพี่เลยว่าเจอน้องฮยอกแจแล้ว แย่จริงๆเลย...ไม่อย่างนั้นเราคงได้เจอกันตั้งนานแล้ว” ตีไข่ใส่สีน้องชายตัวเองเป็นการใหญ่ พร้อมกับใช้วิธีตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์แบบที่เคยใช้ประจำเวลาถูกสาวๆในสังกัดจับได้ว่าแอบไปมีกิ๊ก แต่แล้วเขาก็แทบเก็กหลุดเมื่อถูกเอ่ยสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พี่ซือเหวินจะไปไหว้วานคนอื่นทำไมล่ะครับ แค่โทรมาหาผมโดยตรงก็เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆก่อนจะหาทางเปลี่ยนประเด็น หากยังลุยทางนี้ต่อไปบางทีเขาอาจจะเผลอขุดหลุมฝังตัวเองก็ได้ เด็กนี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่ประเมินเอาไว้ตอนแรกเสียแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ...มันเป็นความเร้าใจอย่างหนึ่งของชีวิตเหมือนกันนะ
บทสนทนาจำต้องหยุดเพียงเท่านั้นเมื่อซีวอนเดินตามมาที่รถ ร่างสูงดูเงียบขรึมจนฮยอกแจไม่กล้าที่จะชวนคุย อย่างมากก็ทำได้แค่แอบชำเลืองตามองเป็นระยะแต่อีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองมาทางเขา ซือเหวินมองท่าทีของน้องชายแล้วแอบยิ้มอยู่ในใจ เขาชอบเวลาที่ซีวอนเป็นแบบนี้ มันทำให้เขามีความสุขจนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
นายผิดเองที่เกิดมาเป็นหนามยอกอกของฉัน
“พี่จะขับรถไปเองไหม? เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้” เอ่ยถามพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ คิ้วเรียวถึงกับขมวดมุ่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ซีวอนจะปล่อยให้เขาไปกับพี่ ซือเหวินสองคนงั้นหรอ? ราวกับรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่นัยน์ตาคมจึงเหลือบมองไปทางร่างบางที่เหมือนจะส่งสายตาตัดพ้อมาให้เขา
นายเองก็ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอฮยอกแจ?
“อืม...นั่นสิ เราสองคนไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้วนะ คิดถึงสมัยเด็กๆจัง” ซือเหวินไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไป รีบคว้ามือเรียวแล้วพาคนน่ารักไปขึ้นรถทันที แต่ฮยอกแจกับขืนตัวไว้
“ไปด้วยกันก็ได้นี่ครับ ในเมื่อซีวอนเป็นเจ้าของรถทำไมต้องให้กลับเองล่ะครับ?”
“ฉันกลับได้หน่า ไม่หลงหรอก”
“นายนั่นแหละไปขับรถ” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินไปนั่งที่ข้างคนขับด้วยความเคยชิน ซือเหวินจึงต้องนั่งเบาะหลังอย่างช่วยไม่ได้ อยากจะอาสาขับรถอยู่หรอกนะ แต่เขาก็ลืมไปว่าเขาแทบไม่รู้เส้นทางในเกาหลีเลย เดี๋ยวจะเสียฟอร์มเปล่าๆ
“น้องฮยอกแจอยากทานอะไรก่อนกลับบ้านไหมครับ? เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ชวนคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างหน้าคุยอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นมือหนาที่จิกพวงมาลัยอยู่ก็ยิ่งนึกสนุก
“ร้านไอศกรีมดีไหมครับ? คนน่ารักอย่างน้องฮยอกแจต้องชอบร้านไอศกรีมแน่เลย”
“ผมอยากกลับบ้าน”
“เอ๋?”
“วันนี้ซ้อมบอลหนักไปหน่อยหน่ะครับ อยากกลับไปนอนบ้าน ไปส่งฉันที่บ้านเลยนะซีวอน ถึงแล้วปลุกด้วย” เอ่ยตัดบทก่อนจะปรับเบาะเอนตัวลงนอนกันตัวเองออกจากโลกภายนอกที่วุ่นวายชั่วคราว ซือเหวินมีอาการไม่พอใจจากการถูกฉีกหน้าทางอ้อมพอสมควร ส่วนซีวอนก็เพียงแค่ถอนใจก่อนจะทำหน้าที่ของตนต่อไป
“มาขับรถให้แบบนี้นัดแกไม่ยาวเป็นสายบัวหรอ?” เอ่ยถามน้องชายเป็นการจุดชนวนอีกรอบ ฮยอกแจก็แค่พักสายตาไม่ได้หลับเสียหน่อย
“ไม่นี่ครับ”
“ให้ผู้หญิงรอแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยว่ะ เอลล่าน้อยใจแกตายเลย อุตส่าห์มาหาทั้งทีกลับถูกทิ้งถูกขว้างเหมือนไม่ใช่คนรักกัน” คิ้วเรียวกระตุกเป็นปมเล็กน้อยจากสิ่งที่ได้ยิน หากฮยอกแจยังคงทำเป็นนอนนิ่ง
“เราไม่ใช่คนรัก เราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“แหม~ ไม่ต้องเขินหรอก อยู่ที่จีนออกจะสนิทกันถึงขนาดไปค้างห้องเขาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ร้ายนะเนี่ยน้องเรา” หัวเราะเสียงดังก่อนจะตบไหล่น้องชายแรงๆเป็นการตบท้าย ซีวอนรู้ดีว่าซือเหวินต้องการทำอะไร แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะต่อล้อต่อเถียงด้วย ร่างสูงเพียงแค่ถอนใจหนักๆก่อนจะหันไปสนใจเส้นทางตรงหน้าต่อ โดยไม่ทันคิดว่าการนิ่งเงียบไม่โต้เถียงของเขาทำให้ร่างบางที่นอนหลับตาอยู่เอนเอียงไปทางเรื่องโกหกกว่าครึ่ง
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงบ้านของฮยอกแจ ซือเหวินมองบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักอย่างพิจารณา ถึงตัวบ้านจะเล็กไปหน่อยแต่ถ้ามองโดยรวมแล้วก็นับว่าดูดีไม่น้อย แค่การตกแต่งสนามหญ้าหน้าบ้านก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของนั้นมีสไตล์ในการจัดแต่งบ้านพอตัวทีเดียว
“อ้าว?” เสียงร้องจากนอกรถดึงนัยน์ตาคมออกจากตัวบ้านมาที่ร่างบางที่ยืนอยู่นอกรถ ใบหน้าหวานที่ถูกประดับด้วยรอยยิ้มหวานนั้นทำเอาเขายิ้มตามไปด้วย
“พี่อีทึก!” ฮยอกแจที่เพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะซีวอนสะกิดปลุกร้องเรียกพี่ชายเสียงหลงก่อนจะเปิดประตูลงไปหาแล้วช่วยถือของบางส่วน ซือเหวินหันไปมองน้องชายเป็นเชิงถามกรายๆว่าคนสวยนอกรถนั่นใคร
“พี่อีทึก เป็นลูกพี่ลูกน้องของฮยอกแจ เขาอยู่บ้านนี้กันสองคน” โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้พี่ชายมีความคิดอกุศลกับอีกฝ่าย ซีวอนรีบเอ่ยถึงบุคคลที่สามที่ยืนอยู่ถัดไปจากอีทึกทันที
“แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นพี่คังอิน เป็นกัปตันทีมฟุตบอลที่ฮยอกแจอยู่ ที่สำคัญ...” จงใจเน้นเสียงหนักเพื่อให้พี่ชายละสายตาเจ้าชู้ออกมาจากรุ่นพี่ที่เคารพ
“สองคนนี้เขาเป็นคนรักกัน” แล้วมันก็ได้ผลเมื่อซือเหวินสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มกรอกตาเซ็งๆเมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า...ซีวอนรู้จักเขาดีกว่าใคร
“ลงไปทานข้าวเย็นกันไหมซีวอน อ้าว...พาเพื่อนมาด้วยหรอ?” อีทึกเปิดประตูรถเข้ามาชวนรุ่นน้องที่เหมาเอาว่าเป็นน้องเขยไปแล้ว ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“พี่ซือเหวิน พี่ชายผมเองครับพี่อีทึก” คนเป็นพี่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ถึงแม้จะงงอยู่ไม่น้อยที่อีกฝ่ายมีพี่ชายกับเขาด้วยหรอ
“แล้วตกลงจะอยู่ทานข้าวเย็นกันไหม...ทั้งสองคน?”
“ซีวอนเขามีนัดกับสาวต่อหน่ะครับพี่อีทึก คงไม่สะดวกหรอก” เอ่ยบอกพี่ชายก่อนจะหิ้วถุงของสดเข้าไปในบ้านโดยมีคังอินเดินตามไปแบบงงๆ สาบานด้วยเกียรติของกัปตันทีมฟุตบอลว่าเขาโคตรจะมั่นใจว่าอีฮยอกแจออกอาการหึงอย่างชัดเจน
“อ้าวหรอ? งั้นไม่เป็นไรไว้คราวหลังก็ได้เนอะ” เอ่ยยิ้มๆกับรุ่นน้องร่างสูง แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูรถเสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนผมขออยู่ทานมื้อเย็นด้วยคนได้ไหมครับ ผมเองก็ไม่อยากไปนั่งเป็นก้างขวางคอคู่หวานเขาหรอกครับ” ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรแต่อีทึกก็พยักหน้ารับคำขอนั้นไปแล้ว ซือเหวินรีบลงมาจากรถก่อนจะหันไปฝากฝังให้ซีวอนดูแลคู่นัดให้ดีๆและอีกมากมายที่อีทึกไม่คิดจะอยู่ฟังเพราะถือตัวเองว่าเป็นคนนอก แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ
เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่ชายของซีวอนคนนี้เลยซักนิด
“แล้วนายก็วิ่งหางจุกตูดมาหาฉันตามที่ไอ้บ้านั่นบอกงั้นหรอซือหยวน?!” มือเรียวตบโต๊ะเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าตัวเองจะเจ็บ หญิงสาวมองเพื่อนของตัวเองอย่างหัวเสีย ไม่ได้ดั่งใจเลยเว้ย!
“ก็ฉันนัดเธอไว้นี่”
“อย่ามาอ้าง ทนอยู่ไม่ได้ก็บอกมาตามตรง”
“รู้อยู่แก่ใจยังมาถาม” ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มเป็นเชิงขอบคุณกับบริกรสาวที่นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พอหันกลับมาก็ถูกดีดมะกอกไปดอกใหญ่
“อะไรเนี่ยยัยทอมเอลล่า!”
“เลิกหงอตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับซือเหวินได้แล้ว ตอนนี้นายมันเพอร์เฟคยิ่งกว่าพี่ชายนายเสียอีก”
“ท่องเอาไว้สิซือหยวนนายหน่ะ...หล่อ เรียนดี รวย นิสัยดี ไม่เหมือนซือเหวินที่มีดีแค่หน้าตากับฐานะ นิสัยอย่างหมอนั่นนายคิดวาเขาจะจริงจังกับทูนหัวของนายหรอ? เอาหัวฉันเป็นประกัน...เอ้อ!...เพิ่มหัวพี่เกิงอีกคน หมอนั่นแค่จะหยอกนายเล่นเฉยๆเท่านั้นแหละ” เอ่ยเสียยาวเหยียดก่อนจะตบท้ายคำพูดด้วยบลูเบอร์รี่ชีสเค้กคำโต
“หยอกฉัน?”
“โอ้ย! เพลย์บอยฟันดะแบบหมอนั่นจะมองไม่ออกเชียวหรือว่านายคิดยังไงกับฮยอกแจ ซือเหวินก็แค่อยากเอาชนะนายอย่างที่ชอบทำทุกครั้งนั่นแหละ เกิดมาฉันก็เพิ่งเคยเจอนะ พี่ชายที่คอยตามอิจฉาน้องชายตัวเอง จองร้างจองผลาญไม่เคยเหนื่อย” เอ่ยจบก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป กำลังจะเอ่ยขอโทษแต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เพียงแค่ยิ้มบางๆแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
“เฮ้ย...ฉันขอโทษจริงๆ”
“ช่างมันเถอะเอลล่า เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว” ถึงปากบอกไปแบบนั้นแต่ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถลืมได้
เขามีพี่ชายที่ชอบจับเขาแต่งตัวเฉิ่มๆแล้วพาเขาไปเดินรอบหมู่บ้านเพื่อให้เด็กละแวกนั้นมาหัวเราะเยาะใส่เขา เขามีพี่ชายที่มักจะเดินมาหาเขาแล้วว่าเขาว่าชอบเอาหน้าจากการเรียนได้คะแนนดี เขามีพี่ชายที่มักจะวิ่งมาขอพ่อกับแม่ว่าจะพาเขาไปเล่นกับเพื่อนแต่สุดท้ายก็พาเขาไปขังในกรงสุนัขทั้งวันโดยที่ตัวเองไปเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนานแล้วค่อยมาปล่อยเขาออกจากกรงเมื่อถึงเวลากลับบ้าน
เขากลายเป็นเด็กเฉิ่มอย่างที่พี่ชายต้องการให้เป็น เขากลายเป็นคนที่กลัวการเข้าสังคมเพราะเขาไม่เคยมีสังคม ไม่เคยมีเพื่อนนอกจากเพื่อนที่เข้ามาตีสนิทเพื่อหวังลอกการบ้านเท่านั้น เขากลายเป็นคนที่ความมั่นใจจะติดลบทันทีที่อยู่กับพี่ชาย
ปิดเทอมใหญ่ตอนประถมเขาและพี่ชายมีโอกาสได้มาเที่ยวเกาหลี พวกเขามาค้างบ้านของเพื่อนสนิทของพ่อ บ้านนั้นมีลูกสองคน พี่โซราเป็นพี่สาววัยมัธยมปลายที่มีเสน่ห์ เป็นพี่สาวที่ใจดีและพยายามที่จะเข้ามาคุยกับเขา ผิดกับน้องชายของพี่โซราที่ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เขานัก จึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นฮยอกแจคอยเดินตามพี่ซือเหวินต้อยๆ ขนาดพวกเขาพักอยู่ที่บ้านหลังนั้นตลอดระยะเวลาปิดเทอมฤดูร้อน ฮยอกแจยังจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ชื่อที่ออกจากปากฮยอกแจมีเพียงชื่อเดียว ชื่อเดียวเท่านั้น
พี่ซือเหวิน...
“...?!...” แรงสะกิดถี่ๆเรียกเขาออกมาจากภวังค์ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อมือเรียวยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้พร้อมกับสีหน้าที่เป็นห่วง
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ลืม”
“มันก็ตามมาหลอกหลอนเป็นพักๆนั่นแหละ” เงยหน้าขึ้นกระตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาก่อนจะยิ้มบางๆให้เพื่อน
“คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาอ่อนแอกันบ้างสิ”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะซือหยวน” เขาได้แต่ยิ้มเมื่อได้ยินน้ำเสียงมุ่งมั่นนั้น เขาล่ะอิจฉานิสัยแบบนี้ของเอลล่าจริงๆ
หลังจากกลับมาจากเกาหลีเขาก็ได้รู้จักกับเอลล่าแล้วก็พี่หานเกิงจากการเป็นตัวแทนไปแข่งทักษะวิชาการ เขายอมรับเลยว่าการเจอสองคนนี้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของเขา ทั้งสองต่างปฏิญาณว่าจะช่วยดึงเขาออกมาจากหลุมดำ(?)ที่น่าหม่นหมองนั้น ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจเรื่องที่สองคนนี้คิดเท่าไหร่นักหรอก แต่พอผ่านไปซักระยะเขาก็เริ่มเข้าใจและรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่สองคนนี้มอบให้เขา
พี่หานเกิงคอยพาเขาเข้าออกชมรมนั้นชมรมนี้ทำให้เขามีเพื่อนมากขึ้น บวกกับความโชคดีที่เขาพอจะมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาอยู่บ้างก็เลยได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับโรงเรียนในด้านอื่นนอกจากการเรียนและเริ่มกลายเป็นบุคคลที่หลายชมรมต้องการตัว
ส่วนเอลล่าก็จับเขาเปลี่ยนรูปโฉมภายนอกเสียจนเขาแทบจำตัวเองไม่ได้ แถมยังช่วยกันเขาออกจากพวกผู้หญิงที่จะมารุมทึ้งด้วยการประกาศตัวเป็น(เพื่อน)คนสำคัญของเขา นึกแล้วก็ขำไม่หายที่เอลล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับเขา ประโยคนั้นประโยคเดียวที่ทำเอาพี่หานเกิงขำจนกลิ้งตกเก้าอี้หัวแตกเย็บไปเจ็ดเข็ม
ฉันจะช่วยนายรักษาความบริสุทธิ์ไว้เพื่อฮยอกแจของนายนะ
“บ้าหรือเปล่าจู่ๆก็หัวเราะ”
“พอดีนึกถึงตอนที่เธอบอกว่าจะช่วยรักษาความบริสุทธิ์ของฉันเอาไว้เพื่อที่ฉันจะได้เจอฮยอกแจอย่างเต็มภาคภูมิหน่ะ”
“อ้าว...หวังดีนะเว้ย”
“ขอบคุณนะเอลล่า ขอบคุณจริงๆ” ชเวซีวอนมีทุกวันนี้ได้เพราะเอลล่ากับพี่หานเกิงจริงๆ
“อย่าเพิ่งขอบคุณฉันเลย ภารกิจยังไม่เสร็จ” หญิงสาวโบกมือไปมาก่อนจะคว้าบานาน่าช็อคโก้มาดูดอีกอึกใหญ่
“หมายถึงอะไร” บอกตามตรงว่าเขาไม่ค่อยไว้ใจสีหน้าระรื่นนั่นเลย
ถ้าถามว่าเอลล่าเหมือนใคร เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าเอลล่าเหมือนพี่ฮีซอล สองคนนี้ต่างกันแค่อย่างเดียวก็คือ...เพศ ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ก้ำกึ่งในความรู้สึกของหลายๆคนอยู่เหมือนกันนะว่าตกลงสองคนนี้อยากจะเป็นเพศไหน เพราะสิ่งที่[เป็น]กับสิ่งที่[มี]มันสวนทางกันเหลือเกิน
“เรื่องของฉันกับพี่หานเกิง นายไม่ต้องยุ่ง”
“อะไรของเธอเนี่ยยัยทอมบ๊อง”
“ไม่ต้องพูดมาก รอรับผลที่จะเกิดก็พอ” เอื้อมมือสุดแขนมาตบไหล่หนาๆของเพื่อนร่างสูงก่อนจะยิ้มร่า งานนี้สนุกเห็นๆเพราะพี่หานเกิงเพิ่งรายงานมาว่าพันธมิตรฝ่ายเรากำลังเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว แถมมีตัวแรงระดับเจ้าแม่ออกปากมาว่าอยากจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของพ่อราชสีห์หนุ่มไปให้พ้นทางเสียด้วย
“จะทำอะไรก็นึกถึงความรู้สึกของฮยอกแจด้วยนะ”
“เออ...แทนที่จะห่วงตัวเอง”
“เธอก็รู้ว่า...”
“ความสุขของฮยอกแจก็คือความสุขของฉัน...โอ้ยยย ฟังมาเป็นล้านรอบแล้วเจ้าค่ะ รับรองว่าไม่กระทบกับฮยอกแจแน่นอน” หญิงสาวละคำว่า ‘ถ้าไม่จำเป็น’ เอาไว้ในฐานที่เข้าใจ โหย...งานนี้มันเกี่ยวกับฮยอกแจเต็มๆ ถ้าไม่ให้กระทุ้งทางนี้แล้วจะให้ไปกระทุ้งทางไหนมิทราบคะ?
เอาล่ะ...เหล่ากามเทพเตรียมปฏิบัติการ!!
TBC.
ใครอ่านจบในเล่มแล้วห้ามสปอยด์เน้อ~~ ฮ่า~~
เอาล่ะ...หลังจากพา what hell ไปเปิดตัวก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจนอดดีใจไม่ได้ ขอบคุณทุกๆคนที่อุดหนุนนะคะ แล้วก็ขอบคุณพี่ๆน้องๆที่แวะไปทักทายด้วย หากคุยกันไม่ทั่วถึงยังไงก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แล้วก็ได้ฤกษ์เสียที
จนใจคลิกไปที่ลิงค์ได้เลยค่ะ ไม่ได้สมัครสมาชิกบอร์ดก็สามารถเข้าดูได้ค่ะ
http://fixland.19.forumer.com/viewtopic.php?t=483
Part :: 12
Pairing :: WonHyuk
Author :: kobamura
Rating :: PG-13
Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
ดีใจที่ได้เจอทุกคนที่งานไก่นะคะ ^^
“นั่นมันอะไรหน่ะ?” เสียงของทงเฮเรียกความสนใจจากหลายคนที่กำลังเดินออกมาจากชมรมการแสดงด้วยกัน และแน่นอนว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้กับทุกคนไม่น้อย
“ลูกเจี๊ยบมันเดินไปกับใครวะ?” ฮีซอลที่เดินออกมาเป็นคนสุดท้ายเอ่ยถามพยานที่ยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันนี่...
“ซือเหวิน ” ร่างโปร่งหันไปมองสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผีจีนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยจิกๆกัดๆตามประสา
“บ่นอะไรตาแป๊ะ”
“ก็อยากรู้ไม่ใช่หรือไงว่าลูกเจี๊ยบของนายเดินไปกับใคร ก็เลยบอกให้ไงว่าหมอนั่นชื่อซือเหวินเป็นพี่ชายของซือหยวน”
“ซือหยวน?” หลายคนในที่นั้นต่างทวนชื่อตามที่หานเกิงเอ่ย พอเห็นว่าไม่มีใครเข้าใจซักคนเขาเลยเอ่ยขยายความต่อ
“ซือหยวนเป็นชื่อจีนของซีวอน” เสียงร้องอ๋อดังตามมาทันทีที่เขาเอ่ยจบ เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าใครเป็นใคร
“ซีวอนมีพี่ชายด้วยหรอคิบอม?”
“ผมก็เพิ่งรู้พร้อมทงเฮเนี่ยแหละ แล้วอีกอย่างผมก็เพิ่งรู้ว่าซีวอนมันเป็นคนจีน”
“ไม่ใช่คนจีน แต่...เฮ้อ...เรื่องมันยาว ไว้ว่างๆค่อยเล่าให้ฟังแล้วกัน” ร่างสูงโบกมือปัดไปมาทำท่าจะเดินจากไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกคว้าแขนเอาไว้
“จะมากั๊กทำไมเนี่ย! ไม่เคยมีคนสอนหรือไงว่าอย่าทำนิสัยทิ้งให้อยากแล้วจากไป!” สำนวนแปลกๆไม่คุ้นหูทำเอาหนุ่มชาวจีนขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่พอเห็นเจ้าแม่ถอนใจฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ก็พอจะเดาอะไรออก
“ก็จะกลับกันแล้วไม่ใช่หรอ? เห็นบ่นว่าซ้อมหนักเหนื่อยจนไม่มีแรงหายใจ นี่ก็ให้กลับไปพักที่บ้านแล้วไง”
“บ้านมันไม่หนีหายไปไหนหรอก ไปหาร้านนมแถวนี้นั่งคุยก่อนก็ได้ อะไรที่คิมฮีซอลอยากรู้ต้องได้รู้เดี๋ยวนี้ ไม่มีคำว่าเอาไว้ก่อน เข้าใจไหม?!”
“ชวนผมเดททางอ้อมหรอ?”
“โอ้ย! ไอ้ผีจีนนี่! ตามมาอย่าพูดมาก” ออกแรงดึงให้อีกฝ่ายเดินตามไปร้านนมหน้าโรงเรียนโดยไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น และแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ทงเฮไม่มีพลาด มือเรียวคว้าแขนแฟนหมาดๆมากอดเดินคลอไปด้วยกันก่อนจะกดโทรศัพท์หาซองมินรายงานในสิ่งที่เห็นแล้วเรียกรวมพลที่ร้านนมเจ้าประจำทันที
“น้องฮยอกแจน่ารักจนพี่แทบจำไม่ได้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยหยอดตามประสาคนเจ้าชู้ ในใจนึกไว้ว่าต้องได้เห็นท่าทางเอียงอายจากอีกฝ่ายอย่างแน่นอน แต่ร่างบางกับนิ่งผิดปกติ
“น้องฮยอกแจครับ?” คนถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆก่อนจะหันมายิ้มให้
“ครับ?”
“น้องฮยอกแจไม่ดีใจหรือครับที่พี่มาหา หรือว่าน้องฮยอกแจไม่เคยคิดถึงพี่ซือเหวินคนนี้เลย?” น้ำเสียงตัดพ้อนั้นทำเอาคนตัวเล็กรีบเอ่ยปฏิเสธเป็นการใหญ่
“คิดถึงสิครับ! ผมดีใจมากๆด้วยที่พี่ซือเหวินกลับมา แต่มันกะทันหันไปหน่อย ผมก็เลยนึกว่ามันเป็นความฝัน...” เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นเลยไม่ทันรอยยิ้มที่ยกเหยียดตรงมุมปากของคนเจ้าเล่ห์ เท่าที่ประเมินท่าทีอีกฝ่ายมาระยะสั้นๆก็พอจะรู้ว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆเป็นแค่ลูกไก่ที่ยังไม่ประสีประสา
แบบนี้ค่อยง่ายหน่อย
“...?!...” ลูกไก่ตัวน้อยถึงกับสะดุ้งเมื่อมือเรียวถูกดึงไปกุมเอาไว้
“งั้นก็จับมือพี่ไว้นะครับ น้องฮยอกแจจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายชักมือออกอย่างนุ่มนวลก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆให้เขา
“เมื่อกี้ผมหยิกแขนตัวเองไปแล้ว ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ความฝัน”
“จะว่าไปซือหยวนนี่ก็แย่จังเลยนะ” ในเมื่อแผนดึงลูกไก่เข้ามาในกำมือเหมือนจะยากขึ้น เขาจึงเลือกที่จะโจมตีน้องชายตัวเองแทน ซึ่งก็ได้ผลเมื่อฮยอกแจหันกลับมามองเขาทันที
“พี่ซือเหวินหมายถึงซีวอนหรือครับ” การที่รู้ว่าซีวอนเป็นน้องชายพี่ซือเหวินยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากจนเขายังตั้งรับไม่ทัน ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับคนๆนี้ แต่ก็นั่นแหละ...สิ่งที่พี่ซือเหวินพูดกับเขาในห้องประธานนักเรียนมันไม่ค่อยจะเข้าหัวเขานัก เพราะในหัวเขามันมีเพียงคำๆเดียวที่วิ่งชนกันไปมา
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเขาอีก?
“ก็ใช่หน่ะสิ พี่นะทั้งไหว้วาน ทั้งขอร้องให้ซือหยวนช่วยตามหาเราทีเพราะพี่คิดถึงเรามาก แต่เจ้านั่นก็ไม่เห็นบอกพี่เลยว่าเจอน้องฮยอกแจแล้ว แย่จริงๆเลย...ไม่อย่างนั้นเราคงได้เจอกันตั้งนานแล้ว” ตีไข่ใส่สีน้องชายตัวเองเป็นการใหญ่ พร้อมกับใช้วิธีตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์แบบที่เคยใช้ประจำเวลาถูกสาวๆในสังกัดจับได้ว่าแอบไปมีกิ๊ก แต่แล้วเขาก็แทบเก็กหลุดเมื่อถูกเอ่ยสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พี่ซือเหวินจะไปไหว้วานคนอื่นทำไมล่ะครับ แค่โทรมาหาผมโดยตรงก็เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆก่อนจะหาทางเปลี่ยนประเด็น หากยังลุยทางนี้ต่อไปบางทีเขาอาจจะเผลอขุดหลุมฝังตัวเองก็ได้ เด็กนี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่ประเมินเอาไว้ตอนแรกเสียแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ...มันเป็นความเร้าใจอย่างหนึ่งของชีวิตเหมือนกันนะ
บทสนทนาจำต้องหยุดเพียงเท่านั้นเมื่อซีวอนเดินตามมาที่รถ ร่างสูงดูเงียบขรึมจนฮยอกแจไม่กล้าที่จะชวนคุย อย่างมากก็ทำได้แค่แอบชำเลืองตามองเป็นระยะแต่อีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองมาทางเขา ซือเหวินมองท่าทีของน้องชายแล้วแอบยิ้มอยู่ในใจ เขาชอบเวลาที่ซีวอนเป็นแบบนี้ มันทำให้เขามีความสุขจนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
นายผิดเองที่เกิดมาเป็นหนามยอกอกของฉัน
“พี่จะขับรถไปเองไหม? เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้” เอ่ยถามพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ คิ้วเรียวถึงกับขมวดมุ่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ซีวอนจะปล่อยให้เขาไปกับพี่ ซือเหวินสองคนงั้นหรอ? ราวกับรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่นัยน์ตาคมจึงเหลือบมองไปทางร่างบางที่เหมือนจะส่งสายตาตัดพ้อมาให้เขา
นายเองก็ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอฮยอกแจ?
“อืม...นั่นสิ เราสองคนไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้วนะ คิดถึงสมัยเด็กๆจัง” ซือเหวินไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไป รีบคว้ามือเรียวแล้วพาคนน่ารักไปขึ้นรถทันที แต่ฮยอกแจกับขืนตัวไว้
“ไปด้วยกันก็ได้นี่ครับ ในเมื่อซีวอนเป็นเจ้าของรถทำไมต้องให้กลับเองล่ะครับ?”
“ฉันกลับได้หน่า ไม่หลงหรอก”
“นายนั่นแหละไปขับรถ” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินไปนั่งที่ข้างคนขับด้วยความเคยชิน ซือเหวินจึงต้องนั่งเบาะหลังอย่างช่วยไม่ได้ อยากจะอาสาขับรถอยู่หรอกนะ แต่เขาก็ลืมไปว่าเขาแทบไม่รู้เส้นทางในเกาหลีเลย เดี๋ยวจะเสียฟอร์มเปล่าๆ
“น้องฮยอกแจอยากทานอะไรก่อนกลับบ้านไหมครับ? เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ชวนคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างหน้าคุยอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นมือหนาที่จิกพวงมาลัยอยู่ก็ยิ่งนึกสนุก
“ร้านไอศกรีมดีไหมครับ? คนน่ารักอย่างน้องฮยอกแจต้องชอบร้านไอศกรีมแน่เลย”
“ผมอยากกลับบ้าน”
“เอ๋?”
“วันนี้ซ้อมบอลหนักไปหน่อยหน่ะครับ อยากกลับไปนอนบ้าน ไปส่งฉันที่บ้านเลยนะซีวอน ถึงแล้วปลุกด้วย” เอ่ยตัดบทก่อนจะปรับเบาะเอนตัวลงนอนกันตัวเองออกจากโลกภายนอกที่วุ่นวายชั่วคราว ซือเหวินมีอาการไม่พอใจจากการถูกฉีกหน้าทางอ้อมพอสมควร ส่วนซีวอนก็เพียงแค่ถอนใจก่อนจะทำหน้าที่ของตนต่อไป
“มาขับรถให้แบบนี้นัดแกไม่ยาวเป็นสายบัวหรอ?” เอ่ยถามน้องชายเป็นการจุดชนวนอีกรอบ ฮยอกแจก็แค่พักสายตาไม่ได้หลับเสียหน่อย
“ไม่นี่ครับ”
“ให้ผู้หญิงรอแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยว่ะ เอลล่าน้อยใจแกตายเลย อุตส่าห์มาหาทั้งทีกลับถูกทิ้งถูกขว้างเหมือนไม่ใช่คนรักกัน” คิ้วเรียวกระตุกเป็นปมเล็กน้อยจากสิ่งที่ได้ยิน หากฮยอกแจยังคงทำเป็นนอนนิ่ง
“เราไม่ใช่คนรัก เราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“แหม~ ไม่ต้องเขินหรอก อยู่ที่จีนออกจะสนิทกันถึงขนาดไปค้างห้องเขาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ร้ายนะเนี่ยน้องเรา” หัวเราะเสียงดังก่อนจะตบไหล่น้องชายแรงๆเป็นการตบท้าย ซีวอนรู้ดีว่าซือเหวินต้องการทำอะไร แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะต่อล้อต่อเถียงด้วย ร่างสูงเพียงแค่ถอนใจหนักๆก่อนจะหันไปสนใจเส้นทางตรงหน้าต่อ โดยไม่ทันคิดว่าการนิ่งเงียบไม่โต้เถียงของเขาทำให้ร่างบางที่นอนหลับตาอยู่เอนเอียงไปทางเรื่องโกหกกว่าครึ่ง
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงบ้านของฮยอกแจ ซือเหวินมองบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักอย่างพิจารณา ถึงตัวบ้านจะเล็กไปหน่อยแต่ถ้ามองโดยรวมแล้วก็นับว่าดูดีไม่น้อย แค่การตกแต่งสนามหญ้าหน้าบ้านก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของนั้นมีสไตล์ในการจัดแต่งบ้านพอตัวทีเดียว
“อ้าว?” เสียงร้องจากนอกรถดึงนัยน์ตาคมออกจากตัวบ้านมาที่ร่างบางที่ยืนอยู่นอกรถ ใบหน้าหวานที่ถูกประดับด้วยรอยยิ้มหวานนั้นทำเอาเขายิ้มตามไปด้วย
“พี่อีทึก!” ฮยอกแจที่เพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะซีวอนสะกิดปลุกร้องเรียกพี่ชายเสียงหลงก่อนจะเปิดประตูลงไปหาแล้วช่วยถือของบางส่วน ซือเหวินหันไปมองน้องชายเป็นเชิงถามกรายๆว่าคนสวยนอกรถนั่นใคร
“พี่อีทึก เป็นลูกพี่ลูกน้องของฮยอกแจ เขาอยู่บ้านนี้กันสองคน” โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้พี่ชายมีความคิดอกุศลกับอีกฝ่าย ซีวอนรีบเอ่ยถึงบุคคลที่สามที่ยืนอยู่ถัดไปจากอีทึกทันที
“แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นพี่คังอิน เป็นกัปตันทีมฟุตบอลที่ฮยอกแจอยู่ ที่สำคัญ...” จงใจเน้นเสียงหนักเพื่อให้พี่ชายละสายตาเจ้าชู้ออกมาจากรุ่นพี่ที่เคารพ
“สองคนนี้เขาเป็นคนรักกัน” แล้วมันก็ได้ผลเมื่อซือเหวินสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มกรอกตาเซ็งๆเมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า...ซีวอนรู้จักเขาดีกว่าใคร
“ลงไปทานข้าวเย็นกันไหมซีวอน อ้าว...พาเพื่อนมาด้วยหรอ?” อีทึกเปิดประตูรถเข้ามาชวนรุ่นน้องที่เหมาเอาว่าเป็นน้องเขยไปแล้ว ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“พี่ซือเหวิน พี่ชายผมเองครับพี่อีทึก” คนเป็นพี่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ถึงแม้จะงงอยู่ไม่น้อยที่อีกฝ่ายมีพี่ชายกับเขาด้วยหรอ
“แล้วตกลงจะอยู่ทานข้าวเย็นกันไหม...ทั้งสองคน?”
“ซีวอนเขามีนัดกับสาวต่อหน่ะครับพี่อีทึก คงไม่สะดวกหรอก” เอ่ยบอกพี่ชายก่อนจะหิ้วถุงของสดเข้าไปในบ้านโดยมีคังอินเดินตามไปแบบงงๆ สาบานด้วยเกียรติของกัปตันทีมฟุตบอลว่าเขาโคตรจะมั่นใจว่าอีฮยอกแจออกอาการหึงอย่างชัดเจน
“อ้าวหรอ? งั้นไม่เป็นไรไว้คราวหลังก็ได้เนอะ” เอ่ยยิ้มๆกับรุ่นน้องร่างสูง แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูรถเสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนผมขออยู่ทานมื้อเย็นด้วยคนได้ไหมครับ ผมเองก็ไม่อยากไปนั่งเป็นก้างขวางคอคู่หวานเขาหรอกครับ” ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรแต่อีทึกก็พยักหน้ารับคำขอนั้นไปแล้ว ซือเหวินรีบลงมาจากรถก่อนจะหันไปฝากฝังให้ซีวอนดูแลคู่นัดให้ดีๆและอีกมากมายที่อีทึกไม่คิดจะอยู่ฟังเพราะถือตัวเองว่าเป็นคนนอก แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ
เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่ชายของซีวอนคนนี้เลยซักนิด
“แล้วนายก็วิ่งหางจุกตูดมาหาฉันตามที่ไอ้บ้านั่นบอกงั้นหรอซือหยวน?!” มือเรียวตบโต๊ะเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าตัวเองจะเจ็บ หญิงสาวมองเพื่อนของตัวเองอย่างหัวเสีย ไม่ได้ดั่งใจเลยเว้ย!
“ก็ฉันนัดเธอไว้นี่”
“อย่ามาอ้าง ทนอยู่ไม่ได้ก็บอกมาตามตรง”
“รู้อยู่แก่ใจยังมาถาม” ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มเป็นเชิงขอบคุณกับบริกรสาวที่นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พอหันกลับมาก็ถูกดีดมะกอกไปดอกใหญ่
“อะไรเนี่ยยัยทอมเอลล่า!”
“เลิกหงอตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับซือเหวินได้แล้ว ตอนนี้นายมันเพอร์เฟคยิ่งกว่าพี่ชายนายเสียอีก”
“ท่องเอาไว้สิซือหยวนนายหน่ะ...หล่อ เรียนดี รวย นิสัยดี ไม่เหมือนซือเหวินที่มีดีแค่หน้าตากับฐานะ นิสัยอย่างหมอนั่นนายคิดวาเขาจะจริงจังกับทูนหัวของนายหรอ? เอาหัวฉันเป็นประกัน...เอ้อ!...เพิ่มหัวพี่เกิงอีกคน หมอนั่นแค่จะหยอกนายเล่นเฉยๆเท่านั้นแหละ” เอ่ยเสียยาวเหยียดก่อนจะตบท้ายคำพูดด้วยบลูเบอร์รี่ชีสเค้กคำโต
“หยอกฉัน?”
“โอ้ย! เพลย์บอยฟันดะแบบหมอนั่นจะมองไม่ออกเชียวหรือว่านายคิดยังไงกับฮยอกแจ ซือเหวินก็แค่อยากเอาชนะนายอย่างที่ชอบทำทุกครั้งนั่นแหละ เกิดมาฉันก็เพิ่งเคยเจอนะ พี่ชายที่คอยตามอิจฉาน้องชายตัวเอง จองร้างจองผลาญไม่เคยเหนื่อย” เอ่ยจบก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป กำลังจะเอ่ยขอโทษแต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เพียงแค่ยิ้มบางๆแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
“เฮ้ย...ฉันขอโทษจริงๆ”
“ช่างมันเถอะเอลล่า เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว” ถึงปากบอกไปแบบนั้นแต่ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถลืมได้
เขามีพี่ชายที่ชอบจับเขาแต่งตัวเฉิ่มๆแล้วพาเขาไปเดินรอบหมู่บ้านเพื่อให้เด็กละแวกนั้นมาหัวเราะเยาะใส่เขา เขามีพี่ชายที่มักจะเดินมาหาเขาแล้วว่าเขาว่าชอบเอาหน้าจากการเรียนได้คะแนนดี เขามีพี่ชายที่มักจะวิ่งมาขอพ่อกับแม่ว่าจะพาเขาไปเล่นกับเพื่อนแต่สุดท้ายก็พาเขาไปขังในกรงสุนัขทั้งวันโดยที่ตัวเองไปเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนานแล้วค่อยมาปล่อยเขาออกจากกรงเมื่อถึงเวลากลับบ้าน
เขากลายเป็นเด็กเฉิ่มอย่างที่พี่ชายต้องการให้เป็น เขากลายเป็นคนที่กลัวการเข้าสังคมเพราะเขาไม่เคยมีสังคม ไม่เคยมีเพื่อนนอกจากเพื่อนที่เข้ามาตีสนิทเพื่อหวังลอกการบ้านเท่านั้น เขากลายเป็นคนที่ความมั่นใจจะติดลบทันทีที่อยู่กับพี่ชาย
ปิดเทอมใหญ่ตอนประถมเขาและพี่ชายมีโอกาสได้มาเที่ยวเกาหลี พวกเขามาค้างบ้านของเพื่อนสนิทของพ่อ บ้านนั้นมีลูกสองคน พี่โซราเป็นพี่สาววัยมัธยมปลายที่มีเสน่ห์ เป็นพี่สาวที่ใจดีและพยายามที่จะเข้ามาคุยกับเขา ผิดกับน้องชายของพี่โซราที่ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เขานัก จึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นฮยอกแจคอยเดินตามพี่ซือเหวินต้อยๆ ขนาดพวกเขาพักอยู่ที่บ้านหลังนั้นตลอดระยะเวลาปิดเทอมฤดูร้อน ฮยอกแจยังจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ชื่อที่ออกจากปากฮยอกแจมีเพียงชื่อเดียว ชื่อเดียวเท่านั้น
พี่ซือเหวิน...
“...?!...” แรงสะกิดถี่ๆเรียกเขาออกมาจากภวังค์ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อมือเรียวยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้พร้อมกับสีหน้าที่เป็นห่วง
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ลืม”
“มันก็ตามมาหลอกหลอนเป็นพักๆนั่นแหละ” เงยหน้าขึ้นกระตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาก่อนจะยิ้มบางๆให้เพื่อน
“คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาอ่อนแอกันบ้างสิ”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะซือหยวน” เขาได้แต่ยิ้มเมื่อได้ยินน้ำเสียงมุ่งมั่นนั้น เขาล่ะอิจฉานิสัยแบบนี้ของเอลล่าจริงๆ
หลังจากกลับมาจากเกาหลีเขาก็ได้รู้จักกับเอลล่าแล้วก็พี่หานเกิงจากการเป็นตัวแทนไปแข่งทักษะวิชาการ เขายอมรับเลยว่าการเจอสองคนนี้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของเขา ทั้งสองต่างปฏิญาณว่าจะช่วยดึงเขาออกมาจากหลุมดำ(?)ที่น่าหม่นหมองนั้น ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจเรื่องที่สองคนนี้คิดเท่าไหร่นักหรอก แต่พอผ่านไปซักระยะเขาก็เริ่มเข้าใจและรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่สองคนนี้มอบให้เขา
พี่หานเกิงคอยพาเขาเข้าออกชมรมนั้นชมรมนี้ทำให้เขามีเพื่อนมากขึ้น บวกกับความโชคดีที่เขาพอจะมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาอยู่บ้างก็เลยได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับโรงเรียนในด้านอื่นนอกจากการเรียนและเริ่มกลายเป็นบุคคลที่หลายชมรมต้องการตัว
ส่วนเอลล่าก็จับเขาเปลี่ยนรูปโฉมภายนอกเสียจนเขาแทบจำตัวเองไม่ได้ แถมยังช่วยกันเขาออกจากพวกผู้หญิงที่จะมารุมทึ้งด้วยการประกาศตัวเป็น(เพื่อน)คนสำคัญของเขา นึกแล้วก็ขำไม่หายที่เอลล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับเขา ประโยคนั้นประโยคเดียวที่ทำเอาพี่หานเกิงขำจนกลิ้งตกเก้าอี้หัวแตกเย็บไปเจ็ดเข็ม
ฉันจะช่วยนายรักษาความบริสุทธิ์ไว้เพื่อฮยอกแจของนายนะ
“บ้าหรือเปล่าจู่ๆก็หัวเราะ”
“พอดีนึกถึงตอนที่เธอบอกว่าจะช่วยรักษาความบริสุทธิ์ของฉันเอาไว้เพื่อที่ฉันจะได้เจอฮยอกแจอย่างเต็มภาคภูมิหน่ะ”
“อ้าว...หวังดีนะเว้ย”
“ขอบคุณนะเอลล่า ขอบคุณจริงๆ” ชเวซีวอนมีทุกวันนี้ได้เพราะเอลล่ากับพี่หานเกิงจริงๆ
“อย่าเพิ่งขอบคุณฉันเลย ภารกิจยังไม่เสร็จ” หญิงสาวโบกมือไปมาก่อนจะคว้าบานาน่าช็อคโก้มาดูดอีกอึกใหญ่
“หมายถึงอะไร” บอกตามตรงว่าเขาไม่ค่อยไว้ใจสีหน้าระรื่นนั่นเลย
ถ้าถามว่าเอลล่าเหมือนใคร เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าเอลล่าเหมือนพี่ฮีซอล สองคนนี้ต่างกันแค่อย่างเดียวก็คือ...เพศ ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ก้ำกึ่งในความรู้สึกของหลายๆคนอยู่เหมือนกันนะว่าตกลงสองคนนี้อยากจะเป็นเพศไหน เพราะสิ่งที่[เป็น]กับสิ่งที่[มี]มันสวนทางกันเหลือเกิน
“เรื่องของฉันกับพี่หานเกิง นายไม่ต้องยุ่ง”
“อะไรของเธอเนี่ยยัยทอมบ๊อง”
“ไม่ต้องพูดมาก รอรับผลที่จะเกิดก็พอ” เอื้อมมือสุดแขนมาตบไหล่หนาๆของเพื่อนร่างสูงก่อนจะยิ้มร่า งานนี้สนุกเห็นๆเพราะพี่หานเกิงเพิ่งรายงานมาว่าพันธมิตรฝ่ายเรากำลังเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว แถมมีตัวแรงระดับเจ้าแม่ออกปากมาว่าอยากจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของพ่อราชสีห์หนุ่มไปให้พ้นทางเสียด้วย
“จะทำอะไรก็นึกถึงความรู้สึกของฮยอกแจด้วยนะ”
“เออ...แทนที่จะห่วงตัวเอง”
“เธอก็รู้ว่า...”
“ความสุขของฮยอกแจก็คือความสุขของฉัน...โอ้ยยย ฟังมาเป็นล้านรอบแล้วเจ้าค่ะ รับรองว่าไม่กระทบกับฮยอกแจแน่นอน” หญิงสาวละคำว่า ‘ถ้าไม่จำเป็น’ เอาไว้ในฐานที่เข้าใจ โหย...งานนี้มันเกี่ยวกับฮยอกแจเต็มๆ ถ้าไม่ให้กระทุ้งทางนี้แล้วจะให้ไปกระทุ้งทางไหนมิทราบคะ?
เอาล่ะ...เหล่ากามเทพเตรียมปฏิบัติการ!!
TBC.
ใครอ่านจบในเล่มแล้วห้ามสปอยด์เน้อ~~ ฮ่า~~
เอาล่ะ...หลังจากพา what hell ไปเปิดตัวก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจนอดดีใจไม่ได้ ขอบคุณทุกๆคนที่อุดหนุนนะคะ แล้วก็ขอบคุณพี่ๆน้องๆที่แวะไปทักทายด้วย หากคุยกันไม่ทั่วถึงยังไงก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แล้วก็ได้ฤกษ์เสียที
จนใจคลิกไปที่ลิงค์ได้เลยค่ะ ไม่ได้สมัครสมาชิกบอร์ดก็สามารถเข้าดูได้ค่ะ
http://fixland.19.forumer.com/viewtopic.php?t=483
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น