ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] What's the hell happened!! [WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #10 : What’s the hell happened!! # 9

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 52


    Title :: What’s the hell happened!!
    Part :: 9
    Pairing :: WonHyuk
    Author :: kobamura
    Rating :: PG-13
    Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ


    ทิ้งไปนาน...บิ้วไม่ขึ้น ฮ่า~











    ภายหลังจากงานประกวดผ่านพ้นไปสิ่งที่ตามมาคงไม่พ้นการเลี้ยงฉลอง จากผลโหวตของสมาชิกภายในชมรมฟุตบอลและความต้องการส่วนตัวของคิมฮีซอลก็เป็นมติเอกฉันท์ว่าพวกเขาจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน และแน่นอนว่าสปอนเซอร์ใหญ่ของงานนี้คงไม่พ้นผู้ที่ประกาศตัวต่อสาธารณชนแล้วว่าเป็นแฟนของมิสบิวตี้คนปัจจุบันอย่าง...ชเวซีวอน


    อีทึกกับคังอินปฏิเสธที่จะให้ทุกคนไปนอนบ้านพักตากอากาศส่วนตัวของตระกูลชเวเพราะมันดูเป็นการรบกวนมากเกินไป ซีวอนเลยเปลี่ยนมาจองบังกะโลซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักให้ห้าหลัง และแน่นอนว่าบังกะโลเหล่านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจโรงแรมของตระกูลชเวเหมือนกัน


    “บังกะโลมีสองห้อง นอนห้องละสามคนก็น่าจะพอ” คังอินแจงรายละเอียดให้ลูกทีมฟังก่อนจะปล่อยให้แต่ละคนจับคู่ห้องนอนกันเองโดยยกบังกะโลให้สมาชิกในชมรมไปสามหลัง

    “ทีนี้ก็เหลือพวกเรากับบังกะโลอีกสองหลัง” หันไปมองบุคคลที่เหลือที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

    “ฉันจะนอนคนเดียว” นางพญาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะลากกระเป๋าเดินตรงไปที่บังกะโลหลังแรก ทุกคนได้แต่มองหน้ากันแล้วถอนใจ

    “งั้นผม ทงเฮ แล้วก็ซองมินนอนด้วยกันก็ได้ครับ” สิ้นเสียงนั้นคยูฮยอนก็เตรียมจะแย้งแต่ก็ต้องเงียบเมื่อร่างสูงของกัปตันทีมฟุตบอลเห็นด้วยกับความคิดนั้น

    “งั้นซีวอน คิบอม แล้วก็คยูฮยอนไปนอนอีกห้องแล้วกัน” สามหนุ่มจำต้องพยักหน้ารับคำบอกกึ่งสั่งนั้นอย่างช่วยไม่ได้

    “พวกผมนอนบังกะโลเดียวกันกับพี่ฮีซอลก็ได้ครับ” ฮยอกแจเหลือบตามองสิงโตหงอยแล้วนึกสะใจอยู่ลึกๆ เรื่องอะไรฉันต้องนอนร่วมบังกะโลกับนาย ไม่มีวันซะล่ะ!

    “เสียงดังโวยวายจะตายไปพวกเราหน่ะ ขืนพี่ให้ไปนอนบังกะโลเดียวกันกับฮีซอลมีหวัง...” ละกันไว้ในฐานะที่เข้าใจ อีทึกถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะบอกให้สามหนุ่มกับสามสาวไปนอนบังกะโลที่สอง ส่วนเขากับคังอินจะนอนห้องตรงข้ามกับฮีซอลเอง เมื่อได้ข้อตกลงแล้วทุกคนก็แยกย้ายไปเก็บของในห้องและพักผ่อนตามอัธยาศัย ตอนเย็นค่อยมารวมตัวจัดปาร์ตี้ชายหาดกัน

    “นายจงใจไม่นอนกับซีวอนนี่นาเจ้าไก่” หลังจากโยนภาระจัดของให้ซองมินแล้ว ทงเฮก็รีบกระโดดขึ้นมาบนเตียงที่เพื่อนรักนอนกลิ้งอยู่ทันที

    “แล้วทำไมฉันต้องนอนกับหมอนั่นล่ะ?”

    “อ้าว! ก็คนคบกันอยู่” ไก่น้อยลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ

    “คบกันแล้วไง? ต้องนอนห้องเดียวกันหรอ?”

    “คำถามนี้ไม่รู้ว่ะ ถามซองมินเอาดิ ไปแยกลูกกระต่ายมาจากอ้อมอกหมาป่าแล้วเคยถามเขาหรือยังว่าเขาอยากจะนอนกับแกหรือเปล่า?” คนที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่มุมหนึ่งของห้องถึงกับสะดุ้งเมื่อสายตาสองคู่จ้องมาที่เขาอย่างต้องการคำตอบ

    “ว่าไงซองมิน?”

    “เอ่อ...ฉัน...ฉันยังไงก็ได้ อย่ามองแบบนั้นสิ พวกนายกำลังทำให้ฉันรู้สึกผิดนะ”

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย แต่ขอถามคำถามเดียวเท่านั้นแหละ” ซองมินเงยหน้ามองเพื่อนรักพันธุ์ไก่แล้วหยุดพับผ้าเพื่อรอฟังคำถามนั้นอย่างตั้งใจ

    “นายอยากนอนห้องเดียวกับคยูฮยอนหรือเปล่าล่ะ?” ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเป็นเชิงตอบรับคำถามนั้น ทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

    “อ่า...งั้นเดี๋ยวฉันไปแลกห้องกับคยูฮยอนก็ได้นะ”

    “แลกไปก็เท่านั้นแหละฮยอกแจ ถึงยังไงก็นอนสามคนอยู่ดี” ตอบเสร็จก็ก้มหน้างุดเมื่อเพื่อนรักสองคนส่งสายตาล้อเลียนมาอย่างชัดเจน

    “อ้อ...ทำอะไรไม่สะดวกสินะ?” จบประโยคกางเกงขาสั้นก็ลอยมาคลุมศีรษะพอดี ทำเอาฮยอกแจล้มลงไปนอนขำก๊าก

    “ทงเฮบ้า!”

    “ฮ่าๆๆๆ”







    หลังจากเก็บของจัดห้องกันเสร็จหลายๆคนก็เริ่มทยอยมาที่ชายหาด บ้างก็เดินสำรวจไปเรื่อยเปื่อย บ้างก็เล่นน้ำ บ้างก็จับกลุ่มเตะฟุตบอลชายหาด ซึ่งอย่างหลังนั้นไม่มีทางขาดศูนย์หน้าคนสำคัญของทีมไปได้ ฮยอกแจแทบจะถลาออกจากห้องทันทีเมื่อเยซองมาตะโกนเรียกอยู่หน้าบังกะโล

    “เล่นขี่ม้าเตะบอลกัน!”

    “หา?!” ชายฉกรรจ์กว่าสิบชีวิตที่กำลังเดินลงสนามทรายต่างหันมามองคนพูดเป็นตาเดียว เยซองยักไหล่สบายๆก่อนจะร่ายกติกาที่เพิ่งคิดได้เมื่อครู่ให้ฟังกัน

    “แหมๆ อยู่โรงเรียนก็เตะบอลกันทุกเย็น มาพักร้อนกันทั้งทีจะเตะธรรมดากันทำไม มาหาอะไรแปลกๆทำกันเถอะ”

    “แล้วจะขี่ยังไง จะเตะยังไง?” รุ่นน้องคนหนึ่งยกมือขึ้นก่อนจะถาม

    “ก็จับคู่กันสิ ข้างละสามคู่ก็พอมั้ง จากนั้นก็ไปตกลงกันเองว่าใครจะขี่ใคร เดี๋ยวฉันเป็นกรรมการ” เอ่ยตัดช่องน้อยแต่พอตัวก่อนจะเดินผิวปากจากไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่ากรรมการพร้อมแล้วหลายๆคนจึงเริ่มจับคู่กัน ใครตัวใหญ่ก็จำต้องให้คู่ของตัวเองกระโดดขี่หลังแต่โดยดี แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนไม่ค่อยจะปลื้มกับกติกานี้เท่าไหร่

    “พี่เยซองอ่ะ ผมอยากเตะบอลนะ!”

    “ตัวเล็กขนาดนั้นกระโดดขี่คอไปเลยเราหน่ะ” คนถูกย้อนกลับมาถึงกับหน้ามุ่ยเอาเท้าเขี่ยทรายอย่างอารมณ์เสีย

    “พี่เย่อ่ะ!” เจ้าชายก้อนเมฆประจำชมรมเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของสปอนเซอร์งานนี้เดินตรงมาที่พวกเขา

    “ฮยอกแจยังไม่มีคู่เล่นขี่ม้าเตะบอล พอจะว่างมาจับคู่ให้ไอ้ตัวเล็กหน่อยไหม?” เอ่ยถามคุณประธานนักเรียนสุดหล่อที่วันนี้มาในเสื้อกล้ามสีขาวโชว์กล้ามแขนล่ำบึกจนน่าอิจฉา ซึ่งแน่นอนว่าซีวอนไม่มีทางปฏิเสธ

    “ได้สิครับ แล้วมันเล่นยังไงล่ะ?” ประโยคหลังหันไปถามแม่นางตัวน้อยที่ยืนกอดอกฮึดฮัดอยู่ข้างตัว

    “ก็เล่นแบบนี้ไง!” เอ่ยจบก็กระโดดขึ้นขี่หลังกอดคอคนตัวโตไว้แน่นก่อนจะออกแรงเหวี่ยงตัวเองไปมาจนอีกฝ่ายเซเกือบจะล้มไปบนทราย ทงเฮกับซองมินที่นั่งกันอยู่ในร่มถึงกับตะโกนเชียร์ให้เพื่อนตัวน้อยล้มยักษ์ใหญ่ให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นแววว่าจะทำได้ซักที เพราะเมื่อซีวอนตั้งตัวได้ก็เอื้อมมือไปจับหมีโคโอล่าตัวเล็กที่เกาะอยู่ด้านหลังแล้วออกตัววิ่งทำท่าจะลงทะเล ฮยอกแจถึงกับร้องเสียงหลงกอดคอซีวอนแน่น

    “ไม่เอานะ! ฉันจะเตะบอลกับพี่เยซอง” ออกแรงทุบม้าหนุ่มรัวๆ ซีวอนหัวเราะเสียงดังก่อนจะวิ่งกลับมาที่สนามฟุตบอลชายหาด ทางด้านเขามีรุ่นน้องในชมรมฟุตบอลอีกคู่ฟอร์มทีมรออยู่แล้ว ส่วนอีกทีมหนึ่งได้กัปตันทีมคนเก่งเป็นหัวโจกซึ่งแน่นอนว่าคนที่ขี่หลังคังอินอยู่คืออีทึกที่คอยซับเหงื่อให้คนรักอยู่เรื่อยๆ ส่วนคยูฮยอนงานนี้ขอบายไปนอนหนุนตักซองมินสบายใจเฉิบ

    “ไม่ลงไปเล่นกับฮยอกแจหรอทงเฮ” เอ่ยถามเพื่อนที่นั่งกอดเข่าเขี่ยทรายเล่นอยู่ข้างๆ ถัดไปนั้นเป็นเจ้าแม่ที่กำลังนอนเอาไอพอตเสียบหูอาบแดดอย่างสบายอารมณ์

    “ไม่มีคู่อ่ะ” ถึงทีมฮยอกแจจะขาดอยู่คู่หนึ่งก็เถอะแต่ในสนามก็มีคู่ครบกันหมดแล้ว จะให้ลากพี่เยซองมาเป็นคู่เดี๋ยวก็ไม่มีกรรมการอีก พวกสมาชิกคนอื่นที่กำลังเล่นน้ำอยู่ในทะเลก็ไม่ได้สนิทกันมากถึงขนาดไปตะโกนเรียกให้มาเล่นด้วยได้

    “ผมเป็นคู่ให้เอาไหม?” คนถูกชวนหันไปมองด้านหลัง ชายหนุ่มร่างสูงผิวคร้ามแดดส่งยิ้มจริงใจมาให้ คิบอมวางกล่องขนมที่ตนเองอาสาไปหยิบจากในครัวออกมาให้ เพราะตั้งแต่เช้าซองมินก็จัดการเรื่องอาหารการกินของพวกเขามาโดยตลอด อะไรที่พอช่วยกันได้ก็ช่วยเหลือกันไปก็แล้วกัน

    “จะดีหรอ? ฉันตัวหนักนะ” คิบอมหัวเราะก่อนจะเดินมาตั้งท่ารอ

    “ทงเฮก็คงไม่หนักไปกว่าฮยอกแจเท่าไหร่หรอก ตัวแค่นี้สบายมาก” คนฟังถึงกับยิ้มออก ใจจริงก็อยากจะแจมกับเขาด้วยแต่ไม่มีคู่เล่น ในเมื่อมีคนมาเสนอถึงที่ก็ไม่ขอขัดศรัทธาล่ะนะ

    “แล้วอย่ามาบ่นทีหลังนะ” กระโดดขึ้นขี่หลังก่อนจะกอดคออาชาหนุ่มเอาไว้ แขนแกร่งไขว้ไปช้อนใต้ข้อพับเพื่อพยุงคนบนหลังเอาไว้ก่อนจะเดินตรงไปที่สนาม ฮยอกแจเห็นเพื่อนขี่ม้าตามมา(?) ก็โบกมือตะโกนเรียกใหญ่

    “ทงเฮมาเร็วเข้ากำลังขาดคนเลย พี่เยซองทีมผมครบแล้วนะ!” เมื่อเห็นว่าผู้เล่นในสนามครบแล้วเยซองจึงทวนกติกาอีกรอบ ซึ่งเดิมพันก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนฮึดสู้ได้ไม่ยาก

    “ใครแพ้เย็นนี้ต้องเป็นเบ๊ตอนงานปาร์ตี้” มันไม่สนุกเลยนะที่เวลากินจะต้องมานั่งคอยรับใช้คนนั้นคนนี้ อย่างน้อยอีฮยอกแจกับอีทงเฮก็ไม่ปลื้มนักหรอก

    “ห้ามแพ้นะซีวอน ไม่งั้นฉันโกรธนายจริงๆด้วย” กระซิบบอกม้าประจำตัวก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่ลูกบอลในมือของเยซองที่เดินมากลางสนาม

    “รับปากไม่ได้แฮะ นายก็เห็นว่าอีกฝ่ายหน่ะพี่คังอินเชียวนะ” มันก็จริงอย่างที่ซีวอนบอก คนที่เก่งอยู่แล้วเหมือนจะยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นไปอีกเมื่อคนใกล้ตัวคอยถามสารพัด เหนื่อยไหม? หนักหรือเปล่า? ร้อนไหม? พอเห็นเหงื่อตรงไรผมนิดหน่อยพี่อีทึกก็คอยเช็ดให้ จะหวานไปไหนกันครับ?



    แต่ก็นั่นแหละ...
    กำลังใจที่ดีมาจากคนใกล้ตัวเสมอ




    “....?!....” ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวปาดเหงื่อตรงขมับให้ พอหันไปมองอีกฝ่ายก็ชะงักก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม

    “ก็...ก็...เห็นเหงื่อมันออกเลยเช็ดให้ไง” เกินจะทานทนกับสายตาสื่อความนัยร้อยแปดพันเก้า ฮยอกแจจึงซุกหน้าลงกับไหล่กว้างบ่นหงุงหงิงอะไรอยู่คนเดียว ผิดกับร่างสูงที่ยืดตัวเต็มความสูงแล้วกระชับร่างที่ขี่อยู่ด้านหลังให้อยู่ในตำแหน่งที่ถนัดต่อการเคลื่อนไหว

    “แบบนี้สู้ยิบตาเลย”

    “ให้มันจริงเถอะ”


    “เตะบอลเป็นหรือเปล่าเนี่ย” ทงเฮถามคนที่ตัวเองกำลังขี่อยู่ คิบอมหัวเราะออกมาก่อนจะสารภาพตามความจริง

    “ให้ถ่ายรูปยังพอมีแววกว่านะ”

    “เฮ้ย! ฉันไม่อยากเป็นเบ๊ตอนปาร์ตี้นะ พี่ฮีซอลจิกใช้เยี่ยงทาสแน่ๆ”

    “จะทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ แต่ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาจริงๆ ทงเฮก็มาจิกใช้ผมต่อแล้วกัน” ส่งยิ้มหวานให้ในระยะกระชั้นชิดจนอีกฝ่ายต้องเบนหน้าหนีทั้งที่ก็ไม่รู้เหมือนว่าจะต้องเขินทำไม

    “พร้อมแล้วนะ เริ่ม!” เยซองโยนบอลลงกับพื้นทรายก่อนจะถอยออกมาแล้วเป่านกหวีดเป็นสัญญาณการเริ่มเกม เหล่าอาชาหนุ่มพร้อมกับนักรบตัวบางๆ(?)ต่างรบพุ่งใส่กัน ทางทีมคังอินเหมือนจะได้เปรียบกว่าเพราะนอกจากผู้นำจะเป็นถึงกัปตันทีมฟุตบอลแล้ว ลูกทีมอีกสองคู่ก็ล้วนแต่เป็นสมาชิกชมรมฟุตบอลทั้งหมด


    ผิดกับทีมฮยอกแจที่มีเพียงคู่เดียวที่เตะบอลเป็น ถึงจะแม้จะมีศูนย์หน้าคนเก่งอยู่ในทีม แต่คนเตะยังไงก็คือท่านประธานนักเรียนอยู่ดี ร่างบางจึงทำได้แค่คอยกำกับเกมแล้วตะโกนให้ลูกทีมอีกคู่ทำแต้มมากกว่า ส่วนทงเฮกับคิบอมลืมไปได้เลย คนหนึ่งก็อยู่ชมรมการแสดงอีกคนก็อยู่ชมรมหนังสือพิมพ์ พ่นศัพท์เทคนิคอะไรไปก็เหวอพอกันทั้งคู่ เลยทำได้อย่างมากก็แค่วิ่งตามลูกบอลกับวิ่งขวางคู่อื่นก็เท่านั้น


    “คิบอมซ้าย! ขวางพี่คังอินไว้เร็ว!”

    “เฮ้ยๆ ทางนี้มันประตูเรา ไปยิงฝั่งโน้นเซ่!”

    “ฉันไม่อยากเป็นเบ๊นะเว้ย!”



    เสียงโหวกเหวกโวยวายของฮยอกแจดังตลอดการแข่งขัน สมาชิกที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำต่างเดินมานั่งอยู่ขอบสนามส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ การพนันขันต่อจึงเกิดขึ้นทันที ฮยอกแจจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสียเมื่อได้ยินข้างสนามเทข้างไปที่ทีมพี่คังอินเสียส่วนใหญ่ แถมยังต่อแต้มให้สองลูกอีกต่างหาก



    มันหยามกันเกินไปแล้วเว้ย!



    “ยิงซักลูกได้ไหมเนี่ยชเวซีวอน! เอาให้ชื่นใจหน่อยสิ!” ทุบเข้าให้ตุ้บใหญ่ก่อนจะเอ่ยเสียงเขียว คนที่วิ่งมาตลอดแถมยังต้องแบกคนตัวเล็กเอาไว้ด้วยถึงกับหันมามองเนือยๆ ฮยอกแจไม่ได้ตัวหนักอะไรเลย แต่ถ้ามองในทางกลับกันการที่ต้องวิ่งแล้วแบกอะไรซักอย่างเอาไว้ ถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องมีเหนื่อยกันบ้าง

    “หว๋า~ ไม่ไหวเลยเหนื่อยซะแล้ว นี่แหละข้อเสียของคนไม่ออกกำลังกาย”

    “ขอกำลังใจหน่อยสิ แล้วจะรีบฟื้นตัวเลย” ปลายนิ้วที่กำลังเช็ดเหงื่อให้ถึงกับชะงัก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอียงแก้มมาให้ อาศัยจังหวะที่สมาชิกในชมรมกำลังแซวคู่ของกัปตันทีมรีบโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาดุจเหยี่ยวของเยซองไปได้

    “เอ้าเฮ้ย~! เห็นพี่สวีทเลยอิจฉา น้องเลยขอหอมแก้มเติมแรงใจให้ท่านประธานบ้าง”

    “ฮิ้วววววววววววววววววว~!” พวกลูกคู่ก็ร้องรับกันได้ดีเหลือเกิน คอยดูเถอะ! เดี๋ยวอีฮยอกแจคนนี้จะงอนเสียให้เข็ด ชริ!

    “ท่านประธานฮึดแล้วครับพี่น้อง!” รุ่นน้องที่แทงข้างฮยอกแจเริ่มส่งเสียงเชียร์บ้างเมื่อเห็นซีวอนวิ่งเลี้ยงลูกไปถึงหน้าประตูก่อนจะซัดเปรี้ยงเข้าไปอย่างสวยงาม


    ฮยอกแจตะโกนออกมาอย่างดีใจเมื่อสามารถตีไข่แตกได้หลังจากถูกนำไปก่อนถึงสองลูก แขนเรียวโอบกระชับรอบคอแน่นขึ้นก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ตอนที่เพื่อนทั้งในและนอกสนามส่งเสียงแซวกันใหญ่ ทำเอาศูนย์หน้าคนเก่งต้องก้มหน้างุดเมื่อเขินเกินกว่าจะออกปากด่าใครไหว


    แต่สุดท้ายเมื่อจบเกมผลก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ทีมคังอินคว้าชัยชนะไปได้ด้วยคะแนนสี่ต่อหนึ่ง ส่วนทีมที่แพ้ก็ถูกปล่อยตัวให้ไปพักผ่อนก่อนจะลุยงานหนักในช่วงเย็นตั้งแต่เตรียมอาหารจนถึงจัดสถานที่ และต้องคอยรับใช้คนที่เหลือระหว่างปาร์ตี้มื้อเย็น



    สุขใดจะเท่าได้แกล้งคนอื่น
    จริงไหม?








    เรื่องสถานที่และอาหารไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเมื่อได้ซีวอนมาช่วยในจุดนี้ ลานกว้างหน้าบังกะโลถูกเนรมิตให้เป็นปาร์ตี้บาร์บีคิวขนาดย่อม อาหาร เครื่องดื่มครบครัน ซึ่งทุกคนปฏิเสธที่จะให้บริกรของโรงแรมมาช่วยเรื่องปิ้งย่างเพราะต้องการความเป็นกันเองส่วนตัว ฝ่ายที่อยู่หน้าเตาจึงต้องเป็นหน้าที่ของซีวอนกับคิบอมที่ต้องคอยปิ้งย่างอาหารทะเลเพื่อให้ฮยอกแจกับทงเฮคอยเอาไปเสิร์ฟทุกคน ส่วนสมาชิกอีกสองคนในทีมที่แพ้มาด้วยกันก็รับหน้าที่ดูแลเรื่องเครื่องดื่มกันไป


    “หิวไหม?” เอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ ทั้งที่มือก็คอยพลิกกุ้ง หอย ปู ปลาที่เตาย่างไปด้วย

    “หิวมากกกกกกกกกก” เอ่ยเสร็จก็ต้องชะงักเมื่อหมูย่างชิ้นโตถูกคีบมาจ่อตรงปาก คนตัวเล็กอ้าปากรับไปเคี้ยวตุ้ยไม่บ่นอะไรอีก ซักพักฮยอกแจก็ลุกจากเก้าอี้มายืนข้างๆร่างสูงที่คอยดูแลเรื่องอาหารในเตาปิ้ง ส่วนคิบอมก็ไปดูเรื่องบาร์บีคิวอีกเตาหนึ่ง

    “กุ้งตัวใหญ่จัง”

    “กินได้ที่ไหนเราหน่ะ เดี๋ยวก็ผื่นขึ้นอีกหรอก”

    “นายรู้ได้ไงว่าฉันแพ้อาหารทะเล?” เอ่ยถามอย่างสงสัย ซึ่งซีวอนก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม

    “นายเป็นคนบอกฉันเองนะ จำไม่ได้หรอ?” คนฟังยืนกอดอกคิดถามก่อนจะไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก สงสัยจะลืมจริงๆล่ะมั้ง

    “ช่างมันเถอะ แต่หมูย่างอร่อยอ่ะ” บุ้ยปากไปทางจานหมูย่างที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้ว ซีวอนอมยิ้มก่อนจะหันไปคีบหมูย่างป้อนให้อย่างเอาใจ

    “ซีวอนมีน้ำกินหรือยังเนี่ย?”

    “ยังเลย”

    “เอาน้ำอะไรเดี๋ยวไปเอามาให้” ร่างสูงมีท่าทีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปอย่างใจคิด

    “เป๊บซี่แล้วกัน” ไก่น้อยพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปทางด้านเครื่องดื่ม โดยไม่ลืมเอามาเผื่อแผ่ทงเฮที่นั่งกินบาร์บีคิวอยู่ข้างๆคิบอมด้วย

    “อ่ะ” ยื่นแก้วน้ำให้ซึ่งซีวอนก็รับมาถือไว้โดยที่อีกมือหนึ่งก็ยังคงทำหน้าที่พลิกบรรดาอาหารทะเลไม่ให้ไหม้ก่อนที่จะสุก

    “แล้วนั่นกินอะไร” เอ่ยปากถามคนตัวเล็กที่กำลังเอร็ดอร่อยกับของที่อยู่ในมือ

    “ไอศกรีมเยลลี่ กินไหม?” ชูถ้วยพลาสติกใสที่มีเยลลี่สีแดงสดบรรจุอยู่ครึ่งหนึ่งส่วนด้านบนเป็นไอศกรีมรสนมก้อนโต เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับก็จัดการตักป้อนให้โดยไม่นึกหวงเพราะเห็นว่าตั้งแต่เริ่มปาร์ตี้กันมาซีวอนกินอะไรแทบนับคำได้ ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายหาอะไรมาป้อนเขาเสียมากกว่า

    “มีไอศกรีมช็อคโกแลตด้วยนะเอาไหม? เดี๋ยวไปเอามาให้”

    “ไม่ล่ะ กินกับฮยอกแจดีกว่ามีคนป้อนให้อีกต่างหาก” ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม คนฟังอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยจัดการยัดไอศกรีมใส่ปากเข้าไปให้อีกคำโต



    เสียงหัวเราะของฮยอกแจเรียกให้คนเป็นพี่หันไปมอง อีทึกอมยิ้มเมื่อเห็นน้องชายหัวเราะอย่างมีความสุข มือเรียวแกะกุ้งย่างอย่างชำนาญก่อนจะแบ่งใส่จานของคังอินบ้างของฮีซอลบ้างเพราะขี้เกียจมาห้ามศึกหมีขาวกับนางมาร แต่ก็ไม่ใช่ว่าตัวเองจะทำให้คนอื่นจนไม่มีเวลากินเพราะคังอินก็คอยหาโน่นหานี่มาป้อนเขาไม่ได้หยุดเหมือนกัน

    “วางใจได้แล้วมั้ง” จู่ๆคิมฮีซอลก็เปิดบทสนทนาขึ้นมา ยังดีที่โต๊ะพวกเขามีกันอยู่แค่สามคนเพราะเยซองย้ายไปนั่งกับน้องๆที่เหมือนจะตั้งวงเล่นอะไรกันอยู่ซักอย่าง

    “ดูไปก่อนดีกว่า” ยื่นมือไปรับปูก้ามโตจากเพื่อนสาวมาแกะให้ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่

    “เออ...ใช่”

    “อะไร?” หยุดแกะปูแล้วหันมาถามเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก คังอินเองก็หันมาให้ความสนใจกับหัวข้อสนทนาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเหมือนกัน

    “ชมรมศิลปะการแสดงพื้นเมืองของจีนที่เราทำเรื่องส่งไปเมื่อเดือนก่อนหน่ะ เขาตอบกลับมาแล้วนะ”


    นับว่านี่เป็นงานสำคัญชิ้นสุดท้ายในตำแหน่งประธานนักเรียนของอีทึกเลยทีเดียว เนื่องจากทางโรงเรียนมีโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งในปีนี้เป็นประเทศจีน จากการพูดคุยกันระหว่างผู้บริหารของโรงเรียนตกลงว่าให้ทางเกาหลีเป็นเจ้าภาพแล้วทางการจีนจะจัดส่งตัวแทนนักเรียนมาทำการแสดง เรื่องนี้เขาเลยส่งมอบให้ฮีซอลจัดการเพราะมันเป็นเรื่องของชมรมการแสดงโดยตรง


    “ได้ข้อตกลงหรือยังล่ะ”

    “เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะส่งตัวแทนมาดูเรื่องสถานที่และคุยรายละเอียดโดยตรงก่อนหน่ะ”

    “ใคร? นักเรียนหรือตัวแทนรัฐบาล”

    “เห็นว่าเป็นประธานชมรมชื่ออะไรเกิงๆเนี่ยแหละจำไม่ได้แล้ว” ยื่นจานไปรับเนื้อปูที่แกะเสร็จแล้วมากินอย่างมีความสุขก่อนจะหันไปตะโกนบอกทงเฮให้เอาบาร์บีคิวมาเสิร์ฟที่โต๊ะซักสี่ห้าไม้

    “ถ้าเสร็จเรื่องนี้ก็วางมือได้แล้วสินะเนี่ย” อดีตประธานนักเรียนคนสวยพยักหน้ารับคำบอกของคนรักก่อนจะอ้าปากรับกุ้งตัวโตมาเคี้ยวตุ้ย




    ไม่รู้เหมือนกัน
    ทั้งที่จะต้องโล่งใจ
    แต่ทำไมถึงได้สังหรณ์ว่ามันจะมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นนะ...






    TBC.


    หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    คือว่าไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเลยนอกจาก...แต่งฟิคไม่ออกเลยหลังจากออก Two Tone ไป

    เพิ่งเรียกฟีลได้เมื่อวานตอนตีสี่ =w=

    จากนี้ไปจะมาหาทุกคนอาทิตย์ละครั้งนะคะ จะพยายามทำให้ได้

    คืนนี้จะไปปั่น love in the ice ต่อแล้ว

    ฟีลกลับมาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววว




    ยังรักคนอ่านเหมือนเดิม อย่าเพิ่งหนีหน้ากันไปไหนนะคะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนเน้อ~

    chu~!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×