ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic - SJ] Good Morning My Love [KangTeuk]

    ลำดับตอนที่ #7 : Good Morning My Love # 7 [KangTeuk] END!

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 51


    ในที่สุดหัวหน้าวงซุปเปอร์จูเนียร์ก็พาตัวเองมาจนถึงห้องพักส่วนตัวของชายหนุ่มที่แข็งแรงที่สุดในวงจนได้ ยังไงวันนี้เขาก็ต้องจัดการปัญหาต่างๆให้เคลียร์ให้ได้ ยิ่งคิดถึงสิ่งที่พี่ซึงฮวานทำเพื่อเขายิ่งทำให้มีแรงที่จะฮึดสู้อีกครั้ง


    ‘ไปเถอะ......ไปตามหาหัวใจของนาย’


    ‘บางที...พระเจ้าอาจจะอยากให้นายวิ่งตามความรู้สึกที่แท้จริงของนายอีกครั้งล่ะมั้ง’




    ถ้อยคำเหล่านี้มันดังก้องอยู่ในหัวของเขาอยู่ตลอดเวลา พี่ซึงฮวานพูดถูก เขาสมควรจะได้พบกับสิ่งที่ตัวเองเฝ้ารอคอยมาอย่างลับๆเสียที เขาจะไม่กลัวกับสิ่งที่เขายังไม่ได้เผชิญหน้าอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาขี้ขลาดมามากพอแล้ว แต่ไม่ใช่วันนี้ และแน่นอน…ไม่ใช่ตอนนี้

    “พี่มาจริงๆด้วยแฮะ” น้ำเสียงคุ้นหูทำให้ร่างบางหันไปมอง ฮยอกแจยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าบันไดทางขึ้นอพาร์ตเมนท์...ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ?

    “ฮยอกแจ?” อีทึกยืนอึ้งไปพักใหญ่ เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาทักรุ่นน้องคนสนิทในเวลานี้ และที่สำคัญแรงฮึดของเขาหายไปเกือบครึ่งทันทีที่เจอรอยยิ้มซื่อๆนั่น

    “พี่ฮีซอลสั่งให้ผมมารอพี่ทึกที่นี่ พี่เขามีของจะให้” ฮยอกแจฉีกยิ้มตามประสา ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยื่นของบางสิ่งให้

    “กุญแจ?”

    “กุญแจห้องพี่คังอินครับ ตอนที่ผมรอพี่อยู่ ผมเห็นพี่คังอินแล้ว สภาพแย่มากๆเลย สู้ๆนะครับพี่ทึก”

    “เอามาได้ไงเนี่ย?” อีทึกมองของในมือด้วยความทึ่งระคนสงสัย

    “เจ๋งใช่ไหมครับ? ผมยังทึ่งในความสามารถของพี่ฮีซอลอยู่เลย”

    “ขอบใจนะฮยอกแจ” อีทึกยิ้มให้น้องชายร่วมวง ก่อนจะวิ่งเข้าไปใน อพาร์ตเมนท์โดยมีร่างเล็กมองตามจนลับตา

    “โชคดีนะครับพี่ทึก” เอ่ยเพียงเบาๆก่อนจะเดินไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก ฮยอกแจยิ้มให้ร่างสูงที่มารอเป็นเพื่อนก่อนจะขึ้นรถแล้วกลับหอไปด้วยกัน

    “เอาหล่ะ...เรียบร้อยซักที” ชายหนุ่มที่มายืนเฝ้าสังเกตการณ์อีกคนถอนใจอย่างโล่งอก

    “เหลือนายอีกคนสินะ ซึงฮวาน”



    Image



    ร่างบางยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจไขกุญแจเข้าไป มันเป็นการเสียมารยาทมากทีเดียวที่เข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตในยามวิกาลเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ถ้าเขาไม่เจอคังอินและคุยกันให้รู้เรื่อง เขาคงจะไม่สบายใจแน่ๆ

    บรรยากาศภายในห้องมืดสลัวมีแสงไฟเพียงบางจุด หรือว่าเจ้าของห้องเข้านอนไปแล้ว? อีทึกเลือกที่จะไม่เปิดไฟ เขาค่อยๆคลำทางเดินไปเรื่อยตามความเคยชิน ถึงแม้จะไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนัก แต่เขาก็ยังจำได้ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน ถ้าคังอินไม่ย้ายมันไปไว้ที่อื่นโดยที่เขาไม่รู้นะ

    หัวหน้าวงคนสวยชะงักเท้าอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงของร่างสูงพูดอยู่กับใครเบาๆ ร่างบางย่างเท้าเดินไปทางต้นเสียงแล้วก็พบพ่อหมีนั่งอยู่ข้างเตียงโดยมีตุ๊กตาหมีตัวน้อยวางไว้บนตัก ถ้าจำไม่ผิดนั่นมันตุ๊กตาที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อตอนที่รู้จักกันใหม่ๆนี่ ยังเก็บไว้อยู่หรือเนี่ย

    “ทำไมล่ะทึกกี้...ทำไมฉันถึงไม่เคยคว้าพี่อีทึกมาได้ซักที” เวลาที่เขาทุกข์ใจและหาทางออกไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำให้คังอินรู้สึกดีขึ้นก็คือการที่ได้ระบายในสิ่งที่อัดอั้นตันใจกับทึกกี้ ตุ๊กตาหมีตัวน้อยที่เขามักจะใช้บอกความรู้สึกแทนใครคนหนึ่งเสมอ เขารู้ว่าตุ๊กตาไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆแทนเขาได้ แต่มันก็ดีกว่าที่เขาจะนั่งเก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียว การที่ได้ระบายอะไรออกมาบ้างเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ? แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เรื่องนี้จะปล่อยให้ใครรู้ไม่ได้ อายเขาตายเลย!

    “ทั้งที่ฉันพยายามถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมพี่อีทึกถึงไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขาได้ล่ะ”

    “ป่านนี้...พี่เขาคงกำลังมีความสุขกันอยู่ล่ะมั้ง ฉันควรดีใจใช่ไหมที่คนที่ฉันรักมีความสุข” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยเมื่อรู้สึกเหมือนถูกจับตามองจากใครคนหนึ่ง แต่แล้วก็เหมือนถูกสาปเมื่อหันไปพบใครคนหนึ่งที่เขารักมากที่สุดยืนอยู่ตรงประตูห้องนอนที่เขาเปิดค้างไว้

    “พี่อีทึก!?” ร่างสูงลุกพรวดขึ้นทันที นี่มันอะไรกันเนี่ย

    “อืม...พี่เอง” ทางด้านอีทึกก็ไม่รู้จะทักตอบยังไง เพราะในตอนนี้เขาก็ไม่ต่างอะไรกับผู้บุกรุกหรอกนะ

    “พี่...พี่เข้ามาในห้องผมได้ยังไง?”

    “ก็เดินเข้ามาไง”

    “นี่มันห้องของส่วนตัวของผมนะ พี่ต้องเคาะห้องเรียกผมก่อนสิ!” สิ่งหนึ่งที่รู้กันในกลุ่มก็คือ คังอินไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งกับ อพาร์ตเมนต์ส่วนตัวแบบนี้ด้วยแล้ว

    “ก็มีกุญแจแล้วจะต้องเคาะประตูเรียกทำไมล่ะ” ทั้งที่มาเพื่อง้องอนอีกฝ่ายแท้ๆ แต่อีทึกก็อดที่จะกวนประสาทรุ่นน้องไม่ได้

    “พี่ไม่รู้จักคำว่ามารยาทหรือไง ปาร์ค จองซู!”

    “พี่รู้...แต่ว่าวันนี้พี่จะลืมมารยาทไปซักวัน ไม่งั้นเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่”

    “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”

    “แต่พี่มีนี่...ถ้าวันนี้เราคุยกันไม่รู้เรื่องพี่จะไม่ยอมให้นายไปไหนเด็ดขาด” อีทึกกางแขนกั้นประตูเต็มที่เมื่อเห็นร่างสูงทำท่าจะออกไปด้านนอก คังอินหลิ่วตามอง ตัวก็เล็กแค่นี้คิดจะขวางเขา กระแทกทีเดียวก็กระเด็นไปไกลแล้วแท้ๆ

    “พี่จะมาตอกย้ำอะไรกับผมอีก! แค่นี้ผมก็รู้ตัวแล้วว่าพี่รักพี่ซึงฮวาน พี่มองแต่เขา ผมเข้าใจดีแล้ว ไม่ว่าผมจะรักพี่แค่ไหน พี่ก็ไม่มีวันมองมาที่ผมเด็ดขาด”

    “บ้าหรือไง...ใครบอกนายแบบนั้น”

    “พี่นั่นแหละที่ทำให้ผมรู้ พี่กลับไปหาพี่ซึงฮวานเถอะ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”

    “ไม่เป็นอะไร? คนไม่เป็นอะไรจะมานั่งปรับทุกข์กับตุ๊กตาแบบนี้งั้นหรอ?”

    “...นั่น....นั่นมันเรื่องของผม” ร่างสูงเฉหน้าไปทางอื่น...ไม่น่าทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนั้นเลย คิม ยองอุน!

    “คังอิน…” เสียงหวานสะกดให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมา ใบหน้าเรียวเล็กอยู่ใกล้แค่ไม่กี่คืบ ริมฝีปากบางสีระเรื่อที่เขามักใฝ่ฝันถึงแย้มยิ้มอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ รอยยิ้มแบบนี้ทำเขาละลายได้ง่ายๆเลยทีเดียว

    “พี่จะไม่วิ่งหนีไปไหนแล้วนะ จะไม่มีอีทึกที่ขี้ขลาดเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว พี่รักนายนะ...ยองอุน” เรียวแขนเข้าโอบกอดร่างสูงแล้วรั้งเข้ามาจนแนบชิด ซึ่งก็ไม่มีอาการขัดขืนจากคนตัวโตแต่อย่างใดเนื่องด้วยยังคงตกใจกับคำบอกรักที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนๆนี้ ถึงกระนั้นก็ยังคงไถ่ถามด้วยไม่อยากจะเชื่อ

    “แล้วพี่ซึงฮวานล่ะ พี่รักเขามากไม่ใช่หรือไง”

    “ใช่...พี่รักเขา” คังอินถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ รักหมอนั่นมากแล้วมาบอกรักเขาทำไม? หรือแค่เล่นสนุกกับความรู้สึกของเขาเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...นับว่าอีทึกกำลังดูถูกความรู้สึกของเขาอย่างร้ายกาจ!

    “รัก! รัก! รัก! ทั้งที่พี่รักเขามากขนาดนี้แล้วจะมาหาผมทำไม พี่ชักล้อเล่นแรงไปแล้วนะ ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้! ออกไปเลย!” ชายหนุ่มออกแรงผลักไล่อีกฝ่ายด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

    “เดี๋ยวสิยองอุน นายฟังพี่ก่อนได้ไหม” อีทึกพยายามอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล คังอินยังคงขับไล่เขาด้วยถ้อยคำที่ไม่รักษาน้ำใจซักนิด

    “ไม่ต้องมาพูดอะไรทั้งนั้น! ออกไปให้พ้นหน้าผมเดี๋ยวนี้เลย! ผมไม่อยากหัวเสียแล้วเผลอไปทำร้ายพี่อีก พี่กลับไปหาเขาเถอะ ผมขอร้อง” ร่างบางชะงักด้วยความรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับพันๆเล่ม นี่นายไล่พี่งั้นหรอคังอิน?

    “ได้...ถ้านายต้องการแบบนั้น แต่พี่อยากให้นายรับรู้ไว้นะยองอุน ตอนนี้พี่เข้าใจตัวเองแล้วว่าคนที่หัวใจของพี่เรียกร้องหามาตลอดมีแต่นายเท่านั้น แม้แต่พี่ซึงฮวานก็ไม่สามารถเข้ามาแทนที่นายได้...ไม่ได้เลยจริงๆ” มือเรียวเอื้อมหมายจะสัมผัสใบหน้าคมแต่อีทึกกลับชักมือกลับออกมาคล้ายไม่กล้าแตะต้อง นัยน์ตาพราวเสน่ห์อ่อนแสงลง

    “ขอโทษที่มารบกวนแล้วกันนะ” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คังอินต้องทนมองแผ่นหลังนั้นค่อยๆห่างออกไปทีละน้อย...ทีละน้อย ทุกอย่างมันคงจบลงแล้วจริงๆ จบเพราะตัวเขาเอง แล้วเขาจะยอมให้จบลงแบบนี้จริงๆหรือ? เขาจะยอมปล่อยความรักให้หลุดลอยไปทั้งที่มันอุตส่าห์มาหาเขาถึงตรงหน้าอย่างนั้นหรือ?

    “ผมไม่ให้พี่ไหนทั้งนั้น พี่จองซู!!” ชายหนุ่มซ้อนกอดคนที่รักจากด้านหลัง ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่ปล่อยคนๆนี้ไปไหนอีกแล้ว ไม่อีกแล้ว

    “นายเพิ่งไล่พี่ไม่ใช่หรอ? นายไม่เชื่อในความรักของพี่แล้วนี่” เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อด้วยความน้อยใจ หากริมฝีปากบางกลับคลี่ยิ้มหวาน ทำไมอ้อมกอดนี้ถึงได้อบอุ่นจังนะ

    “ผมขอโทษ พี่อย่าไปนะ อยู่กับผม...ถึงแม้จะแค่คืนนี้ผมก็ยอม”

    “ไม่” คำปฏิเสธนั้นชวนใจหายน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างไรคังอินก็ไม่ละความพยายาม

    “พี่จองซู…ได้โปรด” ท่าทางไม่ต่างอะไรกับหมีแพนด้าตัวน้อยกอดออดอ้อนขอกิ่งไผ่ อีทึกยิ้มบางๆ

    “ไม่ใช่แค่คืนนี้ แต่พี่จะอยู่กับนายตลอดไปต่างหาก”

    “พี่พูดจริงๆนะ”

    “พี่จะหลอกคนที่พี่รักได้ยังไงกัน”

    “ผมรักพี่จองซูที่สุดเลย!” ร่างสูงคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น และยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อแขนเรียวตวัดกอดเขาตอบเช่นเดียวกัน

    “พี่ก็รักนายเจ้าหมีขี้ใจน้อย”



    Image



    “อ้าว...ห้องล็อคหรือเนี่ย” ยองจุนบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อไม่สามารถเปิดประตูเข้าห้องของอีทึกได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจะเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ในห้องให้ออกมาเปิดแต่ก็ต้องสะดุดกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่สอดเอาไว้ที่ใต้ประตู

    [ขอโทษที่ไม่ได้อยู่รอ จะไปหามินอา...ซึงฮวาน]

    “หนอย~! ฉันอุตส่าห์จะมาปลอบแกนะเฟ้ย หนีไปงี้เลยเรอะ ไอ้บ้า!”



    Image



    ร่างสูงเดินถ่วงไปมาอยู่หน้าห้องของตัวเองพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู ไม่นานนักก็ปรากฏร่างสูงเพรียวของหญิงสาวที่ออกมาเปิดประตูรับด้วยรอยยิ้ม…รอยยิ้มของมินอาทำให้เขาหายเหนื่อยได้เสมอ

    “วันนี้อากาศดี ไปทะเลกันไหม?” บางทีเขาก็น่าจะทำหน้าที่สามีที่ดีบ้าง

    “เป็นอะไรรึเปล่าคะซึงฮวาน? ตาคุณแดงมากเลยนะ มีเรื่องอะไรกับอีทึกหรือเปล่า?” หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วง หล่อนรู้เรื่องของซึงฮวานและอีทึกเป็นอย่างดี เพราะชายหนุ่มไม่เคยปิดบังหล่อนไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม

    “ก็นิดหน่อย...แต่อีกหน่อยก็ไม่มีแล้ว เราจะเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้นจริงๆ” ซึงฮวานพยายามเน้นย้ำสถานะระหว่างเขากับอีทึก เพื่อให้หญิงสาวมั่นใจในตัวของเขามากขึ้น แต่สุดท้ายน้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาประจานเขาจนได้

    “ร้องไห้อีกแล้ว พอเรื่องอีทึกทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะ” มินอายิ้มบางๆ เรื่องของความรักเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา หล่อนเข้าใจในจุดนี้ดี

    “ไปทะเลกันไหม?”

    “ไปสิคะ” หญิงสาวดึงมือชายหนุ่มมากุมไว้หลวมๆ

    “ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ฉันก็พร้อมที่จะไปกับคุณค่ะ”



    Image



    ทะเลแถบชานเมือง...สถานที่ที่ร่างสูงมักจะพาตัวเองมาพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ซึงฮวานปล่อยความคิดให้ล่องลอยออกไปไกล ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะมาที่นี่ในยามวิกาลแบบนี้ แต่ว่ามันก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะ ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะชวนคุย

    “มินอา ผมจำได้ว่าผมยังไม่ได้ให้ของที่ควรจะให้กับคุณ”

    “อะไรหรือคะ?” หญิงสาวมองชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีด้วยแววตาฉงน แล้วก็เข้าใจในทันทีเมื่อเห็นร่างสูงหยิบแหวนเงินเกลี้ยงออกมาจากกระเป๋าก่อนจะสวมให้พร้อมกับจุมพิตที่บนหลังแหวนคล้ายจะตีตรา

    “ที่จริงผมควรจะให้คุณตั้งแต่ตอนที่จดทะเบียนกันแล้วนะ”

    “ก็ตอนนั้นมันฉุกละหุกนี่” หญิงสาวหัวเราะคิก

    “คุณมารับฉันจากบ้านเลย ฉันเองก็ไม่มีให้คุณเหมือนกันแหละ”

    “แต่ตอนนี้ผมให้แล้วนะ” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงียบไปจนมินอาอดที่จะหันมามองด้วยความแปลกใจไม่ได้

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

    “แต่...มีอย่างหนึ่งที่ผมยังให้คุณตอนนี้ไม่ได้นะ”

    “ฉันคิดว่าฉันรอได้นะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มบางๆ

    “คุณรู้หรือว่าผมหมายถึงอะไร” ผู้จัดการหนุ่มมองภรรยาด้วยความสงสัย

    “คิดว่ารู้ค่ะ มันยังอยู่ที่อีทึกใช่ไหมคะ?” ร่างสูงพยักหน้าช้าๆ

    “รอได้ไหม?”

    “ได้สิคะ นานแค่ไหนก็จะรอ” ริมฝีปากบางยิ้มหวาน ในเมื่อเธอตัดสินใจมอบหัวใจให้คนๆนี้ เธอก็ไม่คิดที่จะไปไหนอีกแล้ว แค่ซึงฮวานหันมามองเธอบ้างก็เพียงพอแล้ว

    “ผมไม่เสียใจเลยที่เลือกคุณ แล้วก็จะไม่ทำให้คุณเสียใจด้วย” ชายหนุ่มโอบไหล่หญิงสาวให้เอนอิงซบไหล่กว้าง

    “คุณรู้ไหมว่าที่นี่ตอนเช้าสวยมากๆเลยนะ ภาพพระอาทิตย์โผล่พ้นน้ำเป็นอะไรที่ประทับใจผมมากๆ”

    “ฉันอยากเห็นจังเลยค่ะ”

    “คงต้องวันหลังแล้วล่ะ คืนนี้อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวคุณจะไม่สบายนะ”

    “ฉันไม่หนาวหรอกค่ะ มีคุณอยู่ข้างๆอุ่นดีออก”

    “เอาอย่างนั้นหรอ?”

    “ค่ะ ฉันอยากเห็นพระอาทิตย์โผล่พ้นน้ำพร้อมๆกับคุณ เราจะได้เริ่มวันใหม่ด้วยกัน”

    “อืม...ผมก็ว่าเป็นความคิดที่ดีนะ” ทั้งคู่หันมายิ้มให้กัน ก่อนที่หญิงสาวจะอิงซบไหล่กว้างอีกครั้ง รอเวลาที่วันใหม่จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง





    อรุณสวัสดิ์ความรัก





    ~ END ~




    ไม่มีอะไรจะบอก

    นอกจาก...

    มันคือตอนจบที่คิดว่าสมบูรณ์ที่สุดสำหรับไรท์เตอร์แล้วค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×