ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic - SJ] Good Morning My Love [KangTeuk]

    ลำดับตอนที่ #4 : Good Morning My Love # 4 [KangTeuk]

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 51


    --FOUR--



    แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามาในห้องทำให้ชายหนุ่มย่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ คนกำลังหลับสบายเลยเชียว! คังอินขยับพลิกตัวหันหลังให้แสงแดดเจ้าปัญหา แต่ก็ไม่วายเจอปัญหาใหม่ ทำไมวันนี้หมอนหนุนถึงได้แปลกไปจากทุกครั้งนะ?

    “จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนเจ้าหมีขี้เซา วันนี้พวกเรามีซ้อมตอนสามโมงเช้านะ” เสียงหวานคุ้นหูเอ่ยขึ้นเหมือนจะดุแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเอ็นดู

    “หือ?” คนขี้เซาที่ว่าปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลุกพรวดขึ้นเมื่อเห็นแจ้งแล้วว่าหมอนหนุนที่ว่าที่แท้ก็ตักของอีทึก แต่เนื่องด้วยเจ้าตัวคงจะลืมไปว่าไอ้ที่นอนอยู่นั่นหน่ะเป็นโซฟาและพื้นที่ก็ไม่ใช่ว่ามีมากมาย การที่ขยับลุกขึ้นด้วยความเร็วสูงและไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้คังอินหงายหลังลงไปหัวเกือบฟาดพื้น แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือมือเจ้ากรรมดันคว้าร่างบางร่วงลงมาด้วยกัน จึงทำให้ตอนนี้อีทึกทับอยู่ตัวคังอินอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “เกือบไปแล้ว พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ถอนใจอย่างโล่งอกก่อนจะรีบถามคนที่ถูกลากตกลงมาด้วยอย่างเป็นห่วง

    “ไม่…ไม่เป็นอะไร” ร่างบางซุกหน้าเข้ากับอกกว้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขืนตัวออกมา เมื่อรู้สึกว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ ร่างสูงลอบถอนใจอย่างเสียดาย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

    “พี่ให้ผมนอนหนุนตักทั้งคืนเลยหรอ?”

    “ก็ใช่หน่ะสิ ตอนนี้ขาฉันหมดความรู้สึกไปแล้วมั้งเนี่ย” คนใจดีพยายามขยับขาข้างที่เหน็บกินจนชาไปมา

    “แล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะ” ร่างสูงพูดพลางช่วยนวดต้นขาให้ด้วยความเป็นห่วง

    “ก็เมื่อคืนอ้อนอย่างกับลูกแมวซะขนาดนั้น ถ้าปลุกขึ้นมาแล้วนายโกรธจะทำยังไงล่ะ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย” คนสวยยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรมากมาย

    “พี่นี่บ้าจริงเลย! ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง หายชาหรือยัง?”

    “ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนะ” อีทึกยิ้มกว้างตามประสา ก่อนจะพยายามลุกขึ้นเดินกะย่องกะแย่งไปเข้าครัว

    “นั่นพี่จะไปไหน” เห็นแบบนั้นก็อดที่จะเดินตามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

    “เตรียมมื้อเช้า นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

    “พี่โอเคนะ”

    “แหม~ แค่ขาชาไม่ถึงกับตายหรอก” อีทึกหัวเราะให้กับท่าทางห่วงจนเกินเหตุของรุ่นน้อง ขนมปังปิ้งทาแยมกับกาแฟถูกนำมาเป็นมื้อเช้าในช่วงเวลาเร่งด่วน มีซ้อมสามโมงเช้าแต่กลับตื่นกันสองโมงมันก็คงจะต้องกินแบบนี้แหละ

    “นายกินไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน” เจ้าของห้องจัดโต๊ะให้เสร็จก็แวบหายเข้าห้องไป คังอินเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารหยิบขนมปังเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ซักพักหัวหน้าวงคนเก่งก็เดินออกมาร่วมโต๊ะด้วย

    “ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะ” ร่างบางเอียงคอมองเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป เขาผิดปกติตรงไหนหรอ?

    “ป...เปล่า แค่ไม่เคยเห็นพี่ใส่เสื้อตัวนี้เท่านั้นเอง”

    “นาย...รู้ได้ไง?”

    “รู้ก็แล้วกัน”

    “ฉลาดเกินไปแล้วนะเนี่ย เอ้า! รีบๆกินเข้า จะได้ไปทำงาน” อีทึกจิบกาแฟอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถเตรียมออกจากบ้าน

    “ไปเลยหรอ?” คังอินถามขึ้นเมื่อเห็นจานขนมปังกับถ้วยกาแฟยังวางอยู่บนโต๊ะ

    “เดี๋ยวกลับมาค่อยล้าง ตอนนี้รีบไปก่อนเถอะอีก 15 นาทีเอง” เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองนาฬิกาอย่างร้อนรน คังอินจึงส่ายหน้าช้าๆ อีทึกยังคงแคร์เขาคนนั้นไม่เปลี่ยน

    “อืม...ไปสิ ผมก็ขี้เกียจโดนเทศน์ตอนเช้าเหมือนกัน”

    “นั่นแหละ...ตรงกับที่พี่คิดไว้เลย” อีทึกหัวเราะคิกแล้วเดินนำไป ร่างสูงมองตามแผ่นหลังนั้นแล้วถอนใจเบาๆ

    “พี่ยังลืมเขาไม่ได้จริงๆด้วย ผมต้องให้ทำยังไงนะพี่ถึงจะลืมเขาได้”







    เสียงฝีเท้าวิ่งตรงมาที่ห้องซ้อมอย่างเร่งรีบ ก่อนประตูจะเปิดผางออกด้วยความเร็วสูง ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีสดใสเข้ากับกางเกงยีนส์ฟอกสีซีด รีบก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับมองนาฬิกาฝาผนังเพื่อเช็คสถิติ

    “เก้าโมงตรงเป๊ะ ยังไม่สายใช่ไหม?” ฮยอกแจหันไปถามเพื่อนร่วมวงที่รวมตัวกันอยู่ในห้องอย่างหอบๆ ความจริงก็มาด้วยกันแหละ แต่หิวจนทนไม่ไหวเลยแวบไปหาอะไรรองท้องมาก่อน รู้ตัวอีกทีก็เกือบสายแล้ว

    “นายไม่สาย เพราะมีคนมาสายกว่านายอีกสองคน” ชินดงตอบแทนชายหนุ่มที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนแทบจะเปลี่ยนข้างกันอยู่แล้ว

    “ใครอ่ะ?” ไม่ต้องหาคำตอบให้ยุ่งยาก เมื่อคนที่ถูกกล่าวถึงวิ่งเข้ามาในห้องในสภาพไม่แตกต่างกัน

    “สายไปสามนาทีแหนะ” ร่างสูงหันไปบอกคนที่ยืนหอบอยู่ข้างๆ มือของทั้งสองกุมกันเอาไว้แน่นเพราะคังอินเป็นคนวิ่งลากอีทึกมาเพื่อให้ทันเวลาซ้อม

    “ก็เพราะใครล่ะ?”

    “อ้าว! แล้วทำไมพี่ไม่ปลุกผมล่ะ”

    “ก็เห็นหลับสบายอยู่นี่ ใครอยากจะขัดจังหวะคนนอนหลับสบายบ้างล่ะ”

    “มาครบแล้ว เริ่มซ้อมเลยแล้วกัน” ซึงฮวานพูดแค่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งที่มุมเครื่องเสียงเพื่อดูการซ้อมของสมาชิก แผ่นกระดาษที่ถืออยู่แทบจะยับคามือ ทั้งที่ทำใจแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้

    “เป็นอะไรของเขาวะ?” คังอินมองอาการเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจ พวกเขามาสายแค่สามนาทีเองนะ

    “หรือว่าหึงที่นายกับพี่ทึกมาด้วยกัน?” ชินดงโผล่หน้าเข้ามาแสดงความคิดเห็นทันที

    “ไม่หรอก...สำหรับเขา พี่คงไม่มีตัวตนอยู่ในใจเขาอีกแล้วล่ะ” ร่างบางก้มหน้านิ่ง นั่นสินะ สำหรับพี่ซึงฮวานเขาคงหมดความหมายไปตั้งนานแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางหึงเขาหรอก คงมีเรื่องกับผู้หญิงคนนั้นมามากกว่า ถึงได้ดูอารมณ์เสียแบบนั้น น่าอิจฉาเธอคนนั้นจริงๆ

    “พี่ทึก...ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้พี่คิดมากนะ” ชินดงหน้าเจื่อนไปทันที ชายหนุ่มรีบขอโทษขอโพยรุ่นพี่ของเขาอย่างสำนึกผิด ยิ่งเห็นสายตาคาดโทษจากคังอินยิ่งรู้สึกผิดไปกันใหญ่ เมื่อไหร่จะคิดก่อนพูดซักทีวะเนี่ย!!

    “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก เริ่มซ้อมเถอะเดี๋ยวเขาจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” หัวหน้าวงคนสวยรีบเดินไปประจำตำแหน่งที่กลางห้อง ถ้าขืนพูดกันมากกว่านี้เขาอาจจะแสดงความอ่อนแอออกมาอีกก็ได้

    “ฉันหมดหวังแล้วใช่ไหม” ร่างสูงพูดขึ้นลอยๆ ชินดงหันมามองก่อนจะตบไหล่หนาเป็นเชิงปลอบ

    “บ้าหน่า! แค่นี้นายก็คิดถอยแล้วหรอ? ฉันล่ะผิดหวังในตัวนายจริงๆ”

    “นายก็เห็น—”

    “ฟังฉันนะคังอิน พี่ทึกกำลังหลงทาง นายต้องช่วยพาพี่เขาออกมา ด้วยความรักของนาย”

    “ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะอ้วกไปแล้ว แต่ตอนนี้...ไอ้ที่นายพูดมันช่วยทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย” ชายหนุ่มยิ้มบางๆแต่ก็ฉายแววกวนอยู่ไม่น้อย

    “ทำไมคำชมมันทะแม่งๆวะ? เอาเถอะ ทุกคนยืนรอนานแล้ว ประจำที่กันซักที เดี๋ยวจะโดนสวด”







    […R…R…R…]


    ร่างบางรีบเบาเสียงโทรทัศน์ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บ้านมารับ

    “ครับ อีทึกครับ”

    [ไง...ไอ้ตัวดี แกสร้างวีรกรรมบรรเจิดอะไรวะเนี่ย!!]

    “พี่ยองจุน? พี่โกรธใครมาครับเนี่ย แล้วใครสร้างวีรกรรมให้พี่?” คนจับต้นชนปลายไม่ถูกนั่งมึนตึ๊บ…ผมไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของพี่นะครับ

    [นี่แสดงว่าไม่รู้ตัวใช่ไหมว่าแกทำอะไรไว้]

    “ถ้ารู้แล้วผมจะถามให้หงุดหงิดกันไปทำไมครับ”

    [แกปล่อยให้ซึงฮวานมันมาเมาแอ๋อยู่บ้านฉันได้ไงวะ รีบมารับมันไปเดี๋ยวนี้เลย]

    “นั่นมันไม่ใช่หน้าที่ของผมแล้ว พี่ก็โทรไปบอกภรรยาเขาสิมาโทรบอกผมทำไม พี่ก็รู้ว่าผมกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว หรือว่าพี่ลืม?”

    [ไม่ได้ลืมเว้ย...แต่ฉันไม่คิดจะโทรไปบอกผู้หญิงคนนั้นหรอก]

    “เพราะอะไรครับ?”

    [ฉันไม่อยากทำร้ายเขาว่ะ...ไอ้ซึงฮวานเล่นเพ้อเรียกแต่...อีทึกพี่ขอโทษ อีทึกพี่รักนาย...ถ้าแกเป็นเขาจะรู้สึกยังไงล่ะ]

    “ก็แค่คนเมา พี่จะไปถือสาอะไร” ปากก็พูดไปอย่างนั้นแต่ใจหน่ะเต้นโลดแค่ไหนทำไมจะไม่รู้ นี่แสดงว่าพี่ซึงฮวานยังรักเขาอยู่?

    [แกมาบ้านฉันหน่อยได้ไหม?]

    “ทำไมผมต้องไป”

    [ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย บางทีฉันก็อยากจะทำอะไรซักอย่างเพื่อพวกแก]

    “…ขอเวลาซักครู่แล้วกันนะครับ” อีทึกเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบตกลง เมื่ออีกฝ่ายวางสายไปความเงียบก็เข้าครอบคลุมไปทั่วห้อง เขากำลังพบกับความสับสนครั้งใหญ่




    ตกลงพี่ซึงฮวานคิดกับเขายังไงกันแน่?





    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×