ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Good Morning My Love # 3 [KangTeuk]
--THREE--
นิ้วเรียวกดปุ่มรีโมทโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อย ร่างบางไม่ได้สนใจรายการบนหน้าจอซักนิด เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขาปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไป จนกระทั่ง...
[ออด...ออด]
อีทึกหันหน้าไปมองประตูอย่างชั่งใจ ใครกันนะที่มาหาเขาถึงห้องพักส่วนตัว เขาควรจะเดินไปเปิดประตูหรือทำเป็นไม่สนใจดี? เวลานี้การได้อยู่ตามลำพังถือเป็นเรื่องที่เขาต้องการอย่างมาก แต่ถ้ามีธุระสำคัญล่ะ?
เจ้าของห้องค่อยๆลุกขึ้นเดินมาเปิดประตูก่อนจะปั้นหน้ายิ้มต้อนรับ แต่แล้วเขากลับยิ้มไม่ออกเมื่อเห็นผู้มาเยือนเต็มตา
“ทำไมพี่ทำหน้าแบบนั้นล่ะ” คังอินมองใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งกระอักกระอ่วนใจแล้วอดที่จะถามไม่ได้
“ม...ไม่มีอะไรหรอก นายมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?”
“ก็...แค่อยากมาหาไม่ได้หรอ?” หางเสียงแฝงความน้อยใจไว้นิดๆ อีทึกถอนหายใจเบาๆ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย”
“แล้วพี่ไม่คิดจะชวนผมเข้าไปในห้องบ้างเลยหรือไง?”
“อ๊ะ! โทษที” ร่างบางกระเถิบตัวเปิดทางให้รุ่นน้องของเขาเดินเข้ามาในห้อง เมื่อปิดประตูแล้วก็เดินตามร่างสูงเข้ามาในห้อง
“วันนี้ผมซื้อเบียร์มาเยอะเลย มาดื่มกันเถอะ!” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ถุงใบใหญ่ถูกชูขึ้นเพื่อให้เห็นจำนวนเบียร์ที่เหมาซื้อมาแทบหมดร้าน
“เอ่อ...คังอิน”
“ครับ?”
“นาย...กำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่เนี่ย?” อีทึกถามอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก มาชวนกินเบียร์ตอนสี่ทุ่มนี่มันแปลกๆนะ ว่างั้นไหม?
“อารมณ์รักพี่หัวปักหัวปำล่ะมั้ง”
“จริงจังหน่อยเซ่!”
“นี่แหละจริงจังและจริงใจสุดแล้ว” ร่างบางย่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก มือเรียวคว้ากระป๋องเบียร์จากร่างสูงเปิดดื่มแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา อีทึกหันกลับไปสนใจโทรทัศน์อีกครั้ง
“ คังอิน” คนสวยละสายตาออกจากรายการโทรทัศน์มาจ้องรุ่นน้องของเขาแทน
“ครับ...ว่าไง” เจ้าของชื่อหันมามองครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ
“นายอาจจะคิดว่าสิ่งที่พี่พูดต่อไปนี้เป็นการบังคับใจนาย แต่พี่ขอร้องล่ะ นายอย่าพูดว่ารักพี่อีกเลยนะ พี่ขอร้องนายแค่นี้แหละ...ได้ไหมคังอิน?”
“เหตุผลล่ะ”
“พี่ไม่อยากเสียรุ่นน้องดีๆอย่างนายไปอีกคนหรอกนะ” อีทึกยิ้มบางๆ นัยน์ตาคู่สวยที่ชายหนุ่มมักแอบลอบมองเป็นประจำกำลังถูกกลบด้วยม่านน้ำตา คังอินเอื้อมมือไปแตะเบาๆที่แก้มเนียน
“พี่เสียรุ่นน้องอย่างผมไปนานแล้วล่ะ เพราะผมเดินออกมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปใช้คำว่าพี่น้องกับพี่ได้อีกแล้ว...การเสแสร้งว่าไม่รักมันเจ็บรู้ไหมครับ?”
“คังอิน...พี่...” ปลายนิ้วแตะริมฝีปากบางเป็นเชิงห้าม
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมรู้ว่าพี่กำลังกลัว เพราะสิ่งที่พี่เพิ่งประสบมันทำให้พี่เข็ดขยาดที่จะมีความรักกับคนใกล้ตัว...โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานร่วมกัน”
“.....................”
“แต่ยังไงผมก็เชื่อนะว่าสักวันพี่ต้องใจอ่อน”
“อย่ามาหวังอะไรกับพี่เลยคังอิน นายก็รู้...พี่รักเขา” น้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดค่อยๆรินไหลจากดวงตาคู่สวย อีทึกเงยหน้าขึ้นด้วยหวังเพียงแค่ว่าจะไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้ แต่มือหนากลับประคองใบหน้าของเขาให้ก้มลงมา
“มันจบลงแล้ว...หมอนั่นทิ้งพี่! ผมไม่เห็นว่าเขาจะรู้สึกอะไร แล้วทำไมพี่ต้องมานั่งเสียใจเพราะคนที่ไม่รู้ค่าของพี่ ลืมเขาไปซะ!” นัยน์ตาคมฉายแววโกรธขึงอย่างชัดเจน อีทึกส่ายหน้าช้าๆ
“พี่ลืมเขาไม่ลงหรอกคังอิน...คงเพราะช่วงเวลาดีๆระหว่างพี่กับเขามีเยอะเกินไป”
“แล้วตอนนี้ล่ะ? หมอนั่นไม่เห็นจะสนใจซักนิดว่าพี่จะเป็นยังไง แล้วพี่จะยัง”
“การเลิกรักใครซักคนมันยากนะคังอิน” และนี่ก็เป็นครั้งที่สองของวันที่ อีทึกปล่อยจิตใจให้ล่องลอยออกไป...ไปหาใครอีกคนหนึ่ง
“ใช่...เพราะฉะนั้นพี่อย่ามาห้ามผมไม่ให้พูดว่ารักพี่อีกรู้ไหม?”
“นั่นมันคนละเรื่องกันเลยนะ”
“เรื่องเดียวกันต่างหาก” ร่างสูงเถียงก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซดอึกใหญ่
“เมาจนเบลอหรือไง?”
“รักพี่จนเบลอมากกว่า” นัยน์ตาคมฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มหวานในแบบที่ไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน
“เมาจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วนะเจ้าหมียักษ์” อีทึกยีผมนุ่มเล่นเบาๆ
“ผมรู้ตัวว่าผมเมา แต่เบียร์แค่นี้ไม่ทำให้ผมขาดสติได้หรอก” คนเมายังคงเถียงไม่เลิก ร่างบางเพียงแค่หัวเราะแต่ก็ไม่ว่าอะไร
“พี่อีทึก”
“หืม?”
“ขอนอนหนุนตักพี่หน่อยได้ไหม?”
“เห? ก็เอาสิ นอนลงมาเลย” คนเป็นพี่ขยับจัดท่าให้เสร็จสรรพ คังอินเอนตัวลงนอนหนุนตักนุ่ม มือหนาคว้าแขนเรียวมากอดไว้เหมือนว่ากลัวอีกฝ่ายจะหนีหายไป ถ้าไม่ได้แอลกอฮอล์จากเบียร์เข้าช่วยเขาคงไม่กล้าขอเรื่องแบบนี้หรอก...ก็มันเขินนี่นา
“สงสัยนายจะเมาจริงๆนั่นแหละ อ้อนซะขนาดนี้” อีทึกเอ่ยยิ้มๆ ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามเส้นผมนุ่มนิ่มมือ บ้างก็ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวพันให้เป็นลอนคล้ายกับจะหยอกล้อคนที่กำลังนอนเคลิ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น
ชั่วแวบหนึ่งจิตใต้สำนึกได้ดึงความทรงจำเก่าๆหวนกลับมา เมื่อสมัยที่เขากับคังอินเพิ่งรู้จักกัน หนุ่มรุ่นน้องที่ออดิชั่นผ่านเข้ามาเช่นเดียวกับเขา เป็นคนที่เข้ามาทักเขาก่อนตั้งแต่แรกเจอ เป็นคนที่มักจะจับจองพื้นที่เต้นอยู่ข้างหลังเขาเสมอ หลังเลิกซ้อมก็มักจะขอตามไปทานข้าวด้วย ชวนคุยเรื่องมากมายที่ไม่รู้ว่าไปสรรหาเรื่องราวมากจากไหน จำไม่ได้เหมือนกันว่าพวกเขาสนิทกันตอนไหน เพราะรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็ตัวติดกันจนใครๆต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่า มีอีทึกอยู่ไหนให้ระยะไม่เกินครึ่งเมตรจะต้องเห็นคังอินอยู่ตรงนั้นด้วย
ร่างบางแทบหยุดหายใจไปเสียดื้อๆเมื่อความทรงจำที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจถูกดึงกลับมาอีกเรื่องหนึ่ง เพราะความใกล้ชิด การได้รับความห่วงใยและความเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากร่างสูง มันทำให้เขาเกิดความเคยชิน และโหยหาความรู้สึกแบบนั้นกับร่างสูงมาตลอด บ่อยครั้งที่ทำตัวงี่เง่าเวลาที่รุ่นน้องคนนี้ไปออกเดทกับแฟนสาว อีกทั้งยังเอาแต่ใจตัวเองแบบไร้เหตุผลจนต้องทะเลาะกัน
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะห่างออกมาเพื่อรักษามิตรภาพและความทรงจำดีๆระหว่างพวกเขาเอาไว้ นานแค่ไหนกันนะที่แอบมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา นานแค่ไหนกันนะที่เฝ้าปลอบใจตัวเองว่าแอบรักเขาอยู่ข้างเดียว จนกระทั่งพี่ซึงฮวานก้าวเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มผู้เข้ามารักษาบาดแผลให้หัวใจของเขากลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นล่ะมั้งที่เขากลบฝังความรู้สึกรักเอาไว้จนกระทั่งความรักนั้นลบเลือนหายไปจากความทรงจำ แต่ตอนนี้คนที่เขาเคยรักกลับมาตามตื้อให้เขารักตอบ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
“ถ้าตอนนั้นพี่กล้าที่จะเสี่ยงบอกรักนาย เรื่องทุกอย่างอาจจะไม่จบลงแบบนี้ก็ได้” ริมฝีปากบางประทับลงเบาๆกลางหน้าผากกว้างก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังคงนอนกอดแขนเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา อีทึกมองอาการเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม
“บางที...นี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้ ถ้าพี่พร้อมที่จะรักนายอีกครั้งเมื่อไหร่ พี่จะบอกนายเป็นคนแรกนะ...ยองอุน”
TBC.
นิ้วเรียวกดปุ่มรีโมทโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อย ร่างบางไม่ได้สนใจรายการบนหน้าจอซักนิด เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขาปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไป จนกระทั่ง...
[ออด...ออด]
อีทึกหันหน้าไปมองประตูอย่างชั่งใจ ใครกันนะที่มาหาเขาถึงห้องพักส่วนตัว เขาควรจะเดินไปเปิดประตูหรือทำเป็นไม่สนใจดี? เวลานี้การได้อยู่ตามลำพังถือเป็นเรื่องที่เขาต้องการอย่างมาก แต่ถ้ามีธุระสำคัญล่ะ?
เจ้าของห้องค่อยๆลุกขึ้นเดินมาเปิดประตูก่อนจะปั้นหน้ายิ้มต้อนรับ แต่แล้วเขากลับยิ้มไม่ออกเมื่อเห็นผู้มาเยือนเต็มตา
“ทำไมพี่ทำหน้าแบบนั้นล่ะ” คังอินมองใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งกระอักกระอ่วนใจแล้วอดที่จะถามไม่ได้
“ม...ไม่มีอะไรหรอก นายมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?”
“ก็...แค่อยากมาหาไม่ได้หรอ?” หางเสียงแฝงความน้อยใจไว้นิดๆ อีทึกถอนหายใจเบาๆ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย”
“แล้วพี่ไม่คิดจะชวนผมเข้าไปในห้องบ้างเลยหรือไง?”
“อ๊ะ! โทษที” ร่างบางกระเถิบตัวเปิดทางให้รุ่นน้องของเขาเดินเข้ามาในห้อง เมื่อปิดประตูแล้วก็เดินตามร่างสูงเข้ามาในห้อง
“วันนี้ผมซื้อเบียร์มาเยอะเลย มาดื่มกันเถอะ!” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ถุงใบใหญ่ถูกชูขึ้นเพื่อให้เห็นจำนวนเบียร์ที่เหมาซื้อมาแทบหมดร้าน
“เอ่อ...คังอิน”
“ครับ?”
“นาย...กำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่เนี่ย?” อีทึกถามอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก มาชวนกินเบียร์ตอนสี่ทุ่มนี่มันแปลกๆนะ ว่างั้นไหม?
“อารมณ์รักพี่หัวปักหัวปำล่ะมั้ง”
“จริงจังหน่อยเซ่!”
“นี่แหละจริงจังและจริงใจสุดแล้ว” ร่างบางย่นคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก มือเรียวคว้ากระป๋องเบียร์จากร่างสูงเปิดดื่มแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา อีทึกหันกลับไปสนใจโทรทัศน์อีกครั้ง
“ คังอิน” คนสวยละสายตาออกจากรายการโทรทัศน์มาจ้องรุ่นน้องของเขาแทน
“ครับ...ว่าไง” เจ้าของชื่อหันมามองครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ
“นายอาจจะคิดว่าสิ่งที่พี่พูดต่อไปนี้เป็นการบังคับใจนาย แต่พี่ขอร้องล่ะ นายอย่าพูดว่ารักพี่อีกเลยนะ พี่ขอร้องนายแค่นี้แหละ...ได้ไหมคังอิน?”
“เหตุผลล่ะ”
“พี่ไม่อยากเสียรุ่นน้องดีๆอย่างนายไปอีกคนหรอกนะ” อีทึกยิ้มบางๆ นัยน์ตาคู่สวยที่ชายหนุ่มมักแอบลอบมองเป็นประจำกำลังถูกกลบด้วยม่านน้ำตา คังอินเอื้อมมือไปแตะเบาๆที่แก้มเนียน
“พี่เสียรุ่นน้องอย่างผมไปนานแล้วล่ะ เพราะผมเดินออกมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปใช้คำว่าพี่น้องกับพี่ได้อีกแล้ว...การเสแสร้งว่าไม่รักมันเจ็บรู้ไหมครับ?”
“คังอิน...พี่...” ปลายนิ้วแตะริมฝีปากบางเป็นเชิงห้าม
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมรู้ว่าพี่กำลังกลัว เพราะสิ่งที่พี่เพิ่งประสบมันทำให้พี่เข็ดขยาดที่จะมีความรักกับคนใกล้ตัว...โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานร่วมกัน”
“.....................”
“แต่ยังไงผมก็เชื่อนะว่าสักวันพี่ต้องใจอ่อน”
“อย่ามาหวังอะไรกับพี่เลยคังอิน นายก็รู้...พี่รักเขา” น้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดค่อยๆรินไหลจากดวงตาคู่สวย อีทึกเงยหน้าขึ้นด้วยหวังเพียงแค่ว่าจะไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้ แต่มือหนากลับประคองใบหน้าของเขาให้ก้มลงมา
“มันจบลงแล้ว...หมอนั่นทิ้งพี่! ผมไม่เห็นว่าเขาจะรู้สึกอะไร แล้วทำไมพี่ต้องมานั่งเสียใจเพราะคนที่ไม่รู้ค่าของพี่ ลืมเขาไปซะ!” นัยน์ตาคมฉายแววโกรธขึงอย่างชัดเจน อีทึกส่ายหน้าช้าๆ
“พี่ลืมเขาไม่ลงหรอกคังอิน...คงเพราะช่วงเวลาดีๆระหว่างพี่กับเขามีเยอะเกินไป”
“แล้วตอนนี้ล่ะ? หมอนั่นไม่เห็นจะสนใจซักนิดว่าพี่จะเป็นยังไง แล้วพี่จะยัง”
“การเลิกรักใครซักคนมันยากนะคังอิน” และนี่ก็เป็นครั้งที่สองของวันที่ อีทึกปล่อยจิตใจให้ล่องลอยออกไป...ไปหาใครอีกคนหนึ่ง
“ใช่...เพราะฉะนั้นพี่อย่ามาห้ามผมไม่ให้พูดว่ารักพี่อีกรู้ไหม?”
“นั่นมันคนละเรื่องกันเลยนะ”
“เรื่องเดียวกันต่างหาก” ร่างสูงเถียงก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซดอึกใหญ่
“เมาจนเบลอหรือไง?”
“รักพี่จนเบลอมากกว่า” นัยน์ตาคมฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มหวานในแบบที่ไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน
“เมาจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วนะเจ้าหมียักษ์” อีทึกยีผมนุ่มเล่นเบาๆ
“ผมรู้ตัวว่าผมเมา แต่เบียร์แค่นี้ไม่ทำให้ผมขาดสติได้หรอก” คนเมายังคงเถียงไม่เลิก ร่างบางเพียงแค่หัวเราะแต่ก็ไม่ว่าอะไร
“พี่อีทึก”
“หืม?”
“ขอนอนหนุนตักพี่หน่อยได้ไหม?”
“เห? ก็เอาสิ นอนลงมาเลย” คนเป็นพี่ขยับจัดท่าให้เสร็จสรรพ คังอินเอนตัวลงนอนหนุนตักนุ่ม มือหนาคว้าแขนเรียวมากอดไว้เหมือนว่ากลัวอีกฝ่ายจะหนีหายไป ถ้าไม่ได้แอลกอฮอล์จากเบียร์เข้าช่วยเขาคงไม่กล้าขอเรื่องแบบนี้หรอก...ก็มันเขินนี่นา
“สงสัยนายจะเมาจริงๆนั่นแหละ อ้อนซะขนาดนี้” อีทึกเอ่ยยิ้มๆ ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามเส้นผมนุ่มนิ่มมือ บ้างก็ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวพันให้เป็นลอนคล้ายกับจะหยอกล้อคนที่กำลังนอนเคลิ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น
ชั่วแวบหนึ่งจิตใต้สำนึกได้ดึงความทรงจำเก่าๆหวนกลับมา เมื่อสมัยที่เขากับคังอินเพิ่งรู้จักกัน หนุ่มรุ่นน้องที่ออดิชั่นผ่านเข้ามาเช่นเดียวกับเขา เป็นคนที่เข้ามาทักเขาก่อนตั้งแต่แรกเจอ เป็นคนที่มักจะจับจองพื้นที่เต้นอยู่ข้างหลังเขาเสมอ หลังเลิกซ้อมก็มักจะขอตามไปทานข้าวด้วย ชวนคุยเรื่องมากมายที่ไม่รู้ว่าไปสรรหาเรื่องราวมากจากไหน จำไม่ได้เหมือนกันว่าพวกเขาสนิทกันตอนไหน เพราะรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็ตัวติดกันจนใครๆต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่า มีอีทึกอยู่ไหนให้ระยะไม่เกินครึ่งเมตรจะต้องเห็นคังอินอยู่ตรงนั้นด้วย
ร่างบางแทบหยุดหายใจไปเสียดื้อๆเมื่อความทรงจำที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจถูกดึงกลับมาอีกเรื่องหนึ่ง เพราะความใกล้ชิด การได้รับความห่วงใยและความเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากร่างสูง มันทำให้เขาเกิดความเคยชิน และโหยหาความรู้สึกแบบนั้นกับร่างสูงมาตลอด บ่อยครั้งที่ทำตัวงี่เง่าเวลาที่รุ่นน้องคนนี้ไปออกเดทกับแฟนสาว อีกทั้งยังเอาแต่ใจตัวเองแบบไร้เหตุผลจนต้องทะเลาะกัน
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะห่างออกมาเพื่อรักษามิตรภาพและความทรงจำดีๆระหว่างพวกเขาเอาไว้ นานแค่ไหนกันนะที่แอบมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา นานแค่ไหนกันนะที่เฝ้าปลอบใจตัวเองว่าแอบรักเขาอยู่ข้างเดียว จนกระทั่งพี่ซึงฮวานก้าวเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มผู้เข้ามารักษาบาดแผลให้หัวใจของเขากลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นล่ะมั้งที่เขากลบฝังความรู้สึกรักเอาไว้จนกระทั่งความรักนั้นลบเลือนหายไปจากความทรงจำ แต่ตอนนี้คนที่เขาเคยรักกลับมาตามตื้อให้เขารักตอบ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
“ถ้าตอนนั้นพี่กล้าที่จะเสี่ยงบอกรักนาย เรื่องทุกอย่างอาจจะไม่จบลงแบบนี้ก็ได้” ริมฝีปากบางประทับลงเบาๆกลางหน้าผากกว้างก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังคงนอนกอดแขนเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา อีทึกมองอาการเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม
“บางที...นี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้ ถ้าพี่พร้อมที่จะรักนายอีกครั้งเมื่อไหร่ พี่จะบอกนายเป็นคนแรกนะ...ยองอุน”
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น