ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Good Morning My Love # 2 [KangTeuk]
-- TWO --
วันนี้เป็นการพบกันครั้งแรกหลังจากสมาชิกแต่ละคนได้รับช่วงเวลาพักผ่อนยาวนานถึงสามวัน สมาชิกร่วมยูนิตต่างทยอยกันมาทีละคนสองคนเพราะต่างกระจัดกระจายกันพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ซึ่งสอบถามกันแล้วก็ไม่ได้ไปไหนกันไกล ถ้าไม่ไปพักบ้านเพื่อน บ้านแฟน ก็จะกลับบ้านของตัวเอง ดูเหมือนจะมีคังอินเพียงคนเดียวที่ยังคงนอนอยู่ที่หอ เขาถึงเป็นสมาชิกที่ถูกพาตัวมาถึงที่นี่อันดับต้นๆ
“อีทึกยังไม่มาอีกหรอ?” คิม มินซองมองไปรอบๆห้องก่อนจะหันมาถาม
“จะมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลยครับ” ชินดงโคลงหัวไปมา แต่ก็ยังมีกะใจเหล่ตาไปมองผู้จัดการวงอีกคนที่ดูจะเงียบลงไปเล็กน้อย...ทีแบบนี้มาทำเป็นรู้สึก!
“เดี๋ยวก็มา...พี่อีทึกไม่ใช่คนเหลวไหล” คังอินเงยหน้าขึ้นมาจากของเล่นที่แฟนคลับเพิ่งจะให้เขามาเมื่อครู่ อย่าว่าแต่ชินดงเลย ตัวเขาเองก็คิดเหมือนกันว่าพี่อีทึกไม่น่าจะมาหรอก...แต่นี่มันงานนะ แถมพี่อีทึกยังเป็นหัวหน้าวง เพราะฉะนั้นเรื่องโดดงานเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วสำหรับคนๆนี้ ต่อให้ตอนนี้สภาพจิตใจจะย่ำแย่แค่ไหนก็เถอะ
“ขอโทษที่มาสายครับ” คนเพิ่งถูกเอ่ยถึงเปิดประตูเข้ามาพอดี อีทึกโบกมือทักทายสมาชิกคนอื่นๆก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมห้องซึ่งห่างจากอดีตคนรักที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่ผู้จัดการวงพอสมควร ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น แม้แต่พี่มินซองยังเลือกที่จะนั่งดูเอกสารไปเงียบๆ คังอินถอนหายใจฉิวๆแล้วลุกขึ้นไปนั่งข้างร่างบางที่ทำท่าเหมือนอ่านนิตยสารแต่ไม่ได้อ่าน มันก็นะ หน้านั้นมันมีอะไรดีนักหนาถึงได้นั่งมองเกือบ 10 นาทีไม่ยอมพลิกไปหน้าไหนเลย
“พี่อ่านข่าวนินทาชาวบ้านอยู่หรือไง?” หนุ่มแบดบอยยื่นหน้าเข้าไปเหมือนอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหน้าที่พี่ของเขาเปิดอยู่...[อี ซึงฮวาน ผู้จัดการวงสุดหล่อของวงไอดอลชื่อดัง ซุปเปอร์จูเนียร์ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบกับนางแบบสาวชื่อดัง]... มือหนาดึงนิตยสารเล่มนั้นมาทันที อีทึกหันมามองร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ
“จะไปอ่านทำไม...ไร้สาระ” คังอินโยนนิตยสารเล่มนั้นลงถังขยะแล้วคว้านิตยสารอีกเล่มมายื่นให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าเหมือนยังไม่หายงง
“อ่านพวกนี้ดีกว่า ประเทืองอารมณ์กว่าเยอะ” อีทึกรับหนังสือมาอย่างว่าง่าย แต่ก็ต้องขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“นายให้พี่อ่านหนังสือโมเดลการ์ตูนเนี่ยนะ?”
“ทำไม? อย่างน้อยก็ยังดีกว่าหนังสือบ้าๆเล่มนั้นก็แล้วกัน”
“เฮ้! คังอิน ไอ้หนังสือบ้าๆที่นายว่านี่มันขึ้นปกพวกเราด้วยนะ” ชินดงหยิบหนังสือชะตาขาดออกมาจากถังขยะ...ดีนะที่เป็นถังขยะใส่กระดาษ ไม่งั้นต่อให้เสียดายแค่ไหนก็ไม่หยิบหรอก
“แล้วไง? ฉันไม่สนซักอย่าง ใครจะทำไม” นัยน์ตาคมตวัดมองอย่างหาเรื่อง
“เออๆ ฉันไม่ได้หาเรื่องนายนะเว้ย เลิกทำหน้าแบบนั้นซักทีเถอะ” หนุ่มร่างท้วมนิสัยขี้เล่นประจำวงแกล้งทำหน้าสยองนิดๆเพื่อให้สมบทบาท ยิ่งเห็นคนเป็นพี่หัวเราะก็ยิ่งใจชื้น...โดนคังอินมันชกก็คุ้มวะงานนี้!
“พี่อีทึกหัวเราะอะไร?” คังอินเหล่ตามองเหมือนไม่สบอารมณ์ ที่จริงแล้วก็แอบดีใจลึกๆที่พี่ชายคนสวยเขาอารมณ์ดีขึ้น...ซักนิดก็ยังดี
“เปล่า ตอนนายโกรธนี่...น่ารักดีนะ” โดนชมแบบยังไม่ทันตั้งตัวเลยเกิดอาการเหวอไปเล็กน้อย
“เริ่มซ้อมกันได้แล้วล่ะ” ซึงฮวานที่นั่งมองเหตุการณ์ต่างๆอยู่เงียบๆ ลุกขึ้นเดินนำเข้าห้องซ้อมเต้นไป
“ครับ” คนอื่นต่างรับคำกันสั้นๆ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นิ่งเงียบ อีทึกนั่งก้มหน้าอยู่เฉยๆไม่ยอมลุกไปไหน ร้อนถึงฮยอกแจกับซองมินต้องเข้ามาเกลี้ยกล่อม
“เข้าห้องซ้อมกันนะครับพี่ทึก” ฮยอกแจเดินมาแตะไหล่พี่ของเขาเบาๆ
“พี่...ยังไม่อยากเข้าไป ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะซ้อมได้”
“ก็คิดซะว่าไม่มีเขาอยู่ในห้องก็สิ้นเรื่อง” ซองมินช่วยเพื่อนพูดอีกแรง แต่คนเป็นพี่กลับส่ายหน้าช้าๆ
“ถ้าคิดแบบนั้นได้ พี่คงคิดว่าชีวิตของพี่ไม่มีเขาไปแล้วล่ะ” โดนตอกกลับมาแบบนั้นทำเอาร่างสูงที่ยืนพังอยู่ด้านหลังอดชักสีหน้าไม่ได้...หมอนั่นมันสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเชียว? เขาเป็นคนทำร้ายจิตใจพี่ถึงขนาดนั้นเลยนะ!
“งั้นก็เข้าไปนั่งเฉยๆก็ได้ ไหนๆพี่ก็มาแล้ว...นะๆๆ” ฮยอกแจยังไม่ละความพยายามนั่งเกาแขนอ้อนจนอีทึกใจอ่อนยอมเข้าห้องซ้อมท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน
พอเอาเข้าจริงร่างบางก็ร่วมซ้อมเต้นกับน้องๆจนได้ เต้นผิดก็แก้กันใหม่ ท่าไหนไม่เข้าพวกก็เอาออกแล้วคิดถ้าใหม่เพิ่มเข้าไป กว่าจะรู้กันอีกทีเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหกชั่วโมงแล้ว
“หิวแล้วนะเนี่ย! ไม่หิวกันบ้างหรือไง?” ชินดงโพล่งออกมาเป็นคนแรก ซึ่งก็ได้สนับสนุนจากคนอื่นว่าหิวแล้วเหมือนกัน
“ไปหาอะไรกินกันเหอะ ส่วนเรื่องท่าเต้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ โอเค๊?” หนุ่มร่างท้วมหันไปขอความเห็นจากทุกคน ซึ่งก็ดูเหมือนไม่มีใครว่าอะไร การซ้อมเต้นจึงจบลงแค่นั้น
“แล้วจะไปร้านไหนดีเนี่ย?”
“ร้านตรงหัวมุมนี่ไง ” สองเสียงประสานขึ้นมาด้วยความบังเอิญ อีทึกหันไปมองซึงฮวานก่อนจะเฉหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้ผู้จัดการหนุ่มได้พูดต่อไป
“เอ่อ...คือ...ร้านนี้เขาเพิ่งเปิดใหม่ อาหารใช้ได้ทีเดียวแถมบรรยากาศยังเป็นส่วนตัวดีอีกด้วย ก็เลยอยากให้พวกนายไปลองดูหน่ะ”
“งั้นหรอ...ก็เอาสิ พี่นำทางพวกผมก็แล้วกัน ที่สำคัญ ต้องเลี้ยงด้วย~!” ถ้าเป็นเมื่อก่อนอีทึกกับซึงฮวานคงโดนแซวไปแล้วเรื่องที่มักจะใจตรงกันเสมอ แต่ตอนนี้....ขืนแซวไปก็มีแต่อึดอัดกันไปเสียเปล่าๆ
[ R R R ]
“เอ่อ...พวกนายลงไปรอข้างล่างก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่ขอโทรศัพท์ก่อน” ซึงฮวานเดินเลี่ยงไปที่มุมห้อง รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นเป็นครั้งคราวระหว่างการคุย อีทึกมองภาพตรงหน้าเงียบๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนแดงช้ำ ทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆสินะ
“พี่อีทึก” มือหนาแตะเบาๆที่ใบหน้าเนียนก่อนจะออกแรงดันให้หันหน้ามาทางเขา คังอินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่กำลังสั่นระริก...กำลังจะร้องไห้อีกแล้วใช่ไหมครับพี่
“ไปมองให้เสียอารมณ์ทำไม ลงไปข้างล่างกันเถอะ” ออกแรงดึงให้คนตัวเล็กเดินตามเขาออกไปด้านนอก
“พี่...กลับบ้านดีกว่า”
“งั้นผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“พี่ยังลืมเขาไม่ได้ใช่ไหม ทั้งที่เขาทำกับพี่ขนาดนี้ทำไมพี่ยัง ”
“ใช่! พี่ลืมเขาไม่ได้ พี่ลืมช่วงเวลาดีๆระหว่างพี่กับเขาไม่ได้ พี่เข้าใจนะคังอินว่านายเป็นห่วงพี่ ขอบคุณจริงๆสำหรับความห่วงใยที่นายมีให้พี่ นายเป็นน้องชายที่น่ารักของพี่จริงๆ” อีทึกยิ้มบางๆก่อนจะเดินนำลงไป
“ถ้าผมไม่ได้คิดกับพี่แค่รุ่นพี่รุ่นน้องล่ะ” คังอินรวบรวมความกล้าถามออกไป อีทึกชะงักเท้าแล้วหันกลับขึ้นมามองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
“พี่อีทึก...ผมรั”
“อย่าพูดมันออกมานะ!”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อมันคือความรู้สึกของผม” เขาสู้พี่ซึงฮวานไม่ได้ตรงไหน! ทำไมอีทึกถึงเลือกหมอนั่นแทนที่จะเป็นเขา
“พี่...พี่ไม่พร้อมที่จะมีใครในตอนนี้ อีกอย่างพี่ไม่อยากให้มิตรภาพของเราจบลงเหมือนพี่กับเขา ขอโทษจริงๆนะคังอิน” โค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินลงบันไดไป ปล่อยให้รุ่นน้องร่างสูงทรุดตัวลงนั่งเพียงลำพัง
“เริ่มต้นไม่ค่อยสวยเลยแฮะ”
“พี่ฮีซอล?!” คังอินหันขวับไปทางต้นเสียง พี่ชายคนสวยเดินออกมาจากมุมอับของกล่องอุปกรณ์เครื่องเสียง
“ขอโทษนะที่เสียมารยาท แต่คิดไว้แล้วเชียวว่าจะต้องเป็นแบบนี้ก็เลยอดมาสอดแนมไม่ได้”
“พี่รู้...”
“ใช่...ฉันรู้ว่านายรักอีทึก เข้าขั้นโคม่าเสียด้วยสิ”
“เลิกทำเป็นเล่นซักทีเถอะ! ผมซีเรียส”
“โอเค...ใครจะไม่ผิดสังเกตบ้างล่ะ ทั้งที่นายเป็นคนที่ไม่ยอมแสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆ แต่กับอีทึกนายแทบไม่กั๊กอะไรไว้เลย ทั้งสายตา ทั้งท่าทาง มีแค่ปากนายเท่านั้นแหละที่มันยังปิดสนิทอยู่ พวกเราก็เลยไม่แน่ใจว่านายรู้สึกยังไงกับอีทึกกันแน่”
“พวกเรา?”
“ก็มี...ฉันแล้วก็ทุกคน”
“...รู้กันหมดเลยสินะ”
“โธ่~ คิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้นายควรหาวิธีมัดใจอีทึกมากกว่านะ” หนุ่มหน้าสวยตบไหล่ปลอบรุ่นน้องเบาๆ
“พี่ก็ได้ยินนี่...พี่ทึกปฏิเสธผม”
“เขาไม่ได้ปฏิเสธนายซักหน่อย อีทึกแค่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็เท่านั้น ถ้านายมีแรงฮึดมากพอนายต้องทำสำเร็จ” ฮีซอลยิ้มบางๆ
“ผมไม่ควรท้อก่อนที่จะสู้เต็มกำลังสินะ”
“ใช่เลย อย่างนี้สิถึงค่อยน่าลุ้นหน่อย ว่าแต่...ลงไปกันได้แล้วล่ะ หิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว” ฮีซอลรีบวิ่งนำลงไปก่อน ตามด้วยคังอินที่ดูจะมีกำลังใจมากขึ้น โดยมีซึงฮวานเดินลงมาเป็นคนสุดท้าย เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์นานหรอก แต่เพราะเขายืนฟังบทสนทนาของเด็กในปกครองทั้งสามอยู่ต่างหาก
“พยายามเข้านะคังอิน พยายามให้สมกับที่ฉันยอมสูญเสียคนที่ฉันรักที่สุดให้นาย”
TBC.
วันนี้เป็นการพบกันครั้งแรกหลังจากสมาชิกแต่ละคนได้รับช่วงเวลาพักผ่อนยาวนานถึงสามวัน สมาชิกร่วมยูนิตต่างทยอยกันมาทีละคนสองคนเพราะต่างกระจัดกระจายกันพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ซึ่งสอบถามกันแล้วก็ไม่ได้ไปไหนกันไกล ถ้าไม่ไปพักบ้านเพื่อน บ้านแฟน ก็จะกลับบ้านของตัวเอง ดูเหมือนจะมีคังอินเพียงคนเดียวที่ยังคงนอนอยู่ที่หอ เขาถึงเป็นสมาชิกที่ถูกพาตัวมาถึงที่นี่อันดับต้นๆ
“อีทึกยังไม่มาอีกหรอ?” คิม มินซองมองไปรอบๆห้องก่อนจะหันมาถาม
“จะมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลยครับ” ชินดงโคลงหัวไปมา แต่ก็ยังมีกะใจเหล่ตาไปมองผู้จัดการวงอีกคนที่ดูจะเงียบลงไปเล็กน้อย...ทีแบบนี้มาทำเป็นรู้สึก!
“เดี๋ยวก็มา...พี่อีทึกไม่ใช่คนเหลวไหล” คังอินเงยหน้าขึ้นมาจากของเล่นที่แฟนคลับเพิ่งจะให้เขามาเมื่อครู่ อย่าว่าแต่ชินดงเลย ตัวเขาเองก็คิดเหมือนกันว่าพี่อีทึกไม่น่าจะมาหรอก...แต่นี่มันงานนะ แถมพี่อีทึกยังเป็นหัวหน้าวง เพราะฉะนั้นเรื่องโดดงานเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วสำหรับคนๆนี้ ต่อให้ตอนนี้สภาพจิตใจจะย่ำแย่แค่ไหนก็เถอะ
“ขอโทษที่มาสายครับ” คนเพิ่งถูกเอ่ยถึงเปิดประตูเข้ามาพอดี อีทึกโบกมือทักทายสมาชิกคนอื่นๆก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมห้องซึ่งห่างจากอดีตคนรักที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่ผู้จัดการวงพอสมควร ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น แม้แต่พี่มินซองยังเลือกที่จะนั่งดูเอกสารไปเงียบๆ คังอินถอนหายใจฉิวๆแล้วลุกขึ้นไปนั่งข้างร่างบางที่ทำท่าเหมือนอ่านนิตยสารแต่ไม่ได้อ่าน มันก็นะ หน้านั้นมันมีอะไรดีนักหนาถึงได้นั่งมองเกือบ 10 นาทีไม่ยอมพลิกไปหน้าไหนเลย
“พี่อ่านข่าวนินทาชาวบ้านอยู่หรือไง?” หนุ่มแบดบอยยื่นหน้าเข้าไปเหมือนอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหน้าที่พี่ของเขาเปิดอยู่...[อี ซึงฮวาน ผู้จัดการวงสุดหล่อของวงไอดอลชื่อดัง ซุปเปอร์จูเนียร์ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบกับนางแบบสาวชื่อดัง]... มือหนาดึงนิตยสารเล่มนั้นมาทันที อีทึกหันมามองร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ
“จะไปอ่านทำไม...ไร้สาระ” คังอินโยนนิตยสารเล่มนั้นลงถังขยะแล้วคว้านิตยสารอีกเล่มมายื่นให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าเหมือนยังไม่หายงง
“อ่านพวกนี้ดีกว่า ประเทืองอารมณ์กว่าเยอะ” อีทึกรับหนังสือมาอย่างว่าง่าย แต่ก็ต้องขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“นายให้พี่อ่านหนังสือโมเดลการ์ตูนเนี่ยนะ?”
“ทำไม? อย่างน้อยก็ยังดีกว่าหนังสือบ้าๆเล่มนั้นก็แล้วกัน”
“เฮ้! คังอิน ไอ้หนังสือบ้าๆที่นายว่านี่มันขึ้นปกพวกเราด้วยนะ” ชินดงหยิบหนังสือชะตาขาดออกมาจากถังขยะ...ดีนะที่เป็นถังขยะใส่กระดาษ ไม่งั้นต่อให้เสียดายแค่ไหนก็ไม่หยิบหรอก
“แล้วไง? ฉันไม่สนซักอย่าง ใครจะทำไม” นัยน์ตาคมตวัดมองอย่างหาเรื่อง
“เออๆ ฉันไม่ได้หาเรื่องนายนะเว้ย เลิกทำหน้าแบบนั้นซักทีเถอะ” หนุ่มร่างท้วมนิสัยขี้เล่นประจำวงแกล้งทำหน้าสยองนิดๆเพื่อให้สมบทบาท ยิ่งเห็นคนเป็นพี่หัวเราะก็ยิ่งใจชื้น...โดนคังอินมันชกก็คุ้มวะงานนี้!
“พี่อีทึกหัวเราะอะไร?” คังอินเหล่ตามองเหมือนไม่สบอารมณ์ ที่จริงแล้วก็แอบดีใจลึกๆที่พี่ชายคนสวยเขาอารมณ์ดีขึ้น...ซักนิดก็ยังดี
“เปล่า ตอนนายโกรธนี่...น่ารักดีนะ” โดนชมแบบยังไม่ทันตั้งตัวเลยเกิดอาการเหวอไปเล็กน้อย
“เริ่มซ้อมกันได้แล้วล่ะ” ซึงฮวานที่นั่งมองเหตุการณ์ต่างๆอยู่เงียบๆ ลุกขึ้นเดินนำเข้าห้องซ้อมเต้นไป
“ครับ” คนอื่นต่างรับคำกันสั้นๆ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นิ่งเงียบ อีทึกนั่งก้มหน้าอยู่เฉยๆไม่ยอมลุกไปไหน ร้อนถึงฮยอกแจกับซองมินต้องเข้ามาเกลี้ยกล่อม
“เข้าห้องซ้อมกันนะครับพี่ทึก” ฮยอกแจเดินมาแตะไหล่พี่ของเขาเบาๆ
“พี่...ยังไม่อยากเข้าไป ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะซ้อมได้”
“ก็คิดซะว่าไม่มีเขาอยู่ในห้องก็สิ้นเรื่อง” ซองมินช่วยเพื่อนพูดอีกแรง แต่คนเป็นพี่กลับส่ายหน้าช้าๆ
“ถ้าคิดแบบนั้นได้ พี่คงคิดว่าชีวิตของพี่ไม่มีเขาไปแล้วล่ะ” โดนตอกกลับมาแบบนั้นทำเอาร่างสูงที่ยืนพังอยู่ด้านหลังอดชักสีหน้าไม่ได้...หมอนั่นมันสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเชียว? เขาเป็นคนทำร้ายจิตใจพี่ถึงขนาดนั้นเลยนะ!
“งั้นก็เข้าไปนั่งเฉยๆก็ได้ ไหนๆพี่ก็มาแล้ว...นะๆๆ” ฮยอกแจยังไม่ละความพยายามนั่งเกาแขนอ้อนจนอีทึกใจอ่อนยอมเข้าห้องซ้อมท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน
พอเอาเข้าจริงร่างบางก็ร่วมซ้อมเต้นกับน้องๆจนได้ เต้นผิดก็แก้กันใหม่ ท่าไหนไม่เข้าพวกก็เอาออกแล้วคิดถ้าใหม่เพิ่มเข้าไป กว่าจะรู้กันอีกทีเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหกชั่วโมงแล้ว
“หิวแล้วนะเนี่ย! ไม่หิวกันบ้างหรือไง?” ชินดงโพล่งออกมาเป็นคนแรก ซึ่งก็ได้สนับสนุนจากคนอื่นว่าหิวแล้วเหมือนกัน
“ไปหาอะไรกินกันเหอะ ส่วนเรื่องท่าเต้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ โอเค๊?” หนุ่มร่างท้วมหันไปขอความเห็นจากทุกคน ซึ่งก็ดูเหมือนไม่มีใครว่าอะไร การซ้อมเต้นจึงจบลงแค่นั้น
“แล้วจะไปร้านไหนดีเนี่ย?”
“ร้านตรงหัวมุมนี่ไง ” สองเสียงประสานขึ้นมาด้วยความบังเอิญ อีทึกหันไปมองซึงฮวานก่อนจะเฉหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้ผู้จัดการหนุ่มได้พูดต่อไป
“เอ่อ...คือ...ร้านนี้เขาเพิ่งเปิดใหม่ อาหารใช้ได้ทีเดียวแถมบรรยากาศยังเป็นส่วนตัวดีอีกด้วย ก็เลยอยากให้พวกนายไปลองดูหน่ะ”
“งั้นหรอ...ก็เอาสิ พี่นำทางพวกผมก็แล้วกัน ที่สำคัญ ต้องเลี้ยงด้วย~!” ถ้าเป็นเมื่อก่อนอีทึกกับซึงฮวานคงโดนแซวไปแล้วเรื่องที่มักจะใจตรงกันเสมอ แต่ตอนนี้....ขืนแซวไปก็มีแต่อึดอัดกันไปเสียเปล่าๆ
[ R R R ]
“เอ่อ...พวกนายลงไปรอข้างล่างก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่ขอโทรศัพท์ก่อน” ซึงฮวานเดินเลี่ยงไปที่มุมห้อง รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นเป็นครั้งคราวระหว่างการคุย อีทึกมองภาพตรงหน้าเงียบๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนแดงช้ำ ทุกอย่างมันจบลงแล้วจริงๆสินะ
“พี่อีทึก” มือหนาแตะเบาๆที่ใบหน้าเนียนก่อนจะออกแรงดันให้หันหน้ามาทางเขา คังอินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่กำลังสั่นระริก...กำลังจะร้องไห้อีกแล้วใช่ไหมครับพี่
“ไปมองให้เสียอารมณ์ทำไม ลงไปข้างล่างกันเถอะ” ออกแรงดึงให้คนตัวเล็กเดินตามเขาออกไปด้านนอก
“พี่...กลับบ้านดีกว่า”
“งั้นผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“พี่ยังลืมเขาไม่ได้ใช่ไหม ทั้งที่เขาทำกับพี่ขนาดนี้ทำไมพี่ยัง ”
“ใช่! พี่ลืมเขาไม่ได้ พี่ลืมช่วงเวลาดีๆระหว่างพี่กับเขาไม่ได้ พี่เข้าใจนะคังอินว่านายเป็นห่วงพี่ ขอบคุณจริงๆสำหรับความห่วงใยที่นายมีให้พี่ นายเป็นน้องชายที่น่ารักของพี่จริงๆ” อีทึกยิ้มบางๆก่อนจะเดินนำลงไป
“ถ้าผมไม่ได้คิดกับพี่แค่รุ่นพี่รุ่นน้องล่ะ” คังอินรวบรวมความกล้าถามออกไป อีทึกชะงักเท้าแล้วหันกลับขึ้นมามองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
“พี่อีทึก...ผมรั”
“อย่าพูดมันออกมานะ!”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อมันคือความรู้สึกของผม” เขาสู้พี่ซึงฮวานไม่ได้ตรงไหน! ทำไมอีทึกถึงเลือกหมอนั่นแทนที่จะเป็นเขา
“พี่...พี่ไม่พร้อมที่จะมีใครในตอนนี้ อีกอย่างพี่ไม่อยากให้มิตรภาพของเราจบลงเหมือนพี่กับเขา ขอโทษจริงๆนะคังอิน” โค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินลงบันไดไป ปล่อยให้รุ่นน้องร่างสูงทรุดตัวลงนั่งเพียงลำพัง
“เริ่มต้นไม่ค่อยสวยเลยแฮะ”
“พี่ฮีซอล?!” คังอินหันขวับไปทางต้นเสียง พี่ชายคนสวยเดินออกมาจากมุมอับของกล่องอุปกรณ์เครื่องเสียง
“ขอโทษนะที่เสียมารยาท แต่คิดไว้แล้วเชียวว่าจะต้องเป็นแบบนี้ก็เลยอดมาสอดแนมไม่ได้”
“พี่รู้...”
“ใช่...ฉันรู้ว่านายรักอีทึก เข้าขั้นโคม่าเสียด้วยสิ”
“เลิกทำเป็นเล่นซักทีเถอะ! ผมซีเรียส”
“โอเค...ใครจะไม่ผิดสังเกตบ้างล่ะ ทั้งที่นายเป็นคนที่ไม่ยอมแสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆ แต่กับอีทึกนายแทบไม่กั๊กอะไรไว้เลย ทั้งสายตา ทั้งท่าทาง มีแค่ปากนายเท่านั้นแหละที่มันยังปิดสนิทอยู่ พวกเราก็เลยไม่แน่ใจว่านายรู้สึกยังไงกับอีทึกกันแน่”
“พวกเรา?”
“ก็มี...ฉันแล้วก็ทุกคน”
“...รู้กันหมดเลยสินะ”
“โธ่~ คิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้นายควรหาวิธีมัดใจอีทึกมากกว่านะ” หนุ่มหน้าสวยตบไหล่ปลอบรุ่นน้องเบาๆ
“พี่ก็ได้ยินนี่...พี่ทึกปฏิเสธผม”
“เขาไม่ได้ปฏิเสธนายซักหน่อย อีทึกแค่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็เท่านั้น ถ้านายมีแรงฮึดมากพอนายต้องทำสำเร็จ” ฮีซอลยิ้มบางๆ
“ผมไม่ควรท้อก่อนที่จะสู้เต็มกำลังสินะ”
“ใช่เลย อย่างนี้สิถึงค่อยน่าลุ้นหน่อย ว่าแต่...ลงไปกันได้แล้วล่ะ หิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว” ฮีซอลรีบวิ่งนำลงไปก่อน ตามด้วยคังอินที่ดูจะมีกำลังใจมากขึ้น โดยมีซึงฮวานเดินลงมาเป็นคนสุดท้าย เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์นานหรอก แต่เพราะเขายืนฟังบทสนทนาของเด็กในปกครองทั้งสามอยู่ต่างหาก
“พยายามเข้านะคังอิน พยายามให้สมกับที่ฉันยอมสูญเสียคนที่ฉันรักที่สุดให้นาย”
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น