ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Love Box
Title :: Love Box [WonHyuk’s Birthday Project]
Pairing :: WonHyuk
Author :: kobamura
Rating :: PG-13
Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
ปล.ฟิคฉลองวันเกิดลูกเขย รหัสลับเฉลยแล้วนะคะ
ปล. ควรอ่านเรื่อง Love Card ก่อนนะคะ
“ชักเครียดแล้วนะเนี่ย” เปรยออกมาเบาๆกับบรรดากระดาษใบเล็กที่กองอยู่เต็มเตียงนอน อีกสี่วันเองหรอ? ขนาดให้เวลาเขามาเกือบเดือนยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วนี่ สี่วัน?
“ฮยอกแจ!” เสียงเคาะประตูราวกับจะพังประตูเข้ามาบวกกับเสียงเรียกเหมือนตะคอกอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวนั้นกระตุ้นให้ไก่น้อยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตูทันที
“พี่ฮีซอลมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” รีบชิงถามก่อนที่นางพญาจะวีนใส่โทษฐานเปิดประตูไม่ทันใจ ซึ่งคนสวยก็เพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้
“ฮันคยอง” บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะเดินจากไปโดยที่ฮยอกแจแย้งอะไรไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องยกมือถือขึ้นมาคุยกับคนปลายสาย
“พี่ฮันมีอะไรกับผมหรอครับ”
“พี่ฮันไม่มี แต่ฉันมี” เสียงปลายสายที่คุ้นเคยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจเล็กน้อย
“แล้วนายมีอะไรกับฉันหล่ะ? มันเร่งด่วนถึงขนาดต้องโทรเข้าเครื่องพี่ฮีซอลแล้วบอกว่าเป็นพี่ฮันด้วยหรอ” อะไรของเขาเนี่ย จู่ๆมาอารมณ์เสียใส่ ถึงฉันจะแอบชอบนายอยู่แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของนายนะเว้ย ไอ้คุณชาย!
“ก็คิดว่านายต้องไม่ปฏิเสธที่จะคุยกับพี่ฮันไง ถ้าบอกว่าเป็นฉันนายก็คงทำเหมือนเมื่อวาน” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อจนรู้สึกได้
“ นายกดตัดสายฉันทำไมฮยอกแจ”
“แล้วนายมากวนประสาทฉันทำไมหล่ะ ฉันไม่ผิดนะ” รีบเอ่ยแก้ตัวเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปมันกำลังทำให้อีกฝ่ายน้อยใจ เห็นซีวอนถึกๆแบบนั้นตัวจริงหมอนี่ก็อ่อนไหวไม่แพ้เขาหรอก เมื่อวานเขาคงโมโหแรงไปหน่อย ลืมไปสนิทเลย ซีวอนไม่ชอบให้ใครตัดสายเขาโดยที่ไม่ได้บอกคำลาก่อน แถมเมื่อวานเขาตัดสายหมอนี่ไปถึงสองครั้ง ดูท่าจะงอนน่าดูถึงได้โทรเข้าทางพี่ฮีซอล
มีใครในบ้านบ้างที่กล้าขัดใจเจ้าแม่อย่างฮีซอล
นรกเห็นๆ
“ก็ฉันมาโทรมาขอโทษแล้วไง นายกลับปิดเครื่องหนีฉัน พอฉันโทรเข้าเครื่องพี่ทึก นายก็กดตัดสายทิ้งไม่ยอมคุยกับฉัน”
“ขอโทษก็ได้ เลิกตัดพ้อฉันเสียที จะต้องให้ฉันรู้สึกผิดไปถึงไหน” เป็นอะไรของเขาอีก? คนที่สมควรจะงอนควรเป็นฉันสิ ทำไมฉันต้องมานั่งง้อนายด้วยหล่ะ
“ฮยอกแจอ่า~” นี่มันเสียงโทนไหนกันเนี่ย นึกถึงซีวอนตอนทำหน้าอ้อนๆเอาคางถูไหล่เหมือนแมวตัวน้อยๆแล้วมันน่าขนลุกพิกล
“อะไร?”
“ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ”
“รู้แล้ว ฉันก็คิดถึงนาย” เอ่ยตอบไปทั้งที่รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า นายทำให้ฉันหวั่นไหวกับคำพูดของนายอีกแล้วนะซีวอน รู้ตัวบ้างมั้ยว่านายทำให้เพื่อนของนายคนนี้หลงตัวเองเข้าไปทุกวัน
“งั้นถ้าฉันกลับไปเกาหลีแล้วเราไปเดทกันนะ”
“อืม เฮ้ย!” ตอบรับไปเสียดิบดีก่อนที่นัยน์ตาเรียวจะเบิกกว้างเมื่อเข้าใจความหมายนั้นแจ่มแจ้ง นายพูดอะไรออกมาหน่ะซีวอน นายพูดอะไรออกมา ไม่ตลกแล้วนะเว้ย
“นายตอบตกลงแล้วนะ ฉันต้องไปทำงานต่อแล้วหล่ะ ไว้คุยกันอีกนะ บาย”
“เฮ้ย! ซีวอน! มาคุยให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ ซีวอน!” โวยวายกับปลายสายที่เหลือเพียงสัญญาณว่างเปล่า เดทอะไรกัน บ้ากันไปใหญ่แล้ว นายจะมาทำเหมือนเราคบกันอยู่ไม่ได้นะ
ฉันยังไม่ได้บอกรักนายเลยนะ
ไอ้คนขี้ตู่!
“โวยวายอยู่นั่นแหละ ถ้าคุยเสร็จแล้วก็เอามือถือฉันมาซักทีสิ ฉันจะได้โทรไปสั่งให้ดาร์ลิงฉันซื้อของฝากบ้าง!” สะดุ้งสุดตัวกับเสียงแหลมปี๊ดที่ส่งตรงมาจากหน้าประตู ฮยอกแจรีบกุลีกุจอวิ่งเอามือถือไปคืนฮีซอลก่อนจะเดินตัวลีบไปหาที่พึ่งที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์กันอย่างสบายอารมณ์
“หายงอนกันแล้วใช่มั้ย?” อีทึกหันมาถามน้องชายที่เพิ่งเดินมานั่งข้างๆ ซองมินหัวเราะคิกทั้งที่พายฟักทองยังเต็มปาก
“ใครงอนใครครับ?” นอกจากจะไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนแซว เขายังเข้าใจไปว่าอีทึกกำลังแซวซองมินเรื่องงอนคยูฮยอนที่ต้องไปทำงานไกลถึงจีนอีกต่างหาก
“นายกับซีวอนนั่นแหละ คุยกันดีแล้วใช่มั้ย” ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อทันทีที่เข้าใจความหมายของพี่ชาย เมื่อวานไม่น่าแสดงอาการให้พี่ทึกเห็นเลยให้ตายเถอะ
“เปล่าซักหน่อย” ขยับปากบ่นงุบงิบก่อนจะย้ายไปนั่งแย่งซองมินกินพายฟักทองแก้เขิน พี่ชายคนสวยเพียงแค่หัวเราะอย่างนึกขำ ไม่คิดที่จะซักไซร้ต่อเพราะเมื่อกี้ฮีซอลเดินออกมาส่งสัญญาณแล้วว่าทุกอย่างโอเคดี
ไม่ได้ละลาบละล้วงเสียหน่อย
แค่นึกเป็นห่วงน้องเท่านั้นเอง
“ล่าม...ภาษาเมืองยิ้มสวย ภาษาเมืองยิ้มสวย...ภาษาอะไรวะเนี่ย” บ่นกับตัวเองพลางมองกระดาษในมืออย่างจนปัญญา อีทึกเหลือบมองน้องชายก่อนจะถอนใจเบาๆ กำหนดเข้าใกล้มาทุกทีแต่ก็ยังไม่มีใครแก้ปัญหานี้ออก แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดมันไม่ใช่เรื่องนี้
วันสุดท้ายที่ว่า...มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ
“หน้าเครียดกันเชียว มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนุ่มๆ” สต๊าฟสาวประจำคลื่นวิทยุที่มีหน้าที่คอยดูแลดีเจทั้งสองถามด้วยน้ำเสียงติดเป็นห่วง จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่มาถึงสถานีเด็กสองคนนี้เอาแต่ผลัดกันถอนหายใจจนสต๊าฟใจไม่ดีกันทั่วหน้าแล้ว
“อ้าว! สวัสดีครับพี่ยองเอ นี่ถืออะไรมาเพียบเลย” อีทึกที่หลุดออกจากภวังค์ได้เป็นคนแรกรีบเอ่ยทักทายพี่สาวคนสวยทันที
“ขนมจากประเทศไทยหน่ะ พอดีเพื่อนพี่ที่เป็นคนไทยเขามาหาที่สถานีเลยซื้อขนมไทยมาเพียบเลย พี่ก็เลยเอามาแจกทุกคน ส่วนในถุงนี้เป็นของพวกเธอสองคนจ๊ะ” ยื่นถุงให้ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งอีทึกเป็นฝ่ายหยิบกล่องขนมออกมาดู ขนมไทยหลากชนิดถูกจัดเรียงอย่างดีในกล่องพลาสติกใส คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว สองพี่น้องหันขวับมามองหน้าก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน
“ภาษาเมืองยิ้มสวย สยามเมืองยิ้ม...ประเทศไทย!”
“พี่ยองเอครับ เพื่อนพี่ยังอยู่หรือเปล่าผมอยากพบเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
“C plead love pain closely งั้นหรอ?” หญิงสาวมองกระดาษเจ้าปัญหาก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ ในระหว่างที่กำลังรอบูทเครื่องเพาเวอร์บุคส่วนตัวอยู่
“ถ้าแปลตามศัพท์ภาษาอังกฤษผมว่ามันไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แล้วล่าสุดมีคำใบ้บอกว่า [ล่าม...ภาษาเมืองยิ้มสวย] พวกผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นภาษาไทย ผมถึงอยากให้พี่ลองช่วยแปลเป็นภาษาไทยให้หน่อยหน่ะครับ”
“ถ้าแปลภาษาไทยตรงๆมันก็ได้ความหมายไม่ต่างกันหรอก” หล่อนบอกพลางยิ้มแหยๆ แต่พอเห็นสีหน้าเหมือนโลกกำลังสลายของเจ้าพ่อขาแร็พประจำวงก็อดเห็นใจไม่ได้
“ยังไงพี่ก็ขอลองดูก็แล้วกัน” หญิงสาวหยิบกระดาษโน้ตในกระเป๋าออกมาจดหยุกหยิกท่ามกลางความสนใจของบุคคลที่เหลืออีกสามคนที่คอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ ในเมื่อใช้มุมมองคนทั่วไปไม่ได้ก็ขอใช้มุมมองสาววายหน่อยก็แล้วกัน
C - ซี
plead ร้องของ วอนขอ
love - รัก
pain เจ็บปวด...เคล็ด ขัด ยอก
closely ใกล้ชิด ติดแจ
“อ๊ะ!” ดีดนิ้วเป๊าะพลางวงรอบคำที่น่าจะเป็นไปได้ หล่อนเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มสองคนที่กำลังลุ้นคำตอบใจแทบขาดก่อนจะเอ่ยถาม
“ขอถามอะไรนิดหน่อยนะ การ์ดนี้ส่งมาให้ใคร” คำตอบมันก็พอบอกได้ว่าเป็นของใคร แต่อย่างน้อยขอความชัวร์หน่อยเถอะ ไม่อยากเข้าข้างความคิดของตัวเองเท่าไหร่เพราะคนที่เป็นสาววายมักจะไวกับเรื่องแบบนี้เสมอ
“ของผมครับ” ฮยอกแจตอบพร้อมยกมือยืนยันตัวตน ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับ
“ฮึนฮยอก ชื่อจริงชื่อฮยอกแจใช่มั้ย?”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวรอดูนี่นะ ” โปรแกรมแปลไทยเป็นอังกฤษถูกเปิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคภาษาไทยที่แปลออกมาได้ใส่ลงไปก่อนจะกดแปลภาษา ริมฝีปากบางยิ้มอย่างพอใจเมื่อผลที่ได้ไม่ทำให้หล่อนผิดหวังแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงกวักมือเรียกให้ทุกคนมารวมตัวดูผลกันที่หน้าจอ
“ประโยคภาษาอังกฤษนี่คือคำแปลจากภาษาไทยในช่องข้างบนหน่ะ” อธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคนดูจะไม่เข้าใจนัก
“แล้วประโยคภาษาไทยนี่อ่านว่าอะไรครับ?” ฮยอกแจถามอย่างกระตือรือร้น ไม่น่าเชื่อ...ในที่สุดก็สำเร็จ ปริศนาไขกระจ่างแล้ว เย้!~
“จะให้พี่พูดตรงนี้หรือว่าลองจะฟังคนเดียวก่อนดีหล่ะ?”
“ทำไมหล่ะครับ?” บอกตามตรงเขาไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายหรอกนะ แต่รอยยิ้มพี่สาวคนนี้ชักทำเขาหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่แค่กลัวน้องจะเขินเท่านั้นเอง แต่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็คนสนิทกันทั้งนั้นเนอะ งั้นพี่พูดเป็นภาษาไทยแล้วกัน พวกเราไปไทยกันบ่อยน่าจะพอฟังกันออกแหละ” ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหยิบกระดาษปริศนาที่ทำให้เจ้าของกระวนกระวายอยู่ร่วมเดือนขึ้นมา
“C plead love pain closely”
“ซีวอนรักฮยอกแจ”
“คนบ้า! ทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้ยังไงกันนะ หน้านายทำด้วยอะไรกัน ชเว ซีวอน!” ฟาดหมอนข้างลงกับเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะล้มตัวลงนอนหงายอย่างหมดแรง แต่สายตาเจ้ากรรมกลับเหลือบไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนที่อยู่ตรงหัวเตียง ทั้งหน้าพลันขึ้นสีระเรื่อ รู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ทั้งพี่ทึก พี่ยองเอ แล้วก็เพื่อนพี่ยองเอ
วิธีบอกรักของนายมันประกาศโจ่งแจ้งเกินไปแล้วเว้ย!
อี ฮยอกแจ อับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครแล้วนะ รู้มั้ย!
“พรุ่งนี้ไม่อยากตื่นเลยให้ตายเถอะ” บ่นเสียงอู้อี้ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปใต้หมอนและเข้าสู่นิทราไปอย่างรวดเร็ว ความฝันคืนนี้ฉันไม่ต้อนรับนาย เพราะงั้นหยุดเจอกันซักคืนแล้วกัน คนบ้า!
“ฮยอกแจ!~ วันนี้มีของแนบมาด้วยแหละ” ซองมินวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องรับแขกก่อนจะยื่นการ์ดให้เพื่อนรัก ฮยอกแจเหลือบมองอีทึกที่กลั้นยิ้มขำแทบตายก่อนจะยื่นมือไปรับการ์ดอย่างเสียมิได้ ขอบคุณสวรรค์ที่พี่ทึก พี่ยองเอและเพื่อนสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด นอกจากว่าตัวเขาจะเป็นฝ่ายตัดสินใจพูดเรื่องนี้เอง
“ให้กุญแจมาทำไมเนี่ย” หลังกระดาษนั้นติดกุญแจดอกเล็กมาด้วยหนึ่งดอก ซึ่งข้อความที่ให้มายังคงเป็นประโยคเดิม...ประโยคที่เขารู้ความหมายแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการบอกอะไร
“นายแปลออกหรือยังฮยอกแจ บางที่มันอาจจะเกี่ยวกับกุญแจดอกนี้ก็ได้นะ” ซองมินที่ยังคงเชื่อว่าเพื่อนยังแปลคำใบ้ไม่ออกได้แต่ถามหน้าซื่อ อีทึกถึงกลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“พี่ทึกขำอะไรหรอครับ?”
“ก็...รายการนี้ตลกดีเนอะ” รีบไถลออกไปเรื่องอื่นเมื่อเหลือบเห็นสายตาที่ส่งมาจากน้องชายที่พยายามแปลงร่างจากไก่เป็นสิงโตขู่เขาอยู่ตอนนี้
อยากให้ซีวอนมาเห็นจริงๆเลยให้ตายเถอะ
“แล้วให้แต่กุญแจจะรู้อะไรหล่ะเนี่ย” กระต่ายน้อยบ่นพลางทำหน้ายู่ ชักไม่สนุกแล้วนะเนี่ย
“ปริศนาสุดท้ายอาจจะมาวันพรุ่งนี้ก็ได้ คราวก่อนก็บอกแล้วนี่ว่าวันสุดท้ายวันที่สี่เมษา” อีทึกเอ่ยพลางหยิบขนมปังกรอบในจานเคี้ยวตุ้ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องกังวลใจเกี่ยวกับการ์ดใบนี้อีกแล้ว
“อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจังเลย มันอาจจะเป็นวันเกิดที่เซอร์ไพร์สที่สุดในชีวิตของนายเลยก็ได้นะฮยอกแจ” เอ่ยกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ซองมินผู้ซึ่งยังไม่รู้อะไรช่างคิดอะไรได้น่ารักสมตัวเสียจริงๆ มันไม่มีอะไรเซอร์ไพร์สเท่ากับวันที่ฉันรู้ความหมายของประโยคนั่นอีกแล้วหล่ะเพื่อน ไม่น่าจะมีแล้วหล่ะมั้งนะ
นายคงไม่ทำให้ฉันตกใจอีกแล้วใช่มั้ยซีวอน?
“อิจฉาคนได้ของขวัญจริงๆเลย~~” เอ่ยแซวเจ้าของวันเกิดที่หอบถุงของขวัญที่แฟนเพลงเอาไปมอบให้ที่รายการวิทยุเรียกได้ว่าเป็นของขวัญต้อนรับวันเกิดกันแต่หัววันเลยทีเดียว
“อะไรกันพี่ทึก วันเกิดพี่ได้เยอะกว่าผมอีกนะ”
“แซวเฉยๆหน่า” หัวเราะคิกคักก่อนจะควานหากุญแจในกระเป๋า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอการ์ดใบหนึ่งสอดอยู่ใต้ประตู
“เลิฟการ์ดใบสุดท้ายมาแล้ว” ก้มลงหยิบก่อนจะนำมาโบกไปมาตรงหน้าน้องชาย ฮยอกแจแทบปล่อยของทุกอย่างในมือทิ้งเพื่อจะคว้าการ์ดนั้นมา แต่อีทึกก็ไวกว่า พี่ชายคนสวยรีบวิ่งเข้าไปในบ้านปล่อยให้น้องรักยืนหน้าเหวออยู่หน้าประตูอยู่เป็นนานกว่าจะได้สติวิ่งโวยวายตามเข้าไป
“พี่ทึกอ่า อย่าแกล้งผมสิ” ถุงของขวัญของเหล่าบรรดาแฟนเพลงถูกนำไปวางไว้ที่โซฟาในห้องรับแขกก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งตามพี่ชายที่ทำท่าจะหนีเข้าห้องนอนไป
“ไม่แกล้งแล้วก็ได้” ยิ้มให้อย่างเอ็นดู มือเรียวขยี้ผมน้องชายอย่างหมันเขี้ยวก่อนจะยื่นการ์ดให้แล้วขอตัวไปนอน เพราะวันนี้ในรายการเขาคึกเกินไป เพลียอยู่เหมือนกัน
“ราตรีสวัสดิ์ครับ” บอกกับพี่ชายก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โซฟา กระดาษใบสุดท้ายแล้วสินะเนี่ย ทำไมมันตื่นเต้นจังเลยนะ
“เอ๊ะ? วันนี้มาไม่เหมือนเดิมแฮะ” ไม่มีประโยคบอกรักนั่นแล้วหรอ พลิกซ้ายพลิกขวาก็เจอแต่กระดาษเปล่า นายจะแกล้งอะไรฉันเนี่ยเจ้าโย่ง
“ไม่เห็นจะเซอร์ไพร์สเลย”
“จริงหรอ?” เสียงทุ้มกระซิบถามข้างริมหู เจ้าของวันเกิดดีดตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปทางต้นเสียง อะไรกันเนี่ย!
“ซีวอน?!”
“แล้วนายเห็นเป็นใครหล่ะ? พี่ฮัน? คยูฮยอน? คิบอม?” หัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาคนตัวเล็กที่ยังคงยืนอึ้งมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“มาได้ยังไง” เอ่ยถามร่างสูงที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ตรงหน้า
“นั่งเครื่องบินมา”
“แล้วงาน?”
“ลา”
“แล้วนี่ตกลงว่าแปลความหมายการ์ดใบนั้นออกแล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานพอสมควร
“อ่า ไม่ ไม่รู้!” ยกมือปัดไปมาให้วุ่นวายก่อนจะเดินหนีไปดื้อๆ ซึ่งซีวอนก็เพียงแค่เดินตามไปอย่างไม่รีบร้อนอะไรเพราะรู้ดีว่าฮยอกแจจะต้องหนีไปไหน
ห้องนอน
“ตกใจหมดเลย” พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลัง พอรู้ว่าเขาแปลความหมายออกก็เริ่มวาดลวดลายเชียวนะเจ้าครึ่งสิงโตครึ่งปลาหมึก!
“เดินหนีฉันทำไม หืม?” กระซิบถามก่อนจะหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ คนถูกลวนลามถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ เฮ้ยยยยย!
“ทะ ทำอะไรหน่ะ!” สะบัดตัวออกอย่างวงแขนกว้าง หันมาถามเสียงเขียว
“หอมแก้มไง แก้มนายนุ้มนุ่มดีจัง” เบี่ยงตัวหลบมือเรียวที่ตวัดฟาดลงมา แขนแกร่งตวัดโอบเอวบางแล้วดึงคนฤทธิ์เยอะเข้ามาในอ้อมกอด
“ฮยอกแจอ่า นายก็รู้แล้วนี่ว่าฉันรักนาย”
“แล้วบอกฉันตรงๆไม่ได้หรือไง ปล่อยให้ปวดหัวอยู่ตั้งนาน นึกว่าจะถูกแอนตี้แฟนหมายหัวไว้ซะอีก” เป่าแก้มป่องอย่างงอนๆ ตั้งเกือบเดือนเชียวนะที่นายแกล้งฉัน รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าทำคนอื่นเขาคิดมากแค่ไหน
“ฮ่าๆ ถ้าบอกกันเฉยๆมันก็ไม่เซอร์ไพร์สหน่ะสิ” ชิงหอมแก้มนุ่มๆไปอีกฟอด
“เซอร์ไพร์สตายหล่ะ”
“ฉันมาสารภาพรักกับนายขนาดนี้แล้วไม่คิดจะบอกอะไรกับฉันบ้างหรอ? ฉันรอฟังคำตอบจากนายอยู่นะ” คนถูกถามหน้าแดงไปไหนต่อไหน
“ถ้าไม่รักแล้วจะยืนบื่อให้นายฉวยโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่แบบนี้หรือไง ทีคิดเรื่องปริศนานั่นยังทำได้ คิดเรื่องแค่นี้ไม่ออกหรือไง?!” ฟาดฝ่ามือใส่อย่างหมันไส้ก่อนจะเดินไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่เตียงนอน
“ตอนนี้ตีหนึ่งของวันที่สี่ ไหนหล่ะของขวัญ” รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเกินทานทนกับสายตาสื่อความนัยลึกซึ้งของอีกฝ่าย นายเพิ่งบอกรักฉันวันนี้เองนะ อย่าแม้แต่จะมาลากฉันเข้าไปสู่สังเวียนบนเตียงเชียว พ่อจะด่าเป็นท่อนแร็พให้กลายร่างเป็นสิงโตหงอยซะเลย
“ให้ไปแล้วนะ ตั้งแต่วันที่สามแล้วด้วย” คิ้วเรียวขมวดเป็นปมแน่นพลางคิดตาม วันที่สามงั้นหรอ
“กุญแจดอกนั้น?”
“ที่รักใครเนี่ย ทั้งน่ารัก ทั้งฉลาด” ร่างสูงรีบพาตัวเองมานั่งลงข้างๆก่อนจะดึงไก่น้อยให้ย้ายมานั่งที่ตักของตัวเอง คว้ามือเรียวขึ้นจูบเบาๆก่อนวางกล่องไม้ใบหนึ่งตามลงไป
“อะไรหน่ะซีวอน”
“กล่องแห่งความรัก” ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม ฮยอกแจมองกล่องในมืออย่างสนใจ มือเรียวพยายามเปิดกล่องนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ซีวอน~” ยกมือขึ้นเกาแขนอ้อนๆราวกับเด็กอยากได้ของเล่น ชายหนุ่มอมยิ้มเอ็นดูก่อนจะจูบเบาๆที่ข้างขมับ
“ไขด้วยกุญแจดอกนี้สิครับคนดี” ฮยอกแจรีบลุกเดินไปที่กล่องเล็กๆตรงหัวเตียงซึ่งเขาเอาไว้เก็บการ์ดปริศนามาตลอดหนึ่งเดือน มือเรียวหยิบกุญแจดอกเล็กออกมาก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆร่างสูง
“ไขหล่ะนะ” เมื่อล็อคถูกปลดออก มือเรียวก็เปิดฝากล่องขึ้นอย่างตื่นเต้น ภายในเป็นดอกตูมของดอกไม้ชนิดหนึ่ง เหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจแต่เมื่อมองอยู่ซักพักดอกตูมนั้นก็เริ่มผลิบานขึ้นเป็นดอกไม้แสนสวย ริมฝีปากบางยิ้มกว้างราวกับเจอของเล่นถูกใจ กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้กระตุ้นให้ก้มลงไปสูดกลิ่นหอมให้มากขึ้น
“สวยจังเลยซีวอน หอมด้วย”
“ดีใจที่นายชอบนะ สุขสันต์วันเกิดนะฮยอกแจ” ดึงเจ้าของวันเกิดมากอดหอมอีกนับไม่ถ้วน ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักลงกับตัวเขาเต็มที่
“วันเกิดนายทั้งที ฉันให้ของขวัญแค่นี้มันน้อยไป ฉันยังมีอะไรให้นายอีกเยอะนะ ที่รัก”
End of part love box.
มันยังมีอีกตอน?
อ่า มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เมื่อจู่ๆก็มีตอนเพิ่มเข้ามาในหัว
เจอกันตอนหน้าว่าซีวอนจะทำอะไรฮยอกแจของคุณแม่
อิอิ
Pairing :: WonHyuk
Author :: kobamura
Rating :: PG-13
Author’s Note :: เรื่องทุกอย่างก็เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติขึ้นเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงนะคะ
ปล.ฟิคฉลองวันเกิดลูกเขย รหัสลับเฉลยแล้วนะคะ
ปล. ควรอ่านเรื่อง Love Card ก่อนนะคะ
“ชักเครียดแล้วนะเนี่ย” เปรยออกมาเบาๆกับบรรดากระดาษใบเล็กที่กองอยู่เต็มเตียงนอน อีกสี่วันเองหรอ? ขนาดให้เวลาเขามาเกือบเดือนยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วนี่ สี่วัน?
“ฮยอกแจ!” เสียงเคาะประตูราวกับจะพังประตูเข้ามาบวกกับเสียงเรียกเหมือนตะคอกอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวนั้นกระตุ้นให้ไก่น้อยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตูทันที
“พี่ฮีซอลมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” รีบชิงถามก่อนที่นางพญาจะวีนใส่โทษฐานเปิดประตูไม่ทันใจ ซึ่งคนสวยก็เพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้
“ฮันคยอง” บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะเดินจากไปโดยที่ฮยอกแจแย้งอะไรไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องยกมือถือขึ้นมาคุยกับคนปลายสาย
“พี่ฮันมีอะไรกับผมหรอครับ”
“พี่ฮันไม่มี แต่ฉันมี” เสียงปลายสายที่คุ้นเคยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจเล็กน้อย
“แล้วนายมีอะไรกับฉันหล่ะ? มันเร่งด่วนถึงขนาดต้องโทรเข้าเครื่องพี่ฮีซอลแล้วบอกว่าเป็นพี่ฮันด้วยหรอ” อะไรของเขาเนี่ย จู่ๆมาอารมณ์เสียใส่ ถึงฉันจะแอบชอบนายอยู่แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของนายนะเว้ย ไอ้คุณชาย!
“ก็คิดว่านายต้องไม่ปฏิเสธที่จะคุยกับพี่ฮันไง ถ้าบอกว่าเป็นฉันนายก็คงทำเหมือนเมื่อวาน” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อจนรู้สึกได้
“ นายกดตัดสายฉันทำไมฮยอกแจ”
“แล้วนายมากวนประสาทฉันทำไมหล่ะ ฉันไม่ผิดนะ” รีบเอ่ยแก้ตัวเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปมันกำลังทำให้อีกฝ่ายน้อยใจ เห็นซีวอนถึกๆแบบนั้นตัวจริงหมอนี่ก็อ่อนไหวไม่แพ้เขาหรอก เมื่อวานเขาคงโมโหแรงไปหน่อย ลืมไปสนิทเลย ซีวอนไม่ชอบให้ใครตัดสายเขาโดยที่ไม่ได้บอกคำลาก่อน แถมเมื่อวานเขาตัดสายหมอนี่ไปถึงสองครั้ง ดูท่าจะงอนน่าดูถึงได้โทรเข้าทางพี่ฮีซอล
มีใครในบ้านบ้างที่กล้าขัดใจเจ้าแม่อย่างฮีซอล
นรกเห็นๆ
“ก็ฉันมาโทรมาขอโทษแล้วไง นายกลับปิดเครื่องหนีฉัน พอฉันโทรเข้าเครื่องพี่ทึก นายก็กดตัดสายทิ้งไม่ยอมคุยกับฉัน”
“ขอโทษก็ได้ เลิกตัดพ้อฉันเสียที จะต้องให้ฉันรู้สึกผิดไปถึงไหน” เป็นอะไรของเขาอีก? คนที่สมควรจะงอนควรเป็นฉันสิ ทำไมฉันต้องมานั่งง้อนายด้วยหล่ะ
“ฮยอกแจอ่า~” นี่มันเสียงโทนไหนกันเนี่ย นึกถึงซีวอนตอนทำหน้าอ้อนๆเอาคางถูไหล่เหมือนแมวตัวน้อยๆแล้วมันน่าขนลุกพิกล
“อะไร?”
“ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ”
“รู้แล้ว ฉันก็คิดถึงนาย” เอ่ยตอบไปทั้งที่รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า นายทำให้ฉันหวั่นไหวกับคำพูดของนายอีกแล้วนะซีวอน รู้ตัวบ้างมั้ยว่านายทำให้เพื่อนของนายคนนี้หลงตัวเองเข้าไปทุกวัน
“งั้นถ้าฉันกลับไปเกาหลีแล้วเราไปเดทกันนะ”
“อืม เฮ้ย!” ตอบรับไปเสียดิบดีก่อนที่นัยน์ตาเรียวจะเบิกกว้างเมื่อเข้าใจความหมายนั้นแจ่มแจ้ง นายพูดอะไรออกมาหน่ะซีวอน นายพูดอะไรออกมา ไม่ตลกแล้วนะเว้ย
“นายตอบตกลงแล้วนะ ฉันต้องไปทำงานต่อแล้วหล่ะ ไว้คุยกันอีกนะ บาย”
“เฮ้ย! ซีวอน! มาคุยให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ ซีวอน!” โวยวายกับปลายสายที่เหลือเพียงสัญญาณว่างเปล่า เดทอะไรกัน บ้ากันไปใหญ่แล้ว นายจะมาทำเหมือนเราคบกันอยู่ไม่ได้นะ
ฉันยังไม่ได้บอกรักนายเลยนะ
ไอ้คนขี้ตู่!
“โวยวายอยู่นั่นแหละ ถ้าคุยเสร็จแล้วก็เอามือถือฉันมาซักทีสิ ฉันจะได้โทรไปสั่งให้ดาร์ลิงฉันซื้อของฝากบ้าง!” สะดุ้งสุดตัวกับเสียงแหลมปี๊ดที่ส่งตรงมาจากหน้าประตู ฮยอกแจรีบกุลีกุจอวิ่งเอามือถือไปคืนฮีซอลก่อนจะเดินตัวลีบไปหาที่พึ่งที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์กันอย่างสบายอารมณ์
“หายงอนกันแล้วใช่มั้ย?” อีทึกหันมาถามน้องชายที่เพิ่งเดินมานั่งข้างๆ ซองมินหัวเราะคิกทั้งที่พายฟักทองยังเต็มปาก
“ใครงอนใครครับ?” นอกจากจะไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนแซว เขายังเข้าใจไปว่าอีทึกกำลังแซวซองมินเรื่องงอนคยูฮยอนที่ต้องไปทำงานไกลถึงจีนอีกต่างหาก
“นายกับซีวอนนั่นแหละ คุยกันดีแล้วใช่มั้ย” ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อทันทีที่เข้าใจความหมายของพี่ชาย เมื่อวานไม่น่าแสดงอาการให้พี่ทึกเห็นเลยให้ตายเถอะ
“เปล่าซักหน่อย” ขยับปากบ่นงุบงิบก่อนจะย้ายไปนั่งแย่งซองมินกินพายฟักทองแก้เขิน พี่ชายคนสวยเพียงแค่หัวเราะอย่างนึกขำ ไม่คิดที่จะซักไซร้ต่อเพราะเมื่อกี้ฮีซอลเดินออกมาส่งสัญญาณแล้วว่าทุกอย่างโอเคดี
ไม่ได้ละลาบละล้วงเสียหน่อย
แค่นึกเป็นห่วงน้องเท่านั้นเอง
“ล่าม...ภาษาเมืองยิ้มสวย ภาษาเมืองยิ้มสวย...ภาษาอะไรวะเนี่ย” บ่นกับตัวเองพลางมองกระดาษในมืออย่างจนปัญญา อีทึกเหลือบมองน้องชายก่อนจะถอนใจเบาๆ กำหนดเข้าใกล้มาทุกทีแต่ก็ยังไม่มีใครแก้ปัญหานี้ออก แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดมันไม่ใช่เรื่องนี้
วันสุดท้ายที่ว่า...มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ
“หน้าเครียดกันเชียว มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนุ่มๆ” สต๊าฟสาวประจำคลื่นวิทยุที่มีหน้าที่คอยดูแลดีเจทั้งสองถามด้วยน้ำเสียงติดเป็นห่วง จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่มาถึงสถานีเด็กสองคนนี้เอาแต่ผลัดกันถอนหายใจจนสต๊าฟใจไม่ดีกันทั่วหน้าแล้ว
“อ้าว! สวัสดีครับพี่ยองเอ นี่ถืออะไรมาเพียบเลย” อีทึกที่หลุดออกจากภวังค์ได้เป็นคนแรกรีบเอ่ยทักทายพี่สาวคนสวยทันที
“ขนมจากประเทศไทยหน่ะ พอดีเพื่อนพี่ที่เป็นคนไทยเขามาหาที่สถานีเลยซื้อขนมไทยมาเพียบเลย พี่ก็เลยเอามาแจกทุกคน ส่วนในถุงนี้เป็นของพวกเธอสองคนจ๊ะ” ยื่นถุงให้ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งอีทึกเป็นฝ่ายหยิบกล่องขนมออกมาดู ขนมไทยหลากชนิดถูกจัดเรียงอย่างดีในกล่องพลาสติกใส คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว สองพี่น้องหันขวับมามองหน้าก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน
“ภาษาเมืองยิ้มสวย สยามเมืองยิ้ม...ประเทศไทย!”
“พี่ยองเอครับ เพื่อนพี่ยังอยู่หรือเปล่าผมอยากพบเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
“C plead love pain closely งั้นหรอ?” หญิงสาวมองกระดาษเจ้าปัญหาก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ ในระหว่างที่กำลังรอบูทเครื่องเพาเวอร์บุคส่วนตัวอยู่
“ถ้าแปลตามศัพท์ภาษาอังกฤษผมว่ามันไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ แล้วล่าสุดมีคำใบ้บอกว่า [ล่าม...ภาษาเมืองยิ้มสวย] พวกผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นภาษาไทย ผมถึงอยากให้พี่ลองช่วยแปลเป็นภาษาไทยให้หน่อยหน่ะครับ”
“ถ้าแปลภาษาไทยตรงๆมันก็ได้ความหมายไม่ต่างกันหรอก” หล่อนบอกพลางยิ้มแหยๆ แต่พอเห็นสีหน้าเหมือนโลกกำลังสลายของเจ้าพ่อขาแร็พประจำวงก็อดเห็นใจไม่ได้
“ยังไงพี่ก็ขอลองดูก็แล้วกัน” หญิงสาวหยิบกระดาษโน้ตในกระเป๋าออกมาจดหยุกหยิกท่ามกลางความสนใจของบุคคลที่เหลืออีกสามคนที่คอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ ในเมื่อใช้มุมมองคนทั่วไปไม่ได้ก็ขอใช้มุมมองสาววายหน่อยก็แล้วกัน
C - ซี
plead ร้องของ วอนขอ
love - รัก
pain เจ็บปวด...เคล็ด ขัด ยอก
closely ใกล้ชิด ติดแจ
“อ๊ะ!” ดีดนิ้วเป๊าะพลางวงรอบคำที่น่าจะเป็นไปได้ หล่อนเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มสองคนที่กำลังลุ้นคำตอบใจแทบขาดก่อนจะเอ่ยถาม
“ขอถามอะไรนิดหน่อยนะ การ์ดนี้ส่งมาให้ใคร” คำตอบมันก็พอบอกได้ว่าเป็นของใคร แต่อย่างน้อยขอความชัวร์หน่อยเถอะ ไม่อยากเข้าข้างความคิดของตัวเองเท่าไหร่เพราะคนที่เป็นสาววายมักจะไวกับเรื่องแบบนี้เสมอ
“ของผมครับ” ฮยอกแจตอบพร้อมยกมือยืนยันตัวตน ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับ
“ฮึนฮยอก ชื่อจริงชื่อฮยอกแจใช่มั้ย?”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวรอดูนี่นะ ” โปรแกรมแปลไทยเป็นอังกฤษถูกเปิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคภาษาไทยที่แปลออกมาได้ใส่ลงไปก่อนจะกดแปลภาษา ริมฝีปากบางยิ้มอย่างพอใจเมื่อผลที่ได้ไม่ทำให้หล่อนผิดหวังแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงกวักมือเรียกให้ทุกคนมารวมตัวดูผลกันที่หน้าจอ
“ประโยคภาษาอังกฤษนี่คือคำแปลจากภาษาไทยในช่องข้างบนหน่ะ” อธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคนดูจะไม่เข้าใจนัก
“แล้วประโยคภาษาไทยนี่อ่านว่าอะไรครับ?” ฮยอกแจถามอย่างกระตือรือร้น ไม่น่าเชื่อ...ในที่สุดก็สำเร็จ ปริศนาไขกระจ่างแล้ว เย้!~
“จะให้พี่พูดตรงนี้หรือว่าลองจะฟังคนเดียวก่อนดีหล่ะ?”
“ทำไมหล่ะครับ?” บอกตามตรงเขาไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายหรอกนะ แต่รอยยิ้มพี่สาวคนนี้ชักทำเขาหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่แค่กลัวน้องจะเขินเท่านั้นเอง แต่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็คนสนิทกันทั้งนั้นเนอะ งั้นพี่พูดเป็นภาษาไทยแล้วกัน พวกเราไปไทยกันบ่อยน่าจะพอฟังกันออกแหละ” ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหยิบกระดาษปริศนาที่ทำให้เจ้าของกระวนกระวายอยู่ร่วมเดือนขึ้นมา
“C plead love pain closely”
“ซีวอนรักฮยอกแจ”
“คนบ้า! ทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้ยังไงกันนะ หน้านายทำด้วยอะไรกัน ชเว ซีวอน!” ฟาดหมอนข้างลงกับเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะล้มตัวลงนอนหงายอย่างหมดแรง แต่สายตาเจ้ากรรมกลับเหลือบไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนที่อยู่ตรงหัวเตียง ทั้งหน้าพลันขึ้นสีระเรื่อ รู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ทั้งพี่ทึก พี่ยองเอ แล้วก็เพื่อนพี่ยองเอ
วิธีบอกรักของนายมันประกาศโจ่งแจ้งเกินไปแล้วเว้ย!
อี ฮยอกแจ อับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครแล้วนะ รู้มั้ย!
“พรุ่งนี้ไม่อยากตื่นเลยให้ตายเถอะ” บ่นเสียงอู้อี้ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปใต้หมอนและเข้าสู่นิทราไปอย่างรวดเร็ว ความฝันคืนนี้ฉันไม่ต้อนรับนาย เพราะงั้นหยุดเจอกันซักคืนแล้วกัน คนบ้า!
“ฮยอกแจ!~ วันนี้มีของแนบมาด้วยแหละ” ซองมินวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องรับแขกก่อนจะยื่นการ์ดให้เพื่อนรัก ฮยอกแจเหลือบมองอีทึกที่กลั้นยิ้มขำแทบตายก่อนจะยื่นมือไปรับการ์ดอย่างเสียมิได้ ขอบคุณสวรรค์ที่พี่ทึก พี่ยองเอและเพื่อนสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด นอกจากว่าตัวเขาจะเป็นฝ่ายตัดสินใจพูดเรื่องนี้เอง
“ให้กุญแจมาทำไมเนี่ย” หลังกระดาษนั้นติดกุญแจดอกเล็กมาด้วยหนึ่งดอก ซึ่งข้อความที่ให้มายังคงเป็นประโยคเดิม...ประโยคที่เขารู้ความหมายแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการบอกอะไร
“นายแปลออกหรือยังฮยอกแจ บางที่มันอาจจะเกี่ยวกับกุญแจดอกนี้ก็ได้นะ” ซองมินที่ยังคงเชื่อว่าเพื่อนยังแปลคำใบ้ไม่ออกได้แต่ถามหน้าซื่อ อีทึกถึงกลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“พี่ทึกขำอะไรหรอครับ?”
“ก็...รายการนี้ตลกดีเนอะ” รีบไถลออกไปเรื่องอื่นเมื่อเหลือบเห็นสายตาที่ส่งมาจากน้องชายที่พยายามแปลงร่างจากไก่เป็นสิงโตขู่เขาอยู่ตอนนี้
อยากให้ซีวอนมาเห็นจริงๆเลยให้ตายเถอะ
“แล้วให้แต่กุญแจจะรู้อะไรหล่ะเนี่ย” กระต่ายน้อยบ่นพลางทำหน้ายู่ ชักไม่สนุกแล้วนะเนี่ย
“ปริศนาสุดท้ายอาจจะมาวันพรุ่งนี้ก็ได้ คราวก่อนก็บอกแล้วนี่ว่าวันสุดท้ายวันที่สี่เมษา” อีทึกเอ่ยพลางหยิบขนมปังกรอบในจานเคี้ยวตุ้ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องกังวลใจเกี่ยวกับการ์ดใบนี้อีกแล้ว
“อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจังเลย มันอาจจะเป็นวันเกิดที่เซอร์ไพร์สที่สุดในชีวิตของนายเลยก็ได้นะฮยอกแจ” เอ่ยกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ซองมินผู้ซึ่งยังไม่รู้อะไรช่างคิดอะไรได้น่ารักสมตัวเสียจริงๆ มันไม่มีอะไรเซอร์ไพร์สเท่ากับวันที่ฉันรู้ความหมายของประโยคนั่นอีกแล้วหล่ะเพื่อน ไม่น่าจะมีแล้วหล่ะมั้งนะ
นายคงไม่ทำให้ฉันตกใจอีกแล้วใช่มั้ยซีวอน?
“อิจฉาคนได้ของขวัญจริงๆเลย~~” เอ่ยแซวเจ้าของวันเกิดที่หอบถุงของขวัญที่แฟนเพลงเอาไปมอบให้ที่รายการวิทยุเรียกได้ว่าเป็นของขวัญต้อนรับวันเกิดกันแต่หัววันเลยทีเดียว
“อะไรกันพี่ทึก วันเกิดพี่ได้เยอะกว่าผมอีกนะ”
“แซวเฉยๆหน่า” หัวเราะคิกคักก่อนจะควานหากุญแจในกระเป๋า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอการ์ดใบหนึ่งสอดอยู่ใต้ประตู
“เลิฟการ์ดใบสุดท้ายมาแล้ว” ก้มลงหยิบก่อนจะนำมาโบกไปมาตรงหน้าน้องชาย ฮยอกแจแทบปล่อยของทุกอย่างในมือทิ้งเพื่อจะคว้าการ์ดนั้นมา แต่อีทึกก็ไวกว่า พี่ชายคนสวยรีบวิ่งเข้าไปในบ้านปล่อยให้น้องรักยืนหน้าเหวออยู่หน้าประตูอยู่เป็นนานกว่าจะได้สติวิ่งโวยวายตามเข้าไป
“พี่ทึกอ่า อย่าแกล้งผมสิ” ถุงของขวัญของเหล่าบรรดาแฟนเพลงถูกนำไปวางไว้ที่โซฟาในห้องรับแขกก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งตามพี่ชายที่ทำท่าจะหนีเข้าห้องนอนไป
“ไม่แกล้งแล้วก็ได้” ยิ้มให้อย่างเอ็นดู มือเรียวขยี้ผมน้องชายอย่างหมันเขี้ยวก่อนจะยื่นการ์ดให้แล้วขอตัวไปนอน เพราะวันนี้ในรายการเขาคึกเกินไป เพลียอยู่เหมือนกัน
“ราตรีสวัสดิ์ครับ” บอกกับพี่ชายก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โซฟา กระดาษใบสุดท้ายแล้วสินะเนี่ย ทำไมมันตื่นเต้นจังเลยนะ
“เอ๊ะ? วันนี้มาไม่เหมือนเดิมแฮะ” ไม่มีประโยคบอกรักนั่นแล้วหรอ พลิกซ้ายพลิกขวาก็เจอแต่กระดาษเปล่า นายจะแกล้งอะไรฉันเนี่ยเจ้าโย่ง
“ไม่เห็นจะเซอร์ไพร์สเลย”
“จริงหรอ?” เสียงทุ้มกระซิบถามข้างริมหู เจ้าของวันเกิดดีดตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปทางต้นเสียง อะไรกันเนี่ย!
“ซีวอน?!”
“แล้วนายเห็นเป็นใครหล่ะ? พี่ฮัน? คยูฮยอน? คิบอม?” หัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาคนตัวเล็กที่ยังคงยืนอึ้งมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“มาได้ยังไง” เอ่ยถามร่างสูงที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ตรงหน้า
“นั่งเครื่องบินมา”
“แล้วงาน?”
“ลา”
“แล้วนี่ตกลงว่าแปลความหมายการ์ดใบนั้นออกแล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานพอสมควร
“อ่า ไม่ ไม่รู้!” ยกมือปัดไปมาให้วุ่นวายก่อนจะเดินหนีไปดื้อๆ ซึ่งซีวอนก็เพียงแค่เดินตามไปอย่างไม่รีบร้อนอะไรเพราะรู้ดีว่าฮยอกแจจะต้องหนีไปไหน
ห้องนอน
“ตกใจหมดเลย” พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลัง พอรู้ว่าเขาแปลความหมายออกก็เริ่มวาดลวดลายเชียวนะเจ้าครึ่งสิงโตครึ่งปลาหมึก!
“เดินหนีฉันทำไม หืม?” กระซิบถามก่อนจะหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ คนถูกลวนลามถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ เฮ้ยยยยย!
“ทะ ทำอะไรหน่ะ!” สะบัดตัวออกอย่างวงแขนกว้าง หันมาถามเสียงเขียว
“หอมแก้มไง แก้มนายนุ้มนุ่มดีจัง” เบี่ยงตัวหลบมือเรียวที่ตวัดฟาดลงมา แขนแกร่งตวัดโอบเอวบางแล้วดึงคนฤทธิ์เยอะเข้ามาในอ้อมกอด
“ฮยอกแจอ่า นายก็รู้แล้วนี่ว่าฉันรักนาย”
“แล้วบอกฉันตรงๆไม่ได้หรือไง ปล่อยให้ปวดหัวอยู่ตั้งนาน นึกว่าจะถูกแอนตี้แฟนหมายหัวไว้ซะอีก” เป่าแก้มป่องอย่างงอนๆ ตั้งเกือบเดือนเชียวนะที่นายแกล้งฉัน รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าทำคนอื่นเขาคิดมากแค่ไหน
“ฮ่าๆ ถ้าบอกกันเฉยๆมันก็ไม่เซอร์ไพร์สหน่ะสิ” ชิงหอมแก้มนุ่มๆไปอีกฟอด
“เซอร์ไพร์สตายหล่ะ”
“ฉันมาสารภาพรักกับนายขนาดนี้แล้วไม่คิดจะบอกอะไรกับฉันบ้างหรอ? ฉันรอฟังคำตอบจากนายอยู่นะ” คนถูกถามหน้าแดงไปไหนต่อไหน
“ถ้าไม่รักแล้วจะยืนบื่อให้นายฉวยโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่แบบนี้หรือไง ทีคิดเรื่องปริศนานั่นยังทำได้ คิดเรื่องแค่นี้ไม่ออกหรือไง?!” ฟาดฝ่ามือใส่อย่างหมันไส้ก่อนจะเดินไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่เตียงนอน
“ตอนนี้ตีหนึ่งของวันที่สี่ ไหนหล่ะของขวัญ” รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเกินทานทนกับสายตาสื่อความนัยลึกซึ้งของอีกฝ่าย นายเพิ่งบอกรักฉันวันนี้เองนะ อย่าแม้แต่จะมาลากฉันเข้าไปสู่สังเวียนบนเตียงเชียว พ่อจะด่าเป็นท่อนแร็พให้กลายร่างเป็นสิงโตหงอยซะเลย
“ให้ไปแล้วนะ ตั้งแต่วันที่สามแล้วด้วย” คิ้วเรียวขมวดเป็นปมแน่นพลางคิดตาม วันที่สามงั้นหรอ
“กุญแจดอกนั้น?”
“ที่รักใครเนี่ย ทั้งน่ารัก ทั้งฉลาด” ร่างสูงรีบพาตัวเองมานั่งลงข้างๆก่อนจะดึงไก่น้อยให้ย้ายมานั่งที่ตักของตัวเอง คว้ามือเรียวขึ้นจูบเบาๆก่อนวางกล่องไม้ใบหนึ่งตามลงไป
“อะไรหน่ะซีวอน”
“กล่องแห่งความรัก” ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม ฮยอกแจมองกล่องในมืออย่างสนใจ มือเรียวพยายามเปิดกล่องนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ซีวอน~” ยกมือขึ้นเกาแขนอ้อนๆราวกับเด็กอยากได้ของเล่น ชายหนุ่มอมยิ้มเอ็นดูก่อนจะจูบเบาๆที่ข้างขมับ
“ไขด้วยกุญแจดอกนี้สิครับคนดี” ฮยอกแจรีบลุกเดินไปที่กล่องเล็กๆตรงหัวเตียงซึ่งเขาเอาไว้เก็บการ์ดปริศนามาตลอดหนึ่งเดือน มือเรียวหยิบกุญแจดอกเล็กออกมาก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆร่างสูง
“ไขหล่ะนะ” เมื่อล็อคถูกปลดออก มือเรียวก็เปิดฝากล่องขึ้นอย่างตื่นเต้น ภายในเป็นดอกตูมของดอกไม้ชนิดหนึ่ง เหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจแต่เมื่อมองอยู่ซักพักดอกตูมนั้นก็เริ่มผลิบานขึ้นเป็นดอกไม้แสนสวย ริมฝีปากบางยิ้มกว้างราวกับเจอของเล่นถูกใจ กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้กระตุ้นให้ก้มลงไปสูดกลิ่นหอมให้มากขึ้น
“สวยจังเลยซีวอน หอมด้วย”
“ดีใจที่นายชอบนะ สุขสันต์วันเกิดนะฮยอกแจ” ดึงเจ้าของวันเกิดมากอดหอมอีกนับไม่ถ้วน ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักลงกับตัวเขาเต็มที่
“วันเกิดนายทั้งที ฉันให้ของขวัญแค่นี้มันน้อยไป ฉันยังมีอะไรให้นายอีกเยอะนะ ที่รัก”
End of part love box.
มันยังมีอีกตอน?
อ่า มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เมื่อจู่ๆก็มีตอนเพิ่มเข้ามาในหัว
เจอกันตอนหน้าว่าซีวอนจะทำอะไรฮยอกแจของคุณแม่
อิอิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น