คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ย้อนไปในอดีต
หญิงสาว ผิวขาวกระจ่างตามเชื้อสายของบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่ารูปร่างของหล่อนจะไม่ได้เพรียวตามสมัยนิยม แต่ก็ดูสมส่วน อาจเป็นด้วยส่วนสูงของหล่อนที่จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงถ้าเทียบกับหญิงไทยทั่วไป หน้าตาของหล่อนตบแต่งไว้ด้วยเครื่องสำอางบางๆ ทำให้หน้าตาดูอ่อนกว่าวัยที่แท้จริงทั้งๆที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยสามสิบ สีหน้าของหล่อนมีรอยกังวลแสดงออกอยู่ลึกๆ หล่อนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้โดยสารบนเครื่องบินของสายการบินประจำชาติไทย สายตาของหล่อนมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ขณะเดียวกันเสียงของกัปตันประจำเครื่องประกาศว่า อีกไม่นานเครื่องบินจะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนพระอาทิตย์ แต่ดูเหมือนว่าตัวหล่อนนั้นไม่ได้ใส่ใจกับเสียงต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทัวร์ที่ส่งเสียงดังอยู่ด้านหลัง หรือว่า คู่รักชาวไทย ที่อยู่ด้านหน้า หรือแม้กระทั่ง นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ด้านข้าง หล่อนปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่เหมือนกับว่าจะดำดิ่งกลับไปสู่อดีตวันวาน
เหตุการณ์ต่างๆยังแจ่มชัดราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และหล่อนยังเป็นแค่นางสาว สสิตา หรือที่เพื่อนๆเรียกว่า ตา นิสิตเกียรตินิยม อันดับหนึ่ง บัณฑิตจบใหม่ ผู้ซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้มาศึกษาต่อปริญญาโท ด้านวิศวกรรม ณ กรุงโตเกียว หล่อนไม่คิดว่าการเดินทางในครั้งนั้นจะทำให้หล่อนได้เจอเขา ผู้ซึ่งเป็นสาเหตุให้หล่อนต้องนั่งเครื่องบินกลับไปหาเขาในครั้งนี้ หล่อนยังจำถึงบรรยากาศในการขึ้นเครื่องบินเพื่อไปญี่ปุ่นในครั้งนั้นได้อย่างแม่นยำ ตอนนั้นหล่อนทั้งประหม่า ทั้งกังวล ถึงแม้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาจะจัดการเรื่องที่พัก และจะรัปปากว่าจะมารับหล่อนที่สนามบินแน่นอน แต่เนื่องจากเป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรก หล่อนก็อดที่จะกังวลในเรื่องต่างๆไม่ได้ หลังจากเวลาบินผ่านไปหกชั่วโมง หล่อนก็มาถึงยังสนามบินนาริตะ จากเครื่องบินหล่อนมองเห็นแต่ความมืดล้อมรอบสนามบินที่เหมือนกับจะเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างแก่บริเวณนั้น หลังจากลงจากเครื่องบิน อากาศเย็นก็ผ่านเข้ามากระทบตัว หล่อนเดินตามผู้โดยสารคนอื่นไปสู่อาคารผู้โดยสาร ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งหล่อนเองก็ได้รับรู้ถึงความต่างบ้านต่างเมืองเป็นครั้งแรก หลังจากตอบคำถามต่างๆของเจ้าหน้าตามพิธีการ ซึ่งทำให้หล่อนต้องปวดหัวกับภาษาอังกฤษสำเนียงสไตล์ญี่ปุ่นแล้วแล้ว หล่อนก็ไปรับกระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่มารดาอันเป็นที่รักยัดเยียดใส่ของต่างๆมาให้ทั้งที่หล่อนก็พยายามจะปฏิเสธ แต่เนื่องด้วยหล่อนเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างออกจะแข็งแรงจึงไม่มีปัญหากับสัมภาระอันหนักนั้น
หลังจากผ่านขั้นตอนศุลกากร หล่อนก็ผ่านออกมาจากสู่ทางออก ผ่านลอบบี้ สายตาก็พยายามมองหาคนที่ถือป้ายชื่อหล่อน แล้วหล่อนก็เห็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน รูปร่างสูง ผิวขาว หน้าตาสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ถือป้ายที่เขียนชื่อหล่อนเป็นภาษาอังกฤษ หล่อนมองเขาด้วยอาการงุนงงด้วยหล่อนไม่คิดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของหล่อนจะหนุ่มขนาดนี้ หล่อนเดินเข้าไปทักชายหนุ่ม หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ทักหล่อนตามปกติ เขาแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นที่หล่อนไม่คุ้นเคยว่า เขาชื่อ มัตสึดะ ทาเคชิ และอธิบายให้หล่อนทราบว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของหล่อนติดธุระไม่สามารถมารับหล่อนได้ เขาเป็นนักเรียนในแลปเดียวกับหล่อน ซึ่งอาจารย์ไหว้วานให้มารับหล่อน หลังจากฟังคำอธิบายเสร็จ เขาก็จัดแจงพาหล่อนไปที่รถ โดยปล่อยให้หล่อนเข็นสัมภาระต่างๆไปเอง หล่อนได้เพียงแต่คิดในใจว่า
“ทำไม ไม่มีน้ำใจช่วยฉันยกกระเป๋าบ้างเลยนะ ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”
ตลอดทางเขาขับรถไปเงียบๆ โดยไม่ได้ชวนหล่อนคุยเลย ทำให้หล่อนคิดว่า
“ทำไม หมอนี้ถึงได้เย็นชา อย่างนี้เนี่ย”
แต่ในความเงียบ หล่อนเองก็ได้มีโอกาสมองดูชายหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ ชายหนุ่มนั้นจัดว่าผิวพรรณค่อยข้างดี หน้าตาคงแก่เรียน แต่งตัวเรียบร้อย หรืออาจจะเรียกได้ว่าออกจะเชย ในสมัยนี้ ยิ่งกรอบแว่นทองนั้นยิ่งทำให้หน้าตาของชายหนุ่มห่างไกลจากคำว่าทันสมัยไปอีกโข หลังจากขับรถผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ก็เลยเข้าสู่เขตเมือง ชายหนุ่มก็หันมาบอกหล่อนว่า เขาจะพาหล่อนไปที่หอพักก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยจะพาหล่อนไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา หล่อนได้พยักหน้ารับรู้ อีกชั่วโมงต่อมา เขาก็นำหล่อนมาสู่หอพัก พร้อมทั้งคุยติดต่อกับเจ้าหน้าที่หอ และจัดการพาหล่อนไปยังห้องพัก
ก้าวแรกที่หล่อนย่างเข้าไป ห้องนั้นดูแคบและเล็กเมื่อเทียบกับห้องของหล่อนที่เมืองไทย ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่ได้คิดว่าครอบครัวของหล่อนมีฐานะมั่งคั่งมากนักแต่ว่าก็มีกิจการส่วนตัวของครอบครัว ซึ่งทำให้ความเป็นอยู่ของหล่อนจัดได้ว่าค่อนข้างสบาย หลังจากส่งหล่อนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวกลับและบอกว่าจะมารับหล่อนพรุ่งนี้เช้า หล่อนได้แต่บอกขอบคุณเขาเป็นอย่างมากสำหรับวันนี้ ชายหนุ่มได้แต่โค้งรับ และจากไป
หลังจากนั้นหล่อนก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในห้องคนเดียว และรู้สึกเหงาจับใจ ด้วยว่าไม่เคยห่างครอบครัว เนื่องจากหล่อนเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ถีงแม้ว่าหล่อนจะมีน้องชายอีกคน แต่ว่าพ่อและแม่ก็ได้ตามใจหล่อนมาแต่ไหนแต่ไร หลังจากปล่อยให้อารมณ์คิดถึงบ้านพุ่งขึ้นมาไม่นาน หล่อนก็จัดแจงอาบน้ำ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและหลับไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความอ่อนเพลีย
ความคิดเห็น