ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผีครับมีเรื้อยๆ

    ลำดับตอนที่ #23 : คำสาปฟาโรห์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      0
      21 พ.ค. 50

    นาทีอำลาพื้นน้ำลงสู่ห้วงเหวมหาสมุทร
    แต่จะเชื่อหรือไม่ว่าไททานิคนั้นล่มเพราะต้องคำสาปฟาโรห์
    เหตุการณ์เกิดเมื่อ พ.ศ.2453 ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
    ตอนนั้นนักโบราณคดีที่ศึกษาเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ ชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อ
    ดักลัส เมอร์เรย์ ได้มาตระเวนศึกษาหาความรู้
    และค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของชาวอียิปต์โบราณ อยู่ในกรุงไคโรแล้วเขาก็บังเอิญไปรู้จักกับชาวอเมริกาที่ท่าทางอดโซ
    กิริยาไม่น่าไว้วางใจเลยคนหนึ่งเข้า
    ชาวอเมริกาผู้นี้ เมอร์เรย์ไม่เคยรู้จักมาก่อน
    และไม่อยากจะคบค้าสมาคมด้วย ถ้าหากเขาไม่ได้เสนอ สิ่งที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากปฏิเสธ เพราะชาวอเมริกานั้น เสนอขายหีบใส่มัมมี่ ของเจ้าหญิงสูงศักดิ์องค์หนึ่งเขาลักลอบเอามาจากวิหาร อัมมอน-รา
    เจ้าหญิงองค์นี้มีผู้สันนิษฐานว่า สมัยยังมีพระชนม์อยู่
    ได้ประทับอยู่ที่เมืองธิบิส เมืองหลวงของอียิปต์โบราณในสมัย 1,600
    ปีก่อนคริสตกาล
    ด้านนอกของหีบมัมมี่ดังกล่าว แกะเป็นรูปพระพักต์ของเจ้าหญิงองค์นั้นด้วยฝีมือช่างที่งดงามยอดเยี่ยมมาก พอได้เห็นของจริงเข้าเท่านั้น ดักลัส เมอร์เรย์ ก็เซ็นต์เช็คของแบงค์ ออฟ อิงค์แลนด์ จ่ายเงินก้อนโด ตามที่ชายแปลกหน้าคนนั้นเรียกร้องให้โดยไม่ลังเล และเขารีบบรรจุ!บห่อ ส่งลงเรือไปยังบ้านของเขาในกรุงลอนดอนในทันที ก่อนที่รัฐบาลอียิปต์จะรู้และมานยึดกลับคืน
    แล้วเหตุการณ์แปลก ๆ ก็เกิดขึ้น
    เช็คมูลค่ามหาศาลของเขาใบนั้น ไม่มีใครนำมาขึ้นเงิน เพราะชาวอเมริกันผู้ได้มันไป สิ้นลมหายใจในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อนนักโบราณคดีด้วยกัน บอกเมอร์เลย์ว่า
    ซื้อ!บใส่มัมมีได้ในราคาถูกมาก แต่ก็ควรระวังอาถรรพ์ไว้ดี ๆ เพราะเจ้าหญิงจากวิหารอัมมอนรา องค์นี้ เป็นหนึ่งในหลาย ๆ องค์ที่ทำให้ที่ราบลุ่มระหว่างหุบเขาริมแม่น้ำไนล์ หรือที่เรียกว่า “แวลลีย์
    ออฟ เดอะ ไนล์” กลายเป็นสุสานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ใครจะไปรบกวนไม่ได้
    ภายในฝาโลงศพใส่มัมมี่ของพระองค์ มีคำสาปแช่งเขียนไว้ด้วยว่า “ขอให้ผู้ใดที่รบกวนพระศพ และสุสานของพระองค์ จงมีอันเป็นไป และประสบความหายนะไปชั่วชีวิต” ตอนแรกเมอร์เรย์ก็หัวเราะเยาะคำบอกเล่าของเพื่อน เพราะเขาไม่เชื่อในเรื่องภูติผีวิญญาณของคนตายว่า จะมาทำอะไรคนเป็นได้ จนกระทั่ง 3 วันให้หลัง เมอร์เรย์ก็ประสบกับเหตุการณ์แปลก ๆ ด้วยตนเอง ระหว่างที่เขาเดินทางไปร่วมแข่งขันยิงเป้าทางเหนือของแม่น้ำไนล์อยู่ ๆ ปืนที่เขาถืออยู่ก็ระเบิดขึ้นมาเฉย ๆ เมอร์เรย์ต้องเข้าโรงพยาบาล รักษาแขนด้วยความเจ็บปวด ทรมานอยู่หลายวัน และในที่สุด แพทย์ก็ต้องตัดแขนข้างนั้นเหนือศอก เพื่อรักษาชีวิต
    เมอร์เรย์จึงตัดสินใจกลับลอนดอน และในระหว่างเดินทาง เพื่อน 2 คนของเขาก็เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ คนรับใช้ชาวอียิปต์ 2 คนที่เขาเคยให้ดูแล และบรรจุหีบใส่มัมมี่ ลงกล่องส่งกลับลอนดอนทางเรือ ก็ตายลงไล่เรี่ยกัน ภายในปีนั้นเอง ดักลัส เมอร์เรย์ กลับถึงลอนดอน อย่างคนขวัญเสีย เมื่อถึงบ้านและเมื่อแว๊บแรกที่ ที่เขามองดูใบหน้าเจ้าหญิงที่สลักและลงทองอยู่บนฝาโลง
    เมอร์เรย์ก็ขนหัวลุกไปทั้งตัว เพราะภาพนั้น จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ เหมือนคนเป็น ๆ ไม่มีผิด แม้ว่าเมอร์เรย์จะพยายามปัดเป่าความหลัวออกไป แต่ดูเหมือนว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขากังวลใจอยู่เสมอ พอเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งมาเห็น!บใบนั้นเข้า หล่อนก็เกิดพอใจ และขอเอาไปเป็นสมบัติส่วนตัว เมอร์เรย์รีบยกให้โดยดี และเหมือนยกเคราะห์กรรมให้เธอผู้นั้นไปด้วย
    เพราะภายในไม่กี่อาทิตย์หลังจาก ได้หับมัมมี่ไว้ในครอบครอง แม่ของเพื่อคนนั้นก็ถึงแก่กรรม คู่รักของเธอก็ตีจาก และตัวเธอเองก็ล้มเจ็บหนัก ด้วยโรคที่ไม่มีแพทย์คนไหนวิเคราะห์ได้ ว่าเป็นเพราะอะไร เธอเองคงรู้ว่าตนเองไปไม่รอดแน่ จึงได้เรียกทนายความมาปรึกษาเรื่องการทำพินัยกรรม
    ทนายความคนนั้น คงจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคำสาปแช่งของคนอียิปต์โบราณมาบ้างแล้ว ดังนั้น
    สิ่งแรกที่เขาแนะนำต่อลูกความก็คือ ให้รีบคืน!บใบนั้นแก่ ดักลัส เมอร์เรย์โดยเร็วที่สุด
    ถึงตอนนี้ เมอร์เรย์ ก็เหมือนคนจนตรอก เขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับหีบอาถรรพ์ใบนั้นอีกต่อไป
    จึงได้ตัดสินใจยกให้เป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์อังกฤษ โดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ ทั้งสิ้น
    แต่ถึงแม้จะได้อยู่ในสภาพที่สงบและเหมาะสม ภายในสถาบันแห่งชาติแล้วก็ตาม !บมัมมี่ใบนั้นก็ยังสำแดงอิทธิฤทธิ์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ช่างภาพผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุหกล้ม
    และตายไปอย่างง่ายดาย เพียงแค่ไปถ่ายรูปหีบใบนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านโบรารณคดีเกี่ยวกับอียิปต์อีกคนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยระหว่างนำหีบมัมมี่ออกแสดงให้คนชม ก็มีผู้พบนอนสิ้นใจเฉย ๆ บนเตียงนอนของเขาเอง หนังสือพิมพ์ในลอนดอนแทบทุกฉบับต่างตีพิมพ์เกี่ยวกับอาถรรพ์ของหีบมัมมี่จากอียิปต์กันเป็นการใหญ่ จนกระทั่งคณะกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์อังกฤษทนอยู่เฉย ๆ ต่อไปไม่ได้ ต้องรีบประชุมปรึกษาหารือกันเป็นการด่วนว่าจะทำอย่างไรดี ผลปรากฎว่าทุกคนมีมติเป็นเอกฉันท์ “ไม่ควรเก็บรักษาโบราณวัตถุชิ้นนี้ไว้ในพิพิธภัณฑ์อีกต่อไป “
    และได้ติดต่อไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ค ให้รับของขวัญอันมีค่าหามิได้ชิ้นนี้ไป ปรากฎว่าพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งยอมรับ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยเด็ดขาด และให้จัดส่งไปโดยวิธีไหนก็ได้ ที่เห็นว่าปลอดภัยที่สุด เป้าหมายก็คือเรือไททานิคซึ่งกำลังจะออกเดินทางไปนิวยอร์คพอดี จึงได้มีการขนส่งหีบมรณะดังกล่าวไปด้วย โดยทุกอย่างเป็นความลับ ไม่มีผู้โดยสารคนใดล่วงรู้ นอกจากกัปตันและลุกเรือบางคนเท่านั้น แต่มัมมี่ของเจ้าหญิงก็แสดงอาถรรพ์เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีโอกาสไปถึงนิวยอร์ค อันเป็นจุดหมายปลายทาง
    โดยเจ้าหญิงได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1,500 คน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×