คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตัวแถมของหน่วยที่เจ็ด 2
3
ตัวแถมของหน่วยที่เจ็ด 2
จิฮารุไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า...วิธีที่อาจารย์คัดเธอเข้าหน่วยจะเป็นอะไรที่พิลึกขนาดนี้
เด็กหญิงถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยแล้วหลังจากที่ได้ยินเรื่องวิธีการเข้าหน่วยของตัวเองจากปากของเพื่อนสนิท
เธอไม่รู้เลยว่าอาจารย์อิรุกะคิดอะไรของเขาอยู่ถึงได้ก่อกำเนิดวิธีเข้าหน่วยที่ทำให้เธอรู้สึกห่อเหี่ยวชอบกลแบบนี้ขึ้นมา
หน่วยที่เธอได้อยู่มันก็ไม่แย่หรอก
มีสมาชิกที่เก่งๆ แถมยังมีสาวน้อยจอมพลังบวกกับเจ้าบื้อมาหนึ่งคน
แต่เธอไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่เพราะวิธีที่ได้บรรจุลงหน่วยนี่แหละ
วิธีไหนน่ะเหรอ...จับฉลากไงล่ะ!
พอได้ยินแล้วจิฮารุก็อยากจะวิ่งเข้าหัวไปโขกกับกำแพงเสียจริง
นี่การบรรจุเข้าหน่วยของเธอต้องมีเรื่องดวงเข้ามาเอี่ยวด้วยเหรอ!
จิฮารุไม่ได้เครียดเรื่องที่จะไม่ได้อยู่กับเพื่อนสนิทอะไรทำนองนั้นหรอก
เธอแค่รู้เหมือนว่าใครๆ ก็ไม่ต้องการเธอเท่านั้นเอง!
ขนาดจะยัดเธอเข้าหน่วยใดหน่วยหนึ่งยังต้องใช้วิธีสุ่มเดาเอาเลย! ฮือ...
นี่ไม่มีใครเสนอชื่อเธอไปเลยรึไงนะ
อย่างน้อยเรื่องฝีมือเธอเองก็มั่นใจเหมือนกันว่าไม่แย่ไปกว่านารูโตะแน่นอน
แถมคะแนนสอบของเธอเองก็ติดท็อปของห้องเหมือนกันนะ
แต่คิดมากไปก็พาลปวดหัวเสียเปล่าๆ
ต่อให้ตอนนี้เธอไปเรียกร้องความยุติธรรมกับอาจารย์อิรุกะก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว
เพราะว่าชื่อของเธอถูกบรรจุลงในหน่วยเจ็ดอย่างเป็นทางการไปแล้ว
แถมวันนี้พวกเธอก็จะได้เจอกับอาจารย์ประจำกลุ่มแล้วด้วย
ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว...
ใบหน้าขาวอมชมพูแนบลงกับพื้นโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เธอกรอกลูกตามองซ้ายมองขวาแล้วพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง
ทางขวามือของจิฮารุเป็นเด็กผู้ชายผมดำจากตระกูลอุจิวะที่นั่งทำหน้าซักกะตาย
เขานั่งจ้องกระดานดำโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากมันแม้สักวินาทีเดียว
ราวกับว่าเจ้ากระดานสีเขียวๆ นั่นมันน่าสนใจมากกว่าเพื่อนร่วมหน่วย
จิฮารุไม่รู้ว่าอีกฝ่ายขมุบขมิบปากพูดอะไร
แต่ก็คงไม่พ้นเรื่องคนสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่ด้านหน้า
เด็กหญิงผมสีชมพูซากุระยาวจรดกลางหลังยืนท้าวเอวเอ็ดเจ้าเพื่อนสนิทหัวทองของเธออยู่
จิฮารุไม่ได้สนใจฟังนักว่าเธอพูดว่าอะไรเพราะรู้ดีอยู่แล้ว
แต่เด็กหญิงกลับจ้องเรือนผมที่ขยับปลิวไปมาในอากาศของอีกฝ่ายตาเขม็ง
เธอชอบสีชมพูมากกว่าที่คิด
พอเห็นแล้วก็รู้อิจฉาเหมือนกัน
จิฮารุจับปลายเส้นผมที่สั้นระบ่าของตัวเองแล้วถอนหายใจอีกครั้ง
เส้นผมของเธอไม่ได้เป็นเงางามเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ สักนิด
นอกจากจะชี้ฟูมากๆ ในตอนเช้าแล้วมันยังทั้งแห้งทั้งกรอบ
พอจับแล้วก็อยากจะกระชากมันทิ้งหมดทั้งหัวเหมือนกัน
แบบ...โกนทิ้งแล้วเลี้ยงผมใหม่
แต่เธอดันใจไม่ถึงพอนี่สิ
ความคิดของเธอวนเวียนไปมาอยู่ไม่กี่เรื่อง
ถ้าหากไม่ใช่เรื่องของนารูโตะก็เป็นเรื่องความฝันบอกอนาคตที่ฝังอยู่ในหัว
อ้อ...ยังมีเรื่องอุจิวะ ซาสึเกะเข้ามาในหัวเป็นพักๆ อีกด้วย
เพราะว่ามีความฝันบอกอนาคตอยู่
จิฮารุจึงรู้เรื่องของครอบครัวเขาทั้งหมด ตื้นลึกหนาบางแค่ไหนเธอก็รู้
เรื่องบางอย่างที่คนทั่วไปหรือเจ้าตัวไม่เคยรับรู้มาก่อนจิฮารุก็ยังจำได้ฝังหัว
เด็กหญิงจึงรู้สึกลังเลว่าตัวเองควรจะบอกอีกฝ่ายดีไหม
อย่างเช่น...เรื่องความแค้น
แต่คิดไปคิดมาจิฮารุว่าไม่บอกดีกว่า
ถ้าเธอไปก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นมากเกินไป อนาคตของนารูโตะอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
เอาเป็นว่า ถ้าเธอเห็นว่าการบอกอุจิวะ
ซาสึเกะเรื่องความแค้นฝังใจของเขาไม่ส่งผลต่ออนาคต
ถึงวันนั้นแล้วเธอจะพูดก็แล้วกัน
เสียงกรุกกรักของเก้าอี้เรียกสายตาของจิฮารุให้ยกขึ้นมอง
ใบหน้าที่แนบเข้ากับโต๊ะยกขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปยังฮารุโนะ
ซากุระที่พูดคำว่า ‘โธ่’ ออกมาคำเดียวก็เงียบไปกับเพื่อนสนิทตัวดีที่กระโดดลงจากเก้าอี้
จิฮารุลุกพรึ่บ เตรียมตัวจะฟาดฝ่ามือลงกลางกบาลของเจ้าบื้อตัวแสบ
เจ้าหมอนี่...บอกจนปากเปียกปากแฉะแล้วว่าอย่าซน!
“นารูโตะ!” จิฮารุพูดออกไปได้คำเดียวประตูห้องก็ถูกเปิดออก
แปลงลบกระดานที่ถูกวางคั่นเอาไว้ล่วงลงมากระทบกับศีรษะสีขาวชี้ฟูเล็กน้อย
เสียงกระทบกันดังไปทั่วห้องที่ไร้ผู้คน เด็กหญิงมองเหตุการณ์ตรงหน้าตาปริบ
ทุกอย่างตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ
จนกระทั่ง...
“ฮ่าๆ โดนเข้าแล้ว!”
นารูโตะหัวเราะร่าที่กับดักของเขาสำเร็จลุล่วง
ในขณะที่ซากุระละล่ำละลักขอโทษออกไป
“ขะ ขอโทษนะคะคุณครู
หนูบอกเขาแล้ว แต่นารูโตะไม่ยอมฟังเลย” จิฮารุได้ยินคำพูดของซากุระแล้วทำหน้าตาย
เธอรู้ดีอยู่หรอกว่าในใจแม่สาวน้อยคนนี้คิดอะไรอยู่
เด็กหญิงเดินลงไปหาเพื่อนชายตัวดีแล้วลอบบิดที่เอวอีกฝ่าย
มันน่าบิดจนเนื้อเขียวจริงๆ!
“โอ้ยๆ จิฮารุๆ”
นารูโตะเอี้ยวกายหนีปลายนิ้วของจิฮารุที่บิดเนื้อช่วงเอวจนสะดุ้ง
เด็กชายหนีออกมาได้สำเร็จก็จริง แต่เนื้อที่โดนบิดก็รู้สึกแสบแปร๊บไปหมดแล้ว
จิฮารุมองคนเด้งตัวหนีด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
พูดลอดฟันให้พอได้ยินกันสองคนว่า
“กลับบ้านไปนายเจอดีแน่”
นารูโตะได้ยินแบบนั้นรู้สึกว่าขนตัวกายพากันลุกพรึ่บ
ใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้มจนถึงเมื่อกี้ซีดลงถนัดตาแม้ว่ารอยยิ้มจะยังอยู่ก็ตาม
เด็กหญิงไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อเห็นท่าทางคล้ายจะเก็บความซนลงกรุของนารูโตะ
เธอย้ายสายตาไปมองอาจารย์ประจำหน่วย
ผ้าคาดศีรษะที่ปิดดวงตาข้างนั้น...เธอจำได้แล้วว่าเขาคือใคร
เพราะว่าภาพความฝันมันเยอะมากจริงๆ
บางครั้งเธอก็อาจจะหลงลืมไปบ้างว่าใครเป็นใคร แต่คนตรงหน้านี้ถึงเธอจะลืม
ก็ลืมไม่หมดทุกส่วน เพราะว่าชายคนนี้เป็นคนที่มีบทบาทมากคนหนึ่ง
เกือบจะทุกช่วงในความฝันที่เธอเห็นชายคนนี้
ฮาตาเกะ
คาคาชิ หนึ่งในลูกศิษย์ของโฮคาเงะรุ่นที่สี่
“ความประทับแรกกับพวกเธอก็คือ...”
สายตาของคนมาใหม่กวาดมองเด็กนักเรียนสี่คนอย่างถี่ถ้วน
ก่อนที่จะพูดประโยคต่อมา “เหม็นขี้หน้า”
คล้ายว่าบรรยากาศภายในห้องเรียนหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย
จิฮารุหุบรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วถอนหายใจเสียงเบา...
ก็...กะไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้
หน่วยเจ็ดทั้งหมดย้ายขึ้นมาบนด่านฟ้า
เด็กสี่คนนั่งลงบนพื้นบันไดขณะที่ครูเพียงหนึ่งเดียวยืนพึงรั้วเท่ๆ
จิฮารุเลือกที่จะนั่งบันไดชั้นล่างสุดเพราะสามารถเหยียดขาได้อย่างสะดวกสบายกว่าชั้นอื่น
สายตาของเธอมองสำรวจครูประจำหน่วยอย่างระมัดระวัง
อืม...จะว่าเป็นคนหนุ่มที่หน้าตาไม่เลวก็ไม่ผิดนักหรอก
แต่ติดนิสัยกวนประสาทเข้าไปด้วยนี่สิ
ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไปก็เป็นครูที่ดีแล้วแท้ๆ
เชียว...
เด็กหญิงเหยียดขาแล้วปรับท่านั่งให้สบายมากที่สุด
เธอนั่งฟังการแนะนำตัวของอาจารย์ประจำหน่วยแล้วเบ้ปากในใจ
ไม่รู้ว่าโรงเรียนไหนสอนการแนะนำตัวแบบนี้ให้เขา
นอกจากชื่อแล้วเธอก็แทบจะไม่รู้อย่างอื่นของอาจารย์คนนี้เลยสักนิด
เวลาผ่านไปการแนะนำตัวของสมาชิกหน่วยเจ็ดก็เวียนมาถึงหนุ่มหล่อประจำห้อง
จิฮารุเอียงศีรษะมองใบหน้าที่ดำคล้ำของอีกฝ่ายแล้วลอบพ่นลมหายใจออกมาคนเดียว
รู้สึกคล้ายจะว่าเหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย
ความแค้นของอุจิวะ
ซาสึเกะมีมากจนบางทีเธอก็เหนื่อยแทนเขาเหมือนกัน
ต้องมานั่งแค้นเคืองใครคนหนึ่งตลอดหลายปี
ถ้าเป็นจิฮารุ...เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนแค้นได้นานเหมือนเขาไหม
สำหรับเด็กหญิงแล้ว
เรื่องแบบนี้มันน่าอึดอัดไม่น้อยเลยล่ะ แถมยังทำให้จิตตกเอาง่ายๆ อีกด้วย
“ต่อไปตาเธอ” จิฮารุมองนิ้วชี้ของอาจารย์แล้วเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นคนสุดท้ายของหน่วยที่ต้องแนะนำตัว
เด็กหญิงกระแอมออกมาครั้งหนึ่งแล้วค่อยเอ่ย
“ชื่อมิยาซากิ จิฮารุค่ะ
ของที่ชอบคือไดฟุกุ ของที่เกลียดไม่มีเลยสักอย่างเดียว” เด็กหญิงเว้นช่วงไว้สักเสี้ยววินาทีก่อนจะพูดถึงงานอดิเรก
นัยน์ตากลมโตเหล่มองเพื่อนคนสนิทข้างตัวครั้งหนึ่งเงียบๆ แล้วจึงเอ่ยต่อ “งานอดิเรกคือทำอาหารค่ะ”
ใจจริงก็อยากจะตอบไปเหลือเกินว่าคอยคุมความประพฤติของตัวปัญหา
แต่ถ้าพูดไปแบบนั้นคงจะน่าตลกพิลึก ดังนั้นเธอเงียบๆ เอาไว้หน่อยจะดีกว่า
หลังจากจบการแนะนำตัวของสมาชิกทั้งหน่วย คาคาชิก็พูดถึงเรื่องการทดสอบที่จะมีในวันพรุ่งนี้และบอกให้พวกเธอเตรียมตัวกันมาแต่เช้า
จิฮารุที่รู้อยู่แล้วก็ได้แต่ฟังพร้อมทั้งเหม่อมองท้องฟ้ายามโปร่งใสของวันนี้ไปเรื่อยเปื่อย
มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่คาคาชิพูดเตือนเรื่องไม่ให้กินข้าวก่อนสั่งแยกย้าย
เด็กหญิงกรอกตามองฟ้าแล้วเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจนัก
บอกไม่ให้กินข้าวเช้า
ทั้งๆ ที่ตัวเองมาซะสายขนาดนั้น!
ฉันคงจะยอมทำหรอกนะ!!
ไกลห่างออกไปจากหมู่บ้านโคโนฮะ ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีดำลายเมฆแดงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
เส้นผมสีดำสนิทที่ถูกตัดสั้นระต้นอย่างเป็นระเบียบขยับเล็กน้อยยามสายลมพัดผ่านมา
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนยกขึ้นมองท้องฟ้าแล้วพึมพำเสียงเบา
“สงบดีจังน้า...”
ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งบนกิ่งไม้ที่ดูเหมือนจะรับน้ำหนักตัวของเขาได้อย่างสบาย
เสียงกระดิ่งดังขึ้นทุกครั้งที่เขาขยับข้อมือไปมา
ชายที่ยืนอยู่ด้านล่างเงยหน้ามองเข้าแล้วพูดเสียงเข้ม
“กระดิ่งโง่ๆ ถอดออกไปซะ”
ชายหนุ่มบนต้นไม้หัวเราะ รับคำอย่างไม่จริงจังนัก “คร้าบๆ”
“เริ่มภารกิจสักที” พูดจบชายที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ก็กระโดดหายเข้าไปด้านในป่า
ทิ้งให้ชายหนุ่มผมดำนั่งเหม่อมองฟ้าไปแต่เพียงผู้เดียว
เขาเงยหน้ารับแสงแดด
ผิวปากออกมาอย่างคนอารมณ์ดี
“อ่า
ฉันชอบสายลมของวันนี้จังเลยน้า”
ไม่มีเสียงใดตอบรับเขานอกจากใบไม้ที่เสียดสีกัน
ร่างสูงโปร่งขยับกายลุกขึ้นเมื่อคิดว่าตนเอ้อระเหยลอยชานไปมาจนเสียเวลาไปนานโขแล้ว
หากทำตัวเอื่อยเฉื่อยแบบนี้มากเข้าๆ จะกลายเป็นว่าเขาจะถูกเอ็ดเข้าให้อีก
เป็นคนลุงแล้วแท้ๆ...แต่กลับต้องมาโดนพวกคนหนุ่มดุนี่ก็ไม่ไหวน้า...
ก่อนที่ชายผมดำจะขยับกายลงจากต้นไม้
นัยน์ตาของเขามองตรงไปยังทิศทางของหมู่บ้านโคโฮนะแล้วผุดรอยยิ้มขึ้นบนริมฝีปาก
อยากเจอไวๆ จังเลยน้า...เก้าหาง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พอดีป่วย ต้องแอดมิทที่โรงพยาบาลสองวันค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ
ความคิดเห็น