คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตัวแถมของหน่วยที่เจ็ด
ตัวแถมของหน่วยที่เจ็ด
จิฮารุลืมตาขึ้นมาในตอนเช้า
แสงแดดจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องจากทางหน้าต่าง
ผ้าม่านขาวบางขยับปลิวไสวในอากาศจากสายลมที่พัดพาเข้ามา
เธอกะพริบตาอยู่สองสามครั้งเพื่อปรับความคมชัดของการมองเห็น
ในเวลาต่อมาภาพที่มองก็คมชัดมากขึ้น
เพดานสีขาวสะอาดปรากฏสู่สายตาเป็นอย่างแรกเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้น
เธอเหลือบซ้ายมองทางซ้ายขวาแล้วพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเอง
แต่เป็นห้องหนึ่งภายในโรงพยาบาล
เสียงกรนที่ดังอยู่ข้างตัวเรียกสายตาของจิฮารุให้หันไปมอง
เด็กหญิงผุดรอยยิ้มอ่อนใจขึ้นบนใบหน้า
ฝ่ามือขาวอมชมพูที่นิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มขยับขึ้นปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าของตัวเองครั้งหนึ่ง
ก่อนจะเลื่อนไปแตะลงบนผ้าคาดหน้าผากของคนที่หลับอุตุอยู่ข้างเตียง
สัมผัสเย็นเฉียบที่ปลายนิ้วกลับทำให้เธอรู้สึกดี
ความรู้สึกคล้ายภาคภูมิใจแต่งแต้มทั่วใบหน้า
เด็กหญิงขยับกายลุกขึ้นกับหัวเตียงอย่างเชื่องช้า
ริมฝีปากขยับเอ่ยคำยินดีออกมาเสียงแผ่วเบา
“ยินดีที่สอบผ่านนะ
นารูโตะ”
เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างขยับกายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กน้อย
จิฮารุชักมือกลับราวต้องของร้อน
ก่อนจะสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเปลือกตาของคนที่นั่งสัปหงกจนถึงเมื่อกี้ขยับเปิดออก
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสแลดูง่วงมองมาที่เธออยู่ครู่หนึ่งก็เบิกกว้าง ทอประกายความยินดี
“จิฮารุ! ตื่นแล้วเหรอ!”
“เบาๆ สิเจ้าบ้า!
ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ!” จิฮารุอยากจะยกมือเขกกบาลของคนเสียงนัก
แต่ก็ป่วยการจะทำเพราะฝ่ามือมีเข็มน้ำเกลือปักอยู่
เธอไม่อยากจะเสี่ยงเจ็บตัวเพิ่มจึงได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากเขาเอาไว้แล้วสั่งให้เงียบโดยใช้สายตา
อีกฝ่ายพยักหน้ารับแล้วค่อยๆ เบาเสียงลงเมื่อเธอยกฝ่ามือออก
“แล้วเธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง”
จิฮารุยักไหล่
“ก็ปกติดี ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร”
นารูโตะได้ยินคำพูดของเพื่อนแล้วก็เบาใจลง
ตอนที่เห็นจิฮารุล้มไปต่อหน้าต่อตาเล่นเอาหัวใจล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เรียกเท่าไหร่เพื่อนสนิทก็นอนนิ่ง ใบหน้าซีดขาวแทบจะไร้สีเลือดและลมหายใจที่แผ่วเบาของจิฮารุเขายังจำมันได้ขึ้นใจ
ไอ้ความรู้สึกกังวลจนแทบบ้าแบบนั้น นารูโตะคิดว่าแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
เด็กหญิงมองหน้าเพื่อนชายแล้วเอียงคอด้วยความงุนงง
ไอ้ท่าทางโล่งอกโล่งใจแบบนั้นมันอะไรกัน
“จะว่าไปนี่กี่โมงแล้ว
ฉันหลับไปนานแค่ไหน?” จิฮารุมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง
แสงแดดที่ส่องประกายดูไม่คล้ายว่าจะเป็นช่วงสายของวันเลยสักนิด
หลังจากที่โลกมือสนิทไป ดูเหมือนว่าเธอจะหลับไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองสินะ
นารูโตะได้ยินคำถามแล้วก็ยกแขนขึ้นกอดอก
“เพิ่งจะสิบโมง
แต่เธอหลับไปสามวัน”
จิฮารุหลุดร้องออกมาเสียงหลงหลังจากได้ยินคำตอบ
เธอกะพริบตาปริบเมื่อสมองประมวลคำพูดของอีกคนได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
สามวัน?
เธอหลับไปสามวันเชียวเหรอ!
“เรื่องจริงเหรอ?
สามวันเนี่ยนะ!”
“ใช่
รู้มัยว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงน่ะ” นารูโตะทำหน้ามุ่ยใส่ทั้งที่ยังยกแขนขึ้นกอดอก
จิฮารุเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ อยากจะฟาดฝ่ามือใส่
“ให้น้อยๆ หน่อยย่ะ
นายก็ทำคนอื่นเขาเป็นห่วงเหมือนกันนั่น...” จิฮารุยังพูดไม่ทันจบประโยคดีนารูโตะก็วางมือลงบนเตียงของเธอ
ใบหน้าที่ยังคงมุ่ยจนถึงเมื่อกี้นี้เปลี่ยนเป็นจริงจังจนเธอเองยังตกใจ
เขาจ้องเธอเขม็ง ก่อนจะพูดขึ้น
“เพราะฉะนั้น...ห้ามเป็นแบบนี้อีก!”
จิฮารุอึ้งกับพูดของเพื่อนชาย
เธอมองเห็นว่าดวงตาสีฟ้าของเขาสั่นระริกอยู่ไม่น้อย
เด็กหญิงที่ตั้งท่าจะเอ็ดเขาพ่นลมหายใจออกมาบางเบา ผุดรอยยิ้มที่ริมฝีปากแล้วกล่าวว่า
“ได้
จะไม่มีครั้งหน้าอีก”
นารูโตะยกรอยยิ้มขึ้นบนริมฝีปาก
ดวงตากระจ่างใสขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก
เด็กชายยกฝ่ามือขึ้นวางบนศีรษะของจิฮารุแล้วเริ่มขยี้มันอยู่หลายครั้งจนทรงผมของเพื่อนชี้ฟู
จิฮารุที่อารมณ์ดีๆ กลับมาหงุดหงิดอีกครั้งหนึ่ง
“นารูโตะ!” เด็กสาวประทานฝ่ามือลงบนท่อนแขนของเพื่อนเสียงดังลั่นห้อง
และเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่ภายในห้องพักแห่งนี้มีเธอเป็นผู้ป่วยอยู่เตียงเดียวเท่านั้น
ทำให้ไม่ว่าเธอจะดุด่าว่ากล่าวหรือลงไม้ลงมือเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก
ยกเว้นว่าเสียงจะลอดออกไปนอกห้อง
“โอ้ย ฉันขอโทษๆ!”
นารูโตะเบี่ยงแขนหนีฝ่ามือของเพื่อนพลางเอ่ยขอโทษรัวๆ
เขาเอียงแขนไปจ้องหน้าของจิฮารุไปจนเด็กหญิงหยุดมือ
เธอมองใบหน้าของนารูโตะที่กลับมาหม่นหมองอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้
“เป็นอะไรไป นารูโตะ”
“สักวันหนึ่ง...เธอจะทิ้งฉันไปมั้ย?”
นารูโตะบีบฝ่ามือของตัวเองแน่น
คำถามนี้มาพร้อมกับภาพจิฮารุที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นเมื่อสามวัน
ตอนนั้นเขารู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าในวันข้างหน้าจะไม่มีคนตรงหน้าอยู่ข้างตัวอีก
จิฮารุถอนหายใจ
ทำไมวันนี้เจ้าหมอนี่ถึงได้อ่อนไหวนักนะ
เด็กหญิงเอี้ยวตัวหันมองเพื่อนด้วยสายตาจริงจัง
ฝ่ามือทั้งสองข้างวางลงบนไหล่ของเขาพลางบีบมันเอาไว้ ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับ
“ฟังให้ดีนะ นารูโตะ”
จิฮารุสบสายตากับอีกคนอย่างแน่วแน่ “ฉันจะอยู่กับนาย
เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”
ใช่
เธอจะอยู่กับนารูโตะ คอยดูแลเขาจนกว่าจะถึงวันที่เธอทำไม่ได้
นารูโตะฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวคนสนิท
ความกังวลภายในใจถูกปัดเป่าออกไปจนโล่งสบาย เด็กชายยกนิ้วก้อยของตัวเองขึ้น
พร้อมกับพูดว่า
“สัญญาสิ”
จิฮารุยกนิ้วก้อยขึ้นเกี่ยวกับนิ้วของอีกฝ่าย
ยกรอยยิ้มขึ้น
“ฉันสัญญา”
ครืด...
ประตูห้องถูกเปิดออก
เรียกสายตาของสองเด็กให้หันไปมอง
เมื่อเห็นว่าเป็นใครจิฮารุก็ยิ้มกว้างจนนัยน์ตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ปลายนิ้วก้อยของเธอหลุดจากการเกาะเกี่ยวเพราะเพื่อนชายผุดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้
หันไปพูดกับผู้มาใหม่
“ครูอิรุกะ
จิฮารุตื่นแล้วล่ะ!”
“อ่า เห็นแล้วล่ะ”
อิรุกะเดินเข้ามาพร้อมกับถุงกระดาษ
เขาหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่แล้วยื่นถุงกระดาษให้กับเด็กหญิงบนเตียงนอน
ดวงตามองสภาพของลูกศิษย์ที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วรู้สึกโล่งใจขึ้น
จิฮารุมองถุงกระดาษที่อาจารย์ยื่นมาให้ด้วยความงุนงง
เธอยกสายตาขึ้นมองเขาแล้วเอียงคอเล็กน้อย
“เสื้อผ้าน่ะ”
อิรุกะตอบ เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นต่อ “พอดีครูเจอพวกซากุระเข้าก็เลยวานให้ช่วยเก็บเสื้อผ้าของเธอมาให้น่ะ
ไม่ได้เข้าไปเก็บเองหรอกนะ”
จิฮารุมองท่าทางรนรานเล็กๆ
ของอาจารย์แล้วหลุดหัวเราะเสียงเบา เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
อาจารย์ก็ออกท่าทางแบบนี้ซะแล้ว
นารูโตะมองรอยยิ้มบนใบหน้าของจิฮารุแล้วรู้สึกไม่ชอบใจยังไงชอบกล
เขานอนเฝ้ามาตั้งแต่ตอนเช้า พูดคุยเล่นกันมาตั้งพักหนึ่งแล้วจิฮารุยังไม่หัวเราะให้เขาสักคำ
แต่กับอาจารย์อิรุกะเพียงแค่คำพูดไม่เท่าไหร่ฝ่ายนั้นก็หัวเราะออกมาแล้ว
ไม่ยุติธรรมเลย!
“แฮ่ม
เดี๋ยวพอพยาบาลเข้ามาถอดสายน้ำเกลือแล้วก็รีบเปลี่ยนชุดซะนะ” อิรุกะกระแอมเสียงเบา เขาหันไปมองหน้านารูโตะที่มุ่ยลงแล้วอมยิ้ม “พอออกจากโรงพยาบาลแล้วครูจะพาไปเลี้ยงราเม็งเอง ทั้งคู่เลย!”
จิฮารุเพียงหลุดเสียงขำออกมาเบาๆ
ผิดกับนารูโตะที่ดีใจจนออกนอกหน้า ฝ่ายนั้นฉีกยิ้มกว้างจนปากแทบจะบานไปถึงใบหู
เขาคงจะวิ่งไปเรียกพยาบาลที่หน้าห้องแล้วถ้าหากว่าประตูไม่ถูกเปิดเข้ามาเสียก่อน
เด็กหญิงถอนหายใจออกมากับท่าทางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเพื่อนชาย
แต่เห็นเขาเป็นแบบนี้แล้วเธอก็สบายใจ
นิ้วก้อยข้างที่เพิ่งเกี่ยวพันกับอีกฝ่ายไปขยับเล็กน้อย
ในขณะที่ใบหน้าของจิฮารุค่อยๆ ชืดลง
สัญญา...งั้นเหรอ
จิฮารุเปิดประตูห้องหลังจากที่ไปกินราเม็งโดยใช้เงินของอาจารย์ประจำอิ่มเป็นที่เรียบร้อย
เด็กหญิงปิดประตูลงอย่างแผ่วเบาแล้วล็อคมันเอาไว้
ถอดรองเท้าวางเอาไว้บนชั้นข้างประตูอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วค่อยเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
ไฟภายในห้องถูกเปิดเมื่อเจ้าของกลับมา
จิฮารุไม่ได้ตรงไปยังเตียงนอนของตัวเองในทันที เธอก้าวไปยังโต๊ะเล็กๆ
ที่ไว้ใช้สำหรับเขียนงานและทำการบ้าน
ฝ่ามือขาวเรียวเล็กคว้าหยิบดินสอที่เสียบเอาไว้ในกระปุกเล็กๆ
ขึ้นมาก่อนจะเปิดสมุดสีฟ้าอ่อนที่วางอยู่บนโต๊ะ
ปลายดินสอจรดลงบนกระดาษว่างเปล่า
เขียนเป็นตัวอักษรที่สวยงามออกมาบรรทัดหนึ่ง
จิฮารุขีดเขียนเรื่องความฝันของตัวเองลงในสมุดอย่างเชื่องช้าเพราะต้องใช้เวลาในการทบทวนเรื่องราวในหัวไปด้วย
ปลายดินสอค่อยๆ ตวัดขึ้นลงเป็นจังหวะ
ภายในห้องนอนที่แสนจะเงียบเฉียบของเด็กหญิงมีเพียงเสียงขูดกันระหว่างดินสอและหน้ากระดาษ
ความคิดภายในหัวแล่นไปมาระหว่างภาพความทรงจำของตัวเองและภาพความฝันที่คล้ายจะเป็นเรื่องจริง
จิฮารุไม่เชื่อเลยสักนิดว่าฝันบ้าๆ นั่นจะเกิดขึ้นมาจริงๆ ในตอนแรก จนกระทั่งเธอไปพบเห็นเหตุการณ์เรื่องอาจารย์มิซึกิมาจะๆ
กับตาตัวเอง
ดังนั้นเมื่อเจ้าความฝันนี่มีเค้ารางว่าจะเกิดขึ้นจริง
เธอจึงตัดสินใจที่จะจดบันทึกมันเอาไว้ อย่างน้อยๆ ก็สามารถใช้เป็นลู่ทางได้ในอนาคต
ก็
‘ถ้า’ มันเกิดขึ้นจริงๆ ล่ะนะ
ภาพในความฝันบอกกับเธอว่านารูโตะจะได้เป็นโฮคาเงะตามที่ใจปรารถนา
เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านจะยอมรับในตัวของเขา
นารูโตะจะได้รับแต่สายตาชื่นชมยินดีและรักใคร่เทิดทูน
จะไม่มีใครหน้าไหนบังอาจว่ากล่าวเขาได้
หากว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
เธอจะยินดีเป็นอย่างมาก
จิฮารุวางดินสอลงเมื่อจดบันทึกเรื่องราวความฝันของตัวเองเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
เธอไม่ได้เขียนลงรายละเอียดมากนักเพราะกลัวว่านารูโตะจะมาเจอสมุดเล่มนี้เข้า
เธอเขียนเป็นหัวข้อย่อๆ ที่ตัวเองพอจะเข้าใจคนเดียว
เรื่องแบบนี้ไปบอกคนอื่นเขาได้ยังไง
พูดไปเขาก็จะหาว่าบ้า เพ้อเจ้อ เอาน่ะสิ
เด็กหญิงเหลือบสายตามองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน
เธอเห็นดวงจันทร์ทอประกายแสงสีนวลตาออกมา
มองแล้วให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง หากแต่มันก็สวยงามอยู่ไม่น้อย
จิฮารุถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
คำสัญญาของนารูโตะ...เธอจะทำได้รึเปล่านะ
เธออยากจะดูแลเขาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้จนถึงเมื่อไหร่ เธอรู้อนาคตของคนนับสิบ
แต่กลับไม่รู้เลยว่าอนาคตของตัวเองจะเดินไปทางไหน จะดีจะร้ายแค่ไหน
เธอไม่อาจจะรู้ได้เลยสักนิดเดียว
คิดแล้วก็พาลให้รู้สึกปวดสมองจริงๆ
จิฮารุรู้สึกจิตตกได้ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เธอไม่ใช่พวกชอบคิดมากแล้วก็มากดดันตัวเอง
ถูกที่ว่าเธอไม่รู้หรอกว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร
แต่เธอรู้ว่าอนาคตของนารูโตะจะเป็นยังไง
เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอแค่ทำตามที่ความฝันมันบอกก็พอ
เพื่อที่สุดท้ายแล้วนารูโตะจะได้เป็นอย่างที่หวัง...
“เอาล่ะ
พรุ่งนี้ก็มาพยายามกันเถอะ!” จิฮารุร้องอยู่คนเดียวเบาๆ
ปลุกกำลังใจให้พร้อมเดินหน้าในวันพรุ่งนี้
สมุดบันทึกความฝันพ่วงด้วยความลับสุดยอดถูกเก็บเอาไว้อย่างดีที่ใต้หมอน จิฮารุปิดหน้าต่างที่เปิดค้างเอาไว้แล้วยกยิ้มให้กับดวงจันทร์
อนาคตของเธอจะเป็นยังไงก็ช่าง! เอาเป็นว่าทำพรุ่งนี้ให้ดีที่สุดก็พอ!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เราชอบสีฟ้ามากเลยล่ะค่ะ
ความคิดเห็น