คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Brutal : Chapter4 (100%)
Brutal
chapter 4
มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตของเจสสิก้าจริงๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับเซฮุนทุกวัน อยากหลบหน้าแต่ก็หลบไม่ได้ เพราะคำว่าเลขามันค้ำคออยู่ และก็ไม่ชอบสายตาของเขาเลยที่เอาแต่โลมเลียเธอตลอด
ตอนนี้เจสสิก้าก็ถูกเหวี่ยงจนไปติดที่โต๊ะทำงาน เซฮุนเดินก้าวประชิดตัว และคร่อมเธอไว้กับโต๊ะ
“นี่อะไร?” เซฮุนชูใบกระดาษสีขาวต่อหน้าเธอ
“ใบลาออกค่ะ ได้โปรดเซ็นให้ฉันด้วย”
“ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ให้คุณออก”
เซฮุนขยำกระดาษแล้วเขวี้ยงทิ้งทันที เขาไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ทำไมต้องหงุดหงิดเวลาที่เจสสิก้าบอกว่าจะลาออก และยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อนึกถึงหน้าของลู่ฮาน หรือมีคนมายุ่งวุ่นวายกับเธอ
และเขาต้องเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ๆ หรือเขาจะเป็นโรคหัวใจ เพราะเวลาอยู่ใกล้เจสสิก้าทีไร หัวใจมันก็เต้นเร็วแรงจนน่ากลัว ตอนนี้ก็เหมือนกัน เพียงแค่จ้องมองไปในดวงตาคู่สวย อวัยวะภายในอกข้างซ้ายก็ทำงานทันที และมันก็ไม่ได้เพิ่งมาเป็นหรอก แต่ว่าเป็นมานานพอสมควรตั้งแต่เจอเจสสิก้าครั้งแรก
ว่างๆ คงจะได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ
“ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้จริงๆค่ะ”
“ทำไมล่ะ เท่าที่ผมให้ไปมันไม่พอสำหรับคุณเหรอ”
มือหนาเริ่มลูบไล้วนที่เอวบาง เจสสิก้าได้แต่สะกดกลั้นอารมณ์ไว้ แล้วปัดมือเขาออก
ก็เพราะเขาที่เอาแต่รุ่มร่ามกับร่างกายเธอไง เธอถึงทนไม่ได้
“อื้อ…”
เซฮุนจูบปิดปากเจสสิก้าอย่างไม่รอช้า บดขยี้อย่างแรงจนเธอต้องอ้าปากปล่อยให้ลิ้นของเขาเข้ามาสำรวจภายใน
“ถ้าผมให้คุณมากกว่านี้ คุณจะอยู่กับผมมั๊ย?” ชายหนุ่มกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า สายตาจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบางสวย
เจสสิก้าได้แต่ส่ายหน้าช้าๆเป็นการปฏิเสธ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาร้ายขนาดไหน แต่เขาก็ไม่เคยทำแบบนี้กับเธอ แต่มาตอนนี้เขาพยายามหาเรื่องเธอทุกวัน คอยยุ่งกับร่างกายเธอตลอด
“ไม่ค่ะ อื้อ…” เซฮุนกดจูบลงไปหนักๆอีกครั้ง แล้วผละออกมา
“ตอบใหม่สิครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันยืนยันว่าจะลาออก อื้อ!!”
และชายหนุ่มก็ประกบจูบเธออีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเหมือนวิญญาณเจสสิก้าจะออกจากร่าง จูบของเขามีอิทธิพลมากจริงๆ มือของเขาสัมผัสร่างกายภายใต้เสื้อผ้า จนเธอขนลุก
“ถ้าคุณตอบว่าไม่ ผมจะจูบคุณ แต่ถ้าคุณบอกว่าลาออก ผมจะทำมากกว่าจูบ
เหมือนคืนนั้น”
…………………30%...........................
ตอนนี้หัวสมองเจสสิก้าขาวโพลนไปหมด เธอคิดอะไรไม่ออกจริงๆว่าจะทำยังไงกับเซฮุน จะทำยังไงให้เขายอมเซ็นใบลาออก แล้วถ้าหายไปเฉยๆจะเป็นอะไรมั๊ย แต่งานล่ะ ตอนนี้ยังไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าเธอจะหางานได้ในเร็ววันนี้ สุดท้ายจึงต้องยอมทำงานกับเซฮุนต่อไป
“เฮ้อ…” เจสสิก้ายืนคอตกขณะยืนรอรถประจำทาง จนไม่ได้สังเกตเลยว่าใครยืนอยู่ข้างหลังเธอ
“คุณเจสสิก้าครับ” ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อเธอ
“คุณลู่ฮาน!!”
“นึกว่าจะไม่เจอซะแล้ว” ลู่ฮานพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้เธอ
“แล้วมีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ?”
“เอ่อ…ผมอยากไปส่งบ้าน เอ๊ย พาไปกินข้าว เอ่อ…คุยเรื่องงานหน่อยนะครับ” ลู่ฮานพูดติดๆขัด ก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เขิน และนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะเจสสิก้าได้เป็นอย่างดี ไม่น่าเชื่อเลยว่าเซฮุนจะมีเพื่อนที่น่ารักอย่างนี้
น่ารักเหรอ เธอกำลังชมเขาว่าน่ารักงั้นเหรอ
เจสสิก้าต้องยอมรับเลยจริงๆว่าช่วงเวลาที่ได้รู้จักลู่ฮานมา เขาเป็นคนที่ดีมาก จนมีอิทธิพลต่อหัวใจเธอ
ลู่ฮานพาเลขาสาวมาร้านอาหารโปรดของตัวเอง พร้อมพรีเซ็นต์อย่างเต็มที่ ก่อนจะจูงมือเจสสิก้ามายังที่นั่งในร้าน
“ร้านนี้ร้านโปรดผมเลยนะครับ ผมชอบกิน….” ลู่ฮานสาธยายถึงอาหารที่เขากินและแพ้ ซึ่งเจสสิก้าก็ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังสนใจกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ทุกๆอย่างที่เขาพูด เธอกลับจำมันได้จนน่าแปลกใจ
ลู่ฮานแพ้อาหารทะเล
ลู่ฮานชอบกินขนมหวาน
ลู่ฮานแพ้อัลมอนด์
“คุณเจสสิก้าครับ?”
“คะ” เจสสิก้ารีบหลุดออกจากภวังค์เมื่อเขาโบกมือไปมาต่อหน้าเธอ นี่เธอเหม่อไปถึงไหนเนี่ย
จัดการสั่งอาหารเรียบร้อย ระหว่างรอลู่ฮานก็ยื่นแผ่นกระดาษต่างๆที่มีรูปจิวเวรี่เต็มไปหมดให้เธอ
“นี่มันอะไรเหรอคะ?”
“ก็แค่จะให้โฆษณาให้หน่อยนะครับ”
บริษัทของตะรกูลโอ ของเซฮุนเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสื่อโฆษณาต่างๆ และออกแบบให้ตัวโฆษณาดูน่าสนใจ แต่ว่าเจสสิก้าก็ไม่ได้มีหน้าที่นี้โดยตรง ของพวกนี้ควรจะให้ครีเอทิฟทำมากกว่า
เจสสิก้าหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาดู สายตาจดจ้องกับสิ่งที่สวยงามในนั้น ธุรกิจจิวเวอรี่ขนาดใหญ่ต้องยกให้ตะกูลเขาเลยล่ะ
ลู่ฮานได้แต่ยิ้มมองท่าทีคนตรงหน้า
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยไปหมด อ่า…ลู่ฮานอยากจะบ้าตาย
“แล้วเดี๋ยวฉันจะลองคุยให้นะคะ แต่ว่าฉันว่าคุณก็ดูจะสนิทกับคุณเซฮุน ทำไมไม่ลองติดต่อกับเขาละคะ มันจะได้ไม่ยุ่งยากนัก”
“นั่นสินะครับ”
ลู่ฮานยิ้มแล้วหัวเราะออกมา อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ว่าจะมีแพลนให้ทำโฆษณาอะไรหรอก ก็แค่อยากหาข้ออ้างเพื่ออยู่ใกล้แค่นั้นเอง
ช่วงนี้แบคฮยอนและดีโอในแต่ละวันก็ฝึกซ้อมกันอย่างหนัก จนเทรนเนอร์ต้องเอ่ยปากชม การจะเป็นนักร้องที่ดีนั้น มันไม่ง่ายอย่างที่แบคฮยอนคิดเลย มันเหนื่อยมากจริงๆ จนเขาแทบไม่มีเวลาพักเลย กลับบ้านก็ดึกอีกต่างหาก
แบคฮยอนคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเป้ออกมา พิมพ์อะไรยุกยิกๆแล้วยิ้มอยู่คนเดียวจนดีโอต้องเดินเข้ามาถาม
“ทำอะไรอ่ะแบค”
“ส่งไลน์…”
แบคฮยอนตอบสั้นๆก่อนจะหันไปสนใจสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์ต่อ ข้อความที่ส่งไปก็ไม่ได้ไปตกอยู่กับใครที่ไหนเลย มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ พี่เจสสิก้า
Baekhyun: กินข้าวยังครับ?
Jessica : กินแล้ว แบคล่ะ?
Baekhyun: ยังเลยครับ ช่วงนี้ซ้อม เหนื่อย มาก
Jessica: อืมๆ ดูแลตัวเองด้วยละกัน
Baekhyn: ครับผม พี่ด้วยนะ
แบคฮยอนยิ้มกริ่มออกมา เพียงแค่เขาได้พูดคุยกับพี่สาวข้างบ้าน มันก็มีความสุขมากแล้วล่ะ และทำให้มีกำลังใจที่จะทำอะไรได้อีกเยอะ
บนโต๊ะอาหารตัวยาวขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอาหารมากหน้าหลายตา แต่เซฮุนกลับเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่แตะอะไรซักอย่าง เพราะตอนนี้เขาหงุดหงิดมาก ตอนแรกก็คิดว่าจะนัดทานข้าวกับครอบครัวเฉยๆ ที่ไหนได้ กลับเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยนั่งอยู่ ว่าที่คู่หมั้นของโอ เซฮุน
เซฮุนไม่ชอบเลยจริงๆ ที่แม่เขาจับคลุมถุงชนแบบนี้ ผู้ชายหล่อๆ ดีๆ(เหรอ?) อย่างเขาต้องได้เจอผู้หญิงอีกเยอะ และที่สำคัญเขายังไม่อยากมีครอบครัวตอนนี้ เพราะมันเหมือนบ่วงรัดคอทำให้เขาไม่ให้มีอิสระ
“หนูยุนอายิ่งโตยิ่งสวยนะ” คุณนายโอเอ่ยปากชมยุนอาพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้
“ขอบคุณค่ะ”
ใช่…เธอสวย อิม ยุนอาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่ทำไมเซฮุนถึงไม่รู้สึกอะไรเลย เขากลับคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ธรรมดา และเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบร้อยอย่างที่คิด ดูได้จากสายตาที่มองเซฮุนแทบจะกลืนกิน
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมขอตัว” เซฮุนลุกออกจากเก้าอี้ โค้งตัวให้ทุกคน ก่อนจะรีบสาวเท้าออกไป ท่ามกลางสายตาความงงงวยของทั้งสองฝ่าย คุณนายโอได้แต่อ้าปากค้างแล้วรีบขอโทษขอโพยที่ลูกชายเดินออกไป
“คือเซฮุนเขาคงมีงานด่วนน่ะค่ะ”
เซฮุนแทบอยากเป็นบ้าเมื่อรู้ว่าตัวเองขับรถมาที่ไหน บ้านของเลขาคนสวย เขาแทบไม่รู้ตัวเองเลย แทนที่เขาจะนัดเพื่อนออกไปดริ๊งค์ ไม่ก็ไปนอนพักที่คอนโดเขา แต่กลับเลือกที่จะมานี่
บ้านหลังเล็กๆที่เปิดไฟข้างในสว่าง แสดงว่าเจ้าของบ้านยังไม่ได้นอน เซฮุนชั่งใจอยู่ครู่นึงก่อนจะก้าวลงจากรถ ประตูรั้วล็อคแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ชายคนนี้ เขาปีนกระโดดข้ามไปอีกฝั่ง แล้วเดินไปหยุดที่ประตูหน้าบ้าน
ก็อกๆๆ
เจสสิก้าที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ก็ต้องรีบวิ่งมาเปิดประตู คงจะเป็นแบคฮยอนล่ะมั้ง แต่เปิดประตูออกมากลับไม่ใช่คนที่เธอคิด เจสสิก้ารีบจะปิดประตู แต่เซฮุนก็แทรกตัวเข้ามาข้างในได้ซะก่อน
“คุณมาทำไม!!” เจสสิก้าก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ เมื่อเซฮุนเริ่มขยับเข้ามา
“ก็อยากมา”
อยากมางั้นเหรอ บุกบ้านคนอื่นยามวิกาลนี่นะ เขาโรคจิตรึเปล่า
“มันดึกมากแล้วนะคะ คุณกลับไปเถอะ”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผมครับคุณเจสสิก้า!!”
เจสสิก้าหน้าซีดเผือดเมื่อเขาเข้ามาใกล้ พยายามมองหาสิ่งของรอบกายที่ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว จนเหลือบไปเห็นสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ มีดปอกผลไม้
“อย่าเข้ามานะ เข้ามาฉันแทงคุณแน่”
“คุณกล้าเหรอครับ” เซฮุนยกมือขึ้นเหนือหัว หร้อมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และไม่เลิกที่จะเดินเข้าประชิดเธอเรื่อยๆ
และถ้าถามว่าเจสสิก้ากล้าแทงเซฮุนมั๊ย บอกเลยว่าเธอไม่กล้าหรอก ที่ทำก็แค่ขู่เพื่อป้องกันตัว แต่ถ้าเซฮุนคิดจะเข้าใกล้เธออีกจริงๆ หรือจะขืนใจเธอแบบคืนนั้น เธอก็กล้าที่จะแทงเขาแบบไม่ลังเล
“อ๊ะ!!” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเซฮุนกอดเข้าจากด้านหลัง บิดข้อมือเธอให้มีดหลุดออกจากมือ
“แค่นี้คุณก็ทำอะไรผมไม่ได้แล้ว” เซฮุนยื่นหน้ามองเสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กกว่าที่ดูเหมือนจะตกใจกับความเร็วของเขา ก็อย่างว่าเจสสิก้าตัวเล็กๆเองจะมาสู้อะไรกับผู้ชายอย่างเขาได้
“ปล่อย!!”
เจสสิก้าเริ่มดิ้นเมื่อเขากอดรัดแน่นขึ้น แต่เซฮุนกลับไม่ยอมปล่อย กลิ่นหอมอ่อนๆของคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ลอยเข้าจมูกเขา รวมถึงร่างกายนุ่มนิ่มที่เสียดสีกับร่างกาย
สติเซฮุนเตลิดไปหมดแล้ว
“กริ๊ด!!” เสียงหวีดร้องของเจสสิก้าดังขึ้นเมื่อถูกเขาอุ้มพาดบ่า และโยนลงเตียงตามด้วยร่างกายเขาทาบทับลงมาประกบกับริมฝีปากเธอ
เซฮุนจูบเธออย่างกระหายเมื่อเธอไม่เล่นด้วย จึงบีบคางอย่างแรงและมันก็ได้ผล ว่าจะจูบกี่ทีก็ยังหวานเหมือนเดิม และดูเหมือนจะหวานขึ้นเรื่อยๆ
เขาพรมจูบไปทุกส่วนบนร่างกายของเธอ ทำให้เธอเปล่งร้องเรียกแต่ชื่อเขา
ร่างกายทั้งสองแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน เสียงครางกระเส่าดังกังวานไปทั่วห้อง ทั้งเสียงหวีดร้องของหญิงสาว และเสียงคำรามต่ำของชายหนุ่ม และมันก็เป็นอย่างนี้ทั้งคืน
จะเป็นไรมั๊ย ถ้าเขาจะบอกว่าเขาเสพติดผู้หญิงคนนี้
10/01/14
ออเดิร์ฟเบาๆ เดี๋ยวจะรีบมาลงให้ครบค้า(ขอโทษทีให้รอนะ)
และเชื่อว่าทุกคนน่าจะได้เห็นทรงผมใหม่ฮุนแล้ว
คือหล่อมาก แบดมาก ทำเพ้อเลย555
11/01/14
nc ตอนนี้ไม่มีหรอก
รอตอนต่อๆไปนะ ฮุนมันหื่นขนาดนี้ เดี๋ยวมีอีก กลัวจะเบื่อก่อนน่ะสิ555
ความคิดเห็น