ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 2 : เจ้านาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.26K
      132
      11 ส.ค. 57

    บทที่ 2 เจ้านาย

     

     

                หลังจากจัดการอาหารมื้อเช้าที่ประกอบไปด้วยน้ำเต้าหู้หนึ่งถุงกับปาท่องโก๋สองตัวเสร็จ ซากุระก็พาร่างกายโทรมๆเพราะนอนไม่พอของตนออกมาจากตัวบ้าน เธอเดินเซเล็กน้อยตอนที่พยายามลากจักรยานคันโปรดออกมาจากที่เก็บ ร่างบางนึกโทษสาเหตุที่ทำให้เธอต้องอดหลับอดนอนอยู่ในใจ...

     

    ผู้ชายคนนั้น!

     

    เมื่อคืนหลังจากที่วิ่งหนีประธานใหญ่ของธนาคารอุจิวะเข้าไปทางหลังผับ เธอก็พบกับพนักงานหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นคนเอาจดหมายพร้อมกับเงินมาให้เธอ อีกฝ่ายดูจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าแตกตื่นที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอก่อนที่เขาจะพูดบางอย่างที่ทำให้น้ำตาของเธอถึงกับหยุดไหล

     

    พี่จะมาบอกว่าแขกคนที่ฝากเงินให้น้องน่ะเค้าถูกตีหัวจนขยับไปไหนไม่ได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปดักรอเขาหรอก

     

    อะ...อะไรนะคะ

     

    คุณโทระตะเค้าถูกนักเลงที่ไหนก็ไม่รู้เล่นงาน ตอนนี้กำลังปฐมพยาบาลกันอยู่ ถ้าไม่อยากไปกับเขาก็เป็นโอกาสดีแล้ว รีบกลับบ้านไปเถอะ

     

    โท...ระตะ...เหรอคะ

     

    ใช่ ลูกเจ้าของธนาคารฟุวะไง น้องก็น่าจะเห็นตามหนังสือพิมพ์บ่อยๆ

     

    ไม่ใช่ อุจิวะ  ซาสึเกะ...

     

    เฮ้ย! ทำไมถึงกล้าคิดว่าจะเป็นอุจิวะ  ซาสึเกะ น้องไม่รู้เหรอว่าเค้าไม่นิยมผู้หญิง... รีบไปเถอะตอนนี้เขากำลังวุ่นวายกันอยู่ เดี๋ยวผับก็จะปิดแล้ว

     

    ซากุระไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นชายหนุ่มพูดอะไรกับเธอต่อ เธอรู้เพียงแต่ว่าความหวาดกลัวบางอย่างได้แช่แข็งเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    เธอเข้าใจผิด!!!

     

    หญิงสาวแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายเสียตรงนั้น เพราะความโกรธทำให้เธอลืมไตร่ตรองเรื่องสำคัญไปเสียสนิท ข่าวเขาก็ลงออกจะบ่อย...พฤติกรรมที่ไม่น่าพิสมัยของอุจิวะ  ซาสึเกะ การกระทำที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเหยียดเพศของเขา... เหตุใดหนอเธอจึงไม่คิดว่ามันแปลกเกินไปที่เขาจะมาว่าจ้างเธอให้ไปเป็นคู่นอน ซากุระเดินกลับเข้าไปยังห้องพักสำหรับพนักงานอย่างเหม่อลอย...

     

    เธอไปหาเรื่องคนผิดเสียแล้ว... ธนาคารอุจิวะเองก็เป็นเจ้าหนี้ของเธอ หากเขาเกิดแค้นขึ้นมาและสั่งให้เจ้าหน้าที่ธนาคารมายึดบ้านของเธอเสียตอนนี้เลยก็คงทำได้

     

    แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอคนเดียวเสียหน่อย...

    ถ้าเขาไม่ใช่คนว่าจ้างทำไมถึงไม่บอกเธอ...

    มิหนำซ้ำยังมาดูถูกเธอด้วยถ้อยคำที่แสนร้ายกาจนั่นอีก...

     

    สมควรถูกตบแล้วล่ะ...

     

    แต่ถึงจะคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความหวาดกลัวที่ตามหลอกหลอนก็เล่นเอาหญิงสาวนอนไม่หลับไปทั้งคืน เธอจดจำใบหน้าที่แสดงออกถึงความโกรธของเขาได้เป็นอย่างดี

     

    มันน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก!

     

    และผลพวงจากอาการจิตตกก็ส่งผลให้ใบหน้าของเธอดูโทรมถึงเพียงนี้ ถุงใต้ตาที่ดำคล้ำอย่างชัดเจนไม่อาจปกปิดได้ด้วยเครื่องสำอางที่เธอลงทุนโบ๊ะมามากกว่าปกติ หญิงสาวมองดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่ามันเป็นเวลาหกโมงครึ่งพอดี

     

    แม่เลี้ยงของเธอคงยังไม่กลับจากท่องราตรีหรอก...

     

                ร่างบางส่ายหัวอย่างนึกระอาเมื่อนึกถึงพฤติกรรมของแม่เลี้ยงตัวเอง ดูๆไปบทบาทของเธอกับผู้เป็นแม่เลี้ยงก็ออกจะสลับกันอยู่เสียหน่อยเพราะแทนที่อีกฝ่ายจะเป็นผู้ดูแลบ้านช่องและเธอจะเป็นคนไปเที่ยวกลางคืนตามประสาวัยรุ่น แต่กลับกลายเป็นว่าเธอต้องเป็นผู้ดูแลบ้านรวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในบ้านและผู้เป็นแม่เลี้ยงกลับเป็นฝ่ายออกไปสังสรรค์รื่นเริงเที่ยวราตรีแทบทุกวันแทน

     

                ซากุระสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะค่อยๆผ่อนมันออก เธอควรจะลืมเรื่องเลวร้ายทุกอย่าง...วันนี้เธอจะได้เข้าไปเหยียบสถานที่ทำงานในฝันแล้ว เธอจะต้องพยายามเพื่อที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นให้ได้ หญิงสาวปฏิญาณกับตัวเองก่อนจะออกแรงปั่นจักรยานคันโปรดเพื่อไปยังสำนักงานใหญ่ของ อุซึมากิ คอร์ปอเรชั่น ที่อยู่ห่างออกไปราวๆสามกิโลเมตร

     

    หญิงสาวปั่นจักรยานพร้อมกับสูดบรรยากาศยามเช้าที่แสนสดชื่นไปพลาง เธอหันหัวจักรยานเลี้ยวเข้าไปในซอยลัดที่ตัดผ่านข้างๆโรงแรมเพื่อประหยัดเวลา จักรยานคันน้อยวิ่งผ่านถนนคอนกรีตที่ถูกปูอย่างดีก่อนจะเลี้ยวลัดเลาะไปตามซอยเล็กๆที่เชื่อมต่อกับถนนใหญ่ ซากุระปั่นมาจนถึงส่วนที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถของโรงแรม แล้วหญิงสาวก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังออกมาจากรถคันหนึ่ง

     

    “อ๊าส์ ซี้ดดด เร็วกว่านี้อีกค่ะ”

     

    เสียงนั้นแม้จะดูอู้อี้อยู่ซักเล็กน้อยแต่เพราะว่าเป็นยามเช้าที่แสนเงียบสงบทำให้เธอได้ยินมันอย่างชัดเจน หญิงสาวขนลุกซู่เมื่อพอจินตนาการออกมาแถวๆนี้คงเป็นที่ทำกิจกรรมบางอย่างของคนบางคู่เป็นแน่แท้ เธอไม่เสียเวลาหยุดฟังเสียให้ยาก ซากุระรีบปั่นจักรยานออกไปแทบไม่ทันแต่แล้วเธอก็ต้องสะดุดจนล้มคว่ำ

     

    “ว้ายยย” ร่างบางเผลอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อทั้งเธอทั้งจักรยานพากันล้มลงไปกองกับพื้น ซากุระยกมือขึ้นปิดปากเพราะเกรงว่าเสียงของเธอจะไปทำให้ใครบางคนรู้ตัว เธอรีบยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับยกจักรยานขึ้นตั้งเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมจักรยานของเธอถึงพาลล้มเอาเสียดื้อๆ แล้วหญิงสาวก็ต้องเอามือตบหน้าผากของตัวเองดังฉาดเมื่อพบสาเหตุ กระโปรงนักศึกษาตัวยาวของเธอเกี่ยวอยู่กับโซ่ของจักรยานเสียแน่น...

     

    “อืมห์ ใจเย็นๆสิครับดาร์ลิง คุณก็รู้ว่าในรถมันไม่สะดวก”

     

    “อ๊ะ...อ๊า ละ...แล้วทำไม คุณ...ถึงไม่ปะ..เปิดห้อง...อ๊าส์”

     

    “หึๆ ถ้าผมเปิดห้องแล้วผมจะได้ยินเสียงคุณร้องครวญครางอยู่แบบนี้รึเปล่าล่ะ”

     

    “อ๊ะ...คนบ้า...”

     

    “ถึงผมจะรู้ว่าผมทำได้ก็เถอะ แต่ยังไง...ในรถมันก็ สนุกกว่าอยู่แล้ว”

     

    ใกล้มาก!!!

    ใกล้มากเหลือเกิน...

     

                ซากุระใบหน้าแดงเรื่อเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนคู่หนึ่งอย่างชัดเจน เพราะตำแหน่งของเธอในตอนนี้อยู่ตรงประตูลานจอดรถของโรงแรมพอดีทำให้เธอได้ยินแทบทุกประโยคที่คู่รักคู่นั้นพูด ร่างบางก้มๆเงยๆพยายามดึงประโปรงของตัวเองออก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว!

     

    ฟืบ!!!

     

                เสียงอะไรบางอยากเลื่อนลงทำให้คนที่กำลังตระหนกอยู่ถึงกับสะดุ้ง ตอนนี้เธอสามารถแกะกระโปรงของเธอออกมาจนได้ หญิงสาวขึ้นคร่อมจักรยานเตรียมจะปั่นมันออกไปโดยเร็วแต่แล้วเธอก็ยังไม่เร็วพอ...

     

    มีใครคนหนึ่งเรียกเธอไว้...

     

                “น้องครับ!” เสียงชายคนหนึ่งเรียกเธอ เสียงนั้นอยู่ใกล้มากจนซากุระไม่อยากจะเดาว่าใครคือเจ้าของเสียง เธอนั่งตัวแข็งทื่อบนจักรยาน...

     

                “น้องได้ยินรึเปล่า” เสียงนั้นถามย้ำ เธออยากจะตอบเหลือเกินว่าไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยทั้งสิ้น!

     

                “น้องช่วยเดินมาทางนี้หน่อยได้มั้ยครับ”

     

                “...”

     

                “มีน้ำใจหน่อยสิครับ!” เมื่อเห็นว่าเธอยังคงนิ่งอีกฝ่ายก็เริ่มมีแววโมโห ซากุระพยายามจะออกแรงปั่นจักรยานต่อ แต่ขาเจ้ากรรมของเธอดันไม่ขยับเลยเสียนี่! เมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงค่อยๆหันไปยังต้นเสียง แล้วก็ต้องตกใจจนแทบจะพาจักรยานล้มลงไปอีกรอบเมื่อเห็นชายคนหนึ่งที่ท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังชะโงกหน้าคุยกับเธออยู่บนรถสปอร์ตคันหรู

     

    เขาเป็นชายผิวขาวแต่ไม่ได้ขาวจัด...

    เรือนผมสีเหลืองทองสว่าง ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลดูขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ไปในตัว...

    หน้าตาหรือก็จัดได้ว่าหล่อเหลาสมชายชาตรียิ่งนัก!

     

                “อ๊าส์...” เสียงครางของผู้หญิงคนเดิมดังออกมาจากในรถพร้อมๆกับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการขยับตัวไปมา ซากุระกลืนน้ำลาย...

     

    ทำไมคนเราถึงสามารถทำเรื่องบัดสีได้ถึงเพียงนี้!

     

                “น้องช่วยเก็บ ไอ้นั่นให้พี่หน่อย” เขาว่า ใบหน้าชุ่มเหงื่อที่เต็มไปด้วยรอยลิปสติกดูเรียบเฉยอย่างแปลกประหลาด ซากุระมองดูสิ่งที่เขาบอกให้เธอเก็บแล้วใบหน้าหวานก็ต้องขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้

     

    ถุงยางอนามัย!

     

                “เร็วๆสิครับ พี่...จะไม่ไหวแล้วนะ” เขาว่าและใบหน้าสุดจะทานทนของเจ้าตัวก็เป็นหลักฐานอย่างดีว่าที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ซากุระยังคงยืนอึ้ง...

     

                “พี่...พี่ขอร้องล่ะ ไอ้นั่นน่ะอันสุดท้ายแล้ว เมื่อกี้กะจะใส่แต่มือดันเผลอกดปุ่มเปิดกระจกน่ะ ก็เลยเผลอทำตก”

     

    ใครเขาอยากรู้กัน!

     

                ซากุระคิดในใจอยากหงุดหงิด สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจจอดจักรยานไว้แล้วเดินมาเก็บของที่คนตรงหน้าเผลอทำตกไว้เพราะคิดว่าเขาคงไม่ยอมให้เธอจากไปอย่างสงบๆแน่ ใบหน้าหวานถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อเดินเข้าไปใกล้ตัวรถ เธอหลับตาปี๋แล้วยื่นถุงยางอนามัยให้คนที่โผล่หัวออกมา

     

                ด้านคนที่กำลังปฏิบัติกิจกรรมพิเศษอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะ หญิงสาวตรงหน้าจะรู้ตัวไหมนะว่าใบหน้าของเธอในตอนนี้มันดูน่ารักเสียจนเขาอยากจะทิ้งคนในรถแล้วลากตัวเธอเข้ามาแทนนัก มือหนาหยิบของที่เผลอทำตกจากมือเรียวเล็กของเธอแล้วก็ใช้อีกมือจับมือนั่นไว้เพราะคิดอยู่แล้วว่าเธอคงจะต้องรีบชักมือกลับอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อส่งของอันตรายให้อีกฝ่ายแล้วซากุระก็ชักมือกลับอย่างนึกรังเกียจแต่มือของเธอก็ยังถูกเขารั้งไว้ ร่างบางเผลอลืมตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดเบาๆเมื่อเห็นสภาพภายในรถ...

     

    บัดสี! บัดสีมากจนถึงมากที่สุด!!!

     

                “รางวัลสำหรับคนมีน้ำใจ” คนบัดสีพูดพร้อมกับก้มลงประทับจูบบนมือเล็กที่กำลังสั่น เล่นเอาเจ้าของมือถึงกับตาเบิกโพลงยืนตัวแข็งทื่อ จากนั้นอีกฝ่ายก็ปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระแล้วเลื่อนกระจกปิดพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้เธอเป็นการตบท้าย...

     

    ไอ้คนลามก!!!

     

    .

    .

    .

     

                ซากุระมาถึงสำนักงานใหญ่ของอุซึมากิ คอร์ปอเรชั่นในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง เธอมาสายกว่าปกติมากนักเพราะมัวแต่เหม่อลอยจนปั่นจักรยานชนโน่นชนนี่มาตลอดทาง ตอนนี้ในหัวของเธอไม่ได้มีแต่ภาพของราชานรกผู้แสนน่ากลัวเพียงคนเดียวอีกต่อไป ภาพของชายลามกที่ทำอะไรไม่อายฟ้าอายดินก็แทรกขึ้นมาแซมกับเขาด้วย กลายเป็นว่าตอนนี้ในหัวของเธอมีเรื่องราวอันน่าขนหัวลุกอยู่ถึงสองเรื่องพร้อมๆกัน!

     

                “มาช้านะแก” เสียงหนึ่งทักทายเธอ ซากุระหันขวับไปตามต้นเสียงก็พบเพื่อนรักของเธอกำลังเดินมาหา

     

                “เป็นอะไรทำไมหน้าซีดๆ” อิโนะถามพร้อมกับมองดูเธออย่างเป็นห่วง วันนี้เพื่อนของเธอไม่ได้แต่งชุดนุ่งน้อยห่มน้อยแบบเมื่อคืน หญิงสาวอยู่ในชุดนักศึกษาที่สะอาดสะอ้านและเรียบร้อยสมกับเป็นเด็กเรียนดีที่กำลังจะคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในอีกไม่ช้า ซากุระที่ได้ยินคำถามนั้นได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

     

                “สงสัยนอนไม่พอ” เธอตอบไปตามตรง

     

                “เมื่อคืนเลิกดึกอีกล่ะสิ”

     

                “อือ... แล้ว...เค้าจะให้เราไปที่ไหนกันก่อน” ซากุระถามเปลี่ยนเรื่อง ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปรอบอย่างอดทึ่งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อสิบปีก่อน สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงยิ่งใหญ่และอลังการ...

     

    หนูอยากให้พ่อมายืนอยู่ตรงนี้ด้วย...

     

                “ฉันไปถามฝ่ายบุคคลมาแล้ว เค้าบอกให้แกไปหาคุณชิสึเนะที่ฝ่ายบริหาร ส่วนฉันต้องไปพบคุณไกที่ฝ่ายบัญชี” อิโนะตอบ เธอลอบมองปฏิกิริยาตอบสนองของเพื่อนสาว และก็พบว่ามันเป็นไปตามที่คิด... ซากุระเบิกตาโพลงอย่างตกใจ

     

                “อะไรกัน! ทำไมฉันถูกส่งไปฝ่ายบริหารล่ะ!” ซากุระถาม “ฉันก็จบบัญชีมาเหมือนแกนะ”

     

                “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก็เลยลองโทรถามอาจารย์ดูเมื่อกี้ อาจารย์ก็บอกว่าให้ทำตามที่บริษัทเค้าต้องการ...มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัท”

     

                “จะบ้าเหรอ...” ซากุระพูดเสียงเบาหวิว “ฉันไม่ถูกกับงานของฝ่ายบริหารจริงๆนะ”

     

                “อืม...ฉันรู้ เอาเป็นว่าแกไปพบคุณชิสึเนะก่อนแล้วก็ลองถามเขาดู ฉันว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่” อิโนะว่าก่อนที่จะก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ

     

                “รีบไปกันเถอะ ฉันได้ข่าวว่าวันนี้จะมีการตอนรับประธานคนใหม่ ตอนนี้คนในบริษัทวุ่นวายอย่างกับอะไรดี” อิโนะพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นอ่านป้ายบอกสถานที่ที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเธอ

     

                “ฝ่ายบริหารอยู่ชั้นสามสิบห้า... รีบไปกันได้แล้ว มีอะไรแกก็โทรหาฉัน แต่กะเวลาดีๆหน่อยนะฉันได้ข่าวว่าพนักงานที่นี่เค้าเป๊ะเรื่องระเบียบมาก”

     

                “แล้วนั่นแกจะไปไหน” ซากุระถามเมื่อเห็นว่าอิโนะเริ่มเดินออกไป เจ้าของเรือนผมสีดอกหญ้าหันมายิ้มให้เธอก่อนจะบอก

     

                “ก็ไปฝ่ายบัญชีน่ะสิ เมื่อกี้รุ่นพี่คนนึงบอกมาว่าประธานคนใหม่จะมาเยี่ยมฝ่ายเราก่อน แต่แกไม่ต้องอิจฉานะ เพราะถ้าอยู่ชั้นบริหารก็คงจะเห็นหน้ากันจนเบื่อ” พูดแค่นั้นอิโนะก็เปลี่ยนจะเดินมาเป็นวิ่งอย่างเร็วจนเธอมองตามแทบไม่ทัน ซากุระยืนคว้างอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่เธอจะเดินไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสามสิบห้าตามที่เพื่อนรักบอก ระหว่างที่รอลิฟต์ ดวงตาคู่สวยก็เผลอไปสะดุดเข้ากับจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ที่ติดตั้งไว้กลางห้องโถงใหญ่ของสำนักงาน

     

    ยินดีต้อนรับ คุณอุซึมากิ  นารูโตะ ท่านประธานใหญ่แห่งอุซึมากิ คอร์ปอเรชั่น

     

                ใบหน้าหวานยกยิ้มเล็กน้อย ประธานคนใหม่ที่ว่าคงเป็น อุซึมากิ  นารูโตะ ลูกชายคนเดียวของท่าน นามิคาเสะ   มินาโตะ ประธานคนก่อนสินะ เธอคิดในใจแล้วก็ต้องเผลอหัวเราะออกมา

     

    สมัยที่บิดายังทำงานอยู่ที่นี่ท่านก็มักจะเล่าเรื่องของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจอมแสบของท่านประธานใหญ่ที่เป็นตัวป่วนทุกแผนกให้เธอฟังอยู่เสมอ ซากุระจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าวีรกรรมเด็ดๆของเจ้าตัวนั้นมีมากเท่าใด เธอจำได้เพียงว่าในทุกๆวันเมื่อกลับจากที่ทำงาน ผู้เป็นพ่อจะต้องไปหนอนแหม็บหมดแรงบนโซฟาพร้อมกับเล่าเรื่องวีรกรรมสุดสยองของ อุซึมากิ  นารูโตะพร้อมกับบ่นให้เธอฟังสารพัด หญิงสาวไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าค่าตาลูกชายจอมแสบของเจ้านายพ่อ แต่เธอก็อดชื่นชมให้ความกล้าบ้าบิ่นแบบเด็กๆของเขาไม่ได้ เรื่องสุดท้ายที่บิดาของเธอเล่าเกี่ยวกับอุซึมากิ  นารูโตะ คือเรื่องที่เขาฝากรอยประทับรูปลูกชิ้นปลาแปะไว้ทั่วเอกสารสำคัญทุกแผ่นของบริษัทก่อนที่เจ้าตัวจะถูกส่งไปเรียนต่างประเทศตามคำสั่งของบิดา ซากุระยิ้มขำอยู่คนเดียว...

     

    ท่ามกลางเรื่องเลวร้ายที่ประสบพบเจอในชีวิต...

    เรื่องราวในวัยเด็กของเขากลับเป็นความทรงจำแสนสนุกที่คอยเป่าปัดความเศร้าหมองในใจเธอ..

    เขาเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสู้ต่อและใช้ชีวิตอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดเหมือนกับที่เขาเป็น...

     

    หน้าตาเขาจะเป็นอย่างไรนะ?

     

    หญิงสาวคิด และความคิดของเธอก็จบลงเมื่อลิฟต์ตัวที่เธอยืนรอเลื่อนลงมาถึงชั้นหนึ่งพอดี

     

    .

    .

    .

     

                “เธอคือ ฮารุโนะ  ซากุระ  นักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัย M ใช่ไหม” หญิงสาวร่างผอมบางที่แต่งตัวเป๊ะทุกระเบียบนิ้วถามขึ้น ซากุระเงยหน้าสบตากับผู้อาวุโสกว่าพร้อมกับยิ้มตอบ

     

                “ค่ะ”

     

                “อืม...ฉัน ฮามะ  ชิสึเนะ เป็นหัวหน้าเลขา” อีกฝ่ายแนะนำตัวจากนั้นก็เดินอ้อมตัวเธอไปหยิบเอกสารสองสามแผ่นส่งให้

     

                “นี่เป็นข้อปฏิบัติคร่าวๆของคนที่ทำงานอยู่ชั้นบริหาร คนที่อยู่ในชั้นนี้ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎทุกข้ออย่างเคร่งครัด... พวกเราจะพลาดไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว” ชิสึเนะว่าก่อนจะมองสำรวจซากุระตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นชายกระโปรงที่เปื้อนคราบน้ำมันจากโซ่รถจักรยานของซากุระ

     

                “ทำไมถึงปล่อยให้กระโปรงเปื้อนแบบนี้” เธอถามเสียงดุ ซากุระที่ตอนแรกมั่นอกมั่นใจว่าเธอจะสามารถซื้อใจหัวหน้าเลขาคนนี้ได้ถึงกับเหงื่อตก

     

                “เอ่อ...พอดีว่า...เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ” เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม

     

                “ทีหลังเธอต้องระมัดระวังมากกว่านี้! จะแต่งตัวสกปรกแบบนี้มาทำงานที่บริษัทของเราไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เด็กฝึกงานฉันก็ไม่เว้น” ชิสึเนะสั่งเสียงเข้ม แล้วโทรศัพท์ที่โต๊ะของเธอก็ดังขึ้น ชิสึเนะใช้สายตาดุๆมองมาที่ซากุระแวบหนึ่งก่อนจะรับโทรศัพท์

     

                “อือ...โอเค ทางนี้พร้อมแล้ว... ได้...ไม่มีปัญหา” คุยโทรศัพท์เสร็จหัวหน้าเลขาก็เบนสายตากลับมาที่ซากุระที่ตัวหดลีบเล็กลงทุกที ความคิดที่จะถามเหตุผลที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ฝ่ายนี้ปลิวหายไปกับสายลม

     

                “ท่านประธานกำลังจะขึ้นมาแล้ว เธอไปยืนประจำที่ตรงโน้นและอย่าทำอะไรซุ่มซ่ามล่ะ” เธอหันมาสั่งพร้อมกับชี้นิ้วไปยังโต๊ะโล่งๆตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่มุมเล็กๆของห้อง ซากุระรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ขืนอยู่ต่ออีกสักนาที มีหวังเธอคงบี้แบนเพราะถูกความกดดันกดทับเป็นแน่!

     

                ซากุระที่ทำใจที่เต้นโครมครามเพราะความกลัวให้สงบลงแล้วเธอก็ต้องลำบากอีกหนเมื่อหัวใจกลับต้องมาเต้นโครมครามอีก แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะความกลัว...มันเป็นเพราะความตื่นเต้นต่างหาก...

     

    แค่สิบเอ็ดปีเอง...

    แค่สิบเอ็ดปีที่เธอไม่ได้ฟังเรื่องราวของเขา...

    แต่เป็นเวลาถึงสิบห้าปีที่เธออยากจะพบเจอเขามาโดยตลอด...

     

                “เชิญทางนี้ค่ะท่าน” เสียงของชิสึเนะดังนำมาก่อนที่ร่างของใครคนหนึ่งจะปรากฏ

     

    เขาตัวสูงกว่าคนธรรมดาทำให้สังเกตเห็นได้ชัดแม้จะยืนอยู่ไกล...

    เรือนผมสีเหลืองทองของเขาส่องสว่างและเป็นเอกลักษณ์...

    ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลยังคงดูขี้เล่นและเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม....

     

                ซากุระคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไปแน่ๆ เธอพยายามกระพริบตาถี่ๆอยู่หลายครั้ง แต่ภาพเบื้องหน้าก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มกำลังยิ้มร่าทักทายทุกคน เขาไม่ลืมที่จะหันมาส่งยิ้มแจกเหล่าพนักงานที่นั่งทำงานกันอยู่...

     

    จนกระทั่งดวงตาสีฟ้านั้นมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าที่ตื่นตกใจของเธอ...

     

                ใบหน้าหล่อเหลาผงะตกใจเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานหยด ซากุระคิดว่าเธอต้องลืมหายใจไปแล้วแน่ๆ มือไม้ของเธอแข็งทื่อไปหมด... ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว

     

                “ไอ้โรคจิต...”

     

     

     

                ทำไมช่วงนี้คึกแต่งจุง ฮ่าๆๆ โตะออกมาแล้วววด้วยลุคแบบพลิกโฉม อิอิ งานนี้หนูกุของเราหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ-0- บทนี้เกะไม่ได้ออกซักกะติ๊ด(เอามันไปเก็บก่อน) ใครคิดถึงรอดูบทต่อๆไปน้า ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายที่พระเอกสวยกว่านางเอก (ฮะ!?!) กลัวจริงๆว่าแต่งไปแต่งมาจะเผลอจับผิดคู่เป็นเกะโตะ ฮ่าๆๆ ปล.2 ไรท์ไม่รู้นามสกุลของชิสึเนะเลยมั่วมา ไม่ว่ากันเนาะ>.<
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×