คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : CHAPTER 39 : คำสารภาพของลูกเป็ด (100%)
บทที่ 39 คำสารภาพของลูกเป็ด
“เธอปลอดภัยแล้วนะซากุระ เธอปลอดภัยแล้ว...”
เสียงปลอบประโลมที่เจือไปด้วยความห่วงใยของร่างสูง กลายเป็นจุดสนใจของเหล่าหมอ พยาบาล รวมไปถึงคนไข้ที่รอรับการรักษาในห้องฉุกเฉิน ภาพของราชานรกผู้เยือกเย็นกำลังพร่ำบอกคำปลอบโยนพร้อมกับกุมมือหญิงสาวคนหนึ่งที่เอาแต่นอนร้องไห้เงียบๆบนเตียงผู้ป่วยนั้น สร้างความฉงนให้แก่ผู้พบเห็นอยู่ไม่น้อย
ไม่สิ...
งานนี้ต้องบอกว่าทำเอา ‘ช็อก’ ...
ชายที่มีข่าวลือว่าชอบผู้ชาย... ติดอันดับหนึ่งผลโหวตผู้ชายที่น่าหม่ำที่สุดในสายตาของผู้ชายด้วยกัน... และที่สำคัญ เขายังเกลียดผู้หญิงยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน! แต่จู่ๆคนที่มีคุณสมบัติแบบนั้นกลับทำเรื่องที่แสนจะไม่น่าเชื่อ...
เมื่อเกือบๆสิบนาทีก่อน...
ห้องฉุกเฉินที่ปกติก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว กลับเกิดเหตุการณ์ชุลมุนที่ทำเอาทุกคนหัวหมุน ทั้งมึน ทั้งงง ในขณะเดียวกันก็กลัวจนหัวหด เมื่อชายที่ชื่ออุจิวะ ซาสึเกะปรากฏตัวพร้อมกับอุ้มสาวสวยที่ตาลอยคว้างเหมือนคนเสียสติเข้ามาที่วอร์ดER เขาสั่งเสียงกร้าวให้หมอกับพยาบาลมาดูอาการของหญิงสาวในอ้อมแขน เล่นเอาปั่นป่วนกันไปหมดทั้งแผนก และถึงแม้หมอที่ประจำอยู่แผนกฉุกเฉินจะยืนยันว่าเธอปลอดภัยดีทุกอย่าง แต่คนขี้ห่วงก็ไม่ได้สงบจิตสงบใจเลยเพราะประโยคหนึ่งที่ร่างบางพูดเอาไว้ตอนที่เธอยังมีสติ
“คุณซาสึเกะ... มาช่วยฉันกับลูกแล้วเหรอคะ...”
มันเป็นประโยคที่ทำเอาเขาแทบจะกรีดร้องด้วยความทรมานใจ อยากรู้ใจแทบขาดว่าประโยคนั้นมันหมายถึงอะไร เขาได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม?
เธอพูดว่า ‘ลูก’ ...
นั่นหมายถึงลูกของเธอกับเขาหรือเปล่า?
คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นอกจากคนที่นอนเหม่อบนเตียง ร่างสูงมองภาพนั้นอย่างปวดใจ... เธอหยุดกรีดร้องไปแล้วก็จริง แต่อาการที่เป็นอยู่ในตอนนี้น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า แทบไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าหากเธอต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป
เขาจะอยู่ได้อย่างไร?
แล้วไหนจะเรื่องลูกอีก เขาต้องรอให้สูติแพทย์มาตรวจว่าเธอกำลังตั้งครรภ์จริงๆหรือเปล่า และถ้าเธอตั้งครรภ์จริง เหตุการณ์เมื่อครู่จะมีผลกระทบอะไรต่อเด็กไหม?
เรื่องวุ่นวายที่ประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกันบั่นทอนพลังชีวิตของเขามากเหลือเกิน ส่วนพลังใจนั้นไม่ต้องพูดถึง... ทั้งสองดวงใจ ไม่สิ... อาจจะสาม ตกอยู่ในอันตรายพร้อมๆกัน
หัวใจของเขา...
ถูกกัดกร่อนจนแทบไม่เหลือ...
“ทำไมหมอยังไม่มาอีก!!!”
“ระ... รอสักครู่นะคะ ตะ...ตอนนี้สูติแพทย์ที่เป็นเวรกำลังทำคลอด...” หัวหน้าพยาบาลที่ถูกเรียกมาเป็นกรณีพิเศษละล่ำละลักตอบ เธอหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของราชา แต่ก็ไม่อาจหลบเสียงทุ้มต่ำที่แสนจะน่ากลัวของเขาได้อยู่ดี...
“ถ้าเมียฉันเป็นอะไรไปล่ะก็... อย่าหวังว่าโรงพยาบาลนี้จะรอด!”
ทันทีที่ฟังคำขู่จบ พยาบาลวัยคุณป้าที่มากประสบการณ์ก็ถึงกับหูผึ่ง เธอเงยหน้ามองชายตรงหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยประโยคนั้นออกมา และอาการนี้ก็ไม่ได้เกิดแต่กับเธอเพียงคนเดียว หลายคนที่แอบลอบมองพร้อมกับเงี่ยหูฟังอยู่ห่างๆก็เกิดอาการเดียวกัน ทุกคนต่างพากันช็อกที่จู่ๆราชาที่เกลียดผู้หญิงเข้าไส้ก็ประกาศกร้าวว่าตนมีภรรยาแล้ว แต่ซาสึเกะไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ใครจะมองเขายังไง เขายังคงใช้สายตากดดันหัวหน้าพยาบาล ยืนยันว่าถ้าตนพูดจริงทำจริง
“ค่ะท่าน... ดิฉันจะโทรตามสูติแพทย์ท่านอื่น...”
“เร็วๆ!”
เสียงเร่งที่เต็มไปด้วยอำนาจทำให้พยาบาลสาวใหญ่รีบกุลีกุจอหาสมุดรายชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของสูติแพทย์คนอื่น หล่อนรู้สึกเหมือนความดันจะขึ้นเพราะโทรตามใครก็ไม่มีคนรับสาย เมื่อเห็นพยาบาลสาวรุ่นน้องเดินผ่านมาพอดีจึงเรียกไว้พร้อมกับสั่งเสียงเครียด
“ไปดูที่ห้องคลอดซิ หมอเวรทำคลอดเสร็จรึยัง?”
พยาบาลสาวที่ได้ยินเสียงเหนื่อยๆของหัวหน้าก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างเข้าใจ ก็เสียงเกรี้ยวกราดของราชาที่ประกาศก้องว่าสาวสวยที่นอนร้องไห้บนเตียงเป็น ‘ภรรยา’ น่ะ เบาเสียเมื่อไหร่ ขนาดเธอที่ทำแผลให้คนไข้อยู่ตั้งไกลยังได้ยิน
คิดแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้... ผู้หญิงที่ได้ครอบครองราชาคนนั้น...
คนอิจฉาสะบัดหัวอย่างแรงเมื่อคิดได้ว่าเธอต้องรีบไปดูที่ห้องคลอด หญิงสาวสาวเท้าเร็วๆไปยังจุดมุ่งหมาย แล้วก็ต้องเบรกตัวเอี๊ยดแทบไม่ทันเมื่อสายตาปะทะกับร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไปอย่างรีบเร่ง
สวรรค์โปรด...
อุทานเบาๆในใจก่อนจะส่งเสียงเรียก ‘สูติแพทย์มือหนึ่ง’ ที่เอาแต่จ้ำเดินไปข้างหน้า
“คุณหมอ! คุณหมอกาอาระคะ!” เสียงเล็กๆของพยาบาลทำให้คนกำลังรีบหยุดชะงัก ร่างสูงปรายตามองคนเรียก ดวงตาสีโอปอลมีแววหงุดหงิด...
“รบกวนคุณหมอช่วยไปตรวจคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินให้ทีค่ะ เธอเพิ่งถูกทำร้ายมาและสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์...”
“นั่นมันหน้าที่ของแพทย์เวรไม่ใช่เหรอครับ? และตอนนี้ผมก็ไม่ว่าง กรุณาหลีกด้วย” คุณหมอหนุ่มปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เขาทำท่าจะออกเดินต่อแต่คนช่างตื๊อก็ยังไม่ยอมหลบ
“ตอนนี้แพทย์เวรกำลังทำคลอดค่ะ เราไม่มีสูติแพทย์เลยสักคน ได้โปรดเถอะค่ะคุณหมอ ไม่อย่างนั้นโรงพยาบาลของเราแย่แน่”
“จะให้บอกกี่ทีว่าผมไม่ว่าง! ถอยไป!!!” ร่างสูงตะคอกจนพยาบาลสาวผงะ เธอเกือบจะถอยหลังตามที่เขาสั่งแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นยืนกางมือกางแขนขวางทางเขาแทน กาอาระแทบอยากจะเตะคน...
“ถ้าคุณไม่ถอย... อย่าหาว่าผมใจร้ายนะครับ...” กดเสียงลงต่ำอย่างข่มขู่ หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย ใช่ว่าจะไม่กลัวคุณหมอหน้าดุคนนี้ แต่ถ้าเธอพาเขาไปห้องฉุกเฉินตอนนี้ไม่ได้...
โรงพยาบาล...
เละเป็นโจ๊กแน่...
“ตะ... แต่คนไข้คือภรรยาของราชานรกนะคะ! คะ...คุณหมอก็รู้นี่คะว่าเราขัดใจเขาไม่ได้...” กลั้นใจบอกเหตุผลออกไปทั้งที่ปากยังสั่น และก็เหมือนจะได้ผล... แววตาดุร้ายของคุณหมอหนุ่มอ่อนลงจนกลายเป็นสั่นระริก เขาถามเธอเสียงแผ่ว...
“คุณ... ว่าอะไรนะ...”
“คนไข้... เธอเป็นภรรยาของคุณอุจิวะ ซาสึเกะค่ะ เขาขู่ว่าถ้าภรรยาของเขาเป็นอะไรไป เขาจะทำลายโรงพยาบาล... อ้าว! คุณหมอ!” พยาบาลสาวร้องอุทานออกมาเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็เปลี่ยนใจวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉินแทน พอได้สติสาวเจ้าก็วิ่งตามไปติดๆ นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คุณหมอผู้ไม่เคยจะเกรงกลัวแม้แต่ผอ.โรงพยาบาลอย่างกาอาระ จะกลัวความโกรธของราชาซะอย่างนั้น
แต่พยาบาลอายุน้อยก็เข้าใจผิดถนัด...
เหตุผลที่ทำให้คนไม่สนโลกอย่างเขาวิ่งหน้าตั้งไปยังห้องฉุกเฉิน ไม่ใช่เพราะกลัวราชา แต่เพราะห่วง ‘ภรรยาของราชา’ ต่างหาก และมันก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำให้เขาเร่งรีบจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อครู่
เพราะมัวแต่สนใจทำงานวิจัยอยู่ที่ห้องจนดึกดื่น โทรศัพท์ก็ทิ้งไว้ในลิ้นชักจนไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้า เขาก็เลยไม่รู้เรื่องเลยว่าหญิงสาวที่ขออาศัยบ้านพักที่ฮอกไกโดกลับมาที่โตเกียวแล้ว ซ้ำร้ายโทรศัพท์ของเธอยังติดต่อไม่ได้ เขาเพิ่งจะมารู้เรื่องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนตอนโทรศัพท์กลับไปถามคนที่โรงแรมว่าเหตุใดจึงโทรหาเขาเป็นสิบๆสาย ความจริงที่ได้ฟังจากเสียงที่ร้อนรนของลูกจ้างทำเอาคนตัวโตแทบล้มทั้งยืน...
เธอหายไป...
ด้วยเหตุนี้คุณหมอหนุ่มฝีมือดีจึงเผ่นแผล็วออกจากโรงพยาบาลเพื่อเรียกใช้เส้นสายตามหาหญิงสาว ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธออาจจะกำลังมีภัยเพราะเมื่อไม่นานมานี้มีคนมาป้วนเปี้ยนแถวๆโรงแรมอยู่บ่อยๆ เขาจึงต้องหาคนไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเผื่อมีเหตุไม่คาดฝัน แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะออกจากบ้านพักแล้วกลับมาที่โตเกียว
ทั้งๆที่เคยบอกไว้แล้วแท้ๆว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่ที่มีคนใจร้ายอยู่อย่างเด็ดขาด
“คุณซากุระ! คุณอยู่ที่ไหน!?!”
เสียงทุ้มตะโกนกร้าวลั่นห้องฉุกเฉินทำเอาคนหัวหงอกหัวดำสะดุ้งกันอีกหนหลังจากเพิ่งสะดุ้งไปหมาดๆกับคำขู่ของราชา กาอาระเดินอาดๆไปตามเตียงต่างๆในห้องฉุกเฉิน สอดส่ายสายตามองหาร่างบางที่ทำเขาเป็นห่วง เขามาหยุดอยู่ที่เตียงซึ่งข้างๆมีซาสึเกะยืนหน้าเครียดอยู่ คุณหมอหนุ่มไม่สนใจสายตาประหลาดใจปนไม่พอใจของราชา เขาสาวเท้าเข้าไปหาร่างเล็กบนเตียงพร้อมกับเรียกอย่างโล่งอก
“คุณซากุระ!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงแสนคุ้น คนที่สติหลุดลอยไปไกลก็เบิกตาโพลง เธอมองคนมาใหม่ทั้งที่น้ำตายังไหลพราก
“หมอ...” เสียงเล็กหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ทำเอาคนที่นั่งเฝ้าอยู่นานสองนานมองอย่างประหลาดใจ
เธอได้สติแล้วหรือ?
แม้จะดีใจแต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบในอก... เขาปลอบเธอมาเกือบครึ่งชั่วโมง กอดเธอให้คลายความหวาดกลัวจากประสบการณ์เลวร้าย แต่เธอจำเขาไม่ได้จนเขานึกกลัวว่าจะสูญเสียเธอไปตลอดกาล แต่กับคนที่เพิ่งมาถึงแค่ไม่กี่วินาที...
เธอกลับเรียกมัน...
ราวกับว่ากำลังเฝ้ารอมันอยู่...
“คุณ... คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”
“คุณกาอาระ... ฮึก... ลูก... ลูกยังอยู่กับฉันมั้ยคะ...” ร่างบางว่าพร้อมกับยันตัวขึ้น มือเล็กขยุ้มเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดของคนถูกถาม กาอาระเอื้อมมือโอบไหล่มนอย่างปลอบใจพลางเอ่ย
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ นอนลงก่อน” ซากุระทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนเด็กๆ เธอยอมนอนนิ่งๆให้คุณหมอที่เธอไว้ใจที่สุดสำรวจร่างกาย
“คุณไม่รู้สึกปวดท้องน้อยใช่มั้ยครับ?”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ ดวงตาสีมรกตรื้นไปด้วยน้ำตาระลอกใหม่ กาอาระลูบศีรษะหญิงสาวอย่างเบามือ มันเป็นปกติที่หญิงตั้งครรภ์จะห่วงชีวิตน้อยๆในท้อง อาจจะห่วงมากจนถึงขั้นหวาดระแวงอย่างที่หญิงสาวตรงหน้ากำลังเป็นอยู่
“เด็กยังปลอดภัยนะครับ” เขาสรุป แต่ดูเหมือนคุณแม่มือใหม่จะยังเป็นกังวล จู่ๆเธอก็โผเข้ากอดคุณหมอหนุ่ม ซบใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่เสื้อเชิ้ตสีขาว
“ฮึก... ฉันกลัวค่ะ... ฉันกลัว...”
“งั้น... เราไปดูเขากันดีไหม? ตอนนี้น่าจะเห็นเขาชัดๆแล้ว” คำพูดของสูติแพทย์มือหนึ่งทำให้เจ้าของใบหน้าเศร้าหมองชะงัก
“ดะ... ได้เหรอคะ?”
“อื้ม... ไปดูกันว่าเขาพัฒนาถึงไหนแล้ว คุณยังไม่เคยเห็นเขาใช่มั้ย?”
ร่างบางพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ เธอรีบร้อนก้าวลงจากเตียงโดยมีสายตาหลายคู่จับจ้อง กาอาระที่เพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำตัวยาวขมวดคิ้วอย่างขัดใจ เขาเรียกพยาบาลสาวคนที่เพิ่งปะทะกันเมื่อครู่ให้ไปหากระโปรงสำหรับผู้ป่วยหญิงมาให้ พอได้มาก็บอกให้หญิงสาวสวมกันโป๊ ปากก็บ่นๆสารพัดว่าเธอช่างไม่รู้จักระวังตัวเองเอาเสียเลย ซึ่งมันก็เหมือนจะไม่ค่อยเข้าหูคนฟังสักเท่าไหร่เพราะเธอกำลังตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เฝ้าทะนุถนอมอย่างดีเป็นครั้งแรก
ตอนนี้เขาจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน?
การกระทำของคนทั้งสองอยู่ในสายตาของคนที่เพิ่งเสี่ยงชีวิตไปช่วยเธอจากคนชั่ว ร่างสูงแทบยืนไม่อยู่ หัวใจปวดร้าวราวกับมีใครเอามีดมาเสียบ เขากลายเป็นอากาศสำหรับเธอไปแล้ว... เธอไม่ปรายตาหันมามองเขาเลยสักนิด ทำราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าตกใจกว่านั้น...
เธอกำลังท้องจริงๆ...
แค่ฟังบทสนทนาก็พอดูออก...
ซาสึเกะยืนอึ้ง อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ ดีใจ... หรือปวดใจ?
เธอกำลังท้อง...
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างเธอ... ไม่ใช่เขา...
อาการปวดร้าวบริเวณชายโครงทำให้ร่างสูงต้องยึดเตียงผู้ป่วยไว้เป็นหลักกันล้ม เลือดสีแดงสดไหลซึมจากบาดแผลที่ถูกยิงเปรอะเปื้อนย้อมผ้าปูเตียงจนเป็นสีแดง บาดแผลนั้นดูน่ากลัวและเริ่มกลายเป็นสีม่วงคล้ำ มันมองเห็นได้ง่ายเพราะร่างสูงใส่เพียงเสื้อกล้ามสีดำบางๆแต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นยกเว้นพยาบาลสาวคนเดิมที่ยืนมองบรรยากาศมาคุอย่างสนอกสนใจ เธอยกมือปิดปากอย่างตกใจเมื่อเห็นกองเลือดอีกกองที่พื้นกระเบื้องสีขาว แต่ก่อนจะได้ทักท้วงอะไร คนเจ็บก็ปราดเข้าไปหาชายผมแดงที่กำลังประคองหญิงสาวออกไป มือหนาคว้าแขนของคุณหมอ ดึงตัวให้หันมาเผชิญหน้า
เขา... ปล่อยให้เธอไปกับมันไม่ได้...
“คุณเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้รึเปล่า?”
คนถูกรั้งตัวถามเสียงเย็นพร้อมกับปัดมือไร้เรี่ยวแรงให้พ้นกาย ดวงตาสีโอปอลจ้องใบหน้าอิดโรยของอีกฝ่ายเขม็ง ซาสึเกะผงะกับคำถามแทงใจนั้น เขาทำได้เพียงยืนเงียบ ไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม... ดวงตาสีรัตติกาลมองร่างเล็กที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่หลังร่างสูงของกาอาระอย่างโหยหา แต่เธอก็ไม่ได้ชายตาแลเขาเลยสักนิด...
กาอาระยิ้มขมขื่น...
ความเงียบกับแววตารู้สึกผิดคือคำตอบที่แสนจะชัดเจน...
เพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้วสินะ...
“คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธออีก เพราะเด็กในท้องของซากุระ... เป็นลูกของผม!”
หายไปนานเลย >< ขออภัยที่ทำให้รอนะคะทุกท่าน เห็นคุณ Hanny999 มาคอมเม้นท์รัวๆ และนักอ่านหลายท่านให้กำลังใจดีมากกก ไรต์เกรงใจอย่างแรง 555 และก็ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรวันเกิดนะคะ ซึ้งใจจริงๆ ><
สำหรับตอนนี้ก็โนคอมเม้นท์ อิอิ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นสปอยล์ไปซะเปล่าๆ ติดตามชมนะครัช !!!
ปล. ไรต์ไม่ได้หายไปไหนนะ ก็แค่หัวตัน T^T
50%
“เค้า... น่ารักจังเลยค่ะ”
ประโยคสั้นๆที่ว่าที่คุณแม่เอ่ยบอกทำให้คนฟังถึงกับยิ้มตาม...
กาอาระลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นรอยยิ้มของหญิงสาวอีกครั้ง คิดถูกจริงๆที่พาเธอไปอัลตราซาวด์ดูเด็กในท้อง เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอนึกถึงเรื่องดีๆหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่เขาเดาว่าน่าจะเลวร้ายมากมาได้ เขาไม่ได้ถามว่าเธอพบเจอกับอะไรมา... หน้าที่ของเขามีแค่ปลอบใจ เป็นที่พึ่งให้เธอยามที่เธอต้องการเท่านั้น...
สำหรับคุณผมคงเป็นได้แค่นั้น เพราะถึงอย่างไร... หัวใจของคุณก็ไม่ได้อยู่ที่ผม
แต่พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วใบหน้าเศร้าโศกเหมือนคนไร้วิญญาณของราชาก็ลอยเข้ามาในหัวพร้อมกับความรู้สึกกรุ่นโกรธในใจ ความจริงตอนนั้นเขาน่าจะอัดมันสักหมัดสองหมัด โทษฐานที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารู้สึกพิเศษด้วยเสียใจ!
แต่ด้าน ‘คนพิเศษ’ ดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความโกรธเกรี้ยวของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย ร่างบางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เอามือลูบฟิล์มอัลตราซาวด์ที่คุณหมอหนุ่มเพิ่งปริ้นท์มาให้เมื่อครู่ ดวงตาสีมรกตมองภาพก้อนสีขาวๆเล็กๆที่ขนาดไม่เกินหัวแม่มือบนแผ่นฟิล์มอย่างทึ่งจัด
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นลูก
แม้ภาพที่ปรากฏมองแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าเจ้าสิ่งเล็กๆนี่คือลูกของเธอที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเต็มใจที่จะบอกว่าเขา ‘น่ารัก’ เขาคือแก้วตาดวงใจ... คือสิ่งที่เธอจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้อง...
ฉันอยากให้คุณเห็นเขาบ้างค่ะ คุณซาสึเกะ...
บอกตัวเองในใจก่อนจะยิ้มขมขื่น... เพิ่งจะคิดได้ว่าต่อให้เห็น ซาสึเกะก็คงจะไม่ยินดียินร้ายอะไรหรอกเพราะเขาไม่ต้องการเด็กคนนี้ ร่างบางสลัดความคิดเชิงลบทิ้งไป เธอเงยหน้ามองคุณหมอที่ก้มๆเงยๆอยู่แถวตู้เย็นมาตั้งแต่เมื่อครู่
“เค้าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”
“อายุครรภ์ขนาดนี้ยังระบุเพศไม่ได้หรอกครับ” กาอาระตอบพร้อมกับถือถาดใส่แก้วน้ำผลไม้เดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆว่าที่คุณแม่ เขายื่นน้ำผลไม้แก้วหนึ่งให้เธอ ดวงตาสีโอปอลมองคนตรงหน้าอย่างเป็นกังวล
“ว่าแต่คุณ... โอเคแล้วใช่มั้ย?”
กึก!
พอได้ยินคำถามนั้น คนที่แสร้งทำเป็นยิ้มมาตลอดก็ชะงักกึกราวกับถูกจี้ใจดำ...
เธอจะ... ‘โอเค’ ได้อย่างไร?
“ฉันอยากจะบอกคุณค่ะว่าฉันไม่เป็นไร แต่ว่า... ฮึก...” หยดน้ำใสๆไหลรินจากนัยน์ตาคู่สวยพร้อมกับความรู้สึกที่พยายามจะลืมเลือนไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว ภาพความโหดร้ายที่เธอเกือบจะถูกผู้ชายทั้งกลุ่มรุมโทรมยังทำให้เธอตัวสั่นสะท้านทุกครั้งที่นึกถึง
มันเลวร้าย...
จนเธอแทบจะเสียสติ...
ซากุระจินตนาการแทบไม่ออกว่าถ้าซาสึเกะไปช้ากว่านั้น เธอจะมีสภาพเป็นอย่างไร? และถ้าเขาไม่คอยกอดปลอบเธอให้คลายจากความหวาดกลัว สติของเธอจะกลับมาดังเดิมไหม?
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว” เสียงปลอบโยนที่คล้ายกับใครบางคนดังขึ้นข้างหูพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นของแขนแข็งแกร่งที่โอบรอบกาย ร่างบางซบหน้าลงที่วงแขนกว้างอย่างยอมแพ้ต่อความอ่อนแอของตน
“มันน่ากลัวมากค่ะ... ฮึก... ฉันคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ได้เห็นหน้าลูก กลัวว่าฉัน...จะไม่ได้เจอเขาอีก”
“คุณยังรักเขาอยู่จริงๆสินะครับ” กาอาระเอ่ยถามอย่างอ่อนใจ
เธอรักผู้ชายคนนั้นมาก... แต่ก็ยังเลือกที่จะเดินจากมา
“มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ...” เสียงหวานเอ่ยออกมาราวกับย้ำเตือนตัวเอง “มันไม่สำคัญว่าฉันจะรักเขารึเปล่า ความรักของฉัน... สำหรับเขามันก็เป็นแค่ขยะ”
กาอาระระบายยิ้ม... เขายกมือลูบศีรษะของเธอเบาๆ
“แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ผมว่าผมดูออก สายตาของเขา... บอกผมว่าเขารักคุณ พูดได้เลยว่า ‘รักมาก’ ”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ” เธอห้าม ดวงตาสีมรกตหลุบต่ำมองพื้นราวกับต้องการเก็บซ่อนความเจ็บปวด
“ฉันไม่อยากจะฝันเฟื่องเรื่องของเขาอีก ระหว่างฉันกับเขา... มันจบไปแล้ว”
“เพราะงั้นคุณถึงไม่ได้ปฏิเสธตอนที่ผมบอกว่าเป็นพ่อของเด็กสินะ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทัน “ขอโทษนะครับ ตอนนั้นผมก็แค่โกรธเขา ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจล่ะก็...”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันต้องขอบคุณคุณมากกว่าที่พูดแบบนั้น เพราะฉันเองก็ไม่อยากให้เขามายุ่งกับเด็กคนนี้เหมือนกัน เด็กคนที่เขา... ไม่ต้องการให้เกิด”
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ...
กาอาระปล่อยให้หญิงสาวระบายความเศร้าโศกในใจอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ดวงตาสีโอปอลจะมองเห็นรอยคล้ายรอยเปียกบนเสื้อเชิ้ตของหญิงสาว เมื่อกี้ตอนอัลตราซาวด์เขาเห็นมันพร้อมๆกับรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนเกือบทั่วตัวเธอ แต่เพราะมันกลืนไปกับสีดำของเสื้อจึงไม่รู้ว่ามันจะมีมากขนาดนี้ และซากุระเองก็อธิบายว่าเลือดที่เปื้อนตัวเธอคงจะมาจากแผลที่ไหล่ของซาสึเกะที่คงติดมาตอนที่เขาสวมเสื้อให้ ตอนนั้นเขาไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะไม่อยากซักไซ้เธอที่กำลังขวัญเสีย แต่ตอนนี้ชักเริ่มเอะใจ... แผลที่ไหล่ของซาสึเกะดูน่ากลัวก็จริงแต่ไม่น่าจะมีเลือดไหลมากขนาดนี้...
หรือว่า!?!
“ขอโทษนะครับ ขอผมดูหน่อย” พูดจบก็ถือวิสาสะเอามือจับๆดูตรงรอยเปียกบนเสื้อที่กระจายเป็นวงกว้าง เขาย่นคิ้วเพราะสัมผัสได้แต่ความแข็งกระด้างของเนื้อผ้า ดูท่าว่าตัวต้นเหตุมันคงแห้งไปแล้ว แต่ทว่า...
“นี่มัน...” คุณหมอหนุ่มชี้ให้เธอดูรูเล็กๆที่อยู่เกือบใจกลางรอยเปียกที่เขามั่นใจว่ามันน่าจะเป็นรอยเลือด
“เสื้อตัวนี้... ของเขาใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...” เอ่ยบอกเสียงขาดห้วงก่อนจะก้มลงมองรอยเลือดที่เสื้อตรงบริเวณช่วงท้อง เธอจำได้ว่าเห็นแผลที่ไหล่ของซาสึเกะก็เลยเข้าใจว่าเลือดที่ติดมากับเชิ้ตคงมาจากแผลนั่น แต่พอดูดีๆแล้วปริมาณมันมากเกินไป แถมยังอยู่กันคนละที่ อีกทั้งตรงบริเวณนั้นยังมีรูเล็กๆ...
ราวกับว่ามันถูกเจาะด้วยอะไรสักอย่าง...
“ไม่นะ...”
เสียงหวานพึมพำเบาๆ ก่อนจะวิ่งออกจากห้องพักของกาอาระทั้งอย่างนั้น หัวใจปวดร้าวราวกับมีมือปริศนาคอยบีบรัดอยู่ตลอดเวลา แค่เห็นเขามีแผลที่ไหล่หัวใจของเธอก็แทบสลาย แต่เธอก็ต้องทำเมินไม่สนใจ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทำเป็นไม่รู้จัก เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาให้ปวดใจอีก แต่ถ้าเขาเป็นอะไรมากกว่านั้น...
ถ้าเขาเป็นอะไรไป...
เธอจะอยู่ได้อย่างไร?
เอ่อ... เดี๋ยววันนี้จะต่อให้อีกตอนดึกๆดื่นๆนะคะ (แต่งบ่ทัน) ขอโทษน้าที่ไม่ได้มาอัพหลายวันเลย พอดีว่าเค้าตัน T^T สารภาพว่าตันจริงๆค่ะ หาบทเหมาะๆลงไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พล็อตมาแล้ว เหลือแต่แต่ง 555
ปล. ยังยืนยันคำเดิมว่าบทนี้มีฉากหวานนะ!
60%
ไฟหน้าห้องผ่าตัดยังคงเป็นสีแดง...
ซาสึเกะเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงมาหยุดอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่ตอนนี้เหลือแค่ซาโซริกับคิซาเมะที่อยู่เฝ้าเพราะซาอิถูกพ่อบุญธรรมโทรเรียกตัวกลับอเมริกาด่วน ร่างสูงทิ้งตัวนั่งบนโซฟาบุหนังอย่างเหนื่อยล้า เหนื่อยทั้งกาย... เหนื่อยทั้งใจ... เขาเพิ่งไปตอกย้ำความเจ็บปวดด้วยการสะกดรอยตามหญิงสาวคนรักกับคนรักใหม่... ไม่สิ... สามีใหม่ของเธอมา
และก็ได้เจ็บสมใจ...
“พี่เป็นยังไงบ้าง”
“ยังอยู่ในห้องผ่าตัดครับ หมอยังไม่ได้ออกมาบอกอะไร” คิซาเมะเป็นฝ่ายตอบก่อนที่ซาโซริที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันจะเอ่ยทักคนมาใหม่
“แกไปทำแผลก่อนดีมั้ย? ฉันว่ามัน... เริ่มจะอักเสบแล้วมั้ง” ทนายหนุ่มพูดไปพลางทำหน้าสยดสยองไปพลาง ปากแผลที่ถูกโทระตะยิงมีเลือดไหลซิบอย่างน่ากลัว มันคงจะเปิดออกเพราะแรงกระแทกตอนที่ซาสึเกะไปตะลุมบอนกับคนที่คิดจะทำมิดีมิร้ายคนรักของตัวเอง
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน” ร่างสูงบอกปัดก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องไอ้ชั่วพวกนั้นล่ะ พวกมันสารภาพออกมารึยัง”
“ตำรวจบอกว่าสภาพของพวกมันตอนนี้ยังให้ปากคำอะไรไม่ได้ อาจจะใช้เวลาอีกสักวันสองวัน”
“ช้าขนาดนั้นใครมันจะไปรอได้! ถ้าคารินเกิดไหวตัวทันแล้วหนีไปได้จะทำยังไง!?!”
“ก็ใครใช้ให้แกไปต่อยมันจนเกือบตายวะ!?! นี่ตำรวจเค้าบอกมานะว่าแกน่ะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย” พูดไปก็หงุดหงิดไป อยากจะตบหัวเคาะกระบาลย้ำให้มันรู้นักว่าเพราะความมุทะลุของมันนั่นแหละถึงทำให้การสืบสวนช้าเป็นเต่า
“ใครจะสน! ฉันไม่ฆ่าพวกมันก็บุญแล้ว” คนมุทะลุว่าเสียงแข็ง ดวงตาสีรัตติกาลลุกโชนไปด้วยความโกรธยามนึกถึงสิ่งที่พวกมันทำกับคนที่รัก...
เดนมนุษย์พรรค์นั้น... พวกมันสมควรตาย!
ซาโซริส่ายหน้าอย่างระอา นิสัยเอาแต่ใจไม่สนโลกของซาสึเกะแก้ยังไงก็คงไม่หาย แต่เขาก็เข้าใจมันอยู่หรอก ถ้าเขาเห็นคนรักถูกทำอะไรแบบนั้น...
ก็คงจะอาละวาดไล่ฆ่าคนที่ทำเหมือนมันนั่นแหละ...
“แล้วคุณซากุระเป็นยังไงบ้าง?”
ทนายหนุ่มถามออกไปอย่างนึกห่วงคนที่พวกเขาเพิ่งไปช่วยมา สภาพล่าสุดของเธอที่เขาเห็นไม่สู้ดีนัก ถึงแม้ร่างกายจะดูปลอดภัยหากแต่สภาพจิตใจคงย่ำแย่แน่ๆ แต่คำถามนั้นทำให้คนถูกถามชะงัก ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความเศร้า ซาสึเกะก้มหน้ามองพื้นคล้ายคนสิ้นหวัง เขาตอบเสียงแผ่ว...
“ไม่รู้...”
“ ‘ไม่รู้’ ?” ซาโซริทวนคำเสียงสูงเหมือนไม่เชื่อหู
“ไม่รู้แล้วทำไมไม่ไปดู แกมานั่งเสร่ออะไรแถวนี้วะ!?!”
“ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะแน่ใจว่าพี่ปลอดภัย” ซาสึเกะตอบเสียงเรียบอย่างไม่ยินดียินร้ายกับท่าทีไม่พอใจของเพื่อน
“แกอยู่นี่แกก็ช่วยอะไรไม่ได้ คนที่แกช่วยได้ก็คือเมียแกโน่น เค้าเพิ่งถูกทำร้ายมานะไอ้ซัส เค้ากำลังต้องการคนอยู่ด้วย แล้วคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างแกทิ้งเค้ามาแบบนี้มันใช้ได้เหรอ?”
“อดีต...” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขัดเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของทนายหนุ่ม
“หา?”
“อดีตสามี ฉันเป็นได้นั้น... และคนที่ซากุระต้องการในตอนนี้... ก็ไม่ใช่ฉัน...”
“พูดบ้าอะไรวะ”
“ซากุระกำลังท้อง...”
“!!!”
“หมอกาอาระบอกว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก”
คำบอกเล่าของเพื่อนทำให้คนหงุดหงิดถึงกับอ้าปากค้าง ลืมความโกรธเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปมันคือเรื่องจริง แต่ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของซาสึเกะช่วยยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก... ความเจ็บปวดของคนข้างๆดูเหมือนจะลอยผ่านอากาศซึมซาบมาถึงตัวเขา...
นี่มัน... เรื่องบ้าอะไรอีก?
แต่ไหนแต่ไรมา ผู้ชายที่ชื่ออุจิวะ ซาสึเกะ ในความหมายของเขาก็คือไอ้มนุษย์ตายด้านผู้ชั่วร้ายและไม่เห็นหัวคนอื่น มันทั้งไร้มนุษยธรรม เด็ดขาด แถมยังชอบสร้างความวินาศสันตะโรให้คนอื่นสมฉายาราชาจากนรก ซาสึเกะไม่เคยนึกถึงใคร ไม่สนใจใคร ไม่เคยรักใครนอกจากอิทาจิผู้เป็นพี่ชาย มัน... ไม่รักแม้แต่ตัวเอง...
ความรักครั้งนี้... จึงเป็นเสมือนรักครั้งแรกของซาสึเกะ...
‘ฮารุโนะ ซากุระ’ คือชื่อของผู้หญิงที่สอนให้ซาสึเกะรู้จักมอบหัวใจให้คนอื่น...
และก็เป็นคน... ที่ขยี้ทำลายหัวใจของมันเองกับมือ...
“ตอนนี้ฉันก็เป็นแค่คนนอก... แล้วแกจะให้ฉันไปอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร?”
มันเป็นคำถาม... ที่คำตอบนั้นแสนเจ็บปวด...
ซาโซริละสายตาจากใบหน้าซีดเซียวคล้ายคนป่วยของซาสึเกะ ดวงตาสีน้ำตาลหม่นก้มมองพื้นอย่างคนจนต่อคำพูด เขาไม่รู้จะพูดอะไร... จะสรรหาคำใดเล่ามาบอกคนที่หัวใจแหลกสลาย ซาสึเกะรอวันนี้มาตลอดทั้งชีวิต...
รอวัน...
ที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข...
แต่ในวันที่กำจัดศัตรูตั้งแต่ครั้งอดีตได้ พี่ชายที่รักยิ่งกว่าชีวิตก็บาดเจ็บปางตาย หญิงสาวคนรักก็ถูกทำร้าย และสุดท้าย... ตัวเองก็ต้องใจสลายเพราะคนที่รักเดินจากไป ชีวิตที่คิดว่าจะมีความสุขกลับต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความเจ็บปวดอีกครั้ง
มันโหดร้ายเกินไป...
ซาโซริยังคงก้มหน้ามองพื้น แต่แล้วเขาก็รับรู้ถึงความผิดปกติของคนข้างกาย เสียงหายใจของซาสึเกะดังถี่ขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนเหนื่อยจัด ชายหนุ่มเบนสายตากลับไปมองเพื่อนอย่างสงสัย แล้วก็ต้องร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมาจากมือของซาสึเกะที่กุมอยู่ตรงบริเวณชายโครง
“อะ...ไอ้ซัส แกอย่าบอกนะว่า...”
เสียงสั่นๆของซาโซริทำให้คนที่ทนกล้ำกลืนความเจ็บปวดมานานคลี่ยิ้มสมเพชตัวเอง...
ตอนที่เข้าไปช่วยซากุระจากพวกคนชั่ว... เขาพลาดถูกยิง กระสุนนัดหนึ่งฝังเข้าตรงบริเวณชายโครง แต่เพราะตอนนั้นความห่วงใยที่มีต่อเจ้าของหัวใจมีมากกว่าความเจ็บปวด เขาจึงฝืนเข้าไปช่วยเธอออกมา ตั้งใจว่าจะเฝ้าจนกว่าจะเห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยดีแล้วค่อยไปรับการรักษาทีหลัง แต่ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดที่ห้องฉุกเฉินกลับทำให้เขาเลือกที่จะลากสังขารกลับมานั่งรออิทาจิที่หน้าห้องผ่าตัดแทน...
ราวกับว่ากลับมาหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ...
บาดแผลทั้งที่ไหล่และที่ชายโครงเริ่มทำพิษจนร่างสูงไม่อาจทรงตัวนั่งได้ เสียงเรียกอย่างตื่นตระหนกของซาโซริและคิซาเมะดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท พร้อมกับภาพที่พร่าเลือนของใครคนหนึ่งปรากฏในครรลองสายตา...
ซาสึเกะระบายยิ้มอย่างเจ็บปวด...
“มันอาจจะดีกว่าก็ได้ ถ้าเธอ... จะไปจากคน... อย่าง... ฉัน...”
งื้อ~ ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ แถมยังมานิสสสเดียว คือเค้าหนีเที่ยวฉุกเฉินง่ะ เลยไม่ได้แต่งต่อ มาแต่งให้ทีหลังก็ได้แค่เท่านี้ กระซิกๆ T^T (ร้องไห้ตามบักเป็ดไปแล้ว)
100%
“ไอ้ซัสมันไม่เป็นไรหรอกครับ”
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเอ่ยบอกหญิงสาวที่นั่งตัวเกร็งอยู่หน้าห้องผ่าตัด ดวงตาสีน้ำตาลหม่นมองร่างเล็กที่มือไม้สั่นกระวนกระวายอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของเธอดูเป็นห่วงซาสึเกะมาก แต่ทำไมเธอเลือกที่จะไปเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น? นัยน์ตาคมมองเลยไปยังคุณหมอหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล กาอาระที่ตอนนั้นวิ่งตามหญิงสาวมาติดๆเป็นคนประสานงานให้แผนกศัลยกรรมพาตัวซาสึเกะเข้าไปผ่าตัดโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุ่งยากของทางโรงพยาบาล
นี่ก็อีกคนที่ไม่ค่อยเข้าใจ...
ซาโซริละความสนใจจากสูติแพทย์หนุ่ม เขาหันมาถามคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้า
“คุณ... ไม่เป็นไรนะครับ?”
“ค่ะ... ฉัน... ไม่เป็นไร...” ร่างบางตอบเสียงแผ่ว กลั้นเสียงสะอื้นกับหยดน้ำตาไม่ให้ไหลประจานความอ่อนแอของตน
ซาโซริมองกาอาระที่ยืนกอดอกนิ่งสลับกับหญิงสาว เขาถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด ชั่งใจว่าควรจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจออกไปตอนนี้ดีหรือไม่ แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นหยดเลือดที่แห้งกรังบนพื้น ความรู้สึกปวดร้าวในใจลึกๆก็ทำให้ทนายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยออกไป
“เมื่อกี้ก่อนที่หมอนั่นจะหมดสติไป มันเล่าเรื่องพวกคุณให้ผมฟัง...” เสียงของเขาเรียบและเต็มไปด้วยความกดดันผิดกับบุคลิกตามปกติ
มันเป็นน้ำเสียงที่เขาใช้ยามว่าความในศาล...
ผู้ถูกกล่าวถึงทั้งสองเงยหน้ามองคนพูดแทบจะพร้อมกัน ดวงตาสองคู่ฉายแววรู้สึกผิด โดยเฉพาะเจ้าของดวงตาสีมรกตสุกใส ซาโซริพูดต่อ
“เรื่องที่ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์และหมอเป็นพ่อเด็ก คุณซากุระ... ทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงเหรอครับ?”
ไม่มีเสียงตอบใดๆ...
ที่ได้ยินมีเพียงเสียงถอนหายใจหนักหน่วงของคุณหมอหนุ่ม ดวงตาสีโอปอลทอดมองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้ากลั้นหยดน้ำตาอย่างอ่อนใจ เธอใจแข็งมากกว่าที่คิดเสียอีก ทีแรกที่เห็นเธอวิ่งพล่านไปทั่วโรงพยาบาลเพื่อตามหาซาสึเกะ เขาก็คิดว่าเธอคงจะยอมใจอ่อนกับอดีตชายคนรักและบอกความจริงทั้งหมดแล้ว
แต่เปล่าเลย...
เธอคงเลือกที่จะตัดใจจริงๆ...
ซาโซริที่ได้รับความเงียบเป็นคำตอบทิ้งตัวนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม เขารู้ว่าเธอกำลังโกหก และก็พอรู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ทนายคนดังเอนหลังพิงพนักโซฟา เขาหลับตาลงเหมือนคนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณไม่ต้องรีบตอบผมก็ได้ครับ แต่ผมอยากให้คุณฟังที่ผมกำลังจะเล่าก่อน...”
.
.
.
ใบหน้างดงามของเขายังงามสง่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...
แม้ว่าจะนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงคนไข้ ไหล่ข้างหนึ่งมีผ้าพันแผลพัน ส่วนมืออีกข้างก็ถูกเจาะเพื่อให้น้ำเกลือ แต่ซาสึเกะก็ยังดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม...
“ทำไมคุณถึงไม่เคยบอกอะไรฉันเลยคะ...”
ร่างบางพึมพำอย่างปวดร้าว ดวงตาสีมรกตมองคนป่วยบนเตียงที่ยังไม่ได้สติอย่างตัดพ้อน้อยใจ โกรธเจ้าตัวนักที่ไม่เล่าอะไรให้เธอฟังเลยสักนิด ทำราวกับว่าเธอเป็นคนนอก ปล่อยให้เธอเข้าใจผิด...
จนเกือบจะเดินจากเขาไป...
โชคดีที่ซาโซริที่รู้เรื่องราวทุกอย่างตัดสินใจบอกเธอ คำบอกเล่าของทนายความคนเก่งทำเอาเธอที่พยายามแสร้งทำเป็นเข้มแข็งถึงกับน้ำตาตก ความจริงเบื้องหลังที่เขาปกปิดไม่ให้เธอรู้...
มันช่างโหดร้าย...
ซาโซริไม่ได้เล่าให้เธอฟังแค่เหตุผลที่ซาสึเกะไล่เธอออกจากบ้าน แต่เขาเท้าความยาวไปถึงเหตุการณ์การล่มสลายครั้งแรกของอาณาจักรการเงินอุจิวะที่ดันโซเป็นต้นเหตุ ทนายหนุ่มอธิบายต่อว่าการที่ซาสึเกะไม่อาจป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา นั่นก็เพราะฝังใจกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ซาสึเกะก็แค่กลัวว่าถ้าดันโซรู้เรื่องนี้ มันอาจจะจับเธอไปเป็นตัวต่อรองเหมือนอย่างที่ตนเคยเป็นเหยื่อที่ดันโซใช้ต่อรองกับฟุงาคุ เรื่องที่ว่าเขาไม่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ ได้แต่เก็บเธอเอาไว้ในบ้านเหมือนเป็นเมียเก็บเพราะว่าเธอต้อยต่ำไม่คู่ควรนั้น...
เป็นสิ่งที่เธอคิดไปเอง...
ร่างบางโน้มตัวลงจนใบหน้าแทบจะชิดคนป่วย มือเรียวสวยเกลี่ยผมที่ปิดหน้าปิดตาเขาออกอย่างเบามือ พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองร้องไห้... แม้จะโกรธที่เขาไม่เล่าอะไรให้ฟังแต่ความจริงที่รู้กลับทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ แค่รู้ว่าเขารักเธอ ไม่ได้เกลียดเธออย่างที่ปากบอก
แค่นั้นเธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...
ซากุระโน้มตัวจรดริมฝีปากที่หน้าผากคนปากแข็งอย่างคิดถึง จากนั้นก็ประทับจูบเบาๆบนเปลือกตาที่ยังคงปิดสนิท ไล่มาจนถึงปลายจมูก แล้วจบลงที่ริมฝีปาก... เธออ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับต้องการจะส่งผ่านทุกความรู้สึกให้คนเจ็บรับรู้ ทั้งความคิดถึง ความโกรธ ความน้อยใจ
และความรัก...
คนมัวแต่สนใจถ่ายทอดความรู้สึกไม่ได้นึกเอะใจเลยสักนิดว่าคนป่วยที่เธอเข้าใจว่าหลับอยู่ ตอนนี้กำลังเบิกตาโพลงมองหญิงสาวที่แอบมาขโมยจูบตนอย่างทึ่งจัด ถึงแม้มันจะเป็นจูบแบบเด็กอนุบาลที่แค่เอาริมฝีปากแตะๆกันก็เถอะ แต่แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยจูบเขาก่อนเลยสักครั้ง หวงเนื้อหวงตัวราวกับว่าเขาเป็นชายแปลกหน้ามิใช่สามี แต่ครั้งนี้เธอถึงกับรุกก่อนแถมรุกตอนที่เขายังไม่พร้อมด้วย
คงจะเป็นเพราะเรื่องที่ซาโซริเล่าให้ฟัง...
ร่างสูงคิด... เขาย้อนนึกไปถึงช่วงเช้ามืดของวันที่เขาเพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ ซาโซริที่เข้ามาเยี่ยมเป็นคนแรกมาแจ้งข่าวว่าอิทาจิผ่าตัดเสร็จสิ้นไปด้วยดีและตอนนี้ก็ย้ายมาอยู่ที่ห้องพิเศษข้างๆกัน จากนั้นเจ้าตัวสาธยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่เขายังนอนให้หมอผ่าเอากระสุนออกในห้องผ่าตัด ซึ่งคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทก็ทำให้คนเพิ่งฟื้นเหมือนได้ชีวิตใหม่ ซาโซริยืนยันว่าอดีตภรรยาที่กำลังจะมาเป็นภรรยาของเขาอีกครั้งไม่เคยมีอะไรเกินเลยกับกาอาระ ดังนั้นเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของเขาแน่นอน...
เขากำลังจะเป็นพ่อคน...
ความรู้สึกตื่นเต้นตื้นตันทำเอาเขาหลับตาไม่ลงตั้งแต่ตอนนั้น แต่แค่แกล้งหลับไปตอนที่ร่างบางมาเยี่ยมตอนเช้าเพื่อดูสถานการณ์ว่าควรจะเริ่มง้อ ‘แม่ของลูก’ จากตรงไหนดี แต่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นก็ทำเอาว่าที่คุณพ่อแอบยิ้มในใจ เธอคงไม่ได้โกรธเขามากอย่างที่เขากลัว เพราะงั้น...
วิธีนี้ก็น่าจะเหมาะ...
“อื๊อ...” ร่างเล็กร้องครางเบาๆในลำคอเมื่อจู่ๆคนป่วยก็ยกมือประคองใบหน้าของเธอให้รับจูบแสนดูดดื่มที่เจ้าตัวรังสรรค์มาเพื่อ ‘ง้อ’ โดยเฉพาะ
หญิงสาวตาเบิกโพลงเพราะไม่คิดว่าพ่อจอมเจ้าเล่ห์จะฟื้นขึ้นมา... ไม่สิ... บางทีเขาอาจจะแกล้งหลับตั้งแต่แรก จะจูบตอบเธออย่างเร่าร้อนดุดันเสียจนเธอที่เริ่มก่อนแทบหมดแรง มือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุขของร่างสูงดึงรั้งร่างของเธอ บังคับให้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันแบบไม่เกรงใจขนาดที่จำกัดของเตียงผู้ป่วยกับสภาพร่อแร่ของตัวเองเลยสักนิด
“คะ... คุณซาสึเกะ! ทำอะไรของคุณ... อืม...” เสียงหวานร้องอุทานหลังจากปากเป็นอิสระ แต่ก็โชคร้ายที่พูดได้แค่ไม่กี่คำคนตัวโตก็จัดการปิดปากเธออีกครั้ง เขาผละริมฝีปากออกเพื่อเว้นวรรคให้เธอหายใจ ดวงตาคมมองใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวคนรักที่อยู่ห่างกันแค่คืบพร้อมกับตวัดแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บเกี่ยวตัวร่างบางมาใกล้
“กลับมาหาฉันแล้วเหรอ หืม?”
“ปละ... ปล่อยก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวมันจะโดนแผลคุณ” บอกออกไปอย่างมึนงง ปรับอารมณ์รับกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน เธอควรจะต่อว่าเขาที่เขาปิดบังไม่ยอมบอกอะไรเธอเลย หรือควรจะขอโทษที่ทำร้ายจิตใจเขาก่อนดี เธอไม่รู้... ในหัวตื้อตันไปหมด สุดท้ายก็ได้แต่เงียบ
“เธอโกรธฉันมากใช่มั้ย?” เขาถามพร้อมกับยิ้มอย่างรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้...
“ดีกันนะ...” เสียงออดอ้อนอันเป็นท่าไม้ตายประจำตัวของเขาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นนอกจากเธอทำเอาความคิดสับสนปลิวกระเด็น ซากุระตาเบิกโพลงมองพ่อตัวดีที่กำลังส่งสายตาปริบๆอย่างน่าสงสารมาให้
“นะ...” คราวนี้ไม่อ้อนเปล่าแต่กลับเพิ่มลูกเล่นด้วยรสจูบหวานละมุน...
“อื๊อ...”
ร่างบางแทบจะตัวละลายติดไปกับเตียง หัวใจเต้นตึกตักจนแทบจะระเบิด คนขี้แกล้งเหมือนจะได้ใจ ยิ่งรู้ว่าอยู่บนเตียงแคบๆแบบนี้เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้...
ก็ยิ่งรุกหนัก...
“นะครับ?”
“คุณ... อื๊อ...”
“น้า~”
“พะ... พอแล้วค่ะ!” เสียงหวานร้องห้ามพร้อมกับใช้มือยันใบหน้าหล่อเหลาไม่ให้ฉวยโอกาสอีก ใบหน้าหวานร้อนฉ่าและสุดแสนจะน่ากินในสายตาคนมอง ถ้าไม่ติดที่ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลและเขากำลังป่วยอยู่ล่ะก็...
เธอไม่รอดแน่
“ฉัน... ฉันต้องตามหมอ สมองของคุณต้องได้รับการกระทบกระเทือนแน่!” คนเกือบไม่รอดว่าตะกุกตะกัก ทำท่าจะลงจากเตียงแล้วไปตามหมอมาจริงๆ แต่คนป่วยกลับรั้งเอวบางไว้ไม่ให้ไปไหน นัยน์ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ...
“สมองน่ะไม่เป็นไร ที่เป็นคือตรงนี้ต่างหาก” ร่างสูงพูดพร้อมกับจับมือเรียวทาบตรงหัวใจ
“ฉันเจ็บมากนะ... เธอใจร้ายมากที่เมินฉันแล้วไปจี๋จ๋ากับคนอื่น”
“ใครกันแน่คะที่ร้าย...” เธอว่าเสียงสั่นเครือ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม
“คุณน่ะ... ฮึก... ทำให้ต้องฉันทรมานทุกวันเลยรู้มั้ยคะ ทำไมคุณถึงไม่บอกอะไรฉันเลยล่ะ ฉันมันไม่สำคัญพอที่จะรู้เหรอ? และก็นี่อีก เจ็บจะตายทำไมไม่ให้หมอเขาทำแผล มัวแต่มานั่งเฝ้าฉัน คุณบ้ารึเปล่า!” พูดไปร้องไห้ไปเหมือนเด็กงอแงไม่มีผิด เธอไม่กล้าทุบอกเขาเพราะกลัวว่าจะสะเทือนถึงแผล ก็เลยระบายความโกรธด้วยการโอบกอดเขาเสียแน่นจนเขารู้สึกเจ็บแผลแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่น ซาสึเกะยิ้ม... เขากอดตอบเธอแทนคำขอโทษ
“ฮึก... ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูก... ฮึก... จะอยู่ยังไงคะ? คิดบ้างสิ ไอ้ลูกเป็ดบ้า! ฮือออ”
“งั้นเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของฉันสินะ” คนตัวโตถามถามทั้งๆที่รู้คำตอบดี ร่างบางตวัดสายตามองก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่น
“ถ้าคุณไม่แน่ใจก็คงจะไม่ใช่นั่นแหละค่ะ!... อื๊อ...”
“อย่างอน ฉันเคยบอกไปแล้วนะว่าง้อไม่เป็น” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับยิ้มชั่วร้ายหลังจาก ‘ง้อ’ โดยไม่ใช้คำพูดไปแล้ว หญิงสาวก้มหน้างุด ปากก็บ่นพึมพำเบาๆ
“เอาแต่ใจ เผด็จการ”
“เธอ... รู้เรื่องทุกอย่างแล้วใช่มั้ย?” ซาสึเกะพูดขึ้นหลังจากทิ้งให้บรรยากาศเงียบไปนาน เขายื่นมือสั่นๆออกไป พยายามจะแตะที่ท้องของภรรยาสาวแต่ก็ไม่กล้าพอ เดือดร้อนว่าที่คุณแม่ต้องจับมือที่สั่นเป็นเจ้าเข้าวางทาบที่ท้องของตน ให้เขาได้สัมผัส...
สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่แสนมหัศจรรย์...
“ทำไมคุณไม่บอกฉันคะ ฉัน...เกือบจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิตแล้วนะ”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...” ร่างสูงเอ่ยเสียงแผ่วพลางลูบไล้ที่ท้องแบนราบของหญิงสาวอย่างตื้นตัน
“คารินเป็นผู้หญิงฉลาด ถ้าฉันบอกให้เธอรู้ก่อนหล่อนต้องรู้แน่ว่ามันเป็นแค่การจัดฉากและเล่นงานเธอแน่ และถึงฉันจะตามไปบอกความจริงกับเธอทีหลัง แต่ถ้าสมมติว่าเรื่องมันแย่มากจนฉันต้องแต่งงานกับคารินจริงๆ แล้วเธอจะเป็นยังไง? เธอก็จะรักแต่ฉัน รอแต่ฉัน... แต่ตัวฉันอยู่กับคนอื่น และอาจจะไม่มีวันกลับไปหาเธออีก เธอจะทนอยู่ในสภาพแบบนั้นได้เหรอ?”
“แต่มันก็ยังดีกว่าให้ฉันเกลียดคุณนี่คะ”
“...”
“คำพูดของคุณ... มันทำให้ฉันเหมือนตายทั้งเป็น แทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ถ้าวันนั้นลูกไม่อยู่กับฉัน... ฉันคง...” คำบอกเล่าที่มาพร้อมกับน้ำตาทำให้เขาต้องคว้าตัวเธอมากอดแนบอกอย่างใจหาย ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำในวันนั้นมันจะทำร้ายจิตใจของเธอจนเธอคิดจะตาย แล้วที่เธอบอกว่าถ้าวันนั้นลูกไม่อยู่กับเธอ... มันหมายความว่าตอนนั้นเธอรู้ว่าตัวเองท้องแล้วหรือ?
แค่คิดหัวใจคนเป็นพ่อก็รู้สึกผิดท่วมท้น เพราะมัวแต่ห่วงกลัวว่าคารินจะไม่เชื่อ เขาถึงได้ใช้คำพูดรุนแรงอย่างไม่น่าให้อภัย ด่าทอลูกในไส้ว่าเป็นมารหัวขน เป็นตัวอัปมงคล แล้วตัวแม่เด็กตอนนั้นเล่า จะไม่เจ็บปวดเจียนตายหรอกหรือ?
“ขอโทษนะ... ฉันขอโทษ...”
“การที่ต้องเกลียดคนที่รักมากๆ มันเจ็บปวด มันทรมานมากนะคะ เจ็บมากกว่าการเฝ้ารอคุณเสียอีก ฮึก... คุณอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ”
“อืม... ไม่ทำแล้ว ทีหลังจะบอกทุกอย่างเลย”
ให้สัญญาพร้อมกับประทับคำมั่นที่กระหม่อมบาง ซากุระซุกตัวในอ้อมกอดของเขาอย่างคิดถึง เมื่อสองคืนก่อนเธอก็นอนในอ้อมกอดเขาเหมือนกัน แต่ความรู้สึกตอนนั้นแตกต่างกับตอนนี้ลิบลับ ตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด... ขมขื่น... หากแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่มีอะไรทดแทนได้
เธอ... อยากอยู่กับเขาแบบนี้ตลอดไป...
“แล้วเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับไอ้หมอเฮงซวยนั่นน่ะ ตกลงว่ามันไม่จริงใช่มั้ย?” ร่างสูงถามย้ำเพื่อความแน่ใจพลางยกมือไล้แก้มนวล เกลี่ยน้ำตาที่เขาไม่อยากเห็นออกจากใบหน้าสวย หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ
“คุณหมอมาขอฉันแต่งงานจริงๆหลังจากที่เขาบอกคุณค่ะ แต่คุณก็รู้... ฉันจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง”
“เฮอะ! ไอ้ทานุกิขาดความอบอุ่น ชอบยุ่งกับเมียชาวบ้าน!” สบถออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อคนในอ้อมแขนตวาดแว้ดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“คุณน่ะไม่ต้องไปว่าเขาเลยค่ะ! ถ้าไม่ได้คุณกาอาระช่วยไว้ ป่านนี้ฉันกับลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แทนที่จะว่าเขาเสียๆหายๆ คุณควรจะขอบคุณเขามากกว่านะคะ”
“นี่เธอปกป้องมันเหรอ? แต่ไอ้เวรตะไลนั่นมันโกหกฉันนะว่ามันเป็นพ่อของ... โอ๊ย!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีพ่อราชาตัวดีก็ต้องร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวด เพราะจู่ๆคนตัวเล็กจิกเล็บคมๆที่แขนแถมยังออกแรงบิดจนเนื้อแทบหลุดติดมือเจ้าหล่อน ดวงตาสีมรกตตวัดมองเขาอย่างขุ่นเคือง
“ใครสั่งใครสอนให้พูดคำหยาบคายต่อหน้าลูกคะ!?! ถ้าลูกซึมซับพฤติกรรมห่ามๆน่ารังเกียจของคุณไปล่ะก็ น่าดู!!!” เธอขู่พร้อมกับส่งสายตาคาดโทษ แต่คนทำพฤติกรรมห่ามๆดูเหมือนจะช็อกไปแล้วกับเหตุการณ์เมื่อครู่...
เธอไม่เคยดุเขาแบบนี้...
ไม่เคยทำร้ายร่างกายเขาด้วย...
แม้จะเคยตบก็เถอะ
แต่เธอก็ตามใจเขาตลอด ยอมเขาทุกเรื่อง แล้วทำไมจู่ๆถึงมาขึ้นเสียงใส่...
“นะ... นี่เดี๋ยวนี้เธอ... กล้าด่า กล้าทำร้ายร่างกายฉันแล้วเหรอ” คนถูกทำร้ายถามออกไปอย่างข้องใจ ใบหน้าบูดบึ้งหน่อยๆตามประสาคนไม่เคยถูกใครขัดใจนอกจากอิทาจิ หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างท้าทาย สาบานไว้แล้วว่ากลับมาคราวนี้จะไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติเขาเหมือนลูกแมวเชื่องๆแน่ ร่างสูงที่เห็นรอยยิ้มเย้าแหย่นั้นถึงกับคิ้วกระตุก...
มันน่า...นัก...
“งั้นพิสูจน์อีกซักทีดีไหมคะ? ตอนนี้ฉันน่ะไม่เหมือนดะ... ว้าย! อื๊อ...” ร่างบางร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกคนตัวโตรั้งตัวเข้าไปหา ก่อนที่เสียงร้องนั้น...
จะเปลี่ยนเป็นเสียงครางฮือในลำคอ...
ซาสึเกะเอาคืนที่เธอหยิกเขาจนเนื้อแทบหลุดด้วยรสจูบที่หอมหวาน ลงโทษแม่ตัวดีที่บังอาจประทุษร้าย ‘พ่อของลูก’ อย่างเลือดเย็น ปากหยักได้รูปบดกลีบปากนุ่มอย่างช่ำชอง ดึงเธอให้ตกอยู่ในมนตร์สะกดที่ไม่อาจถอนตัวได้...
ร่างเล็กตัวอ่อนยวบ...
ยอมรับแล้วว่าเธอไม่เคยรับมือกับความเอาแต่ใจของเขาได้เลยสักครั้ง ทั้งที่ปฏิญาณกับตัวเองมาแล้วว่าจะไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆเธอก็ยอมเจ้าลูกเป็ดนิสัยเสียอีกจนได้
เธอใจดีเกินไปหรือเปล่านะ?
หลังจากมอบบทลงโทษอันแสนวาบหวามจนพออกพอใจ คนชอบเผด็จการก็ผละริมฝีปากออก เขาหัวเราะอย่างลำพองเมื่อเห็นใบหน้านวลของหญิงสาวแดงระเรื่อเพราะรสจูบแบบมาราธอนของตน ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างใบหูเล็ก...
“ฉันอนุญาตให้เธอทำร้ายร่างกายฉันได้... เฉพาะตอนอยู่บนเตียงเท่านั้น !”
แอร๊ย!!! อยากจะตะโกนบอกว่า “ตรูแต่งบทนี้จบแล้วเฟ่ย!!!” หลังจากตันมาหลายวัน สุดท้ายก็มาจบแบบนี้(จูบเยอะจนไม่ได้นับว่ากี่ครั้ง555) กรี๊ดกร๊าดดด >< เกะได้เมียคืนแล้ว ได้ความหื่นคืนอีกต่างหาก ชีวิตดี๊ดีเนาะเอ็ง ต่อไปนี้สัญญาว่าจะไม่แกล้งอีกละ (เหรอ?) ><
(ช่วงบ่น)
อยากจะบอก... ไรต์เพิ่งอกหักจากนิยายของกุ เห็นสปอยล์แล้วแบบ... ทามม้ายยยยยย นิยายของกุ อิเกะก็ยังไปอินดี้ดิพอินเดอะฟอเรสต์เหมือนเดิม! เห็นแล้วมันน่าหักคอคนแต่งจริงๆ เอ็งจะอะไรกันนักกันหนาฟระ แต่งมาแบบนี้เปิดแบบบ๊อกเซตสี่เล่มจบไปเลยมั้ยฮึ บอกตรงๆว่าเจ็บ เจ็บแบบจุกถึงคอหอย T^T หนูกุของแม่ ไอ้เป็ดของเฮีย ทำไมพวกหนูถึงถูกทำร้ายแบบนี้ แล้วหนูซาราดะอีก ทำไมต้องแบน... ทำไมต้องมีแว่น ม่ายเข้าจายยย
ความคิดเห็น