ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #37 : CHAPTER 31 : ความฝันที่สูญสลายและกับดักชั่วร้ายของคนทรยศ (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.46K
      151
      13 ก.พ. 58

    บทที่ 31 ความฝันที่สูญสลายและกับดักชั่วร้ายของคนทรยศ

     

     

                “รับไสหัวออกไปจากบ้านฉันซะ!!!

     

                เสียงตวาดรุนแรงกับท่าทีที่โกรธเกรี้ยวทำให้คนที่ล้มกองอยู่กับพื้นสับสนมึนงงไปหมด ดวงตาแข็งกร้าวดุดันจ้องเธอราวกับจะเผาให้เป็นจุล ร่างบางตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว ริมฝีปากบางสั่นระริก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงพร่า

     

    “นี่มัน... อะไรกันคะคุณซาสึเกะ”

     

                “หูหนวกเหรอ? ฉันบอกให้เธอออกไปไง! ออกไปจากบ้านของฉัน ออกไปจากอุจิวะและก็อย่าเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีก!!!

     

                “ใจเย็นๆสิคะ ไม่เห็นต้องทำรุนแรงแบบนี้เลย” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเอ่ยเตือนพลางจับท่อนแขนแข็งแกร่งไว้เหมือนห้าม

     

                “อย่ามาสอด!” เขาตวาดใส่เสียงดังพลางสะบัดแขนอย่างแรง จนแม้มือกาวของสาวสวยก็มิอาจรั้งได้ ร่างสูงหายใจรุนแรงดั่งคนที่โกรธจัด ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองสิ่งมีชีวิต ชั้นต่ำอย่างรังเกียจ

     

    “ผู้หญิงสกปรกที่ทำตัวน่าสมเพชแบบนี้ไม่จำเป็นต้องไปญาติดีด้วย  สกปรก มั่วไม่เลือก ต่ำ!ยิ่งกว่าผู้หญิงขายบริการ”

     

    ถ้อยคำด่าทอรุนแรงทำให้ร่างเล็กใจสลาย...

    เรี่ยวแรงกำลังราวกับถูกสูบออกไปจนหมด ดวงตาสีมรกตเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา ทั้งปวดใจ ทั้งงงงัน... ไม่เข้าใจความโกรธเกรี้ยวดั่งพายุของเขาเลยสักนิด รู้เพียงแต่ว่าเขาโกรธ... มิหนำซ้ำดาบเล่มที่สองที่แทงใจเธอซ้ำให้ดับดิ้นก็ยังยืนส่งยิ้มมาให้... อยากจะถามนักว่าเธอคนนั้นคือใคร? ทำไมถึงได้ยืนอยู่ในบ้านได้?

     

    ทำไม... ถึงได้ยืนอยู่ข้างๆเขา?

     

                แม้จะมีคำถามมากมาย... แม้จะเจ็บปวดจากคำพูดของเขาแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอพูดออกไปก็มีเพียง...

     

                “คุณ... คุณเป็นอะไรคะ... คุณโกรธอะไรฉันเหรอ... ฮึก... ฉันขอโทษ...”

     

                กลั่นกรองคำพูดออกมาจากหัวใจที่ช้ำแสนช้ำ...

    แม้ว่าแข้งขาจะหมดแรงอ่อนเปลี้ยจนลุกไม่ขึ้น เธอก็ยังพยายามคลานขยับตัวเข้าไปหาแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับถอยหนีอย่างรังเกียจ ทำราวกับว่าเธอเป็นสิ่งปฏิกูลที่ถ้าเข้าใกล้แล้วจะสกปรก อยากกอดเขาให้เขาคลายความโกรธนัก แต่ที่ทำได้คือมองใบหน้าของเขาผ่านม่านน้ำตา...

     

    มองใบหน้า...

    ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา...

     

                “ไม่ต้องสะเออะมาบีบน้ำตาต่อหน้าฉัน” พูดเสียงเฉียบพลางจ้องเธอนิ่ง

     

    “เธอคงสนุกมากสินะ ที่ลับหลังฉันก็ไประเริงรักกับผู้ชายคนอื่น พากันเข้าโรงแรมตั้งแต่กลางวันแสกๆ เหอะ! คงจะเหนื่อยมากล่ะสิถึงได้ทำท่าหมดเรี่ยวหมดแรงขนาดนั้น มันคงสนองให้เธอถึงอกถึงใจซะจนลืมเวลากลับบ้านเลยใช่มั้ย!?!

     

    ถ้อยคำด่าทอดูถูกของเขาทำให้เธอพอจับประเด็นได้ ร่างบางตัวชาวาบ... แม้จะไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องได้อย่างไร แต่ก็รู้แน่แล้วว่าเขากำลังเข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างมหันต์...

     

                “คุณ... คุณกำลังเข้าใจผิด มันไม่มีอะไร...” ละล่ำละลักอธิบาย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง

     

                “ไม่ต้องมาแก้ตัว!” ร่างสูงตวาดลั่น ก่อนจะยกมือกอดอก ปากหยักได้รูปเหยียดยิ้มสมเพช

     

    “แต่อันที่จริงเธอจะไปนอนกับใครฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว แต่เพราะฉันจ้างเธอมาผลิตลูกให้ ถ้าเด็กที่เกิดมามันเป็นลูกของไอ้ชายชู้พวกนั้นตระกูลฉันคงย่อยยับ ซึ่งฉันก็คงปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้”

     

                “!!!

     

                “เป็นไง ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ?” ถามออกมาเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะตอกย้ำความเจ็บช้ำด้วยประโยคถัดมา

     

    “หรือที่ผ่านมาเธอสำคัญตัวเองผิดคิดว่าฉันจะยกย่องเธอเป็นเมียจริงๆ?”

     

                “...”

     

                “ผู้หญิงอย่างเธอ... เป็นได้อย่างมากก็แค่แท่นผลิตลูกกับเครื่องระบายอารมณ์เท่านั้นล่ะ ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับฉันเลย...

     

                ร่างบางไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นใบ้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่...

                คำพูดแต่ละคำของเขาทำให้เธอพูดไม่ออกซักประโยค ได้แต่นั่งอ้าปากค้าง ดวงตาเลื่อนลอยราวกับคนเสียสติ เธอนั่งนิ่ง... มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงหลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย

     

                ซาสึเกะดูเหมือนจะทนมองภาพที่ชวนเวทนานั้นไม่ไหว เขาหายใจฮึดฮัดก่อนจะเดินปึงปังกลับเข้าไปในบ้าน เสียงรื้อค้นข้าวของดังกระทบโสตประสาทที่ปิดตายสนิท ไม่กี่นาทีถัดมาร่างสูงก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอ เขาเหวี่ยงทุกอย่างลงที่พื้น ไม่สนใจว่าของที่อยู่ข้างในจะกระจายเกลื่อนกลาด ร่างเล็กสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว ตกใจยิ่งนัก แต่ทำอะไรไม่ได้...  

     

                “เอ้านี่! ของของเธอ เอามันออกไปจากบ้านฉันด้วย ผู้หญิงกาลกินีแบบนี้ ถึงจะเป็นแค่ของใช้ก็เป็นอัปมงคล และก็นี่ ใบหย่า... เซ็นซะ” พูดหยาบคายจบก็ปากระดาษสองแผ่นพร้อมปากกาใส่หน้าเธอ หญิงสาวสะดุ้งเฮือกหันหน้าหลบ ดวงตาคู่สวยมองแผ่นกระดาษที่บัดนี้นอนสงบอยู่บนพื้น

     

    ใบหย่า...

     

                “ฉันบอกให้เซ็น!” ร่างสูงตะคอกรุนแรงเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง เขาเอาเท้าเขี่ยกระเป๋าที่กองระเกะระกะขวางทางพลางย่อตัวให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ ดวงตาสีรัตติกาลยังคงเต็มไปด้วยความโกรธปนเหยียดหยาม...

     

    “ไม่ต้องมาทำสำออยยื้อเวลา ตอนนี้พี่รู้เรื่องหมดแล้วและก็สั่งให้ฉันไล่ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอออกไปจากบ้านด้วย ก็นะ... ใครจะเอาไว้ล่ะ จ้างให้มาอุ้มท้องให้เขาก็ยังจะทรยศระริกระรี้ไปหาผู้ชายคนอื่น มั่วไม่เลือกเหมือนสัตว์สี่เท้าแบบนี้แม้แต่พี่ที่อยากมีหลานแทบตายก็คงทนไม่ได้... ต่ำสิ้นดี”

     

                “ฉันมีคุณคนเดียว... ฮึก... ฉันรักคุณคนเดียวจริงๆนะคะ” พูดออกไปอย่างไม่รู้จะทำยังไงพลางเอื้อมมือแตะที่แขนคนตัวโต แต่มันก็ถูกสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดี

     

                “ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน! และก็เลิกบีบน้ำตาซักที ฉันเห็นแล้วอยากจะอ้วก” พูดพร้อมกับหยัดกายยืนขึ้นแล้วก้าวถอยหนี

     

                “คุณซาสึเกะ... อย่าเพิ่งไป คุณฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทรยศคุณและก็ตอนนี้ฉัน...”

     

                “หุบปากซะ!!!

     

                “หยุดฟังเธอก่อนสิคะ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย แต่ฉันว่ายังไงจากกันไปแบบดีๆก็ดีกว่าตัดขาดกันแบบนี้” เสียงหวานใสร้องห้าม แม้คำพูดจะดูเหมือนเห็นอกเห็นใจ แต่เสียงนั้นกลับเจือไปด้วยความยินดี ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม...

     

    สะใจยิ่งนัก

     

                “ใครอนุญาตให้เธอมาสั่งสอนฉัน?” หันไปต่อว่าคนห้ามอย่างรำคาญ พร้อมกับเอ่ยตำหนิ “แล้วเธอจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ยคาริน ไหนว่าจะมาคุยเรื่องแต่งงานไง จะมาเสียเวลาอะไรกับผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายพรรค์นี้”

     

                ถ้อยคำหยาบโลนนั้นยังสร้างความเจ็บช้ำได้ไม่เท่าคำง่ายๆที่เขาเพิ่งพูดมา...

     

                “แต่งงาน...” ร่างบางร้องครางออกมาอย่างไม่เชื่อหู ดวงตาสีมรกตเงยขึ้นมองใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ของคนตัวสูง

     

                “อ้อ ใช่สิ ฉันลืมบอกไป” พูดเสียงเยาะพลางระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ

     

    “เผื่อเธอยังลังเลคิดว่าถ้านั่งบีบน้ำตาแบบนั้นแล้วฉันจะกลับไปสนใจ เธอคิดผิดแล้วล่ะ... ฉันไม่จำเป็นต้องง้อเธอ เพราะต่อให้ไม่มีเธอยังไงตระกูลของฉันก็จะมีทายาทรุ่นต่อไปอยู่ดี รู้มั้ยทำไม?”

     

                “...”

     

                “เพราะฉันกำลังจะแต่งงาน กับผู้หญิงที่เพียบพร้อมและคู่ควรกับฉันทุกอย่าง”

     

    !!!

     

    “ผู้หญิง... ที่สามารถชูเกียรติและตระกูลของฉัน คนที่ฉันสามารถเอาไปอวดใครต่อใครว่าเป็น เมียโดยไม่ต้องกลัวคนจะครหานินทา...”

     

                “...”

     

                “...ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอทำไม่ได้... เห็นความต่ำต้อยของตัวเองรึยัง? เห็นรึยังว่าเธอไม่ควรมโนว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะสามารถยืนเคียงข้างฉันได้ คนชั้นต่ำที่ทำแต่เรื่องต่ำๆแบบเธอ แค่ได้ใช้อากาศหายใจร่วมกับฉันมันก็เป็นบุญแล้ว อย่ามาฝันเฟื่องจินตนาการถึงเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นแล้วสมเพช” ตอกย้ำคำว่า สมเพชด้วยการแค่นหัวเราะในลำคอ ปรายตามองคนต้อยต่ำอย่างเย้ยหยัน

     

    ซากุระรู้สึกเหมือนร่างกายถูกตรึงด้วยกางเขน เจ็บปวดรวดร้าว... ขยับเขยื้อนไม่ได้ มิหนำซ้ำหัวใจยังเหมือนถูกตอกด้วยลิ่มไม้ ฉีกกระชาก... ไม่มีชิ้นดี...

     

                “งั้นที่ผ่านมา... คุณทำไปเพื่ออะไรคะ ที่คุณบอกว่าคุณรักฉัน มัน... เป็นแค่การเล่นละครของคุณใช่มั้ย...” เธอถามเสียงสั่นเครือ

     

    ขอร้อง...

    ขอให้ทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก...

     

                “ใช่ เพราะถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น เธอก็คงเล่นตัวไม่ยอมกลับ พี่ก็จะเล่นงานฉันหาว่าฉันทำตระกูลกุด แต่ตอนนี้พี่คงตาสว่างแล้ว คงจะคิดได้ว่าการที่ทายาทรุ่นต่อไปมันมีสายเลือดเลวๆของแม่มันอยู่ มันก็มีแต่จะเป็นตัวอัปมงคลของตระกูล ดึงตระกูลให้ตกต่ำ...”

     

                “...”

     

    “ว่ากันตามตรงนะ... ฉันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ไอ้มารหัวขนนั่นมันไม่ได้เกิดมา เพราะถ้ามันเกิดมาจริงๆ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะเอามันไว้ดีรึเปล่า เกิดเชื้อแม่มันแรงขึ้นมาแล้วจะยุ่ง...”

     

    เพียะ!!!

     

                โดยไม่รอให้ถ้อยคำร้ายกาจนั่นได้หลุดออกจากปาก ร่างบางก็ลุกขึ้นวาดมือตบเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลางดงามเสียเต็มแรง

     

                “คุณมันเลว...”

     

                เค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก... มือยังคงสั่นระริกพอๆกับขาที่ทรงตัวแทบไม่อยู่เพราะลุกขึ้นกะทันหัน คำพูดของเขา... กรีดหัวใจของเธอยิ่งนัก

     

    มารหัวขน...

     

                คือคำพูดที่เขาใช้เรียกลูกของตัวเอง... ตัวอัปมงคล...คือคำนิยามที่เขาใช้นิยามเด็กน้อยไร้เดียงสา นี่น่ะหรือชายที่เธอมอบทั้งร่างกายและหัวใจให้ นี่น่ะหรือคือคนที่เธอคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้ นี่น่ะหรือ...

     

    คือคน...

    ที่อาจจะเป็นพ่อของลูกเธอ...

     

    ทำไม... เขาถึงได้โหดร้ายขนาดนี้?

     

                “นี่เธอ... กล้าตบฉันเหรอ!?!” ร่างสูงตวาดลั่นก่อนจะจับมือเล็กข้างที่ใช้ตบไว้แน่น...

     

    มันเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือข้างนั้น... เขาไม่ได้บีบมันจนเจ็บ หากแต่กำไว้เฉยๆ แล้วออกแรงบีบมันเบาๆ...

     

    ราวกับต้องการจะปลอบ...

     

    แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกเหล่านั้นไม่อาจส่งไปถึงคนที่กำลังใจสลาย ซากุระสะบัดมือทิ้งพร้อมกับก้มลงเก็บเอกสารการหย่าขึ้นมาเซ็น มือไม้ของเธอสั่นไปหมดแต่ก็ยังพอประคองมันจนปลายปากกาจรดที่ตัวอักษรสุดท้ายของชื่อพอดี ดวงตาที่พร่าเลือนเพราะน้ำตามองใบหน้าแสนเย็นชาของอดีตชายคนรักด้วยหัวใจที่เจ็บปวดร้าวลึก...

     

                “นี่ค่ะใบหย่า...” เธอพูดเสียงพร่าพลางยัดกระดาษสองแผ่นใส่มือหนา ร่างเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตากลมโตเอ่อล้นท่วมท้นไปด้วยน้ำตา พยายามกลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่ที่คอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุดท้ายออกมา

     

    “หวังว่าชาตินี้... ฉันคงไม่ต้องมาเจอกับคุณอีกนะคะ... ลาก่อนค่ะ คุณซาสึเกะ...”

     

    พูดทิ้งท้ายจบก็เดินออกไปจากบ้านทั้งอย่างนั้นโดยไม่หยิบอะไรติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งเสื้อผ้าข้าวของ จักรยานคันโปรด รูปถ่ายแสนสำคัญ หรือแม้แต่... เสื้อคู่รักที่ตั้งใจจะซื้อเอามาเซอร์ไพรส์...

     

    ทุกอย่างมันจบแล้ว...

    ความฝันของเธอ...

    สูญสลาย...     

     

                พอเดินพ้นเขตรั้วบ้านมาได้ ร่างเล็กก็มาทรุดฮวบอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร จนรปภ.ที่ยืนเฝ้าประตูเดินเข้ามาถามไถ่ แต่เธอไม่มีปัญญาจะตอบอะไรได้ ได้แต่นั่งสะอื้นจนตัวโยน ปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้ม มือเล็กลูบที่ท้องเบาๆ หัวใจชาหนึบ...

     

    หนูไม่ได้ยิน... คำพูดร้ายกาจพวกนั้นใช่มั้ย?

     

                ถามในใจพลางลูบไล้หน้าท้องแบนราบ แม้จะไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเธอว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในตัวเธอมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังรอวันจะออกมาลืมตาดูโลก

     

    ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ...

     

                คำพูดทุกคำของคนใจร้ายยังคงดังก้องอยู่ในหัว เขาพูดออกมาได้อย่างไรว่าลูกของเธอเป็นตัวอัปมงคล พูดมาได้อย่างไรว่าจะไม่เอาไว้...

     

    เขาใจร้าย...

    ใจร้ายยิ่งนัก...

     

                ร่างบางปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆพลันก็ลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซจากไป ทิ้งความเศร้าสลดเสียใจไว้ข้างหลัง ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะคิดถึงคนใจอำมหิตคนนั้น ตอนนี้เธออาจจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล

     

    เธอต้องเข้มแข็ง...

     

    หญิงสาวเดินน้ำตาซึมมาจนถึงถนนใหญ่ รถรายังคงวิ่งกันเต็มถนนแม้จะเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เธอตั้งใจจะเรียกแท็กซี่ซักคันเพื่อกลับไปยังบ้านเดิมของตน แต่ทว่าความคิดนั้นก็หยุดลงเมื่อคิดว่าเขาคนนั้นก็รู้ที่อยู่ของเธอ บ้านอิโนะก็เช่นกัน

     

    ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น...

    เธอไม่อยากเจอเขาเป็นครั้งที่สอง ไม่อยากให้เขารับรู้ความเป็นไปของตัวเอง แต่คนไร้ญาติขาดมิตรเช่นเธอจะมีปัญญาไปไหนได้ คนรู้จักสนิทสนมที่พอจะขออาศัยซุกหัวนอนได้ก็มีแต่อิโนะ ความอ่อนแอวิ่งกลับเข้ามาโจมตีจิตใจอีกหน แม้จะเห็นว่ายังหายใจอยู่ แต่ก็มีแค่ร่างเนื้อ เพราะวิญญาณของเธอถูกกระชากทิ้งไว้ที่บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำหลังนั้น...

     

    เจ็บปวด...แสนสาหัส...

     

    เสียงบีบแตรของรถบนถนนเรียกสติที่บินลอยไปของเธอกลับคืนมา หญิงสาวบริภาษกับตัวเอง... สมเพชกับความอ่อนแอที่นับวันจะมีมากขึ้น จากนั้นก็ยกมือปาดน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล มือเล็กล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย เพื่อเอามาเสิร์จหาโรงแรมที่พักสำหรับคืนนี้ ร่างบางชะงักเมื่อมือสัมผัสกับกระดาษแข็งๆที่ปะปนอยู่กับข้าวของในกระเป๋า เธอหยิบมันออกมาดู...

     

    ความบอบช้ำทั้งกายและใจทำให้เธอไม่อาจเสียเวลาคิดไตร่ตรองอะไรได้อีก นิ้วสั่นๆกดเบอร์โทรตามนามบัตรที่คุณหมอหนุ่มทิ้งเอาไว้ให้อย่างไม่ลังเล รอสายอยู่ไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็กดรับพร้อมกรอกเสียงนุ่มมาตามคลื่นโทรศัพท์

     

    “สวัสดีครับ”

     

                “คุณหมอ...ฉันขอรับข้อเสนอของคุณตอนนี้เลยได้มั้ยคะ... ฮึก... ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว...

     

     

     

               

    ดราม่าน้ำตาร่วง สงสารหนูกุลูกรักของแม่ T^T หนึบๆหน่วงๆ เดี๋ยวจะจัดเต็มคืนความสุขให้เอ็งแน่ๆ บักเกะเอ๊ย! บังอาจมาไล่แม่เป็ดของเค้า เชอะ! แถมยังจะไปแต่งงานกับยัยนั่นอีก เดี๋ยวเอ็งจะได้กลายเป็นเป็ดพะโล้เข้าซักวัน-..-

                ไม่รู้จะพิมพ์อะไร แต่วอนขอรีดเดอร์อย่าเพิ่งประทานเกิบให้ไรต์นะ T^T มีอะไรด่าเป็ดได้เลย ไรต์มะเกี่ยว ><
     

    80%

     

     

                “ยังหงุดหงิดอะไรอยู่เหรอคะ หรือว่า...ยังตัดใจไม่ได้?”

     

                เสียงแปร่งแปลกที่ดูออกไม่ยากว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่เอ่ยถาม คารินนั่งกอดอก มองหน้าคนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาด้วยแววตาเคลือบแคลง แต่คนถูกมองก็เหมือนจะรู้ตัว ซาสึเกะหันกลับมาจ้องตาเธอก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

     

                “ตัดใจ? เธอกำลังพูดถึงอะไร?”

     

                “ผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันมานานเดินจากไปแบบนั้น คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

     

                “ไม่” ร่างสูงตอบพร้อมกับยักไหล่ “ฉันไม่จำเป็นต้องไปอาลัยอาวรณ์ผู้หญิงสกปรกที่ทรยศฉันแบบนั้น หรือจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือนอกจากจะไม่อาวรณ์แล้วยังสมเพชเวทนากับความใฝ่ต่ำ ฉันจ้างให้มาท้องแท้ๆ แต่ก็ดัน อยากมากจนต้องไปมั่วกับคนโน้นคนนี้ การที่ฉันสลัดผู้หญิงแบบนั้นออกไปจากชีวิตได้น่ะ มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง?”

     

    คำตอบยาวเหยียดกับน้ำเสียงที่แสดงออกว่ารังเกียจทำเอาคนมองหัวเราะ เธอเรียนรู้มาว่าคนที่มีเรื่องปิดบังมักจะอธิบายขยายความมากกว่าความเป็นจริง และกรณีนี้ก็อาจจะเป็นตามนั้น ดวงตาสีโกเมนหรี่ลงอย่างจับผิด ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างรู้ทัน

     

                “คุณ... คิดแบบนั้นจริงๆเหรอคะ ไม่ใช่ว่ากำลังแสดงออกเพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงหรอกนะ”

     

                “หึๆ เธอรู้จักฉันมากี่ปี? เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นคนแบบไหน ของที่หมดประโยชน์แล้ว ฉันก็แค่เขี่ยทิ้งให้พ้นทาง หรือเธอคิดว่าคนอย่างฉันจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับของพวกนั้น?” เขาถามเสียงเยาะ พอเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ คนตัวสูงก็ยกยิ้มที่มุมปาก ดูไม่ออกว่าอยากจะหัวเราะหรือสมเพชกันแน่

     

                “เหอะ อย่าทำให้ฉันขำหน่อยเลยคาริน แม้แต่คนที่สมบูรณ์แบบอย่างเธอฉันยังปฏิเสธมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับผู้หญิงเห็นแก่เงินพรรค์นั้น แต่ถ้าเธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถทำให้คนอย่างฉันหวั่นไหวได้ มันก็เท่ากับว่าเธอยอมรับล่ะสิ ว่าเธอแพ้... ผู้หญิงต่ำๆคนนึง”

     

                ถ้อยคำสบประมาทกับแววตาแสนท้าทายทำให้สาวสวยถึงกับหน้าเสีย...

    เขาเป็นคนที่รู้จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ดี เขารู้ว่าเธอเกลียดการพ่ายแพ้... โดยเฉพาะแพ้คนที่ต่ำต้อยกว่า

     

    คำพูดของคนตัวสูงทำให้คนที่คิดจะซักไซ้ต่อหุบปากฉับ ที่เขาพูดมันก็ถูก ผู้หญิงชั้นปลายแถวที่หาได้ตามผับตามบาร์แบบนั้นไม่ได้มีค่าเพียงพออะไรให้คนที่แสนพิเศษอย่างเขาสนใจเลยซักนิด

     

    เธออาจจะแค่คิดมากไปเอง...

    บางทีเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆก็ได้...

     

    ทะเบียนสมรสอะไรนั่นเขาอาจจะจำใจจดเพราะถูกอิทาจิบังคับจริงๆ และตอนนี้เขาก็หย่าแล้ว ผู้หญิงคนนั้นระเห็จออกไปจากบ้านแล้ว เธอเห็นมากับตา และก็เห็นกับตาว่าเขาดูถูกเหยียดหยามฝ่ายนั้นขนาดไหน น้ำตาโง่ๆของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โกหก...

     

    ซาสึเกะก็ยังคงเป็นซาสึเกะ

     

    เป็นราชาไร้หัวใจที่ยังโหดร้ายไม่เปลี่ยน เธอไม่จำเป็นต้องกลัวว่าหัวใจของราชาจะไปอยู่ที่ใคร ไม่จำเป็น... ต้องทำอะไรเพื่อแย่งเขาคืนมา...

     

    “เธอกลับไปได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยสั่งเสียงเรียบ แต่คนถูกสั่งกลับชักสีหน้าไม่เห็นด้วย

     

                “เรายังไม่ได้คุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานเลยนะคะ คุณจะมาไล่ฉันกลับแล้วเหรอ หรือว่าพอใช้ประโยชน์ฉันเสร็จก็เฉดหัวทิ้ง... เหมือนกับคนเก่าของคุณ”

     

                “ฉันบอกให้กลับ ก็หมายความว่าเธอต้อง กลับ ไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามอะไรฉัน” เขาตอบอย่างรำคาญ พลางถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเอือมระอา

     

    “ฉันให้โอกาสคุณทำเย็นชากับฉันได้แค่ก่อนแต่งงานนะคะ ถ้าหลังแต่งงานคุณยังทำแบบนี้อีกล่ะน่าดู” หญิงสาวขู่เสียงขุ่นเขียว ร่างสูงตวัดสายตาคมกริบหันมามอง ก่อนจะเอ่ยตะคอกเสียงต่ำ

     

    “จะออกไปจากบ้านของฉันดีๆ หรือจะให้ฉันเรียกคนมาจับเธอโยนออกไป?”

     

    คำพูดที่ไม่ไว้หน้ากันทำเอาคนที่สงบร้ายลึกอย่างเธอถึงกับเดือด คารินผุดลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว เจ้าของร่างสมบูรณ์แบบยืนกอดอก ดวงตาแสนร้อนแรงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

     

    “คุณน่ะ หยิ่งผยองเกินไปนะคะ... ทั้งๆที่อาณาจักรของคุณกำลังจะล่มสลาย แต่ก็ยังวางมาดเป็นราชาไร้พ่าย อวดดีได้แม้กระทั่งกับผู้มีพระคุณ หึๆ ฉันไม่รู้ว่าจะชื่นชมหรือสมเพชคุณดี”

     

    “ก็เพราะฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง คนอย่างเธอถึงอยากได้ฉันจนตัวสั่น ต้องใช้กลอุบายหลอกล่อตลบตะแลง ลงทุนส่งสปายแฝงเข้ามาอยู่ที่ธนาคารตั้งห้าปีเพื่อโค่นฉัน แต่ฉันก็ถือว่าเธอทำได้ดีนะ เพราะฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าผู้หญิงอย่างเธอจะสามารถทำให้ฉันยอมแต่งงานด้วยได้” ร่างสูงสวนขึ้นแทบจะในทันที ถ้อยคำกล่าวหานั้นไม่มีคำว่าเกรงใจจนคนถูกหาว่า อยากได้จนตัวสั่นถึงกับหน้าชา หญิงสาวนิ่งงันกับคำพูดนั้นก่อนจะขยับยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “อ๊ะๆๆ อย่าโทษกันมั่วสิคะคุณซาสึเกะ เรื่องสปายอะไรของคุณน่ะฉันไม่รู้เรื่องด้วยซักหน่อย และคุณก็เลิกมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นซักที ไม่น่ารักเลยนะคะ” ปฏิเสธเสียงหวานใสจนคนฟังแทบอ้วก แต่ก็ยังทนนั่งนิ่ง ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินนวยนาดเข้ามาประชิดโดยไม่ขยับหนีไปไหน ดวงตาสีโกเมนมองราชาจอมหยิ่งอย่างหลงใหล...

     

    “ฉันน่ะ... รอคุณมาตั้งสิบเอ็ดปี หลงใหลคุณตั้งแต่แรกเห็น คุณสง่างาม งดงามมาก... แต่ก็เต็มไปด้วยเขี้ยวพิษและกับดักมากมาย แต่สุดท้ายคุณก็ต้องเป็นของฉัน อยู่กับฉัน... และฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งคุณไปจากฉันได้”

     

    พูดจบก็ก้มลงไล้มือไปทั่วใบหน้าที่เรียบเฉยของอีกฝ่าย ร่างสูงปัดมือนั้นออกอย่างรังเกียจพร้อมกับผุดลุกจากโซฟาก่อนจะตวาดเสียงกร้าว

     

    “ถอยไปไกลๆ ฉันขยะแขยง”

     

    “หึ! ทีกับเมียเก็บของคุณ คุณรังเกียจแบบนี้รึเปล่าคะ? โรคเกลียดผู้หญิงของคุณมันยังทำงานอยู่มั้ย ตอนที่คุณมีอารมณ์...”

     

    ประโยคที่เหลือของหญิงสาวถูกกลืนกลับเมื่อริมฝีปากอุ่นหนาทาบทับที่ริมฝีปากบาง บดเบียด รุกล้ำรุนแรงจนเธอแทบขาดใจ มันเต็มไปด้วยอารมณ์และความหยาบกระด้างดิบเถื่อน หากแต่กลับเร่าร้อนเร้าใจคนมากประสบการณ์อย่างเธอยิ่งนัก คารินไม่มีโอกาสแม้จะจูบตอบ เขาสูบเอาพลังและความมั่นใจของเธอออกไปจนหมด เธอกลายเป็นเพียงฝ่ายตาม... ให้เขาชักนำบงการอย่างว่าง่าย หญิงสาวร้องครางเสียงเซ็กซี่...

     

    อยากให้เขาทำมากกว่านี้...

     

                คิดแล้วก็โอบรอบคอคนตัวสูง ลูบไล้สัมผัสปลุกอารมณ์อย่างเชี่ยวชาญ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ดับฝันของเธอกลางอากาศด้วยการผละริมฝีปากออกแบบไม่ให้เธอได้ตั้งตัว ร่างสูงแค่นยิ้มเมื่อเห็นดวงตาโกเมนร้อนแรงเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนา

     

    “ใช่! โรคนี้มันไม่กำเริบตอนอยู่บนเตียงหรอก เพราะฉันมันก็แค่ผู้ชายคนนึง มีความใคร่ ความปรารถนา ฉันก็แค่ระบายความใคร่พวกนั้นกับผู้หญิงต่ำๆคนหนึ่งที่ซื้อได้ด้วยเงิน แล้วไง? มันผิดเหรอ?”

     

    “มะ... ไม่ผิดค่ะ”

     

    ตอบเสียงสั่นพลางหอบหายใจแฮก ร่างกายรู้สึกเร่าร้อนปวดร้าวไปหมด เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะเก่งถึงขนาดนี้ เขาสามารถทำให้เธอแทบคลั่งได้เพียงแค่จูบ... ไม่มีการเล้าโลมยืดเยื้อ แค่จูบ... เพียงแค่จูบเท่านั้นเธอก็พร้อมจะไปกับเขา ไปสู่สรวงสวรรค์ที่มีแค่เธอกับเขาสองคน... แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการสานสัมพันธ์ใดๆต่อ ร่างสูงเดินตรงไปที่ประตูพร้อมกับหันมาบุ้ยใบ้เป็นเชิงบอกให้เธอกลับ

     

    “ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว และอย่าเสนอหน้ามาที่นี่อีก เรื่องงานแต่งอะไรนั่นฉันจะนัดไปวันหลัง หวังว่าเธอคงไม่รีบมากจนรอไม่ไหวหรอกนะ”

     

    “คุณซาสึเกะ... จะเป็นไรมั้ยคะถ้าฉัน...” อ้อนวอนด้วยเสียงแหบพร่า ร่างกายเร่าร้อนด้วยอารมณ์ที่ถูกจุดจนยากจะดับ ร่างระหงตรงรี่เข้าไปหาชายที่ตนปรารถนามาโดยตลอด ก่อนจะเอื้อมมือปลดกระดุมคนตัวสูงโดยไม่ขออนุญาตด้วยมั่นใจว่าไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าปฏิเสธตน หากแต่ตรรกะธรรมดามิอาจใช้กับราชาได้ ซาสึเกะจับมือที่กำลังมาทำยุ่มย่ามกับตัวเองก่อนจะบีบมันเสียแรงจนเจ้าของมือร้องโอดครวญ

     

    “ไม่... วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ ถ้าเธออยากมากก็ไปลงที่อื่นไม่ใช่ที่ฉัน และฉันก็จะไม่แตะต้องเธออีกจนกว่าเธอกับพ่อของเธอจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย” ร่างสูงบอกปัด ดวงตาสีรัตติกาลมองลึกเข้าไปในดวงตาสีโกเมน เพียงแค่นั้นก็ทำเอาคนถูกมองแทบละลาย ยิ่งเมื่อเขาเอามือเกลี่ยปอยผมสีแดงเพลิงของเธอ หัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้น...

     

    ซาสึเกะมองภาพคนเจ้าเล่ห์ที่หมดฤทธิ์สิ้นท่าอย่างสมเพช ผู้หญิงตรงหน้าเก่ง ฉลาด ร้ายกาจมากกว่าคนธรรมดา... แต่ก็มีจุดอ่อน...

     

    การที่เธอมาหลงเสน่ห์ของเขา...

    นั่นแหละจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุด...

     

    ปากหยักได้รูประบายยิ้มเย้ายวนชวนฝัน เพิ่มความร้อนระอุในกายของหญิงสาวด้วยการขยับหน้าเข้ามาใกล้ คารินตัวแข็งทื่อ ใบหน้าแดงจัด... อารมณ์ปรารถนาพุ่งพล่านยิ่งขึ้นเมื่อเขากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างใบหู

     

    “ถ้าเธออยากได้ตัวฉัน ก็ทำตามที่ฉันสั่ง... เข้าใจใช่มั้ย?”

     

    มนตร์เสน่ห์ของเขาราวกับสะกดเธอให้กลายเป็นเพียงหุ่นเชิด ความลุ่มหลงกับรสจุมพิตอันเร่าร้อนทำให้หญิงสาวหลงลืมการวางตัวประหนึ่งนางพญา แล้วกระโจนลงสู่กับดักของราชาอย่างไม่ลังเล

     

    “ค่ะ...”

     

     

     

               

    ร้ายกว่าคารินก็คือคาเกะ =.,= บทนี้พี่แกดูโหดร้ายกับทุกคนมาก เจ้าเล่ห์มารยาชายร้อยเล่มเกวียน แม้แต่นางร้ายยังหลงกล แต่ก็นะ... เกะจูบไปแล้ว จูบดูดดื่มดึ๊กดึ๋ยๆด้วย ลงทุนทุ่มทุนสร้างมากไปละเป็ดพะโล้เอ๊ย

     

    อีก 20% ที่เหลือน่าจะมาภายในวันนี้นะคะ อย่าเพิ่งจุดธูปเรียกไรต์ ไรต์รู้สึกร้อนก้นไปหมดแล้ว ฮี่ๆ ><

     

    ปล. คารินแบบ... นางว้อนท์พ่อเป็ดน้อยของเรามากอ่ะ (ไรต์จะไซโคให้ทุกคนเกลียดนางงงงงง)

    .

    100%

     

                “เราได้เที่ยวบินพรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมง บินตรงจากฮาเนดะไปนิวชินโตเสะเลย น่าจะใช้เวลาราวๆชั่วโมงครึ่ง ผมกะเวลาว่าเราจะไปถึงโรงแรมที่ฮอกไกโดตอนบ่ายสองโมงพอดี เราจะไปทานมื้อเที่ยงกันที่โน่นนะครับ เพราะฉะนั้นเตรียมเสบียงกันหิวเอาไว้ก่อน เพราะผมคงยิงยาวไม่แวะที่ไหนจนกว่าจะถึงปลายทาง”

     

    คุณหมอหนุ่มเอ่ยบอกยาวเหยียดหลังจากสาละวนอยู่กับการจองตั๋วเครื่องบินอยู่พักใหญ่ หากแต่เนื้อความนั้นส่งไปไม่ถึงคนฟังที่ยังคงนั่งนิ่งไม่รับรู้ราวกับประสาทถูกปิดตายไปแล้ว กาอาระถอนหายใจเฮือก... ดวงตาสีโอปอลมองร่างเล็กที่เอาแต่นั่งเหม่อไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ตอนที่เขาไปรับมาจากริมถนน ดวงตาสีมรกตที่บวมช้ำยังคงมีน้ำตาไหลออกมาเป็นระยะๆ แววตาเลื่อนลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ

     

    อาการหนัก...   

     

    แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเธอ ไม่ถามไถ่ถึงอาการร้องไห้มาราธอนจนตาปูดตาโปน ไม่ถามซักคำว่าทำไมจู่ๆเธอถึงโทรหาเขาแล้วบอกว่าจะรับข้อเสนอทั้งๆที่ทำท่าปฏิเสธมาตลอด พอเธอโทรมาขอที่อยู่ของโรงแรมที่ฮอกไกโดทั้งที่ร้องไห้หนักจนพูดไม่รู้เรื่อง เขาก็ทำเพียงถามตำแหน่งของเธอในตอนนั้นแล้วขับรถไปรับ พาเธอมาพักที่ห้องพักส่วนตัวในโรงแรม จากนั้นก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินสำหรับสองที่แถมออกค่าตั๋วให้เสร็จสรรพ

     

    “คืนนี้คุณนอนที่นี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมต้องกลับไปอยู่เวรที่โรงพยาบาลต่อ พรุ่งนี้คงเข้ามาสายๆหน่อยเพราะต้องทำเรื่องลาเพิ่มด้วย” เขาบอก กำลังจะเดินไปที่ประตู แต่เสียงหวานของคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้เงียบๆก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

     

                “ขอบคุณนะคะ ฉัน... รบกวนคุณมากจริงๆ ถ้าไปถึงที่โน่นแล้วฉันจะหาทางไปต่อเองค่ะ คุณไม่ต้องห่วงนะคะว่าฉันจะอยู่เป็นภาระ” เธอพูดเสียงสั่นพร่า แม้ไม่รู้ว่า ทางไปต่อที่เพิ่งพูดถึงมันคือทางไหน ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่ถึงกระนั้นก็ยังละอายเกินกว่าที่จะมาทำตัวเป็นภาระของคนอื่น

     

                กาอาระมองร่างเล็กที่นั่งคุดคู้อยู่บนโซฟาทรงโบราณ จู่ๆก็เกิดรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างประหลาด เขาไม่ได้เป็นโรคแพ้น้ำตาผู้หญิง ข้อนี้เขามั่นใจ แต่อาจจะแพ้...

     

    ผู้หญิงคนนี้...

     

                “ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างคุณจะทำอะไรได้”

     

    “แต่ฉันไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อน...”

     

    “แล้วจะให้ผมปล่อยคุณไปตายรึไง?” เอ่ยถามเสียงเข้มพลางถอนหายใจยาวกับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย ดูก็รู้ว่าไม่มีที่ไปแท้ๆ แต่ก็ยังทำอวดดี

     

    “ทำใจให้สบายเถอะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นภาระผมหรอก ผมรวย แค่คุณ... หรือจะมีลูกของคุณมาเพิ่มผมก็เลี้ยงได้” เขาสรุป

     

    อืม... อยู่กับเขานั่นแหละดีที่สุด ปลอดภัยไร้กังวล

     

                “คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ!” ร่างบางเอ่ยปฏิเสธทันควัน “เรา... ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่นี้ฉันก็รบกวนคุณมากพอแล้ว”

     

                “นั่นสิ คุณกับผม ยังเรียกว่าคนรู้จักกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” เขาเออออตาม แต่สักพักก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะพูด

     

    “แต่เสียใจด้วยนะครับที่ผมไม่ใช่คนคิดมากกับเรื่องแบบนี้ คุณต้องการความช่วยเหลือ ผมก็แค่ช่วย ผมไม่มานั่งคิดหรอก ว่าจะต้องช่วยเฉพาะคนที่รู้จักกัน สนิทกันหรือต้อง เป็นอะไร กัน ผมช่วยก็เพราะอยากช่วย”

     

                พูดจบก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เป็นของแถม ยังรู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่ลึกๆว่าทำไมถึงละสายตาจากใบหน้าที่แสนเศร้าของเธอไม่ได้สักที และที่แปลกใจกว่านั้นก็คือทำไมตัวเองถึงยอมลงทุนช่วยคนตรงหน้าซะขนาดนี้ อย่างที่เธอถามนั่นแหละ ไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้สนิทกัน จะว่าช่วยในฐานะเพื่อนมนุษย์มันก็ออกจะเป็นการลงทุนที่มากไปหน่อย และเขาเองก็ไม่ใช่คนใจดีอะไรนัก มิหนำซ้ำยังถูกมองว่าทั้งดุทั้งโหด ถึงจะเป็นหมอที่อ่อนโยนกับสุภาพสตรีมีครรภ์ทั้งหลาย แต่พอออกนอกเขตโรงพยาบาลเขาก็คือเจ้าของโรงแรมหนุ่มสุดร้ายที่ไม่มีใครกล้าหือด้วย  การที่คนอย่างเขามาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษคอยช่วยเหลือหญิงสาวตกอับ คงจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายพอดู

     

    แต่ใครจะสน...

    บางทีมนุษย์เราก็ทำอะไรที่ไร้เหตุผลอยู่เหมือนกัน...

     

                “คุณนอนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะซื้อที่ตรวจครรภ์ติดมาด้วย สภาพของคุณตอนนี้ผมว่าคงยังไม่พร้อมที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาล และเราก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำแบบนั้น” เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรจะไปซักไซ้ไล่เลียง นั่งตีความการกระทำของตัวเอง ชายหนุ่มก็ตัดบทเสียดื้อๆ หารู้ไม่ว่าประโยคเมื่อครู่ของตนทำเอาคนเจ้าน้ำตาบ่อน้ำตาแตกอีกรอบ

     

                “แล้ว... ถ้าเกิดว่าฉัน... ท้องขึ้นมาจริงๆล่ะคะ ฉันจะทำยังไง... เด็กคนนี้ ฮึก... พ่อของเค้าไม่ต้องการ” คร่ำครวญเสียงแทบขาดใจ มือเล็กกุมที่อกข้างซ้ายก่อนจะเลื่อนลงมากุมที่ท้องแบนราบ ลูบไล้ไปมาอย่างทะนุถนอมทั้งที่ตัวเองก็ร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตาให้ไหล

     

                กาอาระยิ้มอ่อนใจ...

                เขาเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะออกแรงบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ  

     

                “ถ้าคุณท้อง... ก็แปลว่าคุณเป็นว่าที่คุณแม่ คุณก็แค่ต้องรักตัวเองให้มากกว่าแต่ก่อน... ก็แค่นั้น”

     

    น้ำเสียงอบอุ่นของเขาช่วยคลายความปวดร้าวในใจ ถ้อยคำนั้นไม่ใช่คำปลอบ แต่เป็นคำเตือนสติให้เธอรู้ตัว ซากุระเบือนหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองคุณหมอหนุ่ม เขาพยักหน้าให้เธอเบาๆก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ประตู โดยไม่ลืมพูดทิ้งท้าย  

     

                “ผมไปล่ะ วันนี้จะยกเตียงให้หนึ่งวัน ร้องไห้ได้แต่อย่าเอาน้ำมูกมาเปื้อนที่นอนผมนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ”  

     

     

     

                สาบานว่าไม่ได้อวยกาอาระ =.,= และขอย้ำว่าพระเอกเรื่องนี้ยังเป็นอิเป็ด(บ้า)อยู่นะคะ แต่ช่วงนี้คุณหมอทำคะแนนดีเกินไปแล้วววว น่ารักอ่ะ >< เห็นแล้วอยากให้ตรวจ(ภายใน)จริงๆ คิกๆ เขิลลล><

                มาต่อให้ครบแล้วนะคะ เกือบจะเกินวันนี้แล้วนะนี่ ไรต์ก็บอกแล้วว่าอย่าจุดธูป ร้อนจนนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วค่ะ

     

    ปล. ใครมีเรื่องอะไรสอบถามได้น้า ตอนนี้เด็กดีมีระบบตอบกลับคอมเม้นท์แล้ว ไรต์จะไปตอบให้แน่นอนค่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×