ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #33 : CHAPTER 27 : เล่ห์เหลี่ยมของราชา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.43K
      110
      28 ม.ค. 58

    บทที่ 27 เล่ห์เหลี่ยมของราชา

     

     

                “โธ่! อิโนะ นี่แกยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ ฉันขอโทษที่วันนั้นไม่ได้บอกแกว่าจะไม่กลับบ้าน พอดีมันฉุกละหุกนิดหน่อย” เสียงหวานเอ่ยขอโทษ พร้อมกับตัวเธอที่เดินแกมวิ่งตามหลังเพื่อนสาวที่เอาแต่ก้าวฉับๆไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หญิงสาวถอนหายใจเฮือก รู้ชัดแล้วว่ากำลังถูกเพื่อนรัก งอนแถมยังงอนหนักซะด้วย...

     

                “แกคงจะยุ่งมากล่ะสิ ถึงได้ไม่มีเวลาแม้กระทั่งโทรบอกฉัน หูแกมันคงจะตึงไปใช่มั้ย แกถึงไม่ได้ยินที่ฉันโทรไปหาน่ะ”

     

                “แกก็” เธอว่าเสียงอ่อย “อย่างอนนักสิ นี่ฉันง้อนะฉันง้อ ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว แกหายโกรธฉันเถอะ”

     

                “ก็ได้! ฉันจะหายโกรธแกก็ได้” อิโนะพูดในที่สุด ร่างแบบบางหยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าเธอเขม็ง “แต่แกต้องบอกฉันมาก่อนว่าตอนนี้แกไปอยู่ที่ไหน ทำไมจู่ๆก็มาขนข้าวขนของย้ายออกจากบ้านฉัน แล้วพวกคนที่มาช่วยแกขนของน่ะเป็นใคร? นี่แก... คงไม่ได้ไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยคนไหนอยู่ใช่มั้ย!?!

     

                อิโนะรัวคำถามมาเป็นชุด และแต่ละคำถามก็จี้ใจดำเธอเหลือเกิน หญิงสาวอ้ำอึ้ง ก็จะให้ตอบไปได้อย่างไร ในเมื่อคำตอบของเธอมันคือความลับที่ต้องรักษาเท่าชีวิต

     

                “เอ่อ... มันก็...”

     

                “ยัยซากุระ!

     

                “คือ... ฉันบอกแกไม่ได้จริงๆ แต่ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดหรอกนะ ฉันไม่ได้ไปเป็นเมียน้อยใคร” เธอพยายามตอบแบบเลี่ยงๆเพื่อไม่ให้เพื่อนสาวเข้าใจผิด แต่คนที่กำลังคาดคั้นเอาคำตอบดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ อิโนะยืนเท้าสะเอว ดวงตาสีหยกแสนคมกริบมองเธอราวกับผู้ใหญ่กำลังมองเด็กที่แอบไปทำความผิดมา

     

                “แล้วมันอะไรล่ะ แกตอบฉันมานะ ไม่งั้นฉันโกรธแกทั้งชาติจริงๆด้วย”

     

                “โธ่! ฉันบอกแกไม่ได้จริงๆ” เธอยังคงปฏิเสธหนักแน่น

     

                “แกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนรึเปล่า?” อิโนะเริ่มตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยใจปนเศร้า “ปกติแกมีปัญหาอะไรแกจะบอกฉันไม่ใช่เหรอ และกับเรื่องนี้ ฉันรู้เลยว่ามันต้องกำลังเป็นปัญหา ทำไมแกถึงไม่เล่าอะไรให้ฉันฟัง”

     

                “...”

     

                “ฉัน...เป็นคนนอกสำหรับแกเหรอ?”

     

                ถ้อยคำที่แสดงออกว่าน้อยใจของเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมทำเอาเธอใจอ่อนยวบ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยมีเรื่องต้องปิดบังอิโนะเลยสักเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นปัญหาที่น่าอับอายมากเพียงใดก็ตาม แต่สำหรับเรื่องนี้... เรื่องที่ซาสึเกะกำชับย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องปิดเป็นความลับที่ห้ามบอกใครแม้แต่คนที่สนิทที่สุด แล้วจะให้เธอบอกอิโนะได้อย่างไร?

     

    หญิงสาวรู้ดีว่าที่เพื่อนสาวเซ้าซี้จะเอาคำตอบให้ได้ก็เพราะเป็นห่วง อิโนะรู้ว่าเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อบ้านหลังนั้นแน่ๆ และแม้ว่าเธอจะเคยโกหกไปว่าปล่อยให้บ้านถูกยึดไปแล้วแต่เธอก็ยังเห็นสายตาเคลือบแคลงของคนเป็นเพื่อนอยู่บ่อยๆ อิโนะไม่ได้เชื่อเธอตามที่ปากบอกนัก และเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ต้องโกหกเพื่อนรักของตัวเองแบบนี้

     

    “ยัยเถิก...”

     

                “ก็ได้” ซากุระพูดในที่สุด เธอถอนหายใจยาว สีหน้าดูจะลำบากใจอยู่ไม่น้อย

     

    “แต่ฉันขอโทรศัพท์ขออนุญาต เขา ก่อนได้มั้ย ถ้าเขาโอเคฉันจะเล่า แต่ถ้าไม่... แกต้องเข้าใจฉันนะว่าฉันบอกไม่ได้จริงๆ”

     

    .

    .

    .

     

                “ฮะ!!! แกจดทะเบียนสมรสแล้ว!!! กับ...กับอุจิวะ ซาสึเกะเนี่ยนะ!?!

     

                “กะ...แกจะตะโกนทำไมยะ ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ” ซากุระเอ่ยเตือนเสียงสั่น เมื่อเพื่อนสาวตะโกนประโยคต้องห้ามเสียดัง ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีใครได้ยินหรือเปล่า หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครที่อยู่ใกล้พอที่จะได้ยินประโยคเมื่อครู่

     

                “เอ่อ... ฉันขอโทษ พอดีว่าตกใจไปหน่อย” อิโนะขอโทษเสียงอ่อย “ว่าแต่แกพูดจริงเหรอ แกเนี่ยนะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของอุจิวะ ซาสึเกะ ราชานรกที่ขึ้นชื่อว่าเกลียดผู้หญิงอย่างกับกิ้งกือไส้เดือน”

     

                “อือ ก็ตามนั้นแหละ”

     

                “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

                “ประมาณสองเดือนที่แล้ว”

     

                “นั่นมันตอนที่แกเลิกไปเป็นโคโยตี้พอดีเลยไม่ใช่เหรอ!” อิโนะอุทานเมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องคร่าวๆได้ ดวงตาสีหยกเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน ผิดกับเธอที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา หัวใจดวงน้อยชักจะฝ่อลงเรื่อยๆ...

     

                เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เธอโทรหาซาสึเกะ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอโทรหาเขา หรือจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือเขาเพิ่งจะให้เบอร์โทรกับเธอและอนุญาตให้เธอโทรหาได้เมื่อวานนี้เอง เสียงของเขาตอนรับโทรศัพท์ดูออกชัดเจนว่ากำลังหงุดหงิดกับเรื่องอะไรสักอย่าง และทันทีที่เธอขออนุญาต อีกฝ่ายก็อนุญาตมาแบบส่งๆโดยไม่ลืมกำชับว่าห้ามเล่าเรื่องสัญญาจ้างอุ้มบุญนั่นเด็ดขาด ซึ่งเธอก็รับคำอย่างเข้าใจ...

     

    ซากุระเข้าใจดีว่าเรื่องราวของเธอกับซาสึเกะต้องปิดเป็นความลับ และถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยบอกเหตุผลว่าทำไมต้องปิดบัง แต่เธอก็คิดว่าเธอรู้ดี...

     

    เขาต้องรักษาภาพลักษณ์...

               

                “เดี๋ยวๆๆ ขอตั้งสติก่อน” เสียงของอิโนะดึงเธอให้กลับสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ซากุระมองเพื่อนที่ทำท่าจะสติแตกไปแล้วยิ้มๆ

     

    โอเวอร์แอคติ้งจริงๆ

     

    “เรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมจู่ๆแกถึงได้ไปจดทะเบียนสมรสกับเขาได้ เอ๊ะ ไม่สิ! ที่ฉันงงยิ่งกว่านั้นคือ อุจิวะ ซาสึเกะคนนี้เนี่ยนะจะยอมแต่งงานกับผู้หญิง ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถ้าเขาแต่งกับผู้ชายฉันจะไม่เถียงซักคำ”

     

                “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะย่ะ คุณซาสึเกะเค้าไม่ใช่เกย์ซักหน่อย และเค้าก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย” เธอแก้ต่างให้เขา แน่ล่ะว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะคิดแบบเดียวกับอิโนะ เพราะซาสึเกะที่นอกจากจะมีข่าวฉาวโฉ่เรื่องเกลียดผู้หญิงเข้าไส้แล้ว เขายังฮอตสุดๆในหมู่ชายรักร่วมเพศ เพราะมีใบหน้าที่สวยหวานเกินบุรุษ ร่างกายดูอ่อนแอบอบบางราวกับผู้หญิง จึงไม่แปลกที่คนในสังคมส่วนใหญ่จัดให้เขาอยู่ในพวกอนุรักษ์ไม้ป่าเดียวกัน

     

                แต่ปากคนว่านับร้อยหรือจะสู้สิ่งที่เธอเห็นมาแล้วกับตาตัวเอง...

     

    อุจิวะ ซาสึเกะ เป็นชายชาตรีอย่างแท้จริง...

    เรื่องนี้เธอขอเอาหัวเป็นประกัน!

     

                “หึๆๆ พูดแบบนี้แสดงว่าไปพิสูจน์มาแล้วล่ะสิ ใช่มั้ยยะ” อิโนะว่า ดวงตาสีหยกมีแววล้อเลียนจนเธอทำหน้าไม่ถูก หญิงสาวเสมองไปทางอื่น ใบหน้างามแดงก่ำเพราะในหัวกำลังคิดถึงกระบวนการการ พิสูจน์ที่อีกฝ่ายพูดถึง

     

                “กะ...ก็ไม่ได้พิสูจน์อะไรซักหน่อย ฉันก็แค่... พูดไปตามที่เห็น” เธอพยายามปฏิเสธ แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองซะมากกว่า เพราะทันทีที่ฟังจบ สายตาล้อเลียนของอิโนะก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่แสนเจ้าเล่ห์

     

                “เห็น? เห็นอะไร? นี่แกอย่าบอกนะว่า...”

     

                “มะ...ไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ!!!

     

                “งั้นปฏิเสธมาสิว่าแกกับเขาไม่ได้ไปจุดๆๆกันมาแล้ว”

     

                “อิโนะ!!!” ร่างบางตวาดเสียงดัง ใบหน้าร้อนผ่าวกับประโยคที่เพื่อนสาวพูด

     

                “โอ๊ย! ตายแล้วเพื่อนฉัน! แกนี่มันโชคดีสุดๆเลยรู้มั้ย? เป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถพิชิตราชาที่ขึ้นชื่อลือชาว่าปราบยากยิ่งกว่าม้าพยศได้ แถมราชาคนที่ว่ายังทั้งรวย ทั้งสวย... เอ้ย! หล่อเกินมนุษย์มนาอีก โอ๊ย! ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ”

     

                อิโนะพูดด้วยเสียงดี๊ด๊าเป็นพิเศษ ถึงปากจะบอกว่าอิจฉาแต่ดวงตาสีหยกคู่นั้นก็แสดงออกว่ายินดีกับเธอนัก หญิงสาวระบายยิ้มบาง... รู้สึกโล่งใจเหลือเกินที่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครซักคนฟัง พอคิดมาถึงตรงนี้เธอก็ต้องขอบคุณเขาที่ยอมอนุญาตให้เธอบอกอิโนะ แวบหนึ่งที่เธอคิดเข้าข้างตัวเอง...

     

    บางทีเขาอาจจะรู้ว่าเธอกำลังอึดอัดก็ได้ถึงยอมอนุญาต...

     

                “แล้วตกลงเป็นไงมาไงถึงได้มาจดทะเบียนสมรสกันได้ล่ะ” อิโนะถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “คงจะสายฟ้าแลบน่าดูเลยนะเพราะฉันว่าแกก็คงไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อน แต่ อ๊ะๆๆ อย่าบอกนะว่าไปป๊ะกันเหมือนในนิยายน่ะ อืม... ธนาคารอุจิวะเป็นเจ้าหนี้แกอยู่นี่ อย่าบอกนะว่าแกไม่มีเงินจะใช้หนี้เค้า เค้าก็เลยเอาตัวแกไปแลกเปลี่ยน” เพื่อนสาวพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่จริงจังจนเธอขำ ซากุระผลักศีรษะอีกฝ่ายออกไปก่อนจะพูด

     

                “หยุดมโนเพ้อเจ้อเถอะย่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าที่มาที่ไปฉันเล่าไม่ได้ ฉันบอกแกได้แค่นี้”

     

                “หึๆ คุณสามีห้ามไว้เหรอ”

     

                “งั้นแกถามเค้าเองเลยดีมั้ย? เดี๋ยวฉันจะต่อสายให้” เธอย้อน แอบสะใจเล็กๆที่เห็นใบหน้าสวยหวานของเพื่อนบูดบึ้งลงเหมือนคนอารมณ์เสีย

     

                “นี่แกคงอยากเห็นฉันถูกสามีของแกฆ่าตายด้วยคำพูดมากเลยสินะ” อิโนะว่า กิตติศัพท์ความโหดร้ายของราชาน่ะน้อยซะที่ไหน ถ้าไม่ใช่ คนพิเศษแล้วขืนไปคุยสุ่มสี่สุ่มห้า คงได้ถูกแรงกดดันจากราชาอัดจนบี้แบนพอดี

     

                “อ้าว ก็เห็นอยากรู้”

     

                “ก็ได้~ ก็ได้ย่ะแม่ภรรยาเจ้าของธนาคาร ฉันไม่ถามอะไรแกแล้วก็ได้” อิโนะยอมแพ้ในที่สุด “ว่าแต่แกเถอะ ตอนนั้นที่แกขอมาอยู่บ้านฉันน่ะ เพราะแกมีปัญหากับเค้าเหรอ”

     

                “อืม... มีปัญหากันนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว พอนึกถึงช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดตอนนั้นก็กลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่

     

                “ถ้ามีอะไรจะให้ช่วยแกก็บอกฉัน แกจะมาปรึกษาฉันบ้างก็ได้”

     

                “ขอบใจนะอิโนะ” เธอว่า ส่งคำขอบคุณผ่านสายตาและคำพูด อีกฝ่ายทำเพียงเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ก่อนจะพูด

     

                “ไม่ต้องมาทำซึ้ง! แกเสร็จราชาไปแล้วก็ดี ฉันก็ตัดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง คราวนี้ล่ะท่านประธานก็ต้องเสร็จฉันบ้าง!

     

                อิโนะพูดเสียงดัง และเธอก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆถ้าเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้เหมือนกับเธอ ใบหน้าเรียบสนิทติดจะเฉยชาของซาอิปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาที่มองไม่ออกว่าเจ้าของกำลังรู้สึกอะไรจดจ้องไปยังเพื่อนตัวแสบที่ยังคงพล่ามถึงแผนการดักจับท่านประธานสุดหล่อของเจ้าตัว

     

                “อะ...เอ่อ... เรา... เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีมั้ย?” เธอเอ่ยเตือนเสียงสั่น ส่งสัญญาณบอกเพื่อนสาวว่าอันตรายแน่ๆถ้าขืนยังพูดเรื่องเดิมต่อไป

     

                “ทำไม? รึว่าหวง? ไม่ได้นะยะ แกน่ะแต่งงานแต่งการไปแล้วห้ามมาลงแข่งแย่งชิงหัวใจท่านประธานกับฉันเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะฟ้องสามีของแกจริงๆด้วย”

     

                “ยะ...หยุดพูดเถอะอิโนะ ไม่งั้นแกชะตาขาดแน่”

     

                “ชะตาขาด...อะไร?” อิโนะพูดเสียงขาดห้วง เธอสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกประหลาดจากด้านหลัง

     

                “อิโนะ...”

     

                “!!!

     

                “พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน!

     

    .

    .

    .

     

                ซาอิลากตัวเพื่อนของเธอไปแล้ว...

                หญิงสาวคิดว่าทั้งสองคนคงจะไปหาที่เคลียร์กันเงียบๆ เธอได้แต่ภาวนาในใจขอให้ซาอิไม่ถือสาเอาเรื่องเอาราวกับเรื่องที่อิโนะพูดเล่นๆ เพราะเธอรู้ดีว่าถึงแม้อิโนะจะพูดชมนารูโตะหรือผู้ชายคนอื่นๆอย่างไร แต่ลึกๆแล้วก็มีชายเพียงคนเดียวที่ยึดครองพื้นในหัวใจไปหมด ยึดไปหมด...จนไม่เหลือที่ให้ใครตลอดสามปีที่ผ่านมา...

     

    แต่ก็ไม่รู้ว่าซาอิจะดูออกเหมือนเธอรึเปล่า เพราะผู้ชายบางคนก็ไม่ละเอียดพอ... เหมือนกับเขาคนนั้นนั่นล่ะ ต้องพูด ต้องบอกเท่านั้นถึงจะรู้เรื่อง เขาอาจจะเก่งกับเรื่องอื่นแต่เรื่องแบบนี้เขาก็เหมือนเด็กอนุบาล บางทีแสดงออกแต่การกระทำเขาก็ไม่เข้าใจและอาจจะแปลความหมายไปเป็นอย่างอื่น

     

    เธอไม่คิดว่าซาอิกับซาสึเกะจะเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ชาย... อาจจะ บื้อเหมือนกันก็ได้

     

    ความคิดของหญิงสาวสะดุดลงเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าที่ไม่ได้เห็นมาเกือบสัปดาห์ ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยประดับไปด้วยรอยยิ้มสำหรับโปรยเสน่ห์ให้พนักงานทั้งบริษัท บัดนี้กลับเศร้าหมองและเต็มไปด้วยความทุกข์ ขอบตาของเขาดำคล้ำราวกับอดนอนมาหลายคืน ดวงตานั้นเหม่อลอยราวกับคนไร้วิญญาณ...

     

                “สวัสดีค่ะท่านประธาน” เธอทักทายเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ ร่างสูงหันมองคนเรียกเหมือนเพิ่งได้สติ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ดูหม่นหมองเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนเรียกคือเธอ

     

    “ทะ... ท่านประธาน กลับมาทำงานแล้วเหรอคะ” ร่างบางถามเสียงตะกุกตะกัก ความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าตรงๆ

     

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับคุณซากุระ คุณ... สบายดีใช่มั้ย?” อีกฝ่ายตอบเสียงเบาหวิว เธอเงยหน้าขึ้นมองคนตอบ สัมผัสได้ถึงความห่างเหินราวกับมีกำแพงหนาๆมากั้น

     

                “ฉัน...สบายดีค่ะ แต่ท่าน...ดูโทรมๆนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้พักผ่อนเหรอคะ?”

     

                “ครับ พอดีว่าผมมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย”

     

                “อย่าทำงานให้มันหนักมากนักนะคะ” เธอว่าพร้อมกับยิ้ม นึกถึงใครคนหนึ่งที่ก็บ้างานไม่แพ้กัน “จะห่วงงานยังไงก็ห่วงตัวเองก่อน แต่ฉันก็ดีใจนะคะที่ท่านกลับมา ฉันคิดว่าท่าน...”

     

                “ผมยังเจ็บอยู่...” ร่างสูงพูดขัด ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลมองมาทางเธออย่างร้าวราน ความเจ็บปวด... ไหลซึมออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้น...

     

    “ผมเจ็บมาก... และก็คิดว่ามันต้องเจ็บมากกว่านี้”

     

                “...”

     

                “คุณอย่าเพิ่งมาคุยกับผมเลยครับ ถ้าให้ผมเห็นหน้าคุณต่อไป... ผมเกรงว่าตัวเองจะเผลอทำอะไรบ้าๆ” นารูโตะพูดจบก็หมุนตัวไปทางอื่น เมินเธอราวกับว่าเธอเป็นเพียงอากาศ...

     

    “ขอตัวก่อน”

     

                ซากุระมองร่างสูงที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ขอบตาของเธอร้อนผ่าว ในใจรู้สึกปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก... เขาคือคนที่เป็นดั่งแสงสว่างในชีวิตของเธอมาตลอด เขาคือผู้ชายในฝันที่เธอเฝ้ารอวันจะได้พบเจอ แต่เธอกลับทำร้ายเขาเองกับมือ...

     

    แค่เพราะเขาไม่ใช่...

    คนที่ใจปรารถนา...

     

                “อ้อ ผมลืมบอกอะไรไป” ร่างสูงว่า เขาหยุดยืนนิ่งห่างจากเธอค่อนข้างไกล แต่เธอก็ยังได้ยินเสียงของเขาชัดเจน เสียงนั้น....ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังกลั้นสะอื้น  

     

    งานแต่งงานของผม... จะจัดขึ้นสิ้นเดือนนี้... ผมฝากการ์ดเอาไว้ที่หัวหน้าแผนกของคุณแล้ว... หวังว่าคุณ... จะไปร่วมแสดงความยินดีกับผม...นะครับ”

     

                “!!!

     

                สิ้นเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวด ร่างสูงก็ออกเดินต่อ ทิ้งให้เธอยืนตะลึงงันกับคำบอกกล่าวของเจ้าตัว

     

    นารูโตะ... กำลังจะแต่งงาน!

     

                คล้อยหลังร่างบางเจ้าของเรือนผมสีดอกซากุระที่เขาเคยเอามือไปลูบอยู่บ่อยๆ คนตัวสูงก็แข้งขาอ่อนราวกับหมดแรง...

     

    เจ็บ... มันเจ็บจริงๆ...

     

                การได้เห็นเธออีกครั้งสร้างความเจ็บปวดให้เขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาคิดว่าตัวเองคงจะทำใจได้แล้ว คงจะลืมใบหน้าสวยหวานที่เคยส่งยิ้มให้ได้แล้ว แต่เปล่าเลย... เขาลืมไม่ได้เลยสักนิด เขายังทำใจไม่ได้... ยิ่งเมื่อรู้ว่าชาตินี้เขาไม่มีสิทธิ์จะแตะต้องเธออีก ใจเขาก็ยิ่งปวดร้าว... ถ้าแค่ตอนนี้ในหัวใจเธอไม่มีแม้แต่เงาของเขา เขายังพอจะครองโสดแล้วรอเธอต่อไปได้ รอวัน...ที่เธอจะหมดรักใครคนนั้นแล้วเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว...

     

    เขากำลังจะแต่งงาน...

     

                เขากำลังจะมีครอบครัว มีคนที่ต้องดูแล เขาไม่มีสิทธิ์แม้จะรอ... ไม่มีสิทธิ์แม้จะรัก... ไม่มีสิทธิ์...

     

    แม้จะแค่คิดถึง...

     

    .

    .

    .

     

                ภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานธนาคารอุจิวะที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ธนาคาร อุจิวะ ซาสึเกะ กำลังไล่สายตาอ่านรายชื่อของพนักงานบริษัทระดับสูงที่ถูกแบล็กลิสต์ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดียักยอกเงินของธนาคาร กับอีกสองรายชื่อ... ที่ถูกกาหัวว่าเป็นสปายที่เข้ามาแทรกซึมในธนาคารของเขา

     

                “คุณแน่ใจเหรอครับคุณซาสึเกะ ว่าจะให้ผมปล่อยให้พวกคนทรยศนั่นลอยนวล” เลขานอกสถานที่ผู้เปรียบดังมือขวาเอ่ยถาม สีหน้าและแววตาดูกังวลกับการตัดสินใจไม่ลงดาบคนทรยศของเจ้านายอยู่ไม่น้อย

     

                “ฉันไม่ได้บอกว่าจะปล่อยพวกมันไป เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจับตายต่างหาก” เสียงทรงอำนาจตอบ ดวงตาสีรัตติกาลแพรวพราวไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม

     

                “คุณ...หมายความว่ายังไงครับ?”

     

                “ฝ่ายศัตรูส่งสปายเข้ามาหาเราก็เพราะมันอยากได้ข้อมูลของเรา แต่ถ้าข้อมูลพวกนั้นมันเป็นข้อมูลที่ผิดล่ะ จะว่าไง?” ซาสึเกะว่า เรียวปากได้รูประบายยิ้มร้ายกาจแบบที่ใครเห็นก็ต้องขนลุก

     

                “หรือว่าคุณ...”

     

                “ฉันจะทำให้พวกมันแพ้ภัยตัวเอง”

     

                “แต่นั่นมันเสี่ยงนะครับคุณซาสึเกะ!” เลขาคนสนิทค้านแทบจะในทันที “ถึงคุณจะวางแผนลวงข้อมูลยังไงแต่คนที่เป็นสปายก็คือพนักงานระดับสูงของเรา คุณหลอกเขาไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ”

     

                “ฉันคือใคร?” ร่างสูงย้อนถาม ทั้งสีหน้าและแววตาดูหยิ่งผยองสมกับเป็นราชา

     

                “...”

     

                “คิดว่าคนอย่างฉันจะพลาดรึไง?”

     

                “แต่ว่า... เอ่อ...” จูโกะอ้ำอึ้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ปฏิเสธ แต่นั่นมันก็ก่อนที่เขาจะตามเจ้านายไปสัมปทาน เพราะการไปร่วมประมูลสัมปทานในครั้งนั้น มันทำให้ชื่อของราชาไร้พ่ายของซาสึเกะต้องมัวหมอง เพราะราชา...

     

    แพ้แล้ว..

     

                “นี่อย่าบอกนะว่านายยังสงสัยเรื่องสัมปทานที่โอกินาว่าน่ะ” คนเป็นนายเอ่ยถามราวกับรู้ใจ ดวงตาสีรัตติกาลหรี่มองลูกน้องอย่างจับผิด

     

                “ผมก็ไม่คิดหรอกครับว่าคุณจะพลาด แต่...”

     

                “นายนี่... เป็นมือขวาของฉันจริงๆรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยแกมดุ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

    “สิ้นปีนี้อเมริกาจะเปิดขายหุ้นหินน้ำมัน ฉันต้องการจะลงทุนกับตลาดหุ้นเปิดใหม่นั่น”

     

                “ลงทุนกับตลาดน้ำมัน?” จูโกะทวนประโยคงงงัน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆซาสึเกะถึงยกเรื่องการลงทุนขึ้นมาพูด แต่ถึงกระนั้นเลขาหนุ่มก็ยังคล้อยตามประเด็นใหม่ของเจ้านาย

     

    “ตอนนี้ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลายนี่ครับ ทำไมคุณถึงอยากจะลงทุนที่นั่น ผมคิดว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย นักธุรกิจหลายคนก็เทหุ้นขายหมดแล้ว โอเปกกำลังระส่ำระส่าย ราคาน้ำมันก็ตกฮวบ ผมเพิ่งเช็คเมื่อตอนบ่าย ไลต์สวีตครูดของตลาดนิวยอร์กเหลือราวๆสี่สิบห้าดอลลาร์ต่อบาร์เรลเองนะครับ ถ้าคุณยังฝืน...”

     

    “พอเลยจูโกะ” เขาสั่งพร้อมกับยกมือห้าม รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างประหลาดเมื่อถูกอัดข้อมูลซ้ำๆเดิมที่เขาเองก็เรียกว่ารู้จนเชี่ยวชาญ

     

    “นี่นายกำลังจะเทศนาฉันเรื่องตลาดน้ำมันรึไง? ที่ฉันกำลังพูดถึงคือหินน้ำมัน มันเป็นแหล่งเชื้อเพลิงแหล่งใหม่ที่มีมากในอเมริกา ว่ากันว่าอาจจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของโอเปก และมันจะแปลกอะไรถ้าฉันสนใจจะลงทุนกับธุรกิจที่น่าสนใจขนาดนี้”

     

    “หินน้ำมัน... เหรอครับ?”

     

    “ฉันคิดว่ามันจะไปได้สวย” ซาสึเกะพูดต่อ “ตอนนี้คนยังไม่สนใจเพราะเหมารวมว่ามันคือธุรกิจน้ำมันที่อยู่ในช่วงโอเวอร์ซัพพลายอย่างที่นายบอก แต่ฉันก็เคยย้ำแล้ว เวลาจะมองธุรกิจให้มองแบบก้าวกระโดด ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรภายในปีหรือสองปีข้างหน้าดีมานด์ของน้ำมันจะสูงขึ้น ถ้าถึงเวลานั้นแล้วราคาหุ้นคงจะสูงจนแตะไม่ลง แน่นอนว่ามันจะมาพร้อมกับกำไรมหาศาล”

     

    “เป็นแบบนั้นเองเหรอครับ ผมก็คิดว่าคุณ...เอ่อ... จะเล่นอะไรแผลงๆ” จูโกะพูดกึ่งเขิน รู้สึกผิดไม่น้อยที่เผลอสั่งสอนเจ้านายสุดเก่งที่ไม่เคยคำนวณพลาดของตน

     

    ถ้าไม่นับเรื่องนั้นน่ะนะ...

     

    “ฉันไม่เคยเล่นกับชะตากรรมของธนาคาร” ซาสึเกะพูดเสียงจริงจัง “และที่นายสงสัย เรื่องสัมปทานอะไรนั่นน่ะ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง เพราะฉันไม่ต้องการให้ฟุวะเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับการลงทุนครั้งนี้ ฉันถึงต้องล่อให้ดันโซทุ่มเงินไปกับการสัมปทานก่อน” 

     

    “ทุ่มเงิน? งั้นก็หมายความว่าที่คุณประมูลแพ้ เป็นเพราะคุณตั้งใจเหรอครับ!?!” จูโกะว่า เสียงนั้นดูตกใจปนทึ่งอยู่ไม่น้อย

    หมาย็

     

                “ใช่ การดึงเงินออกจากฟุวะคือสิ่งที่ฉันต้องทำก่อน นายก็รู้ ฟุเสะ ดันโซมักจะแสดงอำนาจว่าอยู่เหนือฉัน ขอแค่เอาชนะฉันได้ เจ้านั่นก็ไม่สนหรอกว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง

    แต่พูดก็พูดเถอะนะ เกาะเทย์โควที่ดันโซประมูลได้ไป ให้สองพันล้านฉันยังว่าแพง แต่ที่ผู้ให้สัมปทานอัพราคาขึ้นไปเป็นสองพันห้าร้อยล้านเป็นอย่างต่ำก็คงเพราะเห็นว่ารายชื่อคนร่วมประมูลมีชื่อของฉัน ดันโซ และก็เจ้านารูโตะ พอเห็นแบบนั้นพวกนักธุรกิจก็ไปรุมทึ้งเกาะนั่น พวกนั้นคงมองว่าที่ฉันเล็งมันก็เพราะมันต้องทำกำไรได้ แต่เปล่าเลย... ฉันเล็งมันเพราะมัน ทำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก”

     

    คำเฉลยจากปากคนเป็นนายทำเอาเลขาหนุ่มถึงกับขนลุก ทั้งชื่นชม... และนึกกลัวไปในที เขาไม่คิดว่าเบื้องหลังความพ่ายแพ้ของซาสึเกะ จะซ่อนชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ไว้ เพราะถึงแม้ลึกๆแล้วเขาจะเชื่อใจเจ้านายสุดเก่งของตัวเอง แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นที่ยังโจษจันกันจนถึงทุกวันนี้มันก็ทำให้เขากลัวว่าผู้เป็นนายจะสูญเสียการตัดสินใจที่เฉียบขาดไปแล้ว

     

    แต่ความจริงนั้นกลับตรงกันข้าม เพราะเจ้านายของเขา... ก็ยังคงเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บสารพัด ยังคงเป็นราชาไร้พ่ายที่ยากจะหาคู่ต่อกร  

     

    “คุณนี่... ร้ายกาจจริงๆ...” จูโกะชม... เป็นคำชมที่มาจากใจเลยทีเดียว

     

    “หึ! นายก็เลิกมองว่าฉันเป็นพวกอ่อนแอขี้แพ้พรรค์นั้นซักที ฉันไม่บ้าพอที่จะแพ้คนอย่างดันโซโดยไม่มีเหตุผลหรอก”

     

    “ก็ผมเห็นคุณ... ทำหน้าแปลกๆตอนออกมาจากห้องสัมปทานนี่ครับ แถมท่าทางคุณก็ดูหงุดหงิด ผมก็เลยคิดว่า...”

     

    “ที่ฉันหงุดหงิดก็เพราะล่อให้ดันโซควักเงินออกมาได้ไม่ตามเป้าต่างหาก จากที่ฉันคาดการณ์เจ้านั่นเตรียมเงินมาอย่างต่ำๆก็สี่พันห้าร้อยล้าน แต่ฉันให้มันจ่ายมาได้แค่สี่พันสองร้อยล้าน นั่นล่ะที่ทำให้ฉันหัวเสีย”

     

    ซาสึเกะตอบ... และเขาก็ตอบความจริงเพียงครึ่งเดียว เขาหงุดหงิดที่ล่อให้ดันโซทุ่มเงินออกมาไม่ได้ตามเป้านั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ทำให้หงุดหงิดจนเกือบจะบ้าก็คือการเห็นของรักของหวงถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ต่างหาก

    นั่นล่ะเหตุผลหลัก!

     

    จูโกะมองเจ้านายปากแข็งของตัวเองพร้อมยิ้มขำ ดูก็รู้ว่าตอนนั้นที่โกรธจนจะแยกเขี้ยวได้น่ะเป็นเพราะอะไร? และ...เพราะใคร?

     

    “แต่ฉันก็ยังมีเรื่องสงสัย” ร่างสูงเปิดประเด็นใหม่เมื่อเห็นสายตาจับผิดของลูกน้อง “กับดันโซน่ะฉันรู้ว่าเจ้านั่นไปสัมปทานตามฉัน แต่กับเจ้านารูโตะน่ะสิ... มันจะไปทำบ้าอะไร ฉันว่ามันคงไม่ได้โง่จนมองไม่ออกหรอกว่าทำเลเกาะนั่นมันห่วยแค่ไหน”

     

    “เอ่อ... สำหรับกรณีนี้ผมขอแสดงความคิดเห็นได้มั้ยครับ?” เลขาหนุ่มแย้งขึ้นมาเสียงอ่อย เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต คนขอแสดงความคิดเห็นก็พูดต่อ

     

    “ผมว่าคุณนารูโตะ คงจะพาผู้หญิงไปเดทน่ะครับ”

     

    “หมายความว่ายังไง!” แค่ฟังประโยคแรก คนเป็นนายก็สวนขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเล่นเอาคนพูดถอยร่นไปยืนเสียชิดประตู

     

    “ผม...ขอแสดงความเห็นอีกนิดนึงนะครับ” จูโกะพูดพร้อมยิ้มแหย มือจับที่จับประตูไว้มั่น ด้วยคิดว่าถ้าเผื่อพูดอะไรไม่เข้าหูเจ้านาย จะได้หลบหนีได้ทันท่วงที

     

    “คุณนารูโตะไม่ได้สนใจงานสัมปทานเลย เขายอมทิ้งงานไปตอนที่เห็นซากุระ... เอ้อ... ภรรยาของคุณล้มลงไปไม่ใช่หรือครับ กับคนที่จริงจังกับงานแบบนั้น ผมว่าที่ยอมทิ้งงานสำคัญไปก็มีอยู่เหตุผลเดียว นั่นก็คือไม่ได้ตั้งใจจะมาตั้งแต่แรก เพราะถ้าตั้งใจจริงๆ คุณนารูโตะคงไม่พาซากุระ... เอ้ย!... ภรรยาของคุณไปด้วยหรอกครับ”

     

    ซาสึเกะคิ้วกระตุก... ชักไม่มั่นใจว่าลูกน้องพูดผิดเองหรือว่าตั้งใจจะยั่วโมโหเขากันแน่ ดวงตาคมกริบตวัดมองคนที่ยืนปั้นหน้ายิ้มแป้นก่อนจะถอนหายใจยาว เขายอมรับว่าที่จูโกะพูดมานั้นเป็นข้อสันนิษฐานที่เข้าท่า...

     

    แต่มันก็ทำให้เขาเดือดแทบบ้าเหมือนกัน!

     

                “หึๆ คุณไม่ต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นหรอกครับคุณซาสึเกะ เพราะตอนนี้...ศัตรูหัวใจของคุณเขากำลังจะแต่งงาน” เลขาคนสนิทพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์รู้ทัน แต่คนฟังคงไม่มีอารมณ์มานั่งจับผิดเสียงของลูกน้อง หูของเขาสะดุดตรงคำสุดท้ายของประโยค...

     

                “แต่งงาน? ใคร?”

     

                “ก็คุณนารูโตะไงครับ” จูโกะตอบ “เมื่อเช้าคนจากอุซึมากิเพิ่งเอาการ์ดเชิญงานแต่งมาแจก ผมจำได้ว่าผมเอามาให้คุณแล้วพร้อมกับเอกสารของฝ่ายบุคคล”

     

                !!!

     

    และทันทีที่ฟังคำบอกเล่าของอีกฝ่าย ร่างสูงก็จัดการรื้อกองเอกสารที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ใช้เวลาเพียงไม่นานการ์ดแต่งงานสีครีมที่มีริบบิ้นสีทองประดับเพิ่มความหรูหราก็มาอยู่ในมือ ด้านหน้าการ์ดมีตัวอักษรย่อ N H สีทองเขียนไว้ ซาสึเกะพลิกดูเนื้อหาข้างใน...

     

    “และคนที่คุณนารูโตะจะแต่งงานด้วยก็เป็นคนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาดี...”

     

    เสียงของจูโกะดังกระทบโสตประสาท แต่เขาไม่ได้สนใจจะฟัง ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องเพียงชื่อของบ่าวสาวที่ปรากฏหราอยู่บนการ์ด

     

    “ฮิวงะ... ฮินาตะ...”

     

     

     

    หายหัวไปวันนึงอีกแล้ว 555 ขอโทษฮัฟ>< พอดีว่าช่วงนี้เพลินๆไปกันการอ่านนิยายของคนอื่นอยู่ ถ้าเรียกพฤติกรรมแบบนี้เป็นภาษาบ้านๆก็ อู้งานอ่ะจ้ะ อันนี้ยอมรับแบบไม่ขอเถียง อิอิ

    ตอนนี้แลดูวิชาการนิดนึง แต่ขอดอกจันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติที่ไม่เกี๊ยวไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์อะไรเลย และ โอเวอร์ซัพพลาย = อุปทานล้นตลาด ประมาณว่าคนขายขายกันเยอะแต่ไม่มีคนซื้อ ราคาของที่ถูกเทขายก็จะต่ำลงเหมือนที่จูโกะมันบอกว่าราคาน้ำมันต่ำและไม่น่าไปลงทุน เอ่อ... จริงๆไรท์ไม่ได้มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์มาก ที่แต่งๆมานี่ถ้าพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ ก็ดันแต่งให้พระเอกทำงานแบบนี้เอง ฮรือ T^T

    สำหรับตอนนี้เฮียสงสารนารูโตะมากกก และสงสารฮินาตะไปเป็นทอดๆ สักพักนึงก็จะสงสารอิโนะต่อ สภาพของนางเอกตอนนี้หนูกุคงจะดูดีกว่าเขา... ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นล่ะ (สปอยล์><) ตอนหน้าเป็นฉากงานแต่ง... มีดราม่าใส่น้ำตาลมาเสิร์ฟจ้ะ ดราม่าคงไม่ต้องถามว่าสำหรับใคร ส่วนน้ำตาลนี่ของแท้แน่นอนว่าต้องเป็นคู่นั้น เพราะช่วงนี้สวีทกันเกิ๊น><

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×