ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #30 : CHAPTER 25 : ทฤษฎีลูกเป็ด (SWEET!)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.15K
      180
      23 ม.ค. 58

    บทที่ 25  ทฤษฎีลูกเป็ด (SWEET!)

     

     

                “ขอโทษที่มารับช้า”

     

    “...”

     

    กลับบ้าน กันเถอะนะ...”

     

    คำบอกกล่าวเพียงไม่กี่คำ...

    เปรียบประหนึ่งถ้อยคำปลอบโยนนับร้อย...

     

                หญิงสาวซบตัวลงบนแผ่นอกกว้าง ไม่มีท่าทีดึงดันขัดขืน... ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมๆกับความเจ็บปวดในใจ

     

     

    ความรักนั้นตลก

     

                มันเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน ไม่เลือกชนชั้น ไม่แบ่งแยก...

    หัวใจ...มักไม่ฟังเหตุผล มันอยากจะไปอยู่ที่ใคร มันก็ไป... มันไม่ได้คิดว่าความรักนั้นจะเป็นไปได้หรือเปล่า บางทีมันก็ดูโง่งม... เหมือนกับเธอที่หลงรักเขา ผู้เป็นดั่งภาพมายาที่ไม่อาจแตะต้อง เป็นราชาที่สูงศักดิ์ สูงส่งเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะเอื้อมถึง... แต่เพราะ รักไปแล้วจึงยากจะถอนตัว และเมื่อความรักกับความจริงสวนทางกัน สิ่งที่ได้กลับมาจึงมีแต่ความเจ็บปวด มัน...ค่อยๆบาดลึกทีละน้อย กัดกร่อนหัวใจให้อ่อนแอลง กว่าจะรู้ตัวอีกที...ก็เหมือนตายทั้งเป็น

     

                ความรู้สึกขมขื่นในใจถูกปล่อยออกมาผ่านหยดน้ำตามากมายที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด ซากุระไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่ร่างสูงอุ้มเธอไปที่รถ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จับมือเธอไว้ โอบกอดเธอ... ปลอบโยนเธอด้วยคำพูดที่ไร้เสียง ก่อนจะกล่อมให้เธอหลับด้วยสัมผัสอันแผ่วเบาที่ริมฝีปาก...

     

    ราตรีสวัสดิ์

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ท่วงทำนองอันไพเราะดังมาจากที่ไหนซักที่...

    มันเหมือน...ท่วงทำนองแห่งสวรรค์

     

                เสียงไวโอลินบรรเลงเป็นเพลงช้าๆจากที่ไหนสักแห่ง ปลุกให้ร่างบางที่นอนสลบไสลอยู่ได้สติ แพขนตาหนากระพริบถี่ๆสู้แสงจากโคมไฟระย้าที่ทอแสงสีส้มอ่อน ภาพเพดานสีขาวสะอาดปรากฏแก่สายตาเป็นภาพแรก ซากุระมองมันก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอนึกออกว่าเคยเห็นมันที่ไหน

     

    เพดานสีขาว...

    โคมไฟระย้ากลางบ้าน...

    ห้องนอนที่ไร้ผนัง...

     

    ห้องนอนของซาสึเกะ!

     

                หญิงสาวสปริงตัวลุกขึ้นจากที่นอนแทบไม่ทัน และคำตอบที่เธอเพิ่งคิดได้ก็ได้รับการยืนยันทันที เมื่อดวงตาคู่สวยกวาดตามองไปรอบๆแล้วพบว่าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับทุกอย่างล้วนอยู่ในโทนสีดำแสนหม่นหมองอันเป็นสไตล์เฉพาะของเจ้าของห้อง นาฬิกาปลุกที่เธอจำได้ว่าเคยแอบไปปิด บอกเวลาห้าทุ่มเศษ

     

    ซากุระก้าวลงจากเตียงตามสัญชาตญาณ เจ้าของเตียงคงได้ฆ่าล้างบางเธอแน่ๆหากเขารู้ว่าเธอยึดเตียงของเขาใช้เป็นที่นอน แค่คิดขนในกายก็พากันลุกชัน ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆด้วยกลัวว่าเขาอาจจะโผล่มาจากมุมไหนสักมุมแล้วลากคอเธอไปขังห้องน้ำเหมือนอย่างที่เคยทำ แต่จนแล้วจนรอดก็ไร้ซึ่งวี่แววของเขา ร่างบางฉุกคิด...

     

    เธอมานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

     

    หญิงสาวพยายามนึก... เธอจำได้ว่าซาสึเกะไปหาเธอที่ผับ หลังจากนั้นเธอกับเขาก็ทะเลาะกันรุนแรง แต่สุดท้ายมันก็จบลงที่...

     

    จูบ...

     

    คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้านวลก็ร้อนผ่าวราวกับว่ากำลังมันจะเดือดระเหยไปกับอากาศ ร่างบางยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากเบาๆ

     

    สัมผัสของเขา...

    ยังคงติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปาก...

     

    “คิดถึงมากเลย...รู้มั้ย?”

     

    คำพูดของเขายังคงก้องในหัว...

    ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝัน...

    ความฝัน...ที่เธอไม่อยากจะตื่น...

     

                เสียงไวโอลินที่ยังคงบรรเลงเพลงต่อไป จากบทเพลงที่หวานซึ้งกลับแปรเปลี่ยนเป็นเพลงแสนเศร้าและบาดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ ซากุระตื่นจากภวังค์ เธอตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงนั้นและคิดว่ามันน่าจะดังมาจากชั้นดาดฟ้า... สถานที่ที่ซาสึเกะเรียกว่า เรือนกระจก

     

                เธอลังเล... ถ้าเป็นที่เรือนกระจกก็มีแต่ตัวเจ้าของบ้านเท่านั้นล่ะที่อยู่ มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์... ซาสึเกะไม่เคยให้ใครขึ้นไปยุ่มย่ามที่นั่น หวงยิ่งกว่าที่ใดๆในบ้าน เขาโกรธแน่ถ้าเธอขึ้นไป... หากแต่ทั้งเสียงเพลง ทั้งความรู้สึกที่ยังคั่งค้างมันก็ยั่วยวนใจเธอเหลือเกิน

     

                สุดท้ายเธอก็ไม่อาจหักห้ามความต้องการในใจได้ ร่างเล็กบางเปิดประตูกระจกออกไปที่ระเบียง สายลมอ่อนๆพัดเข้ามาปะทะที่ใบหน้า ดวงตาสีมรกตมองภาพตรงหน้าอย่างทึ่งจัด คฤหาสน์ทรงโบราณตั้งตระหง่านท้าทายความมืด เป็นครั้งแรกที่เธอมองเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของคฤหาสน์จากมุมสูง มันสวยงาม...และดูแข็งแกร่งไม่แพ้ตัวเจ้าของเลยสักนิด

     

    ซากุระละสายตาจากภาพคฤหาสน์หลังงาม เธอลังเลอีกครั้งเมื่อเธอเห็นบันไดวนสีขาวที่เชื่อมระหว่างระเบียงกับชั้นดาดฟ้าอยู่ในครรลองสายตา หญิงสาวกลั้นใจก้าวขาขึ้นบันไดไป

     

    เขาอาจจะโกรธ...

    แต่คงต้องเสี่ยง...

     

                เสียงไวโอลินดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เป็นหลักฐานยืนยันว่าเธอมาถูกทาง หัวใจดวงน้อยเต้นรัวตึกตัก ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว แต่ก็อยากรู้อยากเห็น เธออยากรู้ว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะเป็นที่แบบไหน...

     

                และเพียงแค่ก้าวแรกที่เท้าสัมผัสพื้นอิฐเย็นเยียบของชั้นดาดฟ้า ซากุระได้รับคำตอบ... เป็นคำตอบที่มาพร้อมกับความรู้สึกทึ่งเกินบรรยาย เรือนกระจกสถานที่สุดหวงของเขา... ในความคิดของเธอมันคือ สวรรค์ที่ถูกรังสรรค์จากราชาผู้ได้ชื่อว่ามาจาก นรก

     

    ชั้นดาดฟ้าที่เธอเคยมองจากข้างล่างและลงความเห็นว่ามันแสนจะไม่เข้ากันกับบ้านสไตล์ยุโรปของเขาเลยสักนิด กลับกลายเป็นสถานที่ที่งดงามราวกับสรวงสวรรค์  ทั่วทั้งชั้นถูกปรับแต่งให้เป็นสถานที่พักผ่อน มีสระว่ายน้ำขนาดเล็กกับสวนสวยๆถูกจัดแต่งไว้ได้อย่างลงตัว แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอมากที่สุดก็คือเรือนกระจกทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งตระหง่านโดดเด่น  แสงไฟที่ส่องสว่างทำให้เธอเห็นร่างสูงสง่ากำลังบรรเลงเพลงแสนเศร้าได้ชัดเจน ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวรับกับจังหวะของเพลง อ่อนโอน...พลิ้วไหว...บางครั้งก็แสนจะดุดัน...

     

    งดงาม...

     

                เป็นคำเดียวที่เธอบรรยายได้... หญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาราวกับคนกำลังละเมอ เธอถูกเสียงเพลงนั้นล่อลวงเข้าอย่างจัง ร่างเล็กเอื้อมมือเปิดประตูกระจกก่อนจะก้าวเดินช้าๆเข้าไปหา เขาเขาที่บัดนี้ช่างดูเหมือนเทพบุตรเหลือเกิน... เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ราวกับทูตสวรรค์...ที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่ในสวนเอเดนของพระเจ้า...

     

    มันสวย สวยจริงๆ...

     

    .

    .

    .

     

     

    เสียงเพลงเงียบไปแล้ว...

    แต่เธอยังคงอยู่ในมนตร์สะกด...

     

                “เรเควียม ฟอร์ อะ ดรีม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากทิ้งให้บรรยากาศเงียบไปพักหนึ่ง “ดังมากสมัยที่ฉันยังเรียนอยู่อเมริกา เป็นซาวด์แทร็กประกอบภาพยนตร์ที่นักไวโอลินแทบทุกคนต้องเล่นเป็น” ร่างสูงพูดต่อ เขาไม่ได้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ แต่มองเธอผ่านเงาของที่ทอดในกระจก

               

                “เพลงจะสมบูรณ์มากกว่านี้ถ้าบรรเลงคู่กับเปียโน ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวก็เลยทำไม่ได้ แต่ถ้าเธออยากฟังวันหลังฉันจะเรียกซาโซริมาเล่นเปียโนให้ หมอนั่นเก่งเปียโนมากกว่าฉัน...”

     

                เขาหยุดเว้นวรรคไป ก่อนจะหันใบหน้าคมคายมาเผชิญหน้ากับเธอ ริมฝีปากหยักบางยกยิ้มกึ่งภาคภูมิกึ่งหยิ่งผยอง

     

                “แต่ถ้าเป็นไวโอลิน... ฉันคือที่หนึ่ง”

     

                ซาสึเกะไม่ได้คุยโอ่เกินความเป็นจริงเลย เพราะเขาเพิ่งพิสูจน์ประโยคนั้นให้เธอฟังไปเมื่อครู่ เสียงไวโอลินของเขาไพเราะ... ล้ำลึก... และเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย... ความสามารถทางด้านไวโอลินของเขาโดดเด่นจนอาจเรียกว่าอยู่ในระดับนักไวโอลินมืออาชีพ เป็นความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับตัวตนของชายผู้ที่มักจะฉาบใบหน้าของตนด้วยความเย็นชา เธอเพิ่งจะรู้...

     

    เขาชอบดนตรี...

     

                “เธอขึ้นมาที่นี่ทำไม”

     

                คำถามของเขาทำให้เธอตื่นจากมนตร์สะกด

     

                “ขะ...ขอโทษค่ะ ฉะ...ฉัน ฉันจะรีบลงไป” หญิงสาวละล่ำละลักตอบ เตรียมจะหมุนตัวกลับไปทว่าเสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

     

                “ไม่ต้อง” เขาห้าม เก็บไวโอลินใส่กล่องก่อนจะนั่งลงบนโซฟาสำหรับหนึ่งคนนอนที่ตั้งอยู่กลางเรือนกระจก

     

    “เธอมานั่งนี่สิ”

     

                “คะ...คะ?”

     

                “ฉันบอกให้มานั่งนี่” คนตัวสูงพูดก่อนจะใช้มือตบๆตรงที่ว่างข้างตัว “นั่งตรงนี้”

     

                สายตาคมกล้าประดุจพญาเหยี่ยวของเขายังคงสร้างความหวาดหวั่นให้เธอได้เสมอ หญิงสาวเดินตัวเกร็งเข้าไปหาคนที่ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย ฝ่ายคนเรียกเองพอเห็นเจ้าลูกแมวตัวน้อยเดินตัวลีบเข้าไปใกล้เหมือนกำลังกลัวก็รู้สึกตะหงิดๆในใจ เมื่อร่างแบบบางเดินเข้ามาใกล้พอระยะที่มือเอื้อมถึง เขาก็ไม่รอช้าตวัดเอวคอดกิ่วเข้ามาหา

     

                “ว้าย!!!” เธอร้องเสียงหลงก่อนที่ตัวจะเซถลามานั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนตักของเขา ซาสึเกะล็อกตัวเธอแน่นด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งที่ตวัดโอบรอบเอวบาง

     

    เธอแทบลืมหายใจ!

     

    “คะ...คุณ...ซะ ซา...” สั่นไปหมดแล้วเสียง อยากจะเอ่ยทักท้วงเขาเหลือเกินแต่ปากไม่ยอมขยับ!

     

                “จะกลัวอะไรนักหนา ฉันไม่ขย้ำคอเธอหรอก” เขาพูดเสียงขุ่นเขียว ซากุระค้านในใจอย่างแรง...

     

    ก็ ขย้ำจนเละไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึไง?

     

    “คิดถึง”

     

                “!!!

     

    ประโยคของเขาทำให้หัวใจของเธออุ่นวาบราวกับต้องแสงตะวัน...

     

                “คิดถึงมาก...” ร่างสูงย้ำชัดคำว่า คิดถึงด้วยการกอดรัดร่างบางเสียแน่นจนแผ่นหลังนวลเนียนแนบกับแผ่นอกแข็งแกร่ง ซากุระแทบจะละลายไปกับอ้อมกอดที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของเขา

     

                “อย่าหนีไปไหนอีกนะ ไม่ให้ไปแล้ว...”

     

                “ฉัน... ไม่ได้อยากไปค่ะ แต่คุณ...”

     

                “อย่างอน” เขาพูดขัด

     

    “ฉันง้อใครไม่เป็น”

     

    คำสั่งกลายๆที่พ่วงท้ายด้วยเหตุผลทำให้ร่างบางเผลอยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะจืดจางลงเมื่อเกิดคำถามหนึ่งขึ้นในใจ

     

    เธอ... มีสิทธิ์กอดเขาแบบนี้หรือ?

     

                “คุณแน่ใจเหรอคะคุณซาสึเกะ ว่าจะให้ฉันอยู่ที่นี่” เธอถาม ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำ “คุณเกลียดฉัน... คุณเกลียดฉันมาก ผู้หญิงกลางคืนที่ทำได้แม้กระทั่งขายลูกตัวเองกิน ผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีที่คุณแสนเกลียด คุณ...”

     

                “ขอโทษ” เขาพูดเสียงแผ่ว เสียงนั้นเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิด

     

                “ขอโทษที่เข้าใจผิด ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถึงจะใช่ ตอนนี้ฉันก็คงถอนตัวไม่ทันแล้ว...”

     

    ถอนตัวไม่ทัน?

     

    “เธอเป็นแม่มดรึเปล่า ซากุระ? เธอเสกมนตร์อะไรใส่ฉัน ทำไมถึงทำให้ฉันหลงได้ขนาดนี้...”

     

    !!!

     

    “ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นใคร หรือเธอจะผ่านใครมาบ้าง ถ้าเธอกลับมาหาฉันแล้ว ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปอีก ฉันอาจจะเป็นคนแรกไม่ได้... แต่ฉันจะเป็นคนสุดท้าย”

     

    “คุณเดาผิดนะคะคุณซาสึเกะ” เธอพูดขัด ก่อนจะเอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดของเขา “คนแรกของฉันก็คือคุณ...”

     

    !!!

     

    “คุณที่เป็นทั้งคนแรก และคนเดียว...อื๊อ...”

     

                ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี คำพูดที่เหลือก็เป็นอันต้องถูกเก็บเข้ากรุ เมื่อริมฝีปากอุ่นบางของเขาทาบทับบนเรียวปากสีอมชมพูของเธอ ซาสึเกะใช้มือข้างหนึ่งรั้งตัวเธอไว้และใช้อีกข้างประคองศีรษะของเธอ และเธอก็ขอบคุณเขาเหลือเกินที่ทำแบบนั้น หญิงสาวมั่นใจว่าถ้าเขาไม่คอยพยุงตัวเธอไว้ เธอคงได้ร่วงจากตักเขาแล้วไปนั่งกองบนพื้นแน่ๆ

     

                หลังจากลิ้มชิมรสจนคนถูกชิมแทบขาดใจ คนตัวสูงก็ผละริมฝีปากออก ดวงตาสีรัตติกาลยังคงมองเธอหวานเชื่อม ความรู้สึกปริ่มเปรมไหลซึมออกมาจากดวงตาคู่นั้น...

     

                “ขอบคุณที่รอฉัน ขอบคุณ...ที่ให้ฉันเป็นเจ้าของเธอแค่คนเดียว” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด เขาก้มลงหอมแก้มเธอไปอีกฟอด ก่อนจะกระซิบบางอย่าง

     

    “เรื่องคืนนั้น... ฉันขอโทษ... ฉันรู้ว่าเธอไม่เต็มใจ เธอไม่ไหว แต่ฉันก็ยังดันทุรัง เธอ...ไม่เจ็บมากใช่มั้ย?”

     

    หญิงสาวนิ่งไปพักหนึ่ง ในหัวกำลังแปลความหมายจากประโยคคำถามของเขา...

     

    เจ็บ?

     

                และเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ซากุระก็ต้องลมแทบจับ ความรู้สึกปวดร้าวที่ทิ้งร่องรอยไว้จางๆไหลปราดขึ้นมาทันทีเมื่อเธอเข้าใจว่า เจ็บในคำถามของเขาหมายถึงอะไร

     

                “มะ...ไม่มีใครเค้าถามเรื่องแบบนี้กันหรอกค่ะ!!!” เธอว่าเสียงสั่น

     

    ทั้งภาพ ทั้งความรู้สึกยังคงตราตรึงในความทรงจำ...

     

                “ทำไม?” เขาย้อนถาม ตีสีหน้าไร้เดียงสาประหนึ่งเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ทว่านัยน์ตาคมกลับฉายแววดุร้ายราวกับพญาราชสีห์ยามจ้องมองเหยื่อ

     

    “ฉันเคยได้ยินมา ครั้งแรกของผู้หญิงมักจะเจ็บ และฉันก็ไม่ได้ถนอมเธอเลย เธอคงจะเจ็บมากสินะ ก็เล่นร้องออกมาซะขนาดนั้น” คนพูดพูดทั้งที่ยังกลั้นขำ แต่คนฟังกลับหน้าร้อนฉ่า รู้สึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เหลือเกิน!

     

    “แต่พูดก็พูดเถอะ ฉันชอบฟังเสียงของเธอนะ เพราะมาก... โดยเฉพาะตอนที่เธอเรียกชื่อฉัน

     

    “คุณซาสึเกะ!!!

     

                ซากุระตวาดเสียงดัง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ รู้สึกก้ำกึ่งระหว่างโกรธกับอาย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย! และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวท่าทางเจ้าเล่ห์แสนกลเหมือนหมาป่าจ้องจะขย้ำเหยื่อของเขาหรือว่าอายที่เขายกเรื่องนั้นขึ้นมาพูดกันแน่ที่ทำให้เธอรู้สึกอยากอยู่ห่างจากเขาเหลือเกิน หญิงสาวพยายามแกะมือปลาหมึกของเขาที่ตวัดรอบเอวเธอออก สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเธอว่าขืนเธอยังนั่งอยู่บนตักของเขาแบบนี้ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามันต้องเกิด อะไรๆที่ไม่คาดฝันขึ้นแน่ๆ

     

                “เสียงเธอหวานกว่านี้ เพราะกว่านี้นะ” คนตัวโตยังไม่เลิกรา แทบจะกลั้นขำไม่อยู่เมื่อคนในอ้อมกอดพยายามจะแงะมือเขาออกจากเอวของเจ้าตัว แน่ล่ะว่าเขาไม่ยอมปล่อย เนื้อตัวนุ่มนิ่ม หอมกรุ่นแบบนี้...

     

    ใครมันจะยอมปล่อยให้หลุดมือ!

     

                หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งแล้วไม่เป็นผล สุดท้ายร่างบางก็ยกธงยอมแพ้ เธอปล่อยให้คนตัวสูงโอบกอดเธอต่อไป...

     

    จะทำอะไรก็ช่างเขาเถอะ!

     

    เธอค้อนในใจเงียบๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังมีความสุข... รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เธอรู้... หากอยู่ในอ้อมกอดของเขา ก็ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอได้ ยกเว้นก็แต่... ตัวเจ้าของอ้อมกอดเองนั่นแหละ

     

                “คุณซาสึเกะคะ” เสียงหวานเรียกชื่อเขาเบาๆ ซาสึเกะซุกซบใบหน้าของตนที่ไหล่มน เงี่ยหูฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด

     

    “ความเกลียดชังของคุณ... มันหายไปแล้วจริงๆน่ะเหรอ?”

     

    “...”

     

    “คุณ... ไม่เกลียดฉันแล้วเหรอคะ?”

     

                “ทำไมเธอถึงถามแบบนั้น” เขาย้อนถาม

     

                “ก็มัน... เหมือนความฝันมากเกินไป ฉันกลัวว่าคุณจะหลอกฉัน กลัวว่า...ที่คุณกำลังทำอยู่มันจะเป็นแค่ภาพลวงตา ถ้าให้ฉันต้องตัดใจจากคุณอีก... ฉันคงจะทนไม่ไหว” น้ำเสียงของเธอดูเศร้า เศร้าเสียจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะยกมือลูบศีรษะเธอเบาๆ เปรียบเสมือนคำปลอบที่ไม่ต้องอาศัยคำพูดใดๆ

     

    ร่างสูงระบายยิ้มอ่อนโยน... 

     

                “ฉันบอกไปแล้วไงว่าตัดใจไม่ได้ก็ไม่ต้องตัด และที่สำคัญฉันไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นแน่”

     

                “ก็ฉัน...”

     

    “เธอเคยได้ยินการทดลองเกี่ยวกับลูกห่านรึเปล่า?” ซาสึเกะถาม เขาไม่รอให้เธอพูดจนจบประโยค มิหนำซ้ำคำถามของเขายังเบี่ยงประเด็นไปเสียไกล ร่างบางนิ่งเงียบ... เธอไม่ได้ตอบ ด้วยรู้ดีว่ามันคงไม่ใช่ประโยคคำถามธรรมดาๆ

     

    “คอนราด ลอเรนซ์* เคยทดลองฟักไข่ของห่าน...” ร่างสูงพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบชวนฟัง “เขาค้นพบว่าลูกห่านแรกเกิดจะเดินตามวัตถุซึ่งเคลื่อนที่ได้และมันได้เห็นเป็นสิ่งแรกเท่านั้น ลอเรนซ์เรียกพฤติกรรมนี้ว่าการฝังใจ... แต่ฉันไม่ชอบห่าน ฉันก็เลยเรียกมันว่า ทฤษฎีลูกเป็ด ลูกเป็ดเองก็มีพฤติกรรมฝังใจแบบนี้เหมือนกัน...”

     

    เขาหยุดเว้นวรรคราวกับต้องการให้เธอซึมซับประโยคที่เขาเพิ่งพูดไป ซากุระนิ่งงัน... ภาพลูกเป็ดตัวน้อยลอยเข้ามาในหัว...

     

    ซาสึเกะหัวเราะเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดชักจะซื่อเกินไปเสียแล้ว ดูแววตาที่เลื่อนลอยของเธอก็พอจะเดาได้ว่าแม่คุณคงกำลังจินตนาการไปไกลแสนไกล เขายิ้มอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะดึงเธอให้ออกจากภวังค์ล้ำลึกด้วยการจุมพิตเบาๆที่พวงแก้มใส มันได้ผลชะงักเมื่อคนถูกขโมยจูบสะดุ้งได้สติก่อนจะหันใบหน้าสีระเรื่อมองเขาอย่างตำหนิ

     

    “แต่ลูกเป็ดตัวนี้ไม่ได้ฝังใจวัตถุเคลื่อนที่ได้อย่างในการทดลอง” ร่างสูงไม่สนใจสายตาข่มขู่ที่ดูยังไงก็ไม่น่ากลัว เขาพูดต่อด้วยเสียงเจ้าเล่ห์

     

    “มันฝังใจในอ้อมกอด... อ้อมกอดที่อุ่นที่สุด... ที่ใครคนหนึ่งเคยมอบให้ในวันที่มันกำลังหนาวจนตัวสั่น”

     

                “!!!

     

                “อ้อมกอดของเธอมันอุ่น อุ่นมากจนฉันไม่อยากให้ใครได้มันไป... ฉันอยากให้เธอกอดฉันคนเดียว อยากให้รักฉันคนเดียว...” น้ำเสียงนั้นฟังดูแสนเอาแต่ใจ แต่กลับทำให้หัวใจของเธอพองโตราวกับถูกสารภาพรัก ซาสึเกะฉวยโอกาสฉกชิงกลิ่นหอมกรุ่นจากพวงแก้มสุกปลั่งที่กำลังแดงเรื่อก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ

     

    “มันเป็นความรู้สึกที่มีมาตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอนอนกอดฉัน... จู่ๆฉันก็คิดถึงเธอ หวงเธอ ฉันหึงมากๆเวลาที่เธออยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น เธอทำฉันคลั่งแทบบ้า แต่ฉันก็แสดงออกมาไม่ได้...ฉันเกลียดตัวเอง... เกลียดตัวเองที่รักเธอที่ฉันเกลียดแสนเกลียด และเกลียด...ที่ฉันทำอะไรกับความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เลย” ถึงปากจะบอกว่าเกลียดหากแต่น้ำเสียงของเขากลับแสดงออกว่ากำลังยินดี

     

    บางทีมันคงจะถึงเวลา...

    ที่บัลลังก์ของราชา...

    ควรจะมีราชินีอยู่เคียงข้าง...

     

    “ฉันคง...ถูกเอาหัวใจไปแล้ว”

     

    ประโยคสารภาพถูกเอ่ยออกมาพร้อมๆกับอ้อมกอดอุ่นๆที่กระชับแน่นขึ้น ดวงตาสีมรกตรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ

     

    เธอดีใจ...

     

    ดีใจที่เขาตอบรับความรู้สึกของเธอ ดีใจที่เขาเองก็รู้สึก รักเธอเหมือนกัน ดีใจ... ที่จากนี้จะใช้คำว่า สามีภรรยาได้โดยไม่ต้องรู้สึกเจ็บแปลบ เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และถูกต้อง...ตามที่หัวใจปรารถนา...

     

    “ฉันเป็นลูกเป็ดที่ต้องการความรัก...” คนข้างกายพูดต่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนเธอตกใจ

     

    เขาพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือ!?!

     

    “พอฉันเห็นแม่เป็ดไปรักคนอื่น วันนั้นฉันก็เลย กินแม่เป็ดซะ และเพราะว่าฉันคิดถึงแม่เป็ดมาก ก็เลยต้องไปตามกลับมา ก่อนที่แม่เป็ด... จะทิ้งลูกเป็ดแล้วไปหาเป็ดตัวอื่น”

     

                “เป็นลูกเป็ดที่ขี้เอาแต่ใจจริงๆนะคะ” เธอว่าก่อนจะหัวเราะร่วน ริมฝีปากบางระบายยิ้มกว้าง

     

                “ก็ฉันเป็นราชาลูกเป็ด”

     

    ลูกเป็ดพูดด้วยเสียงที่มั่นใจจนคนฟังชักจะหมั่นไส้ หญิงสาวหันหน้ามองเป็ดน้อยชัดๆแล้วก็พบว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดถนัดเพราะทันทีที่เธอหันไป ร่างกายของเธอก็ถูกสะกด... เป็นมนตร์สะกดจากรอยยิ้ม... รอยยิ้มของราชาที่หาได้ยากยิ่ง

    มัน... สว่างสดใสยิ่งกว่าแสงตะวัน...

    งดงามและน่าหลงใหลยิ่งกว่าดอกไม้ดอกใดบนโลก...

     

    ไม่แปลกใจ...

    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครหลายคนถึงได้ชอบเขานัก...

    ก็เขางดงามเหมือนภาพวาดเสียขนาดนี้!  

     

                “นี่มัน...เหมือนความฝันเลยค่ะคุณซาสึเกะ ได้อยู่ใกล้ๆคุณแบบนี้ ได้เห็นรอยยิ้มของคุณ... เป็นฝันที่ฉันไม่อยากจะตื่นเลยจริงๆ” เธอพูดเหมือนเพ้อ ต้องมนตร์เสน่ห์ของเขาเข้าอย่างจัง

     

                “งั้นเหรอ” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ “งั้นก็มาฝันกันต่อสิ”

     

                “ฝันอะ อ๊ะ!” ร่างบางร้องอุทานเมื่อเขาใช้ปากขบเม้มที่ขอบหูของเธอเบาๆ ใบหน้าหวานร้อนผะผ่าว ลืมไปแล้วว่าเธอจะถามอะไรเขา

     

                “ฉันอดทนมานานนะ...เกิดมาตั้งยี่สิบเจ็ดปีฉันไม่เคยยุ่งกับใครมาก่อน นี่ถ้าพี่ไม่บังคับชาตินี้ก็คงจะไม่มีเมีย เรื่องผู้หญิงก็ไม่รู้เรื่อง ตรงกันข้ามฉันกลับเกลียดเข้าไส้ วันนั้นถ้าอารมณ์ หวงไม่พาไปฉันคงได้ถือพรหมจรรย์จนแก่ตายไปแน่ๆ” เขาพูดด้วยเสียงอ้อนๆ “แต่เธอก็ใจร้ายนะ... มาปล้นความบริสุทธิ์ของฉัน มาทำให้ฉันคลั่งแทบบ้าแล้วก็หนีไป”

     

    !!!

     

    ซากุระอ้าปากค้างกับข้อหาที่ถูกอีกฝ่ายยัดเยียดให้

     

    เธอน่ะหรือปล้นความบริสุทธิ์ของเขา!?!

     

    “เธอรู้มั้ยว่ามันยากแค่ไหนกว่าฉันจะข่มตาหลับได้ในแต่ละคืน มันทรมานมาก... ฉันไม่กล้านอนอยู่ที่บ้านก็เพราะเธอคนเดียว...” ผู้เสียหาย(?) ยังคงตั้งหน้าตั้งตายัดเยียดความผิดแบบที่ไม่ยอมให้เธอได้ปฏิเสธซักแอะ

     

    หลังจากนั้นคนที่ปักอกปักใจเชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ผันตัวมาเป็นคนลงโทษซะเอง ร่างสูงตวัดเอวบางให้นอนราบแนบกายไปกับเขาบนโซฟาที่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็วจนคนถูกจับตัวเปลี่ยนตำแหน่งไปมาร้องเสียงหลงเพราะเกรงจะตก

     

    “ว้าย!

     

     “เธอต้องรับผิดชอบ”

     

    “อ๊ะ! ดะ...เดี๋ยวสิคะ ฉันไม่ได้ทำ...อื๊อ...” ไม่ทันได้ร้องห้ามหรือแก้ตัวเธอก็ถูกเขาปิดทางเสียหมด ริมฝีปากหยักได้รูปทาบทับบนกลีบปากบาง ทั้งรสสัมผัสของเขาบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในสวนทำเอาสติของเธอแทบปลิวหาย หญิงสาวตัวสั่นสะดุ้งเมื่อมือของเขาเริ่มแปะป่ายไปทั่ว จับอะไรที่ไม่ควรจับไปเรื่อย

     

    ซากุระรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าเป็นล้านโวลต์ไหลผ่านทั่วร่าง... และเธอคงจะตายเพราะขาดอากาศหรือไม่ก็ตายเพราะหัวใจสูบฉีดเลือดเร็วเกินไปแน่ๆถ้าเขาไม่ผละริมฝีปากออกไปเสียก่อน

     

    “คะ...คุณซาสึเกะ คุณจะทำอะไรคะ!” เสียงหวานร้องถามทันทีที่เป็นอิสระ

     

    กิน แม่เป็ด” อีกฝ่ายตอบเสียงราบเรียบก่อนจะซุกไซ้ใบหน้าไปที่ซอกคอขาว สูดกลิ่นหอมยั่วยวนที่น่าหลงใหล “อื้ม~ ยังหอมเหมือนเดิม”

     

    “ตะ...แต่ แต่ที่นี่มัน...” เธอว่าพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ เรือนกระจกของเขาก็เป็นกระจกสมชื่อ เป็นกระจก... ที่มองทะลุไปถึงไหนต่อไหน... แต่ดูเหมือนคนที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะกินแม่เป็ดให้ได้จะไม่ฟังเสียงประท้วงของเธอเลย เขากระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

     

    “ฉัน...จะไม่ทนต่ออีกแล้ว” พูดก่อนจะประทับจูบแสนหวานอีกครั้ง

     

    “อื๊อ...”

     

    คราวนี้ช่างเนิ่นนานและหวานฉ่ำเสียจนเธอแทบจะละลายติดไปกับโซฟา หญิงสาวได้สติอีกครั้งเมื่อผิวกายสัมผัสอากาศเย็นๆ แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกว่าชุดพนักงานเสิร์ฟของตัวเองถูกลอกออกไปเกือบครึ่ง!

     

    เขาเชี่ยวชาญเกินไปแล้ว!!!

     

    ร่างสูงผละริมฝีปากออกไป... ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเจออะไรที่ น่าสนใจกว่า...

     

    “แต่ที่นี่มันเป็นกระจกนะคะ!” เธอโพล่งออกไป และก็ได้ผลเมื่อซาสึเกะยอมหยุดมือที่กำลังจะทำอะไรต่อมิอะไรเลยเถิด เขาย้อนถามเสียงกวนๆ

     

    “แล้ว?”

     

    “คือฉัน...อาย...” ร่างบางพูดออกไปด้วยเสียงแผ่วๆ เธอมองท้องฟ้ายามราตรีที่วันนี้เฉิดฉายไปด้วยแสงจันทร์แล้วก็ต้องหลบตาหลุบต่ำ สถานที่ที่ เปิดสามร้อยหกสิบองศาแบบนี้ใครมันจะไปทำอะไรๆได้โดยไม่อาย ถึงเขาจะไม่อายคนแต่อย่างน้อยก็ช่วยอายฟ้าอายพระจันทร์บ้างเถอะ!

     

    “อ้อ~” ซาสึเกะลากเสียงยาว เขายอมปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระแต่ทว่าดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้นก็ยังคงดูแพรวพราวไม่เปลี่ยน ร่างสูงติดกระดุมเสื้อให้เธอดังเดิมก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม ซากุระลมแทบจับเมื่อเห็นริมฝีปากหยักบางของเขาระบายรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์...

     

    เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด!!!

     

     “งั้นย้ายที่ก็ได้ แต่ฉันบอกเอาไว้ก่อนนะว่ายังไงคืนนี้...”

     

    !!!

     

    “เธอก็ไม่รอด”

     

     

     

    *ดร.คอนราด ลอเรนซ์( Dr. Konrad Lorenz) นักสัตววิทยาชาวออสเตรีย ผู้ศึกษาพฤติกรรมการฝังใจ (Imprinting) ของลูกห่านสายพันธุ์เกรย์เลค เมื่อปี ค.ศ. 1935-1938

     

                กลับมาแล้วครัชชช ฮูเร่ๆๆเย่ๆๆ >< ขอบคุณสำหรับการรอคอยแสนยาวนานนะคะ! และไรท์ก็ขอเปิดตัวการกลับมาอีกครั้งด้วยฉากสวีทวี้ดวิ้ว~ ใครว่าแต่เกะมันใจร้ายน่าตบน่าเตะ เปลี่ยนความคิดนะคะ เพราะจริงๆแล้วซาสึเกะ... เป็นตัวละครที่หื่นที่สุดในเรื่อง!!! การันตีความหื่น(แบบมึนๆ)ได้จากตอนนี้เลย เอะอะเป็นกอด เอะอะเป็นจูบ เอะอะก็ลากขึ้นเตียง กรี๊ดดด >< ฝีมือระดับนี้รับประกันได้เลยค่ะว่าตระกูลไม่กุดแน่ๆ!

     

    ฟิค sasusaku ของไรท์ พระเอกต้องหวง หึง หื่น โหด ห่าม! ค่ะ! ><

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×