ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 16 : จังหวะของหัวใจที่เปลี่ยนไป

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.86K
      160
      3 ก.ย. 57

    บทที่ 16 จังหวะของหัวใจที่เปลี่ยนไป

     

     

                เสียงโทรศัพท์ที่ดังเป็นรอบที่สามปลุกให้ชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามราวกับทูตจากสวรรค์ลืมตาตื่น อาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อที่เป็นผลมาจากพิษไข้ทำให้เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงส่งเสียงเรียกอยู่

     

                ซาสึเกะขยับแขนขึ้นลงเบาๆเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เริ่มจะขี้เกียจของเขาให้ทำงาน พอไล่ความชาออกไปได้บางส่วนมือหนาก็เอื้อมหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาแล้วกดรับเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของเลขาคนสนิท

     

                “มีอะไร” เขากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ พยายามทำให้มันดูเป็นปกติที่สุด

     

    จะให้ใครรู้ว่าป่วยไม่ได้...

    แม้กระทั่งคนที่ไว้ใจ...

     

                “วันนี้คุณซาสึเกะจะมาทำงานหรือเปล่าครับ?” จูโกะถามกลับมา และด้วยคำถามนั้นเองทำให้ร่างสูงชะงัก ดวงตาสีรัตติกาลหันมองไปทางนาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่ข้างเตียงแทบไม่ทัน

     

    แปดโมงครึ่ง!

     

                 ซาสึเกะเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอาการประท้วงของร่างกายเลยซักนิด

     

                “อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวฉันจะเข้าไป บอกให้เจ้าพวกนั้นรอก่อน” เขาสั่งก่อนจะกดตัดสายไป เจ้าพวกนั้นที่เขาหมายถึงก็คือเหล่าบอดี้การ์ดสามสี่คนที่ทำหน้าที่เป็นทีมอารักขาคอยดูแลเขามาตลอดเจ็ดปีที่เข้ามาทำหน้าที่ประธานธนาคาร

     

                ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่... นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่เขาจะตื่นสาย ถึงจะป่วยก็เถอะแต่เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้วนี่ แล้วทำไมมันถึง...

     

    หรือว่า!?!

     

                คิดมาถึงตรงนี้คนตื่นสายก็ถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อพอจะเดาสาเหตุที่ทำให้นาฬิกาปลุกของเขาไม่ปลุกเหมือนทุกวันได้ มือหนากำเข้าหากันแน่น... ใบหน้าดุๆของเธอเมื่อคืนที่คอยบังคับให้เขาข่มตานอนมันยังติดตาเขาอยู่เลย!

     

    ยัยนั่น!

     

                คิดแล้วก็อดต่อว่าอีกฝ่ายในใจไม่ได้ เธอทำให้เขาเสียงานเสียการจนได้สิน่า! เดี๋ยวสิ! ไอ้คดีเมื่อคืนที่เจ้าหล่อนขึ้นมานอนเตียงเดียวกันกับเขาแถมยังกอดเขาไว้นั่นอีกล่ะ ไหนจะขัดคำสั่งของเขา เถียงเขา ตะคอกใส่เขา มาเช็ดตัวให้เขา บังคับให้เขาตื่นขึ้นมากินยา แล้ว...

     

    ไหนจะ...

    กลิ่นกายหอมๆของเธอที่ยังลอยอบอวลอยู่เล่า...

     

                ซาสึเกะสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกประหลาดออกไป

     

    เขาต้องคิดเรื่องงานก่อน...

     

    ตอนนี้มีโปรเจ็คต์ใหญ่ของธนาคารที่รอให้เขาไปจัดการอยู่ ถ้ามัวแต่เอาสมองมาคิดแต่เรื่องไร้สาระพรรค์นี้ธนาคารของเขาก็คงจะแย่... แต่มันไร้สาระจริงๆน่ะหรือ? ไร้สาระแล้วทำไมถึงลืมไม่ได้สักที!?!

     

    ทำไมหัวใจถึงเต้นแรง?

     

                ซาสึเกะเอามือทาบอกก่อนจะทุบมันเบาๆเพื่อทำให้หัวใจที่เต้นรุนแรงนั้นสงบลง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเพราะหัวใจของเขามันช่างดื้อด้านเหลือเกิน ยิ่งเขานึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆจากคนที่แสนเกลียดชังมันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น ทำไม?...

     

    ต้องเป็นเพราะว่าเขาโกรธมากจนทะลุลิมิตแน่ๆ!

     

    ดี!!! เดี๋ยวตอนเย็นพอยัยนั่นกลับมาจะลงโทษให้สาสม!

     

                คิดเองเออเองเสร็จซาสึเกะก็เดินโซเซเข้าห้องน้ำไป แต่แม้กระทั่งตอนที่สายน้ำเย็นๆชโลมทั่วร่าง ภาพความทรงจำจากเมื่อคืนที่ติดตามันก็ยังตามมาหลอกหลอน...

     

    ฉันจะฆ่าเธอ!!!

     

    .

    .

    .

     

    ใจเต้นอีกแล้ว...

     

                ซากุระคิดในใจพร้อมกับยกมือขึ้นทาบที่อก...

     

                ตั้งแต่เช้าที่เธอออกจากบ้านอุจิวะมา หัวใจของเธอมันก็คอยแต่จะเต้นผิดจังหวะอยู่เรื่อย ยิ่งพอนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่ดูไร้เดียงสาของคนป่าเถื่อนที่เธอนอนกอดเขาทั้งคืนไอ้ก้อนเนื้อหยุ่นๆมันก็ยิ่งสูบฉีดเลือดเต็มกำลังชนิดที่เธอยังกลัวว่ามันอาจจะระเบิดออกมาได้ในนาทีใดนาทีหนึ่งเป็นแน่

     

    ป่านนี้เขาจะตื่นหรือยัง?

    และถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าเธอเป็นคนไปกดปิดนาฬิกาปลุกของเขาเขาจะว่ายังไง?

    จะโกรธอีกหรือเปล่า?

     

    แล้วทำไมเธอต้องไปทำอะไรแบบนั้น?

     

    ไปทำดีกับคนแบบนั้นทำไม?

     

    นี่เธอบ้าไปแล้วรึ!?!

     

                “ยัยซากุระ!!!” เสียงตวาดแว้ดที่ดังจนทำให้เยื่อแก้วหูแทบทะลุทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวจนแทบจะตกเก้าอี้ ซากุระหันมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนกก่อนที่เธอจะเห็นสายตาพิฆาตของเพื่อนสนิทที่ยืนกอดอกค้ำหัวเธออยู่ ร่างบางถอนหายใจเฮือก

     

                “แกจะตะโกนทำไมเนี่ย ตกใจหมด” พูดแล้วก็ทำหน้าหงุดหงิด หญิงสาวเรียกสติที่กระเจิงออกไปให้กลับเข้าที่

     

                “ฉันเรียกแกเป็นรอบที่ล้านแล้วย่ะ! แกก็มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ได้” อิโนะพูดอย่างฉุนๆ “แล้วนี่อะไร... ซาสึเกะ? ทำไมแกต้องเขียนชื่อนี้บนโต๊ะและก็เอาแต่จ้องแบบนี้ด้วยล่ะ”

     

                “!!!

     

                “หรือว่า... ชื่อแฟน?”

     

                “จะ...แก... แกจะบ้าเหรอ!ไม่ใช่ซักหน่อย!” ซากุระพูดปฏิเสธแทบไม่ทันก่อนจะรีบเอามือถูๆลบรอยปากกาบนโต๊ะที่เธอดันไปเขียนคำต้องห้ามเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

                “ฮั่นแน่~ ร้อนตัวแบบนี้ยิ่งใช่เลย ไปเจอกันที่ไหนจ๊ะทำไมฉันถึงไม่รู้?”

     

                “กะ...ก็บอกว่าไม่ใช่ไงยัยบ้า! นี่น่ะ...ชื่อหมา! ใช่! ฉันว่าจะซื้อหมาซักตัวไปเลี้ยงที่บ้าน จะ...จะตั้งชื่อมันว่า ซาสึเกะนี่ล่ะ” พูดไปปากก็สั่นไป นี่ถ้าเขารู้ว่าเธอเอาชื่อเขามาทำแปดเปื้อนแบบนี้ล่ะก็เขาคงได้ตัดหัวเธอเสียบประจานแน่ๆ

     

                “แน่เร้อ~” อิโนะพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    เธอไม่ชอบสายตาแบบนั้นจริงๆ...

     

                “เออนี่ พูดถึงบ้านแล้ว เมื่อวานฉันแวะไปหาแกที่บ้านทำไมแกไม่อยู่ บ้านช่องก็ปิดเงียบอย่างกับไม่มีคนอยู่มาเป็นเดือน พอฉันโทรหาแกแกก็ไม่รับ”

     

                คำถามของอิโนะทำเอาคนที่กำลังจินตนาการถึงความเลวร้ายของซาสึเกะสะดุ้งโหยงอีกรอบ ดวงตาสีมรกตมองผู้เป็นเพื่อนอย่างหวั่นวิตก...

     

    อิโนะยังไม่รู้เรื่องของเธอ...

     

                “เอ้อ...” หญิงสาวอึกอักเพราะไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาตอบคนตรงหน้าดี เธอได้แต่นั่งนิ่งจนคนถามเริ่มตั้งข้อสันนิษฐานประหลาดๆ

     

                “อย่าบอกนะว่าแก...”

     

                “อะ...อะไร”

     

                “แอบไปนอนค้างอ้างแรมบ้านผู้ชายมาใช่มั้ย!?!

     

    เป็นข้อสันนิษฐานที่ตรงเผง...

     

                “กะ...แก...”

     

                “หน้าแบบนี้ล่ะใช่เลย โอ๊ยตาย! เพื่อนของฉันเห็นเงียบๆแบบนี้นี่ออกตัวแรงเหมือนกันนะเนี่ย” อิโนะพูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ส่วนคน ออกตัวแรงได้แต่นั่งหน้าเหวอ นานเกือบนาทีทีเดียวกว่าที่หญิงสาวจะตั้งสติได้แล้วตอบเพื่อนกลับไป

     

                “หยุดจินตนาการพิลึกๆของแกไปเถอะย่ะ! บ้านฉันเพิ่งถูกตัดไฟเมื่อวานฉันก็เลยไปนอนที่โรงแรมถูกๆแถวนั้น ไม่ได้ไปนอนค้างกับผู้ชายซักหน่อย”

     

                “แน่ะ! แน่ใจเหรอว่าไปคนเดียว? ไอ้ข้ออ้างแบบนั้นมันฟังไม่ขึ้นนะขอบอก”

     

                “เออ แกไม่เชื่อก็ตามใจ!” ซากุระพูดก่อนจะหันกลับไปสนใจกองเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าแทน

     

                “แล้วแกมาเรียกฉันถึงโต๊ะแบบนี้มีธุระอะไรไม่ทราบ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนเงียบและยังคงจ้องเธออยู่ด้วยสายตาจับผิด ซากุระก็หาเรื่องโมเมเบี่ยงประเด็นเพราะกลัวว่าเพื่อนสนิทของเธอจะไปล่วงรู้ความลับอะไรเข้า

     

                “เออ ฉันลืมสนิทเลย!” อิโนะพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ “หัวหน้าไกให้มาตามไปพบที่ห้องน่ะ”

     

                “ตามฉันไปพบเหรอ?” ซากุระถามพลางขมวดคิ้วยุ่ง เธอวางมือจากเอกสารแล้วหันมาสบตาเพื่อนตรงๆ

     

                “อืม... อย่าถามว่าเรื่องอะไรนะเพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

     

                “ให้ไปเดี๋ยวนี้เลยรึเปล่า”

     

                “ใช่”

     

                “โอ๊ย! แล้วแกทำไมเพิ่งมาบอกฉัน มัวแต่เม้าท์อยู่ได้!” ร่างบางพูดขึ้นอย่างหัวเสียหน่อยๆก่อนจะลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องของหัวหน้าแผนก ส่วนคนส่งสาสน์ที่ทำหน้าที่บกพร่องได้แต่ส่งยิ้มแหยๆตามหลังไป เธอเตรียมจะหันหลังเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองแต่พลันดวงตาสีหยกก็เหลือบไปเห็นรอยข้อความจางๆที่สาวเจ้าของโต๊ะลบไปไม่หมด

     

    ซาสึเกะ...คนบ้า

     

                คิ้วเล็กๆขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยก่อนที่เธอจะระบายยิ้มออกมา

     

    ไหนว่าชื่อ หมาไง

     

    .

    .

    .

     

    ก๊อกๆๆ

     

                “ฮารุโนะ ซากุระค่ะ” ซากุระพูดเมื่อเธอเดินมาถึงห้องของหัวหน้าแผนก แต่ยืนรออยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหัวหน้าผู้แอคทีฟ หญิงสาวเอื้อมมือผลักบานประตูเบาๆเพื่อดูว่ามีคนอยู่ข้างในห้องหรือเปล่า แต่แล้วประตูที่เธอคิดจะแง้มๆเปิดนั่นจู่ๆก็ถูกคนข้างในเปิดออกจนเกือบสุด เป็นเวลาแค่เสี้ยววินาทีจริงๆที่เธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดของหัวเรือใหญ่แห่งอุซึมากิ คอร์เปอเรชั่น ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกคนที่อยู่ข้างในกระชากตัวเข้าไป

     

                “ว้าย!” ร่างบางร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อร่างของตัวเองกำลังจะเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น แต่ยังดีที่คนที่ดึงคว้าตัวเองเธอเอาไว้ได้ นารูโตะตวัดแขนโอบไปรอบเอวบางของอีกฝ่ายเพื่อรั้งตัวเธอไว้ไม่ให้ล้ม

     

    ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน...

    มันกินเวลาไม่นานแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มใจเต้นแรง...

     

                “เอ่อ...ผมขอโทษ” นารูโตะพูดก่อนจะคลายมือออกแล้วปล่อยให้ร่างของเธอเป็นอิสระ ประธานหนุ่มเดินไปนั่งที่ชุดโซฟารับรองแขกของไกอย่างเก้ๆกังๆ มือไม้ดูสั่นไปหมดราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเป็นล้านโวลต์

     

    เป็นบ้าอะไรวะ!?! เกิดมาไม่เคยกอดผู้หญิงรึไง!?!

     

                ปรามาสกับตัวเองเสียยกใหญ่ก่อนจะทำใจที่เต้นโครมครามให้สงบลงได้ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลมองไปยังร่างเล็กที่ยืนนิ่งมองเขาอย่างตื่นๆ

     

    ไอ้สายตาแบบนั้นมันอะไร?

    ทำอย่างกับว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่ชอบแต๊ะอั๋งผู้หญิงอย่างนั้นแหละ!

     

                “จะยืนค้ำหัวผมอีกนานมั้ยครับ?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัว ซากุระหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างสงบ

     

    ปกติเขาก็ให้เธอยืนคุยกับเขาไม่ใช่หรือ?

    แล้วนี่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

     

                ซากุระได้แต่ตั้งคำถามในใจ เธอไม่กล้าพอที่จะเอ่ยอะไรออกมาหรอกด้วยตอนนี้เธอรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่านารูโตะ... เป็นผู้ชายที่น่ากลัว... ระดับของเขาอาจจะพอๆกับซาสึเกะเลยก็ว่าได้

     

    อย่าไปทำให้เขาโกรธจะดีกว่า...

     

                “อยู่แผนกนี้เป็นยังไงบ้าง?” นารูโตะถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมมาก...

     

    นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน...

     

                “สบายดีค่ะ... งานไม่หนักมากและพี่ๆทุกคนก็ใจดี” ซากุระตอบไปตามความจริง เธอนั่งตัวเกร็งบนโซฟาอย่างประหม่าจนคนมองรู้สึกหงุดหงิดชอบกล

     

                “อย่าแสดงท่าทางว่ากลัวพี่ขนาดนั้นจะได้มั้ยครับ”

     

                “!!!

     

                “พี่ไม่ชอบให้เราทำหน้าแบบนี้ ใช้เสียงแบบนี้ และแสดงอาการแบบนี้เลย ให้ตายสิ...” ร่างสูงพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างงอนๆ แต่คนถูกงอนหรือก็ตกตะลึงตาค้างไปเรียบร้อยแล้ว

     

    เขากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่หรือ!?!

     

    สรรพนามแบบนั้นนั่นมันอะไรกัน!?!

                “ทะ...ท่านประธาน...”

     

                “ไม่!” จู่ๆ ท่านประธานก็ขึ้นเสียงด้วยหน้าตาเคร่งเครียดจนซากุระสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว เธอก้มหน้าก้มตาเพราะคิดว่าตัวเองคงไปทำอะไรผิดเข้าให้แล้ว แต่เสียงที่ตามมากลับไม่ใช่เสียงดุด่าแบบที่เธอเคยเจอบ่อยๆ มันกลับกลายเป็นประโยคที่ดูเว้าวอนอย่างประหลาด

     

                “ถ้าอยู่กันสองคนห้ามเรียกพี่ว่า ท่านประธานหรือ คุณนารูโตะอะไรเทือกนั้นเด็ดขาด...”

     

                “...”

     

                “เรียกพี่เหมือนที่เราเคยเรียกตอนเด็กๆ... พี่นารูโตะน่ะ พี่อยากได้ยินแบบนั้นมากกว่า”

     

                “!!!

     

                ประโยคเพียงไม่กี่ประโยคที่ร่างสูงเอ่ยทำให้คนฟังใบหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความเขินอาย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้เธออยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีนัก!

     

    นี่เขารู้มาตลอดเลยหรือว่าเธอปลาบปลื้มเขามาตั้งแต่เด็กน่ะ!

     

                “ท่านรู้!?!

     

                “เลิกเรียกพี่ว่า ท่านซักทีจะได้มั้ย”

     

                “ขอโทษค่ะ...” หญิงสาวพูดพร้อมกับก้มหน้าลงอีกครั้ง

     

                “ผิดหวังกับพี่มากใช่มั้ยครับ?” หลังจากหัวเราะเพราะความโล่งอกที่สารภาพความจริงออกไปแล้ว นารูโตะก็หันมาถามคนที่กำลังก้มหน้างุดอยู่พร้อมกับยิ้ม

     

                “ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก พี่คงทำให้เราผิดหวังมาก”

     

                “มัน... ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ” ซากุระตอบเสียงแผ่ว ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอถึงอยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน “ฉัน...ไม่ผิดหวังหรอก”

     

                “พี่ขอโทษ”

     

                “...”

     

                “ขอโทษที่ไม่เคยพูดกับเราดีๆเลยสักครั้ง ขอโทษที่เข้มงวดมากเกินไป ขอโทษที่ทำให้เสียใจ... พี่มันไม่ดีเอง”

     

                “ไม่หรอกค่ะ!” ซากุระแย้งขึ้นแทบจะในทันทีเมื่อได้ยินเสียงเศร้าๆของนารูโตะ “คุณไม่ผิดหรอก ไม่ได้ผิดอะไรเลย ฉันผิดเองค่ะที่ทำอะไรผิดพลาดไปหมด”

     

                “แสดงว่าไม่โกรธ?”

     

                “เอ่อ...” หญิงสาวไปไม่เป็นทันทีเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบกับดวงตาที่ดูเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย

     

                “ถ้าไม่โกรธงั้นหายกันนะ! กลับไปทำงานที่ฝ่ายบริหารกับพี่เถอะ” เขาพูดลอยหน้าลอยตาเล่นเอาคนถูกบอกให้ย้ายแผนกขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะตอบ

     

                “ไม่เอาค่ะ ฉันจะทำงานที่แผนกนี้ต่อ ฉันเรียนจบบัญชีมานะคะเพราะฉะนั้น...”

     

                “ไม่สน! ผมเป็นประธานบริษัท พรุ่งนี้คุณย้ายข้าวย้ายของขึ้นไปข้างบนเหมือนเดิมนะครับ นี่เป็นคำสั่ง!” น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะดุนั้นตอนนี้มันกลับดูเป็นเสียงขู่ฟ่อๆของลูกแมวที่ถูกขัดใจ ซากุระชักสีหน้าทันทีเมื่อเห็นว่าท่านประธานของเธอเริ่มแสดงอาการเอาแต่ใจตัวเองออกมา

     

                “เดี๋ยวสิคะ!

     

                “ไม่เห็นใจกันเลยเหรอ?” เมื่อเห็นว่าไม้แข็งไม่ได้ผลนารูโตะก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูน้อยใจอีกครั้ง

     

                “...”

     

                “พี่ลำบากนะที่ต้องคอยมาแอบมองเราถึงที่นี่น่ะ เมื่อยข๊าเมื่อยขา ไม่อยากเดินหรอกแต่ถ้าวันไหนไม่เห็นหน้ามันจะนอนไม่หลับ”

     

                “!!!

     

                “นะ ขอร้องล่ะ นะครับ น้าาา~”

     

    ไอ้ท่าทางออดอ้อนเหมือนลูกแมวนั่นมันอะไร!?!

    เขาไปถูกใครดักตีหัวมาหรือถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้!?!

     

                “ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าตกลงแล้ว”

     

                “ฉันยังไม่... อ๊ะ!

     

                ซากุระหยุดพูดไปทันทีเมื่อฮีโร่ของเธอโน้มตัวเข้ามาใกล้พร้อมกับประทับรอยจูบเบาๆที่หน้าผากมน ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก...

     

    เธอหมดหนทางจะปฏิเสธโดยสิ้นเชิง!

     

                 “ขอบคุณนะครับที่ไม่โกรธ... ขอบคุณที่ให้อภัยกับความงี่เง่าของพี่ ขอบคุณจริงๆ” เขากระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างน่ารักแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้เธอนั่งนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น...

     

    เขาเป็นบ้าอะไรอีกล่ะนี่!?!

     

                ฝ่าย คนบ้าก็เดินออกมาจากห้องของหัวหน้าแผนกบัญชีที่เขาขอยืมมาใช้เพื่อปรับความเข้าใจกับ เด็กดื้อที่เอาแต่ตั้งแง่งอนเขามาเป็นเดือนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนพนักงานที่เดินผ่านไปมาถึงกับมองตาค้าง

     

    มันเป็นรอยยิ้มกระชากวิญญาณชัดๆ!

     

                ทางด้านนารูโตะเองหรือก็ไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาทางตนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ในหัวของเขาคิดถึงแต่ใบหน้าสวยๆของคนที่ป่านนี้คงนั่งหน้าบูดอยู่ในห้องของไกเป็นแน่

     

    คิดแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้...

     

    เขานั่งทำใจอยู่หลายวันทีเดียวกว่าจะคิดหาคำพูดมา ง้ออดีตเด็กผู้หญิงในความทรงจำที่บัดนี้กลายเป็นคนกุมหัวใจของเขาเอาไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าไอ้คำพูดทุกคำที่เตรียมมานั้นไม่ได้ใช้เลยสักนิด พอเอาเข้าจริงๆทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่หัวใจของเขาสั่ง...

     

    อยากพูดอะไรก็พูด...

    ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น เอาแค่หัวใจล้วนๆก็พอ...

     

                มันเป็นคำแนะนำของหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านความรักให้เขา นารูโตะคิดแล้วก็ยิ้ม เขาช่างโชคดีจริงๆที่มีฮินาตะคอยให้คำปรึกษา เธอเป็นผู้หญิงที่ใจเย็น รอบคอบ และเข้าใจหัวอกผู้หญิงได้ดีกว่าเขา คำแนะนำของเธอมักจะยอดเยี่ยมเสมอ

     

    คิดแล้วก็ต้องไปขอบคุณซักหน่อย...

     

    วันนี้ซื้อขนมไปฝากหน่อยดีกว่า...

    ดีไม่ดีอาจจะโชคดีได้ชิมอาหารรสเลิศของสาวเจ้าก็ได้...

     

                คิดได้ดังนั้นนารูโตะก็โทรสั่งเลขาส่วนตัวว่าเขาคงจะไม่กลับขึ้นไปทำงานอีกแล้ว จากนั้นเจ้าตัวก็เดินไปที่รถแล้วขับมันออกไปมุ่งหน้าไปยังบ้านฮิวงะโดยไม่ลืมที่จะแวะซื้อเค้กช็อกโกแลตอันเป็นของโปรดของที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของเขาติดมือไปด้วย

     

                “งานนี้พี่ต้องขอบใจเธอนะ ฮินะจัง”

     

     

     

                เกะงานเข้าแล้วล่ะลูก โตะมันเอาจริงแล้วนะเฟ่ย! –[]-! ใครกำลังรอเกะแสดงอาการ... ก็รออีกไม่นานนะคะ จริงๆไรท์ไม่อยากจะสปอยล์เลย (เหรอ???-0-) แต่ว่า... มันใกล้แล้ว ใกล้จะ...ถึงฉากนั้นแล้ว ฮี่ๆ (//เลือดกำเดาพุ่ง-,.- )

     

                ปล. เมื่อวานไม่ได้มาอัพขอโทษด้วยน้า พอดีอู้ไปหน่อย-0- ฮ่ะๆๆ ไม่โกรธกันนะ!

                ปล.2 คือโตะตอนช่วงนี้มันน่ารักมากๆนะ >.<

                ปล.3 ซาสึเกะ ---> น้องหมา ฮ่าๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×