ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 7 : ส่งตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.9K
      132
      17 ส.ค. 57

    บทที่ 7 ส่งตัว

     

     

                “โธ่! พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่คิดว่า... อ้าว จะไปไหนอีกล่ะครับ!?!” นารูโตะตะโกนไล่หลังคนที่กำลังเดินจ้ำอ้าวหนีเขาไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสรรพนามที่เขาใช้เรียกตัวเองจะทำให้เหล่าพนักงานพากันหันมามองเป็นตาเดียว หัวใจของชายหนุ่มแฟบลงเรื่อยๆเมื่อเธอยังคงทำเหมือนเขาเป็นอากาศ... ไม่สิ ตอนนี้ดูเหมือนจะยกระดับขึ้นจาก อากาศเป็น มลพิษเสียแล้วกระมัง มิเช่นนั้นเจ้าตัวคงไม่เร่งสปีดเดินหนีเขาได้เร็วอย่างกับเห็นผีขนาดนั้น ครั้นเขาจะไล่กวดตามหรือก็นึกเกรงใจสายตาของพนักงานที่มองดูอยู่ ประธานหนุ่มถอนหายใจ...

     

    เพลย์บอยอย่างเขาง้อหญิงไม่สำเร็จ...

     

                “นี่ฉันต้องตามไปง้อถึงบ้านรึเปล่า!” เขาบ่นก่อนจะหมุนตัวเดินไปอีกทาง... วันนี้เขามีนัดกับผอ.ฝ่ายไอทีคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนผอ.คนเก่าที่เกษียณอายุไป... คงต้องถอยทัพกลับไปตั้งหลักใหม่แล้วค่อยตามตื๊อเธอวันพรุ่งนี้...

     

    ไม่ได้รัก...

    ไม่ได้แคร์...

    ไม่ได้ชอบ...

     

    แต่ไม่อยากให้โกรธไง!

     

    .

    .

    .

     

                “อะไรกันยัยซากุระ วิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างกับหนีสงคราม” เสียงแซวของอิโนะทำให้คนที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งชะลอฝีเท้าลง

     

                “อิโนะ!” เธอเรียกเพื่อนรักเสียงดัง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอลืมเรื่องของซาอิไปเสียสนิทเพราะมัวแต่หนีหน้าท่านประธานที่คอยหาเรื่องให้เธอเดือดร้อน ซากุระทำหน้าไม่ถูกแต่ก็เดินเข้าไปทักทายเพื่อนเหมือนปกติ

     

                “เอ่อ...เธอสบายดีเหรอ?” หญิงสาวถามออกไป ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ แหงแหละว่าถ้าเพื่อนของเธอได้พบกับอดีตแฟนคงไม่ได้อยู่ในอาการที่เรียกว่า สบายดีแน่

     

                “ฮะ? ทำไมจู่ๆมาถามว่าฉันสบายดีมั้ย สมองแกพลิกรึเปล่าเนี่ย”

     

                “อะ...เอ้อ คงสบายดีสินะ ช่วงนี้ฉันเบลอๆไปหน่อยน่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบพร้อมกับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แสดงว่าอิโนะยังไม่ได้พบกับซาอิ... ขอบคุณที่พระเจ้ายังเมตตา...

     

                “แกนี่นับวันยิ่งแปลก” อิโนะบ่นเบาๆก่อนจะหันมาถามเธอเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “เออ ช่วงนี้ฉันได้ยินข่าวลือแปลกๆ”

     

                “ข่าวลืออะไรอีกล่ะ”

     

                “ฉันได้ข่าวว่าท่านประธานสุดหล่อกำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับเด็กฝึกงาน ข่าวนี้ดังกระฉ่อนทั่วบริษัทเลยนะ” เพื่อนสาวพูดพร้อมกับใช้ดวงตาสีหยกของเจ้าตัวมองมายังเธออย่างจับผิด ซากุระได้แต่หลบ ใจก็นึกโกรธอดีตฮีโร่ของเธอ...

     

    เพราะเขาแท้ๆเชียว!

     

                “ฉันก็คิดว่าเด็กฝึกงานของบริษัทนี้มีแค่ฉันกับแก...” อิโนะพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดังนั้นถ้าไม่ใช่ฉันก็คง...”

     

                “อย่ามามั่วเถอะ!” ซากุระเอ็ดเพื่อนเบาๆ แต่คนถูกเอ็ดได้แต่หัวเราะคิกคักเพราะคิดว่าเพื่อนของเธอคงกำลังเขิน

     

                “อย่าไปเชื่อข่าวลือให้มากนักเลย ฉันกับตาหื่นนั่นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้นแหละ” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

     

                “ฮั่นแน่! แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าท่านประธานเป็นพวกหื่น”

     

                “ก็...” ซากุระอึกอัก จู่ๆใบหน้าก็ขึ้นสีเรื่อ ภาพในวันนั้นของเขากับผู้หญิงคนนั้นยังลอยมาตามหลอกหลอนเธออยู่เลย

     

                “แอบไปกินกันมาแล้วใช่มั้ย?” อิโนะพูดแซวและเธอก็ได้รับการลงโทษจากเพื่อนเสียยกใหญ่ ซากุระเอากระเป๋าตีๆคนช่างจินตนาการอย่างไม่ค่อยจริงจังนัก ทำไมเพื่อนของเธอถึงได้กล้าคิดอะไรแบบนั้นออกมาหนอ?

     

    เธอเห็นเขา กินคนอื่นต่างหากล่ะ...

     

                ซากุระตอบเบาๆในใจ

     

                “วันนี้แกจะไปทำงานที่ผับรึเปล่า?” เพื่อนสาวกระซิบถามเบาๆขณะที่เธอทั้งคู่เดินออกมาจากตัวตึกเพื่อจะกลับบ้าน

     

                “อือ ก็คงต้องไปเหมือนเดิม...” ซากุระตอบเสียงเศร้าๆ เมื่อวานเธอเพิ่งได้รับจดหมายเตือนจากธนาคารที่บอกให้เธอไปชำระหนี้ทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า ลำพังเงินเก็บของเธอในตอนนี้ก็ยังไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบของหนี้ทั้งหมดด้วยซ้ำ หญิงสาวถอนหายใจราวกับว่าเธอหมดหวังที่จะรักษาบ้านอันเป็นที่รักเอาไว้แล้ว

     

                “แก...อยากให้ฉันช่วยอะไรมั้ย” อิโนะถามอย่างเป็นห่วง เธอรู้เรื่องหนีสินของซากระดีและพยายามจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ทุกครั้ง แต่มันก็ถูกเจ้าตัวปฏิเสธด้วยรู้ดีว่าเธอเองก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากพอที่จะให้อีกฝ่ายได้หยิบยืมไปใช้หนี้มากนัก

     

                “ไม่ต้องหรอก” ซากุระปฏิเสธเหมือนเคย “ถ้าฉันรักษาบ้านไว้ไม่ได้...คุณพ่อกับคุณแม่ก็คงไม่ว่าอะไรฉันหรอกมั้ง ฉัน...ทำเต็มที่แล้ว

     

                หลังจากล่ำลากับอิโนะแล้ว ซากุระก็ปั่นจักรยานเพื่อกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเธอต้องไปทำงานที่ผับต่อในตอนกลางคืน ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีหญิงสาวก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าบ้านอันแสนคุ้นตา ซากุระขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าไฟในบ้านเปิดอยู่...

     

    แม่เลี้ยงของเธออยู่บ้านหรอกหรือ?

     

    ซากุระลากจักรยานคันโปรดไปเก็บแล้วเปิดประตูบ้านเข้าไป และเธอก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นอาหารนานาชนิดถูกจัดวางไว้เรียบร้อยบนโต๊ะกินข้าวโดยที่แม่เลี้ยงของเธอกำลังจัดจานกับช้อนอยู่ที่ครัว

     

    “มีแขกหรือคะ?” เธอถามแม่เลี้ยงแบบไม่ใส่ใจนัก ลองแม่เลี้ยงของเธอลงทุนซื้อกับข้าวกับปลาและงดท่องราตรีแบบนี้ก็มีอยู่เหตุผลเดียวคือหล่อนจะต้องชวนเพื่อนซักคนมากินข้าวที่บ้านแน่ๆ ซากุระคิดแบบนั้นแต่คำตอบที่ได้รับกลับก็ทำเอาเธอแปลกใจยิ่งกว่าเก่า

     

    “ไม่ใช่จ้ะ อาหารชุดนี้สำหรับเราสองคน” ฮิโตมิพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง แต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่ามันเป็นรอยยิ้มเหยียดๆ... แต่ซากุระไม่ได้สนใจนักจึงไม่ทันมองเห็นมัน

     

    “หนู? เหรอคะ”

     

    “ใช่จ้ะ รีบไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมากินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด” คำพูดที่ดูอ่อนโยนของแม่เลี้ยงบวกกับพฤติกรรมประหลาดๆของเธอทำให้ซากุระมองอย่างไม่ไว้ใจ

     

    หล่อนต้องมีแผนอะไรแน่ๆ

    ต้องรีบปฏิเสธ...

     

                “คงไม่ได้หรอกค่ะ หนูมีงานที่ผับต่อคงอยู่กินด้วยไม่ได้” พูดจบซากุระก็เตรียมจะเดินขึ้นบันไดไป แต่เสียงขุ่นเขียวของคนเป็นแม่เลี้ยงก็ทำเอาขาที่กำลังจะก้าวหยุดชะงัก

     

                “ไม่อยากใช้หนี้ให้พ่อของแกเหรอ”

     

                “!!!

     

                “ถ้าอยากล่ะก็ทำตามที่ฉันสั่ง วันนี้ไม่ต้องไปผับ แกมีเรื่องต้องตกลงกับฉัน” ฮิโตมิบอก เธอไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นดีใส่ลูกเลี้ยงของเธออีกต่อไปเพราะอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้ทันว่าเธอไม่ได้ทำจากใจจริง

     

                เพียงแค่สิบนาทีต่อจากนั้นซากุระในชุดลำลองก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมา เธอเดินผ่านโต๊ะกินข้าวที่แม่เลี้ยงของตนนั่งอยู่และมานั่งรออยู่ที่โซฟา ตอนนี้สติของเธอแทบจะหลุดปลิวไปแล้ว...

     

    ที่แม่เลี้ยงของเธอพูดมานั้นจริงหรือ?

    เธอจะใช้หนี้แทนพ่อได้และไม่ต้องสูญเสียบ้านหลังนี้ไปใช่หรือไม่?

     

                “ที่คุณพูดเมื่อกี้...” ซากุระพูดเมื่อแม่เลี้ยงของเธอนั่งประจำที่อยู่ตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามกัน

     

                “ฉันมีวิธีหาเงินใช้หนี้ให้พ่อแกได้แล้ว” หญิงสูงวัยกว่าเอ่ยเรียบๆ

     

                “จริงหรือคะ!?!” หญิงสาวเอ่ย ตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความหวัง คนมองเหยียดยิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าแผนการกล่อมให้ลูกเลี้ยงของตนเซ็นยินยอมในสัญญานั้นคงไม่ยากเท่าไหร่ เธอรู้ว่าหญิงสาวคราวลูกที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้านี้มีความผูกพันกับบ้านซอมซ่อนี่ขนาดไหน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าตัวคงจะยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ต้องสูญเสียมันไปแน่ๆ

     

    งี่เง่าสิ้นดี!

     

                “ใช่ แต่จะทำได้หรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับแก”

     

                “หนู?” ประโยคถัดมาของแม่เลี้ยงทำให้ซากุระขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างลืมตัวพร้อมๆกับรู้สึกสังหรณ์บางอย่างแปลกๆ

     

                “เมื่อกลางวันมีคนของธนาคารมาติดต่อฉัน เค้าบอกว่าเค้าจะยกหนี้ของพ่อแกให้ทั้งหมด” ฮิโตมิยังคงเอ่ยต่อไป เธอจงใจไม่พูดถึงเงินสิบล้านที่ผู้ว่าจ้างแถมให้

     

                “!!!

     

                “แต่มันมีข้อแลกเปลี่ยน...” ฮิโตมิเว้นวรรค ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังทำหน้ากังวลอยู่ เธอยิ้มเยาะอย่างร้ายกาจ...

     

    “แลกปลี่ยนกับการที่แกจะต้องไปอุ้มลูกให้เขา”

     

                “!!!

     

                เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ ซากุระคิดว่าตัวเองฟังอะไรผิดไปแต่ก็ตกใจเกินกว่าจะถามซ้ำอีกครั้ง ส่วนฝั่งคนแก่กว่านั้นได้แต่กอดอกมองดูหญิงสาวคราวลูกทำหน้าตื่นตกใจโดยไม่พูดอะไรออกมา นานทีเดียวกว่าที่ซากุระจะตั้งสติได้ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความหวังเริ่มเจือไปด้วยความโกรธ

     

                “หนูไม่ทำ!” เธอบอกเสียงกราดเกรี้ยว นี่มันก็เหมือนเมื่อสามปีก่อน แม่เลี้ยงของเธอจงใจขายเธอเพื่อเอาเงินใช้หนี้อีกแล้ว “ยังไงหนูก็ไม่ทำ หนูไม่ยอมขายตัวหรอก!

     

                “เหอะ! แกอย่ามาทำเป็นรักศักดิ์ศรีหน่อยเลย ถ้าแกไม่ทำแล้วจะทำไง จะปล่อยให้บ้านแสนรักนี่ถูกยึดไปเหรอ” ฮิโตมิดูจะไม่กังวลใจเลยแม้ว่าซากุระจะแสดงท่าทีปฏิเสธออกมา เธอรู้ดีว่าสุดท้ายลูกเลี้ยงก็คงต้องยอม

     

                “หนูก็มีทางของหนู! คุณไม่ต้องมายุ่ง พรุ่งนี้หนูจะไปปฏิเสธเขา” เธอว่าแล้วทำท่าจะเดินจากไป

     

                “แกนี่มันสิ้นคิดเหมือนพ่อของแกไม่มีผิด” ฮิโตมิพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก ทำให้คนที่กำลังจะเดินออกไปหันขวับมาทางเธออย่างรวดเร็ว

     

                “คุณอย่ามาลามปามถึงคุณพ่อนะ!

     

                “ทำไม? ทำไมฉันจะพูดถึงมันไม่ได้ ไอ้ผัวเฮงซวยที่ดีแต่ก่อหนี้ให้เมียตัวเองตามใช้นี่มันน่าบูชานักเหรอ”

     

                “...”

     

                “ก็ตามใจแกซี่ ถ้าแกไม่ทำก็นั่งนับวันรอวันที่บ้านของแกจะถูกยึดไปได้เลย”

     

                ซากุระเม้มริมฝีปากไว้แน่น ความโกรธเคืองแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ดวงตาสีมรกตมองดูแม่เลี้ยงของตนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่คนถูกมองก็ยังคงแค่นยิ้มออกมา

     

                “แต่ฉันจะบอกอะไรไว้อีกอย่างนะ นอกจากไอ้รังหนูที่แกเรียกว่า บ้านจะถูกยึดไปแล้วเนี่ย ของมีค่าทั้งหมดที่พ่อแม่ของแกให้ไว้มันก็จะถูกยึดไปด้วย แกจะถูกฟ้องล้มละลายชนิดที่ไม่มีแผ่นดินเอาไว้ให้ยืน ใช้ชีวิตยิ่งกว่าหมาข้างถนน ไม่มีเครดิต ไร้ความน่าเชื่อถือ แกก็รู้นะ กิตติศัพท์ความโหดของธนาคารอุจิวะน่ะ” ฮิโตมิโกหกคำโตเพื่อกดดันหญิงสาว เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าร่างแบบบางตรงหน้ากำลังตัวสั่นเทิ้ม

     

                “โกหก...” ซากุระพูดเสียงเบาหวิว “คุณมันโกหก คุณมันก็แค่พูดเพื่อให้ฉันยอมขายร่างขายศักดิ์ศรี คุณโกหก!

     

                หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตา ถึงแม้จะไม่เชื่อน้ำคำของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่แต่คำพูดนั้นก็ใช่ว่าจะไร้ความน่าเชื่อถือ ธนาคารอุจิวะ... แหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ... ขึ้นชื่อเรื่องการกดดันลูกหนี้เสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งภายใต้การนำของอุจิวะ ซาสึเกะ... ดูเหมือนมาตรการที่ใช้ดำเนินการกับเหล่าลูกหนี้ก็ยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

     

    เขาคือราชานรก...

    ผู้หยิบยื่นความทรมานยิ่งกว่าความตายให้กับผู้ที่ต่ำต้อยกว่า...

     

                “ฉันแล้วแต่แก เพราะเศรษฐีคนที่ขอให้แกไปท้องให้เขาเป็นคนระบุชื่อแกเอง คงจะเป็นคนใหญ่คนโตถึงได้มีอำนาจสั่งธนาคารอุจิวะได้... ถ้าแกปฏิเสธเขา ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้นะว่าพวกเราจะเจออะไรบ้าง” ถึงแม้จะใช้คำว่า พวกเราแต่ฮิโตมิกลับดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆเลย ผิดกับเธอที่โกรธจนแทบคลั่งกับความบ้าอำนาจใช้เงินทำแต่เรื่องสกปรกของพวกผู้มีอิทธิพล

     

                “ยังไงหนูก็ไม่ทำ” ซากุระพูดเสียงเย็น “จะให้หนูไปทำเรื่องต่ำๆแบบนั้นหนูทำไม่ได้!

     

                “เฮอะ! เรื่องต่ำๆเหรอ?” ฮิโตมิพูดเสียงขึ้นจมูก ดูเหมือนว่าลูกเลี้ยงของเธอจะดื้อกว่าที่คิด

     

                “แล้วที่แกไปเต้นล่อเสือล่อตะเข้ทุกวันนั่นมันอะไร เหอะ! มันไม่ต่ำเหรอ”

     

                “...”

     

                “ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าหน้าอย่างแกจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยผ่านมือผู้ชายมาน่ะ งานนี้มันก็แค่ของเคยๆของแกไม่ใช่รึไง แถมค่าจ้างยังแพงกว่าที่แกได้จากไอ้พวกกุ๊ยนั่นอีก”

     

                “คุณอย่ามาดูถูกศักดิ์ศรีของหนูนะ...” ซากุระพูดพลางกัดฟันกรอด มือเล็กๆกำเข้าหากันอย่างโกรธแค้น

     

                “ศักดิ์ศรี? ฮ่าๆๆ เด็กใจแตกอย่างแกกำลังพูดถึงศักดิ์ศรี? โอ๊ย ฉันขำ! แล้วศักดิ์ศรีห่วยๆของแกมันกินได้มั้ย?”

     

                “...”

     

                “กะอีแค่ไปอุ้มลูกให้เค้า ไปเป็นอู่ให้ลูกเค้าแค่เก้าเดือนสิบเดือนนี่คงไม่พอตายหรอกมั้ง แต่ถ้าแกไม่ทำน่ะ แกตายแน่”

     

                “คุณไม่ได้เป็นคนไปทำนี่คะ คุณก็พูดได้สิ...คุณไม่มีศักดิ์ศรีเลยรึไง วันๆคอยคิดแต่จะขายหนูให้คนโน้นคนนี้ ไม่ทราบว่าผันตัวไปเป็นแม่เล้าตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!

     

    เพียะ!!!

     

                สิ้นเสียงของซากุระก็ตามมาด้วยเสียงตบที่ดังกลบเสียงประชดของเธอ ซากุระล้มลงไปกองที่พื้นเพราะแรงตบนั้นก็ใช่ว่าจะน้อย ฮิโตมิเหวี่ยงแขนตบเธอสุดแรงราวกับว่าอยากจะฆ่าให้ตาย ซากุระหน้าชาไปครึ่งแถบ ลิ้นสัมผัสได้ถึงของเหลวรสเค็มแปลกๆ

     

                “นังเด็กไม่รักดี! เก็บปากพร่อยๆของหล่อนเอาไว้ร้องโวยวายวันพรุ่งนี้เถอะย่ะ ต่อให้แกจะพูดยังไงฉันก็เซ็นขายแกไปเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่ให้เขามารับแกไปเป็นอู่ลูกให้เขาก็เท่านั้นแหละ!” ฮิโตมิพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจิกผมสีชมพูอ่อนของซากุระเพื่อบังคับให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเธอ

     

                “แกควรจะขอบคุณฉันนะที่ทำให้เด็กเลวๆที่ทำงานตามผับตามบาร์อย่างแกมีผัวรวยๆกะเขา เหอะ! แกมันยังสาว ดีไม่ดีไปอุ้มลูกให้เขาแล้วเขาอาจจะหลงเสน่ห์เอาแกไปเป็นเมียจริงๆก็ได้ใครจะรู้...” ฮิโตมิพูดพร้อมกับยิ้มเหยียด “แต่ฉันว่าไอ้เศรษฐีคนนี้มันต้องเป็นพวกไร้น้ำยาหรือไม่ก็หน้าตาอุบาทว์จนเมียไม่อยากมีลูกด้วยล่ะมั้ง อาจจะแก่คราวพ่อแกก็ต้องทนๆหน่อยนะ”

     

                “ต่ำ!” ซากุระสบถคำด่าใส่แม่เลี้ยง ตอนนี้ความโกรธของเธอมีมากเกินกว่าที่จะมานั่งเคารพอดีตเมียของพ่อแล้ว อีกฝ่ายทำเหมือนเธอไม่ใช่คน! ทำเหมือนเธอไม่ได้มีชีวิตจิตใจเลยสักนิด

     

    เพียะ!!!

     

                “แกกล้าว่าฉันเหรอ?นังเด็กเหลือขอ!

     

    เพียะ!!!

     

                “ฉันก็อยากดูนักว่าไอ้ความหยิ่งผยองของแกมันจะไปได้ซักกี่น้ำ! ลุกมานี่เลยนังเนรคุณ!” พูดไม่พูดเปล่าฮิโตมิกระชากผมของซากุระเพื่อให้ลุกตามเธอไป ซากุระพยายามขัดขืนเอามือตะเกียกตะกายปัดป่ายแต่ความเจ็บระบมที่ศีรษะและความปวดร้าวที่เกิดจากการถูกตบซ้ำๆก็ทำให้เธอทำได้เพียงแค่ฝากรอยข่วนเล็กๆน้อยที่แขนของแม่เลี้ยงใจยักษ์เท่านั้น

     

                “ปล่อยฉัน! ฉันไม่ไป ฉันไม่ทำ!” เธอร้องโวยวายทั้งน้ำตา สติแทบจะเรือนลางไปเพราะความเจ็บปวด

     

                “ถ้าฤทธิ์เยอะนักฉันจะโทรสั่งให้ไอ้กุ๊ยแถวนี้มาทำให้แกสงบปากสงบคำก่อนดีมั้ย?” ฮิโตมิพูดเสียงเย็น เธอลากลูกเลี้ยงมาจนถึงห้องเก็บของใต้บันได สาวใหญ่เปิดประตูก่อนจะใช้แรงทั้งหมดผลักซากุระเข้าไปข้างใน “อยู่มันในนี้แหละ! พรุ่งนี้จะมีคนมาเอาตัวแกไปและเอาสัญญามาให้แกเซ็น เตรียมตัวดีๆ ถ้าขืนแกเล่นตุกติกอะไรฉันรับรองว่าแทนที่จะได้เป็นเมียเศรษฐีแกคงได้เป็นเมียพวกขี้ข้าแถวนี้ก่อนแน่ๆ!

     

    ปัง!

     

                เสียงประตูห้องเก็บของปิดลงพร้อมๆกับแสงสว่างสุดท้ายหายไป...

     

                ซากุระไม่มีแรงพอที่จะลุกขึ้นมาโวยวายอะไรอีก เธอได้แต่นอนร้องไห้เงียบๆ การกระทำที่เหมือนไม่ใช่มนุษย์เมื่อกี้มันคืออะไร? แม่เลี้ยงของเธอยังมีความเป็นคนอยู่อีกหรือ?

     

    โหดร้าย...

    เพื่อเงินแล้วหล่อนทำได้แม้กระทั่งให้คนมาย่ำยีเธอ...

     

    พ่อค่ะ...แม่คะ...หนูไม่อยากไป...

    หนูไม่อยากทำงานนี้ หนูไม่เอา...ช่วยหนูด้วย...

     

                ซากุระนอนน้ำตาไหลนึกถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับ ความรู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะเริ่มทำให้สติของเธอเลือนราง... เพียงไม่นานภายในห้องเก็บของก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงลมให้ใจแผ่วๆของคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต...

     

    ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่โหดร้าย...

     

    .

    .

    .

     

                จูโกะมาถึงที่บ้านของซากุระตอนแปดโมงตรง วันนี้ชายหนุ่มมาพร้อมกับคนของธนาคารอีกสองคนที่ทำหน้าที่ขนเงินสิบล้านมาให้ ส่งเสียงเรียกเพียงไม่นานร่างเพรียวบางของหญิงวัยกลางคนก็ปรากฏแก่สายตา ฮิโตมิเดินออกมาตอนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดวงตาของเธอเปล่งประกายเมื่อเห็นกระเป๋าบรรจุเงินที่พนักงานธนาคารถืออยู่

     

                “เชิญข้างในก่อนค่ะ” เธอพูดก่อนจะเดินนำเข้าไป จูโกะและคณะเดินตามเธอเข้าไปและนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก ชายหนุ่มหยิบสัญญาอีกฉบับซึ่งเป็นส่วนที่ซากุระต้องเซ็นออกมา

     

                “คุณฮารุโนะ ซากุระล่ะครับ” เขาถาม ดวงตาสีเพลิงสอดส่ายหาเจ้าของเรือนผมสีชมพูที่เป็นคู่สัญญาอีกคน

     

                “รอสักครู่นะคะ” ฮิโตมิพูดพร้อมกับยิ้ม เธอเดินขึ้นบันไดไป สองสามนาทีถัดมาหญิงสาวชุดลำลองก็เดินตามผู้เป็นแม่เลี้ยงลงมา แม้ว่าจะอยู่ในชุดลำลองที่ดูธรรมดาแค่ไหนแต่ซากุระก็ยังคงเป็นที่เตะตะสำหรับคนมองอยู่ดี

     

    เธอสวยขึ้นมาก...

     

                จูโกะคิดแล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรอยช้ำที่แก้มและดวงตามีบวมช้ำของหญิงสาว

     

                “เกิดอะไรขึ้นครับ” เขาถามทันทีที่ฮิโตมิพาซากุระมานั่งที่โซฟา ชายหนุ่มยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นสภาพร่างกายของเธอใกล้ๆ เนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว แม้จะไม่ชัดจนน่าเกลียดแต่ก็พอสังเกตได้ มิหนำซ้ำ...ดวงตาของเธอยังเลื่อนลอยเหมือนคนไร้วิญญาณ เธอไม่มีปฏิกิริยาใดๆด้วยซ้ำทั้งๆที่เห็นเขา เอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย

     

                “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยัยเด็กนี่แค่กังวลนิดหน่อยก็เลยเผลอทำร้ายตัวเอง”

     

    เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นที่สุดสำหรับเขา...

     

                จูโกะมองดูคนตรงหน้าอย่างนึกเวทนา สงสัยเขาจะคิดผิดเป็นอย่างมากที่เลือกเธอ... แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนอะไรตอนนี้มันก็คงจะดูสายเกินไป ชายหนุ่มถอนหายใจ... มาถึงขั้นนี้แล้วก็คงมีแต่ต้องลุยต่อ...

     

                “ไหนล่ะสัญญา รีบๆให้มันเซ็นเถอะฉันจะได้ไปจากบ้านสับปะรังเคนี่ซักที” ผู้สูงวัยกว่าเร่ง จูโกะมองหน้าเธออย่างนึกโกรธแทนหญิงสาวตรงหน้า เธอคงถูกบังคับและถูกกดดันมากจนมีสภาพเป็นแบบนี้... ชายหนุ่มยิ้มเย็น คิดอีกแง่ก็ดีเหมือนกันที่เขาจะแยกเธอออกไปจากแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่เห็นแก่เงินคนนี้

     

                “นี่ครับ” จูโกะพูดพร้อมกับหยิบสัญญาแผ่นหนึ่งออกมา

     

                “ให้คุณฮารุโนะ ซากุระเซ็นตรงนี้ ส่วนคุณ...เซ็นตรงนี้ครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นปากกาให้ ฮิโตมิส่งมันต่อให้ลูกเลี้ยงของเธอที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สาวใหญ่ชักสีหน้าเมื่อเห็นว่าซากุระยังคงเงียบ

     

                “รีบๆเซ็นไปซะนังเด็กโง่ ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน” เธอกระซิบเบาๆข้างหูลูกเลี้ยง ซากุระจรดปากกาไปที่กระดาษก่อนจะตวัดเซ็นลายมือชื่อของตนอย่างว่าง่าย ฮิโตมิยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะดึงปากกาจากมือของหญิงสาวมาเซ็นส่วนของตัวเองบ้าง

     

                “เสร็จแล้ว” เธอว่าพร้อมกับส่งเอกสารคืนให้จูโกะ เขาเอามันไปเช็คความเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดูคู่สนทนา รอยยิ้มเย้ยหยันอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีให้เฉพาะฮิโตมิปรากฏขึ้น

     

                “เอาเงินมาให้คุณผู้หญิงคนนี้” เขาหันไปสั่งเจ้าหน้าที่จากธนาคาร ทั้งสองคนรีบกุลีกุจอเอากระเป๋าใบใหญ่ที่ภายในบรรจุเงินสดวางไว้บนโต๊ะ ฮิโตมิไม่รอช้ารีบเปิดออกดูด้วยความโลภที่มีมากเหนือสิ่งอื่นใด เธอหยิบเงินปึกแล้วปึกเล่าออกมาสำรวจดูว่าไม่มีการสอดแทรกของปลอมเข้าไป จากนั้นสาวใหญ่ก็ยิ้มจนแก้มปริเมื่อตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว

     

                “ทีนี้ฉันไปได้รึยัง” เธอถามหลังจากเก็บเงินเข้ากระเป๋าตามเดิม ก่อนจะลากมันไปรวมกับกระเป๋าสัมภาระของตน

     

                “เชิญครับ... แต่คุณห้ามลืมข้อตกลงของเราเด็ดขาด ห้ามกลับมาเหยียบที่นี่ ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ และ...ห้ามติดต่อคุณซากุระอีก” จูโกะย้ำเสียงเรียบ ดวงตาสีเพลิงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุดัน

     

                “ย่ะ! ฉันไม่ลืมหรอก ใครมันจะอยากติดต่อนังนั่นให้เป็นเสนียดล่ะ คุณก็เถอะ อย่าทำให้นังนั่นมันมาเอาเรื่องฉันได้ก็แล้วกัน” ฮิโตมิพูดพลางมองไปยังลูกเลี้ยงของเธออย่างสมเพช “งั้นฉันไปแล้วนะ ขอบคุณที่เอาเงินมาให้ใช้กันฟรีๆ”

     

                เมื่อร่างของฮิโตมิหายลับไปจากสายตา หญิงสาวที่นั่งเหม่อเหมือนกับคนไร้วิญญาณก็ปล่อยโฮออกมาจนคนที่ยังนั่งอยู่มองอย่างตกใจ

     

                “ซากุระ!” จูโกะพูดพร้อมกับเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างๆหญิงสาว มือหนากดศีรษะคนกำลังร้องไห้ให้ซบที่อกของเขา

     

                “เลิกร้องนะครับคนเก่ง”

     

                “ฮึก...ทำไม ทำไมเค้าต้องทำแบบนี้ ทำไมเค้าต้องบังคับให้ฉันขายร่างกายตัวเอง” ซากุระคร่ำครวญ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าใครกำลังปลอบใจเธออยู่ เมื่อคืนหลังจากหมดสติอยู่ในห้องเก็บของ ฮิโตมิก็มาปลุกเธอพร้อมกับลากตัวเธอออกไป ซากุระขัดขืนและพยายามจะหนีแต่เธอลับถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ ใบหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไรของคนพวกนั้นทำให้เธอถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น ฮิโตมิขู่ว่าหากเธอไม่ยอมเซ็นสัญญาแต่โดยดี หล่อนจะให้ชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่มรุมโทรมเธอ ซากุระขวัญผวาจนไม่กล้าขยับไปไหน... ความกลัวทำให้เธอครองสติไวกับตัวแทบไม่อยู่ หญิงสาวถูกบังคับให้ขึ้นไปอยู่บนห้องจนกว่าผู้ว่าจ้างจะเอาสัญญามาให้เซ็น...

     

    เหตุใดคนที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปีถึงได้ทำโหดร้ายกับเธอขนาดนี้...

    ถึงจะไม่มีความผูกพันกันแต่ก็น่าจะเหลือความเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์บ้างมิใช่หรือ?

     

                “พี่ขอโทษ...” จูโกะพูด เขานึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่ทำให้หญิงสาวผู้เป็น รักแรกของตนต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตัวเอง โกรธแม่เลี้ยงใจยักษ์ของหญิงสาว โกรธ...แม้กระทั่งซาสึเกะ... เจ้านายที่เขาเคารพ

     

                “ไปกันเถอะครับ” เขาพูดพร้อมกับพยุงตัวหญิงสาวให้ยืนขึ้น คนที่ถูกพยุงตัวลุกขึ้นและเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างง่ายดาย เธอเหมือนคนที่ไร้วิญญาณเพราะสูญเสียซึ่งความภูมิใจไปหมดแล้ว...

     

    ซากุระยังคงร้องไห้ต่อไป คำพูดหรือคำปลอบใดๆจากจูโกะไม่อาจส่งไปถึงเธอได้ ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า... เขารู้ดีว่าซากุระจะต้องเจอกับเรื่องที่ร้ายแรงกว่านี้แน่ๆถ้าต้องพบกับซาสึเกะ ความทรมานของเธอในตอนนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น...

     

    อยากจะเปลี่ยนใจแต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว...

     

    ฉันขอโทษ...

    .

    .

    .

     

                บ้านทรงยุโรปที่ถูกปลูกแยกออกมาจากตัวคฤหาสน์เป็นที่ที่ชายผู้ถูกขนานนามว่า ราชานรก ใช้เป็นที่อยู่อาศัยยามที่เซ็งกับกฎระเบียบอันเคร่งครัดของเจ้าบ้านอีกคนที่ป่านนี้คงกำลังหมกตัวอยู่ที่ห้องใดห้องหนึ่งในคฤหาสน์อุจิวะอันยิ่งใหญ่

     

                ซาสึเกะกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในเรือนกระจกที่เขาสร้างขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าของบ้านทรงยุโรปเพื่อใช้ปลูกพืชเมืองหนาวที่แสนโปรดปราน วันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่เขาจะหยุดงานที่ธนาคาร... เหตุผลน่ะหรือ?

     

    ก็รู้ๆกันอยู่...

    เพื่อมารอ ผู้หญิงหน้าเงินคนหนึ่งยังไงล่ะ...

     

    ใบหน้าที่งดงามดุจทูตสวรรค์ของซาสึเกะกำลังบูดบึ้งและเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเลขาที่เขาใช้ไปรับตัวผู้หญิงที่จะมาอุ้มท้องให้ตนมาช้ากว่าเวลาที่กำหนดถึงครึ่งชั่วโมง

     

    หรือจะมีอะไรผิดพลาด?

     

                ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาและมันก็ยิ่งทำให้คนที่เดิมกังวลอยู่แล้วประสาทแทบจะกินกันไปข้าง จูโกะแทบไม่เคยผิดเวลา... อย่างน้อยก็ไม่เคยสำหรับเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้...

     

                หลังจากนั้นอีกประมาณสิบนาทีภาพของรถญี่ปุ่นคันหนึ่งซึ่งซาสึเกะจำได้ดีว่ามันเป็นรถของเลขาหนุ่มคนสนิทก็ปรากฏแก่สายตา... จู่ๆหัวใจของเขาเต้นตึกตักอย่างไม่ทราบสาเหตุ... ซาสึเกะไม่สนใจมันแล้วเดินลงบันไดจากชั้นดาดฟ้าเพื่อไปพบลูกน้องของเขาที่คงมาพร้อมกับ แม่อุ้มบุญ

     

                “คุณซาสึเกะครับ” เสียงเรียกอันคุ้นหูดังอยู่ที่หน้าประตู ซาสึเกะเปิดประตูออกไปอย่างใจเย็น เขาต้องทำใจอยู่ไม่น้อยที่จำต้องยอมให้ ผู้หญิงเข้ามาในบ้านพักอันเป็นอาณาเขตหวงห้ามของตน แต่เมื่อเปิดประตูออกไปและพบกับคนที่ลูกน้องคนสนิทพามา ซาสึเกะก็เปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน...

     

    ภาพเหตุการณ์ในวันวานไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว...

    ความเจ็บที่แก้มยังคงตราตรึงนัก...

    และ...ตัวต้นเหตุที่ทำเอาเขาคลั่งไปหลายวันก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า...

    เธอยืนก้มหน้าก้มตาเหมือนคนไร้วิญญาณ...

     

                ความโกรธผุดขึ้นมาเป็นริ้วๆ ศักดิ์ศรีที่โดนหยามทำให้ซาสึเกะไม่อาจควบคุมตัวเองได้... เขายิ้มเหี้ยมเกรียม ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ตรงหน้าเขาในฐานะอะไร... เขาตรงปรี่เข้าไปกระชากแขนของเธออย่างแรงท่ามกลางสายตาตกตะลึงของจูโกะ...

     

                “มาให้ฉันฆ่าถึงที่เลยนะ...”

     

     

     

                อ๊ากกกก กดดันๆๆ ในที่สุดก็เจอกันแล้วและดูท่าว่าจะโดนจัดหนักแน่ๆ สงสารหนูกุT^T อีพีนี้สงสารหนูกุและหมั่นไส้นังแม่เลี้ยงเหลือเกิน ให้ตายสิ ทำไมมันเลวอย่างนี้! -^- (รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้รุนแรงขึ้นทุกที-0-) คือแบบว่าแต่งๆไปก็เกรงใจชื่อเว็บที่เอาลงเหลือเกิน มันไม่ใช่นิยายใสๆแล้วง่ะ ฮ่ะๆๆ >.< ต่อจากนี้ท่านจะได้พบกับความS ของเกะที่เก็บสะสมมานาน (ฮะ?) ยิ่งมีคดีเก่าติดหลังหนูกุคงไม่รอด แอร๊ยยย ลุ้นฉากncจุง >.< (ไหนว่ามันเกลียดผู้หญิงไงฟระ-.-) รอก่อนสำหรับncที่ไรท์รับประกันว่ามีแน่ๆ หุๆ-..-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×