ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เพลิงแค้นซาตาน [END]

    ลำดับตอนที่ #35 : Chapter 30 : [Ending] บทสรุปของความแค้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.04K
      151
      28 ก.ค. 57

    บทที่ 30 บทสรุปของความแค้น [Ending]

     

     

                “เลิกงอนแล้วมากินข้าวเถอะ”

     

    เสียงทุ้มที่จะเรียกว่าง้อก็ไม่เชิง จะขำก็ไม่ใช่ เอ่ยเรียกคนที่กำลังนั่งหันหลังทำหน้ามุ่ยใส่เขาอยู่ ซาสึเกะที่เสร็จสิ้นจากภารกิจพ่อครัวหัวป่าก์ถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะเดินอ้อมไปดักหน้าคนที่กำลัง งอนเขานั่งยองๆเพื่อให้มองเห็นใบหน้าหวานที่กำลังงองุ้มอยู่ชัดๆ เรียวปากได้รูประบายยิ้มขำ...

     

                “ไปกินข้าว” เขาสั่งแต่แทนที่น้ำเสียงจะดูดุเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้มันกลับเต็มไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ

     

                “เรื่องเมื่อคืนน่ะ...” เขาพูด ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย “ฉันพยายาม ทำเบาๆแล้วนะ แต่เพราะเธอส่งเสียงแบบนั้นฉันก็เลย....”

     

                “หุบปากไปเลยนะ ซาสึเกะบ้า!!!” เธอว่าก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขาไปอย่างเขินอาย ร่างบางใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อคืน

     

                ซาสึเกะที่ให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะทะนุถนอมเธอกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาทำให้เธอแทบจะขาดใจตายในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา... ความปรานีที่เจ้าตัวเคยพูดไว้หายวับไปเมื่อถูกอารมณ์เข้าครอบงำ และที่มันน่าโกรธยิ่งกว่าก็คือตัวเธอเองที่ดันไปตอบสนองเขามากเกินไปจนทำให้ซาสึเกะออกแรงแบบมาราธอนสามชั่วโมงติดต่อกันจนไม่เป็นอันนอน ซากุระนึกสงสารลูกน้อยในท้อง...

     

    ทีหลังจะไม่ทรมานลูกแบบนี้อีกแล้ว...

     

                “ก็ได้ ทีหลังฉันจะทำเป็นไม่ได้ยิน สัญญา...” ซาสึเกะพูดพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้เธออย่างเจ้าเล่ห์เล่นเอาคนมองถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความโกรธหรือความเขินอายกันแน่

     

                “ไม่มีทีหลังแล้วย่ะ!

     

                “อย่าใจร้ายนักสิ” เขาว่าก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวอาหารเย็นหมด”

     

                “...”

     

                “จะไปดีๆหรือจะให้อุ้ม” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม ซาสึเกะยืนเต็มความสูงพร้อมที่จะสอดมือเข้ามาช้อนตัวเธอได้ทุกเมื่อ ซากุระที่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่แล้วดวงตาสีมรกตก็ต้องไหววูบอีกครั้งเมื่อซาสึเกะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา

     

                “แน่นอนว่าถ้าให้ฉันอุ้ม... เธอคงได้กินอย่างอื่นแทนข้าวแน่ๆ”

     

                ประโยคที่ส่อแววล่อแหลมของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้านวลแดงก่ำขึ้นไปถึงหู ใบหน้าที่เขินอายของซากุระมันทั้งดูน่ารักและดูยั่วยวนสำหรับซาสึเกะจนเขาเผลอมองค้างไปชั่วขณะ ทีแรกเขาก็แค่กะจะแกล้งแหย่คนตัวเล็กเล่นๆ แต่ดูเหมือนว่าคนแกล้งจะกลายเป็นคนถูกเล่นงานเองซะแล้ว

     

    ฉันจะอดใจไม่ทำอะไรเธอได้ยังไงตั้งหลายเดือน

     

                ซาสึเกะคิดก่อนจะถอนหายใจ ในใจก็นึกเคืองเจ้าตัวเล็กของเขาหน่อยๆว่าทำไมถึงรีบมานักนะ ให้เขามีความสุขในฐานะสามีก่อนคุณพ่อนานๆหน่อยก็ไม่ได้

     

    ทำแบบนี้คุณพ่อลำบากนะครับ

     

    ก๊อกๆๆ

     

                เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะทำให้คนที่กำลังจิตตกเพราะมัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องกับอีกหนึ่งคนที่กำลังคิดเรื่องเดียวกันแต่คนละอารมณ์หันไปมองที่ประตู ซาสึเกะดึงแขนคนตัวเล็กกว่าแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกที่มาเยือนยามเช้า

     

                “สวัสดีครับท่านโฮคาเงะ” ซาสึเกะทักทายเมื่อเห็นว่าอีกฟากของบานประตูเป็นผู้หญิงที่ได้รับความเคารพยำเกรงมากที่สุดในหมู่บ้าน ซึนาเดะพยักหน้ารับคำกล่าวทักทายนั้นก่อนจะเดินเข้ามาในห้องตามที่ชายหนุ่มผายมือเชิญ

     

                “ท่านซึนาเดะ!” ซากุระร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือน เธอเตรียมยืนทำความเคารพแต่ทว่าผู้มาใหม่กลับยกมือขึ้นโบกเป็นเชิงบอกว่า ไม่ต้อง เท่านั้นหญิงสาวจึงนั่งลงตามเดิม

     

                “กำลังจะกินข้าวกันเหรอ” ผู้อาวุโสถามพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าอาหารน่าตาน่ากินที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะนั้นคงเป็นฝีมือของชายหนุ่มรูปงามที่กำลังเดินไปรินน้ำให้เธออยู่เป็นแน่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกศิษย์คนสวยของเธอที่กำลังส่งยิ้มเจื่อนๆนั่นจะเป็นคนทำ

     

    ซากุระเป็นแม่ครัวที่แย่พอๆกับเธอ...

     

                “ท่านมาหาพวกเราแต่เช้ามีอะไรหรือครับ” ซาสึเกะถามพร้อมกับยกน้ำมาเสิร์ฟ เขาเชิญให้ซึนาเดะนั่งที่โซฟารับแขกซึ่งถูกจัดไว้ในส่วนเดียวกันกับโต๊ะอาหารเพราะที่พักของพวกเขาเป็นเพียงห้องๆหนึ่งที่แบ่งส่วนไว้เป็นเพียงห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว ดังนั้นห้องรับแขกที่ไม่ได้ถูกแบ่งไว้อย่างชัดเจนจึงต้องมาอยู่รวมกับห้องครัวอย่างช่วยไม่ได้

     

                “อืม...ฉันผ่านมาแถวนี้ก็เลยจะแวะมาดูอาการของเธอด้วย เพราะเมื่อวานซากุระขอให้เธอออกจากโรงพยาบาลกะทันหันฉันก็เลยยังไม่ได้ตรวจเช็คอย่างละเอียด” ซึนาเดะว่า ดวงตาสีชาจ้องมองลูกศิษย์คนเดิมอย่างคาดโทษหน่อยๆ ซากุระได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆให้ผู้เป็นอาจารย์เพราะเมื่อวานเธอไปขอร้องแกมกดดันให้ซึนาเดะยอมปล่อยซาสึเกะกลับบ้านก็เลยแผลงฤทธิ์เอาไว้เสียเยอะ

     

                “ผมปกติดีครับ ไม่มีอาการอะไร” ซาสึเกะพูดเสียงเรียบ แต่เขาก็ถูกคนที่กำลังทำหน้าสำนึกผิดพูดขัดขึ้น

     

                “ไม่มีอาการได้ยังไง!” ซากุระว่า “ท่านซึนาเดะคะ ซาสึเกะเค้าคลื่นไส้และก็อ่อนเพลียบ่อยมาก ช่วยตรวจเค้าหน่อยนะคะ”

     

                “คลื่นไส้เหรอ” ซึนาเดะถามย้ำ “มันไม่น่าจะใช่อาการที่เกิดจากการสลบมาสามวันเลยนี่”

     

                “มันเป็นก่อนหน้านั้นครับ”

     

                “อืม...งั้นวันนี้กินข้าวกินปลาเสร็จแล้วไปพบฉันที่โรงพยาบาล” ซึนาเดะสั่ง แต่แล้วเธอก็ต้องเอะใจเมื่อเห็นจานอาหารที่เต็มไปด้วยผลไม้รสเปรี้ยวจี๊ดบนโต๊ะอาหาร

     

                “เริ่มแพ้ท้องแล้วเหรอ” ผู้อาวุโสกว่าถามคนที่นั่งสงบอยู่ข้างๆพลางพยักเพยิดหน้าไปทางซากุระ คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะตอบ

     

                “ยังไม่มีอาการอะไรเหมือนเดิมครับ”

     

                “ถ้างั้น...” ซึนาเดะกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอก่อนจะเบิกตาโพลง “จานใส่มะม่วงมะนาวนั่นเป็นของเธอเหรอ!

     

                “ครับ ถ้าไม่ได้กินผมจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย...” นอกจากต้องอยู่ใกล้ซากุระชนิดที่ห้ามห่างแม้แต่คืบเดียว... ซาสึเกะต่อประโยคที่เหลือในใจ

     

                “ฮะๆๆ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!” ซึนาเดะว่าพลางหัวเราะเสียงดัง สร้างความงุนงงให้กับบุคคลอีกสองคนที่อยู่ในห้อง

     

                “มีอะไรหรือคะท่านซึนาเดะ” ซากุระถาม ดวงตาสีมรกตฉายแววสงสัย

     

                “ฮ่ะๆๆ เปล่า...เปล่า...” คนแก่กว่าพูดก่อนจะหอบหายใจถี่สูบอากาศเข้าปอดเพราะมัวแต่หัวเราะจนหายใจไม่ทัน

     

                “ซาสึเกะ...” ซึนาเดะเรียกชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวในห้องก่อนจะกระซิบ “ช่วงนี้อย่าอยู่ห่างซากุระล่ะ... เธอน่ะ...กำลังแพ้ท้องแทนเมียตัวเองอยู่”

     

                “!!!

     

    แพ้ท้องแทนเมีย?

     

                คำบอกเล่าของซึนาเดะทำให้คนที่ฉลาดรอบรู้ไปซะทุกเรื่องอดแปลกใจไม่ได้ ซาสึเกะทำหน้างุนงงสักพักก่อนที่เรียวปากได้รูปจะระบายยิ้ม

     

    นี่น่ะหรือคืออาการแพ้ท้อง?

     

    ดีแล้วที่คนที่เกิดอาการนี้เป็นเขาไม่ใช่ซากุระ...

    มิเช่นนั้นเขาคงได้ประสาทเสียแน่ๆที่ต้องเห็นเธอทรมาน...

     

                “ซากุระโชคดีที่ได้เธอเป็นสามี” คนแก่กว่าพูดเสียงเรียบ ดวงตาสีชามองดูลูกศิษย์ที่กำลังพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

     

                “ไม่หรอกครับ...ผมว่าเธอโชคร้ายมากกว่า...” ซาสึเกะพูดเสียงเศร้าเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่หญิงสาวได้รับจากเขา

     

                “ผมทำเธอเจ็บมาเยอะ...เจ็บ...จนเธอคิดว่าความตายยังดีเสียกว่า”

     

                “ความรักกับความเจ็บปวดมันเป็นของคู่กัน...” ซึนาเดะพูดพร้อมกับยิ้ม “ถ้าเธอเดินผ่านความเจ็บปวดเหล่านั้นมาได้...ความรักของพวกเธอก็จะเป็นนิรันดร์ พวกเธอจะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดเพราะต่างเข้าใจถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี...”

     

                “...”

     

                “ฉันฝากซากุระไว้กับเธอแล้วนะ ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายอะไรก็ขอให้จับมือกัน อย่าปล่อยมือกันจนวันสุดท้าย...”

     

                “ผมจะไม่มีวันปล่อยมือซากุระครับ... ผมสาบาน”

     

    .

    .

    .

     

                หลังจากที่ซึนาเดะกลับไปแล้ว ซากุระก็เปลี่ยนจากหน้าที่ภรรยาสุดสวยมาเป็นฝ่ายอัยการสอบสวนทันที เธอได้แต่ถามเซ้าซี้ว่าซึนาเดะเล่าอะไรให้เขาฟังบ้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าคนตัวสูงได้แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบจนคุณอัยการจำเป็นถอดใจเดินสะบัดหน้าหนีเขาไป เดือดร้อนถึงเขาต้องตามไปประกบเพราะเกรงว่าเธอจะไปทำอะไรแผลงๆที่คนท้องเขาไม่ทำกันอีก

     

                “อย่าเดินกระแทกเท้าแบบนั้น” ร่างสูงปรามเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้าชักจะประชดหนักเข้าไปทุกที

     

    แบบนี้มันน่าจับมาลงโทษ...

    เป็นการลงโทษตามแบบฉบับของเขา...

     

    คืนนี้เธอไม่รอดแน่!

     

                “ซากุระ...” เขาว่าก่อนจะคว้าเอวคนกำลังงอนเข้ามากอดเมื่อเดินตามเธอทัน

     

                “ไม่ต้องมายุ่ง! ปล่อยฉัน!” ซากุระพูดพร้อมกับสะบัดตัวเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา แต่มีหรือที่คนแข็งแกร่งอย่างซาสึเกะจะพ่ายแพ้ให้กับแรงมดน้อยๆของเธอ

     

                “ช่วงนี้งอนบ่อยเกินไปแล้วนะ” ร่างสูงว่าพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ เขายังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวบางง่ายๆ มิหนำซ้ำยังปรับเปลี่ยนตำแหน่งมือจนมันไปสัมผัสก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่เขาหลงใหลอีกต่างห่าง

     

                “อ๊ะ!” ซากุระอุทานเมื่อมือกาวของซาสึเกะไม่ได้ทำแค่แตะสัมผัสอีกต่อไป ตอนนี้มันซุกซนหยอกล้อกับก้อนเนื้อนุ่มนิ่มจนเธอแทบจะอ่อนระทวย

     

    ทำไมเขาถึงได้เชี่ยวชาญกับเรื่องแบบนี้นักนะ!

     

                “อ๊ะ! ซะ...ซาสึเกะ ละ...ลามก” เธอพูดไม่เต็มเสียงเมื่อเขาเริ่มไล้มือไปจนทั่ว ส่วนปากนั้นก็ทำหน้าที่ประสานงานกับมือได้อย่างดีเยี่ยม ซาสึเกะขบที่หูของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นคอ ซากุระได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อแข้งขาแทบหมดแรง นึกตำหนิตัวเองอยู่ว่าทำไมไม่รู้จักต่อต้านเขาซักที

     

                “อืม...ฉันชอบไซส์นี้นะ แต่ถ้าใหญ่กว่านี้ได้จะดีมาก” ซาสึเกะกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอพร้อมกับหัวเราะ เขายอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระแม้ว่าใจอยากจะลากคนตัวเล็กไปสำเร็จโทษที่งอนเขา(?)ในห้องเหลือเกิน แต่เกรงว่าทั้งตัวแม่และเจ้าตัวน้อยที่กำลังอยู่ในท้องจะทนไม่ไหวกับความต้องการที่มีมากของเขา เพราะฉะนั้นก็ถนอมแรงเอาไว้เป็นยามดึกจะดีกว่า

     

                ซาสึเกะพยักหน้าหงึกหงักกับตรรกะที่สมบูรณ์แบบของตัวเองโดยไม่ได้ดูหน้าว่าที่คุณแม่ที่กำลังมองเขาตาเขียว

     

                “นี่แน่ะ! ทีหลังถ้าทำแบบนี้อีกนะ...” ซากุระตีแขนคนตัวสูงเบาๆพร้อมกับคาดโทษ ใบหน้างามแดงก่ำเพราะความขัดเขิน

     

                “หืม? ถ้าทำแบบนี้แล้วจะเป็นยังไงเหรอ” ซาสึเกะถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ซากุระถอยหลังหนีอย่างช่วยไม่ได้

     

    เธอจะไปทำอะไรเขาได้...

    เมื่อกี้ยังทำได้แค่ยืนให้เขาทำอะไรตามใจชอบอยู่เลยนี่!

     

                “ซาสึเกะบ้า!” ซากุระตวาดไม่เต็มเสียง เธอเตรียมจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปเพราะคิดว่าขืนอยู่แบบนี้ต่อไปสุดท้ายคงต้องไปจบที่เตียงนอนเป็นแน่แท้ แต่ยังไม่ทันทีขาจะก้าวพ้นประตูมือหนาก็คว้าแขนเธอไว้เสียก่อน

     

                “เดี๋ยวสิ” เขาว่าก่อนจะสืบเท้าเข้ามาหาเธอ เรียวปากได้รูประบายยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของอีกฝ่าย “ฉันมีอะไรจะให้”

     

                ซาสึเกะพูดพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำดูลึกลับออกมา

     

                “ฉันว่าจะให้เธอตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาส...”

     

                “...”

     

                “ถึงมันจะช้าและดูผิดขั้นผิดตอนไปหน่อย แต่ว่า...” ร่างสูงพูดก่อนจะทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด เขานั่งคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับใช้ดวงตาสีรัตติกาลมองมาที่เธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก...

                ซาสึเกะเปิดกล่องกำมะหยี่ แหวนเพชรเม็ดงามปรากฏแก่สายตา ซากุระมองมันพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ชวนให้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่งาม

     

    ซาสึเกะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างเบามือ...

    เขาประทับจุมพิตที่เต็มไปด้วยความหมายที่มือเล็ก...

     

                “แต่งงานกับฉันนะ...ซากุระ”

     

     .

    .

    .

     

    เจ็ดเดือนผ่านไป

     

                “โอ๊ย!!! เจ็บบบบบ!!!” เสียงร้องครวญครางของคนที่อยู่บนเตียงทำให้ชายหนุ่มที่กำลังกุมมือของเธออยู่มือไม้สั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ใบหน้าหล่อเหลาชื้นไปด้วยเหงื่อไม่ต่างจากคนที่กำลังร้องอยู่เลยสักนิด

     

                “อดทนหน่อยนะซากุระ...” ซาสึเกะพูดทั้งๆที่หัวใจของเขาเองก็แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ การคลอดลูกมันสร้างความเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

     

                “ฉันเจ็บบบ!!!

     

                “ฉัน...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว...”

     

                “ฉัน...ฉันเจ็บ!!! ฉันไม่ไหว....ซาสึเกะ...ช่วย...ช่วยฉันที โอ๊ยยย!!!!” ซากุระพูดพร้อมกับกัดฟันแน่น เธอพยายามออกแรงเบ่งท้องให้มากที่สุดตามที่ซึนาเดะแนะนำ แต่ทว่าความปวดร้าวระบมก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องโวยวาย มือเล็กบีบมือที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างแรงเพื่อระบายความเจ็บปวด ซาสึเกะมองใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของซากุระอย่างตื่นตระหนก

     

                “ชะ...ช่วยเหรอ ช่วยยังไง ปกติเวลาแบบนี้คนเป็นพ่อต้องทำยังไง...” ซาสึเกะพูดเสียงสั่น คนที่ฉลาดจนเข้าขั้นอัจฉริยะอย่างเขากลับคิดอะไรไม่ออกราวกับว่าสมองถูกแช่แข็งเพราะเสียงร้องของหญิงสาวคนรัก

     

    “ช่วยฉันด้วย ซาสึเกะ...โอ๊ยยย!!!

     

    “ฉัน...ฉันต้องทำยังไง...ฉันต้องไปถามพ่อ...” เขาพูดออกมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะใช้อีกมือที่ว่างตบหน้าผากตัวเองแรงๆ “อ่าไม่สิ พ่อฉันตายไปแล้ว... พี่อิทาจิ...ไม่ใช่... พี่ก็ตายไปแล้ว”

     

    “เจ็บบบ!!!

     

    “ใจเย็นๆนะซากุระ ให้ตายสิฉันอยากเป็นคนเจ็บแทนเธอ!!!” เขาโพล่งออกมา โกรธตัวเองที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนให้กำลังใจ

     

    “เถียงบ้าอะไรกันอยู่ฮะ! ตั้งใจหน่อยซากุระ หัวเด็กโผล่ออกมาแล้ว และก็ซาสึเกะ ไอ้ความสุขุมของเธอมันหายไปไหน! จะมาจิตตกตบะแตกตอนนี้ไม่ได้นะ!” ซึนาเดะหันมาเตือนว่าที่คุณพ่อคุณแม่ที่ทำท่าสติจะหลุดกันไปหลายรอบ ซาสึเกะพยายามทำให้หัวใจที่เต้นตูมตามของตัวเองสงบลง

     

    “ผมขอโทษ...พอเห็นซากุระเจ็บผมก็...”

     

    “โอ๊ย!!! ฮือ...เจ็บจะตายอยู่แล้ว!!!!!

     

    “พยายามหน่อยซากุระ อีกนิดเดียว เอ้า ฮึบ!!!” ซึนาเดะเร่ง

     

    “ซากุระสูดหายใจเข้าลึกๆนะ ฉัน...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” เขาพูดเสียงไม่มั่นคง สมองรู้สึกเบลอๆอย่างบอกไม่ถูก ซาสึเกะพยายามใช้ขอบเตียงช่วยพยุงตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น แต่ทว่า...

     

    “ฮึบ!!!

     

    “โอ๊ย!!!

     

    “ม่ายยย” เขาร้องอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องสุดเสียงของซากุระที่ดังพร้อมๆกับเสียงของเด็กน้อยแรกเกิด เลือดปริมาณมากปรากฏแก่สายตาพร้อมๆกับเด็กน้อยที่ทั้งตัวถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด

     

    ซาสึเกะหอบหายใจถี่...โลกทั้งใบหมุนติ้วอย่างน่ากลัว...

     

                “ลูก...” เขาพึมพำออกมาก่อนที่สติจะถูกกระชากไป

     

    .

    .

    .

     

                ซาสึเกะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางกลิ่นฉุนๆของโรงพยาบาลที่แสนคุ้นเคย ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียงเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะสลบได้

     

    ให้ตายสิ...

    ดันมาสลบเพราะเมียคลอดลูก...

     

                 “ฟื้นแล้วเหรอ” ซึนาเดะถามพร้อมกับยิ้มขำ ใบหน้าของซาสึเกะก่อนจะสลบไปเป็นที่น่าติดตายิ่งนัก ชายหนุ่มผู้ที่แข็งแกร่งและไม่เคยแสดงถึงความอ่อนแอให้เห็นถึงกับล้มพับเพียงเพราะเห็นภรรยาสุดที่รักคลอดลูก

     

    ไม่รู้จะสงสารหรือขำดี...

     

                “เป็นเด็กผู้ชาย หน้าตาเหมือนเธอเป๊ะอย่างกับถูกถอดออกมาจากเบ้าเดียวกัน” ซึนาเดะพูดก่อนจะส่งตัวทารกน้อยที่กำลังนอนหลับตาพริ้มในห่อผ้าที่ถูกห่อไว้อย่างดีให้กับผู้เป็นพ่อ ซาสึเกะยื่นมือสั่นๆของตัวเองไปรับ...

     

                วินาทีแรกที่เห็นใบหน้าของลูกน้อย ดวงตาสีรัตติกาลที่แสนแข็งแกร่งก็ปล่อยให้น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมา มันเป็นความตื้นตันที่เกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ ในอ้อมแขนของเขา...คือสายเลือดที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอด คือพยานแห่งรักของเขากับซากุระ... ดวงตาสีรัตติกาลมองเด็กน้อยในอ้อมแขนชัดๆ

     

    ใบหน้านั้นช่างละม้ายคล้ายเขายิ่งนัก...

     

    ผมของเขาสีดำขลับ...

    ตัวของเขาเป็นสีชมพูอ่อนๆ...

    เขาตัวเล็กยิ่งนักเมื่อเทียบกับมือหนาของผู้เป็นพ่อ...

     

    น่ารักน่าชัง...

     

                “ซากุระอยู่ห้องถัดไปน่ะ เพราะเพลียจากการคลอดก็เลยยังไม่ฟื้น เธอพาลูกไปหาแม่เค้าสิ” ผู้อาวุโสว่าก่อนจะเดินออกจากห้องไป ซาสึเกะจรดริมฝีปากได้รูปไปที่หน้าผากของทารกน้อยเบาๆ

    ยินดีต้อนรับนะครับ...อากิระลูกพ่อ

     

    .

    .

    .

     

                “ซาสึเกะ...” ซากุระที่ฟื้นขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเรียกชื่อเขาเบาๆ ซาสึเกะที่กำลังนั่งมองหน้าลูกของตัวเองได้สติก่อนจะอุ้มตัวเด็กน้อยไปวางเคียงข้างผู้เป็นแม่บนเตียง

     

                “เจ็บมากมั้ย” เขาถาม มือหนาลูบผมสีดอกซากุระก่อนจะประทับจูบบนหน้าผากมนเบาๆ

     

                “อือ...แต่ว่า...ฮึก แค่ได้เห็นหน้าลูก...ฮึก ฉัน...ฉัน” ซากุระพูดประโยคต่อมาไม่ออก มือเล็กค่อยๆอุ้มทารกน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ดวงตาสีมรกตเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน

     

                “ขอบคุณนะซากุระ” ซาสึเกะพูดพร้อมกับโอบกอดภรรยาของเขาไว้พร้อมลูกน้อย สองสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา...

     

                “เธอกับลูกคือของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าประทานให้ฉัน”

     

     

                ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองออกไป...

     

    ความแค้นนั้นสำคัญไฉนหนอ...?

     

                ซาสึเกะเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาจะได้รับจากความแค้นนอกจากความเจ็บปวด... เป็นเรื่องจริงที่ว่าความแค้นนั้นไม่สามารถถูกลบล้างได้ด้วยอานุภาพใดๆ ความแค้นไม่สามารถถูกลบล้างได้แม้จะมีความรัก

     

    แต่ความแค้นช่างด้อยค่า...

    เมื่อเทียบกับความรัก...

     

    ความแค้นไม่ใช่นิจนิรันดร์...

    ความแค้นมีจุดจบ...

    จุดจบของความแค้นคือ การให้อภัย...จากใจจริง

     

    แม้ว่าการให้อภัยจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดเจียนตาย...แม้ว่ามันจะทำให้เรากลายเป็นคนโง่เง่า... แม้ว่ามันจะดูเหมือนทำได้ยากและไม่อยากมีใครทำ... แต่การให้อภัยจะทำให้เราหลุดพ้นจากความเจ็บปวด หลุดพ้นจากบ่วงแห่งความแค้น และสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้โดยไม่ถูกความแค้นคอยเหนี่ยวรั้งเอาไว้...

     

    ซาสึเกะเคยคิดว่าเขาให้อภัยไม่ได้...

    แต่นั่นไม่ใช่... เขาให้อภัยไม่ได้เพราะไม่ได้รู้สึกให้อภัยจากใจจริง...

     

     

    ผมให้อภัยทุกคน...

    ผมให้อภัย...คนที่สร้างความเจ็บปวดให้ผม...

    ผมจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขที่สุด...ผมจะใช้ชีวิตแทนพี่ แทนพ่อกับแม่ แทนอุจิวะทุกคน
    ถ้าทุกคนกำลังมองผมจากที่ไหนสักแห่ง... ช่วยอวยพรให้ผมด้วยนะครับ...

     

     

     

    จบบริบูรณ์

     

     

     

                จบแล้วววววว เย่!!!!! อัพช้าไปก็อย่าว่ากันน้า เมื่อวานไรท์ไปธุระทั้งวันกลับมาเหนื่อยก็เลยนอน ตื่นมาก็ต้องอ่านหนังสือT^T ส่วนวันนี้ไฟดับเกือบทั้งวันมันพะยะค่ะ (ร้อนมากกกก)

    จบแล้วสำหรับนิยายเรื่องแรกที่แต่งจบ-0- ฮ่าๆๆ เราจบด้วยความมุ้งมิ้งของซาสึเกะที่ยังคงความหื่นไว้ได้ตลอดเวลาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย (จ้ะ) ไรท์ก็ไม่มีอะไรจะพิมพ์มากอ่า แต่ขอบคุณทุกคนจากใจจริงค่ะT^T ขอบคุณทุกคนนะคะที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาโดยตลอด(อย่างกับพากันไปรบ-.-) ท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนพบกับความสุขน้า แล้วเจอกันเร็วๆนี้ค่า จุ๊ฟฟฟฟ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×