คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Chapter 23 : หึง?
บทที่ 23 หึง?
“วาง ‘นั่น’ ลงเดี๋ยวนี้! ...ค่ะ”
“อะ...อันนี้ก็ไม่ได้เหรอ”
“และก็ช่วยหยิบขนมที่ครูเพิ่งจับใส่ตะกร้าออกไปด้วย” เสียงหวานใสสั่ง ซากุระจำใจวางเค้กช็อกโกแลตกล่องเล็กไว้ตามเดิม ก่อนจะหยิบขนมปังเนยสดอันเป็นของโปรดกลับไปเก็บไว้ที่ชั้นเดิมของมัน ร่างบางเดินคอตกกลับมาหา ‘ลูกศิษย์’ ในใจก็พ่นคำด่าสารพัดใส่คนที่กำลังมองเธอด้วยสายตาที่ดุแสนดุ
“ของพวกนั้นมีแต่ไขมัน แป้ง น้ำตาล กินเข้าไปก็มีแต่ทำให้เสียสุขภาพ ครูเป็นถึงนินจาแพทย์ก็น่าจะรู้ดีนี่คะ” อายะว่า แต่ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองมาที่เธอ ดวงตาสีรัตติกาลกำลังมองดูมะเขือเทศลูกใหญ่ที่นอนเรียงรายอวดผิวสีแดงสดอยู่ในกระจาด
“วันนี้ฉันจะทำซุปมะเขือเทศค่ะ” อายะพูดและก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย มือเรียวที่ขาวพิศุทธิ์จนน่าอิจฉาหยิบมะเขือเทศนับสิบลูกใส่ตะกร้าก่อนจะเดินไปคิดเงินเมื่อตรวจเช็คดูเรียบร้อยแล้วว่าในตะกร้าไม่มี ‘สิ่งของไม่พึงประสงค์’ เจือปนไปด้วย ซากุระมองดูตาละห้อยก่อนจะลงความเห็นว่า
คาราสุมะ อายะ เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวยิ่งกว่าแม่!
ทั้งๆที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่กับเธอเป็นวันแรกแท้ๆแต่ซากุระกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกควบคุมเสียอยู่หมัด ขนาดจะซื้อของกินเองเธอยังทำไม่ได้ ไม่ว่าจะขยับเขยื้อนไปทางไหนก็ถูกดวงตาสีรัตติกาลดูลึกลับนั่นสะกดไว้อยู่ตลอดเวลา
ก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าอึดอัด...
แต่ในใจมันกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด...
“อายะจัง...” ซากุระเรียกคนที่เดินนำหน้าเบาๆ อายะหันกลับมาแต่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาสีรัตติกาลหรี่มองเธออย่างจับผิด
“คือแบบว่า...ฉันติดของหวานน่ะ ถะ...ถ้าไม่ได้กินแล้วมันจะนอนไม่หลับ” ซากุระพูดเสียงอ่อย และตัวเธอก็ยิ่งหดลีบลงเมื่อเห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลที่มองอยู่เริ่มฉายแววไม่พอใจ
“ปกติไม่กินก็นอนได้นี่” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ แล้วก็ต้องรีบพูดประโยคถัดมาเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเธอ
“ฉันซื้อเมล่อนเตรียมไว้แล้วค่ะ รสชาติหวานกำลังดีและมีประโยชน์”
“แต่ว่า...”
ฉันไม่ชอบเมล่อนกับมะเขือเทศ
“รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะเตรียมมื้อเย็นไม่ทัน” พูดจบเจ้าตัวก็ฉุดมือเธอแล้วพาเดินฝ่าฝูงคนไป ซากุระปลิวไปกับแรงดึงจากคนตัวเล็กข้างหน้า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง
ถึงตัวจะเล็กดูบอบบาง...
แต่แรงมหาศาลยิ่งว่าเธอซะอีก...
ซากุระได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจับคนตรงหน้ามาตีก้นเสียให้เข็ดแต่แล้วก็ต้องคอตกเมื่อคิดว่าเธอจะไปมีปัญญาทำอะไรคนตัวเล็กนั่นได้ แค่เห็นสายตาพิฆาตที่บ่งบอกว่าพร้อมจะเชือดเธอได้ทุกเมื่อถ้าเธอทำอะไรขัดใจ นั่นก็ทำให้เธอกลัวจนหัวหดแล้ว ถ้าต้องเผชิญหน้ากันตรงๆ... ตัวเธอคงถูกแรงกดดันบีบให้ตายตรงนั้นแน่ๆ ซากุระคิดก่อนจะถอนหายใจ...
เธอทั้งอายุมากกว่า...
มีฐานะเป็นครูด้วย...
หัดเคารพฉันบ้างเซ่!
.
.
.
ห้ามนอนดึก!
ห้ามตื่นสาย!
ห้ามเดินมาก!
ห้ามกระโดด!
ห้ามใช้กำลัง!
ห้ามกินของที่ไม่มีประโยชน์!
ต้องดื่มนมทุกวันและกินโปรตีนมากๆ
ห้ามหงุดหงิด!
ห้ามฟุ้งซ่าน!
และที่สำคัญ ห้ามเถียง!
นี่มันอะไรกัน!!!
ซากุระกรีดร้องในใจอย่างหงุดหงิด แล้วก็ต้องค่อยๆทำใจให้สงบเมื่อนึกขึ้นได้ว่า
การหงุดหงิดก็เป็นข้อห้าม...
ผ่านไปเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ แค่หนึ่งสัปดาห์จริงๆที่เธอมีเพื่อนร่วมชายคาอีกคนมาอาศัยอยู่ด้วย จะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ถูกเพราะคนคนนั้นมีฐานะเป็น ‘ลูกศิษย์’ แต่จะเรียกว่าลูกศิษย์ได้เต็มปากหรือก็ไม่ใช่ เพราะตอนนี้ซากุระมอบอีกหนึ่งตำแหน่งให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
‘แม่’ ยังไงล่ะ…
ซากุระรู้สึกราวกับว่าตัวเองอยู่ในกรงขังที่มีสาวน้อยผู้(ดูเหมือนจะ)ใสซื่อเป็นคนคุม ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนของวัน ข้างกายเธอก็จะมีลูกศิษย์แสนสวยคอยติดสอยห้อยตามตลอด ซากุระจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งล่าสุดที่อายะอยู่ห่างจากตัวเธอเกินห้านาทีนั้นคือตอนไหน ไม่ว่าเธอจะไล่จะบ่นจะว่าหรือบางทีก็เผลอด่าแรงๆไปเท่าไหร่คนตัวเล็กกว่าก็ไม่เคยสะทกสะท้าน ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงเสียงสายลมแผ่วๆที่ไม่ควรค่าแก่การสนใจ และนอกจากจะเมินคำร้องประท้วงของเธอที่เป็นอาจารย์แล้ว เจ้าลูกศิษย์ตัวแสบยังออกคำสั่งและเขียนข้อบังคับสารพัดให้เธอทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และก็แน่นอนว่า...
เธอทำ...
ไม่ขัดขืน...เพราะถึงทำไปก็ไร้ประโยชน์
ไม่เถียง...เพราะถึงทำไปยังไงก็แพ้
เธออุตส่าห์แอบส่งจดหมายลับไปหาท่านโฮคาเงะเพื่อขอสละตำแหน่งพี่เลี้ยงที่น่ารันทดนี้ แต่ผลตอบรับกลับกลายเป็นจดหมายตอบกลับที่ถูกเขียนขึ้นด้วยลายมืออันประณีตของ...อายะ
“ไม่มีทาง...”
ซากุระไม่รู้ว่าจะชื่นชมหรือกลัวความสามารถอันน่ากลัวอย่างกับปีศาจของอายะดี หูตาไวยิ่งกว่าสับปะรด ฉลาดเป็นกรดจนเข้าขั้นอัจฉริยะ ดุเสียยิ่งกว่าเสือแม่ลูกอ่อน และที่สำคัญ...
หวงเธอเสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่!
“ไง ซากุระจาง~” เสียงร้องทักสดใสของใครบางคนทำให้ซากุระที่กำลังพร่ำเพ้อรำพันกับดวงชะตาที่ตกอับของตัวเองเงยหน้าขึ้นมอง นารูโตะที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางพวกเธอกำลังร้องเรียกพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเด็กๆ
“อ้าว อายะจังก็อยู่ด้วยแฮะ จะไปไหนกันเหรอ” เจ้าดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลถามพร้อมกับเอามือมาโอบไหล่เธออย่างฉวยโอกาส ซากุระตีมือกาวของนารูโตะอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องจ๊ากก่อนจะใช้สายตาอำมหิตมองไปยังคนที่กำลังยิ้มแหยๆลูบมือตัวเองป้อยๆ
“ฉันจะพาอายะไปฝึกน่ะ ไม่ต้องตามไปนะยะ” ซากุระพูดดักคอเมื่อรู้ว่าประโยคถัดไปอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“อะไรกัน~ ฉันก็อยากจะอยู่ใกล้ๆซากุระจังบ้าง ช่วงนี้ออกปฏิบัติภารกิจนอกหมู่บ้านทุกวันเลย ไม่ได้เห็นหน้าตั้งนานฉัน...คิด...ถึง...” เป็นอีกครั้งที่นารูโตะรู้สึกว่ามีกระแสแรงกดดันจากที่ไหนซักแห่งกำลังกดดันเขาอยู่จนเขาพูดติดๆขัดๆ นารูโตะเหลียวหน้าเหลียวหลังมองดูรอบๆอย่างหวาดระแวง
หรือว่าจะมีวิญญาณตามมา! =[]=!
“ไม่ต้องมาน้ำเน่าเลยย่ะ แล้วนี่ไปฟัดกับใครมาทำไมสภาพเป็นแบบนี้” ซากุระพูดพร้อมกับเอื้อมมือปัดเศษดินที่ติดตามเสื้อของร่างสูงออก พอมาเห็นใกล้ๆเธอจึงรู้ว่าสภาพของเขาค่อนข้างสะบักสะบอม มีรอยแผลเล็กๆน้อยๆตามร่างกาย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงและเต็มไปด้วยเศษดิน
“ซากุระจังเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ” นารูโตะว่าพร้อมกับระบายยิ้มอวดฟันสวย ซากุระตีไหล่คนสูงกว่าอย่างหมั่นไส้
“ก็ต้องห่วงสิยะ นายเป็นเพื่อนฉันนี่” เธอว่าแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดของนารูโตะ แต่เขาก็ทำให้เธอเห็นมันแค่แป๊บเดียว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าหล่อก็เปลี่ยนกลับมายิ้มแฉ่งเหมือนเดิม
“ไหนดูซิ ตัวเล็กของคุณป๋าเป็นยังไงมั่ง” เขาว่าพลางย่อตัวให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าท้องแบนราบของหญิงสาว
“เป็นเด็กดีรึเปล่า” นารูโตะถามพลางระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ได้ดื้อกับคุณแม่ใช่มั้ยครับ”
ซากุระมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดต่อชายหนุ่ม น้ำตารื้นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว
เขารักเธอ...
แต่เธอไม่สามารถรักเขาได้...
เพราะในใจของเธอ...มีใครอีกคนจับจองพื้นที่อยู่เต็มหัวใจแล้ว...
“ครูคะ...” เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของอายะทำให้ซากุระได้สติ เธอปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นมัน อายะยืนหันหลังให้พวกเธอ ร่างเล็กทอดสายตาออกไปไกล
“เรารีบไปกันเถอะค่ะ” น้ำเสียงนั้นยังคงไร้โทนสูงต่ำจนคนฟังพากันขนลุก
“อ่า...จ้ะ” ซากุระพูดอ้อมแอ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่ถูกแผ่ออกมาโดยรอบจนเธอชักจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ใบหน้าหวานเบนสายตามายังร่างสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนอิริยาบถมาอยู่ในท่ายืน
“นารูโตะ นายรีบกลับบ้านไปล้างเนื้อล้างตัวทำแผลให้เรียบร้อยเลยนะ ถ้ามีอาการช้ำในก็มาหาฉัน ฉันจะช่วยรักษาให้”
“อืม...”
“งั้นก็...”
“ขอบคุณนะซากุระจัง” นารูโตะพูดขึ้นก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามากอดโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ซากุระปลิวไปตามแรงดึงอย่างช่วยไม่ได้ เธอพยายามสะบัดตัวออกพร้อมๆกับจะต่อว่าอีกฝ่ายที่ชอบทำอะไรฉวยโอกาส แต่เธอก็ต้องนิ่งเงียบไปเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เจ็บปวดของนารูโตะ
“ขอบคุณที่ไม่ได้ผลักไสฉัน”
“...”
“ถึงวันนี้เธอจะยังรักฉันไม่ได้...ก็ไม่เป็นไร”
“...”
“ถึงเธอจะไม่มีวันรักฉัน...ก็ไม่เป็นไร”
“นารูโตะ...”
“ให้ฉันได้อยู่แบบนี้ฉันก็ดีใจแล้ว ต่อให้ไม่ได้เดินเคียงข้าง...แต่แค่ได้มองเธอจากที่ไกลๆ... ได้แค่นั้นฉันก็พอใจ” เขาว่าก่อนจะกระชับอ้อมแขนกอดอีกฝ่ายให้แน่นยิ่งขึ้น
จะกอดให้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อยให้เธอต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียว...
จะกอดให้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอเหมือนที่ใครบางคนทำ...
จะกอดเอาไว้...
กอดเอาไว้ให้นานที่สุด...
“อย่าทำแบบนั้น...” น้ำเสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความโกรธถูกเอ่ยออกมาโดยริมฝีปากเรียวเล็กของอายะ ดวงตาสีรัตติกาลกำลังมองมาทางเขาอย่างโกรธเกรี้ยว
“อย่าทำแบบนั้นต่อหน้าฉัน”
นารูโตะชะงักเผลอคลายอ้อมแขนออกโดยไม่รู้ตัว
เขากำลังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล...
ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววไม่พอใจอย่างที่สุด...
ราวกับว่า...
เขากำลังยุ่งอยู่กับของรักของเจ้าตัว...
“ทีหลังถ้าทำแบบนี้อีกฉันฆ่านายแน่ นารูโตะ!” ซากุระที่ไม่ได้รับรู้ถึงแรงกดดันตวาดแว้ดเมื่อนารูโตะยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ พร้อมๆกับประเคนหมัดใส่ใบหน้าหล่อจนนารูโตะปลิวไปตามแรงต่อย
อืม...แรงขนาดนี้ก็กะจะฆ่าให้ตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
นารูโตะไม่ได้ตอบโต้ ไม่ได้หัวเราะหรือยิ้มขำ เขากำลังคิด... คิดถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของอายะ นารูโตะหันกลับมายืนตัวตรงหลังจากหลบหมัดที่สองของซากุระได้แบบฉิวเฉียด ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังประสานอยู่กับดวงตาสีรัตติกาลดูลึกลับ ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร... สุดท้ายดวงตาสีรัตติกาลก็เป็นฝ่ายแพ้ อายะเลิกเล่นเกมจ้องตาที่ไร้สาระก่อนจะเอื้อมมือจับแขนข้างหนึ่งของซากุระที่กำลังจะเงื้อหมัดใส่นารูโตะไว้
“ห้ามใช้กำลัง...” เธอพูดเสียงเรียบก่อนจะออกแรงดึงซากุระออกไปโดยไม่ล่ำลาใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ฉันฝากไว้ก่อนนะนารูโตะ!” ซากุระตะโกนไล่หลังเมื่อเธอสะบัดแขนจากมือเล็กนั้นไม่ออกจนต้องจำยอมเดินไปตามแรงดึงท่ามกลางสายตาที่ครุ่นคิดของเจ้าของเรือนผมสีทอง
ดวงตาของอายะ...
เหมือนกับว่ากำลัง...
หึง?
.
.
.
“กินเสร็จแล้วก็วางทิ้งไว้ตรงนั้น เดี๋ยวฉันจะเอาไปล้างเอง” ร่างเล็กพูดเสียงเรียบในขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ ซากุระตักเมล่อนชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนจะทอดสายตามองไปยังคนที่กำลังคร่ำเคร่งกับตำราอย่างสงสัย
ตั้งแต่กลับมาจากการฝึก อายะก็แทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลย อีกทั้งหางเสียงที่ไม่ค่อยจะได้ยินตอนนี้กลับหายลับเข้าป่าไปแล้ว ปกติก็ดูเป็นเด็กแก่แดดที่ไม่ค่อยจะมีมารยาทกับเธออยู่แล้วนะ ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ร่างเล็กปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอไปทำความผิดอะไรมา... ไม่พูด ไม่คุย ไม่สบตา กับเธอเลยสักนิดยกเว้นเสียแต่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
น่าหงุดหงิด
“คือว่า...” ซากุระส่งเสียงเบาๆ อายะผินหน้ามาทางเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ซากุระถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการ ‘เย็นชา’ โดยไร้สาเหตุที่ร่างเล็กกำลังทำ... มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างแปลกๆ หัวใจเจ้ากรรมก็เจ็บแปลบลงเรื่อยๆเมื่อเธอเห็นความเฉยชานั้น
ไม่อยากให้คนตรงหน้าโกรธ...
ไม่อยากให้เย็นชาใส่แบบนี้...
“เปล่า” เสียงเล็กใสตอบเบาๆก่อนเจ้าตัวจะหันไปสนใจตำราต่อ ซากุระหน้างอ...นึกหมั่นไส้ลูกศิษย์กิตติมศักดิ์ที่หมางเมินใส่เธอแบบนี้ ร่างบางตัดใจไม่อยากรับรู้ถึงสาเหตุที่ถูกเมิน เธอเดินลงส้นอย่างประชดประชันเตรียมจะเข้าห้องนอนไปแต่แล้วก็ถูกไอรังสีเย็นยะเยือกจากดวงตาสีรัตติกาลนั่นหยุดไว้
“อย่าเดินแบบนั้น” อายะว่าก่อนจะเบนสายตามองที่ท้องของเธอแล้วสบตากับเธออีกครั้ง
“มันอันตราย”
ซากุระสะบัดหน้าใส่ต่อคำเตือนนั้น เธอยังคงเดินกระแทกเท้าต่อไป
คราวนี้จะลองขัดคำสั่งนั่นดูสักครั้ง...
เธอหงุดหงิดที่ถูกบังคับให้ทำโน่นทำนี่ตามใจอีกฝ่าย เบื่อกับคำสั่งไร้สาระที่ออกจากปากลูกศิษย์ของตัวเอง... เธอกำลังถูกอีกฝ่ายทำให้เสียศักดิ์ศรีในฐานะครู ซากุระคิด...แล้วจู่ๆเธอก็ต้องร้องอย่างตกใจเมื่อมีมือของใครบางคนสอดเข้ามาช้อนตัวเธอแล้วอุ้มพาไปที่เตียง
“ว้าย!!!” ร่างบางร้องเสียงหลง ดวงตาสีมรกตเบิกโพลง มือทั้งสองข้างโอบที่คอคนอุ้มแทบไม่ทัน
“จะ...จะทำอะไร!?!” เธอถามตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตกใจ แต่ใบหน้างดงามนั้นไม่ตอบ ทั้งยังตีสีหน้าเรียบสนิทจนน่ากลัว...
อายะวางตัวคนที่ชอบทำประชดลงบนเตียงเบาๆ ซากุระมองอีกฝ่ายอย่างตกใจปนทึ่ง ทั้งที่ตัวเล็กกว่าเธอแต่สามารถอุ้มเธอได้โดยไม่สะทกสะท้าน แต่เธอก็ทึ่งได้ไม่นานเมื่อเห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลที่กำลังจ้องเธออยู่ฉายแววไม่พอใจ
“อย่าดื้อนักจะได้ไหม” เสียงเล็กใสพูดเบาๆ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความไม่พอใจเริ่มเปลี่ยนเป็นกังวล “ไม่พอใจอะไรฉันเหรอ”
พอถูกถามตรงๆแบบนั้นซากุระก็ใบหน้าร้อนผ่าว เธอหันหน้าหนีอย่างช่วยไม่ได้
นี่เธอแสดงออกมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ปละ...เปล่า” ซากุระตอบตะกุกตะกัก ยังคงไม่ยอมหันไปสบตาคนถาม หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักจนเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอก
เธอกำลังใจเต้น...
กับผู้หญิงด้วยกัน!
อายะนั่งลงข้างเตียงก่อนจะถือวิสาสะจับศีรษะของเธอให้นอนหนุนตักโดยไม่ถามความเห็นของเธอเลยสักนิด ซากุระพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมเจ้าของมือเล็กนั่นจนได้
“เป็นอะไร” อายะถาม มือขาวพิศุทธิ์เกลี่ยปอยผมสีดอกซากุระเบาๆ
“...”
“โกรธอะไรฉัน” ร่างเล็กถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป ดวงตาสีรัตติกาลมองลึกลงไปในดวงตาสีมรกตของเธอ ซากุระหันหน้าหนี ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจทั้งๆที่ก็แค่ถูกลูกศิษย์จอมเผด็จการเมินใส่
“บอกได้ไหม...”
“เธอนั่นแหละโกรธอะไรฉัน” ซากุระพูดเบาๆ แล้วก็ต้องแปลกใจที่น้ำเสียงของตัวเองมันดูน้อยใจแปลกๆ
“วันนี้ทั้งวันเธอแทบไม่พูดกับฉันเลยนะ เป็นอะไรเหรอ ฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจรึไง” ซากุระถามอย่างรู้สึกอึดอัด แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก “อ่า...มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจสินะ เธอก็เป็นแค่ลูกศิษย์ของฉัน ฉัน...ฉันคงบ้าไปแล้วล่ะ”
ซากุระพูดก่อนจะซุกหน้าไปที่ท้องแบนราบของอีกฝ่าย
เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...
ที่มางอนลูกศิษย์ของตัวเอง...
แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอีกแน่ะ!
หรือนี่...จะเป็นอาการแปลกๆของคนท้อง?
“อ่อ...” อายะพูดเสียงลากยาวทำให้คนฟังเผลอเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ซากุระกระพริบตาถี่ๆเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้กำลังตาฝาด
อายะกำลังยิ้มอยู่จริงๆ!
ร่างเล็กยิ่งยิ้มขำเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเห็นผีของอีกฝ่าย ริมฝีปากที่กำลังเผยอเพราะความตกใจของซากุระเหมือนกำลังเชื้อเชิญจนเธอห้ามใจไว้ไม่อยู่ เรียวปากเล็กก้มลงประทับบนริมฝีปากบางของคนที่กำลังตกใจ ซากุระตาเบิกโพลงยิ่งกว่าเก่า เมื่อลิ้นเล็กๆนั้นซุกไซร้ไล้วนอยู่ในโพรงปากของเธอ น่าแปลกที่เธอไม่ได้ขัดขืนอะไร มิหนำซ้ำยังเผลอไปตอบสนองต่อรสจูบอันแสนหวานนั่นอีกต่างหาก!
“อืม...” เธอร้องประท้วงเบาๆเมื่ออากาศกำลังถูกขโมยไปจนเกือบหมด อายะถอนริมฝีปากออกแต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายฝากรอยจูบไว้บนหน้าผากมน
“ฉันไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ของเธอหรอกนะ” ร่างเล็กพูดเสียงแผ่ว สรรพนามที่ใช้เรียกเธอเปลี่ยนไป “และก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอด้วย”
“...”
“ฉันแค่ไม่พอใจ...ที่เธอให้คนอื่นมาทำตัวเป็นพ่อของเด็กคนนี้” อายะไม่ได้พูดเปล่า แต่มือเรียวเล็กนั่นกำลังลูบไล้อยู่ที่ท้องของเธออย่างแผ่วเบา ในขณะที่อีกมือก็กอดตัวเธอไว้แน่น ซากุระสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างจากร่างเล็ก เธอลืมไปชั่วขณะว่าอีกฝ่ายคือลูกศิษย์ ลืมไปแล้วว่านั่นคือผู้หญิงด้วยกัน...
เธอรับรู้เพียงว่า...
อายะ...อบอุ่น...
“ทีหลังอย่าประชดฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ” เสียงเล็กสั่ง ซากุระเผลอพยักหน้ารับอีกตามเคย สุดท้าย...เธอก็ขัดคำสั่งอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“อย่าให้ใครมาเข้าใกล้ อย่าให้ใครมาแตะต้องด้วย...”
“...”
“นอนได้แล้ว...”
“...”
“ฝันดีครับ”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนที่เธอจะเข้าสู่ห้วงนิทรา น้ำเสียงนั้นไม่ได้ใสหวานเหมือนที่เธอเคยได้ยิน แต่มันทุ้มลึกและดูอบอุ่น... เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและโหยหามาโดยตลอด...
เสียงของซาสึเกะ...
หายหัวไปหนึ่งวันเพื่อสร้างสรรค์ฉากมุ้งมิ้งขึ้นมาหลังจากที่มันหายไปจากนิยายเรื่องนี้นานมากกกก แอร๊ยยยยยยยยย>.< (กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง) เป็นครั้งแรกที่เขียนyuri เอิ่ม...ถึงมันจะไม่ใช่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะนะ อิอิ >.< ไม่รู้จะพิมพ์อะไรดี คือเค้าเขินอ่ะ ถึงเค้าจะเป็นคนแต่งเองแต่เค้าก็เขินไง (มันบ้า-.-) ไรท์คงไม่ต้องเฉลยแล้วเนาะว่าอายะคือใคร จริงๆก็น่าจะรู้กันหมดแล้วล่ะ ฮ่ะๆๆ
ความคิดเห็น