ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เพลิงแค้นซาตาน [END]

    ลำดับตอนที่ #27 : Chapter 23 : หึง?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.38K
      127
      20 ก.ค. 57

    บทที่ 23 หึง?

     

                “วาง นั่นลงเดี๋ยวนี้! ...ค่ะ”

     

                “อะ...อันนี้ก็ไม่ได้เหรอ”

     

                “และก็ช่วยหยิบขนมที่ครูเพิ่งจับใส่ตะกร้าออกไปด้วย” เสียงหวานใสสั่ง ซากุระจำใจวางเค้กช็อกโกแลตกล่องเล็กไว้ตามเดิม ก่อนจะหยิบขนมปังเนยสดอันเป็นของโปรดกลับไปเก็บไว้ที่ชั้นเดิมของมัน ร่างบางเดินคอตกกลับมาหา ลูกศิษย์ในใจก็พ่นคำด่าสารพัดใส่คนที่กำลังมองเธอด้วยสายตาที่ดุแสนดุ

     

                “ของพวกนั้นมีแต่ไขมัน แป้ง น้ำตาล กินเข้าไปก็มีแต่ทำให้เสียสุขภาพ ครูเป็นถึงนินจาแพทย์ก็น่าจะรู้ดีนี่คะ” อายะว่า แต่ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองมาที่เธอ ดวงตาสีรัตติกาลกำลังมองดูมะเขือเทศลูกใหญ่ที่นอนเรียงรายอวดผิวสีแดงสดอยู่ในกระจาด

     

                “วันนี้ฉันจะทำซุปมะเขือเทศค่ะ” อายะพูดและก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย มือเรียวที่ขาวพิศุทธิ์จนน่าอิจฉาหยิบมะเขือเทศนับสิบลูกใส่ตะกร้าก่อนจะเดินไปคิดเงินเมื่อตรวจเช็คดูเรียบร้อยแล้วว่าในตะกร้าไม่มี สิ่งของไม่พึงประสงค์เจือปนไปด้วย ซากุระมองดูตาละห้อยก่อนจะลงความเห็นว่า

     

    คาราสุมะ อายะ เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวยิ่งกว่าแม่!

     

                ทั้งๆที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่กับเธอเป็นวันแรกแท้ๆแต่ซากุระกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกควบคุมเสียอยู่หมัด ขนาดจะซื้อของกินเองเธอยังทำไม่ได้ ไม่ว่าจะขยับเขยื้อนไปทางไหนก็ถูกดวงตาสีรัตติกาลดูลึกลับนั่นสะกดไว้อยู่ตลอดเวลา

     

    ก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าอึดอัด...

    แต่ในใจมันกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด...

     

                “อายะจัง...” ซากุระเรียกคนที่เดินนำหน้าเบาๆ อายะหันกลับมาแต่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาสีรัตติกาลหรี่มองเธออย่างจับผิด

     

                “คือแบบว่า...ฉันติดของหวานน่ะ ถะ...ถ้าไม่ได้กินแล้วมันจะนอนไม่หลับ” ซากุระพูดเสียงอ่อย และตัวเธอก็ยิ่งหดลีบลงเมื่อเห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลที่มองอยู่เริ่มฉายแววไม่พอใจ

     

                “ปกติไม่กินก็นอนได้นี่” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ แล้วก็ต้องรีบพูดประโยคถัดมาเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเธอ

     

                “ฉันซื้อเมล่อนเตรียมไว้แล้วค่ะ รสชาติหวานกำลังดีและมีประโยชน์”

     

                “แต่ว่า...”

     

    ฉันไม่ชอบเมล่อนกับมะเขือเทศ

     

                “รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะเตรียมมื้อเย็นไม่ทัน” พูดจบเจ้าตัวก็ฉุดมือเธอแล้วพาเดินฝ่าฝูงคนไป ซากุระปลิวไปกับแรงดึงจากคนตัวเล็กข้างหน้า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง

     

    ถึงตัวจะเล็กดูบอบบาง...

    แต่แรงมหาศาลยิ่งว่าเธอซะอีก...  

     

                ซากุระได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจับคนตรงหน้ามาตีก้นเสียให้เข็ดแต่แล้วก็ต้องคอตกเมื่อคิดว่าเธอจะไปมีปัญญาทำอะไรคนตัวเล็กนั่นได้ แค่เห็นสายตาพิฆาตที่บ่งบอกว่าพร้อมจะเชือดเธอได้ทุกเมื่อถ้าเธอทำอะไรขัดใจ นั่นก็ทำให้เธอกลัวจนหัวหดแล้ว ถ้าต้องเผชิญหน้ากันตรงๆ... ตัวเธอคงถูกแรงกดดันบีบให้ตายตรงนั้นแน่ๆ ซากุระคิดก่อนจะถอนหายใจ...

     

    เธอทั้งอายุมากกว่า...

    มีฐานะเป็นครูด้วย...

     

    หัดเคารพฉันบ้างเซ่!

     

    .

    .

    .

     

    ห้ามนอนดึก!

    ห้ามตื่นสาย!

    ห้ามเดินมาก!

    ห้ามกระโดด!

    ห้ามใช้กำลัง!

    ห้ามกินของที่ไม่มีประโยชน์!

    ต้องดื่มนมทุกวันและกินโปรตีนมากๆ

    ห้ามหงุดหงิด!

    ห้ามฟุ้งซ่าน!

    และที่สำคัญ ห้ามเถียง!

     

    นี่มันอะไรกัน!!!

     

                ซากุระกรีดร้องในใจอย่างหงุดหงิด แล้วก็ต้องค่อยๆทำใจให้สงบเมื่อนึกขึ้นได้ว่า

     

    การหงุดหงิดก็เป็นข้อห้าม...

     

                ผ่านไปเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ แค่หนึ่งสัปดาห์จริงๆที่เธอมีเพื่อนร่วมชายคาอีกคนมาอาศัยอยู่ด้วย จะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ถูกเพราะคนคนนั้นมีฐานะเป็น ลูกศิษย์แต่จะเรียกว่าลูกศิษย์ได้เต็มปากหรือก็ไม่ใช่ เพราะตอนนี้ซากุระมอบอีกหนึ่งตำแหน่งให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    แม่ยังไงล่ะ

     

                ซากุระรู้สึกราวกับว่าตัวเองอยู่ในกรงขังที่มีสาวน้อยผู้(ดูเหมือนจะ)ใสซื่อเป็นคนคุม ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนของวัน ข้างกายเธอก็จะมีลูกศิษย์แสนสวยคอยติดสอยห้อยตามตลอด ซากุระจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งล่าสุดที่อายะอยู่ห่างจากตัวเธอเกินห้านาทีนั้นคือตอนไหน ไม่ว่าเธอจะไล่จะบ่นจะว่าหรือบางทีก็เผลอด่าแรงๆไปเท่าไหร่คนตัวเล็กกว่าก็ไม่เคยสะทกสะท้าน ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าคำพูดของเธอเป็นเพียงเสียงสายลมแผ่วๆที่ไม่ควรค่าแก่การสนใจ และนอกจากจะเมินคำร้องประท้วงของเธอที่เป็นอาจารย์แล้ว เจ้าลูกศิษย์ตัวแสบยังออกคำสั่งและเขียนข้อบังคับสารพัดให้เธอทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และก็แน่นอนว่า...

     

    เธอทำ...

    ไม่ขัดขืน...เพราะถึงทำไปก็ไร้ประโยชน์

    ไม่เถียง...เพราะถึงทำไปยังไงก็แพ้

     

                เธออุตส่าห์แอบส่งจดหมายลับไปหาท่านโฮคาเงะเพื่อขอสละตำแหน่งพี่เลี้ยงที่น่ารันทดนี้ แต่ผลตอบรับกลับกลายเป็นจดหมายตอบกลับที่ถูกเขียนขึ้นด้วยลายมืออันประณีตของ...อายะ

     

    “ไม่มีทาง...”

    ซากุระไม่รู้ว่าจะชื่นชมหรือกลัวความสามารถอันน่ากลัวอย่างกับปีศาจของอายะดี หูตาไวยิ่งกว่าสับปะรด ฉลาดเป็นกรดจนเข้าขั้นอัจฉริยะ ดุเสียยิ่งกว่าเสือแม่ลูกอ่อน และที่สำคัญ...

     

    หวงเธอเสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่!

     

                “ไง ซากุระจาง~” เสียงร้องทักสดใสของใครบางคนทำให้ซากุระที่กำลังพร่ำเพ้อรำพันกับดวงชะตาที่ตกอับของตัวเองเงยหน้าขึ้นมอง นารูโตะที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางพวกเธอกำลังร้องเรียกพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเด็กๆ

     

                “อ้าว อายะจังก็อยู่ด้วยแฮะ จะไปไหนกันเหรอ” เจ้าดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลถามพร้อมกับเอามือมาโอบไหล่เธออย่างฉวยโอกาส ซากุระตีมือกาวของนารูโตะอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องจ๊ากก่อนจะใช้สายตาอำมหิตมองไปยังคนที่กำลังยิ้มแหยๆลูบมือตัวเองป้อยๆ

     

                “ฉันจะพาอายะไปฝึกน่ะ ไม่ต้องตามไปนะยะ” ซากุระพูดดักคอเมื่อรู้ว่าประโยคถัดไปอีกฝ่ายจะพูดอะไร

     

                “อะไรกัน~ ฉันก็อยากจะอยู่ใกล้ๆซากุระจังบ้าง ช่วงนี้ออกปฏิบัติภารกิจนอกหมู่บ้านทุกวันเลย ไม่ได้เห็นหน้าตั้งนานฉัน...คิด...ถึง...” เป็นอีกครั้งที่นารูโตะรู้สึกว่ามีกระแสแรงกดดันจากที่ไหนซักแห่งกำลังกดดันเขาอยู่จนเขาพูดติดๆขัดๆ นารูโตะเหลียวหน้าเหลียวหลังมองดูรอบๆอย่างหวาดระแวง

     

    หรือว่าจะมีวิญญาณตามมา! =[]=!

     

                “ไม่ต้องมาน้ำเน่าเลยย่ะ แล้วนี่ไปฟัดกับใครมาทำไมสภาพเป็นแบบนี้” ซากุระพูดพร้อมกับเอื้อมมือปัดเศษดินที่ติดตามเสื้อของร่างสูงออก พอมาเห็นใกล้ๆเธอจึงรู้ว่าสภาพของเขาค่อนข้างสะบักสะบอม มีรอยแผลเล็กๆน้อยๆตามร่างกาย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงและเต็มไปด้วยเศษดิน

     

                “ซากุระจังเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ” นารูโตะว่าพร้อมกับระบายยิ้มอวดฟันสวย ซากุระตีไหล่คนสูงกว่าอย่างหมั่นไส้

     

                “ก็ต้องห่วงสิยะ นายเป็นเพื่อนฉันนี่” เธอว่าแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดของนารูโตะ แต่เขาก็ทำให้เธอเห็นมันแค่แป๊บเดียว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าหล่อก็เปลี่ยนกลับมายิ้มแฉ่งเหมือนเดิม

     

                “ไหนดูซิ ตัวเล็กของคุณป๋าเป็นยังไงมั่ง” เขาว่าพลางย่อตัวให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าท้องแบนราบของหญิงสาว

     

                “เป็นเด็กดีรึเปล่า” นารูโตะถามพลางระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ได้ดื้อกับคุณแม่ใช่มั้ยครับ”

     

                ซากุระมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดต่อชายหนุ่ม น้ำตารื้นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว

     

    เขารักเธอ...

    แต่เธอไม่สามารถรักเขาได้...

    เพราะในใจของเธอ...มีใครอีกคนจับจองพื้นที่อยู่เต็มหัวใจแล้ว...

     

                “ครูคะ...” เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของอายะทำให้ซากุระได้สติ เธอปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นมัน อายะยืนหันหลังให้พวกเธอ ร่างเล็กทอดสายตาออกไปไกล

     

                “เรารีบไปกันเถอะค่ะ” น้ำเสียงนั้นยังคงไร้โทนสูงต่ำจนคนฟังพากันขนลุก

     

                “อ่า...จ้ะ” ซากุระพูดอ้อมแอ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่ถูกแผ่ออกมาโดยรอบจนเธอชักจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ใบหน้าหวานเบนสายตามายังร่างสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนอิริยาบถมาอยู่ในท่ายืน

     

                “นารูโตะ นายรีบกลับบ้านไปล้างเนื้อล้างตัวทำแผลให้เรียบร้อยเลยนะ ถ้ามีอาการช้ำในก็มาหาฉัน ฉันจะช่วยรักษาให้”

     

                “อืม...”

     

                “งั้นก็...”

     

                “ขอบคุณนะซากุระจัง” นารูโตะพูดขึ้นก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามากอดโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ซากุระปลิวไปตามแรงดึงอย่างช่วยไม่ได้ เธอพยายามสะบัดตัวออกพร้อมๆกับจะต่อว่าอีกฝ่ายที่ชอบทำอะไรฉวยโอกาส แต่เธอก็ต้องนิ่งเงียบไปเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เจ็บปวดของนารูโตะ

     

                “ขอบคุณที่ไม่ได้ผลักไสฉัน”

     

                “...”

     

                “ถึงวันนี้เธอจะยังรักฉันไม่ได้...ก็ไม่เป็นไร”

     

                “...”

     

                 “ถึงเธอจะไม่มีวันรักฉัน...ก็ไม่เป็นไร”

     

                “นารูโตะ...”

     

                “ให้ฉันได้อยู่แบบนี้ฉันก็ดีใจแล้ว ต่อให้ไม่ได้เดินเคียงข้าง...แต่แค่ได้มองเธอจากที่ไกลๆ... ได้แค่นั้นฉันก็พอใจ” เขาว่าก่อนจะกระชับอ้อมแขนกอดอีกฝ่ายให้แน่นยิ่งขึ้น

     

    จะกอดให้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อยให้เธอต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียว...

    จะกอดให้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอเหมือนที่ใครบางคนทำ...

    จะกอดเอาไว้...

    กอดเอาไว้ให้นานที่สุด...

     

                “อย่าทำแบบนั้น...” น้ำเสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความโกรธถูกเอ่ยออกมาโดยริมฝีปากเรียวเล็กของอายะ ดวงตาสีรัตติกาลกำลังมองมาทางเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

     

                “อย่าทำแบบนั้นต่อหน้าฉัน”

     

                นารูโตะชะงักเผลอคลายอ้อมแขนออกโดยไม่รู้ตัว

     

    เขากำลังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล...

    ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววไม่พอใจอย่างที่สุด...

    ราวกับว่า...

    เขากำลังยุ่งอยู่กับของรักของเจ้าตัว...

     

                “ทีหลังถ้าทำแบบนี้อีกฉันฆ่านายแน่ นารูโตะ!” ซากุระที่ไม่ได้รับรู้ถึงแรงกดดันตวาดแว้ดเมื่อนารูโตะยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ พร้อมๆกับประเคนหมัดใส่ใบหน้าหล่อจนนารูโตะปลิวไปตามแรงต่อย

     

    อืม...แรงขนาดนี้ก็กะจะฆ่าให้ตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

     

                นารูโตะไม่ได้ตอบโต้ ไม่ได้หัวเราะหรือยิ้มขำ เขากำลังคิด... คิดถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของอายะ นารูโตะหันกลับมายืนตัวตรงหลังจากหลบหมัดที่สองของซากุระได้แบบฉิวเฉียด ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังประสานอยู่กับดวงตาสีรัตติกาลดูลึกลับ ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร... สุดท้ายดวงตาสีรัตติกาลก็เป็นฝ่ายแพ้ อายะเลิกเล่นเกมจ้องตาที่ไร้สาระก่อนจะเอื้อมมือจับแขนข้างหนึ่งของซากุระที่กำลังจะเงื้อหมัดใส่นารูโตะไว้

     

                “ห้ามใช้กำลัง...” เธอพูดเสียงเรียบก่อนจะออกแรงดึงซากุระออกไปโดยไม่ล่ำลาใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

     

                “ฉันฝากไว้ก่อนนะนารูโตะ!” ซากุระตะโกนไล่หลังเมื่อเธอสะบัดแขนจากมือเล็กนั้นไม่ออกจนต้องจำยอมเดินไปตามแรงดึงท่ามกลางสายตาที่ครุ่นคิดของเจ้าของเรือนผมสีทอง

     

    ดวงตาของอายะ...

    เหมือนกับว่ากำลัง...

     

    หึง?

     

    .

    .

    .

               

                “กินเสร็จแล้วก็วางทิ้งไว้ตรงนั้น เดี๋ยวฉันจะเอาไปล้างเอง” ร่างเล็กพูดเสียงเรียบในขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ ซากุระตักเมล่อนชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนจะทอดสายตามองไปยังคนที่กำลังคร่ำเคร่งกับตำราอย่างสงสัย

     

    ตั้งแต่กลับมาจากการฝึก อายะก็แทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลย อีกทั้งหางเสียงที่ไม่ค่อยจะได้ยินตอนนี้กลับหายลับเข้าป่าไปแล้ว ปกติก็ดูเป็นเด็กแก่แดดที่ไม่ค่อยจะมีมารยาทกับเธออยู่แล้วนะ ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ร่างเล็กปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอไปทำความผิดอะไรมา... ไม่พูด ไม่คุย ไม่สบตา กับเธอเลยสักนิดยกเว้นเสียแต่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

     

    น่าหงุดหงิด

     

                “คือว่า...” ซากุระส่งเสียงเบาๆ อายะผินหน้ามาทางเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

     

                “เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ซากุระถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการ เย็นชาโดยไร้สาเหตุที่ร่างเล็กกำลังทำ... มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างแปลกๆ หัวใจเจ้ากรรมก็เจ็บแปลบลงเรื่อยๆเมื่อเธอเห็นความเฉยชานั้น

     

    ไม่อยากให้คนตรงหน้าโกรธ...

    ไม่อยากให้เย็นชาใส่แบบนี้...

     

                “เปล่า” เสียงเล็กใสตอบเบาๆก่อนเจ้าตัวจะหันไปสนใจตำราต่อ ซากุระหน้างอ...นึกหมั่นไส้ลูกศิษย์กิตติมศักดิ์ที่หมางเมินใส่เธอแบบนี้ ร่างบางตัดใจไม่อยากรับรู้ถึงสาเหตุที่ถูกเมิน เธอเดินลงส้นอย่างประชดประชันเตรียมจะเข้าห้องนอนไปแต่แล้วก็ถูกไอรังสีเย็นยะเยือกจากดวงตาสีรัตติกาลนั่นหยุดไว้

     

                “อย่าเดินแบบนั้น” อายะว่าก่อนจะเบนสายตามองที่ท้องของเธอแล้วสบตากับเธออีกครั้ง

     

                “มันอันตราย”

               

                ซากุระสะบัดหน้าใส่ต่อคำเตือนนั้น เธอยังคงเดินกระแทกเท้าต่อไป

     

    คราวนี้จะลองขัดคำสั่งนั่นดูสักครั้ง...

     

    เธอหงุดหงิดที่ถูกบังคับให้ทำโน่นทำนี่ตามใจอีกฝ่าย เบื่อกับคำสั่งไร้สาระที่ออกจากปากลูกศิษย์ของตัวเอง... เธอกำลังถูกอีกฝ่ายทำให้เสียศักดิ์ศรีในฐานะครู ซากุระคิด...แล้วจู่ๆเธอก็ต้องร้องอย่างตกใจเมื่อมีมือของใครบางคนสอดเข้ามาช้อนตัวเธอแล้วอุ้มพาไปที่เตียง

     

    “ว้าย!!!” ร่างบางร้องเสียงหลง ดวงตาสีมรกตเบิกโพลง มือทั้งสองข้างโอบที่คอคนอุ้มแทบไม่ทัน

     

    “จะ...จะทำอะไร!?!” เธอถามตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตกใจ แต่ใบหน้างดงามนั้นไม่ตอบ ทั้งยังตีสีหน้าเรียบสนิทจนน่ากลัว...

     

    อายะวางตัวคนที่ชอบทำประชดลงบนเตียงเบาๆ ซากุระมองอีกฝ่ายอย่างตกใจปนทึ่ง ทั้งที่ตัวเล็กกว่าเธอแต่สามารถอุ้มเธอได้โดยไม่สะทกสะท้าน แต่เธอก็ทึ่งได้ไม่นานเมื่อเห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลที่กำลังจ้องเธออยู่ฉายแววไม่พอใจ

     

    “อย่าดื้อนักจะได้ไหม” เสียงเล็กใสพูดเบาๆ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความไม่พอใจเริ่มเปลี่ยนเป็นกังวล “ไม่พอใจอะไรฉันเหรอ”

     

    พอถูกถามตรงๆแบบนั้นซากุระก็ใบหน้าร้อนผ่าว เธอหันหน้าหนีอย่างช่วยไม่ได้

     

    นี่เธอแสดงออกมากขนาดนั้นเชียวหรือ?

     

                “ปละ...เปล่า” ซากุระตอบตะกุกตะกัก ยังคงไม่ยอมหันไปสบตาคนถาม หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักจนเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอก

     

    เธอกำลังใจเต้น...

    กับผู้หญิงด้วยกัน!

     

                อายะนั่งลงข้างเตียงก่อนจะถือวิสาสะจับศีรษะของเธอให้นอนหนุนตักโดยไม่ถามความเห็นของเธอเลยสักนิด ซากุระพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมเจ้าของมือเล็กนั่นจนได้

     

                “เป็นอะไร” อายะถาม มือขาวพิศุทธิ์เกลี่ยปอยผมสีดอกซากุระเบาๆ

     

                “...”

     

                “โกรธอะไรฉัน” ร่างเล็กถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป ดวงตาสีรัตติกาลมองลึกลงไปในดวงตาสีมรกตของเธอ ซากุระหันหน้าหนี ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจทั้งๆที่ก็แค่ถูกลูกศิษย์จอมเผด็จการเมินใส่

     

                “บอกได้ไหม...”

     

                “เธอนั่นแหละโกรธอะไรฉัน” ซากุระพูดเบาๆ แล้วก็ต้องแปลกใจที่น้ำเสียงของตัวเองมันดูน้อยใจแปลกๆ

     

                “วันนี้ทั้งวันเธอแทบไม่พูดกับฉันเลยนะ เป็นอะไรเหรอ ฉันไปทำอะไรให้ไม่พอใจรึไง” ซากุระถามอย่างรู้สึกอึดอัด แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก “อ่า...มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจสินะ เธอก็เป็นแค่ลูกศิษย์ของฉัน ฉัน...ฉันคงบ้าไปแล้วล่ะ”

     

                ซากุระพูดก่อนจะซุกหน้าไปที่ท้องแบนราบของอีกฝ่าย

     

    เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...

    ที่มางอนลูกศิษย์ของตัวเอง...

    แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอีกแน่ะ!

     

    หรือนี่...จะเป็นอาการแปลกๆของคนท้อง?

     

                “อ่อ...” อายะพูดเสียงลากยาวทำให้คนฟังเผลอเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ซากุระกระพริบตาถี่ๆเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้กำลังตาฝาด

     

    อายะกำลังยิ้มอยู่จริงๆ!

     

                ร่างเล็กยิ่งยิ้มขำเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเห็นผีของอีกฝ่าย ริมฝีปากที่กำลังเผยอเพราะความตกใจของซากุระเหมือนกำลังเชื้อเชิญจนเธอห้ามใจไว้ไม่อยู่ เรียวปากเล็กก้มลงประทับบนริมฝีปากบางของคนที่กำลังตกใจ ซากุระตาเบิกโพลงยิ่งกว่าเก่า เมื่อลิ้นเล็กๆนั้นซุกไซร้ไล้วนอยู่ในโพรงปากของเธอ น่าแปลกที่เธอไม่ได้ขัดขืนอะไร มิหนำซ้ำยังเผลอไปตอบสนองต่อรสจูบอันแสนหวานนั่นอีกต่างหาก!

     

                “อืม...” เธอร้องประท้วงเบาๆเมื่ออากาศกำลังถูกขโมยไปจนเกือบหมด อายะถอนริมฝีปากออกแต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายฝากรอยจูบไว้บนหน้าผากมน

     

                “ฉันไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ของเธอหรอกนะ” ร่างเล็กพูดเสียงแผ่ว สรรพนามที่ใช้เรียกเธอเปลี่ยนไป “และก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอด้วย”

     

                “...”

     

                “ฉันแค่ไม่พอใจ...ที่เธอให้คนอื่นมาทำตัวเป็นพ่อของเด็กคนนี้” อายะไม่ได้พูดเปล่า แต่มือเรียวเล็กนั่นกำลังลูบไล้อยู่ที่ท้องของเธออย่างแผ่วเบา ในขณะที่อีกมือก็กอดตัวเธอไว้แน่น ซากุระสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างจากร่างเล็ก เธอลืมไปชั่วขณะว่าอีกฝ่ายคือลูกศิษย์ ลืมไปแล้วว่านั่นคือผู้หญิงด้วยกัน...

     

    เธอรับรู้เพียงว่า...

    อายะ...อบอุ่น...

     

                “ทีหลังอย่าประชดฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ” เสียงเล็กสั่ง ซากุระเผลอพยักหน้ารับอีกตามเคย สุดท้าย...เธอก็ขัดคำสั่งอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

     

                “อย่าให้ใครมาเข้าใกล้ อย่าให้ใครมาแตะต้องด้วย...”

     

                “...”

     

                “นอนได้แล้ว...”

     

                “...”

     

                “ฝันดีครับ”

     

                นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนที่เธอจะเข้าสู่ห้วงนิทรา น้ำเสียงนั้นไม่ได้ใสหวานเหมือนที่เธอเคยได้ยิน แต่มันทุ้มลึกและดูอบอุ่น... เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและโหยหามาโดยตลอด...

     

    เสียงของซาสึเกะ...

     

       

     

                หายหัวไปหนึ่งวันเพื่อสร้างสรรค์ฉากมุ้งมิ้งขึ้นมาหลังจากที่มันหายไปจากนิยายเรื่องนี้นานมากกกก  แอร๊ยยยยยยยยย>.< (กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง) เป็นครั้งแรกที่เขียนyuri เอิ่ม...ถึงมันจะไม่ใช่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะนะ อิอิ >.<  ไม่รู้จะพิมพ์อะไรดี คือเค้าเขินอ่ะ ถึงเค้าจะเป็นคนแต่งเองแต่เค้าก็เขินไง (มันบ้า-.-) ไรท์คงไม่ต้องเฉลยแล้วเนาะว่าอายะคือใคร จริงๆก็น่าจะรู้กันหมดแล้วล่ะ ฮ่ะๆๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×