ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เพลิงแค้นซาตาน [END]

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7 : ขยะ!

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 57


    บทที่ 7 ขยะ!

     

                “ว่าไงล่ะ คำตอบของเธอน่ะ... ยังจะเหมือนเดิมอยู่มั้ย?”

     

                ซากุระทบทวนคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดไว้ก่อนที่เธอจะหมดสติไป ตอนนี้ร่างบางไม่มีแรงแม้จะขยับไปไหน ได้แต่มองเสี้ยวหน้าของอีกคนที่เพิ่งทำลายเธอไป ใบหน้าคมหลับตาพริ้มราวกับกำลังอยู่ในนิทราอันแสนหวาน ในขณะที่เธอได้แต่ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาให้ไหล ไม่น่าหลงไปกับอารมณ์เพียงชั่วครู่... พอมาถึงตอนนี้ก็เรียกอะไรกลับคืนมาไม่ได้แล้ว...

     

    เจ็บใจ!

     

    เจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง!

    เธอมันไร้ค่า...

    เธอมันอ่อนแอ...

     

                “ฉันไม่โกรธเธอหรอกซาสึเกะ...” ร่างบางพึมพำเบาๆอยู่ภายในอ้อมแขนแข็งแกร่ง มือเรียวค่อยๆยกขึ้นทาบอกอีกฝ่าย

     

    ตึกตัก...

     

                หัวใจของร่างสูงเต้นเป็นจังหวะเร็วและรุนแรง เธอรับรู้มันได้จากมือที่สัมผัส...ก่อนจะค่อยๆลูบมันช้าๆราวกับต้องการจะปลอบให้มันสงบลง

     

                “เธอจะจมอยู่กับความเจ็บปวดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน...” ซากุระยกมืออีกข้างขึ้นจับที่ใบหน้าคมอย่างแผ่วเบาแล้วลูบไล้มันอย่างช้าๆ... ความเจ็บปวดที่เขาฝากเอาไว้ทำให้ร่างบางเผลอร้องออกมาทั้งที่ขยับตัวเพียงนิดเดียว

     

                “ฉันจะช่วยเธอยังไงดี...ซาสึเกะ”

     

    ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา มีเพียงแสงจันทร์สีนวลและสายลมที่พัดเอื่อยๆเท่านั้น พวกมันพร้อมใจกันขับกล่อมให้เธอหลับตาลงราวกับต้องการจะช่วยปลอบประโลมความเจ็บปวดและความเศร้าของเธอ

    .

    .

    .

                แสงตะวันร้อนๆปลุกให้ซากุระตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเที่ยง ทันทีที่เริ่มขยับตัวความปวดร้าวรุนแรงบริเวณท้องน้อยก็ทำเอาเธอลุกแทบไม่ไหว เมื่อกวาดสายตาไปรอบๆห้องก็พบเพียงความว่างเปล่า

     

    เขาออกไปแล้ว...

     

                ร่างบางก้มหน้างุดก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

     

    ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอร้องไห้ไปกี่ครั้งแล้วนะ...

     

    ซากุระพาร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยตีตราจองของเขาไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะปล่อยให้สายน้ำช่วยชะล้างความเจ็บปวดที่เธอได้รับ ไม่นานนักร่างบางก็มานั่งอยู่ที่เตียง มองดูร่องรอยจากการกระทำของเขาที่หลงเหลือไว้เพื่อตอกย้ำให้เธอได้รู้ว่าเธอได้สูญเสียสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตไปแล้ว ศักดิ์ศรีที่เธอสั่งสมมาถูกเขาบดขยี้ทำลายไม่เหลือชิ้นดี...

     

    แต่ถึงกระนั้นก็ยังโกรธเขาไม่ลง...

     

    ก๊อกๆๆ

                เสียงเคาะประตูทำให้คนที่จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสะดุ้งเฮือก ซากุระผวาตัวกอดตัวเองไว้แน่น กลัวว่าอีกฝั่งของประตูนั้นจะเป็นคนที่แสนโหดร้ายคนนั้น เธอไม่ได้โกรธเขาก็จริง แต่จิตใจของเธอมันคงไม่เข้มแข็งพอที่จะให้เขามาทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า... เธอเองก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ...

     

    ก๊อกๆๆ

     

                “เฮ้~ สาวน้อยยย~” เสียงอันคุ้นหูเรียกเธออยู่ไกลๆ ซากุระเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้ว่าคนที่เคาะประตูนั้นไม่ใช่เจ้าของห้อง

     

                “ซุยเงสึ...” เธอเอ่ยชื่อของคนที่อาจเรียกได้ว่าสะดวกใจที่จะเจอมากที่สุดอย่างแผ่วเบา

     

                “ฉันเข้าไปน้า~” สิ้นเสียงของเจ้าตัวเธอก็ได้ยินเสียงโครมหนักๆเหมือนอะไรสักอย่างถูกพัง ก่อนจะปรากฏร่างผอมบางของซุยเงสึที่ใบหน้าเคร่งเครียดไม่เหมือนกับเสียงที่เจ้าตัวพูดแม้แต่น้อย

     

                “นะ...นี่เธอ...” ซุยเงสึพูดไม่ออกเมื่อเห็นสภาพของซากุระที่เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำ เขาเอื้อมมือไปลูบหัวร่างบางน้อยๆ ก่อนจะพูด

     

                “ไม่เป็นไรแล้วนะ” คำพูดเพียงไม่กี่คำนั้นเหมือนกับเป็นคำอนุญาตให้เธอสามารถระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

     

                “ฮึก...ฉัน...ฉันทำอะไรไม่ได้เลย...” ซากุระปล่อยโฮอีกครั้งพร้อมกับกอดร่างของซุยเงสึไว้แน่นราวกับต้องการที่พึ่งซักที่ท่ามกลางความเจ็บช้ำและความเดียวดายในวังซาตานแห่งนี้

     

                “ฉันรู้... ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

     

                “ฉันน่าจะเชื่อที่นายพูด ฉันน่าจะเชื่อนายว่าฉันหยุดเขาไม่ได้... ฮึก...” ซากุระพูดพร้อมกับสะอื้นออกมา ซุยเงสึมองดูภาพนั้นอย่างทรมานใจ เขาน่าจะใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการห้ามเธอ เขาส่งเธอไปหาซาสึเกะทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่าง...เป็นความผิดของเขา

     

    ขอโทษนะสาวน้อย

     

     

                “เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของใครบางคนเอ่ยขึ้น ซากุระที่เพียงได้ฟังก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงขยับตัวหลบอยู่หลังซุยเงสึที่หันไปเผชิญหน้ากับ...ซาตาน...

     

                “ถึงกับทำลายประตูห้องของฉันเพื่อมาเก็บ ขยะเนี่ยนะ ซุยเงสึ...” ซาสึเกะพูดพร้อมกับยืนกอดอกแล้วใช้สายตาชิงชังมองมาที่เธอ

     

                “เฮ้~ มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ? ซาสึเกะ~”

     

                “หึ! ขยะก็คือขยะ”

     

                “แต่เค้าเป็น...”

     

    “เก็บเสร็จแล้วก็ออกไปซะ!” ร่างสูงสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ไม่ได้แสดงท่าทีว่าเป็นเจ้าของร่างบางที่กำลังสั่นอยู่ข้างหลังเขาเลยสักนิด

     

    ทำเหมือนเป็นของไร้ค่า...

    ทั้งๆที่ตีตราจองไปแล้วทุกส่วน...

     

    โหดร้ายจริงๆน้า~ ซาสึเกะ

     

    ซุยเงสึได้แต่คิดแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะหันมาพูดกับเธอ

     

                “ไปกันเถอะ” เขาพูดแล้วพยุงตัวเธอให้ยืนขึ้น ร่างบางตัวสั่นน้อยๆเพราะความเจ็บปวดที่แล่นผ่านเข้ามา แต่เมื่อทรงตัวได้เธอก็เดินตามซุยเงสึไป มือเรียวกำชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปสบตากับร่างสูงที่จ้องมองเธออยู่

     

                “เดี๋ยว... ซุยเงสึ”

     

    เสียงเรียกนั้นทำให้คนสองคนที่กำลังจะก้าวพ้นเขตประตูหยุดชะงัก ซุยเงสึเอี้ยวคอหันกลับไปถาม

     

                “หือ? มีอะไรอีกเหรอ~”

     

                “เรื่องที่นายเคยขอฉันไว้...ซากุระน่ะ” ซาสึเกะพูดพร้อมกับระบายยิ้มเย็นเยียบ

     

                “ทะ..ทำไมเหรอ~” ซุยเงสึถามอย่างอึกอัก สังหรณ์ว่าซาสึเกะกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากให้คนที่เดินตามหลังเขาได้ยิน

     

                “เอาไปสิ...”

     

                “!!!

     

                “ฉันอนุญาต”

     

                “ฮะ...เฮ้~” เจ้าของเรือนผมสีเงินทำอะไรไม่ถูกและยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่เมื่อรู้สึกว่ามือที่กำชายเสื้อของเขากำแน่นขึ้นเรื่อยๆ

     

                “ขยะนั่น...ฉันไม่เอาแล้ว นายจะเอาไปทำอะไรก็เชิญ”

     

                “...”

     

                “ออกไปได้”

     

                “งั้นเหรอ...ฮะๆๆ~ งั้นให้มาแล้วก็อย่ามาทวงคืนนะ ไม่งั้นฉันฆ่านายจริงๆด้วย~” ซุยเงสึพูดติดตลกแต่แววตากลับแข็งกร้าวราวกับสัตว์ป่า มือผอมบางแต่แข็งแกร่งลูบหัวคนข้างหลังที่กำลังตัวสั่นเบาๆ

     

                “หึ!” พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไป ทิ้งให้คนสองคนยืนเงียบอยู่นานสองนาน ไม่มีใครพูดอะไรซักคำ... ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้...

     

                “ยังเดินไหวสิน้า สาวน้อย~” ซุยเงสึเอ่ยทำลายความเงียบ

     

                “...”

     

                “ไปกันเถอะ”

                พูดจบเขาก็จูงร่างบางที่บอบช้ำทั้งกายและใจกลับไปยังห้องของตัวเอง ดวงตาสีอะเมทิสต์สะท้อนแววรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

     

    เขาควรจะทำอย่างไรกับเธอดีนะ?

    ปล่อยให้หนีกลับไปโคโนฮะจะดีไหม?

     

    ไม่เข้าใจคนที่เดินตามหลังเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องมาแบกบาปที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อไว้ด้วย แต่ก็นะ...

     

    พวกผู้หญิงน่ะเข้าใจยากจะตายชัก!

     

    .

    .

    .

    ทำลายเธอจนย่อยยับ...

    แล้วก็ยกเธอให้คนอื่น...

    เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?

    แต่เขาก็ตอบชัดเจนแล้ว...

     

    ขยะ...ยังไงล่ะ

     

                ซากุระนั่งมองพระอาทิตย์ตกผ่านหน้าต่างบานใหญ่ภายในห้องของซุยเงสึ รอยช้ำที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถูกรักษาจนเหลือเพียงรอยจ้ำบางๆ หากแต่รอยฝากที่คอนั้นไม่ว่าจะรักษายังไงมันก็ยังไม่จางไป ยิ่งรอยแผลในหัวใจยิ่งแล้วใหญ่...ถึงจะมองไม่เห็น แต่มัน...เจ็บมาก...

     

                “สาวน้อย~ กินข้าว~” น้ำเสียงร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ของเจ้าของห้องทำให้เธอเหลียวหลังหันไปมอง ซุยเงสึเดินยิ้มมาหาเธอก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางถาดอาหารที่เจ้าตัวเพิ่งยกมาวาง

     

                “กินข้าวกัน!” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มแป้น และก็เพราะรอยยิ้มนั้นทำให้ภาพของใครคนหนึ่งซ้อนทับขึ้นมา

     

    นารูโตะ!

     

                จิตใจที่แสนเหนื่อยล้ากับการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กรงขังของซาตานทำให้เธอคิดถึงใครอีกคน ใครคนนั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำให้เธอเจ็บปวด... ใครคนนั้นที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อเธอ... แต่เธอกลับไม่รู้สึกกับเขาเกินคำว่าเพื่อน และตอนนี้เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว... ร่างกายของเธอเป็นของคนอื่นไปแล้ว ผู้หญิงที่มีรอยตำหนิอย่างเธอ... ไม่คู่ควรกับเขา....

     

    ขอโทษนะ นารูโตะ...

     

                “เฮ้~ มองหน้าฉันซะซึ้งเลยน้า คงไม่ได้คิดจะทำมิดีมิร้ายฉันใช่ม้า~” ซุยเงสึพูดพลางกระโดดตัวถอยหลังอย่างระแวดระวังจนน่าตบ

     

                “ไม่ได้อยู่ในหัวเลยย่ะ! -_-” เธอตอบพร้อมกับลุกยืนขึ้น แต่อาการปวดที่ยังไม่ทุเลาก็ทำเธอล้มลงไปนั่งอีกหน ซุยเงสึที่ยืนมองดูอยู่ปราดเข้ามาพยุงเธออย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีอะเมทิสต์จะพูดบางอย่างที่ทำให้เธอหน้าร้อนผ่าว

     

                “เมื่อคืนซาสึเกะทำรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ~”

     

                “อะ...อะไร” เธออึกอักพูดไม่ออก

     

                “แต่ว่าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจังน้า~ ถ้าเธอไปเจอซาสึเกะที่ห้องของยัยคารินตามที่ฉันบอก หมอนั่นก็น่าจะจุดๆๆกับยัยคารินอยู่สิ แต่ก็ยังมีแรงเหลือมาทำได้ถึงขนาดนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ~” เจ้าของใบหน้ายียวนยังคงพูดพล่ามต่อไปโดยไม่สนใจใบหน้าที่ร้อนทะลุร้อยองศาของเธอเลย

     

    ซากุระได้แต่สั่นหัว อยากจะลืมเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ทว่าแม้สมองอยากจะลืมแต่ร่างกายของเธอกลับจดจำไว้อย่างแม่นยำ ทุกๆสัมผัสของเขา...

     

    “นี่~ เลิกทำหน้ารำลึกความหลังแล้วมากินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว~”

     

    “ไอ้...-_-

     

    ซากุระตัดสินใจไม่เอาความคนกวนประสาท เธอนั่งลงที่โซฟาก่อนจะจัดการกับอาหารที่รู้สึกเหมือนไม่ได้กินมาหลายวัน แม้แต่ในเวลากิน เจ้าของดวงตาสีอะเมทิสต์ก็ยังพูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่หยุดจนเธอเจริญอาหารอย่างผิดปกติ ซากุระมองดูคนที่กำลังพูดพล่ามไร้สาระอย่างรู้สึกขอบคุณ... อย่างน้อยเขาก็เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเธอในสถานที่ที่น่ากลัวเช่นนี้

     

    ขอบคุณนะ...

     

     

     

    ไอเกะ คืนบทพระเอกของแกมาแล้วเอาไปให้คนอื่นซะ! -_- ฮือออ โหดร้ายกับหนูกุจริงๆT.T ซุยเงสึพูดได้ใจมากกก อารมณ์ผีเจาะปากมาพูด ทำหนูกุเขินแล้วเขินอีก แอร๊ยยย คนแต่งก็ฟินนะ >.< ช่วงนี้ดูเนื้อเรื่องเหมือนจะเฉื่อย แต่เดี๋ยวจะปรับให้กระชับขึ้นค่ะ เพราะมันยังมีเรื่องราวอีกค่อนข้างเยอะ(มากกก) เดี๋ยวมันจะกลายเป็นน่าเบื่อไป อิอิ ช่วงนี้ฝนตกอีกแล้ว T.T ไรท์เตอร์ต้องเอาตัวเองไปหมกไว้ในห้องนอนอุ่นๆ แฮร่! ต้องไปอ่านหนังสือบ้างแล้ว อู้มาหลายวันพระเจ้าจะลงโทษ! ย๊ากกก!!! ปล. ช่วงนี้อัพนิยายบ่อยมากกกกก ฮ่าๆๆ กำลังติดลมบน>.<

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×