ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เพลิงแค้นซาตาน [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : รอฉันก่อนนะ...

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 57


    บทที่ 5 รอฉันก่อนนะ

     

                “แน่ใจนะว่าพวกนายทิ้งซากุระไว้แถวนี้” คาคาชิเอ่ยเสียงเครียดเมื่อมองหาร่างบางเจ้าของเรือนผมสีชมพูไม่พบ

     

                “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ทิ้ง พวกฉันน่ะถูกซากุระจังไล่ไปต่างหาก” บิสุเกะปัดข้อกล่าวหา

     

                “แล้ว...แล้วซากุระจังหายไปไหน ทำไมไม่มีร่องรอยอะไรเลย พวกนายจำไม่ผิดแน่นะ” น้ำเสียงร้อนรนจนเกินควบคุมนี้เป็นของเด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล ตอนนี้จิตใจของเขากระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเขากำลังจะสูญเสียบางอย่างที่สำคัญไป...

     

                “ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยเหรอครับ คุณตูบ” ซาอิถามขึ้นบ้าง

     

                “อย่ามาตั้งฉายาให้คนอื่นซี้ซั้วสิเจ้าบ้า! แต่ก็อย่างที่บอก ไม่เหลือกลิ่นของซากุระจังเลยซักนิด มันถูกน้ำชะล้างไปหมด” ชิบะพูดพร้อมกับมองดูรอยน้ำขนาดใหญ่ที่พื้น ซากุระคงถูกใครสักคนพาตัวไป และใครคนนั้นก็มีความสามารถในการลบร่องรอยของตัวเองได้ เป็นการลบร่องรอยที่แม้แต่สุนัขนินจาอย่างพวกเขาก็ยังไม่สามารถแกะรอยอะไรได้แม้แต่น้อย

     

                “ไม่จริงน่า...ซากุระจัง”

     

                “ใจเย็นๆนารูโตะ ซากุระน่ะไม่เป็นอะไรหรอก และถ้าถูกใครพาตัวไปจริงๆก็คงยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่”

     

                “ผมไม่น่าปล่อยให้ซากุระจังมาด้วยเลย...”

     

                “จะมาเศร้าตอนนี้มันยังเร็วเกินไป ก่อนอื่นพวกเราต้องออกตามหาตัวซากุระกันก่อน เอาล่ะฉันจะเริ่มวางแผนจากตรงนี้...” คาคาชิหยุดพูดไปกลางคันทำให้ทั้งคนทั้งหมาที่รอฟังอยู่ถึงกับฉงน

     

                “มีอะไรเหรอครับครูคาคาชิ” นารูโตะที่กำลังร้อนใจถาม

     

                “ท่านคาสึยุ!” สิ้นเสียงของคาคาชิสายตาทุกคู่ก็หันไปมองพร้อมกัน ทากตัวใหญ่เกินมาตรฐานกำลังมองดูพวกเขาผ่านดวงตาที่มองไม่เห็น

     

                “ตามทันจนได้สินะคะ คุณคาคาชิ นารูโตะคุง” คาสึยุ สัตว์อันเชิญของโฮคาเงะรุ่นที่ห้า เอ่ยปนหอบเล็กน้อย “นี่เป็นร่างแยกของฉันที่ท่านซึนาเดะส่งมาค่ะ...”

     

                “ท่านคาสึยุมีอะไรเหรอครับ?” คาคาเอ่ยเสียงเครียดยิ่งกว่าเก่า การที่ท่านโฮคาเงะถึงกับส่งสัตว์อันเชิญมาหาพวกเขาแบบนี้ นั่นก็แสดงว่าต้องมีเรื่องฉุกเฉินแน่ๆ!

     

                “ทุกคนคะ...ตอนนี้หมู่บ้านโคโนฮะ กำลังอยู่ในวิกฤติค่ะ!

    .

    .

    .

                “นารูโตะ...ถ้าเป็นนาย นายจะทำยังไง” ซากุระพึมพำออกมาเบาๆ ตอนนี้เธอไม่มีน้ำตาจะให้ไหลอีกแล้ว เธอได้แต่นอนขดตัวอยู่บนพื้นอิฐแข็งๆซ้ำยังเย็นเฉียบ ดวงตะวันลาลับฟ้าไปแล้วเหลือเพียงดวงจันทร์กลมโตที่คอยให้แสงสว่างแทน ซากุระมองเห็นมันจากหน้าต่างบานเล็กๆที่อยู่เกือบติดเพดาน

     

                “ซาสึเกะคุงเปลี่ยนไปแล้ว... ถ้าเป็นนาย นายจะยังพาเค้ากลับไปได้มั้ย” ไม่มีใครตอบคำถามนั้น มีเพียงความเงียบและความว่างเปล่า ซากุระค่อยๆหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้าและเพราะจิตใจที่ถูกทำลายจนย่อยยับ...ขนาดหลับตาลงเธอก็ยังเจอแต่ฝันร้าย...

    .

    .

    .

     

                “เน่ๆๆ ซาสึเกะ~ น่า...แค่นี้ให้ไม่ได้เหรอ ให้ฉันไม่ได้เลยเหรอ” ซุยเงสึถามเสียงออดอ้อนพร้อมกับส่งสายตาพราวระยับชนิดที่ว่าใครมองก็คงต้องขนลุกเกรียว แต่นั่นใช้ไม่ได้กับร่างสูงที่คืนนี้อุตส่าห์งดเว้นการปฏิบัติ ภารกิจยามดึก แล้วมานั่งจิบชาแทน

     

                “ไม่”

     

                “อะไรกันอ่า~ แล้วนายจะเก็บเค้าไว้ทำไม รักก็ไม่รัก ฆ่าก็ไม่ฆ่า ให้ฉันก็ไม่ได้” ซุยเงสึประท้วง เขาลงทุนมานั่งออดอ้อนท่านผู้นำกลุ่มสุดน่ากลัวคนนี้ชนิดที่ไม่กลัวตายเพื่อขอหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูสวยนั่นมาเป็นของตน แต่เจ้าคนใจโหดนี่ก็ยังปฏิเสธความพยายามของเขาจนได้

     

                “เอาไว้ทรมาน” ซาสึเกะตอบด้วยเสียงที่ราบเรียบ

     

                “ซาดิสม์เกินไปแล้ววว –[]-

     

                “ถ้านายไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว”

     

    คำสั่งนั้นเป็นเหมือนคำขาดที่เขามีแต่ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น ซุยเงสึเดินออกมาจากห้องของคุณผู้นำด้วยอารมณ์บ่จอย เขาเดินอย่างเฉื่อยๆไปตามทางเดินที่ยาวจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด แต่เมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องของตัวเองเจ้าตัวก็เกิดเปลี่ยนใจ แล้วเดินย้อนกลับไปทางเก่า แต่คราวนี้จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่ห้องของซาสึเกะ แต่เป็น...คุก

     

    จิ้มๆ~

     

    จิ้มๆ~

     

    จิ้มๆ~

     

                “เฮ้~ ทำไมเป็นคนขี้เซาแบบนี้เนี่ย สาวน้อย ตื่นๆๆ” ซุยเงสึจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อเห็นร่างบางยังคงนอนสลบไสลไม่ตอบสนองเขาที่อุตส่าห์เอาไม้จิ้มๆหวังจะปลุกให้เธอตื่น

     

                “ตื่นมาคุยกันหน่อยสิสาวน้อยยย~”

     

                “...”

     

                “เมินฉันเหรอ?”

     

                “...”

     

                “สาวน้อยยย~” ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองจากร่างบาง ซุยเงสึที่รู้สึกหงุดหงิดที่ถูกเมินค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองให้กลายเป็นน้ำ ก่อนจะไหลลอดผ่านซี่ลูกกรงเข้าไปในคุก เมื่อเปลี่ยนร่างให้กลับสู่สภาพเดิมแล้ว เขาก็โน้มตัวลงก่อนจะใช้มือเขย่าๆที่ตัวของซากุระหวังจะปลุกให้ตื่น แต่ทว่า...

     

                “ทำไมตัวร้อนแบบนี้ล่ะ!?!” เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ สี่สิบ สี่สิบห้า ไม่สิ! ห้าสิบองศา! อุณหภูมิขนาดนี้ถ้าเป็นคนปกติคงได้กลับบ้านเก่าไปแล้ว!

     

                “เฮ้!!! สาวน้อย!” ซุยเงสึเอามือตบที่แก้มของซากุระเบาๆแต่เจ้าตัวก็ยังคงนอนแน่นิ่ง

     

                “ชิส์ ช่วยไม่ได้...”

     

    โครม!

     

    เขาใช้ดาบเล่มใหญ่ของตัวเองพังประตูคุกจากด้านใน ก่อนจะอุ้มร่างบางที่ตัวร้อนจี๋ไปยังห้องของตัวเอง

    .

    .

    .

     

    ที่นี่ที่ไหน?

     

    ทำไมร่างกายถึงได้ร้อนแบบนี้?

     

                “ร้อน...” เสียงพึมพำเบาๆของร่างที่นอนสลบไสลมาสามวันเต็มๆทำให้คนที่กำลังวุ่นอยู่กับการขัดดาบถึงกับทิ้งงานทั้งหมดแล้วมานั่งเฝ้าคนป่วยที่ข้างเตียง

     

                “ตื่นแล้วเหรอ?” ซุยเงสึถามอย่างดีใจจนออกนอกหน้า เขามองดูร่างบางที่ยังได้สติไม่เต็มที่อย่างตื่นเต้น(?)

     

                “ที่นี่...ที่ไหน?” ซากุระถามเสียงแผ่วทั้งๆที่สติของเธอยังไม่กลับมาสมบูรณ์ดี

     

                “นี่ๆๆ~ ฉันน่ะเป็นคนพาเธออกมาจากคุกนะ!

     

                “คุก...? อ้อ...แล้ว...”

     

                “ว้า~ เธอหลับไปตั้งสามวันแน่ะ แถมยึดเตียงของฉันไปนอนเฉยเลย~”

     

                “อ่า...แล้ว...”

     

                “รู้มั้ยว่าตอนเธอไม่สบายน่ะ ฉันอุตส่าห์ปรุงยาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ ฉันไปขุดดูตำราเก่าๆของโอโรจิมารุ แต่ก็มีแต่ภาษาที่ฉันอ่านไม่ออกเพียบเลย แต่เห็นมั้ยว่าฉันน่ะโปรเฟสชั่นแนลขนาดไหน ขนาดอ่านไม่ออกยังปรุงยาให้เธอฟื้นได้เลย...”

     

                “แล้ว...”

     

                “แต่ที่น่าสิ่วหน้าขวานที่สุดก็ตอนซาสึเกะมาถามหาเธอนี่แหละ โอ๊ย หมอนั่นน่ะยิ่งกว่าลูซิเฟอร์สิบหน้ายี่สิบมืออีกนะ(?) ฉันนึกว่าหัวจะหลุดจากบ่าซะแล้ว แต่ก็นะถึงเค้าจะทำร้ายฉันฉันก็คงไม่เดี้ยงง่ายๆหรอกเพราะว่าฉันน่ะเป็นน้ำ แต่จิตสังหารของหมอนั่นน่ะ...”

     

    ซ่า!

     

                “หยุดฟังที่คนอื่นเค้าพูดซะบ้างสิยะเจ้าบ้านี่!” ซากุระที่ตอนนี้สติกลับมาสมบูรณ์แล้วชันตัวขึ้นก่อนจะประเคนหมัดไปที่แก้มของซุยเงสึอย่างแรงจนใบหน้าของเขาแตกกระจาย และเมื่อมันกลับมาหลอมรวมเป็นใบหน้าของเขาอีกครั้ง ซุยเงสึก็อยู่ในสภาพที่ตกใจจนอ้าปากค้าง

     

    ยัยนี่น่ากลัวกว่ายัยคารินอีก!

     

                “เอาแต่พูดๆๆอยู่นั่นแหละ ถามจริงๆเถอะตั้งแต่เกิดมานายไม่เคยพูดรึไงยะ!

     

                “...” เงิบจ้า~

     

                “ว่าแต่...นี่เป็นห้องของนายเหรอ” ซากุระที่ระเบิดอารมณ์โกรธออกไปหมดแล้วถามขึ้น เธอกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบแต่ผนังที่ทำด้วยอิฐสีน้ำตาลดูแข็งแรง ไม่มีเครื่องเรือนอื่นๆนอกจากเตียงและโซฟาที่อยู่ห่างออกไป มีหน้าต่างบานใหญ่สองบานที่ถูกเปิดอ้าไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท แต่ตอนนี้คนถูกถามยังคงอยู่ในสภาพใบ้รับประทาน

     

    เมื่อกี้ถ้าเผลออีกหน่อยเดียวหัวหลุดแน่ๆ

     

     

                “...”

     

                “ขอบใจนะที่ช่วยฉัน” เธอพูดออกมาเบาๆพร้อมกับมองคนพูดมากด้วยรอยยิ้มจางๆ ซุยเงสึมองภาพนั้นอย่างงงๆก่อนจะเสมองไปทางอื่น

     

                “อะ...อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องขอบใจก็ได้~”

     

                “แต่ฉันยังไม่ลืมนะยะว่านายเป็นคนจับตัวฉันมาน่ะ!!! ไอ้โรคจิตวิตถาร!!!” ซากุระแหวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้คนที่แกล้งเสมองไปทางอื่นรับเสียงนั้นเต็มๆแบบไม่ทันระวังตัวจนแก้วหูสั่นสะเทือนไปถึงข้างใน

     

                “นี่ตกลงเธอจะซาบซึ้งหรือจะด่าฉันกันแน่ฟระ!” ซุยเงสึโอดครวญพลางเคาะๆที่หูเพื่อตรวจดูว่ามันยังปกติอยู่รึเปล่า

     

                “ขอบคุณก็ส่วนขอบคุณย่ะ แต่ที่ฉันตกอยู่ในสภาพนี้มันก็เพราะนายไม่ใช่รึไง”

     

                “เพราะฉันที่ไหนกันล่ะสาวน้อย~ ไปโทษซาสึเกะสิ หมอนั่นสั่งให้ฉันทำต่างหาก”

     

                “...”

     

    สิ้นเสียงของซุยเงสึ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ชื่อของซาสึเกะทำให้ซากุระหวนรำลึกถึงสิ่งที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นทำไว้กับเธอเมื่อครั้งก่อน เขาใช้ อ่านจันทรา มนตราที่ทำให้ผู้ถูกสะกดต้องตกอยู่ในความทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเป็นเวลายาวนาน เธอกรีดร้องอ้อนวอนให้เขาหยุด แต่เขากลับทรมานเธอต่อจนเธอไม่มีแรงแม้จะเรียกชื่อเขา แล้วเขาก็จากไป...

     

    เขากลายเป็นคนโหดร้ายไปแล้ว...

    เขาไม่ใช่ซาสึเกะที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป...

     

                “นี่ๆ~” ซุยเงสึที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองดันพูดเรื่องไม่ดีออกไปเรียกเธอด้วยเสียงหงอยๆ

     

                “...”

     

                “เฮ้~ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจเธอซักหน่อยสาวน้อย แต่ว่า...”

     

                “นายโรคจิต...” จู่ๆซากุระก็โพล่งขึ้น ดวงตาของเธอกำลังเหม่อลอยราวกับคนหมดอาลัยในชีวิต

     

                “เฮ้อ~ ฉันชื่อ ซุย-เง-สึ”

     

                “วิตถาร...”

     

                “นี่เธอจะเอาจริงๆใช่มะ -_-

     

                “นาย...พอจะรู้บ้างมั้ยว่าทำไมซาสึเกะถึงกลายเป็นแบบนี้” น้ำเสียงนั้นดูไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด ซุยเงสึที่ฟังอยู่ถอนหายใจอย่างเคร่งเครียดก่อนจะตอบเบาๆ

     

                “รู้สิ”

     

                “ทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนี้...” เธอถามพร้อมกับน้ำใสๆไหลอาบแก้มนวล แล้วจู่ๆร่างบางก็หน้ามืดวูบไปเพราะพิษไข้ที่ยังคงอยู่ ซุยเงสึมองอย่างตกใจก่อนจะประคองร่างบางแล้วจัดให้นอนในท่าที่สบาย

     

                “เธอยังไม่หายดี พักก่อนเถอะ... เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง...”

    .

    .

    .

    ซากุระจัง...ซากุระจังต้องปลอดภัยนะ เธอต้องปลอดภัย... รอฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะไปรับ

     

                ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทองกำลังมองดวงตะวันที่คล้อยต่ำด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย ผู้ชายอย่างเขาไม่ควรมีน้ำตา แต่ทว่าความเจ็บปวดที่ช่วยเหลือคนที่รักไม่ได้ซักคนมันทรมานเกินกว่าที่เขาจะเก็บไว้  นารูโตะปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่อายใคร เขาช่างอ่อนแอ...

     

    ฉันช่วยใครไว้ไม่ได้ซักคน...

     

                เพื่อกลับมาช่วยเหลือหมู่บ้านที่กำลังถูกหนึ่งในแสงอุษาโจมตี ทำให้พวกเขาทุกคนต้องยุติภารกิจตามหาซาสึเกะรวมถึงต้องทิ้งซากุระที่ถูกจับตัวไป พวกเขาจำต้องทิ้งพวกพ้อง ทิ้งคนที่รักเพื่อที่จะกลับมาปกป้องหมู่บ้านและปกป้องชีวิตของผู้บริสุทธิ์

     

    ทางเลือกของเขาไม่ว่าทางไหนก็เจ็บปวด แต่สุดท้าย...เขาก็ต้องเลือกคนหมู่มาก

     

    ซากุระเตรียมใจไว้แล้วสำหรับภารกิจนี้...

     

    เขารู้ดี...

     

                “แต่ฉันยังไม่ได้เตรียมใจที่จะต้องเสียเธอไป...” ร่างสูงพึมพำก่อนจะเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้านที่กำลังสร้างขึ้นใหม่เพราะถูกแสงอุษาโจมตีเสียจนย่อยยับ เขาจำเป็นต้องปักหลักอยู่เฝ้าหมู่บ้านต่อจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ... ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน

     

                “รอฉันก่อนนะ...ซากุระจัง”

     

     

     

    เย้!!! ในที่สุดก็แต่งตอนที่ 5 จบ ฮูเร่! หลังจากอยู่ในบรรยากาศอึมครึมมานานสุดท้ายก็แต่งออกมาจนได้ (ปริ่ม...T.T) ตอนนี้ดูไม่มีอะไรน่าโฟกัสมาก แค่มันเป็นรอยต่อของตอนต่อไปที่แซ่บเว่อร์ >.<นารูโตะพระเอกมากลูก ส่วนซาสึเกะก็เถื่อนจริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องมีมันละตัวร้าย ใครมันจะร้ายเท่าพระเอกอีกฟระ-0-  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×