คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : เพลิงแค้นปะทุ
บทที่ 2 เพลิงแค้นปะทุ
“นี่มันอะไรกัน...” เป็นประโยคที่ซาสึเกะพูดกับตัวเองจนนับครั้งไม่ถ้วน นี่มันความทรงจำอะไรกัน!
“จากเหตุการ์ณจิ้งจอกเก้าหางบุกโคโนฮะเมื่อหกปีก่อน ตระกูลอุจิวะตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง”
“พวกอุจิวะคิดจะทำรัฐประหาร ยังไงซะเราก็ต้องหยุดเรื่องนี้”
“แต่เราเจรจากันได้นี่ ยังไงตระกูลอุจิวะก็เป็นตระกูลเก่าแก่”
“ฮิรุเซ็น! ความใจอ่อนของนายจะนำความหายนะมาสู่โคโนฮะ!”
“อิทาจิ วันนี้ทำไมไม่ไปประชุมตระกูล”
“อิทาจิ อย่าลืมนะว่าลูกเป็นท่อข้อมูลของเรากับพวกโฮคาเงะ คราวหน้าก็มาประชุมตระกูลด้วยล่ะ”
“ดวงตาของฉันถูกดันโซชิงไปแล้ว จนถึงตอนนี้พวกนั้นก็ยังไม่ไว้ใจเรา อิทาจิ...เอาดวงตาอีกข้างของฉันไป ฉันฝากที่เหลือด้วยนะ”
“อิทาจิ หน้าที่สังหารคนในตระกูลอุจิวะฉันขอมอบให้เธอ เธอต้องฆ่าทุกคนไม่เว้นแม้แต่เด็กหรือคนแก่”
“อิทาจิ แม่เข้าใจลูกนะ แม่กับพ่อขอฝากซาสึเกะไว้ด้วย ดูแลน้องดีๆนะ”
“ฉันขอโทษที่ต้องทำให้เธอกลายเป็นฆาตกร ฉันไม่รู้จะชดใช้ให้เธอยังไงแต่ฉันรับปากว่าจะดูแลซาสึเกะเอง ฉันแอบทำทางลับไว้ให้แล้ว ถ้าเธออยากมาดูเขาเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอนะ”
“เฮ้...ป่วยซะขนาดนี้จะกินยายื้อชีวิตไปทำไม หรือจะรอให้เจ้าน้องชายสุดรักนั่นมาหา แหม! ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีจังนะ”
“ยังไงฉันก็จะฆ่าแกให้ได้อิทาจิ ฉันจะล้างแค้นให้พ่อกับแม่ ล้างแค้นให้กับอุจิวะทุกคนที่ถูกแกฆ่า!”
ความทรงจำของอิทาจิงั้นเหรอ? ทำไมกันล่ะ?
มันเจ็บปวด...
มันทรมาน...
เขาทนอยู่กับมันมาตลอดเป็นสิบปีได้ยังไงกัน?
“นี่น่ะหรือคือเหตุผลของนาย อิทาจิ...” ซาสึเกะไม่กล้าที่จะหันไปมองร่างที่ยังคงฝากรอยยิ้มของผู้เป็นพี่ได้ เขาไม่อยากรับรู้ความจริงที่ว่าคนที่ลงมือสังหารอิทาจิก็คือตัวเขาเอง
“ทำไมกันล่ะ... นี่พี่คิดจะโกหกผมไปจนถึงวันสุดท้ายของพี่เลยใช่มั้ย!?!” มีเพียงสายลมที่พัดมาแผ่วๆ พร้อมกับหยาดฝนที่เริ่มโปรยปรายเท่านั้นที่ตอบกลับมา
“ทำไมถึงไม่บอกอะไรผมซักคำ? ทำไมต้องทำให้ผมแค้นพี่ถึงขนาดนี้...ทำไมต้องทำให้ผมฆ่าพี่ด้วย...”
“ทำไมพี่ต้องเสียสละขนาดนั้น ทำไมกัน!?! อ๊ากกกกกกก!!!!!” ซาสึเกะกรีดร้องสุดเสียงพร้อมๆกับสายลมที่พัดโหมกระหน่ำราวกับต้องการจะตอบรับต่อความโกรธนั้น วันที่เขาแก้แค้นสำเร็จกลับกลายเป็นวันที่เขาต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอีกครั้ง ซาสึเกะกอดร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพี่พร้อมๆกับตะโกนสาปแช่งชาตะชีวิตที่ทำให้เขาต้องพบเจอกับสิ่งที่เลวร้ายจนนับครั้งไม่ถ้วนท่ามกลางพายุฝนที่ยังคงพัดรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ฟ้ากำลังคลั่ง... เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเจ็บปวดเจียนตาย...
.
.
.
ภายในห้องของโฮคาเงะ บรรยากาศก็ยังคงคุกรุ่นเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด เด็กหนุ่มดวงตาสีฟ้าสดใสไม่เหลือแววขี้เล่นเหมือนเคย เขาดูจริงจังจนน่ากลัว...
“ภารกิจครั้งนี้ยังไงผมก็จะไปนะป้า ป้าห้ามผมไม่ได้หรอก!” นารูโตะพูดย้ำเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ตั้งแต่ที่มีคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจพิเศษในการตามหาตัวซาสึเกะเมื่อวาน
“ช่วงนี้พวกแสงอุษากำลังจ้องเล่นงานเธออยู่นะนารูโตะ ฉันไม่อยากให้เธอออกไปเสี่ยง” ซึนาเดะยังคงยืนกรานคำพูดเดิม เพราะเจ้าหนูตรงหน้ามันมีดีแค่อึด ถึก ทน แต่ไม่ได้เป็นพวกพกพาสมองไปไหนมาไหนด้วย มิหนำซ้ำยังใจร้อนชอบทำอะไรบุ่มบ่าม ขืนปล่อยออกไปนอกหมู่บ้านก็คงจะเสร็จพวกแสงอุษาแหงๆ
“ใครมันจะกลัวเจ้าพวกนั้นกันล่ะ! ตอนนี้ซาสึเกะสำคัญกว่านะป้า”
“ฉันก็รู้ว่าเธอเก่ง แต่นารูโตะ ถ้าพวกนั้นมันได้เก้าหางในตัวเธอไปหมู่บ้านจะลำบากเอานะ คิดให้มันดีๆหน่อยสิ”
“ก็ผมบอกแล้วว่าผมไม่สนพวกมันยังไงล่ะป้า!”
สงครามน้ำลายยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆแน่ถ้าไม่มีใครคนหนึ่งพูดขัดขึ้นมาก่อน
“งั้นผมจะไปด้วยครับท่านซึนาเดะ กลุ่มทรีแมนของทีมคาคาชิจะไปกันครบรวมถึงผมซึ่งเป็นหัวหน้าทีมด้วย คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ” ‘ฮาตาเคะ คาคาชิ’ เป็นวีรบุรุษผู้ยุติสงครามน้ำลายระหว่างคนต่างวัยอย่างแท้จริง เพราะสิ้นเสียงของเขาคนที่เถียงกันเอาเป็นเอาตายทั้งคู่ต่างก็พร้อมใจกันเงียบ ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีฟ้าจะแยกเขี้ยวยิ้มยิงฟันอย่างผู้ชนะ
“นี่ไงป้า ครูคาคาชิจะไปด้วย ผมคงไม่เสร็จเจ้าพวกแสงอุษานั่นหรอก”
“แต่คาคาชิ เธอกำลังอยู่ในภารกิจไม่ใช่เหรอ?” ซึนาเดะมองข้ามรอยยิ้มเยาะเย้ยของนารูโตะแล้วหันไปถามชายเจ้าของเรือนผมสีเงินที่มีผ้าปิดปากปิดจนถึงครึ่งหน้าแทน
“ครับ แต่ภารกิจนั้นท่านซึนาเดะสามารถส่งมอบให้คนอื่นต่อได้ แต่ภารกิจพิเศษนี้... มันคือการตามตัวลูกศิษย์ของผมกลับ ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องเข้าร่วมด้วย” คาคาชิตอบด้วยเสียงที่เรียบเป๊ะพร้อมมีเหตุผลสุดสะเทือนใจประกอบทำให้ซึนาเดะต้องคิดหนัก
“อืม...”
“รีบๆอนุญาตมาเถอะน่าป้าซึนาเดะ ขืนมัวชักช้าเดี๋ยวก็ตามซาสึเกะไม่ทันกันพอดี”
“ก็ได้! แต่พวกเธอต้องรายงานสถานการณ์กับฉันตลอดและรอฟังคำสั่งจากฉันดีๆ ถ้าเกิดว่าฉันเรียกตัวพวกเธอกลับ พวกเธอต้องกลับทันทีเข้าใจมั้ย?” ซึนาเดะสั่งเสียงเข้ม แต่เธอไม่คิดว่าเจ้าเด็กหัวทองนั่นจะสนใจฟังเธออีกแล้ว เพราะเพียงแค่ได้ยินว่าเธออนุญาตเจ้าตัวก็โห่ร้องดีใจไม่หยุด
“ไปบอกซากุระจังดีกว่า! ขอบคุณนะป้า ขอบคุณครับครูคาคาชิ!” พูดจบเจ้าตัวก็เผ่นแผล็วออกจากห้องไปโดยไม่ต้องรอให้เธออนุญาต
“จะไหวจริงๆเรอะ เจ้านารูโตะนั่นน่ะ” ซึนาเดะพูดไล่หลังไป แต่ก็เหมือนเธอพูดให้ตัวเองฟังมากกว่า ...หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ
.
.
.
“ซาสึเกะคุง...ช่วยรอฉันอีกนิดนะ เดี๋ยวฉันจะไปรับกลับมาแล้ว”
ซากุระพูดกับภาพถ่ายเพียงใบเดียวของซาสึเกะที่เธอมี เป็นภาพถ่ายรวมของทีมเจ็ดที่ประกอบไปด้วยเธอ ซาสึเกะ นารูโตะ และครูคาคาชิ เป็นภาพแห่งความทรงจำเมื่อครั้งวันวานตอนที่พวกเธอยังอยู่ทีมเจ็ดด้วยกัน เป็นภาพที่ถูกถ่ายไว้ก่อนที่ซาสึเกะจะทิ้งหมู่บ้านและทิ้งเธอไป...
ซากุระเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋า ก่อนจะหอบเอาสัมภาระทั้งหมดแล้วเดินไปสมทบกับทุกคนที่หน้าประตูหมู่บ้าน
“ช้าจังน้า ซากุระจัง” นารูโตะเป็นคนแรกที่บ่นเธอ ซากุระได้แต่มองรอยยิ้มทะเล้นของผู้เป็นเพื่อนอย่างเศร้าสร้อย ภายใต้รอยยิ้มนั้น... เขาเองก็คงจะเจ็บปวดไม่แพ้เธอเลยสินะ
“ก็แน่สิยะ คนสวยเค้าก็ต้องเตรียมตัวนานเป็นธรรมดา”
“อ่า... ผู้หญิงเป็นเพศที่ชอบชมตัวเองสินะครับ ดีล่ะ ผมจะได้จดไว้” ซาอิที่มีพรสวรรค์เหลือเกินในการใช้ปากสร้างศัตรูพูดขึ้น ทำเอาอารมณ์เศร้าซึมของเธอที่สะสมมาตลอดตั้งแต่เมื่อวานปลิวหายไปกับสายลม
“ไม่ต้องจดเลยย่ะ! หนอย! ทำมาพูดด้วยหน้าตาที่ใสซื่อ ที่จริงแล้วนายแอบหลอกด่าฉันใช่มั้ยซาอิ”
“ผะ...ผมไม่เคยคิดจะหลอกด่าคุณเลยนะครับคุณซากุระ เอาจริงๆผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการหลอกด่าเป็นยังไง ผมพูดความจริงล้วนๆครับไม่เคยหลอก...อั่ก!” โดยไม่รอให้พูดจบประโยค ซากุระก็จัดการฮุกหมัดที่อาบไปด้วยจักระมหาศาลไปที่ท้องของคนปากดีอย่างไม่ปรานี ผลก็คือซาอิคนเก่งแห่งหน่วยรากถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น
“ผะ...ผู้หญิง เป็น...เป็นเพศที่ไม่ยอมรับความจริงสินะครับ”
“ซาอิ!!! ตายซะเถอะแก๊!!!” แต่ก่อนที่ซาอิจะชะตาขาด คาคาชิที่ยืนมองอยู่นานก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน ซึ่งก็นับว่าเป็นบุญของคนปากเสียยิ่งนัก
“ถ้าเราไม่รีบเดินทาง เราจะตามซาสึเกะคุงไม่ทันนะ ตามข้อมูลที่ท่านจิไรยะบอก รังลับของอิทาจิจะอยู่ระหว่างแคว้นฮิโนะคุนิกับคาเซะโนะคุนิ ถ้าซาสิเกะคุงจะไปแก้แค้นอิทาจิจริงๆก็คงจะไปที่นั่นแหละ” คาคาชิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ซากุระจำใจต้องหยุดเวลาประหารไปชั่วคราว แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตไปยังคู่กรณีที่ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เราจะใช้แผนที่ของท่านจิไรยะนำทางไปก่อน ถ้าเข้าเขตที่ต้องสงสัยแล้วฉันจะใช้ปั๊กคุงกับพวกสุนัขนินจาดมกลิ่นตามหาซาสึเกะต่อ”
“โอ๊ส!!! เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมากครับครูคาคาชิ แบบนี้ต้องตามตัวซาสึเกะเจอแน่ๆ” นารูโตะเป็นคนแรกที่ขานรับต่อแผนการที่วางไว้ คนอื่นๆพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ
“แต่ฉันมีคำเตือนไว้อย่างนึง ความเสี่ยงของภารกิจครั้งนี้ก็คือเธอ นารูโตะ”
“เอ๋? ผมเนี่ยนะ อะไรกันครับครู หรือว่าจะเป็นพวกแสงอุษา?”
“ใช่ ฉันรับปากกับท่านซึนาเดะไว้แล้วว่าถ้าต้องเจอกับพวกแสงอุษาเมื่อไหร่ ฉันจะพาเธอหนี”
“หา!?! ทำไมต้องหนีด้วยล่ะครับ ถ้าเจอพวกมันก็ลุยกับพวกมันเลยสิ ผมเองก็ใช้เวลาตั้งสามปีเพื่อฝึกฝนจนแข็งแกร่งขึ้นแล้วนะครับ ไม่เห็นต้องไปกลัวอะไรพวกมันเลย” นารูโตะพูดพร้อมกับทำหน้าบูดอย่างน้อยใจที่ครูดูถูกความสามารถของเขา
“เธอในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ยังไงฉันก็ไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน เอาเป็นว่าถ้าเราต้องเจอกับแสงอุษา ฉันจะพานารูโตะหนีทันที ไม่ว่าตอนนั้นเราจะเข้าใกล้ซาสึเกะคุงมากแค่ไหนก็ตาม”
“แต่ครูครับ...”
“ถ้าในระหว่างนั้นพวกเราแยกกันอยู่ ฉันกับนารูโตะจะไม่รอพวกเธอแต่จะล่วงหน้ากลับหมู่บ้านไปก่อนเข้าใจมั้ย?”
“แต่แบบนั้นมันก็เป็นการทิ้งพวกพ้องสิครับครู ผมทำไม่ได้หรอก! ครูเองก็เป็นคนสอนพวกเราให้เห็นความสำคัญของพวกพ้องนี่ครับ แบบนี้มัน....”
“แต่ฉันเห็นด้วยกับครูคาคาชินะนารูโตะ” ซากุระพูดขัดขึ้น แววตาของเธอดูจริงจังขึ้นมาทันที “อย่าลืมสิว่าตัวนายน่ะมีเก้าหางอยู่นะ เราไม่รู้ว่าพวกแสงอุษาจะเอาเก้าหางในตัวนายไปทำอะไร แต่มันจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับหมู่บ้านแน่ๆ ซึ่งฉันคงปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้”
“ซากุระจัง...”
“ไม่เป็นไรหรอกนารูโตะ เรื่องซาสึเกะน่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันบ้างสิ ฉันสัญญาว่าจะต้องพาตัวเขากลับไปให้ได้” ซากุระพูดพร้อมกับยิ้มแสดงความมั่นใจ นารูโตะเหนื่อยมามากพอแล้ว... เขาคงจะเหนื่อยที่จะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ สัญญาที่ว่าเขาจะพาตัวซาสึเกะกลับมาให้ได้... ดันไปขอให้เขาสัญญาบ้าบอแบบนั้น เธอนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆ!
“เอาล่ะ ตกลงกันตามนี้นะ ทีนี้ก็ออกเดินทางได้!” สิ้นเสียงของคาคาชิ ทั้งสี่คนก็มุ่งหน้าไปยังทิศที่ตั้งของรังลับของอิทาจิ โดยหวังว่าจะพาตัวผู้ชายเพียงคนเดียวที่ถูกความแค้นช่วงชิงไปกลับคืนมา
.
.
.
เพราะที่นั่น...ครอบครัวของเขาถึงต้องถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
เพราะที่นั่น...เขาถึงต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
เพราะที่นั่น...พี่ชายของเขาถึงต้องเจ็บปวดทรมาน
เพราะที่นั่น...โคโนฮะ!
“หน้าที่ของ ‘งู’ เสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะเปลี่ยนชื่อกลุ่มใหม่ ต่อไปนี้เราจะใช้ชื่อกลุ่มว่า ‘เหยี่ยว’ และจุดประสงค์เพียงข้อเดียวของเหยี่ยวก็คือ ถล่มโคโนฮะ!”
“เฮเฮ้ มันจะดีเหรอ นั่นมันหมู่บ้านสุดเลิฟของนายเลยไม่ใช่รึไง ซาสึเกะ” ชายเจ้าของเรือนผมสีเงิน อีกทั้งยังมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงเอ่ยขึ้น ใบหน้ายียวนนั้นมีแววสงสัยในคำพูดของผู้นำกลุ่ม
“ที่นั่น... ไม่มีความสำคัญอะไรกับฉันอีกต่อไปแล้ว นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ฉันอยากจะให้หายไปมากที่สุด” ซาสึเกะตอบพร้อมกับใช้ดวงตาที่แสนเย็นชาจ้องมองกลับมา ซึ่งมันก็ทำให้คนถามถึงกับเสียวสันหลัง
“นายก็อย่าไปถามอะไรไม่เข้าเรื่องสิ ซุยเงสึ ก็ซาสึเกะคุงเค้าตัดสินใจแล้ว นายก็มีหน้าที่แค่ทำๆตามที่ซาสึเกะคุงบอกก็แค่นั้น ไม่เห็นต้องพล่ามถามอะไรให้มากมาย” หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างสุดเซ็กซี่กับเรือนผมสีแดงสดเอ่ยตำหนิเพื่อนร่วมกลุ่มที่ถามอะไรไม่เข้าท่า ดวงตาภายใต้แว่นกรอบบางของเธอนั้นจดจ้องแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาของซาสึเกะอย่างหลงใหล
“ประโยคที่เธอพูดน่ะมันยาวกว่าฉันตั้งเยอะนะ ยัยคาริน”
“ชิส์ ซุยเงสึ นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ไม่เหมือนนายท่าน...อ๊ะ ไม่เหมือนซาสึเกะคุงเลย”
“เธอเองที่ไม่ถามอะไรก็แค่เพราะคลั่งไคล้ซาสึเกะจนไม่กล้าขัดเขาซะมากกว่าล่ะมั้ง ไม่ไหวจริงๆเลยน้า ผู้หญิงสมัยนี้เนี่ย” ซุยเงสึพูดพร้อมกับส่ายหัวอย่างระอา แต่คนถูกว่ากลับละสายตาจากเทพบุตรสุดหล่อแล้วหันมาทำหน้ายักษ์ใส่คนพูดมากแทน
“ที่ฉันไม่ถามก็เพราะว่าฉันน่ะเป็นทาส...อ๊ะ เพราะว่าฉันเป็นผู้ตามที่ดีต่างหาก ฉันน่ะเคารพการตัดสินใจของซาสึเกะคุง ไม่เหมือนนายหรอกย่ะ”
“ฮะๆๆ เธอนี่มันดูออกง่ายชะมัด ซาสึเกะ...ถามจริงๆเถอะ เวลาที่นายกำลังจุดๆๆกับยัยนี่น่ะ ไม่รู้สึกหยึ๋ยๆหยะแหยงบ้างเลยเหรอ” ซุยเงสึหันไปถามผู้ชายหน้าเดียวที่เอาแต่มองไปยังทิศที่ตั้งของหมู่บ้านโคโนฮะ แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับกลายเป็นเสียงตวาดแว้ดของผู้ที่ถูกพาดพิง
“กรี๊ดดด อะ...ไอ้บ้าซุยเงสึ นะ...นายกล้าถามซาสึเกะคุงแบบนี้ได้ไง! เค้าน่ะเร่าร้อน...อ๊ะ อาจจะรุนแรงไปบ้าง...อ๊ะ ไม่ๆ ฉันตกเป็นทาสเขาแล้ว อ๊ายยย ไม่ใช่แบบนี้สิ ซาสึเกะคุง~ ฉันอธิบายไม่ถูกแล้ว!” คารินพูดแทบไม่เป็นประโยคเมื่อย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอกับคนตรงหน้าร่วมกันบรรเลงเพลงรักแสนหวาน
“ผู้หญิงดีๆก็มีตั้งเยอะ เฮ้อ...ทำไมต้องเป็นยัยนี่ด้วยนะ”
“ว้ายยย ปากเสีย ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะยะ! ไม่ใช่ใครก็ได้ซักหน่อยที่ซาสึเกะจะยอมมีอะไรด้วย แต่ต้องเป็นฉันเท่านั้นย่ะ!”
“นั่นก็คงเพราะกลุ่มของพวกเรามันก็มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงน่ะ” น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของใครคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น ก่อนที่ชายเจ้าของเรือนผมสีส้มแสดจะปรากฏตัว
“นายว่าไงนะจูโกะ” คารินถามเสียงเขียว “ที่ว่า ‘แค่เพราะมีฉันคนเดียวที่เป็นผู้หญิง’ เนี่ย นายหมายความว่าไง?”
“คุณซาสึเกะมีความต้องการเรื่องอย่างว่าอย่างแรง เพราะเขาต้องปลุกเร้าอารมณ์เพื่อจะเบิกเนตรใหม่เรื่อยๆ และพอจะหาที่ระบาย... อืม... ฉันกับซุยเงสึที่เป็นผู้ชายคุณซาสึเกะก็ไม่ต้องการ ถึงแม้ฉันจะเต็มใจก็เถอะ ( ฉันไม่ได้เต็มใจด้วยนะเฟ่ย >>> ซุยเงสึ) มันก็เลยเหลือแค่เธอที่ต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เขาก็เท่านั้น” จูโกะอธิบายด้วยน้ำเสียงโทนเดิมทั้งประโยค มันฟังดูไร้อารมณ์อย่างเหลือเชื่อ แต่ถึงกระนั้นเนื้อความในประโยคก็ทำให้คารินถึงกับของขึ้น
“นี่นาย!!!”
“พอได้แล้ว! คาริน!!!” เสียงตวาดของชายที่เงียบมาโดยตลอดเป็นประกาศิตที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม คารินที่กำลังโกรธถึงกับหุบปากฉับ
“จูโกะ ซุยเงสึ พวกนายก็เลิกแหย่คารินซักที รีบๆกลับไปที่ฐานทัพได้แล้ว ฉันมีงานให้พวกนายทำ” สิ้นเสียงร่างสูงก็เดินนำไปยังฐานทัพลับของกลุ่มเหยี่ยวที่พวกเขาจะใช้เป็นที่วางแผนสำหรับถล่มหมู่บ้านโคโนฮะ
เพลิงแค้นปะทุ...ซาตานกรีดร้อง...พวกพ้องร่ำไห้...อีกหนึ่งใจกำลังรอ...กลับมาเถอะนะ
หลังอ่านตอนนี้จบ ทุกคนคงจะเกิดคำถามเดียวกัน เกะแม่มไม่ซิงซะละ ฮ่ะๆๆ เพื่อตอบสนองต่อความซาดิสม์ของไรท์เตอร์บทมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ (นี่มันนิยายผู้ใหญ่ชัดๆ >.<) กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะว่าจะทำNC ออกมาดีไหม คือมันแต่งยาก จินตนาการต้องสูงงง ต้องดูความเหมาะสมและอารมณ์ไรท์เตอร์อีกที (ดูมัน...) ปล. ไรท์เตอร์ต้องแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือบ้างแล้นนน คือปีนี่ซิ่ว อาจจะอัพช้าถึงขั้นดองหน่อยๆ แต่สัญญาว่าจะแต่งให้จบค่ะ
ความคิดเห็น