ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #46 : CHAPTER 40 : ค่าตอบแทน (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.84K
      148
      17 เม.ย. 58

    บทที่ 40 ค่าตอบแทน

     

     

    “ฉันอนุญาตให้เธอทำร้ายร่างกายฉันได้... เฉพาะตอนอยู่บนเตียงเท่านั้น !

     

              น้ำเสียงเจ้าเล่ห์อันตรายเอ่ยประโยคที่ฟังดูกำกวม ทำให้ร่างเล็กหน้าแดงจัดยิ่งกว่าเดิม เธอขึงตามองเขาดุๆที่หื่นไม่ดูเวล่ำเวลาแถมยังผิดที่ผิดทางอีกต่างหาก แต่คน หื่นมีหรือจะสน เขายังคงใช้สายตาวาววับจ้องมองแม่เป็ดตัวเล็กราวกับว่าจะกลืนกินทั้งตัว จนคนถูกมองต้องหลบตาเอาหน้าซุกอกเขาแทบไม่ทัน ซาสึเกะระบายยิ้มอย่างเอ็นดู... การได้เธอกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีก เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคาดหวัง ยิ่งการได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาทั่วไป...

     

    ก็ยิ่งไม่กล้าใฝ่ฝันถึง...

     

    เขาเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว ใช้ความเย็นชาหยาบกระด้างฉาบใบหน้าให้ดูน่าเกรงขามจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่รักใคร... และต้องมั่นใจว่าไม่มีใครรัก เพราะนั่น... จะไม่ทำให้ใครต้องมาซวยเพราะตัวเขาอีก หากแต่ทุกอย่างกลับพังลงเมื่อคนที่เขาทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงที่สุดก้าวเข้ามาในชีวิต จุดเริ่มต้นของเขาและเธอช่างยุ่งเหยิงวุ่นวาย เป็นความสัมพันธ์บิดเบี้ยวที่รู้ตั้งแต่แรกว่ามันคงจะจบลงที่ต่างคนต่างอยู่ แต่เธอก็ทำให้จุดจบนั้นเปลี่ยน ทำให้หัวใจที่ไม่ยอมรับใครของเขาอ่อนแอลงและยอมเปิดให้เธอเข้ามาสำรวจได้ง่ายๆ ละลายความเย็นชาของเขา...

     

    ด้วยความอบอุ่น...

     

                “หิว...” จู่ๆร่างสูงก็พูดขึ้นลอยๆด้วยเสียงออดอ้อน ซากุระเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างเป็นห่วง แต่เธอก็ต้องชะงัก รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นแววตาวิบวับไม่น่าไว้ใจของอีกฝ่าย แต่ก็ยังกลั้นใจถามออกไป

     

                “อยากทานอะไรคะ เดี๋ยวฉันจะลงไปซื้อให้”

     

                “เป็ด... อยากกิน แม่เป็ดใจจะขาด”

     

                คำตอบของเขาทำเอาเธอลมแทบจับ ดูท่าว่าสภาพร่างกายกับสถานที่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อเจ้าลูกเป็ดจอมหื่นเลยสักนิด เพราะพูดไม่ทันขาดคำดี มือปลาหมึกที่มีสายน้ำเกลือเจาะก็เริ่มมาวุ่นวายกับหน้าอกขนาดคัพซีของเธอเสียแล้ว

     

                “ยะ... หยุดเลยนะคะ!” เสียงหวานร้องห้ามพร้อมกับยกมือขึ้นปิดทรวงอก เธอทำหน้าไม่ถูกเมื่อรู้ว่าตะขอบราถูกพ่อตัวดีปลดเรียบร้อยแล้ว

     

    เร็วจริงๆ!

     

                ซาสึเกะย่นคิ้วเหมือนเด็กถูกขัดใจ...

     

                “ฉันจะกินนม... เอ้ย! กินเป็ด ไม่ได้กินตั้งนาน ร่างกายรู้สึกขาดสารอาหาร”

     

                “เมื่อวันก่อนก็ กินไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ? หยุดคิดเรื่องลามกแล้วนอนพักผ่อนเถอะค่ะ!” เธอดุทั้งที่หน้าแดงจัด เตรียมจะลงจากเตียงคนป่วยสุดอันตราย แต่ก็ถูกคนที่นอนอยู่ข้างๆรั้งตัวไว้พลางส่งสายตาออดอ้อน

     

                “แค่นั้นมันจะไปพออิ่มอะไร? นะ! ฉันขอนะ... น้า~

     

                เสียงอ่อนเสียงหวานของคนในห้องทำให้เลขาหนุ่มที่ตั้งใจจะมาเยี่ยมเจ้านายถึงกับปิดประตูห้องผู้ป่วยกลับแทบไม่ทัน จูโกะยืนมึนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองอยู่พักใหญ่...

     

    ไอ้ที่ได้ยินเมื่อกี้มันอะไร!?!

    นั่นเป็น อุจิวะ ซาสึเกะ ตัวจริงหรือ?

     

                ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างสงสัย พอเรียกสติกลับคืนมาได้เลขาหนุ่มก็ตัดสินใจว่ามาเยี่ยมทีหลังน่าจะเหมาะกว่า เจ้านายของเขาคงปลื้มจนยันเขาออกจากห้องแน่ๆหากเขาโผล่เข้าไปตอนนี้

     

                “ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ?”

     

                เสียงทุ้มของซาโซริทำให้คนกำลังช็อกเงยหน้าขึ้นมอง ทนายความคนเก่งเดินเอามือล้วงกระเป๋ามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องคนป่วย จูโกะได้แต่ยิ้มแกนๆ ไม่รู้จะอธิบายเหตุผลที่ไม่เข้าไปยังไงดี

     

                “เอ่อ... ผมว่าเดี๋ยวผมแวะมาใหม่ดีกว่า เรารีบไปกันเถอะครับ”

     

                “จะเข้าไปเยี่ยมมันก็เข้าไปเลย นอนป่วยพะงาบๆแบบนั้นมันไม่มีแรงลุกขึ้นมากัดหัวนายหรอก” เอ่ยอย่างขัดใจเพราะเข้าใจว่าลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของซาสึเกะคงจะกลัวเจ้านายกิตติมศักดิ์วีนใส่เรื่องที่คลาดกับซากุระจนทำให้เธอถูกจับตัวไป หากแต่เลขานอกสถานที่กลับเอาแต่แย้งในใจเงียบๆ

     

    พะงาบๆหรือ? เจ้านายของเขาไม่ได้อยู่ในสภาพนั้นหรอก

     

                “เวลานี้คง... ไม่เหมาะมั้งครับ” เอ่ยค้านเบาๆพลางส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายรีบไปจากตรงนี้ แต่มีหรือที่คนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กับคนที่นอนป่วยอยู่ในห้องจะยอม ซาโซริปราดเข้าไปประชิดประตูก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดออก ปากก็หันมาบ่นเลขาของเพื่อน

     

                “นายนี่ชักจะเป็นเอามากนะจูโกะ ไอ้โรคกลัวซาสึเกะขึ้นสมองนี่ขอเถอะ เราอุตส่าห์หวังดีมาเยี่ยม ถ้ามันยังจะไล่ตะเพิดก็เกินไป...แล้ว...” เสียงบ่นของทนายหนุ่มขาดห้วงไปเพราะเจ้าตัวกำลังช็อกจัด แม้จากมุมตรงหน้าประตูจะมองไม่เห็นเตียงคนป่วย แต่เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาก็ทำให้ร่างสูงเจ้าของเรือนผมที่แดงถึงกับยืนนิ่ง...

     

                “อื๊อ... คุณซาสึเกะ ดะ...เดี๋ยวแผลที่เย็บไว้ก็ฉีกหรอกค่ะ”

     

                “ช่างมัน”

     

                “ช่างมันได้ยังไงกันคะ ฉันไม่อยากเห็นคุณเจ็บอีก... อื๊อ...”

     

                “ถ้าได้ตายคาอกเมีย ฉันยอม...”

     

    ประตูห้องผู้ป่วยถูกปิดกลับอย่างเงียบกริบ...

                ซาโซริยังคงยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิมราวกับคนที่เพิ่งเจอสิ่งที่น่าตกใจที่สุดในชีวิตมาหมาดๆ ร่างสูงเอามือตบๆที่หน้าเรียกคืนสติ ยืนยันว่าที่เพิ่งได้ยินไปไม่ใช่ความฝัน ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่ลิฟต์อย่างคนเหม่อลอย ปากก็บ่นพึมพำ...

     

                “ฉันต้องหลอนเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืนแน่ๆ”

     

     

     

               

    แวะมาเติมฉากหวานมุ้งมิ้ง~ ><~ ฮาเฮียซาโซริมากกก แต่งไปยิ้มไปเลยนะนี่ ขอโทษนะคะที่มาช้าและมาต่อให้นิดเดียว นิยายใกล้จบแล้วคนแต่งก็เลยเฉื่อยไปตามระเบียบ หุๆ -.,- ซึ่งเบ็ดเสร็จเรื่องนี้จะจบอยู่ที่ 42 ตอนค่ะ แต่ไรต์คิดว่าจะทำตอนพิเศษเพิ่มมาซึ่งจะแต่งส่วนเพิ่มเติมของแต่ละคู่ ทั้งนารุฮินะ เนจิเท็นเท็น(แถม) ซาอิอิโนะ และปิดท้ายด้วยซาสุซากุ ทุกตอนพิเศษไม่มีดราม่านะคะ(อาจจะมีนิสสสนึง) แต่เรื่องความน่ารักนี่มีกันครบแน่ๆ เรียกว่ารวมฉากแกล้งพระเอกค่ะ อิอิ >< ยังไงก็รอติดตามชมด้วยน้า

     

    ปล. เค้าแวะมาแจ้งข่าวร้ายด้วยล่ะว่าเค้ากำลังจะหนีเที่ยว ก็เลยฝากตอนเล็กๆนี้เป็นใบเบิกทางก่อนไป ไม่แน่ใจว่าจะกลับวันไหน เรียนรีดเดอร์ที่น่ารักหาเรื่องอื่นอ่านไปพลางๆก่อนนะจ๊วบ ขอโทษที่ทำให้อารมณ์อ่านติดๆขัดๆค่ะ    

     

    90%

     

     

    ก๊อกๆๆ!

     

                “คุณหนู! คุณหนูคะคุณหนู!

     

                เสียงทุบประตูรัวพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกของเด็กรับใช้ในบ้านทำให้ คุณหนูผู้เป็นเจ้าของห้องนอนพลิกตัวไปมา เอามือปิดหูอย่างนึกรำคาญ

     

    ก๊อกๆๆ!

     

                “คุณหนูคะ!!!

     

                “จะเรียกอะไรกันนักกันหนา! คนจะหลับจะนอน!!!” ตะโกนออกไปอย่างหงุดหงิดเมื่อคนข้างนอกยังไม่หยุดส่งเสียงรบกวน เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่พะวงกับแผนการกำจัดมารหัวใจว่าจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีหรือเปล่า จะโทรไปเช็ครึก็ไม่ได้เพราะเธอตัดช่องทางการติดต่อ ทำลายหลักฐานไม่ให้ใครสืบสาวมาถึงตัวได้หากเกิดอะไรผิดพลาด

     

                “มะ...มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ... เขามาขอพบคุณหนูค่ะ” เสียงสั่นๆของสาวใช้ทำเอาคนฟังหูผึ่ง

     

                “แกว่าไงนะ!?!

     

                “คุณตำรวจ...”

     

    ผลัวะ!

     

                โดยไม่รอให้อีกฝ่ายรายงานจบ คารินผุดลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะกระวีกระวาดไปที่หน้าต่างแล้วกระชากมันเปิดออก ภาพรถตำรวจสีขาวดำสามคันที่จอดเรียงกันอยู่ตรงลานน้ำพุหน้าบ้านทำเอาแข้งขาของเธออ่อนแรงไปหมด จู่ๆหัวใจก็เต้นโครมครามเพราะความกลัว

     

    หรือว่าตำรวจพวกนั้น!?!

     

                คารินยืนสงบจิตสงบใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย เตรียมเผชิญหน้ากับเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เธอพอจะเดาออกว่ามาหาเธอเพราะเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ไม่มีใครทำอะไรเธอได้... เพราะเธอคือ ฟุรุคาวะ คาริน!

     

                “คุณฟุรุคาวะ คารินใช่มั้ยครับ?” สารวัตรหนุ่มผู้รับผิดชอบคดีเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นร่างแบบบางในชุดลำลองดูเรียบหรูยืนกอดอกมองหน้าตนอยู่ เขาพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นยามต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่เต็มไปอำนาจดุจนางพญา

     

                “ค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับฉันหรือคะคุณตำรวจ?”

     

                “ทางเราจะขอเชิญตัวคุณไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจน่ะครับ”

     

                “สอบปากคำ? เรื่องอะไรเหรอคะ? ฉันจำไม่ได้... ว่าตัวเองเข้าไปพัวพันยุ่งเกี่ยวกับคดีอะไร” เธอพูดพร้อมกับยิ้มหวาน หากแต่ถ้ามองดีๆมันก็ไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มข่มขู่ เสียงช่วงท้ายของประโยคถูกกดลงจนต่ำ นายตำรวจถึงกับยืนนิ่ง

     

                “คุณไม่เห็นหมายศาลเหรอครับ คุณคาริน?”

     

    เสียงหนึ่งโพล่งแทรกขึ้น ดึงบรรยากาศที่กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบกลับคืนมา ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงแทรกตัวมาประจันหน้ากับคาริน เขายิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่คล้ายกัน

     

                “คุณซาโซริ”

     

                “อ่า... ผมขอแย่งบทพูดนิดนึงนะครับคุณตำรวจ สำหรับคนๆนี้... พวกคุณคงจะคุยลำบากหน่อย” เขาหันไปบอกสารวัตรหนุ่มที่บัดนี้ยืนตัวสั่นอย่างหวั่นเกรงอำนาจของหญิงสาวตรงหน้า สารวัตรหนุ่มพยักหน้าให้เบาๆก่อนจะเดินหลบฉากไปยืนอยู่ข้างหลัง ปล่อยให้ทนายฝ่ายจำเลยเป็นคนดำเนินการต่อ

     

                “นี่มันอะไรกันคะคุณทนาย ฉันงงไปหมดแล้ว”

     

                “ไม่ทราบว่าคุณรู้จักผู้หญิงที่ชื่อ ฮารุโนะ ซากุระรึเปล่าครับ?” ซาโซริเกริ่น เขาลอบยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของอีกฝ่าย “อ่า... ไม่ต้องตอบผมหรอก สีหน้าแบบนั้นคุณคงจะรู้จัก รู้จัก ดีซะด้วยสิ”

     

                เนื้อความกับเสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มทำเอาคนที่พยายามเก็บกักความกังวลเริ่มยืนไม่อยู่ ลางสังหรณ์บอกกับเธอว่าสิ่งที่เธอกำลังจะได้ยิน...

     

    เป็นสิ่งที่เธอกำลังกลัวที่สุด!

     

                และลางสังหรณ์ในทางร้ายก็มักจะถูกเสมอ...

     

    “เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณซากุระถูกไอ้พวกชั่วกลุ่มหนึ่งมันลักพาตัวไปน่ะครับ จุดประสงค์ก็คือพาไปรุมโทรม แต่ว่าก็ถือว่าโชคดีมากนะครับ ที่ ซาสึเกะไปช่วยเอาไว้ทัน คุณซากุระเธอก็เลยรอด ส่วนไอ้เวรพวกนั้นก็ถูกจับ... ในสภาพปางตาย”

     

    “อะไรนะ!?!

     

    “อย่าเพิ่งรีบตกใจไปสิครับ สาเหตุที่ผมกับคุณตำรวจมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะหัวหน้าใหญ่ของพวกนั้นมันซัดทอดมาถึงคุณ มันบอกว่าคุณเป็นคนสั่งให้ไปลักพาตัวคุณซากุระ จัดการข่มขืนเธอพร้อมกับอัดคลิปประจาน จากนั้นก็ให้พาเธอไปส่งแก๊งค้าประเวณีที่ท่าเรือเพื่อส่งเธอไปที่จีน มันสารภาพออกมาหมดเลยครับ... ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว”

     

    เสียงเย็นๆกับสายตาข่มขู่ทำให้คนถูกกล่าวหายืนอึ้ง ใบหน้าถอดสีเพราะความตกใจ... ผิดหวัง... แผนการกำจัดเสี้ยนหนามที่ตำอกของเธอล้มเหลว และคนที่ทำให้มันเป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ชายที่เธอรักหมดหัวใจมาตลอดสิบเอ็ดปีนั่นแหละ คารินกำมือแน่นอย่างแค้นเคือง ดวงตาลุกโชนไปด้วยความริษยาอาฆาต...

     

    นังนั่นมันรอดไปได้!

     

                เธอสบถในใจ ด่าทอความไม่ได้เรื่องของขี้ข้าชั้นปลายแถว แต่พอเห็นสายตาจ้องจับผิดของทนายคนเก่ง  ดวงตาสีโกเมนที่เคยแรงกล้าดุจนางพญาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก หญิงสาวแสร้งทำหน้าตกอกตกใจพลางเอ่ยปฏิเสธ

     

    “ฉะ...ฉันไม่ได้ทำนะคะ! พวกมันใส่ร้ายฉัน ฉันจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นได้ยังไง คุณก็รู้จักฉันดีนี่คะคุณซาโซริ”

     

    พูดเสียงสั่นเครือพลางส่งสายตาขอความเห็นใจ ใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบขมวดยุ่งอย่างเป็นกังวล ดวงตากลมโตสั่นระริกเหมือนคนจะร้องไห้ เธอแสดงออกมาได้แนบเนียนจนนายตำรวจที่ทำหน้าที่พาตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำพากันหลงเชื่อ แต่มารยาหญิงพรรค์นั้นย่อมใช้ไม่ได้กับเพลย์บอยผู้ช่ำชอง คนที่อ่านใจผู้หญิงได้ราวกับอ่านหนังสือ...ซาโซริยิ้มเย็นก่อนจะตอบ

     

    “ทั้งหมดที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวคุณก็คือหนึ่ง คุณเป็นคนฉลาด และสอง... คุณรักซาสึเกะ รักมากจนไม่สามารถปล่อยมันให้ใครได้”

     

    คารินสะอึกกับประโยคที่เหมือนจะรู้ทันเธอทุกอย่าง หญิงสาวมองคนพูดด้วยสายตาชิงชังอย่างปิดไม่มิด

     

    “แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าฉันเป็นคนผิดนี่คะ แค่คำให้การของคนร้ายกับความเชื่อส่วนบุคคล... มันจะไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอคะที่ใช้เรื่องแค่นั้นมาปรักปรำฉัน”

     

    “ปรักปรำหรือไม่... เดี๋ยวคุณก็รู้ครับ แต่ตอนนี้เรามีหมายศาล ยังไงก็ขอให้คุณให้ความร่วมมือด้วย”

     

    “ค่ะ แล้วเดี๋ยวคุณก็จะรู้เหมือนกัน ว่าการมาเล่นกับคนอย่างฉัน จะได้อะไรตอบแทน” เอ่ยอย่างท้าทายเพราะมั่นใจว่าอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของบิดามีมากพอที่จะทำให้กระบวนการสืบสวนทุกอย่างยุติ แต่ซาโซริก็ดับความมั่นใจของเธอ ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้พลางกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

     

    “หึๆ ผมมันก็แค่หมากน่ะครับ คนที่เล่นกับคุณจริงๆน่ะ... ราชาต่างหาก”

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

                “อย่าเข้าใกล้ฉัน!

     

                เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดไม่พอใจ ทำให้พยาบาลสาวที่กำลังจะเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้คนป่วยถึงกับสะดุ้ง เผลอก้าวถอยห่างจากเตียงคนไข้โดยไม่รู้ตัว มือไม้สั่นเทาเพราะความกลัว กลัวทั้งน้ำเสียงแสนดุ... กลัวทั้งสายตาที่ราวกับจะเผาตนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน เพียงแค่เพราะ...

     

    เธอเข้าใกล้เขา...

    ราชาผู้เป็นปฏิปักษ์กับผู้หญิงทั้งโลก...

     

    ไม่สิ... อาจจะยกเว้นไว้คนหนึ่ง...

     

                “ขอโทษนะคะที่เขาเสียมารยาท”

     

    เสียงหวานใสของสาวสวยที่คอยดูแลคนป่วยจอมเอาแต่ใจเอ่ยขอโทษขอโพย คนเสียมารยาทตวัดตามองคนพูดอย่างขุ่นเคือง แต่กลับต้องเป็นฝ่ายหลบตาแทนเพราะสายตาดุๆของภรรยาสาว ซากุระที่ยืนอยู่ข้างเตียงเพื่อให้นายแพทย์วัยใกล้เกษียณตรวจเช็คอาการคนป่วย ขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะปรามเบาๆ

               

                “ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะคุณซาสึเกะ คุณเป็นคนป่วย อย่าเพิ่งออกฤทธิ์ออกเดชสิ”

     

                “แต่ - ฉัน - เกลียด - ผู้ - หญิง” เน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจนถึงสาเหตุที่เจ้าตัวตวาดออกไป ซากุระย่นคิ้ว เธอหัวเราะเบาๆพลางย้อนถาม

     

                “แล้วฉันไม่ใช่ผู้หญิงเหรอคะ?”

     

                “เธอเป็นข้อยกเว้น”

     

                “งั้นก็... เปลี่ยนขวดน้ำเกลือได้เลยค่ะคุณพยาบาล ถ้าเขาโวยวายดิฉันจะจัดการเอง” หญิงสาวหันไปบอกพยาบาลที่ยืนเหลอหลาอยู่ไกลๆโดยไม่สนใจเหตุผลของคนเป็นสามีเลยสักนิด ซาสึเกะอ้าปากเตรียมจะไล่ตะเพิดพยาบาลชุดขาวที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เตียงอีกรอบ แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะแม่ตัวดีโน้มตัวกระซิบบางอย่างที่ข้างหู

     

                “อย่าดื้อค่ะ!

     

                คำดุกับน้ำเสียงเชิงข่มขู่ทำให้ราชานรกหุบปากฉับโดยอัตโนมัติ... ดวงตาสีรัตติกาลมองคนดุปริบๆราวกับเด็กน้อยถูกตำหนิ และก็เป็นวินาทีนั้นนั่นเองที่เขาได้รับรู้อะไรบางอย่างที่ทำให้สั่นสะท้านไปทั้งตัว...

     

    นี่อย่าบอกนะว่าเขา...

     

    เป็นโรคกลัวเมียซะแล้ว...

     

                “คนไข้ไม่มีอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัด แต่คงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลดูอาการต่ออีกสองสามวัน ถ้าเป็นปกติหมอจะให้กลับบ้านได้นะครับ” นายแพทย์ใหญ่เอ่ยหลังจากดูเช็คสภาพหลังผ่าตัดของชายหนุ่มเสร็จเรียบร้อย ซากุระลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อาการของเขาไม่มีอะไรน่าห่วงอย่างที่เธอเป็นกังวล หญิงสาวส่งยิ้มขอบคุณผู้ช่วยชีวิตคนที่เธอรักที่สุด

     

                “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ”

     

    .

    .

    .

     

     

                “ยิ้มให้หมอทำไม?”

     

    เสียงห้วนสั้นไม่พอใจของคนตัวสูงทำให้คนที่เพิ่งออกไปส่งคุณหมอที่ประตูขมวดคิ้วงงงัน สักพักก็คลี่ยิ้มอย่างระอาใจเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของคนเป็นสามี เธอรู้ว่าเขาสะสมความหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะบาดแผลจากการผ่าตัดเอากระสุนออกดันมาแผลงฤทธิ์ตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี พ่อลูกเป็ดจอมหยิ่งก็เลยชวดอาหารมื้อโอชะอย่างหวุดหวิด ส่งผลให้เจ้าตัวอารมณ์บูดสนิทตลอดทั้งวัน ใครมาหามาเยี่ยมก็ไล่ตะเพิดกลับไปเสียทุกราย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาขอสอบปากคำ ยิ่งกาอาระที่เพิ่งเข้ามาเยี่ยมช่วงสายๆก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง...

     

    ออกปากไล่ตั้งแต่ได้ยินแค่เสียงของเขาที่หน้าประตูด้วยซ้ำ!

     

                “ก็ฉันรู้สึกขอบคุณนี่คะที่เขาช่วยผ่าตัดให้จนคุณปลอดภัย คุณนั่นแหละ คุณหมอเขาช่วยชีวิตไว้แท้ๆนอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วยังไปมองเขาตาขวางอีก”

     

                “ก็เธอ...”

     

                “เงียบเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะพูดอะไร” พูดพร้อมกับเอื้อมมือปิดปากคนทำท่าจะแย้ง ดวงตาสีมรกตมองลึกลงไปในดวงตาสีรัตติกาลที่ฉายชัดถึงความไม่พอใจ ทำไมจะไม่รู้เล่าว่าเขากำลังหึง... เขาหึงผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอ กระทั่งนายแพทย์ใหญ่อายุคราวพ่อก็ยังไม่เว้น

     

    ความหึงหวงของเขาตอนนี้ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ต้องเรียกว่าทิ้งห่างแบบไม่ติดฝุ่น  สาเหตุอาจจะเป็นเพราะตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียว แต่มีเจ้าตัวเล็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ด้วยกระมัง ความหวงความห่วงที่มีแต่เดิมก็เลยเพิ่มเป็นสองเท่า พอๆกับความงอแงขี้น้อยอกน้อยใจยิ่งกว่าเด็ก

     

    ร่างบางระบายยิ้มบางพลางโน้มตัวกระซิบ...

     

    “ฉันรักคุณนะคะ ราชาลูกเป็ดของฉัน”

     

    ย้ำคำว่า รักที่ริมฝีปากสีชมพูเบาๆ มันเป็นจูบที่ไม่หวือหวาดูดดื่มหากแต่ทำให้อบอุ่นใจทุกครั้ง คราวนี้คนป่วยยอมนอนเฉยๆ ไม่ฝืนสังขารลากคนตัวเล็กขึ้นเตียงอย่างที่ทำเมื่อเช้า

     

    แม้ว่าใจจริงอยากจะทำแบบนั้นใจจะขาดก็เถอะ!

     

     

    ก๊อกๆๆ

     

                เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะทำให้หญิงสาวต้องผละริมฝีปากออกแล้วเดินไปเปิดประตูให้แขกผู้มาเยือนแทน เธอหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงฟุดฟิดไม่พอใจของคนบนเตียงดังไล่หลังมา

     

                “คุณหมอ!” เธอร้องอุทานเมื่อพบว่าใครเป็นคนเคาะประตู พลางเอี้ยวตัวหันไปมองข้างหลังอย่างระแวดระวังกลัวว่าซาสึเกะจะรู้ว่าใครมา กาอาระที่เห็นสายตาลุกลี้ลุกลนของหญิงสาวถึงกับหลุดขำ เขายิ้มให้เธออย่างใจดี

     

                “พอจะมีเวลาให้ผมซักสิบนาทีมั้ยครับ?”

     

    .

    .

    .

     

                “คุณตัดสินใจจะกลับไปอยู่กับเขาสินะครับ”

     

                เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มเอ่ยหลังจากทั้งคู่หามุมเหมาะๆในร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของตึกคุยกันได้ หญิงสาวระบายยิ้มกว้างพลางตอบ

     

                “ค่ะ”

     

                “แม้ว่าเขาจะเคยทำร้ายคุณ?”

     

                ร่างบางชะงักกับคำถามแทงใจดำนั้น ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผลรองรับอยู่มากมาย แต่ความจริงที่ว่าซาสึเกะทำร้ายเธอให้เจ็บช้ำปางตายก็ยังเป็นความจริง

     

                “คุณให้อภัยเขาได้หรือครับ?” อีกคำถามตามมาแทงใจเป็นคำรบที่สอง ซากุระพินิจดูคำพูดของคุณหมอหนุ่มแล้วก็พบว่าในใจของเธอยังมีช่องโหว่จริงอย่างที่เขาว่า

     

    ให้อภัย ?

     

                แม้ว่าจะพยายามใช้ความรักอุดช่องโหว่เหล่านั้น พยายามลืมเลือนสิ่งที่เขาเคยทำในอดีต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่เพียงพอที่จะทำให้แผลในใจของเธอหายสนิท เธอยังคงหวาดระแวงอยู่เสมอว่าเขาจะกลับมาร้ายกาจและทำร้ายเธอ ยังคงกลัว... เล่ห์เหลี่ยมนับร้อยนับพันของเขา

     

    แต่ถึงกระนั้น...

     

                “เพราะฉันเป็นภรรยาของเขาค่ะ” ร่างบางตอบพร้อมกับคลี่ยิ้ม กาอาระขมวดคิ้วงุนงงกับคำตอบที่ดูจะไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่เขาถามเอาเสียเลย

     

                “ผมไม่เข้าใจ เหตุผลแค่นั้นทำให้คุณให้อภัยสิ่งที่เขาทำกับคุณเหรอครับ คุณใจอ่อนง่ายเกินไปรึเปล่า”

     

                “มันไม่ใช่เรื่องของการให้อภัยหรือไม่หรอกค่ะ” เธอว่า ดวงตาไม่เหลือแววเศร้าสลดอย่างที่เขาเห็นมาตลอด บัดนี้มันเต็มไปด้วยความสุข สว่างสดใสราวกับแสงตะวันยามเช้า

     

                “แต่เพราะฉันเป็นภรรยาของเขา ฉันถึงต้องเป็นคนที่เข้าใจเขาที่สุด”

     

                “...”

     

                “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียดเขาหรอกนะคะ แต่พอได้อยู่ด้วยกัน ได้มองดูเขาใกล้ๆ ฉันถึงรู้ว่าเขาเป็นคนที่ต้องอาศัยความเข้าใจ เขาเป็นคนอารมณ์ร้ายค่ะ มีโน่นมีนี่อยู่ในใจเต็มไปหมด แถมยังเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจอีกต่างหาก เวลาอยากจะยิ้มก็ชอบเก๊กทำหน้าโหดๆ เวลาเจ็บปวดก็ไม่เคยแสดงออก เวลามีเรื่องอะไร... เขาไม่เคยบอกให้ใครรู้ ชอบเก็บเอาไว้คนเดียว จัดการปัญหาทุกอย่างคนเดียว... ดังนั้นพอเรื่องมันออกมาเป็นนี้ แทนที่ฉันจะต้องมานั่งคิดว่าฉันควรให้อภัยรึเปล่า? ฉันตามใจเขา ฉันใจอ่อนง่ายเกินไปมั้ย? สิ่งที่ฉันควรทำจริงๆ คือการอยู่เคียงข้างเขาต่างหาก เข้าใจเขา... ไม่ทิ้งเขาไปไหน ไม่ปล่อยให้เขาต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียว นั่นล่ะค่ะ... คือหน้าที่ของภรรยา คือคำว่า ครอบครัว

     

                “บอกตามตรงว่าผมอิจฉาสามีของคุณจริงๆ” กาอาระพูดพลางชักสีหน้าหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าเขาดีเกินไป ไม่โกรธไม่เคืองแถมยังรักคนใจร้ายคนนั้นเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน

     

    อิจฉาจริงๆ ให้ตายสิ!

     

                “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะคุณหมอ คุณเองไม่ใช่เหรอที่ยุให้ฉันคืนดีกับเขาน่ะ” เธอว่าพลางหัวเราะเบาๆ นึกถึงเวลาที่เขาพูดเกลี้ยกล่อมเธอเช้าเย็นให้คืนดีกับซาสึเกะแล้วก็ต้องนับถือในความพยายามจริงๆ

     

                “ก็...” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะชะงักไปเหมือนพยายามหาข้ออ้างดีๆ “ก็ผมรู้ว่าคุณรักเขานี่ครับ และผม... ก็ไม่อยากเห็นเด็กกำพร้าพ่อด้วย เพราะดูยังไงๆคุณคงไม่มีใครใหม่แน่ ถ้าไม่ใช่เขา... คุณคงไม่ยอมให้ใครมาเป็นพ่อเด็ก แต่พอคุณจะกลับไปอยู่กับเขาจริงๆ ผมก็... รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน”

     

                “...”

     

                “ปกติผมไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องความรักอะไรหรอกนะครับ แต่ตอนนี้คงต้องยอมรับ... ผม... คงอกหักเข้าแล้วจริงๆ”

     

                “คุณเป็นคนดีค่ะคุณหมอ ฉันเชื่อว่าคุณจะเจอคนที่คู่ควรกับคุณมากกว่าฉัน” เธอเอ่ยพร้อมกับคลี่ยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นราวกับสะกดใจคนมองจนเผลอตะลึงไปแวบหนึ่ง กาอาระยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนจนเธอสัมผัสได้

     

                “ผมต้องกลับไปที่ห้องตรวจแล้ว” เขาเอ่ยหลังจากเหลือบตามองดูนาฬิกาข้อมือ “เห็นคุณสบายดีแบบนี้ผมก็โล่งใจ แต่ว่า... ถ้าทะเลาะกับเขาอีกเมื่อไหร่ ผมยินดีให้คุณใช้เป็นเครื่องมือเอาคืนเขานะครับ” พูดพร้อมกับยักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ ซากุระถึงกับหัวเราะ

     

                “พูดแบบนี้แสดงว่าคุณยังไม่รู้จักเขาดีพอค่ะ”

     

                “หึๆ นั่นสินะครับ เขาต้องฆ่าผมทิ้งแน่ถ้ารู้ว่าผมเข้าไปยุ่มย่ามกับคุณอีก” คุณหมอหนุ่มว่าพลางทำหน้าขยาด หากแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับส่ายหน้าเบาๆ เธอยิ้มให้เขาอย่างลำบากใจ

     

                “เขาไม่ฆ่าใครหรอกค่ะ แต่เป็นคนที่ชอบ ทรมานคนอื่นมากกว่า เรื่องซาดิสม์น่ะ... ยกให้เป็นที่หนึ่งเลยล่ะ”

     

     

    .

    .

    .

     

               

    ทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอบใจที่ช่วย

    PS. ฉันอยู่โรงพยาบาล แต่ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้เห็น ฉันเกลียดขี้หน้านาย

    - ซาสึเกะ -

     

     

                ข้อความที่ปรากฏบนจอสี่เหลี่ยมบางๆทำเอาร่างสูงเจ้าของดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลชักคันเท้ายิกๆ รู้สึกอยากจะเตะก้านคอใครสักคนเต็มแก่ ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนนี้ในอ้อมแขนมีใครบางคนที่ไม่ต้องการปลุกให้ตื่นล่ะก็ เขาคงไปอัดหน้าไอ้ปากดีขี้เก๊กถึงที่แล้ว แต่ถึงจะหมั่นไส้เจ้าของข้อความยังไงร่างสูงก็ยังถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี แน่นอนว่าเขามีส่วนร่วมอยู่นิดหน่อย

     

                ร่างสูงย้อนนึกไปเมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เขาบุกไปถึงสำนักงานใหญ่ธนาคารอุจิวะเพื่ออัดหน้าซาสึเกะ หลังจากอัดหมัดใส่กันจนต่างฝ่ายต่างช้ำไปทั้งตัว ซาสึเกะก็ยอมเปิดปากเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ซากุระหายไปด้วยเสียงเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก และก็เป็นตอนนั้นเองที่เขาบังเอิญเห็นหน้าคาคาชิที่พรวดพราดเข้ามาห้ามการทะเลาะวิวาท เขาจำได้ว่าคุ้นหน้าคุ้นตาผู้จัดการธนาคารคนนั้นจากที่ไหนซักที่ หลังจากนั้นสองสามวันเขาก็สืบเสาะจนรู้ว่าฮาตาเคะ คาคาชิเป็นหนึ่งในสายลับจากอินเตอร์โพลที่แฝงตัวอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งข้อมูลนี้ถูกบันทึกไว้ในแฟ้มลับของอินเตอร์โพลที่เขาเคยแฮกเข้าไปดูเมื่อสมัยยังเรียนอยู่เอ็มไอทีนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคุ้นหน้าผู้จัดการหนุ่มคนนั้น เขาแจ้งเรื่องนี้ให้ซาสึเกะรู้เมื่อช่วงค่ำของสองวันก่อน และจากข้อมูลของเขานั่นเองที่ทำให้ซาสึเกะติดต่อเจรจากับคาคาชิแล้วใช้อำนาจจากอินเตอร์โพลจัดการกับดันโซจนเป็นผลสำเร็จ  

     

                นารูโตะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียงตามเดิม เขาตวัดมือโอบรอบร่างเล็กบางที่เพลียจนหลับไว้แนบอก พวงแก้มสีระเรื่อของเธอทำเอาเขาอดใจไม่ไหวจนต้องก้มหอมเสียฟอดหนึ่ง คนถูกหอมประท้วงเบาๆทั้งที่ยังสะลึมสะลือ

     

                “อื้อ~ ฉันไม่ไหวแล้วนะคะ”

     

                “ก็ไม่ได้จะทำอะไรนี่ครับ ฮินะจังออกแรงตั้งแต่เช้ายันเที่ยง เข้าใจว่ากำลังเพลียจัด” พูดพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาหัวเราะเมื่อเห็นคนเพลียจัดตาเบิกโพลง ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ ร่างสูงจูบกระหม่อมบางเบาๆพลางเอ่ย

     

                “ตอนนี้พี่เป็นอิสระแล้วนะครับ”

     

                “คะ?”

     

                “จำตอนนั้นได้มั้ย? ที่บอกว่าวันนึงหัวใจของพี่จะถูกเติมเต็มอีกครั้ง วันนั้นมันมาถึงแล้วนะครับ” ฮินาตะตะลึงงันกับคำพูดของผู้เป็นสามี จู่ๆน้ำใสๆก็เอ่อล้นที่ขอบตา ถ้าเธอเดาไม่ผิด เขากำลังบอกว่า...

     

    หัวใจของเขา...

    มีเงาของเธอแล้วใช่ไหม?

     

                “ฮึก... พี่นารูโตะ...”

     

                “พี่เปิดใจรับใครไม่ได้ ถ้ายังไม่เห็นซากุระมีความสุข” เขาเริ่มด้วยเสียงเนิบนาบ “มันเป็นเหมือนพันธะและความรับผิดชอบที่พี่สร้างขึ้นมาเองตั้งแต่เด็ก ซากุระเป็นคนที่ทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ไร้ค่า เธอคือคนที่เรียกพี่ว่าฮีโร่ และคุณคิซาชิพ่อของเธอก็เปรียบเสมือนเป็นครูของพี่ พี่จึงทิ้งเธอไม่ได้ ถ้าพี่ไม่ได้เป็นคนดูแลเธอเอง พี่ก็ต้องมั่นใจว่าคนที่ทำหน้าที่นั้นต้องทำให้เธอมีความสุขจริงๆ และตอนนี้หมอนั่นก็พิสูจน์แล้วว่ามันดูแลเธอแทนพี่ แทนพ่อของเธอได้ พี่ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วครับ พี่เป็นอิสระแล้ว และก็สามารถ... มีความรักครั้งใหม่ได้ซักที”

     

                ร่างบางมองหน้าชายคนรักพลางยิ้มทั้งน้ำตา...

     

                “พี่รักเธอนะครับ”

     

                “!!!

     

                “ขอโทษนะครับที่ทำให้รอนาน ไม่โกรธพี่ใช่มั้ย?” ร่างสูงพูดพร้อมกับเอื้อมมือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้านวล ฮินาตะส่ายหน้าเบาๆ เธอไม่เคยโกรธเขา ไม่เคยเลยสักครั้ง...

     

                “ต่อให้นานกว่านี้ฉันก็รอได้ค่ะ”

     

                “ใจดีเกินไปแล้วนะเมียฉัน” เขาว่าพลางหัวเราะในลำคอ ร่างบางอายม้วนกับคำเรียกนั้น เธอซุกใบหน้าไปที่อกกว้าง ก่อนจะผละตัวออกแทบไม่ทันเมื่อเขาเอ่ยประโยคถัดมา

     

    “อืม... ถ้าแบบว่าพี่จะขอไปเที่ยวกลางคืนบ้าง...”

     

                “ไม่ได้ค่ะ!” เอ่ยห้ามทันควันด้วยน้ำเสียงดุๆ นารูโตะหน้าเหวอรีบเอ่ยแก้ตัวแทบไม่ทัน

     

                “ละ... ล้อเล่นหรอกน่า~ ฮินะจังน่ารักขนาดนี้พี่ไม่กล้าไปมองหาคนอื่นหรอก”

     

                “อย่าให้รู้นะคะว่ากลับไปทำนิสัยเจ้าชู้ไก่แจ้กับใครอีก” เธอขู่ฟ่อ มันดูน่ารักแต่ก็น่ากลัวในคราวเดียวกัน

     

                “พี่ไม่ได้ทำเจ้าชู้กับใครนะครับ!” พ่อตัวดีปฏิเสธ เขาไม่ได้ไปร่วมหลับนอนกับใครอื่นแล้วก็จริง แต่จะให้เลิกนิสัยเหล่มองสาวสวยหรือนิสัยชอบไปสถานเริงรมย์หาความสำราญใส่ตัวนั้น อาจจะทำได้ยากหน่อยสำหรับนักรักอย่างเขา

     

                “เมื่อวานก่อนมีผู้หญิงโทรมาหาพี่...”

     

    “หะ...หา?”

     

    “เธอคิดว่าฉันเป็นน้องสาวก็เลยฝากให้ฉันบอกพี่ว่าเธอจะรอพี่ที่ผับที่เจอกันเมื่อคืน” ร่างเล็กเอ่ยเสียงแข็งจนคนฟังชักร้อนๆหนาวๆ ดูท่าว่าฮินาตะ ภรรยาแสนสวยของเขาจะไม่ใช่คนหัวอ่อนกล่อมง่ายอย่างที่เขาเชื่อมาตลอดเสียแล้วสิ

     

    “ฉันขอร้องนะคะพี่นารูโตะ อย่าไปที่แบบนั้นอีก”

     

    นั่นมันคำสั่งแล้วไม่ใช่เรอะ?

               

                “ครับ สัญญาเลย” คิดอย่างสยองแต่ก็รับปากเสียอย่างนั้น ฮินาตะหัวเราะกับท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดของสามี เธอจับแก้มเขาบิดไปมาเบาๆ เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับหน้าร้อนฉ่า

     

                “แต่ถ้าพี่จะไป... พี่ต้องชวนฉันไปด้วยนะคะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าในนั้นมันมีอะไรพี่ถึงได้ติดใจนัก” พอได้ยินข้อเสนอจากปากภรรยาสาว คนชอบเที่ยวก็เกิดอาการช็อกไปชั่วขณะก่อนจะโพล่งออกมาเสียงดัง

     

                “ไม่ได้หรอก! ไอ้บ้าที่ไหนจะเอาเมียตัวเองไปล่อตาพวกผู้ชายหื่นๆในผับ ล้มเลิกความคิดนี้ไปเลยนะครับ!

     

                “ก็ถ้าพี่อยากไป...”

     

                “พี่ไม่ไปแล้วก็ได้! นอนๆๆ รีบนอนเลยครับ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่รังแกคนไม่มีทางสู้นะ!

     

     

     

                ฮัลโหลลล~ สงกรานต์เป็นยังไงบ้างคะทุกคน สนุกกันมั้ย 555 ไรเตอร์เล่นน้ำตั้งแต่บ่ายยันค่ำ สาดๆๆ จะว่าไปก็เป็นปีแรกๆที่เล่นสงกรานต์นะ ซาหนุก~ >< ขอโทษที่ทำให้รอกันเป็นอาทิตย์ๆน้า กะว่าจะแต่งให้ครบแต่ตอนนี้ตีสามกว่าแล้ว ง่วงนอนจัด -.,- ยกยอดไปเป็นพรุ่งนี้เน่อ ตอนนี้ก็เอาฉากหวานๆของซาสุซากุกับนารุฮินะมาให้ชิม ส่วนใครคิดถึงคู่ซาอิมีตอนหน้าค่ะ(41)

     

    ปล. ไรเตอร์ดูตัวอย่างโบรูโตะแล้ว หลงรักตระกูลอุจิวะจริงๆ เกะหล่อมุ้งมิ้งมากกก หน้าตาแลดูผู้ชายอบอุ่น ความน่ากลัวหดหาย เรียกง่ายๆจากที่ดูเมะก็เคะทันทีทันใด หนูซาราดะก็น่าร้ากกกก แต่ว่า Rival? อย่าบอกนะว่าเป็นคู่แข่งสำหรับโบรูโตะ โถ่เอ๊ยไอ้หนู! รักชีวิตอย่าคิดสู้(อนาคต)เมียนะน้องนะ พี่ขอเตือน อิอิ >< นารูโตะเหมือนเดอะลาสต์เป๊ะ ส่วนโบรูโตะนั่นคือนารูโตะตอนเด็กชัดๆ เรื่องนี้ก็เหมือนเคย~ เราไม่คาดหวังโมเม้นท์ซาสุซากุอีกแล้ววว จะอะไรๆก็ช่างเถอะ แค่พ่อเกะของเราออกเกินสิบวิก็เป็นบุญ หนูกุด้วยน้า~

     

    100%

     

     

                “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พวกมดปลวก!

     

                ร่างบางเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินกระทืบเท้าปึงปังเข้าบ้านไป ดวงตาสีโกเมนลุกโชนไปด้วยความโกรธแค้นอย่างมิอาจประมาณได้เพราะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำอย่างเข้มงวดมาเกือบสามชั่วโมง และเธอก็คงต้องติดแหง็กให้พวกตำรวจชั้นปลายแถวพวกนั้นสอบสวนนานกว่านี้แน่ๆถ้าพ่อของเธอไม่ใช้อำนาจจากเบื้องบนสั่งให้ปล่อยตัวเธอออกมาเสียก่อน

     

    เพราะนังนั่นคนเดียว!!!

     

                คิดในใจแล้วก็กระทืบเท้าเร่าๆอีกหน พาลปัดข้าวของที่อยู่ในระยะที่มือเอื้อมถึงกวาดลงพื้น แค่นึกถึงใบหน้าอวดดีไม่เจียมเนื้อเจียมตัวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้หญิงของราชาเธอก็แทบจะยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ คารินนึกย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่เธอไปรับชุดเดรสที่จองไว้ที่ห้องเสื้อชื่อดัง แต่กลับต้องพบกับความผิดหวังเพราะเดรสตัวนั้นมีคนซื้อตัดหน้าไปเสียก่อน พอไล่เลียงกึ่งขู่แอลลี่ผู้เป็นเจ้าของก็พบความจริงที่ทำเอาแทบช็อกว่านังแมวขโมยที่บังอาจฉกฉวยของๆเธอไปคือผู้หญิงของซาสึเกะ

     

                ตอนนั้นจิตใจของเธอแตกสลายเมื่อรู้ว่าชายที่หมายปองมาตลอดมีผู้หญิงเคียงข้างกายแล้ว แต่เพราะยังไม่มีข่าวจากวงนอกวงในแว่วมาถึงหู เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่านังผู้หญิงที่ว่าคงเป็นแค่เมียเก็บที่ซาสึเกะไม่ต้องการเปิดเผย เธอใช้ให้คนสืบดูและรู้ว่ามันเป็นใครในอีกไม่กี่วันให้หลัง พยายามหาทางยืนยันความสัมพันธ์ที่เธอไม่รู้แน่ชัดว่าตกลงแล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกันแน่สำหรับซาสึเกะ

     

    และสุดท้ายเธอก็ได้รู้...

    ผู้หญิงคนนั้น... คือเจ้าของหัวใจชายที่เธอรัก...

     

                เธอตัดสินใจกำจัดมารหัวใจทันทีที่ได้รับข่าวจากลูกน้องที่จ้างให้ไปสืบปูมหลังของมันแล้วพบว่ามันถูกแม่เลี้ยงขายให้มาเป็นแม่อุ้มบุญให้ซาสึเกะ จึงใช้เรื่องนี้ล่อให้นังนั่นกลับมาโตเกียวเพื่อที่จะจัดการได้ง่ายขึ้น เธอจะมอบความทรมานยิ่งกว่าความตายให้มัน... ให้มันได้สำนึกถึงโทษทัณฑ์ที่มายุ่งกับคนที่เธอรัก! แต่ทว่า...

     

    ทุกอย่างกลับล้มเหลว...

    ด้วยฝีมือของซาสึเกะ!

     

                คารินกำมือแน่นจนเล็บยาวๆจิกเข้าที่เนื้อ เธอไม่มีทางหยุดแค่นี้หรอก ไม่ยอมและไม่มีวันให้ซาสึเกะไปเป็นของใครแน่!  

     

                “คะ...คุณหนูคะ”

     

                เสียงสั่นๆของแม่บ้านวัยกลางคนดังกระทบโสตประสาทที่แทบจะปิดตายเพราะความแค้น คารินตวัดตามองคนในปกครองก่อนจะตะคอกใส่เสียงดัง ไม่ให้ความเคารพเลยสักนิดแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนเก่าคนแก่ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก

     

                “มีอะไรอีก! วันนี้ฉันเหนื่อย จะพัก!

     

                “อะ...เอ่อ... ดิฉันเจอกระดาษนี่ในเสื้อโค้ตของคุณหนูค่ะ” พูดพลางยื่นกระดาษที่ถูกพับทบจนเหลือขนาดเท่าฝ่ามือส่งให้เจ้านายสาว คารินกระชากมันจากมือกร้านที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาแล้วเดินปึงปังขึ้นห้องไป หมายจะวางแผนกำจัดหนามตำอก

     

    ทำลายมันให้สิ้นซาก!

     

    ค่าตอบแทน...

     

                คือสิ่งที่เราจะได้รับหลังจากปฏิบัติงานสำเร็จลุล่วง อาจจะอยู่ในรูปตัวเงินหรือไม่ก็ได้... คารินไม่คิดว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นผู้ได้รับค่าตอบแทนเหล่านั้น เป็นค่าตอบแทนสำหรับการกระทำอันชั่วร้ายที่เธอกระทำไว้กับผู้อื่น หรืออาจจะเรียกในทางศาสนาว่าเป็น ผลกรรม...

     

                ดวงตาสีโกเมนที่เคยเต็มไปด้วยความเคียดแค้งชิงชังบัดนี้กลับสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เนื้อความในกระดาษแผ่นบางๆที่ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อโค้ตที่เธอใส่ไปเที่ยวฮอกไกโดที่แม่บ้านเพิ่งเอามาส่งให้ทำให้ดวงตาหวานถอดสี ลมหายใจติดขัดอย่างคนช็อกจัด หยดน้ำตาไหลรินออกมาจากนัยน์ตาคู่สวยราวกับสายธารที่ไม่มีวันเหือดแห้ง...

     

    ทำไมต้องเป็นแบบนี้?

     

    สวัสดีครับที่รัก...

    คุณอาจจะแปลกใจว่าทำไมผมถึงต้องเขียนจดหมายถึงคุณทั้งที่เราก็เป็นแค่คู่นอนคืนเดียวกัน ผม... ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของคุณด้วยซ้ำ ผมรู้สึกว่าผมทำผิดต่อคุณ ทำผิดต่อคุณมากๆ ทั้งที่คุณมอบความสุขแบบไม่รู้ลืมให้ผม แต่ผมกลับทำร้ายคุณ ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง ผมเป็น... ผู้ติดเชื้อเอชไอวี เมื่อคืนผมพยายามจะหักห้ามใจแล้ว แต่เพราะผมรู้ว่าเราต่างคนต่างปรารถนาซึ่งกันแล้วกัน ผมถึงได้ยอมพ่ายแพ้ตัวเอง ผมก็ได้แต่หวังว่าคุณจะไม่ติดเชื้อไปกับผมด้วย แต่ก็อยากให้คุณทำใจ... ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ ขอโทษจริงๆ...

     

    “ไม่จริง... ไม่จริงใช่มั้ย...” คารินพึมพำเสียงสั่นราวกับคนเสียสติ ฉีกทึ้งจดหมายน่าอัปยศอดสูที่ไอ้เลวคนนั้นตั้งใจเขียนมาเพื่อเตือนเธอ

     

    “ไม่จริงงงงง!!! กรี๊ดดดดด!!!

     

     

     

     

                หุๆ -.,- ไม่รู้ว่าจุดจบของนางจะถูกใจใครหลายคนหรือเปล่า แต่สำหรับไรต์ ไรต์ก็ว่าแรงแล้วนะ 555 (ทีแรกแอบคิดว่าแรงไปด้วยซ้ำก็เลยเพิ่มความร้ายลงไปหน่อยเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ อิอิ) เฮ้อ~ เกือบจบแล้วๆ จะพยายามรีบปั่นตอนต่อไปมาเสิร์ฟนะคะ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×