ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #41 : CHAPTER 35 : ฝันร้าย (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.58K
      135
      10 มี.ค. 58

    บทที่ 35 ฝันร้าย

     

     

                “เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย... แกคิดว่างั้นมั้ย?”

     

    “ทำอะไรของคุณน่ะครับ... คุณโทระตะ” ตีหน้าซื่อถามออกไปพลางขยับเขยื้อนตัวเพื่อหยิบปืนสั้นที่เหน็บไว้ทางด้านหลังโดยไม่ให้อีกฝ่ายทันรู้ตัว แต่ก็ผิดคาดเมื่อโทระตะฉลาดกว่าที่คิด... คนที่คุ้นชินกับการต่อสู้เพราะอยู่ในโลกมืดมานานหยิบปืนที่ชายหนุ่มเหน็บไว้ที่เข็มขัดก่อนจะกระชากมันออกแล้วเหวี่ยงไปเสียไกล และเมื่อจัดการกับอาวุธของอีกฝ่ายได้แล้ว โทระตะก็หันมากระซิบกระซาบกับชายหนุ่มที่กำลังตื่นกลัวด้วยเสียงเย้ยหยัน

     

                “อ๊ะๆ อย่าได้คิดเล่นตุกติกเชียว ไม่งั้นฉันเป่าสมองแกกระจุยแน่” เสือร้ายพูดพลางกดกระบอกปืนไปที่ศีรษะจนเขารู้สึกเจ็บ

     

    “บอกมา... เมื่อกี้แกคุยกับใคร? ราชาที่น่ารักของฉัน... หรือว่าจอมมารคนพี่?”

     

                “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร...”

     

                “อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง! นี่แกคิดว่าฉันโง่นักรึไง ที่จะไม่รู้ว่าแกเป็นคนของอุจิวะที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อขโมยข้อมูลน่ะ!” โทระตะตวาดเสียงดังก่อนจะแย้มยิ้มอย่างสะใจ

     

    “หึๆ แต่... ฉันก็ชื่นชมแกอยู่นะที่หลอกพ่อของฉันมาได้ตั้งสามปี เพราะแกมันสวมบทไอ้เด็กใจแตกที่เห็นแก่เงินได้สมบทบาท พ่อก็เลยไม่ระแคะระคายว่าจริงๆแล้วแกเป็นลูกเลี้ยงของมหาเศรษฐีที่อเมริกา... ใช่มั้ยครับ? คุณเอริค แซนเดอร์สัน...” พูดจบก็ล้วงเอากุญแจมือที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนในกิจกรรมบนเตียงที่ชอบใช้ความรุนแรงของเจ้าตัว ก่อนจะบังคับให้คนถูกคุมตัวที่ยืนหน้าซีดเพราะถูกรู้ตัวจริงเอามือไพล่หลัง จากนั้นก็ใส่กุญแจมือล็อกมือทั้งสองข้างไว้ ป้องกันการขัดขืนที่อาจเกิดขึ้นได้

     

                “เอ้า! ยืนอยู่นิ่งๆซักแป๊บนะ รอให้ลูกน้องที่น่ารักของฉันมันจัดเตรียม สถานที่เพื่อรีดข้อมูลจากแกก่อน เดี๋ยวฉันจะพาแกไปทัวร์สวรรค์แบบที่แกลืมไม่ลงแน่”

     

                “แกรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่...” ซาอิเค้นถามเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีนิลเต็มไปด้วยความคั่งแค้น

     

                “ก็... เมื่อบ่ายนี้ล่ะมั้ง” ลอยหน้าลอยตาตอบพร้อมกับยิ้มเยาะ

     

    “แหม... แต่ก็ตกใจเหมือนกันนะ ที่พอสืบเรื่องของแกลึกลงไปอีกก็เจอความจริงที่น่าตกใจ ที่ว่าแกน่ะ... เป็นลูกชายอดีตบอดี้การ์ดของตระกูลอุจิวะที่ตายไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน” พูดไม่พูดเปล่าแต่เริ่มเอามือไม้ที่น่ารังเกียจลูบสัมผัสไปทั่วแผ่นหลังแข็งแกร่ง ซาอิเริ่มยืนไม่อยู่เมื่อมือนั้นคืบคลานมาถึงกลางลำตัว... ก่อนจะเลื่อนมาข้างหน้าจนถึงบริเวณหัวเข็มขัด...

     

                “เอามือสกปรกของแกออกไปจากตัวฉัน...”  พูดเสียงสั่นพร่าเมื่อโทระตะเบียดตัวเองเข้ามาใกล้พลางเลื่อนมือลงต่ำ...

     

    พอได้ยินคำสั่งจากคนที่อยู่ในอาณัติ คนทำหยาบคายก็ได้แต่เปล่งเสียงหัวเราะน่ารังเกียจพร้อมกับกระซิบที่ข้างใบหู

                                                            

    “หึๆ อย่าทำท่าขยะแขยงแบบนั้นสิ... เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็จะได้ทำกับแก มากกว่านี้ อืม... สัดส่วนของแกสมบูรณ์แบบ” พูดเหมือนเพ้อไปกับมัดกล้ามหนั่นแน่น ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “ถึงหน้าแกจะหล่อแต่ฉันก็ไม่ชอบขี้หน้าแกเลยว่ะ อย่างฉันน่ะ... คนที่คู่ควรก็คงจะมีแต่ราชา ทั้งสวย... ทั้งงดงาม... ทั้งสง่า... แถมยังเย่อหยิ่งและก็เจ้าเล่ห์อีกต่างหาก แกคิดว่าถ้าฉันจับตัวแกไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ราชาจะต้องมาเป็นราชินีของฉัน... แกว่าเขาจะยอมมั้ยวะ?”

     

    “อย่า-ยุ่ง-กับ-เขา-เด็ด-ขาด!” เน้นย้ำทีละคำอย่างเจ็บใจ อยากจะหันหลังไปฟัดปากเสียๆที่พูดแต่คำน่าขยะแขยงแต่ก็ยังกลัวเจ้าแท่งเหล็กสีดำที่จ่อชิดที่ศีรษะ

     

    “อย่ามาทำปากดีนักเลย ถ้าที่รักของฉันไม่ยอม... แกก็จะอยู่ในนรกนี้ตลอดไป”

     

    “หึ! อย่าคิดว่าแกจะได้เสพไอ้ความสุขพวกนี้ได้นาน ตอนนี้ข้อมูลของฟุวะถูกส่งไปยังที่ที่หนึ่งแล้ว ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้... พวกแกเตรียมตัวเข้าคุกได้เลย”

     

    “โอ้โห~ น่ากลัวจังเลย~ ขู่ผมแบบนี้ผมกลัวจริงๆนะครับคุณซาอิ” พูดเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนเด็กก่อนจะกระแทกด้ามปืนทุบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างแรง ซาอิเบลอไปชั่วขณะ รู้สึกเจ็บจี๊ดจนแทบจะล้ม แต่ก็ยังทรงตัวไว้ได้ โทระตะหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะพูด

     

     “ไอ้โง่เอ๊ย! คิดว่าฉันจะพูดแบบนั้นรึไง ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ว่าไอ้ที่แกขโมยไปน่ะ... มันไม่ใช่ข้อมูลสำคัญอะไรของธนาคารเลย พ่อของฉันย้ายข้อมูลพวกนั้นไปอยู่ที่ที่ปลอดภัยตั้งนานแล้ว เสียใจด้วยนะเด็กน้อย ดูท่าว่าแกจะต้องเสียให้ฉันฟรีๆโดยไม่ได้อะไรตอบแทนแล้วล่ะ ว่าแต่... ข้างหลังน่ะ ยัง... ซิงอยู่ใช่มั้ย?”

     

    “ไอ้ชั่วเอ๊ย!

     

    สบถออกมาอย่างเจ็บแค้นเมื่อได้ยินคำเฉลยว่าสิ่งที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วงชิงมาจากถ้ำเสือไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ร่างสูงสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ โทระตะยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูด

     

    “หึๆ ดูเหมือนว่าลูกน้องของฉันจะมาแล้วล่ะสิ เรา... ไปหาที่เงียบๆ รีดข้อมูลกันดีกว่า แต่ว่าก็ไม่รับประกันนะว่าแกจะยังมีแรงเหลือพอให้ฉันรีดอะไรรึเปล่า แต่แกมันน่าจะอึดนี่ คาสโนว่าตัวพ่อที่ชอบสอยผู้หญิงในผับไปนอนด้วย... ฉันว่าก็คงมีดีอะไรบ้างล่ะ...”

     

    “แกมันน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ”

     

    “ดี! ปากแบบนี้แหละฉันชอบ คืนนี้จะจัดให้หนักเลยคอยดูเถอะ!” พูดจบก็กระชากตัวเชลยหนุ่มที่หมายมั่นปั้นมือว่าคืนนี้จะทำให้ร้องครางอยู่ใต้ร่างให้ได้หันหลังกลับ แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้าคนที่เข้าใจว่าเป็นลูกน้อง เสือร้ายก็ต้องร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดเมื่อมีกระแสไฟฟ้าจากเครื่องช็อตไฟฟ้าไหลวนไปทั่วร่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่เชลยสุดหล่อถีบร่างที่น่ารังเกียจออกห่างจากตัวเพราะเกรงว่ากระแสไฟฟ้านั้นจะไหลมาช็อตตน

     

    “อ๊ากกก!!!” หวีดร้องได้แค่นั้นก็ต้องฟุบหมดสติไป ปืนที่อยู่ในมือร่วงหล่นพร้อมกับร่างหนักๆหล่นกระแทกพื้น

     

    “ผม... ฮะๆ ....มาทันเวลาใช่มั้ยครับ?” ชายร่างหนาที่ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าในมือพูดขึ้นทั้งที่ยังกลั้นหัวเราะ ซาอิมองคนตรงหน้าอย่างเจ็บใจก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่น

     

    “ไม่ต้องมาหัวเราะผมเลย คุณตั้งใจถ่วงเวลาให้มันมาลวนลามผมใช่มั้ย?”

     

    “ก็... หน้าตาคุณตลกดี ตอนที่โทระตะมันลูบๆคลำๆอยู่ข้างหลัง”

     

    “อยากให้ผม ลูบๆคลำๆคุณบ้างมั้ยครับ คุณคิซาเมะ?” พูดประชดประชันพลางใช้เท้าเขี่ยๆร่างที่นอนหมดสติเพื่อหากุญแจมาไขกุญแจมือที่ล็อกข้อมือทั้งสองข้าง คิซาเมะ บอดี้การ์ดร่างหนาที่อิทาจิส่งมาเพื่อช่วยเหลือชายตรงหน้าเป็นกรณีพิเศษ ช่วยหากุญแจที่โทระตะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเอามันมาไข ปลดปล่อยให้ชายหนุ่มเป็นอิสระ

     

    “ฮ่าๆ เอาไว้เสร็จจากงานนี้ผมจะให้คุณลูบเล่นคลำเล่นจนเบื่อเลยล่ะ แต่ตอนนี้รีบไปกันก่อนเถอะครับ ก่อนที่พวกดันโซจะรู้ตัวแล้วเอากำลังมาเสริม ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง... ถึงเราจะรอดไปได้ แต่ผมคงถูกคุณอิทาจิเอาบาทาลูบหน้าเล่นแหงๆ”

     

     

     

                วันนี้เดี๋ยวจะลงเพิ่มอีกนะคะ แต่ต้องขอเวลาปั่นเพิ่มอีกหน่อย อาจจะมาตอนดึกๆ>< แต่เอามาลงก่อน ป้องกันการถูกรุมสกรรมจากนักอ่านเพราะอู้ไปสองวัน T^T

                                                                                                                                     

    ปล. ใครเดาๆว่าพี่จิจะมาช่วยก็ถูกเผง แต่แอบสงสารซาอิ เกือบแล้วมั้ยล่ะเอ็ง

                
     

    30%

     

                “สรุปว่าที่ฉันสงสัยมันก็ถูกสินะ ตอนนี้พวกดันโซรู้เรื่องการแฝงตัวของแกแล้ว”

                                                          

                เสียงทรงอำนาจของเจ้าบ้านอุจิวะเอ่ยขึ้นขณะกวาดสายตามองสองหนุ่มที่เพิ่งกลับจากภารกิจเข้าถ้ำเสือ หนึ่งคนนั้นนั่งหน้าซีดราวกับเพิ่งพานพบประสบการณ์แสนเลวร้ายมา แตกต่างจากอีกคนที่ยังคงแอบหันไปหัวเราะคิกคัก

     

    ดูสำราญเบิกบานเกินไปจนน่าเตะ!

     

                “ครับ... ที่เรียกผมให้ไปดูเมนบอร์ดของธนาคารนั่นน่ะคงเป็นกับดักอย่างที่คุณบอก” เจ้าของใบหน้าซีดขาวเอ่ยเสียงเรียบ ในขณะที่กำลังสาละวนอยู่กับการเช็คข้อมูลที่เพิ่งได้มาจากฟุวะ เพราะถึงแม้โทระตะจะบอกว่ามันไร้ประโยชน์ แต่ก็นั่นแหละ... ต้องดูเพื่อความแน่ใจ

     

                “แต่แกก็ยังไปตามที่มันบอก” คนแก่กว่าว่าเสียงหงุดหงิด

     

    “ผมจำเป็นต้องเข้าไปเช็คห้องเก็บข้อมูลนี่ครับ”

     

    “แต่มันอันตราย! แกจะมีสภาพเป็นยังไงถ้าฉันไม่ส่งคิซาเมะไปน่ะฮะ!?!” อิทาจิตวาดเสียงดังลั่นจนคนเกือบตกอยู่ในอันตรายสะดุ้ง

     

    “ก็... คงจะได้เสียอำนาจอธิปไตยทางประตูหลัง...”

     

    คิซาเมะเอ่ยลอยๆ ใบหน้าดุดันเวลาระบายยิ้มแลดูสยอง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์ยิ้ม เขายังขำกับท่าทีขยะแขยงและตื่นกลัวของพ่ออัจฉริยะคนเก่งตอนถูกลวนลามไม่หาย ใบหน้าที่ปกติก็ซีดจนแทบจะเป็นกระดาษอยู่แล้วกลับซีดลงได้อีก และถ้าสังเกตดูดีๆ... กระทั่งตอนนี้ทั้งขนแขนขนคอของชายหนุ่มก็ยังคงตั้งชันราวกับว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆทั้งที่ก็ผ่านมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว

     

    อิทาจิปรายตามององครักษ์ร่างใหญ่ที่พยายามกลั้นขำสุดฤทธิ์ นึกโกรธเจ้าตัวอยู่ไม่น้อยที่เห็น ความบันเทิงส่วนตัวสำคัญกว่าชีวิตคน เขาหรือก็ส่งคนสนิทฝีมือดีติดตามไปตั้งแต่ซาอิก้าวขาออกจากบ้าน กำชับย้ำว่าถ้าเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลก็ให้ใช้กำลังลากเจ้าคนบ้าเลือดกลับมาทันที แต่ดูจากปฏิกิริยาของคนทั้งคู่แล้ว เจ้าคนสนิทของเขาคงจะทำอะไรขัดคำสั่งไปเสียหน่อย...  

     

                “ผมรู้ว่ายังไงคุณก็คงต้องส่งคุณคิซาเมะไปช่วยผมแน่ๆ” ซาอิตอบไปตามที่คิด เขาย้อนไปเมื่อเกือบสองชั่วโมงก่อน หลังจากวางสายโทรศัพท์กับจัดการส่งไวรัสไปก่อกวนเมนบอร์ดของฟุวะแล้ว เขาก็โทรรายงานเรื่องทั้งหมดกับอิทาจิ ซึ่งก็ดูเหมือนจอมมารคนนี้จะมีตาทิพย์... อิทาจิเตือนเขาทันทีที่รู้เรื่อง

     

                “มันเป็นกับดัก...”

     

              “ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นครับ?”

     

              “ดันโซไม่มีทางให้คนที่เพิ่งทำงานกับตัวเองมาแค่สามปีอย่างแกไปยุ่งกับข้อมูลของธนาคารอย่างเด็ดขาด”

     

              “แต่เขาบอกผมว่าเมนบอร์ดโดนไวรัสที่ช่างเทคนิคจัดการไม่ได้...”

     

              “โง่รึเปล่า? ไอ้ไวรัสแบบนั้นมันไม่มีหรอก และช่างเทคนิคของดันโซก็คือรุ่นพี่ที่สถาบันของแก ถึงจะไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็เก่งพอที่จะเขียนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสด้วยเวลาแค่สามชั่วโมง ไม่มีไวรัสแบบไหน... ที่เจ้านั่นจัดการไม่ได้... ”

     

              “มันก็ไม่แน่หรอกนะครับ เขาอาจจะเก็บ ลูกรักของผมที่ใช้เวลาสร้างเป็นอาทิตย์ไม่ได้ก็ได้ ถึงจะไม่มีเรื่องวางกับดักมาเกี่ยว... แต่ยังไงสุดท้ายดันโซก็ต้องให้ผมเข้าไปที่ห้องเก็บข้อมูลอยู่ดี เพราะผมเป็นคนเดียวที่จัดการกับไวรัสตัวนั้นได้”

     

              “สรุปว่าไม่ว่ายังไงแกก็จะไปใช่มั้ย?”

     

              “มันจำเป็น...”

     

              “งั้นฉันมีอีกเรื่องจะบอกแกก่อน คนที่ฉันสั่งให้ปลอมข้อมูลของแกหายตัวไปเมื่อวาน แกรู้ใช่มั้ยว่านี่หมายความว่ายังไง?”

     

              “ครับ...”

     

              “ กลับมาทั้งที่ยังมีลมหายใจ นี่เป็นคำสั่งของฉัน!

     

                เขาทำตามคำสั่งที่ได้รับจากอิทาจิได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีโดยมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่ถึงจะกลับมาทั้งที่ยังมีลมหายใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพเหตุการณ์ตอนถูกโทระตะลวนลามมันยังตามมาหลอนเขาจนต้องนั่งขนลุกซู่เป็นพักๆ

     

    น่าขยะแขยง!

               

                “ฉันหวังว่าแกจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง...” อิทาจิเอ่ยอย่างอ่อนใจปนโล่งใจไปในที ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเคร่งเครียด  

     

    “แต่จากเรื่องนี้ ก็ทำให้ยืนยันเรื่องหลักๆได้สองเรื่อง หนึ่งคือดันโซรู้ตัวจริงของแกแล้ว ซาอิ อีกเรื่องก็คือข้อมูลลับของฟุวะไม่ได้อยู่ในเมนบอร์ด แล้วที่แกคัดลอกมาน่ะมันคือ?”

     

                “น่าจะเป็นข้อมูลลวงครับ มีตัวเลขที่ไม่สัมพันธ์กันเต็มไปหมด” ชายหนุ่มตอบหลังจากเสียเวลาไปกับการเช็คข้อมูลราวๆห้านาที อิทาจิพยักหน้ากับคำตอบนั้น... ไม่มีท่าทีว่าเสียดายเลยสักนิดที่สิ่งที่ซาอิอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปเอามากลายเป็นข้อมูลลวง

     

    ใบหน้าสงบนิ่งระบายยิ้มร้ายกาจสมกับที่ถูกน้องชายกิตติมศักดิ์ยกย่องว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด...

     

                “แต่ก็ถือว่าแกทำได้ดี ถึงจะเร็วไปหน่อยแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ตอนนี้ที่เราทำได้ก็มีแต่ต้องรอ... ถูกกระตุ้นไปขนาดนั้นดันโซมันคงไม่อยู่เฉยหรอก ภายในคืนนี้เราคงจะรู้กันซักทีว่าไอ้ข้อมูลที่มันซ่อนมาตลอดน่ะคืออะไร รวมถึงว่า... มีใครบ้างที่ร่วมมือกับมันในการก่อโศกนาฏกรรมเมื่อยี่สิบสองปีก่อน”

     

     

     

    ขอโทษที่มาต่อซะดึกดื่นค่ะ แค่ตีหนึ่งเอง ><~ 
     

    60%

               

     

                ร่างสูงนั่งจิบไวน์อยู่ในห้องพักบนชั้นที่สิบหกของโรงแรม...

                ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองไปยังพื้นเบื้องล่างผ่านผนังที่เป็นกระจกใส ผืนดินแทบทุกที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน เป็นบรรยากาศที่ดูเหมือนจะสวยงาม... หากแต่กลับอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งเมื่อความมืดโรยตัวปกคลุม... ภาพหิมะสีขาวโพลนเบื้องหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับฉากหลังของภาพยนตร์ยามที่ตัวเอกพร่ำพรรณนาหาคนรักอย่างโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง...

     

    เขาเองก็เช่นกัน...

     

                ดวงตาคมจับจ้องไปที่บ้านหลังเล็กที่ตั้งห่างจากโรงแรมราวๆหนึ่งกิโลเมตร มันเป็นบ้านพักส่วนตัวของเจ้าของโรงแรมที่ปลูกเอาไว้ใกล้กับตีนเขา และมัน... ก็เป็นบ้านที่มีหัวใจของเขาอยู่ เขาเห็นมาเองกับตาเมื่อตอนเย็น...

     

    เธออยู่ที่นั่น...

    กับคนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย...

     

    ยืนส่งยิ้มหวานให้กันยามที่ฝ่ายชายนั่งรถตู้ของโรงแรมออกไป ซึ่งเขาเดาว่าน่าจะกลับไปทำงาน คุณหมอหนุ่มคิวทองคงไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะอยู่กับว่าที่เจ้าสาวได้ตลอดทั้งวันหยุด แต่แม้จะมีเวลาที่จำกัดเป็นอุปสรรค มันก็ไม่ได้ทำให้ความห่วงใยที่คนทั้งคู่มีต่อกันลดน้อยลงไปเลย... สายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ ตื้นตัน และหวานซึ้งของอดีตภรรยาที่มองชายคนอื่น ทำให้เจ้าของเก่าแทบบ้า... หัวใจราวกับถูกฉีกกระชากไม่เหลือชิ้นดี ยิ่งเห็นคุณหมอหน้าดุหยอกล้อเธอด้วยท่าทางเป็นมิตร ใจดี ผิดกับท่าทีเย็นชาที่แสดงกับคนอื่น คนเป็นผู้ชายด้วยกันอย่างเขาก็ดูออกแทบจะทันทีว่าอีกฝ่ายคงกำลังหลงแม่เป็ดแบบหัวปักหัวปำ

     

    หลงใหล...

    อย่างที่เขาเป็น...

     

                อยากจะเข้าไปชกหน้ามันนักที่บังอาจส่งยิ้มให้เธอ ตัดมือตัดแขนมันที่กล้าโอบกอดเธอเหมือนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และก็อยากลงโทษแม่ตัวดีเหลือเกิน ที่ไม่รู้จักปฏิเสธอะไรบ้างเลย... ไม่รู้เลยหรือว่ามันทำให้เขาเจ็บปวด หรือแม่คุณต้องการจะเอาคืนเขา? อยากทำให้เขาเจ็บเหมือนอย่างที่เขาทำกับเธอ...

     

    ช่างร้ายกาจนัก...

     

    แต่ฉันไม่เหลือหัวใจให้เจ็บแล้วนะ... ซากุระ...

     

    คลิ๊ก!

                               

                เสียงตัวปลดล็อกที่ประตูทำให้คนที่นั่งเศร้าซึมอยู่ต้องปรับเปลี่ยนอารมณ์ใหม่ นึกฉุนระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่ทำงานได้อย่างหละหลวมจนปล่อยให้ แขกที่ไม่ได้รับเชิญบุกเข้ามาให้ห้องของเขาได้อย่างง่ายดาย

     

    “มานั่งดื่มคนเดียว... ไม่เหงาบ้างเหรอคะ?” คนบุกรุกเอ่ยถามเสียงหวานใส ขณะเคลื่อนกายเข้ามาใกล้

     

                “เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”

     

                “คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ไม่เห็นต้องถามกันเลย” คารินตอบก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับชายหนุ่ม “ขอฉันนั่งดื่มด้วยคนนะคะ”

     

                “ถึงฉันจะบอกว่า ไม่ เธอก็คงจะไม่ฟัง” ตอบเสียงเรียบโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่บ้านหลังเล็ก

     

                “รู้ใจฉันจริงๆ” หญิงสาวตอบพร้อมจัดแจงรินไวน์สีกุหลาบให้ตัวเอง ดวงตาสีโกเมนมองร่างสูงที่หมายปองมาตั้งแต่แรกเห็นด้วยสายตาหวานเชื่อม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหึงหวง... ไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกผนังที่ทำด้วยกระจก ทั้งสีหน้าและแววตาเหมือนคนกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างไม่มีผิด

     

                “คุณยังคิดเรื่องเมื่อบ่ายอยู่ใช่มั้ย? ที่คุณหมอเขาประกาศว่าจะแต่งงานกับเมียเก่าของคุณ” กระแทกเสียงถามออกไปอย่างหงุดหงิดพลางลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย

     

    เขายังอาลัยอาวรณ์กับแม่นั่น!!!

     

                “ทำไมฉันต้องเก็บเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นมาคิด?” เขาย้อนถาม ตีสีหน้าเรียบนิ่ง เย็นยะเยือกไม่แพ้อากาศ

     

                “แต่หน้าตาของคุณมันฟ้องนี่คะว่าคุณกำลังคิดอยู่ คุณปิดฉันไม่ได้หรอกค่ะ”

     

                “อย่ามาเดาส่งเดช”

     

                “ฉันบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าฉันไม่ยอมคืนคุณให้แม่นั่นแน่ ฉันไม่ยอมยกคุณให้ใคร คุณต้องเป็นของฉันคนเดียว คุณต้องรักฉันคนเดียว... “ เสียงนั้นเยือกเย็นเสียจนคนฟังต้องปรายตากลับมามอง รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหญิงสาว

     

    “ถ้าใครมาแย่งคุณไปจากฉัน... ฉันสาบานว่าฉันจะทำให้มันย่อยยับ ทรมาน... โทษฐานที่มันกล้ามายุ่งกับของของฉัน!

     

    ถ้อยคำแสนดุดันที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มสวยทำให้ร่างสูงเริ่มรู้สึกใจไม่ดี... คำเตือนนั้นคล้ายว่าจะเตือนเขามากกว่า ว่าไม่ให้เขาไปยุ่งกับใคร... มิเช่นนั้นหล่อนจะทำลายคนที่เขารักให้ดับดิ้น

     

    เป็นผู้หญิงที่รับมือได้ยากกว่าที่คิด

     

    ร่างสูงแสร้งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คล้ายว่าเบื่อที่จะต้องมานั่งต่อปากต่อคำกับเธอ และท่าทีเฉยเมยไม่สนใจนั่นเองที่ทำให้หญิงสาวแทบร้องกรี๊ด ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่กล้าเมิน กล้าปฏิเสธเธอเท่ากับคนตรงหน้า เธอเคยปราบพยศผู้ชายที่เย่อหยิ่งเย็นชาเหมือนซาสึเกะให้มาสยบแทบเท้าเธอนับครั้งไม่ถ้วน แต่กับผู้ชายคนนี้... ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน จะเสนอตัวให้ หรือทำแม้กระทั่งบังคับขู่เข็น เขาก็ยังปฏิบัติต่อเธอประหนึ่งเธอเป็นเชื้อโรคน่ารังเกียจเหมือนเดิม ไม่ยอมใกล้ชิด... ไม่หลงเสน่ห์ของเธอแม้แต่น้อย...

     

    เพราะนังนั่น! เพราะนังนั่นคนเดียว!!!

     

    โทษอดีตเมียเก็บของชายหนุ่มเสียดื้อๆ อิจฉาหล่อนนักที่สามารถทำให้ราชาติดใจจนไม่สนรสชาติอื่น

     

    แต่มันจะดีสักแค่ไหนกันเชียว!

     

    คารินมั่นใจว่าบทรักของเธอไม่มีทางร้อนแรงน้อยกว่านังเด็กอมมือนั่นแน่นอน ถึงมันจะเป็นเด็กใจแตกรับจ้างเป็นเมียชาวบ้านเขา แต่ก็ดูอ่อนประสบการณ์ เหยาะแหยะ จืดชืด ดูยังไงมันก็สู้คนมากประสบการณ์ที่ช่ำชองอย่างเธอไม่ได้แน่ๆ และที่ซาสึเกะเอาแต่ตั้งท่ารังเกียจเธอก็คงเป็นเพราะเขาไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาก่อน เคยกินอยู่รสเดียว ก็เลยรู้จักแค่รสเดียว... แต่วันนี้แหละเธอจะสอนให้เขารู้จักรสรักที่ร้อนแรงกว่า... หอมหวานกว่า... ทำให้เขาลืมให้ได้ว่ารสชาติของนังเมียเก็บนั่นมันเป็นยังไง!

     

    รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นบนใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยว ซาสึเกะมองมันอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะละสายตาจากอีกฝ่ายเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้า ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วเครียดเมื่อเห็นเบอร์คนที่โทรมา เขาลุกเดินไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียง ยอมทนตากอากาศหนาวอุณหภูมิลบแปดองศาที่ระเบียงดีกว่าให้แขกไม่ได้รับเชิญได้ยินเสียงสนทนา

     

    คารินมองตามร่างสูงไปด้วยสายตาอ่านยาก ถึงจะไม่พอใจที่จู่ๆเขาก็ลุกพรวดออกไปทำเสมือนว่าเธอไร้ตัวตน แต่นี่มันก็เป็นโอกาสดี...

     

    ที่จะทำให้เขาเป็นของเธอ!

     

    มือเรียวหยิบซองยาใสๆที่ข้างในมีผงสีขาวออกมาจากกระเป๋า หญิงสาวระบายยิ้ม... เธอเตรียมมันมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ อุตส่าห์ล่อราชาออกมาจากบัลลังก์ได้ทั้งที ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอย แม้จะตกลงกับซาสึเกะว่าทริปนี้เป็นแค่การมาท่องเที่ยวธรรมดา ไม่ได้มาเที่ยวกันฉันสามีภรรยา เธอกับเขาต้องแยกห้องกันอยู่ ไม่ต้องสวีทหวานแหววอะไร แต่ว่าถ้าเขาเป็นฝ่ายทำผิดข้อตกลงเองล่ะ จะว่าไง?

     

     คารินยิ้มร้ายก่อนจะเทผงสีขาวละเอียดใส่แก้วไวน์ที่ซาสึเกะวางทิ้งไว้เสียเกือบหมด หวังให้มันออกฤทธิ์ยันเช้า... ยืดเวลาแห่งความสุขที่เธอจะได้ครอบครองราชาออกไป ด้วยฤทธิ์ของยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศนี้ ซาสึเกะจะไม่มีทางปฏิเสธเธอได้แน่นอน เขาจะต้องยอมเธอทุกอย่าง... อ้อนวอนขอร้องให้เธอปลดปล่อยเขา... ขอร้องให้เธอมอบความสุขให้เขา... และตอนนั้นนั่นแหละ ที่เธอจะสอนให้เขารู้ถึงรสชาติแบบผู้ใหญ่ ทำให้เขาติดใจ... ทำให้เขาหลงใหลเธอเหมือนกับผู้ชายทุกคน!    

     

    “วันนี้คุณจะต้องเป็นของฉันค่ะ คุณซาสึเกะ...”

    .

    .

    .

     

    ร่างสูงเดินกลับเข้ามาภายในห้องหลังจากวางสายโทรศัพท์ ใบหน้าของเขาเครียดเขม็งหนักยิ่งกว่าตอนออกไป มิหนำซ้ำยังแข็งค้างเพราะยืนตากลมตากอากาศอยู่นานสองนาน แต่คนที่นั่งฉีกยิ้มรออยู่ที่โต๊ะก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เธอสนใจเพียงว่าเขาจะดื่มไวน์ที่ผสมยาปลุกเซ็กส์นั่นรึเปล่า

     

    ซาสึเกะมองสายตาของอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ เขาเลื่อนเก้าอี้ออกเพื่อจะนั่งลงตามเดิม แต่แล้วก็ต้องชะงักตัวไว้เมื่อเห็นบางอย่างส่องแสงวิบวับอยู่ที่พื้น

     

                “เธอทำของตก” เขาบอกเสียงเรียบ พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้หย่อนตัวนั่ง คารินที่ได้ฟังดังนั้นก็สะดุ้งใจหายวาบ กังวลว่าของที่ตกอาจจะเป็นซองยาก็ได้ หญิงสาวลนลานมองหาของที่พื้นก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อกวาดตามองแล้วเห็นเพียงปากกาฝังเพชรด้ามหนึ่งเท่านั้น

     

                “นี่ไม่ใช่ของฉันนี่คะ” เธอว่าพลางชูปากกาที่เก็บได้ให้ชายหนุ่มดู ซาสึเกะผงะไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

     

                “อ้อ ของฉันเอง” พูดพร้อมกับหยิบปากกาคืนจากมือเรียวบาง แล้วหันไปนั่งจิบไวน์ดื่มด่ำกับบรรยากาศดังเดิม คารินระบายยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อของเหลวสีกุหลาบในแก้วของร่างสูงพร่องไปกว่าครึ่ง ดวงตาสีโกเมนจดจ้องที่ใบหน้าหล่อเหลางดงามอย่างหลงใหลก่อนจะพูด

     

                “ชนแก้วกันหน่อยมั้ยคะ?”

     

     

                ผ่านไปแค่ห้านาทีเท่านั้นหลังจากที่เขาดื่มไวน์ที่รินค้างไว้ก่อนจะออกไปรับโทรศัพท์หมดแก้ว ซาสึเกะศีรษะโคลงเคลงโงนเงนมีอาการเหมือนคนเมาเรือ มือที่กำลังรินไวน์ใส่แก้วสั่นระริกจนคนมองต้องช่วยประคอง

     

                “เอามือออกไป” ปฏิเสธอย่างหยาบคายพร้อมกับปัดมือของหญิงสาวออก แต่สาวสวยก็ไม่ได้ถือสากับท่าทีรังเกียจนั้น เพราะเธอรู้ว่าไม่ว่ายังไงคืนนี้... เธอก็ต้องได้ทำกับเขามากกว่าการจับมือแน่

     

                “หมดแก้วนี้เธอก็ออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว” ร่างสูงสั่งเสียงแข็ง เนื้อตัวสั่นสะท้าน มือหนากำแก้วไวน์แน่นราวกับกำลังต่อต้านอารมณ์บางอย่าง

     

                “ทำไมรีบไล่กันจัง~ ฉันไม่รังเกียจหรอกนะคะถ้าเราจะอยู่ด้วยกันทั้งคืน” คารินพูดพร้อมกับระบายยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    ยาคงจะออกฤทธิ์แล้ว...

     

                “แต่ฉันรังเกียจ...” ร่างสูงว่า น้ำเสียงดูอ่อนแรง... ทรมาน...

     

    “รีบๆดื่มและก็รีบๆออกไปได้แล้ว ฉันเหนื่อย จะ... นอน... อั่ก!” พูดได้แค่นั้นก็ต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มือแกร่งกำแน่น... ลมหายใจรุนแรง หอบถี่ ราวกับว่าสัญชาตญาณที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ถูกปลุก ดวงตาสีรัตติกาลตวัดมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเคลือบแคลง

     

                “คุณ... ยังอยากให้ฉันออกไปอีกมั้ยคะ?” เธอถามเสียงหวานหยดพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะมือที่แข็งเกร็งของชายหนุ่ม ลูบไล้ไปมาอย่างช้าๆราวกับต้องการจะปลุกปั่นอารมณ์ของเขาให้เดือดพล่านขึ้นไปอีก

     

                “เธอเอาอะไรให้ฉันกิน!?!” ร่างสูงตะคอกถามอย่าเจ็บแค้น อยากจะชักมือกลับแต่เหมือนร่างกายไม่ยอมทำตาม

     

                “ก็... ตัวช่วยนิดหน่อย มันช่วยไม่ได้นี่คะ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้คุณคงไม่ยอมให้ฉันได้แตะเนื้อต้องตัวแน่ ฉันน่ะ... อยาก กินคุณมาตั้งนานแล้ว คุณไม่รู้ตัวเลยเหรอ?” คารินพูดพร้อมกับมองเหยื่อตรงหน้าที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะทรมานกับอารมณ์ที่ไม่ได้ปลดปล่อย ก่อนจะลุกเดินเข้ามาประชิดตัวชายหนุ่ม กระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายด้วยการลูบไล้ที่โคนขา ไล่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงส่วนที่โป่งพองออกมาจนแทบจะทะลุกางเกงสแล็คสีดำสนิท

     

                ดวงตาสีโกเมนมองมันพร้อมกับกลืนน้ำลาย... เธอเฝ้าฝันมาตลอดว่าจะได้สัมผัสมันสักครั้ง อยากรู้ว่าความลึกลับของราชาจะให้สัมผัสอย่างไร? จะเป็นมังกรตัวใหญ่ หรือเป็นแค่หนอนน้อยตัวเล็กๆ? ตอนนี้เธอกำลังจะได้รับคำตอบ... แน่นอนว่าเขาไม่สามารถขัดใจอะไรเธอได้

     

    สีหน้าทรมานจวนเจียนจะขาดใจนั่นเป็นหลักฐานยืนยันอย่างดี...

     

                “ขอฉัน... สัมผัสหน่อยนะคะ” พูดเสียงพร่าก่อนจะขยำเสียเต็มมือ กะวัดขนาดพร้อมกระตุ้นอารมณ์รุนแรงไปพร้อมๆกันจนเจ้าของเผลอคำรามออกมา

     

                “เธอ... อั่ก!

     

                วินาทีนั้นเองที่คารินรู้ตัวว่าเธอเลือกคนไม่ผิด... แม้จะพอเดาได้ว่าราชาคนนี้ ไม่ธรรมดาเพราะเคยเห็นเขาใส่กางเกงว่ายน้ำในชั่วโมงพละ แต่ก็ไม่คิดว่าการเจริญเติบโตจะทำให้มันพัฒนามาได้ถึงขั้นนี้...

     

    พูดได้คำเดียวว่า สุดยอด...

     

                แม้ว่าที่มันขยายได้ขนาดนั้นส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากฤทธิ์ของยา แต่ยานี้ก็ไม่ได้เพิ่งใช้กับเขาเป็นคนแรก กับคู่ขาหลายๆคนของเธอก็เคยใช้ แต่กับทุกคนที่ว่ามานั้น... เขายอดที่สุด! นี่ขนาดยาเพิ่งออกฤทธิ์แท้ๆ เขายังได้ขนาดนี้ แทบไม่ต้องจินตนาการว่าถ้ามันออกฤทธิ์จนถึงที่สุด... วันนี้เธอจะได้เห็นเจ้าพ่อมังกรตัวขนาดไหนกัน...

     

                “อะ... ออกไป เอามือ... ออกไป...” เจ้าของ มังกรยังคงมีสติเหลือพอที่จะขัดขืน เขาร้องสั่งพลางขยับตัวหลีกหนีจากสัมผัสร้ายกาจจากมือที่ยังคงลูบไล้ของรักของหวงไปมา คารินหัวเราะคิกคัก เธอชอบใบหน้าของเขาตอนนี้เหลือเกิน... ใบหน้าที่ดูต่อต้าน... ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะเรียกร้อง...

     

                “อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะคุณซาสึเกะ คุณกำลังทรมานอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ให้ฉันได้ช่วยปลดปล่อยคุณเถอะ น่า~ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้คุณมีความสุขจนลืมนังเมียเก่าของคุณแน่” กล่อมเสร็จก็ส่งยิ้มหวานหยดมาให้ เลียริมฝีปากราวกับแม่เสือสาวผู้โหยหิว...

     

    หญิงสาวรู้ดีว่าต้องทำยังไงถ้าอารมณ์ของเขามาถึงจุดนี้ เธอปลดเข็มขัดอันเป็นปราการด่านแรกของเขาอย่างช้าๆ ฟังเสียงคำรามต่ำห้าวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ พึงพอใจยิ่งนักที่เห็นราชาผู้เย่อหยิ่งหมดฤทธิ์สิ้นท่าคาเก้าอี้...

     

    ก๊อกๆๆ

     

                เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะทำให้คนสองคนที่กำลังอยู่ในอารมณ์ล้ำลึกพากันสะดุ้ง คารินหายใจฮึดฮัดอย่างขัดใจ อีกนิดเดียวแท้ๆเธอก็จะได้เห็น ของดีที่ซาสึเกะซ่อนไว้อยู่แล้วเชียว มารตัวไหนมันกล้ามาขัดจังหวะ!?! บ่นอย่างหงุดหงิดในใจก่อนจะปรือตามองคนที่ตัวอ่อนตัวเบาอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะพูด

     

                “อย่าไปสนใจเลยค่ะ เรา...มาต่อกันเถอะ...” พูดจบก็ทำท่าจะปลดซิปกางเกงเพื่อปล่อยให้มังกรของเขาออกมาหายใจหายคอ แต่อีกฝ่ายกลับจับมือเธอไว้เหมือนห้าม ซาสึเกะค่อยๆยันตัวลุกจากเก้าอี้อย่างยากลำบากพลางเอ่ย

     

                “ไม่ได้... เผื่อมีเรื่อง... สำคัญ” ร่างสูงเค้นคำพูดอย่างยากลำบาก เขาเดินโงนเงนไปที่ประตูก่อนจะหันมาบอกเธอที่ยืนงงด้วยสีหน้าที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังต้องการอะไร...

     

                “ไปรอ... ที่เตียง

                                    

     

     

     

                แต่งเพลินยันตีสี่ กรี๊ดดดดด!!! เป็นบทที่สยิวที่สุด (ไม่นับnc) เลยค่า~ เกะ! แกกำลังจะทำอาร๊ายยย =[]=!!! อ๊ากกก! ตัดฉับไปที่โคมไฟ (ไม่ใช่ละ-.-) เรื่องนี้เกะนี่เปลืองตัวจริงๆ ตั้งแต่เปิดเรื่องมายันตอนนี้เอ็งถูกลวนลามไปกี่ครั้งแล้วฟระ –o- ก็งี้แหละ เกิดมาหล่อ(สวย) ใครๆก็อยากได้ ขอให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกานะเป็ด~ (แต่แกได้ "ฝันร้าย" สมชื่อตอนแน่ๆ-.,-)

     

    #บทนี้มีมาเพื่อสังหารโหดแม่ยก

    #คารินร้ายกาจ...

    #อยากตบคนแต่เลือกไม่ถูกว่าจะตบใครดี -___-

    #ที่สำคัญอย่าตบไรต์เด็ดขาด ><

     

    100%

     

     

                “... แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ได้แต่งงานกัน ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์...”

     

                เสียงหวานใสอ่านประโยคสุดท้ายของหนังสือนิทานเล่มเล็ก...

                ภาพประกอบในหนังสือเป็นรูปงานวิวาห์แสนหวานของเจ้าชายกับเจ้าหญิงที่ต่างก็ยิ้มแย้ม แสดงออกว่ามีความสุขมากเพียงใด... น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นกระทบภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าหญิงพอดิบพอดี ร่างบางรีบปัดมันออกเพราะเกรงว่าน้ำตาของตนจะทำให้หนังสือนิทานที่คุณหมอผู้ใจดีหอบหิ้วมาฝากเปรอะเปื้อน เธอเก็บหนังสือไว้ที่ชั้นตามเดิม ก่อนจะกลับมานั่งที่เตียงนุ่ม

     

    มือเล็กลูบที่ท้องอย่างแผ่วเบา...

    ยิ้มให้ลูกน้อยในครรภ์ทั้งน้ำตา...

     

                กาอาระบอกว่าทารกช่วงอายุครรภ์สองเดือนจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มันเป็นช่วงที่เธอจะต้องระวังตัว... ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมต่างๆที่อาจส่งผลกระทบถึงเด็กในท้อง อาหาร และที่สำคัญที่สุดก็คืออารมณ์ของเธอเอง คุณหมอคนเก่งจากแผนกสูติฯย้ำกับเธอว่าอารมณ์ซึมเศร้าของเธอจะทำให้การเจริญเติบโตของเด็กมีปัญหา เขาจึงลงทุนซื้อหนังสือนิทานเกือบๆร้อยเล่มมาให้เธอเอาไว้อ่านให้ลูกน้อยฟัง เธอจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกอีกด้วย ซึ่งวิธีการของเขามันใช้ได้ผล... จนถึงเมื่อสามวันก่อน...

     

    วันที่เขาคนนั้นประกาศแต่งงาน...

     

                ตั้งแต่วันนั้น... มันก็ไม่มีคืนไหนเลยที่เธอจะอ่านนิทานแล้วไม่ร้องไห้...

    เพราะตอนจบของนิทานทุกเรื่อง คือการครองรักกันอย่างมีความสุขของพระเอกนางเอก เป็นตอนจบแสนหวานที่ทำให้คนอ่านรู้สึกอิ่มเอม ประทับใจไปกับความรักที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้...

     

    เธอก็แค่นึกย้อนมองตัวเอง...

     

    เหตุใดหนอความรักของเธอมันจึงจบลงเช่นนี้? เหตุใดเธอถึงไม่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆได้เหมือนตัวละครในนิทาน? และยิ่งวันนี้เธอเห็นเขาเดินเคียงคู่มาเจ้าสาวตัวจริง คนที่เป็นนางเอกตัวจริงของเขา หัวใจดวงน้อยที่แสนบอบช้ำของเธอก็แทบสลาย... เธอเคยคิดว่าตัวเองคงจะเจ็บไม่ได้มากเท่ากับที่เคยเจ็บ แต่นั่นมันก็เป็นแค่ความคิดโง่ๆ... การได้เห็นเขาอีกครั้ง...

     

    มันเจ็บยิ่งกว่าเดิมเสียอีก...

     

                ร่างบางยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม รู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนแอเหลือเกิน มือเรียวยังคงลูบไล้ที่ท้อง...

     

                “ขอโทษนะคะ... ที่แม่อ่อนแออีกแล้ว...”

     

                 พร่ำบอกเจ้าตัวเล็กที่รักสุดหัวใจก่อนจะค่อยๆล้มตัวลงนอน ทนกล้ำกลืนความเจ็บปวด... พยายามลบภาพเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายเมื่อตอนบ่าย แต่ก็ทำไม่ได้... คำพูดที่เสียดแทงของเขายังคงก้องอยู่ในหัว...

     

    คุณใจร้ายมากนะคะ คุณซาสึเกะ...

     

     

    ติ๊งต่อง~

     

                เสียงออดที่ติดไว้ตรงประตูปลุกให้ร่างบางที่เพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราไปได้ไม่นานตื่นขึ้น ดวงตาคู่สวยยังคงบวมช้ำเพราะเธอเอาแต่ร้องไห้ก่อนจะผล็อยหลับไป ซากุระลุกจากเตียงก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวตัวหนาขึ้นมาสวมแล้วเดินลงไปชั้นล่าง ระหว่างทางก็ขบคิดว่าใครกันที่มาหาเธอดึกๆดื่นๆ เสียงออดดังอีกครั้งจนเธอต้องรีบสาวเท้าลงบันได พลันความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว...

     

    อาจจะเป็นคุณป้าแม่บ้านที่กาอาระส่งมาเฝ้าเธอก็ได้

     

                หญิงสาวคิด...

    มันเป็นความกังวลจนเกินเหตุของคุณหมอที่กลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายหากอยู่ที่บ้านพักเปลี่ยวๆนี่คนเดียว ดังนั้นทุกวันเขาจะให้พนักงานหญิงของโรงแรมผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่พักหลังๆมานี้คนที่มานอนเป็นเพื่อนเธอแทบทุกคืนก็คือคุณป้าแม่บ้านที่เป็นพนักงานทำความสะอาด แต่เพราะวันนี้คุณแม่บ้านบอกกับเธอไว้ตั้งแต่ตอนเย็นว่าคงไม่ได้มาอยู่ด้วยเพราะมีธุระต้องไปทำ แต่ธุระที่ว่าคงจะเสร็จเร็วกระมัง

     

    ติ๊งต่องๆๆ~

     

    “ค่า~ รอเดี๋ยวนะคะคุณป้า” ร้องตะโกนบอกไปก่อนจะระบายยิ้มอ่อนใจกับหญิงวัยกลางคนที่อุตส่าห์แวะมานอนเป็นเพื่อนเธอแม้จะเป็นเวลาดึกดื่น แถมอากาศข้างนอกก็เย็นจัดจนอุณหภูมิติดลบอีกต่างหาก ถ้าเธอไม่รีบพาเข้ามาในบ้านอุ่นๆ คนขี้เป็นห่วงคงจะหนาวจนแข็งตายอยู่นอกบ้านแน่ๆ คิดได้ดังนั้นร่างบางก็รีบจ้ำอ้าวไปที่ประตูอย่างรวดเร็วก่อนจะปลดตัวล็อกแล้วเปิดมันออก

     

                “หนูนึกว่าวันนี้คุณป้าจะไม่มาแล้วซะ... !!!” คำพูดที่เหลือหายไปทันทีเมื่อเห็นว่าแขกยามวิกาลที่เธอเข้าใจว่าเป็นป้าแม่บ้านนั้นคือใคร...

     

                ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติที่หมองเศร้า... เนื้อตัวที่สั่นระริกเพราะเดินฝ่าอากาศหนาวจัดมาทั้งที่สวมแค่กางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ตกับเสื้อกั๊กบางๆ... ดวงตาสีรัตติกาลที่มองเธอเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง...

     

    “คะ... คุณ... ซาสึ... อ๊ะ!

     

    เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสั่นก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อคนที่แสนคิดถึงโถมตัวกอดเธอไว้แน่น แม้จะสวมเสื้อกันหนาวที่หนาจนสามารถกันความหนาวเย็นจากอากาศได้ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังรับรู้ถึงความหนาวเหน็บในใจคนกอด... ไอเย็นจากตัวเขา... แทรกซึมผ่านเนื้อผ้าหนาๆมาถึงตัวเธออย่างง่ายดาย

     

    ร่างบางยืนนิ่ง... คาดเดาความรู้สึกของตัวเองไม่ได้... เจ็บปวดที่เห็นใบหน้าของคนใจร้ายยิ่งนัก หากแต่กลับมีความสุขเหลือเกินที่ได้รับอ้อมกอดที่เฝ้าโหยหามาโดยตลอด...

     

    ซาสึเกะกอดคนตัวเล็กด้วยความรัก ความคิดถึงที่มีมากเหนือสิ่งอื่นใด คิดถึงไออุ่นจากคนตรงหน้า คิดถึงกลิ่นกายหอมๆ คิดถึงคำบอกฝันดีก่อนนอน...

     

    คิดถึง...

    คิดถึงทุกอย่าง...

     

    หากแต่ด้วยภาระหน้าที่ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแต่ต้องกักเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ ปิดตาย... กักขัง... ไม่แสดงมันออกมาให้คนอื่นเห็น โดยเฉพาะกับคนที่เขาปล่อยทิ้งไว้บนห้องพักคนเดียว

     

    เพราะเธอเป็นคนร้ายกาจ...

     

    ความร้ายกาจที่หยั่งไม่ถึงของคารินทำให้เขากังวลมาโดยตลอด และคืนนี้ก็เป็นคืนที่เขาประจักษ์แล้วว่าเธอเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอทำได้แม้กระทั่ง...

     

    วางยาเขา...

     

                แต่เพราะความชำนิชำนาญที่ร่ำเรียนมาจากเพลย์บอยตัวพ่ออย่างซาโซริ ทำให้แผนวางยาของคารินล่มไม่เป็นท่า

     

    อย่าวางเครื่องดื่มทิ้งไว้ โดยเฉพาะกับคนที่จ้องจะงาบตัวเอง...

     

    มันเป็นกฎเหล็กของการเที่ยวกลางคืนที่ซาโซริเคยสอนเขามา แม้ว่าเขาจะพร่ำบอกมันไปไม่รู้กี่หนต่อกี่หนว่าคนอย่างเขาไม่มีทางแวะไปสถานที่อโคจรอย่างมันจนต้องมาระวังเรื่องถูกวางยา แต่นักเที่ยวตัวฉกาจก็ยังไม่ละความพยายามที่จะพล่ามเรื่องสารพัดวิธีมอมเมาผู้หญิงให้เขาฟัง... มันกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดถูกลากตัวไปทำมิดีมิร้าย ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่มันกลัวนั้นเป็นความจริง วันนี้เขาเกือบจะถูกพาไป ทำมิดีมิร้ายอย่างที่ซาโซริว่าไว้ แต่ก็ต้องขอบคุณความหน้าด้านของมันในวันนั้นที่ยัดเยียดเทคนิคการเอาตัวรอดให้เขา และขอบคุณความฉลาดรอบคอบของเขาเองที่วางแผนตลบหลังคนที่กล้าลองดีกับเขาได้อย่างเจ็บแสบ

     

    หลังจากที่คารินบุกเข้ามาในห้องแล้วขอนั่งดื่มไวน์ด้วย สายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการของหล่อนก็ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยจนต้องคอยระวังตัวอยู่ทุกนาที แต่เขาก็จำเป็นต้องทิ้งแก้วไวน์ไปชั่วขณะเพราะต้องไปรับโทรศัพท์สายสำคัญที่โทรมาเพื่อแจ้งข่าวบางอย่าง ตรงระเบียงซึ่งเป็นจุดที่เขาออกไปคุยโทรศัพท์นั้นเป็นมุมอับและอยู่เยื้องกับโต๊ะที่เขานั่งดื่ม แต่เพราะประตูแบบบานพับที่เป็นกระจกสะท้อนภาพส่วนที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากระเบียง ทำให้เขามองเห็นการกระทำของคารินอย่างชัดเจน

     

    เธอเทอะไรบางอย่างใส่แก้วของเขา...

     

    จากที่เขาสันนิษฐาน... อะไรบางอย่างที่ว่านั่นคงเป็นยานอนหลับหรือไม่ก็ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศแน่ๆ เขาต่อสายหาซาโซริทันทีหลังจากคุยธุระเสร็จเพื่อถามรายละเอียดเรื่องยา ซึ่งเพลย์บอยที่ติดอันดับท็อปเท็นของประเทศก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังนัก ซาโซริอธิบายถึงระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาอย่างคร่าวๆ รวมถึงอาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อยาออกฤทธิ์ หลังวางสายจากเพื่อนเพียงคนเดียว เขาก็โทรไปที่โรงแรม สั่งรูมเซอร์วิสให้เอาไวน์มาส่งในอีกสิบนาทีให้หลัง จากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะ... ดำเนินแผนการของตนต่อ เริ่มด้วยการทิ้งปากกาฝังเพชรของตัวเองไว้ ใช้เท้าเขี่ยมันไปให้อยู่ไกลจากตัว จากนั้นก็แสร้งบอกให้หญิงสาวที่นั่งส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ว่าเจ้าหล่อนทำของตกเพื่อหลอกล่อให้หล่อนละสายตาจากโต๊ะชั่วคราว ซึ่งเป็นโอกาส... ที่เขาจะสับเปลี่ยนแก้วไวน์ของตัวเองกับหญิงสาว

     

    แผนการของเขาสำเร็จไปได้ด้วยดี..

     

                เขาสามารถสับเปลี่ยนแก้วไวน์ได้ทันเวลา ต้องขอบคุณแสงไฟสลัวๆของห้องพักที่ทำให้เธอไม่ทันได้สังเกตถึงปริมาณไวน์ในแก้วและดื่มมันเข้าไปโดยไม่ทันเอะใจอะไร ร่างสูงทิ้งเวลาไว้ราวๆห้านาทีเพราะเป็นช่วงเวลาที่ยาที่คารินกินเข้าไปยังไม่น่าจะออกฤทธิ์ เขาต้องชิงลงมือก่อนที่เจ้าหล่อนจะรู้ตัวว่าคนที่กินยานั่นเข้าไปไม่ใช่เขาแต่เป็นตัวเอง ร่างสูงเริ่มแสดงอาการก้ำกึ่งระหว่างคนที่ถูกวางยานอนหลับกับคนที่โดนยาปลุกเซ็กส์ แต่จากปฏิกิริยาของเธอที่จับไม้จับมือเขาพร้อมกับยั่วยวนแบบนั้น มันก็ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่ายาที่ว่านั่นต้องเป็นยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศแน่นอน การแสดงละครตบตาดำเนินต่อไป... เขาปลุกเร้าตัวเองด้วยมือ ในหัวก็จินตนาการถึงแม่เป็ดที่รัก แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้มังกรของเขาแผลงฤทธิ์ มีอาการเหมือนคนโดนยาไม่มีผิด

     

    คารินเชื่อสนิทใจ...

     

                เธอเล้าโลมเขาต่อ แต่ทุกอย่างก็หยุดลงเมื่อมีเสียงเคาะที่ประตู... รูมเซอร์วิสที่สั่งไว้มาขัดจังหวะได้ประจวบเหมาะพอดี เขาเดินไปที่ประตูโดยบอกให้เธอไปรอที่เตียง เพราะจากมุมนั้น... เธอจะไม่มีทางเห็นแน่ว่าเขาหนีออกมาจากห้องแล้ว... จากนั้นก็แค่ให้ทิปพนักงานโรงแรมกับค่าไวน์ที่อุตส่าห์เอามาส่ง แล้วเดินออกมาจากห้องโดยทิ้งหญิงสาวเอาไว้คนเดียว...

     

    ความทรมานจากยาปลุกเซ็กส์ที่ไม่ได้ปลดปล่อย... แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้สัมผัส แต่จากที่ซาโซริเล่าให้ฟังมันคงจะทรมานไม่ใช่น้อย คนส่วนใหญ่ทนรับความทรมานเหล่านั้นไม่ได้จนต้องยอมระบายกับคนที่แม้ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย

     

    คาริน... เธอจะต้องได้รับความทรมานแบบนั้น เป็นสิ่งตอบแทนโทษฐานที่กล้ามาลองดีกับเขา!

     

    “คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!

     

    เสียงอู้อี้จากคนในอ้อมแขนทำให้ร่างสูงยุติการย้อนความหลังของแผนการอันแยบยล เขาหันมาสนใจร่างเล็กที่เอาแต่ดิ้นขลุกขลัก ความรู้สึกคิดถึงที่มีมากจนนำพาให้เขาเดินฝ่าความหนาวเย็นมาเป็นกิโลเพื่อพบเจ้าของทั้งตัวและหัวใจ ทำให้เขาลืมที่จะระวังตัวเอง ลืมที่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเธออีกเด็ดขาด...

     

    ตอนนี้...ต่อให้ใครเอาปืนมาจ่อหัว...

    เขาก็ไม่มีทางปล่อยเธอแน่!

     

                “คุณซาสึเกะ!!!” อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับเอามือทุบๆที่ตัวเขา หวังจะให้เขาปล่อย แต่มีหรือที่เขาจะยอม

     

                คนตัวโตยังคงกอดแน่นไม่ยอมปล่อยอยู่อย่างนั้นจนร่างเล็กแทบหมดแรงจะต่อสู้ด้วย หรือจะพูดให้ถูกกว่านั้น... เธอหมดแรงตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้วด้วยซ้ำ... อยากจะเป็นฝ่ายโผเข้ากอดให้หายคิดถึง แต่ความเจ็บปวดที่มีก็ทำให้ต้องแสดงอาการต่อต้าน ไม่อยากเจ็บกับคนตรงหน้าเป็นครั้งที่สอง...

     

                “เธอไม่แต่งงานได้มั้ย? อย่าแต่งเลยนะ... ฉันขอร้อง...”

     

    เป็นประโยคแรกที่เขาพูด... พูดออกมาด้วยเสียงที่แสนปวดร้าวก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น หากแต่สำหรับคนฟัง... ประโยคนั้นมันเหมือนประโยคที่เห็นแก่ตัว... ถ้าเธอขอร้องเขาไม่ให้แต่งงานบ้าง เขาจะทำให้เธอไหม?

     

    ไม่มีทางหรอก...

     

                “คุณปล่อยฉันนะ! นี่คุณกำลังทำบ้าอะไรของคุณ!?!” ร่างบางดิ้นขัดขืนอีกครั้งหลังจากสงบไปพักหนึ่ง ซาสึเกะยังคงกอดไม่ปล่อย...

     

                “บอกมาก่อนว่าเธอจะไม่แต่งงานกับไอ้บ้านั่น”

     

                “ปล่อยค่ะ!

     

                “ไม่!!!

     

                “คุณมันคนเลว... คุณจะมายุ่งกับฉันอีกทำไม คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันนี่คะ! ปล่อย!

     

    “ไม่... จนกว่าเธอจะสัญญาว่าจะไม่แต่งงานกับมัน” ร่างสูงยังคงยืนยันคำเดิม... เจ็บหัวใจนักที่เธอเอาแต่ต่อต้าน แค่บอกว่า ไม่แต่ง แค่นั้นมันยากเกินไปนักหรือ?

     

    “แล้วมันผิดอะไรล่ะคะถ้าฉันจะแต่งงานกับคุณหมอ!?! เค้าดีกับฉัน ไม่รังเกียจฉัน ไม่ได้ทำร้ายฉันเหมือนคุณ คนดีๆแบบนั้น... ปล่อยไปก็โง่เต็มทน!” ร่างบางเอ่ยเสียงเย้ยหยัน แม้จะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขา แต่ก็ปัดมันทิ้งไปเพราะเชื่อว่าเขาก็แค่ทนไม่ได้ที่คนที่ตัวเองเคยดูถูกไว้ได้ลงเอยกับคนดีที่สมบูรณ์แบบอย่างกาอาระ

     

    เธอโกหกออกไป... ทั้งที่ยืนยันกับคุณหมอหนุ่มไปแล้วว่าจะไม่แต่งงานตามที่เขาโมเมขึ้นมา...

     

                “ซากุระ!

     

                “ทำไมคะ? ทนฟังไม่ได้เหรอ? ที่ผู้หญิงต่ำๆที่คุณดูถูกอย่างฉัน... จะมีสิทธิ์... แต่งงานกับคนที่เพียบพร้อมทุกอย่างอย่างคุณหมอ”

     

    “แต่เธอไม่ได้รักมัน! เธอรักฉัน!” บอกออกไปอย่างเดือดดาล ด้วยมั่นใจยิ่งนักว่าเธอไม่ได้รักใครอื่นแน่ แม้จะส่งยิ้มให้คนอื่น... จับมือกับคนอื่น...

     

    แต่คนที่เธอรัก...

    ก็คือเขาคนเดียว...

     

                หากแต่อีกฝ่ายก็ดับความมั่นใจอย่างเห็นแก่ตัวของเขาด้วยประโยคถัดมา...

     

    “คุณสำคัญตัวผิดไปรึเปล่าคะ?” เสียงเย้ยหยัน กระแทกกระทั้นทำให้ร่างสูงหมดแรงที่จะรั้งตัวเอาไว้ หญิงสาวผละกายออกก่อนจะยืนมองคนที่ฉวยโอกาสด้วยสายตาเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความเสียใจ...

     

    “ฉันคนเก่าที่คอยพร่ำบอกว่ารักคุณน่ะมันตายไปนานแล้ว! เหลือแต่ฉันคนนี้ ที่จะใช้ทั้งชีวิต...ตอบแทนคุณกาอาระ”

     

    “...”

     

    “คุณออกไปจากบ้านหลังนี้เถอะค่ะ ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ถ้าใครมาเห็นจะเข้าใจผิดกันเปล่าๆ” เธอบอกพร้อมกับดันกายเขาให้กลับออกไป แต่คนที่หัวใจเพิ่งถูกทำลายมาหมาดๆก็ไม่ยอมขยับ

     

    “เชิญค่ะ” ออกปากไล่อีกครั้ง... ก้มหน้ามองพื้นเพราะรู้ว่าน้ำตากำลังจะไหล

     

    “ทำไม? กลัวไอ้คนใหม่ของเธอมันรู้รึไงว่าฉันมาที่นี่” ถามเสียงประชดประชันทั้งที่หัวใจเจ็บแปลบ ร่างบางฝืนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง กลืนก้อนสะอื้นก่อนจะพูด

     

    “ค่ะ เขาคงจะไม่สบายใจแน่ที่เห็นฉันคุยกับ ของเก่าถ้าคุณยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ล่ะก็ กรุณากลับไปเถอะค่ะ ว่าที่เจ้าสาวของคุณคงกำลังรอ... กรี๊ด!!! คุณจะทำอะไร!?!” ร้องเสียงหลงเมื่อคนที่ออกปากไล่ให้กลับพุ่งตัวเข้ามาหาพร้อมกับโอบเอวเธอไว้ ดวงตาสีรัตติกาลไม่เหลือไว้แล้วซึ่งความเย่อหยิ่ง... มันเต็มไปด้วยความเศร้า...

     

     “เธอเป็นของฉันนะ...” ร่างสูงเอ่ยเสียงพร่า

     

    “ฉันไม่ได้เป็นของคุณ!!! เราเลิกกันแล้ว คุณจำไม่ได้รึไง!?!

     

    “แต่เธอเป็นเมียฉัน... เธอเป็นของฉัน ซากุระ...”

     

    “ฉันว่าคุณคงเมา... อื๊อ...”

     

    ดวงตาสีมรกตเบิกโพลงเมื่อจู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมด้วยริมฝีปาก... ถึงแม้อารมณ์ของเขาในตอนนี้จะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่รสจูบของเขาที่มอบให้เธอก็ยังคงอ่อนโยน... ร่างบางแทบจะละลายไปกับความหอมหวานที่แสนคุ้นเคย แต่ความเป็นจริงที่กำลังเผชิญก็ทำให้เธอต้องผลักไสเขาออกไป ร่างเล็กขืนตัว สะบัดหน้าหนีราวกับรังเกียจ และก็น่าแปลกเหลือเกินที่ซาสึเกะยอมปล่อยเธออย่างง่ายดาย ทั้งที่ปกติแล้วเขามีแรงมากพอที่จะบังคับให้เธอรับจูบของเขาจนหมดเรี่ยวหมดแรงเลยด้วยซ้ำ แต่แค่ไม่กี่วินาทีถัดมาเธอก็ได้รับคำตอบ...

     

    “อั่ก!” ร่างสูงชะงักก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น รู้สึกปวดเกร็งไปทั่วร่าง โดยเฉพาะตรงบริเวณของรักของหวงที่ทำท่าจะออกมาแผลงฤทธิ์ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาให้หัวแทบจะทันที...

     

    หล่อนใส่ยาในแก้วของตัวเองด้วย!

     

    แต่ปริมาณของมันอาจจะไม่มากเพราะใช้เวลานานกว่าปกติกว่าที่มันจะออกฤทธิ์ หรือไม่ก็เป็นเพราะร่างกายของเขาเองที่มักจะตอบสนองต่อสารที่ได้รับอย่างเชื่องช้า ร่างสูงนอนขดตัวอยู่กับพื้นอย่างทรมาน... ร่างกายรู้สึกเร่าร้อนอยากจะปลดปล่อยขึ้นมาเสียดื้อๆ...

     

    “อ๊าก!!!

     

    “คุณซาสึเกะ!!!” เสียงร้องแสนเจ็บปวดทำให้คนตัวเล็กแทบขาดใจ เป็นห่วงคนตรงหน้าเหลือเกิน

     

    เขาเป็นอะไร!?!

     

    “คุณเป็นอะไรคะ เจ็บตรงไหน!?!

     

    “อั่ก!!!” อีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่แค่นเสียงคำราม ก่อนจะเพ้อออกมา “ร้อน... ปวด...”

     

    “ร้อน? คุณร้อนเหรอคะ ดะ... เดี๋ยวฉันจะหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวคุณ รอเดี๋ยวนะคะ” บอกเสียงร้อนรน เตรียมจะผละไปหาของมาบรรเทาความเจ็บปวดให้ร่างสูง แต่กลับถูกคนที่นอนร้องโอดครวญเรียกไว้เสียก่อน

     

    “ไม่ต้อง... ช่วยฉันที ช่วยฉัน...”

     

    “ฉันก็กำลังจะช่วย... ว้าย!!!” พูดได้แค่นั้นก็ต้องหวีดร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อคนป่วยคว้าตัวเองลงไปนอนกอดที่พื้น ดวงตาสีรัตติกาลของเขาสื่อออกมาถึงความเจ็บปวดทางกาย...

     

    แต่ก็แฝงไปด้วยความยินดี!

     

    “มีแต่เธอ... ที่ช่วยฉันได้”

     

    .

    .

    .

     

     

                “ฉันเกลียดคุณ”

     

                เสียงคนตัวเล็กพึมพำบอก...

                เธอหันหลังให้เขาอย่างโกรธๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของเขาที่ฝากประทับแทบจะทุกตารางนิ้ว ซาสึเกะอมยิ้ม... เอื้อมมือคว้าเจ้าของเอวบางที่กระเถิบตัวหนีไปจนเกือบจะตกเตียงมากอดไว้

     

                “เธอโกหก” เขาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ

     

                “ฉัน เกลียดคุณ!

     

                “เธอรักฉัน อย่าหลอกตัวเองเลย”

     

                “หลงตัวเอง!” ตวาดแว้ดกลับมาก่อนจะเอามือตีๆมือปลาหมึกของเขาที่กำลังเลื้อยแปะป่ายไปทั่วตัวนุ่มนิ่มของเจ้าตัว “นี่คุณปล่อยฉันนะ!

     

                “ไม่มีทาง... รีบๆนอนเถอะ ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว”

     

    ปากบอกว่าง่วงแต่มือยังไม่หยุด!!!

     

                ซากุระค่อนแขวะคนข้างกายที่ยังคงใช้มือมาป้วนเปี้ยนจนไฟปรารถนาในกายของเธอที่เพิ่งจะมอดดับลุกพรึ่บขึ้นมาอีกหน เธอหันมาส่งสายตาขวางๆใส่คนไม่รู้จักพอก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไปทางเดิม ร่างสูงหัวเราะเบาๆกับท่าทีนั้นก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ กอดร่างเล็กที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างจากตนไว้แน่นพร้อมกับกระซิบ

     

                “ขอบคุณนะ”

     

                เป็นคำที่เขาอยากจะบอกเธอที่ช่วยปลดปล่อยเขาจากความทรมานจากยาปลุกเซ็กส์ที่มีฤทธิ์ร้ายกาจอย่างไม่น่าเชื่อ และก็เพราะฤทธิ์ยานั่นเองที่ทำให้เขาจำใจต้องเริ่มบทรักร้อนแรงกับคนข้างกายที่พื้นเย็นๆข้างล่าง ก่อนจะมาจบลงที่เตียงนอนนุ่มๆอุ่นๆของเจ้าของห้องที่กำลังอยู่ในอาการ โกรธสุดขีด

     

    ซาสึเกะก้มลงจูบกระหม่อมบางเบาๆ เขาจำสายตาเอื้ออาทรและเป็นห่วงของเธอได้ดี... แค่เขาบอกเธอว่าเขากำลังทรมานเพราะยา หญิงสาวก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือหวาดกลัว เธอช่วยเหลือเขาทุกอย่าง... ไม่โวยวายแม้ว่าเขาจะไม่ได้เล้าโลมเธอเลย แน่นอนว่าการได้ปลดปล่อยมันทำให้เขามีความสุข แต่คงไม่สุขแน่สำหรับแม่ตัวเล็กที่ต้องมารองรับอารมณ์ที่ดิบเถื่อนกว่าปกติของเขา แม้จะมีอาการเกร็งบ้างก็เถอะ แต่เธอก็ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน...

     

    ที่บอกว่าหมดรักเขาแล้วน่ะ...

    โกหกทั้งเพ...

     

                 “ตัวหอม...” พูดพร้อมกับสูดหายใจฟื้ดฟ้าด ราวกับจะประทับความหอมนั้นไว้กับตัวนานๆ

     

                “อย่ามายุ่งกับฉันนะคะคุณซาสึเกะ!” แม่ตัวดียังคงแผลงฤทธิ์ด้วยการแกะมือเขาออกพร้อมกับดิ้นขลุกขลัก แต่คนกอดก็ไม่ยอมปล่อย ได้แต่ยิ้มขำกับความปากแข็งหัวดื้อของคนตัวเล็ก

     

                “หยุดดิ้นและก็นอนได้แล้ว เธอ ใช้แรงมาเกือบทั้งคืนแล้วนะ นอนเถอะ” คำพูดนั้นทำเอาคนพยศหน้าร้อนฉ่า แต่ก็ยังเถียงต่อ

     

                “ก็นอนไปคนเดียวสิ ปล่อยฉัน!!! คุณเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับของสกปรกแบบนี้ ไม่กลัวเสนียดมันจะติดตัวบ้างเหรอคะ!

     

                “ไม่กลัว”

     

                “คุณซาสึเกะ!!!

     

                “แรงเหลือเฟือขนาดนี้แสดงว่าจะไม่นอนแล้วใช่มั้ย? บอกไว้ก่อนนะว่าต่อให้ไม่มีฤทธิ์ยานรกนั่นฉันก็ อึดพอที่จะพาเธอออกกำลังยันเช้าได้ ไงล่ะ จะลองมั้ย? หรือว่าจะยอมนอนดีๆ?” เขาพูดด้วยเสียงแสนเจ้าเล่ห์ พลันก็พลิกตัวคนที่ทำเป็นโกรธให้หันมาทางตน

     

                “ว้าย!!!” ร้องเสียงหลงเพราะไม่ทันตั้งตัวก่อนจะเริ่มต่อว่าอีกฝ่ายทั้งที่ใบหน้าแดงจัด “หยาบคาย! ป่าเถื่อน!

     

                ร่างสูงไม่ได้ตอบโต้คำพูดของเธอ แต่ดึงตัวเธอเข้ามาแนบอกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแสนเศร้า...

     

                “ฉันคิดถึงเธอนะ คิดถึงมากจริงๆ...”

     

                “ไม่ต้องทำมาพูดดีหรอกค่ะ ฉันจะไม่หลงกลคุณอีกแล้ว และไอ้ที่ฉันพลาดในวันนี้... ก็ถือว่าฉันชดใช้กรรม” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แม้ว่าใจจะอุ่นวาบกับคำที่พูดว่าคิดถึงของเขาก็ตาม

     

    แต่เธอก็แค่...

    ไม่อยากเจ็บปวด...

     

                “อืม... มันก็คงเป็นเวรเป็นกรรมของเธอนั่นแหละที่ต้องมาเจอฉัน” ร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่ได้รู้สึกโกรธที่เธอเปรียบเขาเหมือนเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้

     

                “กอดฉันหน่อยได้มั้ยซากุระ เหมือนกับคืนนั้นที่เธอกอดฉัน...”

     

                เสียงวอนขอแสนเศร้าทำให้กำแพงหัวใจที่เพียรก่อมานับเดือนพังทลาย ซากุระขยับกายขึ้น ก่อนจะเอนศีรษะของเขาซบที่อก โอบกอดเขาด้วยรัก... เหมือนกับคืนนั้น...

     

                “คุณ... คิดจะมาทรมานฉันอีกเหรอคะ...” ร้องถามทั้งน้ำตา หัวใจทั้งเจ็บปวดทั้งสุขคละเคล้ากันไป

     

                “ขอโทษ... แต่คิดซะว่าคืนนี้... มันเป็นแค่ฝันร้ายก็แล้วกัน”

     

     

    .

    .

    .

     

     

                ในขณะที่คนสองคนกำลังพร่ำบอกความรู้สึกของตัวเองผ่านภาษากายในบ้านหลังเล็ก คนอีกสองคนก็กำลังดำเนินบทรักร้อนฉ่าบนห้องสวีทของโรงแรม เรือนร่างขาวผ่องที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบกำลังร่ายรำไปตามบทเพลงรักที่ชายหนุ่มร่างบึกบึนมอบให้ เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ดังระงมไปทั่ว แต่คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงเปลวไฟปรารถนาก็หาสนใจไม่ หญิงสาวเต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด พอๆกับชายหนุ่มที่ก็มอบความสุขให้เธอได้อย่างเต็มอิ่ม...

     

                กิจกรรมแสนเร่าร้อนดำเนินไปจนเช้า... ผิวกายขาวเนียนของสาวสวยบัดนี้เต็มไปด้วยรอยฟันของบุรุษที่ถูกลากมาร่วมหลับนอน เขาเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บังเอิญพักอยู่ห้องข้างๆกัน พอได้ยินเสียงกรีดร้องประหนึ่งคนกำลังถูกทรมานของคาริน ชายผู้หวังดีก็มาเคาะประตูเรียก และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์แบบข้ามคืนที่แสนร้อนแรง ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหญิงสาวที่กำลังแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างรีบเร่งตรงหน้ามีบทรักที่เร้าใจกว่าใครทุกคนที่เขาเคยผ่านมา ทั้งลีลาเร่าร้อน เสียงประกอบที่แค่ฟังก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้...

     

    หล่อนสุดยอดเหลือเกิน...

     

                “แกไปได้แล้ว! และจำใส่กบาลเอาไว้ด้วยว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าแกปิดปากเงียบ ฉันจะมีรางวัลให้ แต่ถ้าไม่... ฉันฆ่าแกแน่” คารินหันมาขู่ชายหนุ่มที่ยังนั่งเป็นใบ้อยู่บนเตียง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองเจ้างูยักษ์ที่ทำท่าร่อแร่ของเขา

     

                “คะ... ครับที่รัก...” รับคำอย่างหวาดกลัวในคำขู่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อ ที่รักกรีดร้องเสียงดัง

     

                “กรี๊ด!!!แกอย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะไอ้ไพร่!

     

                “แต่เมื่อคืนที่รัก...”

     

                “ออกไป๊!!! ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้! ไปสิ!!!

     

                ส่งเสียงไล่อย่างรังเกียจทั้งที่เมื่อคืนหล่อนนั่นแหละที่เป็นคนเรียกอีกฝ่ายว่า ที่รักแทบทุกคำ คารินกำมือแน่นอย่างเจ็บแค้นหลังจากที่ชายชาวต่างชาติรีบกุลีกุจอสวมเสื้อผ้าออกไปจากห้องแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าจะถูกซาสึเกะเล่นตลบหลังแบบนี้... หลังจากที่เขาบอกให้เธอไปรอที่เตียง เขาก็หายออกไปจากห้อง ทิ้งให้เธอทนทรมานกับฤทธิ์ยาที่ถูกสลับเปลี่ยน เธอรู้ว่าไวน์ที่เธอดื่มเข้าไปเป็นแก้วของซาสึเกะแน่เพราะฤทธิ์ของยาที่รุนแรง ถ้าไม่ได้ชายข้างห้องที่บังเอิญเป็นพลเมืองดีแวะมาเคาะประตูล่ะก็... หล่อนอาจจะได้ขาดใจได้เพราะไม่ได้ระบายเป็นแน่!

     

                ร่างสมส่วนมองขวดไวน์ที่ถูกเปิดค้างกับแก้วที่วางอยู่ก่อนจะกวาดทุกอย่างลงพื้นอย่างโกรธเกรี้ยว และในขณะนั้นเอง เสียงข้อความเข้าของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้น  หญิงสาวกดอ่านก่อนจะกรีดร้องออกมาเมื่อข้อความนั้นเป็นข้อความของซาสึเกะที่ส่งมาบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ธนาคารแล้ว ฝากหล่อนเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมให้ที

     

                “คุณซาสึเกะ... คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง คุณทำกับฉันได้ยังไง!?! กรี๊ดดดดด!

     

     

    .

    .

    .

     

     

                ดวงตาสีรัตติกาลมองบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดิร์นด้วยสายตาเรียบนิ่ง... สงบ... ผิดกับใจที่ร้อนรุ่ม ก่อนจะใช้กุญแจที่ได้มาจากลูกน้องฝีมือดีไขเข้าไปในตัวบ้าน การบุกเฉพาะกิจของเขาในครั้งนี้ไม่มีเหล่าลูกน้องผู้ภักดีตามมาเป็นกำลังเสริมเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องเก็บมันเป็นความลับ มือหนาที่สวมถุงมือผ้าชั้นดีจับปืนสั้นขนาดเก้า ม.ม.ที่เหน็บไว้ข้างเอวไว้มั่น พร้อมที่จะชักมันออกมายิงได้ทุกเมื่อ ร่างสูงก้าวเข้าไปในตัวบ้านอย่างช้าๆ... เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงของลมหายใจ เขารู้ว่าวันนี้เจ้าของบ้านไม่อยู่ แต่ก็ยังไม่อาจวางใจอะไรได้ เพราะอีกฝ่ายนั้นฉลาดพอที่จะหลอกเขามาได้ตั้งหลายปี ไม่มีอะไรรับประกันว่าการอยู่ในถิ่นของคนแบบนั้นแล้วเขาจะปลอดภัย

     

                ซาสึเกะย่องขึ้นไปที่ชั้นสอง กวาดสายตามองดูรอบๆเพื่อหาห้องต้องสงสัยที่น่าจะเก็บข้อมูลที่เขาต้องการไว้ สายตาคมกริบหยุดอยู่ที่ประตูไม้สีโอ๊ค... ความรู้สึกบางอย่างบอกเขาว่าข้างในนั้นมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่ และก็รวดเร็วเท่าใจคิด ร่างสูงใช้เวลาไม่กี่วินาทีพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องที่ไม่ได้ล็อก ดวงตาสีรัตติกาลมองสิ่งที่อยู่ในห้องด้วยสายตาทึ่งจัด... มันเป็นห้องที่โล่ง... ไม่มีอะไรเลยนอกจากโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์แบบพีซีเปิดทิ้งไว้...

     

    คลิ๊ก!

     

                เสียงขึ้นลำปืนเบาๆทำให้คนกำลังทึ่งใจสะท้านวูบ มือที่สวมถุงมือเตรียมกระชากปืนสั้นที่เหน็บไว้ข้างตัว แต่ก็ยังช้าเกินไป...

     

                “อย่าขยับดีกว่านะครับท่านประธาน... ไม่งั้นผมยิงคุณจริงๆแน่” เสียงทุ้มเรียบของใครคนหนึ่งเอ่ยห้าม พร้อมกับความรู้สึกเหมือนเจ้าของเสียงกำลังเดินอย่างเชื่องช้าเข้ามาใกล้

               

                “รู้ตัวแล้วเหรอครับ... ว่าเป็นผม”

     

                “ผมเองก็ไม่ได้คิดมาก่อน ว่าคนที่ทำงานให้ธนาคารมาตั้งเจ็ดปีอย่างคุณ... จะเป็นสปาย” ซาสึเกะหันหลังกลับไปมองคนใต้บังคับบัญชาด้วยใบหน้าแสนนิ่งแต่เคลือบแฝงไปด้วยความร้ายกาจสมกับเป็นจ้าวแห่งนรก ดวงตาสีรัตติกาลมองตรงไปยังคนที่หันปากกระบอกปืนสั้นออโตเมติกสีดำมะเมื่อมมาทางตน

     

                “คุณทำให้ผมผิดหวังนะครับ... ผู้จัดการคาคาชิ”

     

     

     

     

    ไรต์รู้สึกว่าถ้าตัวเองแต่งให้เกะมันเสร็จเจ๊คารินไป คงจะถูกรีดเดอร์ตามถล่มถึงบ้านแน่ๆ 555 แต่ก็วางใจเถอะค่ะ พ่อเป็ดของเราฉลาดอยู่ (ขอบคุณคุณเพ่ซาโซริซะ=__=) แต่จะพูดว่ารอดก็คงไม่ถูกเพราะสุดท้ายก็ถูกกินอยู่ดี กรี๊ดกร๊าดดด >< เป็นฉากฟินเฟ่อ~ ที่หายไปหลายตอน(แต่ความหื่นยังอยู่ในระดับเดิม) ที่ว่าเกะมันฝันร้ายนั้นคงไม่ใช่เพราะที่ฝันร้ายจริงๆก็คือเจ๊คารินต่างหาก กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนองนะจ๊วบ (ไรต์พิมพ์เอาไว้งั้นแหละ หลอกล่อให้รีดเดอร์เข้าใจผิด อิอิ (หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์แล้วมั้ยล่ะตรู -.,-))

     

    และก็เซอร์ไพรส์จ้า~ อิอิ มีใครเดาว่าคาคาชิจะเป็นตัวร้ายมั้ยเอ่ย? เอิ่ม... ก็คงไม่มีใครเดาหรอกเพราะโผล่มาแว้บๆแค่ตอนเดียว เผื่อใครจำไม่ได้ คาคาชิโผล่มาตอนที่เกะมันประชุมค่ะ (ตอนที่17 แยกกันอยู่) เป็นคนเสนอโครงการเพิ่มดอกเบี้ยสำหรับคนฝากประจำ โนเนมและจืดจางสุดๆ -___-

     

    ไรต์คิดว่าเรื่องนี้น่าจะจบที่ 40ตอน (เดาๆ) แต่ไม่รวมตอนพิเศษนะ ตอนหน้าเป็นฉากปะทะเดือด ความจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผย จะได้รู้กันซักทีว่าอิเป็ดมันทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร (TT_TT) บอกเลยว่าสะเทือนจายยย~

     

    #ช่วงจัดหนักพระเอก-_-

    #หมั่นไส้

    #แต่ตอนนี้น่ารัก(นิดนึง) ให้อภัย~

    #ทำสถิติตอนที่ยาวที่สุด 36 หน้านะครัช

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×