ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #35 : CHAPTER 29 : คืนวิวาห์ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.86K
      157
      5 ก.พ. 58

    บทที่ 29 คืนวิวาห์

     

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าคะพี่นารูโตะ หน้าซีดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

     

                “พี่... ไม่เป็นไรครับ แล้วฮินะจังล่ะ เหนื่อยมั้ย? ยืนรับแขกมาตั้งหลายชั่วโมง แถมยังใส่ชุดน่าอึดอัดนี่อีก เป็นพี่พี่คงหายใจไม่ออก” เขาว่า พยายามจะพูดติดตลกหากแต่ดวงตากลับอ้างว้างว่างเปล่า ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยแม้แต่น้อย

     

    ฮินาตะไม่ได้ตอบคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบนั้น เธอเพียงแต่เอื้อมมือแตะบ่าร่างสูงราวกับต้องการจะปลอบโยน รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเขา... น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าถูกกลืนกลับ...

     

    ในฐานะที่ปรึกษา...

    เธอจะร้องไห้ไม่ได้...

     

    “พี่นารูโตะคะ พี่... มีอะไรอยากจะเล่าให้ฉันฟังมั้ยคะ? ฉัน... ยังเป็นที่ปรึกษาของพี่เหมือนเดิมนะ” เสียงหวานถามออกไปด้วยความเป็นห่วง คนฟังทำเพียงหันหน้ามาส่งยิ้มเศร้าๆให้เธอ

     

                “ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้พี่อยากอยู่คนเดียวมากกว่า” เสียงตอบนั้นช่างเย็นชา... ว้าเหว่...

     

                หญิงสาวมองร่างสูงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น สามีด้วยหัวใจที่แสนปวดร้าว ตลอดทั้งงาน... เขาแทบไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ ความสนใจของเขาอยู่แค่ที่ใบหน้าสวยหวานของหนึ่งในแขกที่มาร่วมงาน

     

    เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้เห็น...

    ใบหน้าของคนที่ทำให้นารูโตะ รักหมดหัวใจ...

     

    เธอคนนั้นเป็นคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหล มีรอยยิ้มที่สดใส และมีดวงตาแสนเศร้า เธอส่งยิ้มยินดียามที่คู่บ่าวสาวไปยืนรับคำอวยพรบนเวที เป็นรอยยิ้มที่จริงใจและไม่เสแสร้ง แต่รอยยิ้มนั่น... คงเปรียบเสมือนมีดคมๆที่กรีดหัวใจคนเป็นเจ้าบ่าว นารูโตะยืนตัวแข็งทื่อราวกับเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลสั่นระริกราวกับกำลังร่ำไห้...

     

    ความเจ็บปวด...

    กำลังจะฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น...

     

                ยิ่งเมื่อเธอเห็นคนข้างกายทำท่าเหมือนจะขาดใจตายอยู่ทุกวินาที เธอก็ยิ่งเจ็บ... งานแต่งงานที่ควรจะมีแต่ความสุขกลับกลายเป็นงานประหารที่นำพาแต่ความเจ็บปวดแสนเศร้า... ร้าวราน...

     

    “เราออกไปข้างนอกกันเถอะครับ เดี๋ยวแขกเหรื่อจะสงสัยว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวพากันหายไปไหนหมด” เสียงทุ้มเอ่ยชวนก่อนจะจูงมือเธอจากห้องพักชั่วคราว มือใหญ่ๆของเขากุมมือเธออยู่ตลอดเวลา แต่มือนั้นกลับไร้ไออุ่น เย็นชืด ประหนึ่งซากศพ...

     

    .

    .

    .

     

                “ฉันจำได้ว่าส่งการ์ดเชิญให้ คนไปนะ ทำไมสุดท้ายถึงมี ลิงมางานได้ล่ะ”

     

                ฮิวงะ เนจิ เอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะกึ่งระอา ดวงตาสีมุกเฉกเช่นเดียวกับน้องสาวมองดูร่างเล็กบางของหญิงสาวเจ้าของดวงตาสีมะฮอกกานีที่ตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารเข้าปากราวกับว่าเธอกำลังแข่งชิงแชมป์สุดยอดนักกินจุ

     

    และทันทีที่ได้ยินประโยค แขวะของชายหนุ่มผู้เป็นถึงรองประธานฮิวงะกรุ๊ป คนที่กำลังมีสมาธิกับการกินก็ตวัดสายตาไม่เป็นมิตรมองตรงไปยังคนปากเสีย ริมฝีปากอิ่มสวยระบายยิ้ม... เป็นรอยยิ้มที่สยดสยอง....  

     

                “อ๋อเหรอยะ~ แล้วเธอเคยถูกลิงถีบหน้าหงายรึเปล่า!?!” เสียงหวานตวาดแว้ดกลับมา “จะมายุ่งกับฉันทำไม ไปไกลๆเลยไป๊ ชิ่วๆ” เธอเอ่ยไล่พร้อมกับโบกไม้โบกมือราวกับว่ากำลังปัดแมลงวันตัวหนึ่ง

     

                ร่างสูงที่เห็นดังนั้นถึงกับเดือดปุดๆ เขานั่งลงตรงข้ามกับร่างเล็กก่อนจะเอ่ยแกมตำหนิ

     

                “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะแม่คุณ ฉันเป็นเจ้านายของเธอนะ ถึงจะอยู่นอกเวลางานก็หัดเกรงใจกันบ้าง และที่สำคัญน่ะฉันเป็น...”

     

                “งั้นก็ไล่ฉันออกซะสิยะ!” อีกฝ่ายสวนขึ้นโดยไม่รอให้เขาพูดจบ ก่อนจะเบ้ปากทำหน้าเบื่อโลกแล้วพูดต่อ

     

    “ฉันล่ะเบื่อจะตายที่วันๆต้องไปเดินตามเจ้านายเจ้าสำอางต้อยๆ แดดก็โดนไม่ได้เดี๋ยวผิวจะเสีย อาหารก็เลื๊อกเลือกต้องออร์แกนิคเท่านั้น ตอนดึกๆมีเรื่องด่วนก็โทรหาไม่ได้เพราะจะรบกวนการนอน โอ๊ย! เรื่องมากขนาดนี้ทำไมไม่ลาออกไปตั้งคลินิกเสริมความงามเลยล่ะยะ! จะมาทำทำไมไอ้สถานีโทรทัศน์เนี่ย”

     

    ถ้อยคำเจ็บแสบถูกพ่นออกมาราวกับกระสุนปืนกล และที่สำคัญกระสุนทุกนัดดัน โดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง เนจิทำท่าจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก เพราะทุกคำที่เจ้าหล่อนพูดมันตรงเผง สุดท้ายคนเจ้าสำอางก็ได้แต่กัดฟันกรอด ในใจได้แต่คาดโทษแม่ตัวดีที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์เขาไปในทางเสียๆหายๆ แต่พอเห็นใบหน้าง้ำงอของอีกฝ่ายเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวอย่างยอมจำนน

     

                “นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ให้เธอทำอะไรแล้วไง”

     

                “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยย่ะ เมื่อก่อนเธอใช้งานฉันหนักอย่างกับทาส นี่ถ้าฉันไม่ทนมือทนเท้าป่านนี้คงป่นไม่เหลือชิ้นดีแล้วล่ะ” หญิงสาวยังคงไม่ลดละ ดวงตาสีมะฮอกกานีมองร่างสูงเจ้าของผมยาวสลวยประหนึ่งอิสตรีอย่างแค้นเคือง

     

                เท็นเท็น ไม่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมีโอกาสได้มานั่งต่อปากต่อคำกับคนเป็นเจ้านายอย่างฮิวงะ เนจิ คุณชายจอมเนี้ยบที่เคร่งกฎระเบียบพอๆกับทหาร เธอทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของเขาปีนี้เป็นปีที่ห้า... แต่ในความคิดของเธอมันยาวนานเหมือนสิบปี...

     

    เนจิเป็นพวกบ้างาน...

    ชอบทรมานลูกน้องเป็นที่หนึ่ง...

     

                และดูเหมือนว่าเขาจะชอบทรมานเธอเป็นพิเศษ...

                เท็นเท็นรู้จักเจ้านายกิตติมศักดิ์ของตนมาตั้งแต่เด็ก เพราะบิดาของเธอทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้สถานีโทรทัศน์ในเครือฮิวงะมาหลายปีดีดัก นอกจากนี้บิดาของเธอกับฮิวงะ ฮิอาชิ ประธานใหญ่ของกลุ่มบริษัทฮิวงะยังมีความสัมพันธ์กันแนบแน่นประหนึ่งพี่น้องคลานตามกันออกมา จึงนำพาให้รุ่นลูกอย่างพวกเธอมาสนิทกันอย่างเสียไม่ได้ แต่จะให้เรียกว่าสนิทกันก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะถึงรุ่นพ่อๆจะเคารพนับถือกันเหมือนพี่น้องอย่างไร สถานะระหว่างทั้งสองก็ยังแตกต่างกันมากอยู่ดี ดังนั้นแทนที่เนจิจะมองว่าเธอเป็นเพื่อน... เขาจึงมองเธอเป็นเพียง เบ๊สารพัดแทน

     

                เนจิในตอนเด็กนิสัยแย่กว่าปัจจุบันมาก เขาเป็นคุณชายนิสัยเสียที่ชอบให้คนมาเอาอกเอาใจ และหน้าที่เอาอกเอาใจนั่นก็ไม่พ้นเบ๊อย่างเธอ เธอต้องตามใจเขา เดินตามเขาต้อยๆเหมือนเป็นคนใช้ เขาชี้นิ้วสั่งอะไรก็ต้องทำเพราะเขาเป็นถึงลูกเจ้านายพ่อ พอโตขึ้นหน่อยก็หวังว่าจะได้เป็นอิสระจากเจ้าคนใจยักษ์ใจมาร แต่เธอก็ดวงตกเพราะจู่ๆก็ได้จับพลัดจับผลูมาเป็นเลขาส่วนตัวของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ อนาคตที่เคยวาดฝันว่าจะได้เป็นโปรดิวเซอร์ระดับโลกเป็นอันต้องพับปิดโครงการไปทันทีที่คุณชายเจ้าสำอางบินกลับจากอเมริกา เพราะเธอได้รับคำสั่งขั้นเด็ดขาดจากบิดาว่าต้องมาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของเนจิ โดยให้เหตุผลชวนฟังว่าเธอคือคนที่ ทนเขาได้ดีที่สุด

     

    ทนได้ดีที่สุด?

    เป็นเหตุผลงี่เง่าที่สุดที่เธอเคยได้ยินมา!   

     

                แต่ก็เพราะไอ้เหตุผลงี่เง่านั่นแหละเธอถึงเหมือนอยู่ในนรกมาตั้งห้าปี ทนให้คนตัวสูงโขกสับสารพัด จะลาออกก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเล่นเอาหน้าที่การงานของพ่อเธอมาขู่ ที่ทำได้ก็มีแต่ต้อง ทน ทน และทนเท่านั้น!

     

                ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องมองคู่กรณีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งย้อนนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ความแค้นในใจมันก็ยิ่งสุมในอก แต่คนถูกแค้นกลับนั่งปั้นหน้านิ่ง แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงถอนหายใจกับความแค้นฝังหุ่นของร่างเล็กตรงหน้าก่อนจะพูด

     

    “ทำไมเธอถึงชอบขุดเรื่องเก่าๆมาพูดนักนะ นั่นมันก็ตั้งนานแล้ว ลืมๆมันไปบ้างก็ได้” เนจิว่า แม้ว่าคำว่า นานของเขามันจะแค่สามเดือนก็เถอะ

     

    “แล้วมันจริงมั้ยล่ะ? ไอ้เนจิบ้า! ไปไกลๆเลย ถ้าจะไม่สนใจฉันก็ไม่สนให้มันตลอดสิ จะมายุ่มย่ามตอแยกับฉันทำไม” หญิงสาวตวาดใส่เสียงดัง แต่คนฟังยังคงนั่งนิ่ง ร่างสูงพิจารณาคำพูดนั้นก่อนจะถึงบางอ้อ ดวงตาสีมุกฉายแววเจ้าเล่ห์

     

    “นี่อย่าบอกนะว่าที่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟน่ะ เป็นเพราะฉันไม่ได้ไปรับเธอมางานด้วย?”

     

    คำถามนั้นทำเอาคนที่นึกสาปแช่งเจ้านายในใจถึงกับสะอึก...

    เท็นเท็นก้มหน้าก้มตาพยายามหาเหตุผลอื่นมาตอบโต้แต่ในหัวกลับขาวโพลนไปหมด หญิงสาวแน่นิ่งไปราวกับกำลังจ่อมจมอยู่กับความคิดของตัวเอง และความนิ่งเงียบของเธอก็เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีว่าเขาเข้าใจถูก

     

    เธอกำลังน้อยใจที่เขาไม่พาเธอมาด้วย...

     

    “ถ้าเป็นเรื่องนั้นคนที่โกรธควรจะเป็นฉันมากกว่า ที่ฉันไม่ได้ไปรับน่ะ...”

     

                “ฮึ!” ร่างบางทำเสียงประชดประชันในลำคอ ไม่ฟังต่อว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างงอนๆ แต่ภาพนั้นกลับทำให้คนมองยิ้มเอ็นดู

     

    “จะมาคุยกับลิงทำไมล่ะ? พูดภาษาลิงรู้เรื่องเหรอ? เธอไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยนะ! ฉันโกรธเธออยู่!!!

     

                “ผู้หญิงงอนน่ะน่ารักนะ แต่พอทอมบอยอย่างเธองอน... บอกตามตรงว่าสยอง” ร่างสูงพูดพลางทำท่าขนลุก แต่ถึงกระนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงหัวเราะร่วนจนคนมองควันออกหู

     

                “เนจิ!!!

     

                “อย่าทำหน้าดุแบบนั้นสิ” เขาเตือนก่อนจะยกมือลูบเรือนผมสีมะฮอกกานีเช่นเดียวกับสีของดวงตาอย่างเบามือ “วันนี้งานมงคลของฮินาตะนะ ที่สำคัญเป็นงานแต่งงานด้วย มาทำหน้าบูดในงานแต่งงานระวังจะไม่มีคู่”

     

                “ถ้า คู่มันไม่ได้เรื่อง ไม่มีซะยังจะดีกว่า!” พูดพลางโยกศีรษะไปทางอื่นเพื่อให้พ้นระยะที่มือของเขาจะเอื้อมถึง ร่างสูงกอดอกมองคนทำประชดอย่างอ่อนใจ ทั้งที่ปกติเมื่อก่อนเธอจะต้องเป็นฝ่ายมาง้องอนตามใจเขาสารพัดแท้ๆ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาคอยตามใจเธอเสียนี่ แต่ก็นะ ฐานะปัจจุบันของคนตรงหน้าเหมือนเมื่อก่อนซะที่ไหน

     

    ตอนนี้เธอเป็นถึง...

     

                “ทะเลาะอะไรกันอีกคะทั้งสองคน”

     

                เสียงใสแจ๋วของเจ้าสาวดังขึ้นพร้อมๆกับเจ้าของเสียงหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆพี่ชาย ฝ่ายคนกำลังงอนพอเห็นกำลังเสริมชั้นดีมานั่งด้วยก็ถือโอกาสฟ้อง

     

    “ฮินะจัง มาก็ดีเลยจ้ะ ช่วยลากตัวพี่ชายของเธอออกไปให้พี่ทีสิ พี่รำคาญจะตายอยู่แล้ว”

     

    พอได้ยินเสียงกระเง้ากระงอดของคนที่เคารพเหมือนเป็นพี่สาว ผู้มาใหม่ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ ในขณะที่เนจิส่ายหน้าอย่างระอากับความขี้ฟ้องของเลขาคนสวย เขาละความสนใจจากคนข้างกายก่อนจะชะโงกหน้ามองหาเจ้าเพื่อนตัวแสบที่ควรจะเดินประกบติดน้องสาวของเขา แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

     

                “นารูโตะล่ะ?”

     

                “เมื่อกี้มีคนที่บริษัทโทรมาน่ะค่ะ ก็เลยขอออกไปรับโทรศัพท์” ฮินาตะตอบพร้อมกับยิ้ม หากแต่คนเป็นพี่กลับรู้สึกเดือดปุดๆ

     

                “นี่งานแต่งมันนะ ยังจะมาบ้าทำงานอีก”

     

                “เหอะ! ว่าแต่เขา ไม่ได้ดูตัวเองเล้ย” เสียงประชดประชันดังมาจากคนที่ยังคงหันหน้าหนีไปทางอื่น

     

                “เท็นเท็น นี่เธอ...”

     

                “พอเลยค่ะพี่เนจิ พี่ก็หาเรื่องแกล้งพี่เท็นเท็นอยู่เรื่อย” คนมาใหม่ดุพี่ชายตัวเองเบาๆ เล่นเอาคนถูกดุหุบปากฉับแทบไม่ทัน ดวงตาสีมุกมองน้องสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวกึ่งน้อยใจ

     

                “เธอเพิ่งมานั่งตรงนี้ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยนะ รู้ได้ไงว่าพี่แกล้ง”

     

                “แค่มองหน้าพี่ฉันก็รู้แล้วค่ะ จะแต่งงานกันแล้วทำไมถึงยังทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้ล่ะคะ” ร่างบางพูดยิ้มๆ ดวงตาคู่สวยมองหน้า ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่แม้จะวางแผนแต่งงานกันเดือนหน้าหลังจากงานแต่งสายฟ้าแลบของเธอ แต่ก็ยังทะเลาะกันแทบทุกวัน ลำบากเธอต้องมาคอยห้ามทัพอยู่เป็นประจำ

     

                “แต่งอะไรจ๊ะฮินะจัง? พี่ไม่แต่งนะกับอีตาเจ้าสำอาง ขี้เอาแต่ใจ ไม่สนใจคนอื่นแบบนี้น่ะ อยากแต่งก็เชิญแต่งไปคนเดียวเลย” เจ้าสาวในอนาคตเอ่ยพลางเชิดหน้าอย่างงอนๆ

     

                “แค่ฉันไม่ได้ไปรับมางานนี่เธอคิดจะโกรธฉันไปถึงชาติหน้าเลยใช่มั้ย?”

     

                “ไม่หรอก” หญิงสาวตอบเสียงหนักแน่น “สิ้นสุดกันแค่ชาตินี้แหละ เพราะชาติหน้ายังไงก็คงไม่ได้เจอกัน!

     

                “โอเค~ เอาเป็นว่าฉันยอมแพ้” เมื่อเห็นว่าเถียงไปยังไงก็แพ้ สุดท้ายก็กลายเป็นฝ่ายเขาที่ยอมลงให้ก่อน ร่างสูงลุกขึ้นยืนค้ำหัวร่างเล็กก่อนจะยื่นมือออกไปให้จับ

     

    “กลับกันเถอะ เกือบสี่ทุ่มแล้ว”

     

                “ไม่กลับ!” ร่างบางปฏิเสธพร้อมกับปัดมือว่าที่สามีออก “ฉันมาเองฉันก็ต้องกลับเองย่ะ และตอนนี้ฉันยังไม่อยากกลับ เพราะฉะนั้น ไม่-กลับ!

     

                “จะทำอะไรก็นึกถึงลูกในท้องบ้างนะ หมอบอกว่าเธอไม่ควรนอนดึก จำไม่ได้รึไง?” ร่างสูงดุเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่เลิกงอแง ดวงตาสีมุกมองที่ท้องแบนราบก็อีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด

     

    “ฉันขอโทษที่ไม่ได้พามางานด้วย ก็ฉันบอกตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าให้เธอพักอยู่ที่บ้าน เธอก็รั้นไม่ฟังอะไรเลย ฉันไม่อยากให้มาเพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้เหนื่อย แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นมาเองจนได้ จะบ้าระห่ำไปถึงไหนกัน”

     

    เหตุผลง่ายๆพร้อมคำตำหนิของคนตัวโตทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเขา ดวงตาคู่สวยวูบสลดลงเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วงของเนจิ ความกรุ่นโกรธที่มีต่อว่าที่สามีหายไปหมด เหลือเพียงความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังทำให้ชุ่มชื่นหัวใจอย่างประหลาด

     

    เขาห้าม...

    เพราะ ห่วงหรอกหรือ?

     

    “ฉันก็คิดว่าเธอ...” เท็นเท็นหยุดคำพูดที่เหลือไปเมื่อเนจิเอื้อมมือโอบไหล่มนอย่างทะนุถนอม เขาประคองให้เธอลุกขึ้นอย่างช้าๆ

     

    “เธอเข้าใจฉันแล้วใช่มั้ย ฉันไม่ได้ไม่สนใจเธอ หรือว่าอายคนอื่นที่จะควงเธอออกงาน... เธอเป็นแม่ของลูกฉันนะเท็นเท็น และฉันก็รับปากแล้วด้วยว่าจะแต่งงานกับเธอ เพราะฉะนั้นเลิกคิดมาก เลิกงอนและก็กลับบ้านกันเถอะ” ร่างสูงว่า ก่อนจะยิ้มอย่างถูกใจเมื่อเห็นใบหน้าของว่าที่ภรรยาแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก

     

    “หึๆ ลิงเขินเป็นด้วยเหรอ?” เขาเอ่ยแซว ดวงตาสีมุกมองคนหน้าแดงที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างล้อเลียน

     

                “มะ...ไม่ได้เขินเลย อย่ามามั่ว!

     

                อีกฝ่ายปฏิเสธเสียงดังพลางสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น เนจิหัวเราะหึๆในลำคอก่อนจะหันมาพูดกับน้องสาวที่ยืนมองยิ้มๆกับฉากหวานเชื่อมเมื่อครู่

     

                “งั้นพี่ไปส่งเท็นเท็นที่บ้านก่อนนะ เสร็จแล้วจะกลับมาช่วยส่งแขก”

     

                “ตามสบายเลยค่ะพี่เนจิ แต่พี่ไม่ต้องวกกลับมาอีกครั้งก็ได้นะคะ เอาเวลาไปดูแลพี่เท็นเท็นเถอะ เดี๋ยวจะรอพี่จนดึกดื่น” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวตั้งใจจะพูดกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ยังคงทำหน้ามุ่ย เธอหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่งสายตาค้อนขวับมาให้

     

                “นี่ฮินาตะ พี่ขอเตือนเลยนะว่าแต่งงานไปแล้วอย่าเพิ่งมีลูกเด็ดขาด ใช้ชีวิตลั้ลลาไปซักปีสองปีก่อน  ไม่งั้นเธอจะเหมือนพี่ อย่างกับมี พ่อ อีกคนคอยคุม” เสียงหวานเน้นคำว่า พ่อหนักๆพร้อมกับหันหน้ามาทางเขา ร่างสูงยิ้มกับท่าทีประชดประชันนั้นก่อนจะเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากคนตัวเล็กเบาๆ

     

                “เธอน่ะไม่ต้องมายุน้องฉันเลย มีลูกเร็วๆก็ดีจะได้มีทันใช้ นี่ก็กะว่าพ้นคนนี้จะปั๊มต่ออีกซักสองสามคนนะ ลูกเราจะได้ไม่เหงา”

     

                “อีตาบ้า! คิดว่าฉันจะให้ความร่วมมือเหรอยะ ฝัน-ไป-เถอะ!” เธอแหวใส่พลางใช้มือตีๆที่แขนคนตัวสูงไม่ยั้ง แต่เนจิก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่ายืนหัวเราะ ด้วยเข้าใจดีว่าอาการแบบนี้แหละที่เค้าเรียกว่า เขิน

     

                “ก็เห็นว่า ให้ความร่วมมือทุกทีไม่เคยปฏิเสธ” พูดออกมาพร้อมกับระบายยิ้มอย่างผู้ชนะ เล่นเอา คนให้ความร่วมมือหน้าแดงแปร๊ดเถียงไม่ออก

     

                “อะ...ไอ้... ไอ้...”

     

                “พูดดีๆนะเท็นเท็น ไอ้อะไร?” เขาถามเสียงเรียบ ดวงตาแสนดุดันจ้องมองคนข้างกายอย่างคาดโทษ

     

                “ไอ้...ไอ้คุณชาย! ฉันเกลียดเธอที่สุด!” เธอตะโกนใส่หน้าเขา แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดอย่างตกใจเมื่อคนถูกเกลียดรั้งเอวบางเข้าไปชิด ดวงตาสองคู่ประสานกันท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนในงาน แล้วคุณชายจอมเนี้ยบก็ทำเซอร์ไพรส์อีกต่อด้วยการจูบว่าที่ภรรยาสุดสวยต่อหน้าแขกเหรื่ออย่างไม่อาย

     

                “แต่ฉันรักเธอนะ แม่ลิงน้อยของฉัน”

     

     

               

    รอบนี้รู้สึกว่าดองนานมากกก ฮ่ะๆๆ ไม่โกรธกันนะ พอดีไรต์ถูกncอิมแพ็ค หมดพลังไปหลายวันจนต้องไปซุ่มอ่านของคนอื่น สร้างอารมณ์ขึ้นมาใหม่ และที่สำคัญมาออกนอกเรื่องนิดนึงตรงคู่เนจิเท็นเท็นที่ทีแรกกะว่าจะไม่เขียน แต่ก็เอาซักนิดซักหน่อย ถือว่าคืนความสุขให้คนจิ้นคู่นี้ ถ้าว่าง... เอ่อ...ว่างมากก็จะแต่งเป็นสเปเชียลมาให้ค่ะว่าสองคนนี้เค้าไปมายังไง ทำไมถึงชิงมีตัวเล็กก่อนชาวบ้านชาวเมือง หุๆ

                และสำหรับตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นnaruhina นะคะ และก็แน่นอนว่าฮินาตะยังคงน่าสงสาร 555 อย่าเพิ่งถีบไรต์ เพราะเดี๋ยวไรต์จะจัดเวทีคืนความสุขให้คนที่ชิพคู่นี้แน่นอน><  

     

                เอ้อ เกือบลืมเลย มีเรื่องจะบอกค่ะ ตอนนี้เด็กดีเปลี่ยนระบบใหม่เพื่อกำจัดการอัพหลอก นั่นคือการแจ้งเตือนมันจะเด้งขึ้นครั้งเดียวตอนเปิดตอนใหม่นะคะ เพราะฉะนั้นถ้าไรต์เขียนเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วเพิ่มเข้ามาในตอนเรื่อยๆมันจะไม่มีการแจ้งเตือนให้ เราต้องเข้ามาดูเอง ระบบนี้ทำมาเพื่อฆ่าไรต์โดยเฉพาะ กระซิกๆT^T ความจริงก็อยากเขียนตอนเดียว 100%นะคะ แต่มันย๊าวยาว ที่สำคัญความตันไม่เข้าใครออกใคร ก๋อโต้ดก๊าบTT_TT

     

     

    70%

     

     

     

                คืนวิวาห์...

     

                เป็นค่ำคืนที่คู่บ่าวสาวควรจะมีความสุข แม้ว่าจะต้องเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอนมากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ความอิ่มเอมทางใจจะเป็นตัวช่วยทำให้ความเหนื่อยล้าเหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะวันวิวาห์... คือวันแห่งความสุข...  

     

    แต่ทว่านั่นไม่ใช่สำหรับคู่ของเธอ...

     

                ฮินาตะมองดูร่างสูงที่ยังคงอยู่ในชุดทักซิโด้เต็มยศด้วยสายตาแสนปวดร้าว... นารูโตะนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกของบ้านซึ่งใช้เป็นเรือนหอของพวกเธอมามากกว่าสองชั่วโมงแล้ว เบื้องหน้าของเขาเต็มไปด้วยขวดสุราที่ว่างเปล่าหลายขวด ในมือก็ยังคงถือแก้วเหล้าที่ยังดื่มไม่หมด ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลลอยคว้าง แม้ไม่มีน้ำใสๆไหลออกมาให้เห็นเป็นหลักฐาน แต่เธอก็รู้ว่าเขาเจ็บปวดใจแค่ไหน...

     

                “พอเถอะค่ะพี่นารูโตะ พี่ดื่มเยอะเกินไปแล้ว” ร่างบางร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะรินสุราใส่แก้วอีกหน เธอหย่อนตัวนั่งข้างๆคนตัวสูง แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีแทบไม่ทันเพราะกลิ่นสุราที่ลอยคละคลุ้งจนฉุนจมูก

     

                “อ้าว ฮินะจัง ยังไม่นอนอีกเหรอครับ ดึกแล้วนะ” ด้านคนที่กำลังร่ำสุราอยู่พอเห็นเจ้าสาวสุดสวยที่บัดนี้อยู่ในชุดนอนลายหมีพูห์แสนน่ารักเดินเข้ามานั่งข้างๆ ก็ร้องทักขึ้น เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายนั่งได้สะดวก

     

                “พี่ดื่มมาสองชั่วโมงแล้วนะคะ ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนเถอะค่ะ จะตีสามแล้ว”

     

                ถ้อยคำนั้นดูเหมือนจะแสลงหูคนฟังอยู่ไม่น้อย นารูโตะระบายยิ้มเหยียดอย่างสมเพชก่อนจะยกสุราดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

     

                “เหอะๆ นอน? พี่นอนไม่หลับหรอกครับ ดูสิ ขนาดกินเหล้ามาตั้งนานแล้ว พี่ยังไม่เมาเลย” พูดจบก็รินเหล้าใส่แก้วใหม่แล้วยกดื่มอีกหนจนคนมองร้องห้ามแทบไม่ทัน

     

                “พอเถอะค่ะ!” เธอห้ามเสียงดังพร้อมกับยั้งมือเขาเอาไว้ไม่ให้ยกแก้วดื่มต่อ “ดื่มเยอะแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นตับแข็งตายกันพอดี”

     

                “ตายไปเลยก็ดีน่ะสิครับ!” ร่างสูงว่าพลางสะบัดมือคนตัวเล็กทิ้งอย่างไม่ไยดี “พี่อยากตายจะตายอยู่แล้ว อย่างน้อย... มันก็ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานแบบนี้”

     

                น้ำเสียงแสนเจ็บปวดของเขาทำให้คนฟังสะท้านในใจ...

                ฮินาตะได้แต่มองหน้าชายที่ตนรักอย่างขมขื่น ถ้าทำได้... เธอก็อยากจะช่วยให้เขาสมหวังกับคนที่เขารัก อยากช่วยให้เขามีความสุข ไม่ต้องมาทุกข์ตรมขมขื่นอยู่กับเธอ การแต่งงานที่ผิดพลาดแบบนี้... ไม่ควรจะเกิด...   

     

    แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่คิด...

     

                นารูโตะเป็นสุภาพบุรุษเกินกว่าที่จะปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยจอมเจ้าชู้ที่มีอะไรกับผู้หญิงมานับครั้งไม่ถ้วน หากแต่ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดและเกิดจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวแบบที่เขามีกับเธอ...

     

    ผู้เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท...

    และเป็นคน... ที่เขาไว้ใจที่สุด...

               

    ดวงตาสีมุกมองคนที่ยังคงพร่ำพรรณนาอาลัยอาวรณ์ถึงผู้เป็นรักแรก ถ้อยคำแสนคมเหล่านั่นกรีดหัวใจของเธอจนเป็นแผลเหวอะหวะ แต่เธอก็ไม่อาจลุกหนีโดยทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแบบนี้ได้ สุดท้ายเธอก็ต้องนั่งฟัง... ปล่อยให้เขาระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ทำหน้าที่ที่ปรึกษา... ให้ดีที่สุด...

     

                “คนที่พี่รักไปรักคนที่พี่ไม่มีทางสู้ คนที่ไม่ว่าพี่จะไล่ตามยังไงก็ไม่เคยทัน คนที่ชนะพี่ทุกอย่าง...”

     

                “...”

     

                “พี่มันคนอ่อนแอ พี่มันห่วย พี่มันไม่ดีพอ เค้าถึงได้เลือกมันแทนที่จะเป็นพี่!” ร่างสูงปรามาสตัวเอง “พี่มันซื่อบื้อ มีเวลาตั้งนาน แต่ก็โง่มัวแต่เล่นตัว อ้อ... ไม่สิ... ถึงมันจะมาทีหลัง แต่สู้กันยังไงสุดท้ายพี่ก็แพ้อยู่ดี พี่เอาชนะคนอย่างมันไม่ได้หรอก พี่มัน... ไอ้ขี้แพ้ ขี้ขลาด...

     

    ขี้ขลาด?

     

    “น้อง เป็นอะไรรึเปล่า ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย?”

     

    คำพูดในอดีตที่เขาในวัยเด็กเคยพูดกับเธอที่นั่งร้องไห้ลอยเข้ามาในหัว มันเป็นถ้อยคำปลอบโยนเธอที่กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น น้ำเสียงของเขาช่างอบอุ่น...

     

    ไม่หรอกค่ะพี่นารูโตะ พี่ไม่ได้ขี้ขลาดเลย พี่กล้าหาญ... กล้าหาญมากๆ

     

                ฮินาตะได้แต่ค้านอยู่ในใจ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบอกเขาถึงความทรงจำเมื่อครั้งเยาว์วัยที่เขาลืมเลือนไปแล้ว คำปลอบของเธอไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ... ต่อให้เธอฝืนพูดมันออกไปเขาก็คงไม่ได้ยิน เพราะคนที่ไม่ใช่... ต่อให้อยู่ใกล้แค่ไหน ก็มีค่าเป็นเพียงละอองฝุ่น...

     

                “พอซักทีเถอะค่ะพี่นารูโตะ!” ร่างบางตวาดเสียงดังเมื่อเห็นเขารินเครื่องดื่มรสร้อนแรงใส่แก้วอีกหน มือเรียวเล็กฉกฉวยขวดสุรามากอดไว้กับตัว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฉุนกึกทำให้สมองของเธอเบลอไปชั่วขณะ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังถือมันเอาไว้ ดวงตาสีมุกสบกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่กำลังวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ

     

                “เอาคืนมานะครับ!

     

                “ไม่ค่ะ!” เธอตอบเสียงหนักแน่น

     

                “อย่าดื้อกับพี่นะ!” ร่างสูงตวาด “พี่บอกให้เอาคืนมา!!!

     

                พูดจบคนตัวสูงก็โถมเข้าใส่ราวกับคนเสียสติ ฮินาตะเบี่ยงตัวหลบเป็นพัลวัน มือเรียวเล็กกอดขวดสุราไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ในขณะที่นารูโตะก็ไม่ยอมแพ้ พยายามแย่งขวดแก้วทรงสูงจากมืออีกฝ่าย การยื้อแย่งสิ้นสุดลงเมื่อร่างสูงเป็นฝ่ายชนะ เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่โกรธจัดก่อนจะเริ่มรินเหล้าใส่แก้วใหม่

     

                “กลับไปนอนที่ห้องได้แล้ว พี่อยากอยู่คนเดียว” เสียงสั่งนั้นห้วนสั้นจนคนฟังน้ำตาตกใน ความอ่อนโยนของเขาหายไปหมดเหลือเพียงความแข็งกระด้าง

     

                บรรยากาศที่คุกรุ่นกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง...

                ฮินาตะมองภาพชายที่รักอย่างเจ็บปวด เขาไม่รู้เลยหรือว่ายิ่งเขาเจ็บมากเท่าไร ใจเธอก็เจ็บมากเท่านั้น ยิ่งเขาแสดงออกเหมือนว่ากำลังจะขาดใจตาย... เธอก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว...

    ร่างบางเม้มกัดริมฝีปากบนจนเจ็บ สะกดกลั้นความเสียใจไว้ชั่วขณะ

     

    เธอไม่อยากเห็นเขาทำร้ายตัวเองอีกแล้ว...

     

    เพียะ!

     

                มือเรียวเล็กวาดตบเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวโตเต็มแรงหวังเตือนสติ นารูโตะหน้าหันไปอีกทางพร้อมกับความรู้สึกมึนงง อาการพร่ำเพ้อหยุดชะงักลงทันทีเมื่อความเจ็บปวดบริเวณใบหน้าแล่นปราดขึ้นมา

                           

    “ทำอะไรของเธอ!?!” ร่างสูงตะคอกเสียงดัง ใบหน้าชาไปครึ่งแถบ

     

    “แล้วพี่ล่ะคะ กำลังทำอะไร!?!” เสียงหวานถามกลับทั้งน้ำตา หากแต่คนฟังกลับมองไม่เห็น “ถึงพี่จะกินเหล้าให้ตายเค้าก็ไม่กลับมา พี่จะทรมานตัวเองไปทำไมคะ”

     

    “หยุดพูดนะฮินาตะ...” คนถูกตบกดตะคอกเสียงต่ำ ไม่อยากได้ยินถ้อยคำแสลงหู หากแต่ร่างบางยังไม่ลดละ กลั้นใจพูดต่อแม้จะรู้ว่ามันทำร้ายจิตใจเขา

     

    “พี่มันคนขี้ขลาด ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า... จมอยู่แต่กับอดีต เฝ้าฝันว่ามันจะกลับมาแก้ไขได้ ทั้งที่มันทำอะไรไม่ได้แล้ว!

     

    “พี่บอกให้หยุดพูดไง!!!” เขาตวาดราวกับยอมรับความจริงไม่ได้ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลหลุบต่ำ... ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าต่อให้เขาสังเวยชีวิตตัวเองไปเธอก็ไม่มีวันกลับมาหา เขารู้ทุกอย่าง...

     

    แต่ก็แค่...

    ทำใจไม่ได้...

     

    “ก็ได้ค่ะ! ถ้าพี่อยากกินพี่ก็กินไปเลย กินให้ตาย เผื่อว่าเธอจะได้เห็นใจกลับมารักพี่” ร่างบางพูดพร้อมกับลุกเดินไปหยิบแก้วจากครัว เธอเดินกระแทกเท้ากลับมาก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเขา มือเล็กคว้าขวดเหล้าเทสุราดีกรีสูงใส่แก้ว นารูโตะที่เริ่มได้สติมองภาพนั้นอย่างตกใจ

    ถ้าเขาจำไม่ผิด  ฮินาตะเป็นพวกคออ่อน...

     

                “นั่นเธอจะทำอะไร!?!

     

                “คนอกหัก... ต้องกินเหล้าไม่ใช่เหรอคะ? ฉันก็จะกินบ้างไง ทำอย่างที่คนอกหักควรจะทำ” พูดจบก็กระดกของเหลวสีอำพันขึ้นดื่มแบบรวดเดียวหมดแก้ว ทันทีที่ของเหลวรสเข้มไหลลงคอ คนที่แทบไม่แตะเครื่องดื่มมึนเมาก็เกิดอาการร้อนวาบทั้งตัว ตับไตไส้พุงเหมือนถูกเผาเป็นจุลด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้มข้น สมองเบลอไปหมดเพราะร่างกายไวต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์เป็นทุนเดิม ร่างบางนั่งโงนเงนมึนงงอยู่สักพักก่อนจะตั้งต้นรินสุราแก้วถัดไป

     

                “หยุดนะฮินาตะ!!!” พูดพร้อมกับกระชากแก้วเหล้าออกจากมือเรียวเล็ก “เธอดื่มไม่ได้ไม่ใช่รึไง!?!

     

    ทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มตวาด เจ้าของดวงตาสีมุกตวัดดวงตาที่แดงก่ำหันมามองเขาก่อนจะกระชากเสียงถาม

     

                “ทำไมคะ!?! ทำไมฉันจะดื่มไม่ได้? ทีพี่ยังนั่งดื่มรำลึกความหลังอยู่ได้ตั้งสองชั่วโมง ทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้!

     

                บัดนี้ความเสียใจดูเหมือนจะย้อมกลบความอ่อนโยนของเธอไปจนหมด น้ำเสียงที่แข็งกระด้างนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยใช้กับใครมาก่อน ฮินาตะยังคงไม่ละความพยายามแม้ว่าแก้วจะถูกแย่งไป หญิงสาวยกสุราขึ้นดื่มทั้งขวดเล่นเอาคนห้ามถึงกับอ้าปากค้างกับความบ้าบิ่นของคนตรงหน้า

     

                “แค่กๆ!” เธอสำลักออกมา น้ำหูน้ำตาไหลพรากอย่างหน้าเวทนา ใบหน้าขาวนวลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด

     

                “พี่บอกให้หยุด!” ร่างสูงร้องห้ามก่อนจะโน้มตัวจับไหล่บางแล้วเขย่าแรงๆเตือนสติ คนถูกเขย่าตัวหัวสั่นหัวคลอนแต่ถึงกระนั้นก็ยังกำขวดสุราไว้แน่น

     

    “วางขวดเหล้าลงนะ! นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วรึไง!?!

     

    แต่พูดสั่งได้แค่นั้นนารูโตะก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นใบหน้านวลเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา...

     

    เธอ...กำลังร้องไห้?

     

                “ค่ะ ฉันมันบ้า ฉันบ้า! ทั้งบ้า! ทั้งโง่!...” คนตัวเล็กว่าพลางยกมือปัดๆมือเขาออก แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้หญิงสาวทำได้เพียงสะกิดที่มือแกร่งเท่านั้น

     

    “ปล่อยฉันนะคะพี่นารูโตะ...”

     

                “...”

     

                “ฉันจะดื่ม ดื่มให้มันลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของฉัน! ดื่มให้ลืมความรู้สึกดีใจ... ที่ได้เป็นเจ้าสาวของพี่...

     

                “!!!

     

    ดีใจ...ที่ได้เป็นเจ้าสาว?

     

                ถ้อยคำอันน่าตกใจนั้นทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม ดวงตายังคงจับจ้องที่ร่างแบบบางที่ตอนนี้ดูเหมือนสติจะหลุดลอยไปไกลเพราะฤทธิ์สุรา ฮินาตะยกแขนปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างลวกๆจนชุดนอนลายหมีพูห์ของเธอเปรอะเปื้อนไปหมด

     

                “ฉันรู้ค่ะว่าพี่ไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับฉัน งานแต่งงานครั้งนี้มันฝืนใจพี่ มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพี่ มันเป็นอุปสรรค ที่ทำให้พี่กลับไปรอคนรักคนแรกของพี่ไม่ได้ แต่ฉันก็ยังดีใจ ที่สุดท้าย... เราก็ได้แต่งงานกัน”

     

    เสียงหวานยังคงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำในใจที่เธอไม่มีวันพูดแน่หากสติยังครบสมบูรณ์ เป็นครั้งแรกที่เธอระบายความในใจให้เขาฟัง ร่างสูงนั่งนิ่ง ฟังความในใจของอีกฝ่ายอย่างเหม่อลอย ถ้อยคำเหล่านั้นดังกระทบโสตประสาทของคนที่เฝ้ามองหาแต่ความรักที่หลุดลอย เอื้อมมือไขว่คว้าทั้งที่รู้ว่าสุดจะยื้อ มองไปข้างหน้าจนลืมเหลียวหลังดูคนที่ยืนอยู่ข้างกายมาโดยตลอด...

     

    หัวใจของเขา...

    ราวกับกำลังถูกกรีดซ้ำ...

     

                “ฉันเห็นแก่ตัวใช่มั้ยคะ? ฉันเกลียดตัวเองที่ดีใจทั้งที่พี่กำลังทุกข์เจียนตาย ฉันเกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้! ฮึก... ฉันอิจฉาเธอคนนั้นที่เธอได้รับความรักจากพี่ ความรัก... ที่ฉันไม่มีวันได้”

     

    พูดจบก็กระดกดื่มอีกอึกเพื่อความสาแก่ใจ สมเพชตัวเองยิ่งนักที่รักเขาข้างเดียวมาโดยตลอด ครั้นจะสารภาพความรู้สึกไปก็กลัวว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่จะถูกตัดฉับ ที่ทำได้จึงมีแค่เฝ้าเมียงมองเขาอยู่ในตำแหน่งที่ไกลจากใจ เป็นเพียงที่ปรึกษาที่มีหน้าที่หอบรับเอาความเจ็บช้ำของเขามาแบกไว้

     

    น่าสมเพชเหลือเกิน...

     

                “พอเถอะครับ ไม่ต้องดื่มแล้ว” เขาว่าเสียงอ่อนลง ในใจรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาอย่างประหลาด ร่างสูงลุกขึ้นไปยืนข้างๆคนเมาก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่พื้นแล้วแย่งขวดสุราจากมือเล็ก

     

                “ฉันมันคนอกหักนี่คะ คนอกหัก... ก็ต้องดื่มเหล้า ต้องเมา ถ้าไม่เมาจะเจ็บ...” เสียงหวานพร่ำพรรณนาทั้งที่สติของเธอถูกน้ำเมาครอบงำจนหมด หยดน้ำใสๆยังคงไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย

     

    “ฉันว่าตอนนี้ฉันคงเมาแล้วล่ะค่ะ แต่ทำไม... ฮึก... ทำไมฉันยังรู้สึกเจ็บอยู่ล่ะ?”

     

    คำถามนั้นช่างหาคำตอบได้ยากเย็นเหลือเกิน ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาเป็นภาพที่ทำให้เขาร้าวรานเสียยิ่งกว่าอะไร

     

                “พี่ขอโทษ... พี่ขอโทษนะ” ร่างสูงพร่ำขอโทษพร้อมกับดึงคนที่กำลังร้องไห้เข้ามากอด สองมือแข็งแกร่งโอบคนตัวเล็กกว่าไว้แน่น นารูโตะคิดคำพูดต่อไปไม่ออก หัวใจชาหนึบ...

     

    เธอมีใจให้เขาหรือ?

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน ทำไมเขาไม่รู้?

     

                คำตอบของคำถามเหล่านั้นอาจทำให้หัวใจของเขาเป็นแผลช้ำยิ่งกว่าเดิม ถ้าเผื่อว่าความรักของอีกฝ่ายมันก่อตัวมานานแล้วล่ะเขาจะทำอย่างไร? ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านเขาไม่เคยมองเธอในฐานะอื่นเลยนอกจากน้องสาวของเพื่อนสนิทที่เข้าใจเขาที่สุด เข้าใจ... แบบที่ไม่มีใครในโลกสามารถทำได้...

    เขาเชื่อมั่นว่าหัวใจของเธอนั้นแข็งแกร่ง...เชื่อว่าหัวใจดวงน้อยนั้นจะไม่มีวันแพ้... เชื่อว่า...

     

    ฮิวงะ ฮินาตะ...

    เด็กหญิงตัวเล็กเมื่อสิบเก้าปีก่อน...

    จะไม่มีทางมาหลงรักคนอย่างเขาแน่นอน...   

     

                “ฉันรักพี่นะคะ... พี่นารูโตะ”

     

     

     

                ในที่สุด! บักโตะของเราก็ได้รู้ความในใจซักที ซึ้งT.T ต่อจากนี้จะได้แฮปปี้ซักทีนะฮินะจัง~

    อ่านคอมเม้นท์ดูเห็นทวงsasusaku มาเยอะกันเหลือเกิน ฮ่ะๆๆ ใจเย็นๆค่ะ อีก 30%ที่เหลือเป็นของคู่นี้แน่นอน แต่... บทลงโทษเหรอ? ไม่อยากสปอยล์เลยแต่ให้ทำใจไว้ก่อนว่าอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด ช่วงนี้ไรต์ยังไม่อยากทรมานนางเอกมากเพราะเส้นทางต่อจากนี้มันลำบาก อาจจะเจ็บกันเจียนตายเลยทีเดียว ตอนนี้อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไปก่อน ฮุๆๆ เตือนเอาไว้ก่อนนะคะสำหรับคนที่อยากสมัครเข้าลัทธิหมั่นไส้+แอนตี้+เกลียด เหล่าพระเอกทั้งหลาย สมัครกันให้ไวให้เร็วแล้วเตรียมมาม่าสาดใส่หน้ามันเลย (ปานนั้น?) จุดเริ่มต้นของความปวดตับอยู่ที่ตอนหน้าค่ะ แอบเตือนให้สะเทือนขวัญ อิอิ ><

    100%

     

     

                เข็มสั้นของนาฬิกาเลยเลขห้ามาเล็กน้อย...

    บ่งบอกว่าเข้าสู่วันใหม่มาได้หลายชั่วโมงแล้ว และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าท้องฟ้าก็จะถูกย้อมด้วยแสงตะวัน หลายชีวิตกำลังจะตื่นจากการหลับใหล

    หากแต่ใครบางคน...

    ยังไม่ได้หลับเลยสักงีบ...

      

     ร่างบางเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนชั้นสองของบ้านทรงยุโรปที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสว มือเล็กถือโทรศัพท์ติดตัวไว้ตลอดหวังว่าใครคนหนึ่งที่กำลังรออย่างใจจดใจจ่อจะโทรหาหรือส่งข้อความมาแจ้งความเป็นไปให้รู้ หลังจากที่เธอเพียรโทรเพียรส่งข้อความหาอีกฝ่ายตั้งแต่ช่วงสามทุ่มที่ถูกพาตัวกลับมาที่บ้าน จนเวลานี้ก็ผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าก็ไร้วี่แววของเขา เขายังไม่กลับ... ไม่สามารถติดต่อได้... ไม่มีการแจ้งข่าว...

     

    ความรู้สึกเป็นห่วงมีมากขึ้นตามลำดับ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จิตใจของเธอก็ยิ่งกระวนกระวาย ทั้งกังวลว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรือเปล่า? มีใครมาทำร้ายเขา? หรือว่าเขาจะโกรธจนไม่อยากจะเห็นหน้าเธออีกแล้ว?

     

    ความคิดด้านลบตีกันในหัวมั่วไปหมดผสมผสานกับความกลัวที่เริ่มเกาะกุมหัวใจ ซากุระคิดว่าตัวเองคงจะขาดใจตายเพราะความเป็นห่วงแน่ๆถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นร่างสูงที่เพิ่งเปิดประตูเข้าบ้านมาเสียก่อน ซาสึเกะเดินโงนเงนขึ้นมาบนชั้นสองเหมือนคนเมา และทันทีที่สบตากับเขา เธอก็ต้องชาวาบไปทั้งตัว...

     

    ดวงตาของเขา...

    ว่างเปล่า...

     

                “คุณซาสึเกะ...” เสียงหวานพึมพำชื่อของชายคนรัก ริมฝีปากบางระบายยิ้มพร้อมกับถอนหายใจโล่งอก เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าที่แสนคิดถึง... จิตใจที่แห้งเหี่ยวมาหลายชั่วโมงของเธอก็ชุ่มชื่นราวกับต้องสายฝน

     

                “คุณไปอยู่ที่ไหนมาคะ ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์?  รู้มั้ยคะว่าฉันเป็นห่วง” เธอละล่ำละลักถามพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวโต แต่ทว่าก็ต้องหยุดเท้าไว้เมื่อเห็นอีกฝ่ายถอยห่างออกไปอย่างรังเกียจ นัยน์ตาของเขาวาววับไปด้วยความโกรธเหลือประมาณ

     

                “ถอยไป ฉันเหนื่อย จะอาบน้ำ” เขาบอกเสียงห้วนสั้นก่อนจะเดินเลี่ยงหลบเธอไป แต่เพียงแค่ร่างสูงเดินผ่าน เธอก็ได้กลิ่นสุราฉุนกึกโชยมาตามลม ร่างบางเดินไปดักหน้าเขาอีกหน ดวงตาสีมรกตมองใบหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์สุราอย่างกังวล

     

                “นี่คุณ... ดื่มมาเหรอคะ?”

     

                “เรื่องของฉัน ถอยไป”

     

                “คุณซาสึเกะ...” เรียกเขาเสียงพร่าพร้อมกับเอื้อมมือแตะที่แขนเบาๆ แต่มันกลับถูกปัดออกอย่างไม่ไยดี ร่างสูงตวัดตาคมมองเธอก่อนจะตวาดเสียงดัง

     

                 “อย่าเอามือสกปรกของเธอมาแตะต้องตัวฉัน!

     

                เพียงแค่ได้ยินถ้อยคำร้ายกาจเหมือนยามแรกพบนั่น แข้งขาของเธอก็อ่อนเปลี้ยหมดแรง หัวใจราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และเขาก็ขยี้มันให้แหลกเละกว่าเดิมด้วยประโยคถัดมา

     

                “กลับลงไปนอนข้างล่างซะ และอย่าเสนอหน้าขึ้นมาบนนี้อีกถ้าฉันไม่ได้สั่ง!

    ตวาดเสร็จก็ผลักเธอให้พ้นทาง คนตัวเล็กเซถลาแทบจะล้ม หากแต่เมื่อเห็นแผ่นหลังไหววูบของอีกฝ่าย หัวใจก็ผลักให้ขาทั้งสองข้างก้าวไปข้างหน้า

     

    เธอรู้ว่าถ้าปล่อยเขาไปตอนนี้...

    เขาจะไม่กลับมา...

     

    มือเล็กโอบตวัดรอบเอวคนตัวสูงเหมือนอย่างที่เคยทำเวลาเขาโกรธ แม้ครั้งนี้ความโกรธนั้นจะรุนแรงมากกว่าที่ผ่านๆมา แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้ในตอนนี้

     

    ครั้งนี้เธอเป็นคนผิด...

    สมควรถูกโกรธ...

     

                “ฉันขอโทษ...”

     

                “ปล่อยฉัน” เขาว่าเสียงเย็นเยียบ พยายามแกะมือของเธอออก

     

                “ไม่ค่ะ” ร่างบางปฏิเสธเสียงหนักแน่น สองมือยังคงโอบกอดเขาไม่ยอมปล่อย “ฉันจะไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะหายโกรธ”

     

                “เธออยากเจ็บตัวนักใช่มั้ย? ฉันบอกให้ปล่อย!” เสียงตะคอกรุนแรงพร้อมกับแรงสะบัดอย่างรังเกียจทำเอาหญิงสาวน้ำตาร่วงซึม แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ซ้ำยังกระชับกอดแน่นกว่าเดิม

     

                “ฉันไม่ปล่อยหรอกค่ะ...” เธอพูดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ใบหน้างามซุกซบไปที่แผ่นหลังกว้าง รั้งคนตัวโตเอาไว้สุดกำลัง  

     

    “ฮึก... ถ้าฉันปล่อยคุณไปตอนนี้... แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ กว่าฉันจะได้กอดคุณอีก”

     

                “...”

     

                “ฉันไม่อยากนอนคนเดียว... ฉันชิน... กับการที่มีคุณอยู่ข้างๆ”

     

                “...”

     

    “อย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว...”

     

                เสียงสะอื้นไห้ของคนตัวเล็กทำให้คนกำลังโกรธใจอ่อนยวบ เขาไม่ได้เห็นเธอร้องไห้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ทำไม...เสียงของเธอมันบาดหัวใจขนาดนี้? เขาชอบเวลาได้ยินเสียงหัวเราะของเธอมากกว่า เสียงของเธอเพราะ... มันเพราะกว่านี้หลายเท่า...

     

    นี่เขา...

    ทำให้เธอร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม?

     

    ทิฐิในใจค่อยคลายลง วางเหตุผลแห่งความโกรธเกรี้ยวทิ้งไว้แล้วใช้หัวใจพิจารณาดูแทน

     

    ถึงอย่างไรก็โกรธไม่ลง...

     

     

                “ให้อภัยฉันนะคะ”

     

                “ปล่อยฉันได้แล้ว” ร่างสูงว่า น้ำเสียงดูอ่อนลง ไม่มีท่าทีขัดขืนรุนแรงเหมือนเมื่อครู่

     

    “ไม่ค่ะ...”

     

    “ถ้าเธอไม่ปล่อยแล้วเราจะคุยกันยังไง”

     

    กระแสเสียงที่เจือไปด้วยความอบอุ่นกลับมาแล้ว...

    หญิงสาวยอมคลายอ้อมแขนแต่โดยดี แต่ถึงกระนั้นมือเล็กก็ยังคงจับชายเสื้อเขาไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับว่าถ้าปล่อยแล้วเขาจะหายวับไปกับอากาศ ซาสึเกะพลิกตัวกลับมาหาคนขี้แยแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องรู้สึกจุกไปถึงอกเมื่อร่างแบบบางโถมตัวกอดเขาแน่น

     

    “คุณอย่าโกรธเลยนะคะ” เธอพูดพร้อมกับซุกๆใบหน้าไปที่แผ่นอกกว้าง ร่างสูงยิ้มเอ็นดูก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเบาๆ

     

    “ไม่โกรธแล้ว”

     

    “ฮึก... จริงๆนะ”

     

    “อืม... แต่ปล่อยก่อนได้มั้ย ฉันหายใจไม่ออก” เสียงกลั้วหัวเราะยืนยันว่าเขาหายโกรธจริงๆทำให้เธอยอมคลายอ้อมแขนออก แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นเพราะใบหน้าหวานยังคงซุกซบอยู่ที่อกของเขาจนเสื้อเชิ้ตสีขาวมีรอยเปียกเป็นวงกว้าง

     

                “อย่าทำแบบนี้อีกนะ” เขาตำหนิเสียงอ่อน ไล้มือไปทั่วใบหน้านวลเพื่อเช็ดน้ำตา “เธอไม่ใช่ของโชว์ของใคร เธอคือสิ่งมีค่าสำหรับฉัน ฉันไม่อยากให้ใครมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น”

     

                “ฉันขอโทษ...” ซากุระพึมพำเสียงแผ่ว รู้ว่างานนี้ตัวเองผิดเต็มประตูที่ไม่เชื่อคำทัดทานของเขา มิหนำซ้ำยังทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่ไร้เหตุผล

    ร่างสูงทอดสายตามองคนกำลังสำนึกผิด เขาถอนหายใจก่อนจะพูด   

     

                “เธอโกรธฉันเหรอที่ฉันตะคอกใส่เธอในงาน”

     

                “เปล่าค่ะ...” ปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ “ฉันเข้าใจว่าคุณต้องทำแบบนั้นเพื่อภาพลักษณ์ของคุณเอง คุณจำเป็นต้องปกปิดความสัมพันธ์ของเราเพื่อธุรกิจของคุณ”

     

                “ถ้างั้นแล้วทำไมต้องประชดฉัน เธอทำฉันโกรธมากเลยรู้มั้ย”

     

                “ฉัน... ไม่ได้จะประชดค่ะ แต่... ถูกลากไปแต่งตัว” เสียงหวานยังคงปฏิเสธ ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นเหมือนคนกำลังสารภาพบาป

     

    “พี่นีน่าเขาโกรธที่เห็นฉันแต่งตัวบ้านๆ เขาคิดว่าคุณมองฉันเป็นของตายก็เลยไม่สนใจว่าฉันจะแต่งตัวยังไง แถมคุณ... ยังควงผู้หญิงคนอื่นมาด้วย เค้าก็เลย... พาฉันไปแต่งตัวใหม่”

     

                คำอธิบายกึ่งแก้ตัวกลายๆทำให้คนตัวสูงพาลหงุดหงิดใส่บุคคลที่สามที่ถูกกล่าวถึง หมายมั่นปั้นมือว่าจะตามไปจัดการให้ถึงพริกถึงขิงกันเลยทีเดียวข้อหาที่บังอาจมาแปลงโฉมภรรยาสุดสวยของเขาให้กลายเป็นนางฟ้าแสนยั่วยวน

     

                “แล้วเธอก็ให้ความร่วมมืองั้นสิ?”

     

                “ก็... ฉันไม่รู้จะปฏิเสธยังไงนี่คะ” เสียงใสตอบแผ่วๆ ไม่กล้าบอกไปตามตรงว่าสาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะเขาให้ความสนใจหญิงสาวสุดเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์คนนั้นจนออกนอกหน้าแถมยังตวาดใส่เธอต่อหน้าอีกฝ่ายอีกต่างหาก

     

    เธอก็แค่...

    หึง...

     

    คำแก้ตัวนั้นฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยในความคิดของคนตัวโต มีหรือที่คนอย่างอุจิวะ ซาสึเกะ จะไม่รู้ว่าเจ้าของใบหน้าซื่อๆนั่นกำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูด

     

                “หึๆ จริงๆแล้วเธอหึงฉันใช่มั้ย? ก็เลยแต่งตัวเอ็กซ์ขนาดนั้นเพื่อยั่วให้ฉันหึงบ้าง”

     

                “ปละ...เปล่านะคะ!” ร่างบางปฏิเสธเป็นพัลวัน ใบหน้าแดงขัดเขินเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา

     

    “ถ้าจะยั่วให้ฉันหึงล่ะก็ ขอบอกเลยว่ามันได้ผลมาก! ฉันหึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว” เขาพูดต่อก่อนจะชิงหอมแก้มนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว

     

                “กะ...ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่ได้หึง ฉันจะไปมีสิทธิ์หึงหวงอะไรคุณได้... อื๊อ...”

     

    ก่อนที่ริมฝีปากบางจะทันได้เอื้อนเอ่ยคำพูดน้อยใจออกมา ร่างสูงก็ประทับริมฝีปากลงไปคล้ายจะย้ำเตือนให้คนตรงหน้ารู้ถึงสถานะของตน

     

    “เธอมีสิทธิ์... มีสิทธิ์ให้ตัวฉันทุกอย่างอย่างที่เมียคนหนึ่งควรจะมี หึงได้ หวงได้ แต่อย่าประชดแบบวันนี้ ฉันไม่ชอบ”

     

                “...”

     

                “เมียฉัน... ฉันควรมองได้คนเดียว อะไรที่ฉันเคยเห็น เคยสัมผัส... คนอื่นจะแตะต้องไม่ได้ ฉันหวง” เน้นชัดคำว่า หวงด้วยแรงกอดที่มากขึ้นจนเธอสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วและรุนแรงของอีกฝ่าย

     

    ร่างบางระบายยิ้มทั้งน้ำตา...

    การโกรธกันครั้งนี้แม้เพียงชั่วคราวกลับทำให้เธอรู้ซึ้งแล้วว่าเธอรักเขามากเพียงใด ความสัมพันธ์ที่พัฒนาก่อตัวขึ้นมาแม้ไม่นานหากแต่ก็แนบแน่นจนเธอจินตนาการไม่ออกว่าถ้าวันใดวันหนึ่งต้องแยกจากเขาไป... เธอจะอยู่อย่างไร?

     

    แค่คิดก็กลัวจับจิต...

    ได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้มีวันนั้นเลย...

     

                “แล้วเจ้าของสูทนั่นน่ะใคร เธอรู้จักมันรึเปล่า?”

     

    ร่างสูงถามเสียงขุ่นเขียวหลังจากปล่อยให้เธอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่พักหนึ่ง รู้สึกเดือดปุดๆขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงภาพของชายหนุ่มผมแดงที่บังอาจมาคุยฉอเลาะกับภรรยาของเขาราวกับสนิทสนมกันมาแต่ชาติปางก่อน

     

                “เปล่าค่ะ ฉันไม่รู้จักเค้าหรอก” เธอตอบพร้อมกับสั่นหน้า “แต่ฉันคิดว่าคุณซาโซริน่าจะรู้จักนะคะ ฉันเห็นพวกเค้าคุยกันด้วย”

     

                “ซาโซริเหรอ?” เขาทวนชื่อเพื่อนสนิท คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

     

    “อืม... ไว้ฉันจะไปถามมันดู แต่เจ้านั่น... มันไม่ได้จีบเธอใช่มั้ย?” ถามเสียงดุพร้อมกับจ้องหน้าเธอนิ่ง ดวงตาคมปลาบมองเธอเหมือนจับผิด หญิงสาวยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่เมื่อนึกถึงประโยคที่เหมือนจะสื่อความนัยอะไรบางอย่างของชายหนุ่มปริศนา

     

    “...งั้นคงไม่เป็นไรสินะครับ ถ้าผม...อยากจะทำความรู้จักกับคุณ...”

     

                “ก็... ไม่นี่คะ” เธออ้อมแอ้มปฏิเสธไป ดวงตาสีมรกตหลุบต่ำไม่ยอมสบตากับคนตัวโต

     

                “แน่ใจ?”

     

                “คะ...ค่ะ”

     

                “งั้นก็ดี” เสียงทุ้มเอ่ยราวกับไม่ใส่ใจ “ลืมเรื่องน่าหงุดหงิดพวกนั้นแล้วมาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”

     

                “คะ?”

     

                “เมื่อวานวันคี่ แสดงว่าวันนี้ก็วันคู่สินะ” พูดเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับนัยน์ตาคมวาววับมองเธอราวกับพญาราชสีห์มองลูกกวางตัวน้อย

     

    “หึๆ ฉันจัดหนักชุดใหญ่แน่”

     

                “ดะ...เดี๋ยวสิคะ” ร่างบางร้องห้ามเสียงดัง มือเล็กผลักอกเขาออกทว่าไม่สำเร็จ

     

    “ดะ... ดูนาฬิกาสิคะคุณซาสึเกะ เกือบหกโมงเช้าแล้ว เข้าวันใหม่แล้วค่ะ และวันนี้ก็วันคี่ด้วย”

     

                “ฉันไม่สน” เขาบอกปัดเสียงหงุดหงิดก่อนจะรวบเอวบางมาชิดแล้วพากันทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม “ถือว่าเป็นบทลงโทษที่เธอบังอาจแต่งตัวยั่วให้ผู้ชายน้ำลายหก”

     

                “!!!

     

                “คราวนี้ฉันจะฝากรอยประทับหนักๆ แสดงให้ไอ้หน้าโง่ทั้งหลายรู้ไปเลยว่าเธอมีเจ้าของแล้ว! ห้าม-ยุ่ง-เด็ด-ขาด!!!

     

    .

    .

    .

     

                เวลาล่วงผ่านมาจนถึงช่วงสายของวัน...

    ร่างสูงยังคงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปไหน หรือจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือไม่มี แรงจะขยับเสียมากกว่า เพราะดันมาเริ่มบทรักร้อนแรงตอนเช้าตรู่ทั้งที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนและเขาก็จัดหนักชุดใหญ่อย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ สุดท้ายพ่อเป็ดน้อยก็เลยต้องมานอนพะงาบๆหมดแรงโดยมีร่างเล็กอิงแอบแนบกายอยู่

    ดวงตาสีรัตติกาลมองคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้ายามหลับของเธอช่างไร้เดียงสาราวกับเด็กทารก ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนเชิญชวนให้เขาก้มลงไปจูบ และเขาก็ทำตามคำเชิญนั้นโดยไม่ลังเล ร่างสูงมอบรสจุมพิตแสนหวานให้ทั้งที่อีกฝ่ายยังหลับ ร่างเล็กประท้วงเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นก็จูบตอบเขาเบาๆ

     

    เธอทำเขาคลั่งอีกแล้ว...

     

                “คุณ...ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ คุณซาสึเกะ...” เสียงหวานเอ่ยงึมงำๆเพราะถูกปลุก ก่อนจะพลิกตัวซบกับแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขา ซาสึเกะมองภาพนั้นอย่างเอ็นดู เขายกมือลูบศีรษะของเธอเบาๆ

     

                “เหนื่อยแล้ว... เธอนอนเถอะ ฉันไม่ทำอะไรหรอก” เขาตอบก่อนจะระบายยิ้มแปลกๆ ดวงตาสีรัตติกาลมองคนตัวเล็กเศร้าสร้อย

     

    เวลา... ช่วยหยุดอยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหม?

    อย่าเพิ่ง... พรากเธอไปจากผมเลย...

               

    “ซากุระ...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนข้างกายเบาๆ เจ้าของชื่อทำเพียงปรือตามองเขาเพราะง่วงจัด ร่างสูงก้มลงจูบหน้าผากมนอย่างรักใคร่ ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงที่ร้าวราน

     

    “เธอสัญญากับฉันได้มั้ย ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะยังรักแค่ฉันคนเดียว เธอจะไม่มองคนอื่น เธอจะไม่มีใครใหม่ เธอจะไม่ให้ใครเป็นเจ้าของนอกจากฉัน...”

     

    เสียงเศร้าๆถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น หญิงสาวระบายยิ้มบางก่อนจะยกมือเรียวเล็กแตะเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ดวงตาสีมรกตมองคนตัวโตพร้อมกับให้คำมั่น

     

                “ฉันสัญญาค่ะว่าจะรักแค่คุณคนเดียว และจะไม่มีวันให้ใครมาแทนที่คุณ”

     

                “จำไว้นะว่าฉันรักเธอ รักเสมอ รักคนเดียว และจะรักตลอดไป...”

     

    ...ทุกอย่างที่ฉันทำ... ฉันทำเพราะฉันรักเธอ...

     

     

     

                ครบ 100% อย่างยากเย็น โฮะๆๆ หลายคนอาจจะผิดหวังที่บักเป็ดมันไม่โกรธเว่อร์ 555 ไรต์ยังไม่อยากทำร้ายหนูกุตอนนี้อ่ะ (ตอนหน้าและตอนต่อๆไปก็ไม่แน่) ว่าแต่...ทุกคนได้กลิ่นอะไรมั้ย? ฉุนๆโชยๆ ใกล้ละ... อีกนิดนึง -.,-

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×