คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : [Special New Years Day] Gift
[Special New Year’s Day]
Gift
“เธอ...ไปพูดกับลูกให้หน่อยสิ”
เป็นครั้งที่สามที่เขาพูดประโยคนี้กับคนตรงหน้าที่ยังคงยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาราวกับว่าเขาเพิ่งไปก่อความผิดร้ายแรงมา
“อ้าว คุณเป็นคนทำผิดเองนี่” เจ้าของดวงตาสีมรกตพูดก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น “เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เองสิคะ”
“แต่ลูกไม่พูดกับฉัน...”
“ฉันก็จะไม่พูดกับคุณเหมือนกันค่ะ”
“ซากุระ...” เขาเรียกชื่อเธอเสียงอ่อย รู้แน่ชัดแล้วว่าตัวเองคงถูกทั้งคุณแม่คุณลูกบอยคอตเข้าเสียแล้ว
“ ‘ซาราดะ’จ๊ะ มาทางนี้เถอะจ้ะหม่าม๊าจะพาเข้านอน” สิ้นเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ เด็กหญิงตัวเล็กที่มีสีผมกับสีตาเหมือนเขาก็เดินเตาะแตะมาหาคนเรียกโดยไม่ลืมที่จะส่งสายตาดุๆมาทางเขา ซาสึเกะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกรรมตามสนอง... สายตาแสนทิ่มแทงนั่นเหมือนกับเขาเป๊ะราวกับโคลนนิ่งกันมา เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่เคยถูกเขามองอย่างรังเกียจก็วันนี้แหละ
เสียดแทงไปถึงกระดูก...
“นี่ใจคอเธอจะให้ลูกโกรธฉันแบบนี้ไปตลอดเลยรึไง” ร่างสูงโพล่งออกมาเมื่อไม่สามารถง้อลูกสาววัยสี่ขวบของตนได้สำเร็จ แล้วเขาก็ต้องหายใจติดขัดเมื่อภรรยาสาวที่กำลังจูงลูกน้อยเดินออกไปทางประตูหน้าหันขวับกลับมามอง
สายตาของเธอ...น่ากลัว!
“ไม่ค่ะ” ร่างบางพูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่แค่ลูก แต่ฉันด้วย”
“อ้าว”
“ฉัน-โกรธ-คุณ-มาก-ค่ะ!” ย้ำเสร็จก็หันไปคุยกับลูกโดยไม่ลืมที่จะพูดแขวะให้เขาได้ยิน
“วันนี้เราไปนอนกับคุณลุงกันนะจ๊ะ ทิ้งปะป๊าให้สำนึกผิดอยู่คนเดียวนี่แหละ”
มันน่าจับมาตีก้นทั้งแม่ทั้งลูก!
โดยเฉพาะคนแม่น่ะ... แสบนัก!
ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขกอย่างหมดแรงเมื่อจนปัญญาจะง้อสองแม่ลูกที่ใจแข็งยิ่งกว่าหิน เขาเอามือตบหน้าผากตัวเองแรงๆ พอนึกถึงเหตุผลของความโกรธครั้งนี้ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกว่าตอนนี้อยากจะได้ไทม์แมชชีนสักเครื่องนัก... ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...
เขาจะกลับบ้านให้เร็วกว่านี้...
.
.
.
สี่ชั่วโมงก่อน...
“อะไรนะ!?! ปาร์ตี้ปีใหม่? เธอจะบ้าเหรอซากุระ เธอก็รู้นี่ว่าฉันมีเวลาว่างขนาดนั้นซะที่ไหน”
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทเอ่ยเสียงเข้ม เขาดูจะหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียวที่ถูกขัดจังหวะเวลาทำงาน และยิ่งถูกขัดจังหวะด้วยเรื่องแบบนี้... ก็ยิ่งน่าหงุดหงิด...
ปาร์ตี้ปีใหม่...
“ปลีกตัวออกมาไม่ได้เลยเหรอคะ ลูกบ่นว่าคิดถึงคุณนะ” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งอ้อนจนเขาใจอ่อนยวบยาบ วูบหนึ่งซาสึเกะคิดว่าตัวเองควรจะวางปากกา ปิดคอม แล้วบึ่งรถกลับบ้านไปซะ แต่พอนึกถึงหน้าที่อันใหญ่หลวงในฐานะเจ้าของธนาคารอุจิวะเขาก็ได้แต่สลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปแล้วตอบเธอกลับด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชาแทน
“ฉันไม่ว่างยาวจนถึงกลางเดือนหน้า ฉันจำได้ว่าฉันบอกเธอไปแล้วนะ”
“แค่สองสามชั่วโมง...”
“ไม่ได้”
“คุณซาสึเกะ...”
“ถ้าเธอไม่มีอะไรแล้วฉันจะวางสายแล้วนะ” ซาสึเกะพูด เตรียมจะวางสาย เพราะรู้ดีว่าขืนคุยกับอีกฝ่ายต่อเขาต้องยอมใจอ่อนแน่ๆ
“แต่ลูกรอคุณ...” เธอยังคงไม่ละความพยายาม
“บอกลูกว่าฉันคิดถึงมาก แต่ตอนนี้ฉันไปไม่ได้”
“ใจร้าย!!!”
อีกฝ่ายตะโกนกลับมาก่อนจะตัดสายไปเสียดื้อๆ ร่างสูงรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกตบด้วยคำพูด ถ้อยคำตัดพ้อน้อยใจของเธอทำให้เขารู้สึกกังวลใจแปลกๆ ซาสึเกะสลัดความกังวลทิ้งไปเมื่อเขาได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
“นี่ยอดการถอนเงินช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่คุณขอมาครับ” เลขาสารพัดประโยชน์ที่เดินเข้ามาว่าพร้อมกับวางแฟ้มเอกสารบนโต๊ะของเจ้านาย
“ทำไมวันนี้นายดูทำงานเร็วแปลกๆ”
“วันนี้วันสิ้นปีนี่ครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมกับยิ้ม
“แล้ว?”
“แฟนผมรอเค้านท์ดาวน์ปีใหม่ด้วยน่ะครับ ถ้าไปช้าคงถูกบ่นจนหูชา” เลขาหนุ่มตอบพร้อมกับยิ้มแห้ง “แล้วคุณซาสึเกะไม่ไปฉลองกับครอบครัวเหรอครับ?”
“ทำไมฉันต้องไป?”
“อ่า ใช่สิ ปีที่แล้วผมโสดก็เลยอยู่ทำงานกับคุณยันสว่างได้ ผมลืมไปว่าคุณไม่เคยไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว แล้วแบบนี้คุณซากุระไม่ว่าอะไรเหรอครับ ไหนจะคุณหนูซาราดะอีก”
“ปกติก็ไม่เห็นพูดอะไร แต่ปีนี้มาแปลก... เมื่อกี้ก็เพิ่งโทรมาแว้ดๆให้ฉันกลับไปเหมือนกัน แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่ว่างขนาดนั้น” พูดไปก็หัวเสียไป ใบหน้าบูดบึ้งของภรรยาสาวลอยเข้ามาในหัวแทบจะในทันที ร่างสูงย่นจมูก... เขายอมรับอยู่หรอกว่าชอบใบหน้าบึ้งตึงแบบน่ารักๆของเธอ... ถ้ามันไม่มาพร้อมกับน้ำเสียงที่กรุ่นโกรธของเธอล่ะก็นะ
“คุณก็จริงจังกับงานเกินไปนะครับ แค่มานั่งดูว่าเงินสำรองในธนาคารสาขาจะพอให้คนเบิกรึเปล่าเนี่ย ผมว่ามันออกจะเกินไปหน่อย”
“...”
“เจ้าของธนาคารคนอื่นเขาก็ไม่เห็นมาทำอะไรแบบคุณเลย”
“ยังไงก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน จะให้ธนาคารมาเสียชื่อเพราะไม่มีเงินให้ลูกค้าเบิกไม่ได้เด็ดขาด” ร่างสูงตอบเสียงเรียบนิ่ง
“คุณรู้มั้ยครับว่าสำหรับมนุษย์ผู้ชายอย่างเรา อะไรคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด?” จู่ๆเลขาหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่อง เล่นเอาคนเป็นนายตามแทบไม่ทัน ซาสึเกะเอามือเท้าคางทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบ
“ก็...เวลาที่ไม่สามารถปกป้องสมบัติของตระกูลได้” เขาตอบไปตามตรง เพราะสำหรับเขาแล้วสิ่งที่กังวลที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องธนาคารอยู่ดี แต่ดูเหมือนว่าคำตอบของเขาจะไปกระตุกต่อมอะไรสักอย่างของคนถาม ซุยเงสึทำหน้าเหมือนเพิ่งถูกจับกรอกยาพิษ เจ้าตัวถอนหายใจยาวก่อนจะพูด
“คุณนี่นอนเซ้นส์จริงๆ” เลขาคนสนิทพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอา ซาสึเกะคิ้วกระตุก...
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายรึไง”
“อะ...เอ่อ... ขอโทษครับ” ซุยเงสึรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่บ่งบอกว่าพร้อมจะเตะเขาออกจากห้องได้ทุกเมื่อของเจ้านาย เขาใช้เวลาทำใจอยู่หลายนานทีเดียวก่อนจะพูดต่อ “แต่ไอ้ที่คุณว่ามาน่ะ มันไม่ได้ครึ่งของ ‘สิ่งที่น่ากลัว’ จริงๆด้วยซ้ำนะครับ”
“...”
“อย่าหาว่าผมเตือนเลยนะครับคุณซาสึเกะ” ซุยเงสึพูดพร้อมกับโน้มตัวเข้ามาใกล้เขาราวกับกำลังกระซิบ
“...”
“เวลาถูกลูกเมียเมินใส่น่ะ สำหรับผู้ชายอย่างเราแล้ว... มันทั้งน่ากลัวและก็น่าสลดหดหู่ที่สุดเลยล่ะครับ”
ซุยเงสึพูดได้ถูกทีเดียว
มันน่ากลัว... และก็ชวนให้สลดหดหู่จริงๆ
ทีแรกเขาก็กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อเลขาสารพัดประโยชน์ของตัวเอง แต่น้ำเสียงของภรรยาสาวสวยก่อนจะตัดสายไปนั้นมันก็ทำให้เขาใจกระตุกแปลกๆ ถ้อยคำที่เธอพูดยังคงก้องอยู่ในหัว และที่สำคัญกว่านั้น...
ความคิดถึง...
คิดถึงสองชีวิตที่เขาไม่ได้เจอมาเป็นอาทิตย์ เป็นความรู้สึก...ที่ทำให้เขาต้องทรมานอยู่ทุกวัน... และเพราะไม่สามารถเอาชนะความต้องการอันแรงกล้านั่นได้ สุดท้ายซาสึเกะก็ตัดสินใจรีบเคลียร์งานที่ยังคั่งค้างอยู่จนเสร็จแล้วบึ่งรถกลับบ้านเพื่อไปอยู่กับครอบครัวที่เขารักในวันสิ้นปี แต่ทว่าแม้จะรีบขนาดไหน เขาก็ยังกลับมาช้าเกินไป... งานปาร์ตี้ที่อิทาจิจัดให้หลานสาวสุดที่รักจบไปนานแล้ว เมื่อเขากลับมาก็พบเพียงใบหน้าบึ้งตึงของภรรยากับความโกรธเกรี้ยวของลูกน้อย
ร่างสูงยันตัวขึ้นจากโซฟาก่อนจะเดินออกไปทางประตูหน้าที่ยังคงเปิดทิ้งไว้ เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวเลย...
มันเหงาเสียยิ่งกว่าอะไร...
จริงอยู่ที่เขาใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอด แม้แต่กับอิทาจิซึ่งเป็นพี่แท้ๆก็ไม่อาจเรียกได้ว่าสนิทกันมากนัก อาจเพราะนิสัยส่วนตัวของพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่คนที่จะชอบสุงสิงอยู่กับคนอื่น ต่างคนจึงต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองกันซะส่วนใหญ่ เขาเคยชินกับการอยู่บ้านหลังใหญ่ๆคนเดียว สิ่งเดียวที่พอจะดึงดูดความสนใจของเขาได้ก็มีแต่งานเท่านั้น
แต่ทว่าหลังจากมีครอบครัว...
ทุกอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไปหมด...
เขากลายเป็นคนที่ต้องการความรักเหมือนเด็กๆที่ต้องการความรักจากผู้ใหญ่ แต่ต่างกันตรงที่เขาต้องการความรักจากภรรยากับลูกน้อยแสนน่ารัก เขารู้ตัวดี เขาอยู่ไม่ได้หรอก... ถ้าถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังคนเดียว...
และก็เพราะไม่อยากถูกโกรธไปมากกว่านี้ คนที่ปกติไม่ค่อยจะแยแสความรู้สึกของใครอย่างเขา... ถึงได้เดินดุ่มๆไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่...
เพื่อไปตามสองดวงใจกลับมา...
“ปะป๊าไม่รักซาราดะ”
เสียงเล็กใสที่แสนคุ้นเคยฉุดขาทั้งสองข้างของเขาไว้ ร่างสูงขมวดคิ้วก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียง เมื่อแน่ใจว่าเสียงมาจากไหน เขาก็เดินลัดเลาะไปตามคฤหาสน์เพื่อไปยังสวนสวยทางด้านหลังที่อยู่เยื้องกับทางเดิน เมื่อเดินพ้นมุมคฤหาสน์มาได้ เขาก็เห็นสองแม่ลูกนั่งเล่นอยู่บนชิงช้าตัวยาว หนึ่งในเครื่องประดับสวนที่อิทาจิภาคภูมิใจที่สุด แสงไฟที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณทำให้ซาสึเกะเห็นใบหน้างองุ้มของเด็กน้อยกับรอยยิ้มของแม่เด็กได้ชัดเจน ร่างสูงตั้งท่าเตรียมจะเข้าไปง้ออีกหน แต่เสียงหวานของภรรยาสาวก็ทำให้เขาต้องหยุดยืนฟังต่อ
“หืม ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ?” ร่างบางถามพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน
“ปะป๊าไม่มาปาร์ตี้”
“ปะป๊าเค้างานยุ่งนี่จ๊ะ” เธอแก้ต่างแทนสามี ทั้งที่ในใจก็นึกโกรธเจ้าตัวอยู่เหมือนกัน แต่เพราะไม่อยากเห็นลูกต้องโกรธพ่อ เธอจึงต้องจำใจเข้าข้างเขาอย่างเสียไม่ได้
“...”
“ปะป๊าทำงานหนักเพื่อให้ซาราดะกับหม่าม๊ามีความสุขนะ ซาราดะอยากได้อะไรปะป๊าเขาก็หาให้หมดเลย ไม่ดีเหรอ?”
“ซาราดะไม่อยากได้ค่ะ!”
“...”
“ซาราดะอยากให้ปะป๊ากลับบ้าน” เด็กน้อยพูดพลางเบะปากเหมือนจะร้องไห้ ซากุระยกมือลูบศีรษะลูกน้อยเบาๆก่อนจะใช้มืออีกข้างโอบตัวร่างเล็กแนบกาย
“งั้นเรากลับไปหาปะป๊ากันดีมั้ย? ป่านนี้ปะป๊าคงร้องไห้งอแงคิดถึงซาราดะแน่ๆเลย”
ประโยคนั้นเข้าหูคนแอบฟังเต็มๆ คนถูกพาดพิงถึงทำหน้าเหมือนหนูโดนยาเบื่อ กล้ามเนื้อทุกส่วนบนใบหน้าแข็งค้างราวกับถูกแช่เย็น ในใจก็นึกคาดโทษแม่ตัวดีที่บังอาจพูดจานินทาให้เขาดูกลายเป็นคนอ่อนแอต่อหน้าลูก
คืนนี้จะคิดบัญชีให้หนัก!
“ไม่เอาค่ะ!” ร่างเล็กปฏิเสธเสียงดัง เล่นเอาหัวใจคนเป็นพ่อหล่นตุ้บไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ...
“ซาราดะโกรธปะป๊า ปะป๊าไม่ยอมมางานปาร์ตี้!” พูดอย่างงอนๆพร้อมกับซุกตัวไปที่อ้อมกอดของแม่อย่างอ้อนๆ “และปะป๊าก็ชอบทำให้หม่าม๊าเศร้าด้วย ปะป๊าไม่ค่อยกลับบ้าน... โทรไปหาปะป๊าก็พูดแต่งานๆๆ ปะป๊าใจร้าย ปล่อยให้หม่าม๊าคอยแต่คิดถึง”
คำพูดไร้เดียงสาของซาราดะทำให้เธอตกอยู่ในห้วงความคิด ลูกของเธอพูดถูก... เธอคิดถึงเขา... คิดถึงมาก
“อ๊ะ! กะ...ก็ไม่ได้คิดถึงอะไรนี่จ๊ะ หม่าม๊ามีซาราดะอยู่แล้ว ไม่คิดถึงหรอก เจ้าคนใจจืดใจดำนั่นน่ะ” เธอรีบปฏิเสธเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของลูกน้อย หารู้ไม่ว่า ‘เจ้าคนใจจืดใจดำ’ กำลังแอบฟังอยู่ เขายืนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันหมั่นไส้คนพูดอยู่ไม่น้อย แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อลูกสาวตัวแสบพูดประโยคถัดมา
“หม่าม๊าโกหก”
“เอ่อ...” เธอถึงกับไปไม่เป็นเมื่อถูกจับได้ แต่ก็ยังคงไม่ละความพยายาม “คือ...หม่าม๊า...”
“โกหกให้เด็กดูน่ะ มันไม่ดีนะ”
เสียงปริศนาดังมาจากมุมหนึ่งของคฤหาสน์ ซากุระจำเสียงนั้นได้ทันทีและวินาทีต่อมาภาพของเขาที่ปรากฏตรงหน้าก็ยืนยันความคิดของเธอ ถ้อยคำนั้นบอกชัดว่าเขาคงมาแอบยืนฟังอยู่นานพอควร
“คุณซาสึเกะ!”
“ปะ...” เสียงเล็กใสเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ แต่เมื่อนึกได้ว่าตนกำลังโกรธอยู่ก็สะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
“ไหนดูซิเจ้าตัวเล็ก อายุแค่นี้หัดงอนปะป๊าแล้วเหรอครับ” พูดพร้อมกับอุ้ม ‘เจ้าตัวเล็ก’ ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของแม่ขึ้นมาแล้วกอดไว้
“ไม่เอา ไม่ให้อุ้ม! ปะป๊าไม่ต้องมาแตะตัว ปล่อยซาราดะนะ!” เด็กน้อยพูดไปดิ้นไป ต่อต้านเขาอย่างหนักเหมือนแม่ไม่มีผิด...
ทั้งแม่ทั้งลูกเวลาถูกขัดใจก็รั้นเอาเรื่องเหมือนกัน!
ถูกต่อต้านจากลูกรักแบบนี้
เจ็บปวดยิ่งกว่าหุ้นตกสามวันรวดซะอีก!
“ไม่ปล่อย” คนเป็นพ่อปฏิเสธ ซ้ำยังกอดไว้แน่นกว่าเดิม “เมื่อกี้พูดไม่เพราะเลยนะครับคนดี” เขาตำหนิ
“ปะป๊าปล่อยนะ...คะ!”
เด็กน้อยลงหางเสียงเบาๆ แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นพ่อก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ จมูกโด่งสูงขโมยหอมแก้มยุ้ยๆของเด็กขี้งอนไปหนึ่งที ดวงตากลมโตสีเดียวกับเขาเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนที่เจ้าของดวงตาจะเริ่มเบ้ปากร้องไห้
“ฮือออ”
แค่เสียงนี้เท่านั้นแหละที่เหมือนมีดคมๆกรีดใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ซาสึเกะตกใจจนมือไม้สั่นไปหมด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเจ้าตัวเล็กถึงได้ร้องไห้เสียงดังขนาดนี้
“คุณซาสึเกะ! ปล่อยลูกเถอะค่ะ แกร้องไห้ใหญ่แล้ว” เสียงหวานร้องห้าม พร้อมกับแย่งเอาหนูน้อยไปปลอบเสียเอง
“ทำไม...ลูกร้องไห้ล่ะ...” เขาพูดเสียงขาดห้วง นัยน์ตายังคงฉายแววประหลาดใจ “ฉันแค่...หอมแก้ม...”
“ลูกกำลังโกรธคุณอยู่นี่คะ จู่ๆคุณไปทำอย่างนั้นกับแกได้ยังไง”
“ฉันแค่จะมาขอโทษที่มาช้า”
“เอาไว้วันอื่นเถอะค่ะ วันนี้ลูกคงไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
สาบานสิว่ามีแค่ลูกที่ไม่อยากเห็นหน้าเขาน่ะ!
คนแม่ก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน ทั้งเชิดหน้า เชิดปาก เชิดจมูก ประชดประชันเสียจนเขาแทบจะบ้าตาย!
ซาสึเกะคิดก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างสำนึกผิดท่ามกลางสายตาประหลาดใจสองคู่ เสียงร้องไห้โยเยเงียบไปโดยอัตโนมัติ ดวงตาสีรัตติกาลกลมโตจ้องมองผู้เป็นพ่อกึ่งงอน ร่างสูงเอื้อมมือลูบผมเด็กน้อยอย่างเบามือ ก่อนจะจับแก้มยุ้ยบิดไปมาอย่างมันเขี้ยว
“ปะป๊าขอโทษนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแสนอบอุ่น “ปะป๊าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรามาเกี่ยวก้อยคืนดีกันนะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแบบที่ไม่มีทางได้ยินแน่ๆหากเป็นอุจิวะ ซาสึเกะ เวอร์ชั่นปกติ ซากุระลอบระบายยิ้ม เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หัวเราะ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกินเมื่อเธอเห็นเขาชูนิ้วก้อยพยายามจะขอคืนดีกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังคงสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
“คืนดีกันน้า น้าคร้าบ” พูดพร้อมกับทำตาปริบๆอย่างน่าสงสาร เชื่อเถอะว่าถ้าคนข้างนอกมาเห็นคงได้ช็อกตาตั้ง ราชานรก ยามง้อลูกสาวน่ะน่ารักไม่มีใครเกินล่ะ!
“หม่าม๊า” เสียงเล็กใสเรียกเบาๆทำให้หญิงสาวหยุดจินตนาการพิลึก เธอหันกลับมามองเจ้าของเสียงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังลังเล
“ว่าไงจ๊ะคนเก่ง?”
“หม่าม๊าจะยกโทษให้ปะป๊ามั้ยคะ” สิ้นคำถามเท่านั้นล่ะทั้งพ่อทั้งลูกก็หันมามองเธอเป็นตาเดียว ดวงตาสีรัตติกาลสองคู่มองเธออย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“ถ้าหม่าม๊ายกโทษให้ ซาราดะก็จะยกโทษให้ปะป๊า” พูดจบก็กอดอกมองผู้เป็นพ่ออย่างเอาเรื่อง ซาสึเกะเปลี่ยนเป้าหมายทันที... เขามองภรรยาสาวด้วยสายตาเชื่อมหวาน
“ซากุระ...” แถมยังเรียกด้วยเสียงที่หวานจนเลี่ยนอีกต่างหาก
“ทะ...ทำไมโยนมาให้หม่าม๊าล่ะจ๊ะ ก็ซาราดะเป็นคนโกรธ...” หันไปถามเจ้าตัวเล็กหวังจะหลบสายตาแปลกๆของสามี แต่คนมองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เขาโพล่งขึ้นมาทันที ไม่เปิดโอกาสให้เธอบ่ายเบี่ยง
“หายโกรธฉันเถอะ ฉันหมดมุกจะง้อแล้วนะ” พูดพร้อมกับแสร้งกระพริบตาปริบๆอีกสองสามที หญิงสาวหายใจติดขัด...รู้สึกว่าเลือดในกายชักจะสูบฉีดมากเกินไปแล้ว
เขาหล่อจริงๆ!
ร่างบางเผลอจ้องเขาแวบหนึ่งก่อนจะเสมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าอุณหภูมิบนใบหน้าสูงผิดปกติ
“หน้าแดงแล้วนะเธอน่ะ” ร่างสูงพูดพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียน ซากุระค้อนขวับเข้าให้ทีหนึ่งก่อนจะหันมาพูดกับลูกน้อย
“หม่าม๊าว่าเราเข้าข้างในกันเถอะจ้ะ อยู่แถวนี้ยุง-มัน-เยอะ!”
“จะโกรธไปถึงไหน ฉันก็กลับมาทันปีใหม่แล้วนี่ไง” ร่างสูงโอดครวญเมื่อคนใจแข็งยังไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ ร่างบางหยุดชะงัก เธอมองหน้าเขาอย่างเจ็บปวดก่อนจะพูด
“คุณมันเย็นชา ตายด้าน โหดร้าย คุณไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าฉันกับลูก... อื๊อ...”
คำตัดพ้อที่เหลือเลือนหายไปในอากาศพร้อมๆกับท่าทีประชดประชัน ซากุระตัวอ่อนยวบยาบเมื่อคนตัวสูงใช้วิธี ‘ง้อ’ ในแบบที่เธอไม่เคยขัดขืนเขาได้เลย
“คุณซาสึเกะ! นี่ต่อหน้าลูกนะคะ!” เสียงหวานแหวใส่ทันทีที่เขาผละจากริมฝีปากของเธอ ใบหน้างามแดงซ่านทั้งโกรธทั้งอาย เธอตีแขนเขาไปแรงๆพร้อมกับทำแก้มป่องอย่างน่ารัก
“ปะป๊า~ เอาอีก~” เสียงเล็กเชียร์ราวกับกำลังถูกใจ ทิ้งความกรุ่นโกรธที่มีต่อผู้เป็นพ่อไปจนหมดสิ้น ซาสึเกะยักคิ้วให้เด็กน้อยไปทีหนึ่งก่อนจะใช้มือปิดดวงตาคู่เล็กเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งที่อาจจะดูไม่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยสี่ขวบ จากนั้นคนตัวสูงก็ก้มลงมอบจุมพิตแสนหวานอีกครั้ง ครั้งนี้ช่างเนิ่นนานและหวานฉ่ำจนคนขี้งอนแทบละลาย เขาถอนริมฝีปากออกไปอย่างอ้อยอิ่งเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆร้องประท้วง
“ปะป๊า~ ซาราดะจะดู~”
ซาสึเกะชักมือที่ปิดดวงตาคู่น้อยกลับก่อนจะเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากพร้อมกับส่งเสียง
“จุ๊ๆ นี่เรื่องของผู้ใหญ่นะครับ” เขาพูดด้วยเสียงปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยที่คนถูกขโมยจูบถึงสองครั้งสองคราได้แต่นั่งหน้าแดงเรื่อ ซาสึเกะยกยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กที่เริ่มทำหน้าไม่พอใจขึ้นอุ้ม “เรากลับบ้านกันดีมั้ย? วันนี้ปะป๊าซื้อตุ๊กตาคุณหมีตัวใหญ่มาให้ด้วยนะ”
“ตุ๊กตาคุณหมี!!!”
“ถ้าอยากเจอคุณหมีก็กลับบ้านกับปะป๊านะครับ ไม่งั้นปะป๊าได้นอนคนเดียวแน่เลย เหง๊าเหงา”
ซากุระมองดูคนเหงาอย่างหมั่นไส้ ดูเอาเถอะ ปากน่ะพูดอ้อนลูกอยู่แท้ๆแต่ทำไมสายตาหวานเชื่อมนั่นถึงมองมาที่เธอได้ล่ะ ซากุระส่ายหน้าอย่างระอา เธอเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ของเขาแล้วกุมมันไว้แน่น เจ้าของมือบีบมือเธอตอบเบาๆ
“ฉันเป็นห่วงคุณนะคะคุณซาสึเกะ” เธอพูดออกมาในที่สุด “คุณทำงานหนักทุกวันแบบนี้ ฉันกลัวว่าคุณจะป่วยจริงๆ”
ประโยคสั้นๆของหญิงสาวทำให้ร่างสูงคลี่ยิ้มกว้าง มีอยู่ไม่กี่เหตุผลหรอกที่เธอจะทำท่าทีกระเง้ากระงอดใส่เขาแบบนี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ฟังเหตุผล ไม่ใช่คนเอาแต่ใจ ตรงกันข้ามเธอกลับตามใจเขาและเข้าใจเขาทุกอย่าง ถ้าเขาบอกว่าเขามีงาน เธอก็จะไม่ซักไซ้อะไรนอกจากบอกให้เขาดูแลตัวเองดีๆ แต่เพราะช่วงนี้เขาโหมงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน เธอถึงได้เซ้าซี้จะให้เขากลับบ้านให้ได้
เธออยากให้เขากลับบ้าน... ไม่ใช่แค่เพราะคิดถึง แต่เพราะเป็นห่วงต่างหาก...
“อืม ฉันรู้ เข้าบ้านกันเถอะ”
.
.
.
เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่เขามีโอกาสได้กลับมานอนเตียงนุ่มๆที่บ้านโดยมีร่างเล็กของเธออยู่เคียงข้าง เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่เขามีเธอเข้ามาในชีวิต... เป็นห้าปี... ที่เขามีความสุขจริงๆ และเขาคงจะมีความสุขกว่านี้ ถ้า...
“ทำไมต้องให้ลูกไปนอนที่คฤหาสน์ด้วย” ร่างสูงถามเสียงแข็ง เขาไม่พอใจที่วันนี้จะไม่ได้นอนกอดลูกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“ช่วยไม่ได้นี่คะ คุณอิทาจิเขาจองตัวซาราดะเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน คุณน่ะมัวแต่บ้างานอยู่ที่ธนาคาร ระวังนะคะเดี๋ยวตำแหน่ง ‘ปะป๊า’ จะตกไปอยู่กับคุณอิทาจิแทน”
“ได้ยังไงกัน!!!” เขาร้องเสียงหลง
“ไม่รู้ล่ะค่ะ ช่วงนี้ซาราดะติดคุณลุงมากกว่าคุณปะป๊าซะอีก แกบอกว่าพรุ่งนี้คุณอิทาจิจะพาไปเที่ยววันปีใหม่ที่สวนสนุก”
ถ้อยคำบอกเล่าของภรรยาสาวทำเอา ‘ปะป๊า’ เดือดปุดๆ ในใจก็นึกเคืองคุณพี่ชายที่เคารพที่อาศัยจังหวะที่เขาไม่ว่างมาชิงตำแหน่ง ‘ปะป๊า’ ไปจากเขา ซาสึเกะนิ่วหน้าเหมือนกำลังหาความคิดดีๆที่จะชิงตัวลูกสาวกลับมา บางทีพรุ่งนี้เขาควรจะหยุดงานที่ธนาคาร ไม่สิ! ปกติปีใหม่ใครเขาทำงานกัน เขาก็ต้องหยุดงานกันอยู่แล้วมิใช่หรือ? แต่เดี๋ยวก่อน แล้วเงินสำรองนั่นล่ะ เขาต้องคอยอนุมัติเงินจากสาขาใหญ่สินะ ยิ่งช่วงเทศกาลแบบนี้...
ก็ช่างสิ! เบิกเงินกันไม่ได้น่ะไม่พอตายหรอก แต่ถ้าถูกแย่งลูกไปเขาตายแน่!
“คุณซาสึเกะคะ” เสียงหวานเรียก ดึงเขาให้ออกจาวังวนความคิด
“หืม?” ร่างสูงครางรับในลำคอ เขากระชับอ้อมกอดแน่นราวกับจะทดแทนช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายวัน
“ฉัน...เอ่อ...” เธอพูดตะกุกตะกักก่อนจะซุกใบหน้าแดงซ่านไปที่แผ่นอกกว้าง ร่างสูงขมวดคิ้วสงสัยทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร เขายังคงกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างนั้น
“ฉันมีของขวัญปีใหม่จะให้ค่ะ...”
“เธอจะให้...” ยังไม่ทันจะถามได้จบประโยค มือเรียวบางก็คว้ามือข้างหนึ่งของเขาแตะไปที่ท้องแบนราบของตัวเอง ซาสึเกะค่อนข้างจะแปลกใจกับการกระทำของภรรยาสาวแต่หลังจากที่แปลความหมายของการกระทำเหล่านั้นได้ ดวงตาสีรัตติกาลก็เบิกโพลงอย่างตกใจ
“ยะ...อย่าบอกนะว่า...”
“เกือบสองเดือนแล้วค่ะ” เธอบอกพร้อมกับคลี่ยิ้มบาง
“ธะ...เธอ...”
“สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ...”
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ... หญิงสาวซุกตัวในอ้อมกอดอุ่นๆของคนข้างกายพร้อมกับหัวเราะคิกคัก เธอรู้ว่าเขากำลังช็อก... เป็นอาการช็อกที่จะทำให้เขาเบื้อใบ้ไปไม่เป็นอยู่นานหลายนาที เขาจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เธอทำเซอร์ไพรส์ ช็อก พูดไม่ออก หัวใจเต้นแรง...
เหมือนกับที่เธอได้ยินตอนนี้
หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก
ซาสึเกะอาจจะดูเย็นชาและร้ายกาจในสายตาของคนทั่วไป แต่สำหรับเธอ เขาคือผู้ชายที่น่ารักที่สุดในโลก!
“ฉะ...ฉัน...” ซาสึเกะพูดไม่ออก ความรู้สึกตื้นตันไหลอาบไปทั่วร่างของเขา และดูท่าว่ามันจะแช่ลิ้นของเขาให้แข็งไปเรียบร้อยแล้ว
ซากุระกำลังท้อง...
ในท้องแบนราบของเธอมีอีกหนึ่งชีวิต อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา...
เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาบอกเธอดี เขาอยากบอกเธอว่าขอบคุณ... ขอบคุณสำหรับความอดทนของเธอ ขอบคุณสำหรับความเข้าใจ ขอบคุณที่เธออยู่เคียงข้างเขาเสมอ และขอบคุณ... ที่เธอให้กำเนิดแก้วตาดวงใจของเขา ในหัวเขามีประโยคจะพูดกับเธอมากมาย... แต่สุดท้าย...
“ให้ตายสิ! ฉันรักเธอจริงๆ!!!”
ก็พูดได้แค่นี้...
Happy New Year 2015!!!
ของขวัญปีใหม่สำหรับนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่า(ช้าไปมั้ยเอ็ง -.-) >< ถูกใจกันบ้างมั้ยเอ่ย? เหตุการณ์ในตอนนี้เป็นภาคพิเศษหลังจากที่เรื่องหลักจบไปแล้วค่ะ บักเกะของเรามุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวมากกก กลัวอยู่เหมือนกันว่าตอนนี้จะทำลายภาพพจน์ทั้งเรื่องของมันเลยรึเปล่า ช่างมันเถอะ! ปีใหม่ทั้งทีให้พี่แกเก็บความซึนเข้ากระเป๋าแล้วมาหวานหยดกันบ้าง ให้เหล่าแม่ยกได้กระชุ่มกระชวยรับปีใหม่กัน อิอิ แน่นอนว่าในฟิคบักเกะต้องลูกสองเท่านั้น! มิเช่นนั้นตระกูลอุจิวะจะด้วนเพราะหนูสลัดของเราดันมาเป็นผู้หญิง 555 อ้อ! มีอีกเรื่องจะแจ้งค่ะ บอกไว้แต่ไม่รับปากน้า สำหรับฟิคเรื่องนี้ไรท์อาจจะแต่งภาคลูกๆซึ่งเป็นภาคพิเศษออกไปสักหน่อย ทดแทนกับเรื่องที่แล้วที่ดันมือบอนไปกดปิดเรื่องจนเพิ่มตอนไม่ได้ T^T อาจจะเป็นโมเม้นท์เล็กๆของโบลท์กับซาราดะ แต่ก็ยังเน้นที่เจ้าเกะเหมือนเดิม ถ้าไรท์ยังมีเวลาจะแต่งให้แน่นอนค่ะ
ปีใหม่ปีนี้ไรเตอร์ก็ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลโลก ช่วยอำนวยอวยพรให้เหล่านักอ่านที่น่ารักทุกคนประสบพบเจอแต่สิ่งดีๆนะคะ คิดเงินได้เงิน คิดงานได้งาน คิดจะสอบเข้าขอให้สอบได้ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง รวยๆ สวยๆ หล่อๆ เฮงๆ ตลอดปีและตลอดไปนะคะ ^^
ความคิดเห็น