ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 5 : ข้อเสนอ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 57


    บทที่ 5 ข้อเสนอ

     

     

                ย่างเข้าวันที่ห้าที่เธอมาทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของอุซึมากิ คอร์เปอเรชั่น ในฐานะเด็กฝึกงาน ซากุระเริ่มชินกับพฤติกรรมเย้าแย่ของท่านประธานหนุ่มผู้สูงศักดิ์แล้ว เธอทำเป็นไม่สนใจเขาและไม่ตอบโต้เขาด้วยอารมณ์อันเผ็ดร้อนเหมือนที่ผ่านมา...

     

    ถึงแม้บางครั้งจะมีหลุดๆไปบ้างก็เถอะ...

     

                แต่จนแล้วจนรอดจนถึงตอนนี้ซากุระก็ยังหาเหตุผลที่เหมาะสมมาอ้างไม่ได้เลยว่าเหตุใดนารูโตะจึงให้ความสนใจเธอมากนัก เขาวิดีโอคอลมาหาเธอบ้างล่ะ เดินมาแหย่ถึงโต๊ะบ้างล่ะ หรือบางทีนั่งกินข้าวอยู่ดีๆก็มานั่งแหมะอยู่ข้างๆบ้างล่ะ จนตอนนี้ข่าวลือที่ว่าเธอเป็นหนึ่งใน เด็กในสต็อกของเขาแพร่สะพัดไปทั่วบริษัท แน่ล่ะว่ามันมาพร้อมกับสายตากึ่งดูถูกกึ่งหมั่นไส้จากพนักงานแทบทุกคน... หญิงสาวลำบากใจยิ่งนักที่เธอถูกพนักงานรุ่นพี่เขม่นมอง มันทำให้เธออึดอัด...

     

                ซากุระผ่อนล่มหายใจออกทางปากเมื่อเธอกำลังยืนอยู่หน้าห้องของประธาน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเยือนเขาถึงที่ห้องเพื่อเอารายงานการประชุมเมื่อครั้งก่อนมาส่ง เพราะว่าเธอถูกหมั่นไส้จากเหล่าพนักงานรุ่นพี่ เธอที่พยายามจะเอาใจรุ่นพี่เพื่อลดความบาดหมางลงก็เลยขันอาสาช่วยแบ่งเบางานบางส่วนทั้งๆที่เธอยังใหม่อยู่แถมยังไม่ได้เรียนมาในสายนี้โดยตรงอีกด้วย ซากุระมือสั่นเล็กน้อย เหงื่อแตกพร่าเพราะความตื่นเต้น... รายงานการประชุมครั้งนี้เธอเป็นคนสรุปและเรียบเรียงขึ้นมาเอง

     

    หวังว่ามันจะใช้ได้

     

                หญิงสาวผลักประตูเข้าไปเมื่อยืนทำใจได้สักพัก ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาของเธอคือห้องทำงานที่กว้างเสียจนดูเคว้งคว้าง เธอประมาณเอาโดยสายตาก็คิดว่าน่าจะกินพื้นที่ประมาณหนึ่งในสามส่วนของทั้งชั้น ซากุระก้าวเข้ามาในห้องมองไปยังโต๊ะทำงานที่ตั้งเด่นอยู่ทางซ้ายมือ ข้างหน้าโต๊ะทำงานมีชุดโซฟาพร้อมโต๊ะเล็กๆสำหรับเอาไว้รับรองแขก ไม่มีวี่แววของท่านประธานหนุ่ม...

     

                ซากุระเหลียวมองไปอีกฝั่งของห้อง แล้วดวงตาสีมรกตก็ต้องเบิกกว้างอีกเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เครื่องคอมพิวเตอร์นับสิบวางเรียงรายอยู่อีกมุมของห้อง พร้อมทั้งอุปกรณ์ที่ดูไฮเทคล้ำสมัยอีกนานาชนิดที่ถูกจัดเอาไว้อยู่ในบริเวณเดียวกัน ซากุระคาดว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดนั่นเธอคงไม่รู้จัก...

     

                “ทนคิดถึงไม่ไหวจนต้องมาหาพี่ถึงที่เลยเหรอครับน้อง” เสียงหนึ่งดังออกมาจากกองคอมพิวเตอร์ที่ตั้งสุมๆกันอยู่ ซากุระย่นคิ้ว... ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร แต่สรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอนี่สิ...

     

    น้อง?

     

                คิดแล้วใบหน้าหวานก็แดงเรื่อขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าครั้งแรกที่เธอพบกับเขาที่ลานจอดรถของโรงแรมเขาก็เรียกเธอแบบนี้เหมือนกัน... วันที่เขาพาผู้หญิงไปทำอะไรๆกันบนรถนั่นล่ะ

     

                “รอผมแป๊บนึงนะ ขอผมซ่อมไอ้ระบบงี่เง่านี่ก่อน” นารูโตะพูดขึ้นก่อนจะเงียบเสียงไป เสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดดังรัวๆมาเป็นระยะๆ ซากุระมองดูอย่างทึ่งจัด

     

    เขาทำงานทำการเป็นด้วยหรือ?

     

                ราวๆห้านาทีเห็นจะได้ นารูโตะก็พาใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเอาสาวๆครึ่งค่อนประเทศกรี๊ดเสียงแหบเสียงแห้งออกมาจากกองคอมพิวเตอร์ เขาเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆที่มุมห้องแล้วหยิบน้ำเปล่าขวดหนึ่งออกมาซดอึกๆ ซากุระเพิ่งสังเกตดูดีๆ... ห้องทำงานของนารูโตะมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบแทบทุกอย่าง ทั้งตู้เย็น ห้องครัวเล็กๆ และก็ยังมีห้องๆหนึ่งที่ถูกแยกออกไป ซากุระคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องนอน...

     

                “ไงล่ะเด็กน้อย วันนี้ถูกแกล้งให้เอางานมาส่งผมเองเลยเหรอ” นารูโตะพูดพร้อมกับหัวเราะร่วน ร่างสูงทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ทำงานแล้วใช้สายตากรุ้มกริ่มมองมายังเธอ

     

                “น่าจะรู้นี่คะว่าดิฉันถูกแกล้งเพราะ ใคร” ซากุระย้ำคำว่า ใคร ชัดๆอย่างไม่ปิดบัง ดูเอาเถอะ เขาแท้ๆที่ทำให้เธอถูกคนทั้งบริษัทเขม่นตามอง เขายังจะมีหน้ามาทำหน้าระรื่นอยู่แบบนี้อีก

     

                “โอ๊ะโอ ใครกันน้าที่ทำให้หนูน้อยของผมเป็นแบบนี้” ร่างสูงพูดแล้วหัวเราะหึๆในลำคออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยิ่งเห็นใบหน้าง้ำงอของเธอแล้วยิ่งเป็นกำลังใจส่งเสริมให้เขาแผลงฤทธิ์นัก

     

                “ท่านประธาน! มันไม่ตลกนะคะ” ซากุระว่า หน้าบูดยิ่งกว่าเก่า

     

    “ผมไม่เคยตลกนะ...”

     

    “แล้วที่ท่านทำอยู่นี่ล่ะคะ”

     

    “อ้าว! ผมไปทำอะไรไว้ล่ะนั่น” นารูโตะพูดยิ้มๆ เขารู้ดีอยู่หรอกว่าเธอกำลังหมายถึงอะไรแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไป หวังจะเห็นใบหน้าสวยหวานนั่นโกรธอีกสักครั้ง ซากุระหายใจฟึดฟัด ไม่รู้จะเอายังไงกับคนตรงหน้าดี

     

    “เพราะท่านน่ะชอบมาก่อกวนดิฉัน คนอื่นเขาไม่รู้เขาก็คิดว่าฉันเป็นเด็กเส้นก็เลยพากันบอยคอตเข้าไปใหญ่ ท่านทำให้ฉันเดือดร้อนนะคะ”

     

    “อ้อ...ถูกแบนเองแล้วมาโบ้ยให้เป็นความผิดของผม” นารูโตะตีเสียงขรึม ดวงตาสีฟ้าสุกใสฉายแววแปลกๆ “คุณกับผมน่ะ...มีอะไรผูกพันกันมากกว่าที่คิดนะครับ...อย่าถือสานักสิ”

     

    “ฮะ?” ซากุระงงงวยกับประโยคหลังที่เขาพูด แต่จู่ๆนารูโตะก็เปลี่ยนเรื่องไปเสียจนเธอตามแทบไม่ทัน

     

    “คุณมีธุระอะไรล่ะถึงเข้ามาหาผมถึงในห้อง ถ้าคิดถึงก็รออยู่ข้างนอกก็ได้ครับ เพราะผมก็กะว่าจะแวะไปทักทายเสียหน่อย” นารูโตะพูด รอยยิ้มหว่านเสน่ห์ประดับอยู่ที่มุมปาก ซากุระค้อนเขาไปทีหนึ่งก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ถือสาเอาความกับเจ้านายที่ไร้สาระของเธอ ดูเอาสิว่าเขาทำให้เธอเสื่อมศรัทธาในฐานะลูกน้องขนาดไหน... แล้วแบบนี้ไม่ให้เธอตกใจได้อย่างไรที่เห็นว่าเขาทำงานเป็นน่ะ

     

                “นินทาผมในใจก็บอกมาเถอะ”

     

                “เปล่าค่ะ...” ซากุระปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม นารูโตะยิ้มอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร

     

                “แล้วธุระ?”

     

                “ค่ะ... ดิฉันเอารายงานการประชุมของเมื่อวานมาให้ค่ะท่าน” ซากุระพูดพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารให้ นารูโตะรับมาก่อนจะขมวดคิ้วเครียดเมื่อเห็นว่าเอกสารที่อยู่ในมือของเขาคืออะไร

     

                “เดี๋ยวนี้เขาแกล้งคุณหนักจนถึงขนาดให้คุณทำรายงานการประชุมเลยเหรอ?” นารูโตะพูด รอยยิ้มของเขาหายไปแล้ว...

     

                “เอ่อ...”

     

                “ว่าไงครับ? ไอ้นี่มันสำคัญเกินกว่าจะมอบให้เด็กฝึกงานที่เพิ่งเข้ามาไม่กี่วันทำนะ” เขาพูด หน้าตาดูถมึงทึงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเปิดอ่านดูสิ่งที่อยู่ในแฟ้ม ซากุระใจแกว่งอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของเขา

     

    เขาดูน่ากลัวมากกว่าที่เธอคิด...

     

                “คือฉัน...คือส่วนหนึ่ง...ฉันอาสาเองค่ะ...” ซากุระตอบเบาๆพร้อมกับหลบตา บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจนเธอปรับตัวตามไม่ทัน... มันดูกดดันแปลกๆ

     

                “อาสา?” นารูโตะถามพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มออกมา... ดวงตาฉายแววผิดหวังปนสมเพช

     

    อาสาทำเองงั้นหรือ?

     

    “คุณคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่กล้า อาสาจะทำงานนี้ได้เหรอครับ” นารูโตะพูดน้ำเสียงดูถูก

     

                “คะ?”

     

                “ผมไม่ว่าหรอกถ้าคุณเก่งและอยากจะอวดความเก่งของคุณในบริษัทนี้” เขาพูดเสียงเย็น ก่อนจะดึงกระดาษออกมาจากแฟ้ม “แต่ถ้าคุณไม่มีดีอะไรแล้วจะอวดเขาจะหาว่าคุณ ไม่เจียม

     

                ซากุระทึ่งกับคำปรามาสของเขาอยู่ไม่น้อย ดวงตาสีมรกตไหววูบอย่างรู้สึกอับอายในสิ่งที่เขาพูด... ทั้งแรงกดดัน... สายตา... น้ำเสียงของเขาดูผิดแปลกไปหมดราวกับว่าเป็นคนละคนกัน ดวงตาสีฟ้าที่มีแววขี้เล่นกลับฉาบฉายไปด้วยความเย็นชา

     

    หรือนี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา?

     

                “ผมไม่รู้ว่าเมื่อกี้ผมอ่านอะไรไป นิทานกล่อมเด็กที่มีแต่ถ้อยคำเวิ่นเว้อหรือ? ผมหาสาระจากมันไม่ได้ด้วยซ้ำ มันห่วยสิ้นดี!

     

    แคว่ก!!!

     

                พูดจบนารูโตะก็ฉีกกระดาษในมืออกเป็นสองส่วนแล้วขยำมันทิ้งลงถังขยะ ซากุระมองภาพนั้นอย่างตกใจ... จู่ๆหยดน้ำตาก็ร่วงเผาะอย่างช่วยไม่ได้ ซากุระรีบปาดมันทิ้ง

     

                “ขอ...ขออภัยค่ะท่าน” ซากุระก้มหน้าก้มตาพูด เธอรู้สึกจุกที่อกอย่างบอกไม่ถูก นารูโตะตีหน้านิ่งสนิทก่อนจะพูด...

     

                “ผมจะบอกอะไรให้นะครับคุณซากุระ ความทะยานอยากที่อยากจะซื้อใจรุ่นพี่เพื่อถีบตัวเองขึ้นมาโดยใช้เส้นสายของคุณนั้นผมไม่เห็นด้วย”

     

                “...”

     

                “คุณมัวแต่ห่วงว่าจะได้งานที่นี่รึเปล่า คุณแคร์สายตาของคนอื่นมาก อยากให้เขามองว่าคุณดีทั้งที่คุณไม่ได้แสดงออกถึงความสามารถใดๆออกมาเลย หรือเพราะผมเล่นกับคุณมากไปจนทำให้คุณเหลิงคิดว่ามีผมคอยหนุนหลังอยู่?” นารูโตะพูด เขายังคงจ้องหน้าเธอเขม็ง ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความดูถูก

     

                “ไม่ใช่ค่ะท่าน... ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” ซากุระละล่ำละลักตอบ เธอรู้สึกหน้าชาเหมือนถูกน้ำเย็นๆสาดเข้าอย่างจัง

     

                “ไม่คิดก็ดีแล้วครับ เพราะที่ผมทำเล่นกับคุณไปมันก็แค่พฤติกรรมหมาหยอกไก่ของผมเท่านั้น ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับงานของบริษัทผมย่อมเลือกงานเป็นธรรมดา และพนักงานที่ทำงานชุ่ยๆแถมยังทำงานเอาหน้าคอยประจบสอพลอแบบนี้ผมคงไม่เอาไว้” นารูโตะพูดเสียงราบเรียบ ส่วนคนฟังยืนตัวสั่นน้อยๆ เธอได้คำตอบแล้วว่าทำไมเขาถึงได้คอยป้วนเปี้ยนใกล้ๆเธอแบบนั้น แค่เพราะอยากจะเย้าแหย่เธอเล่นๆ เขาไม่ได้คิดอะไรเลย

     

    คิดแล้วก็เจ็บแปลบๆ...

    เขาพูดถูกทุกอย่าง...

    เธออยากได้ใคร่ดี อยากซื้อใจคนในบริษัทโดยที่ไม่เจียม...

    สมแล้วที่ถูกด่า...

     

                “แต่ผมก็จะไม่โทษว่าเป็นความผิดของคุณร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เพราะทางเราก็ผิดที่จับคุณมาอยู่แผนกนี้ทั้งที่ไม่ได้เรียบจบจากทางนี้มา” นารูโตะพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย... เมื่อเห็นว่าซากุระเงียบไป

     

    เขามักจะเป็นคนเข้มงวดกับการทำงานเสมอ แม้จะใช้ชีวิตเสเพลตามประสาหนุ่มโสดขนาดไหนเขาก็ไม่เคยทิ้งงานและจริงจังกับงานอยู่ตลอดเวลา... มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะดุด่าคนตรงหน้าเพราะเธอทำงานไม่ได้เรื่อง ทำไม่เป็นแล้วยังจะขันอาสาเพื่อเอาอกเอาใจพนักงานของเขาอีก ที่เธอทำแบบนี้ก็คงเพราะอยากเล่นเส้นเล่นสายให้คนอื่นเขาเอ็นดู

     

    มันออกจะน่าสมเพชอยู่ที่เธอเลือกเชื่อถือคนอื่นมากกว่าความสามารถของตัวเอง...

    หรือมันจะเป็นความผิดของเขาที่ลากเอาเธอมาอยู่แผนกนี้จนเธอไม่มีโอกาสแสดงความสามารถกันนะ?

     

                “ทนเอาอีกหน่อยนะครับ ตอนนี้ฝ่ายบัญชีกำลังยุ่งๆ ไม่มีเวลาพอที่จะมาดูแลเด็กฝึกถึงสองคนหรอก รอให้เจ้าหน้าที่รัฐเค้าตรวจสอบบัญชีของบริษัทให้เสร็จก่อนแล้วผมจะส่งคุณกลับไป”

     

                “...” ซากุระยังคงยืนก้มหน้าเงียบ เธอดูจะช็อคกับคำปรามาสของเขามากกว่าที่คิด นารูโตะถอนหายใจ

     

    เด็กหนอเด็ก... เธอไม่รู้เลยหรือว่าชีวิตการทำงานมันไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่คิด

     

                “คุณซากุระ...” นารูโตะเรียก เขาชักจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ เมื่อกี้เขาคงจะพูดแรงไป

     

                “ผม...”

     

                “ท่านเลิกมายุ่งกับฉันจะได้ไหมคะ” ซากุระพูดแทรกขึ้น เสียงของเธอสั่นๆ สรรพนามเรียกแทนตัวเองเปลี่ยนไป

     

                “เอ้อ...”

     

                “ฉันอาจจะทำไปเพื่อเอาหน้า อวดเก่ง อยากได้ใจรุ่นพี่อะไรๆอย่างที่ท่านว่า แต่ท่านรู้มั้ยคะว่าทำไม”

     

                “...”

     

                “เพราะฉันถูกคนเขา เกลียด ขี้หน้าไงคะ ฉันไม่อยากฝึกงานในสภาพนี้ก็ต้องเอาใจทุกคน พยายามทำให้เขาเห็นว่าฉันเป็นมิตร แต่ท่านล่ะ ท่านมายุ่งกับฉันทำไม? เป็นแค่พฤติกรรมหมาหยอกไก่หรือ? ท่านก็พูดได้สิเพราะท่านไม่ใช่คนที่ถูกแอนตี้”

     

    ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ การทำงานโดยที่มีสายตาแห่งความเกลียดชังคอยสาดซัดใส่อยู่ตลอดเวลาแบบนี้มีใครบ้างหรือที่ชอบ ที่ขันอาสาทำทั้งที่ไม่ประสีประสางานก็แค่เพราะอยากให้พวกเขาลดความบาดหมางออกไปบ้างก็เท่านั้น แต่ทำไมตัวต้นเหตุอย่างเขาถึงได้ด่าว่าเธอปาวๆพร้อมทั้งดูถูกเธอทางสายตาแบบนี้เล่า

     

    น่าน้อยใจ...

     

                “ฉันน่ะมันยังไงก็ได้ เขาให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำ! ฉันไปไล่บอกทุกคนไม่ได้หรอกค่ะว่าฉันไม่ใช่เด็กเส้นของท่าน ฉันกับท่านไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกันเลย แต่เพราะอยากให้เขาเกลียดน้อยลงไงคะถึงได้ทำอะไรไม่เจียมตัว ทำไม่เป็นแล้วอวดดีทำแล้วเอามาส่งท่านมันถึงได้ชุ่ยจนท่านต้องฉีกทิ้งแล้วปาลงถังขยะ...”

     

                “ผมยังไม่...”

     

                “เลิกยุ่งกับฉันเถอะค่ะ ถึงท่านจะไม่รับฉันเป็นพนักงานในบริษัทของท่านก็ไม่เป็นไร แค่ท่านปล่อยให้ฉันฝึกงานอย่างสงบๆก็พอ” ซากุระพูดแล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปโดยไม่ลา แม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดแต่นารูโตะมั่นใจว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ ร่างสูงเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง

     

    การก่อกวนของเขาส่งผลร้ายกับเธอถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

     

                ร่างสูงคิดแล้วตบหน้าตัวเองแรงๆ เมื่อพิจารณาเหตุผลที่มาที่ไปของการกระทำของหญิงสาว

     

    เออสิ! เป็นตัวต้นเหตุเองแท้ๆยังไปด่าเขาเสียสาดเสียเทเสีย

     

                นารูโตะลุกพรวดจากเก้าอี้เมื่อนึกได้ว่าเขาควรจะตามไปขอโทษเธอ แต่พอเปิดประตูออกมาก็พบว่าเธอหายไปแล้ว มิหนำซ้ำยังไม่อยู่ที่โต๊ะอีก ร่างสูงทึ้งศีรษะตนเองอย่างหัวเสีย

     

    หมาหยอกไก่หรือ?

    เหอะ! แม่คุณคงจะเป็นไก่ฟ้าซะล่ะมั้ง!

     

    .

    .

    .

     

    เขามันเป็นคนบ้า!

     

                ซากุระตะโกนว่าเจ้านายของตนในใจ เธอมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีก เธอมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำ... ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องเสียอกเสียใจขนาดนี้... ซากุระถามตัวเอง...

     

    อาจเพราะเขาเป็นคนเดียวที่หยิบยื่นไมตรีให้เธอ...

    พอถูกเขาว่าเสียๆหายๆหน่อยเธอก็เลยช็อคจนพูดไม่ออก...

     

                ซากุระหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า นิ้วเรียวกดหาเบอร์ของเพื่อนสนิทของตัวเอง ตอนนี้เธอกำลังต้องการใครซักคนให้มาอยู่เป็นเพื่อน อยากทำให้ตัวเองเข้มแข็งก่อนจะไปเผชิญกับสายตารังเกียจของผู้คนรอบข้าง

     

    เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ค่ะ...

     

                เสียงโอเปอเรเตอร์ตอบกลับมาทำให้ซากุระจำต้องตัดใจตัดสายทิ้งไป หญิงสาวเก็บมือถือไว้ตามเดิม เปิดก๊อกน้ำแล้วกวักน้ำล้างใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป...

     

    เห็นทีเธอคงต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง...

     

     ซากุระเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสามสิบห้า เธอลงทุนเดินลงมาเข้าห้องน้ำถึงชั้นล่างเพราะไม่อยากเห็นสายตาเขม่นและจับผิดของแผนกบริหาร... ซากุระยืนรอสักพักลิฟต์ก็เลื่อนลงมาถึงชั้นหนึ่ง ผู้คนค่อยๆทยอยออกมาจนเหลืออยู่สองสามคน ซากุระเงยหน้าขึ้นเตรียมจะเดินเข้าไปในลิฟต์ แต่แล้วร่างบางก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนสองสามคนที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์ เธอมองดูหนึ่งในนั้นตาค้าง...

     

    ใบหน้าหล่อคมที่ติดแววเฉยชาต่อทุกสรรพสิ่ง...

    ตัวที่สูงเด่นกับผิวที่ขาวจนค่อนไปทางซีด...

    เรือนผมสีดำสนิทที่รองรับกับดวงตาสีเดียวกัน...

     

    ไม่ผิดแน่!

     

                “รุ่นพี่!” เธอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าชัดๆ แต่ชายที่เธอเรียกว่า รุ่นพี่ทำเพียงแค่ปรายตามอง ใบหน้าของเขายังเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ซากุระอ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดดี แต่ระหว่างที่เธอกำลังคิดประโยคต่อไปออกมาพูดกับเขานั้น คนถูกทักก็เดินจากไปเสียก่อน ซากุระมองตามไปอย่างทึ่งๆ ความกังวลใจแผ่ซ่านไปทั่ว...

     

    ไม่ผิดแน่...

    เขาคนนั้นคือรุ่นพี่ ซาอิ

    อดีตนักศึกษาอัจฉริยะสาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์...

     

    และที่สำคัญ...

     

    เขาคือแฟนเก่าของอิโนะ!

     

    .

    .

    .

     

                จูโกะสั่งกาแฟมาดื่มเป็นแก้วที่สอง เขานั่งรอใครบางคนที่ร้านกาแฟหรูมาร่วมชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไม่ปรากฏวี่แววของคนที่นัดไว้เลยสักนิด เลขาหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือ

     

    บ่ายสอง...

     

                ทั้งๆที่นัดไว้บ่ายหนึ่งโมงแท้ๆ หรือเธอเห็นว่าเขาเป็นคนของธนาคารอุจิวะก็เลยจงใจเบี้ยวนัด จูโกะยิ้มเย็นก่อนจะหยิบมือถือโทรหาใครบางคน

     

                “อืม...ฉันเอง ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นออกมาเดี๋ยวนี้ บอกไปว่าถ้าอีกครึ่งชั่วโมงไม่มาพบฉันก็เตรียมพบกับจุดจบในหน้าที่การงานได้เลย” พูดเสียงเย็นจากนั้นก็ตัดสายฉับ จูโกะยิ้มเฝื่อนๆกับตัวเอง

     

    สงสัยไปติดนิสัยร้ายๆจากเจ้านายมาเสียแล้วกระมัง...

     

                อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างเพรียวบางของหญิงวัยกลางคนก็ปรากฏขึ้น เธออยู่ในชุดยูนิฟอร์มของบริษัทรับออกแบบบ้านที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้ ใบหน้าที่ยังดูสาวผิดอายุกำลังบูดบึ้งเหมือนเพิ่งไปกินรังแตนที่ไหนมา จูโกะตีหน้านิ่งสนิทเมื่อเธอจงใจเลื่อนเก้าอี้ออกเสียงดังแล้วนั่งตรงข้ามกับเขา

     

                “สวัสดีครับ ผมเป็นตัวแทนของธนาคารอุจิวะ ชื่อ จูโกะ” เขาแนะนำตัว แต่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ซึ่งอีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาตอบรับไม่ต่างกันเท่าไหร่

     

                “ย่ะ! ฮิโตมิว่าเสียงขุ่น

     

                “คุณคงพอจะเดาได้ว่าผมนัดคุณมาทำไม”

     

                “...” ฮิโตมิเงียบ เธอเม้มปากแน่นสนิท มือชื้นเหงื่อทั้งที่นั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ

     

    คงมาทวงหนี้...

     

                “เงินที่สามีคุณไปขอกู้ยืมมาจากธนาคารเรากำลังจะครบกำหนดชำระในอาทิตย์หน้า... ที่ผมกำลังจะพูดก็คือมาตรการผ่อนผันที่ทางเรายอมอะลุ่มอล่วยให้ชำระล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นกำลังจะหมด คุณทราบเรื่องนี้ใช่มั้ยครับ”

     

                “ใช่ ฉันรู้! กำลังหาเงินใช้อยู่!” ฮิโตมิพูดเสียงแข็ง เธอคิดแล้วก็นึกแค้นสามีเฮงซวยที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ดันมาก่อหนี้ก้อนโตไว้แล้วก็ตายไป นังลูกสาวนั่นก็อีก ถ้าหากยอมไปเป็นเมียน้อยเสี่ยซะตั้งแต่ตอนนั้นเธอคงไม่ต้องมานั่งผวากลัวหาเงินใช้หนี้ไม่ทันแบบนี้แน่ๆ

     

    อวดดีนักนังนั่น!

    ปากบอกปาวๆว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ สุดท้ายก็ให้เขามาตามทวง!

     

                “ผมก็ไม่เชิงอยากจะข่มขู่คุณนะครับ แต่ธนาคารของเราคงไม่ผ่อนผันให้เป็นรอบที่สองแล้ว”

     

                “เอ๊ะ ไม่ต้องมาย้ำนักหรอก ฉันก็ไม่ได้จะขอผ่อนผันอะไรนี่ยะ”

     

                “ดีครับ ผมว่าคุณก็พูดจารู้เรื่องดี... คุณต้องชำระเงินตามที่กำหนด มิเช่นนั้นทางธนาคารจำจะต้องยึดบ้านพร้อมที่ดินของคุณ” จูโกะพูดต่อไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าคนตรงหน้าไม่มีทางมีเงินพอที่จะมาจ่ายแน่ ทางด้านของฮิโตมิกลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าใด บ้านหรือ? อยากจะยึดนักก็ยึดไปเพราะเธอไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว บ้านเก่าๆของอดีตสามีเฮงซวยนั่นไม่ได้มีความสำคัญขนาดที่ว่าเธอต้องไปวิ่งหาเงินเอามาใช้แทนสักหน่อย

     

                “ที่อุตส่าห์ให้คนไปข่มขู่เรียกฉันมาก็มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย? งั้นฉันจะกลับแล้ว!” ฮิโตมิว่าก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น เธอมองจูโกะอย่างเหยียดๆ แต่ยังไม่ทันที่จะหันหลังเดินจากไปเสียงของจูโกะก็หยุดเธอไว้เสียก่อน

     

                “นั่นมันแค่หนี้ส่วนที่สามีของคุณขอกู้ ที่ผมเรียกคุณมาในวันนี้มันมีหนี้ส่วนของคุณอยู่ด้วย...” น้ำเสียงราบเรียบที่ฟังดูสบายหูนั้นทำให้คนฟังถึงกับหยุดชะงักหน้าถอดสี

     

                “คุณคงไม่ลืมนะครับ คุณฮารุโนะ  ฮิโตะมิ...”

     

                “ดะ...เดี๋ยวสิ หนี้ของฉันเหรอ มันยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเลยนี่” สาวใหญ่ร้องเสียงหลง เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม สายตาไม่เหลือแววหยามเหยียดอีกต่อไป

     

                “คุณคงใช้เงินเพลินจนลืมดูเวลาแล้วล่ะครับ กำหนดจ่ายคือสิ้นเดือนนี้ หากคุณไม่มาชำระตามกำหนด ทางธนาคารคงจะดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาด”

     

                “มาตรการ? มาตรการอะไรกัน”

     

                “ฟ้องเอาเงินคืนน่ะครับ และต้องปรับคุณเป็นห้าเท่าจากเงินที่คุณขอกู้ไป” จูโกะพูด เขายิ้มเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นสีหน้าตระหนกตกใจของอีกฝ่าย ฮิโตมิเอามือทาบอกเหมือนอยากจะเป็นลมล้มพับไปเสียตรงนั้น ยังดีที่พอประคองตัวเองเอาไว้ได้

     

                “และถ้าฉัน...หามาใช้ไม่ได้ล่ะ” เธอถามเสียงเบาหวิว

     

                “งั้นก็คงต้องขอให้ไปนอนอยู่ในห้องขังสักสองสามปีในข้อหาละเมิดสัญญาครับ”

     

                “ติดคุกเหรอ!!!” ฮิโตมิตะโกนเสียงดังจนคนทั้งร้านหันมามอง แต่สาวใหญ่ไม่สนใจอะไรแล้ว เธอได้แต่มองจูโกะด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก...

     

    ใครมันจะบ้าถูกจับเข้าคุกกัน!

     

                จูโกะลอบมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้า... ดูท่าว่าเขาคงไม่ต้องใช้เวลานานในการเจรจาเท่าใดนัก ผู้หญิงคนนี้ไม่อยากติดคุกและยังหาเงินมาใช้ไม่ได้... แผนการของเขากำลังดำเนินไปได้สวย...

     

                “แต่ผมมีข้อเสนอมาให้คุณ... ทางธนาคารจะยกหนี้ทั้งหมดให้และแถมเงินให้คุณอีกสิบล้าน คุณสนใจรึเปล่าครับ?” ประโยคของจูโกะทำให้คนที่กำลังนั่งหน้าซีดหูผึ่ง ฮิโตมิเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะโพล่งถาม

     

                “จริงเหรอ!!!!!

     

                “ครับ ถ้าคุณสนใจจะฟังข้อเสนอ ผมคงต้องขอให้คุณลางานครึ่งวันแล้วไปเจรจากับผมที่อื่นแทน” เลขาหนุ่มว่า เขาเห็นประกายความโลภจากดวงตาของสาวใหญ่ จูโกะเหยียดยิ้ม...

     

                “ไปสิไป! จะพาฉันไปที่ไหนก็ไปเลย เร็วๆเข้า แต่คุณต้องรับปากนะว่าที่พูดมาน่ะจริง!

     

                “เอาเกียรติของธนาคารอุจิวะเป็นประกันเลยครับ... ผมพูดจริงแน่”

     

     

     

     

                บักโตะนี่! บังอาจทำหนูกุร้องไห้ เชอะ! -^- บทนี้เปิดตัวอีกหนึ่งตัวละครคือซาอิ ดูจาก first impression แล้วก็เดาๆไปเลยว่าพี่แกต้องมาสายโหด อาจจะเป็นตัวละครชายที่น่าจับเตะออกไปนอกโลกที่สุดก็ได้ แอร๊ยยย>.< บทนี้ไม่มีเกะอีกแล้ว เก็บตัวหมกๆเอาไว้ให้อยู่สงบเสงี่ยมกับพี่จิ (มิ้ง~) เรื่องราวเข้มข้นเข้าไปทุกที ถึงแม้ว่าจะดำเนินไปอย่างช้าๆก็เถอะนะT^T วันนี้เค้ามาอัพช้ามิถือสากันน้า>.<

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×