คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 3 : ราชาเคลื่อนไหว!
บทที่ 3 ราชาเคลื่อนไหว!
ไม่จริง!
นั่นเป็นเสียงแรกในใจเธอที่ร้องประท้วง
ต้องไม่ใช่ผู้ชายคนนี้
เสียงที่สอง...
เป็นไปไม่ได้!!!
เสียงที่สาม...
และคงจะมีอีกหลายๆเสียงตามมาแน่ถ้าชิสึเนะไม่ส่งสายตาเขียวปัดมาให้เธอเสียก่อน เพราะเสียงอุทานคำแรกของเธอตอนที่พบหน้าท่านประธานหนุ่มนั้นมันไม่ได้เบาเลย เล่นเอาพนักงานที่ยืนอยู่แถวนั้น คนติดตาม บอดี้การ์ด ยันแม่บ้าน และที่สำคัญ...เจ้า ‘คนโรคจิต’ หันมามองกันเป็นตาเดียว... ถึงแม้ว่ารายสุดท้ายจะมองอยู่แล้วก็เถอะ
นารูโตะยิ้มค้าง...
“ประทับใจจริงๆนะครับคุณชิสึเนะ คำทักทายแรกของเด็กฝึกงานเนี่ย” เขาพูดเหน็บพร้อมกับยักคิ้วให้เธอ หากแต่ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลนั้นกลับดูเย็นชาเสียจนคนมองยังขนลุก
“เด็กคนนี้เพิ่งมาวันนี้เป็นวันแรกค่ะท่านประธาน ก็เลยยังไม่ได้อบรมเรื่องสัมมาคารวะ” ชิสึเนะพูด ดวงตาสีนิลจ้องมองมายังเธออย่างคาดโทษ ซากุระที่เหมือนจะได้สติจากคำเหน็บแนมของนารูโตะได้แต่ยืนก้มหน้า
ท่านประธาน...
เธอไม่ต้องพยายามหาความคิดใดๆมาแย้งแล้ว ชายคนนี้คือ ‘ท่านประธาน’ จริงๆ ท่านประธานที่ชื่อ อุซึมากิ นารูโตะ... เด็กชายจอมแสบเมื่อสิบห้าปีก่อน
“ดิฉัน... ดิฉันไม่ทันระวังปากค่ะท่านประธาน ได้โปรดอภัย...” เธอเอ่ยโดยไม่เงยหน้ามองเขาสักนิด...
ทำไมจู่ๆก็รู้สึกเจ็บแปลบๆในใจ...
กะอีแค่ผู้ชายที่เป็นเป้าหมายมีบุคลิกผิดไปจากที่จินตนาการแค่นี้...
เธอไม่ควรเสียใจ...
“เอาเถอะ ผมจะถือว่าไม่ได้ยิน...” นารูโตะพูดพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของตนที่อยู่ด้านในสุด แต่จู่ๆใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ไม่เหลือรอยยิ้มหว่านเสน่ห์เอาไว้เลยแม้แต่น้อย บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปทันตาเห็น รังสีอำมหิตถูกส่งมาจากผู้คนโดยรอบ... ซากุระยืนทำหน้าไม่ถูก
ถ้าใครเป็นเธอก็ต้องพูดแบบเดียวกัน เชื่อสิ!
.
.
.
“เฮ้อ!!!” ซากุระถอนหายใจเฮือกใหญ่ เป็นการถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้... ตอนนี้ร่างบางรู้เพียงอย่างเดียวว่า...
เธอเหนื่อยมาก...
ไม่ได้เหนื่อยกายสักเท่าไหร่เพราะงานของเด็กฝึกที่ถูกส่งมาอยู่ผิดแผนกนั้นมีแค่ตรวจทานคำถูกผิดของบันทึกการประชุมที่พนักงานคนอื่นๆส่งมาให้ พูดง่ายๆก็คือเป็นฝ่ายพิสูจน์อักษร...
เรียกได้ว่าไม่ได้ใช้ความสามารถที่เธอร่ำเรียนมาเลยก็ไม่ผิด...
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเหนื่อยแสนเหนื่อยนั้นกลับกลายเป็นความคิดของเธอเอง... ซากุระคาดหวังเป็นอย่างมากว่าเธอจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำของที่นี่หลังจากเรียนจบ แต่ความฝันของเธอก็ยิ่งดูห่างออกไปหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า...
พนักงานทุกคนกำลังบอยคอตเธอ...
ไม่หรอก... ไม่เรียกว่าทุกคนเท่าไหร่ เพราะยังมีอยู่คนหนึ่งที่ดูจะให้ความสนใจเธอเสียเหลือเกิน! ซากุระอยากจะลบภาพซักภาพออกจากความทรงจำ แต่เธอไม่รู้ว่าจะเลือกลบภาพไหนดี ระหว่างภาพของเด็กชายในจินตนาการที่ผู้เป็นพ่อเคยเล่าให้ฟัง กับภาพของชายโรคจิตที่ทำเรื่องบัดสีในรถตอนกลางวันแสกๆ!
“ถ้าถอนหายใจแรงกว่านี้ก็น่ากลัวว่าตึกของผมคงจะถล่มแล้วล่ะมั้ง” เสียงกวนๆของนารูโตะดังออกมาจากจอมอนิเตอร์เล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอ บนจอปรากฏภาพของชายหนุ่มน่าตาดีที่กำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้เธออย่างกวนๆ
ซากุระเบ้ปาก...
เธอเกลียดเทคโนโลยีที่ทันสมัยของบริษัทนี้จริงๆ!
“ทำหน้าแบบนั้นก็น่ารักดีนะ ผมชอบ” นารูโตะพูดเมื่อเห็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความเซ็งสุดขีดของอีกฝ่าย จะว่าไปพฤติกรรมของเขาในตอนนี้นั้นคงไม่ต่างจาก ‘ไอ้โรคจิต’ ที่เธอเรียกเขาเลย... เขาล่ะชอบนักที่จะเป็นตัวป่วน และกับคนที่กล้าเรียกเขาว่า ‘โรคจิต’ นี่ต้องบอกเลยว่าชอบเป็นพิเศษ
เพราะเป็นถึงอาณาจักรไอทีที่เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย จึงไม่แปลกที่บริษัทของเขาจะมีเครื่องไม้เครื่องมือแปลกๆแบบที่บริษัทอื่นเขาไม่มีกัน... ไม่มีที่ไหนเพี้ยนพอที่จะทำระบบแบบนี้มากกว่า... ระบบที่ว่านั่นก็คือระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่มีไว้สำหรับใช้สั่งงานพนักงานอีกทั้งยังเป็นการสอดส่องดูแลพฤติกรรมของพนักงานไปในตัว โดยระบบนี้มีการทำงานหลักๆคือที่โต๊ะของพนักงานทุกคนจะติดตั้งเครื่องรับสัญญาณเล็กๆพร้อมจอมอนิเตอร์ที่มีไมโครโฟนขนาดจิ๋วและลำโพงในตัว เพื่อใช้สำหรับสนทนาโต้ตอบและรับคำสั่งจากผู้ที่เป็นหัวหน้า แน่ล่ะว่าคนที่นั่งเก้าอี้ประธานของบริษัทอย่างเขาย่อมมีความสามารถที่จะเข้าถึงเครื่องรับสัญญาณทุกเครื่องในบริษัทและสามารถติดต่อพนักงานได้ทุกแผนกผ่านระบบนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทจะนำเทคโนโลยีแสนไฮเทคมาใช้ได้ผิดจุดประสงค์ไปเสียหน่อย...
“ปีนี้คุณอายุยี่สิบเอ็ดแล้วเหรอ บรรลุนิติภาวะแล้วนี่... อ่า...ผมคงพ้นข้อหาพรากผู้เยาว์แล้วสินะ” นารูโตะบ่นพึมพำ แต่คนฟังนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้พิจารณาเนื้อความในประโยคของเขาว่ามันมีเนื้อหาเกี่ยวกับเธอเต็มๆ!
“สนใจไปนั่งรถเล่นด้วยกันหลังเลิกงานไหม?”
“ท่านประธาน ‘ว่าง’ มากเลยเหรอคะ” ซากุระพูดขึ้นเมื่อความอดทนของเธอกำลังจะหมดลงในอีกไม่ช้า ดวงตาสีมรกตไม่ได้มองที่จอเลยสักนิด ความจริงคือเธอ ‘พยายาม’ จะไม่มองเลยต่างหาก
ยังทำใจไม่ได้...
“ก็ไม่หรอก อีกครึ่งชั่วโมงจะประชุมบอร์ดผู้บริหาร อืม...จะว่าไปผมก็ออกจะยุ่งๆหน่อยนะ”
“แล้วทำไมไม่ไปทำงานทำการล่ะคะ!?! จะมาก่อกวนดิฉันให้มันได้อะไรขึ้นมา!” ซากุระพูดขึ้นอย่างเหลืออด เสียงของเธอดังเสียจนพนักงานคนอื่นที่ทำงานอยู่ใกล้ๆหันมามองพร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจในที ซากุระก้มหน้าขอโทษขอโพยอีกครั้ง วันนี้เธอเสียคะแนนนิยมจนติดลบไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว!
ขอเวลาให้เธอทำใจหน่อยไม่ได้รึไง...
ทำไมเขาต้องเอาหน้ามาให้เธอเห็นด้วย...
“หือ? ไม่พอใจอะไรผมเหรอครับ?” นารูโตะพูดพร้อมกับหัวเราะ เสียงตะโกนของเธอเมื่อกี้ก็ดังผ่านกำแพงเข้ามาถึงหูของเขาโดยตรงเลยล่ะ
“ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรก็ตัดสายไปเถอะค่ะ ดิฉันต้องทำงาน”
“การเป็นเพื่อนคุยของประธานบริษัทนี่ก็ถือเป็นงานสำคัญนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ช่วยจ้างดิฉันเอาไว้ในตำแหน่ง ‘เพื่อนคุย’ ได้รึเปล่าล่ะคะ!?” ซากุระพูดประชด เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ถึงได้วิดีโอคอลเข้ามาก่อกวนเธอตั้งสองชั่วโมง! เขาแค้นหรือที่เธอไปตะโกนใส่หน้าหาว่าเขาเป็นโรคจิต หรือเขาโกรธเธอที่เธอดันไปเห็นฉากตอนที่เขากำลังกินสดผู้หญิงบนรถ
“ไม่ล่ะ ผมไม่จ้างหรอก เพื่อนคุยผมมีเยอะแล้ว” นารูโตะตอบพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้าผมจ้างมาเป็น ‘คู่ชีวิต’ ล่ะคุณจะตกลงไหม ค่าจ้างผมจ่ายตลอดชีวิต”
“ขอปฏิเสธ”
“ใจร้ายจังนะครับ”
“ดิฉันไหว้ล่ะค่ะ...”
“ตามสบาย...”
“เอาหน้าของท่านออกไปซักที...”
“พอดีว่าผมอยากให้คุณเห็นหน้าผมนานๆน่ะ”
“ดิฉันไม่...”
“...ไม่คิดเหรอว่าบางทีผมก็หล่อเกินไป”
ไม่ได้คิดเลยสักนิด!!!
ตามจริงก็คิดอยู่หน่อยๆ...
ซากุระเอามือตบหน้าผากตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไง เธอหมดสิ้นคำจะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายแล้ว เธอพยายามสงบสติอารมณ์และท่องในใจว่าเขาคือเจ้านาย เธอจะต้องห้ามโกรธห้ามโมโห เพราะมิฉะนั้นเธออาจจะไม่สามารถอยู่ฝึกงานที่นี่จนครบกำหนด... การตัดสินใจของชายคนนี้ถือว่าสามารถชี้เป็นชี้ตายเธอได้ ห้ามทำให้เขาโกรธ...
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วซากุระก็เปลี่ยนจากใบหน้าที่แสนบึ้งตึงมาเป็นใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ทำเอาคนมองหัวใจสั่น หญิงสาวเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จอ...
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำค่ะ!” เธอพูดกระแทกใส่หน้าเข้าแล้วก็เดินปึงปังออกไปจากโต๊ะ นารูโตะได้แต่นั่งอึ้งอยู่สักพักก่อนจะระบายยิ้มที่มุมปาก
ลูกสาวของคุณน่ะ ดื้อกว่าผมอีกนะครับ...
.
.
.
“เธอเป็นพนักงานประจำ... เพิ่งมาทำงานที่นั่นได้ปีกว่าครับ ชื่อของเธอคือ...”
“ไม่ต้อง... ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น บอกมาว่าผู้หญิงคนนี้มีจุดอ่อนอะไร... จุดอ่อน...ที่ทำให้ชีวิตของยัยนั่นดิ่งลงเหว...” ซาสึเกะพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีรัตติกาลยังคงลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธ
เขาจะทำให้เธอชดใช้...
ทำให้ชีวิตที่ไร้ค่านั่นพังยับเยิน...
ข้อหาที่เธอมาหยามเขา!
หลังจากกลับจากผับเมื่อคืนซาสึเกะก็แทบจะข่มตานอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เขาเอาขวดเหล้าไปฟาดหัวลูกชายเจ้าของธนาคารคู่แข่ง... แต่เป็นเรื่องของผู้หญิงชั้นต่ำคนหนึ่งที่กล้ามาตบหน้าเขา...
ตบหน้าเขา...
เขาเนี่ยนะ...
และเพราะว่าไม่สามารถข่มตานอนได้เขาจึงโทรสั่งเลขาให้หาข้อมูลของหญิงสาวที่ไม่เจียมตัวคนนั้น และนั่นก็เป็นเหตุผลให้คนที่กำลังยืนรายงานอยู่มีรอยคล้ำใต้ขอบตาที่เห็นได้ชัด...
เขายังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ...
“เอ่อ...ผมพอจะสืบทราบมาว่าเธอเป็นลูกหนี้ของธนาคารเราครับ” เลขาสารพัดประโยชน์ ‘ซุยเงสึ’ กำลังรายงานเรื่องที่เจ้านายขี้เอาแต่ใจของเขาสั่งให้ไปสืบ ดวงตาสีอะเมทิสต์ไหววูบเล็กน้อยเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีรัตติกาลที่แสนร้ายกาจของผู้เป็นนาย
ซาสึเกะระบายยิ้มเย็น...
“ลูกหนี้เหรอ?”
“ครับ เธอเป็นหนี้กับทางธนาคารอยู่ราวๆสามล้าน”
“นอกจากจะเป็นพวกชั้นต่ำแล้วก็ยังจนติดดินอีกหรือนี่ ชีวิตแบบนี้ไม่มีค่าพอที่จะไปขยี้ทำลายเลยด้วยซ้ำ” ซาสึเกะพูดกับตัวเอง เขากอดอกแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สมองที่แสนปราดเปรื่องกำลังคิด...
วิธีไหนจะทรมานใจที่สุด...
ซุยเงสึที่ยืนมองดูปฏิกิริยาของผู้เป็นนายถึงกับลอบกลืนน้ำลาย เขาไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดซาสึเกะถึงได้สั่งให้ตัวเองไปสืบประวัติของโคโยตี้สาวสวยดาวเด่นประจำผับคนนี้ ปกติซาสึเกะเคยอยากรู้เรื่องราวของคนอื่นซะที่ไหน... เวลาที่เขาอยากจะรู้เรื่องของใครซักคนพร้อมทั้งให้หาจุดอ่อนแบบนี้มีอยู่เหตุผลเดียว
ต้องการจะทำลายยังไงล่ะ
ยิ่งคิดเลขาหนุ่มก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมราชาที่แสนเย่อหยิ่งอย่างซาสึเกะจะต้องหันไปเล่นงานผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีชีวิตน่าสงสารคนนี้ด้วย เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือ?
“เรื่องผู้หญิงคนนี้ ถ้าฉันคิดอะไรออกแล้วจะโทรไปสั่ง... ออกไปได้แล้ว” ซาสึเกะพูดเสียงเรียบ ซุยเงสึโค้งให้อย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกไป และเขาก็สวนทางกับเลขาอีกคนของซาสึเกะที่ประตูชั้นนอกพอดี
“อารมณ์ดีไหม?” นั่นเป็นประโยคแรกที่จูโกะพูดกับเพื่อนร่วมงานที่รู้จักกันมาหลายปีของเขา มันดูเป็นประโยคที่ออกจะแปลกประหลาดเสียหน่อยหากแต่พวกเขาย่อมเข้าใจกันดีว่าอีกฝ่ายหมายความถึงอะไร
อารมณ์ของซาสึเกะ...
ซุยเงสึได้แต่ยักไหล่ก่อนจะตอบ
“ยิ้มแก้มปริ”
“หุ้นขึ้นเหรอ?” จูโกะถาม ‘ยิ้มแก้มปริ’ นั่นหมายถึงซาสึเกะอารมณ์ดีสุดๆ ซึ่งมันไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนักหรอก...
“เกมล่าสังหารต่างหาก”
“คราวนี้ใครอีกล่ะ”
“ผู้หญิง... เป็นโคโยตี้” ซุยเงสึตอบและเขาก็เห็นสีหน้าประหลาดใจของจูโกะ มันเหมือนสีหน้าของเขาตอนที่ถูกสั่งให้ไปสืบเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิด
“สงสัยคุณซาสึเกะจะพัฒนาขึ้น”
“ฉันแน่ใจว่ามันไม่ใช่ในทางที่ดี” ซุยเงสึพูดไว้แค่นั้นก่อนจะแทรกตัวเดินผ่านประตูไป มีงานอีกสองสามงานที่เขาจะต้องไปจัดการภายในวันนี้ หากไม่รีบทำให้เสร็จก็คงไม่พ้นถูกราชากระทืบไส้ไหลแน่ๆ คิดแล้วก็นึกสงสารตัวเองอยู่หน่อยๆ...
แต่คนที่น่าสงสารจริงๆก็คงจะเป็นศัตรูของซาสึเกะ...
ไม่รู้ว่าชาติก่อนคุณเธอไปก่อกรรมหนักอะไรเอาไว้...
ชาตินี้ถึงได้ถูกคนที่ร้ายกาจจนนรกยังยกให้เป็นราชาตามจองเวรขนาดนี้!
ทางด้านคนที่กำลังจะเข้าไปหาผู้เป็นนายได้แต่มองตามแผ่นหลังผอมบางของเพื่อนไป ดูท่าว่าทางนั้นก็คงได้รับงานอะไรที่มันให้ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเหมือนเขาแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่างานของใครจะชวนหดหู่มากกว่ากัน...
“จูโกะครับ” จูโกะพูดขึ้นเมื่อยืนอยู่หน้าห้องพักสำรองซึ่งเป็นห้องที่ถูกแบ่งไว้อีกที
“เข้ามา” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยอนุญาตทำให้คนที่ยืนรออยู่หน้าประตูผลักบานประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นก็ทำเอาคนที่มักตีหน้านิ่งอย่างเขาถึงกับผงะ…
ซาสึเกะกำลังยิ้มแก้มปริจริงๆ...
แถมยังเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายสุดๆ!
“เรื่องที่ฉันสั่งให้ไปทำล่ะ” ซาสึเกะเงยหน้าขึ้นถามผู้มาใหม่ มือหนากำลังควงปากกาเล่นอย่างอารมณ์ดี
“ตอนนี้ผมกำลังสืบประวัติอยู่ครับคาดว่าอีกสองอาทิตย์ทุกอย่างน่าจะพร้อม”
“สองอาทิตย์? นานเกินไปไหมสำหรับนาย”
“ขออภัยด้วยครับ ผมทำให้เร็วที่สุดได้แค่นั้น” จูโกะตอบตามตรง งานที่ผู้เป็นนายมอบให้ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ...
‘หาแม่ของลูกให้ฉัน... ฉันต้องการผู้หญิงซักคนมาเป็นแม่อุ้มบุญ เป็นผู้หญิงที่สามารถตั้งท้องได้ ยิ่งหิวเงินยิ่งดีเพราะมันจะควบคุมได้ง่าย... ทำให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่สามารถมาเรียกร้องอะไรจากฉันได้อีกหลังจากที่เธอยกลูกให้ฉันแล้ว... ถ้าเรียบร้อยแล้วก็พามาพบฉัน’
จูโกะแทบไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินคำสั่งสุดพิสดารแบบนั้นจากปากของซาสึเกะ ช่วงเวลาแปดปีที่เขาเดินตามหลังชายที่ชื่อ ‘อุจิวะ ซาสึเกะ’ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะรู้สึกลังเลในคำสั่งของเจ้านาย
ซาสึเกะไม่เคยตัดสินใจพลาด...
แม้ว่าการตัดสินใจแต่ละอย่างของเขาจะดูน่าเหลือเชื่อขนาดไหน ผลของมันก็จะออกมาดีเสมอ...
แต่ครั้งนี้เล่า... มันจะยังออกมาดีอยู่หรือ?
จูโกะคิด แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งอะไรของซาสึเกะได้ เขาได้แต่เชื่อว่าชายหนุ่มจะยังคงรักษาสถิติการตัดสินใจที่ไม่เคยผิดพลาดของตัวเองต่อไป...
“ผมมีอีกเรื่องจะรายงานครับ” จูโกะพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“อะไร”
“คุณอิทาจินัดดื่มน้ำชากับเจ้าบ้านฮิวงะในสัปดาห์หน้า...”
“!!!”
“ผมคิดว่ามันแปลกที่คุณอิทาจิจะยอมเลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศเพียงเพื่อพบปะกับเจ้าบ้านฮิวงะก็เลยมารายงานให้คุณรู้...”
“หายนะ...” ใบหน้าแสนรื่นเริงของซาสึเกะเปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้ใบหน้าที่งดงามของเขาค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววตระหนก
“วันที่พี่นัดไปดื่มน้ำชาที่บ้านโน้นน่ะ... ฉันว่าง...ใช่มั้ย?” เขาถาม น้ำเสียงดูไม่มั่นคงเท่าใดนัก
“ครับ เป็นวันเดียวในรอบเดือนที่คุณว่าง” จูโกะตอบเสียงราบเรียบ
“เวร...”
“...”
“ไอ้ผู้หญิงที่ฉันให้หาน่ะ จะเอาแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องสวย ไม่ต้องดี เอาคนที่แค่เอาเงินฟาดหัวก็ยอมทำได้ทุกอย่าง ฉันต้องการด่วนมาก!” ซาสึเกะสั่งเสียงร้อนรน เขาไม่ได้สนใจใบหน้าที่ตื่นตกใจของคนรับคำสั่งเลยแม้แต่น้อย จูโกะได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆกับคำสั่งสายฟ้าแลบ
“กะ...เกิดอะไรขึ้นกันครับ”
“แค่นี้นายดูไม่ออกเหรอ...”
“...”
“พี่อิทาจิคิดจะจับคู่ฉัน!”
เย้!!! จบไปแล้วสำหรับบทที่3 อิอิ เกะกลับมาแล้วพร้อมความแค้นสุมเต็มอก งื้อออ หนูกุที่น่าสงสารของฉานนนT^T อยู่บริษัทก็โดนเจ้าโตะกาหัวไว้ แถมตอนนี้ยังมีเงาดำๆคอยตามเล่นงานอีก อิอิ ชีวิตกุน้อยช่างรันทดT^T
ความคิดเห็น