ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ป่าเอเซนนิกส์
"จะเอาอะไรไหมจีล" เด็กสาวลืมตาเล็กน้อย ทำท่าจะพูดเค้กสังเกตเห็นเลยเดินมาที่เตียงของจีล "เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้ดื่มนะ" จีลพยักหน้าเล็กน้อย
"จะฟังข่าวก็ได้นะ รีโมทอยู่แถวๆนั้นแหละ" จีลหยิบแก้วน้ำจากมือเค้ก
"ค่อยๆดื่มก็ได้จีล" เค้กยิ้มมุมปากเล็กน้อย
วันนี้เกิดเหตุการณ์ที่เมืองเฟติส ณ ป่าเอเซนนิกส์ มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งขับเครื่องบินยานยนต์ขับชมวิวทิวทัศน์ในป่าใหญ่ได้พบกับ ชายนิรนามอายุราว 30 เสียชีวิตอยู่กลางป่า สภาพศพผิวหนังแห้งเหมือนๆกับมัมมี่ไม่มีร่องรอยการทำร้าย สาเหตุทางแพทย์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดเพราะอะไร รัฐบาลจึงประกาศว่าที่นั่นคือเขตหวงห้าม ห้ามใครไปเด็ดขาด
แอ๊ด... เสียงเปิดประตูดังขึ้นมา เจลาลิ่ง แคร์ มินท์ เดินเข้ามาภายในห้องในมือของแคร์มีกระเช้าดอกไม้สีสันสวยงามถือมาด้วย
"ฉันให้เธอนะ" แคร์เอ่ยและมอบกระเช้าดอกไม้ให้กับจีล
"ขอบใจนะแคร์" จีลยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ
"เป็นไงมั่งเพื่อน ฝึกไปถึงไหนและ" เค้กเดินมาตบบ่าเจลาลิ่ง
"ก็... งั้นๆอะ"
"มะกี้ฉันฟังข่าวมานะ เห็นบอกว่าเขาจะปิดเป็นเขตหวงห้ามอะที่ป่าเอเซนนิกส์
เห็นว่ามีคนตายสภาพศพเหมือนมัมมี่ แพทย์บอกว่าหาสาเหตุไม่ได้" เค้กอธิบายให้ฟัง
"ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ" เจลาลิ่งเสริม
"แล้วเอาไงดีจ๊ะ" แคร์เอ่ย
"เห็นทีต้องบุก" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงหนักแน่นเอาจริงเอาจัง
"ไม่ไหวมั๊ง มีเจ้าหน้าที่อยู่" มินท์ทำท่าไม่เห็นด้วย
"หรือว่าจะปล่อยให้จีลเป็นอะไรหนักขึ้นไปอีก" เจลาลิ่งเถียงโดยทันที ท่าทางเขาจะหงุดหงิดอะไรมาซักอย่าง
"เป็นอะไรของเขาเนี่ย" เค้กกระซิบที่หูของมินท์หลังจากที่เจลาลิ่งกระแทกประตูเดินออกจากห้องไป
"ใครไปทำให้เขาไม่สบายใจเหรอ" จีลพูดเสียงแหบๆ
"คงเป็นเรื่องวันนี้มั๊ง" มินท์ยักไหล่ตอบ
เหตุการณ์ดูจะนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จีลหมดแรงเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เค้กเองก็เดินไปนั่งบนโซฟาเปิดข่าวหนังสือพิมพ์อ่าน แคร์เห็นว่ามีธุระยุ่งจึงรีบกลับไปก่อน มินท์ท่าทางจะติดธุระพอๆกับแคร์เลยไปด้วยกัน ในห้องจึงเหลือแต่เค้กที่คอยอยู่เป็นเพื่อนจีล
"นี่เจเขาหายไปแล้วเนี่ย ฉันมีงานเหมือนกัน" เค้กบ่นในใจ
.. !!!
"อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เค้กทำท่าตกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมายืนอยู่ใกล้ๆโดยไม่รู้ตัว
"ก็ไม่นานเท่าไร เห็นฟุบหลับอยู่เราก็เลยไม่ได้ปลุก"
"เออ..นี่ เฝ้าจีลให้หน่อยสิ ฉันมีงานต้องทำนิดหน่อยอะนะ ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพื่อน ยังไงเราก็ต้องทำให้สำเร็จนั่นแหละน่า
"ขอบใจนะ งั้นตามสบายเลยทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง"
"อืมๆ"
"อีกนานไหมที่ฉันจะได้ออกจากโรงพยาบาล" เด็กสาวตาใสๆมองมาที่เจลาลิ่งอย่างมีหวัง จีลหวังว่าอีกไม่นานที่จะออกจากโรงพยาบาลนี่สักที อยู่นี่ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่นอนถึงแม้ตอนนี้อาการจะดีขึ้นเล็กน้อยแต่หมอก็ไม่มีทางให้ออกไปแน่ แต่ยังดีที่ยังมีเพื่อนๆที่แสนดีมาเฝ้าตลอด มันมีความสุขแปลกๆนะเมื่ออยู่กับเจลาลิ่งสองคนแบบนี้ไม่รู้เพราะอะไร สงสัยเราคิดมากไป
เจลาลิ่งรินน้ำดื่มมาให้เด็กสาว เมื่อมองเห็นเด็กสาวดูท่าทางอ่อนแรงถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เจลาลิ่งก็อดห่วงไม่ได้ที่อยู่ดูแลจีล ไม่รู้เป็นไรที่เราไม่เคยห่วงใครเท่าห่วงเธอ ยังไงก็ตามเถอะฉันไม่มีทางให้เธอเป็นไรเป็นอันขาด ต้องไปตามหาให้ได้
ศ. เองก็งานยุ่งเกี่ยวกับการเปิดเทอมที่จะมาถึงคงไม่มีเวลาว่างมาช่วยปัญหาในตอนนี้
คงต้องพึ่งตัวเองแล้วละ
"ขอบใจนะ" จีลค่อยๆดื่มน้ำ แก้วเปล่าที่ดื่มเสร็จเอาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆเตียง ขณะนี้เป็นเวลาเย็น จีลก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนแรง เจลาลิ่งเดินไปนั่งบนโซฟานอนคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยเปื่อย เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กลับไปที่บ้านตั้งแต่จีลป่วยแล้ว แต่ถึงเขาอยากจะกลับมากสักแค่ไหนก็คงต้องให้เรื่องทางนี้เสร็จซะก่อน
"2ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย" เจลาลิ่งพึมพำเบาๆ วันนี้เขากะค้างที่นี่เลยยังไม่กลับหอพักที่โรงเรียนแอนกริส
"มาแล้วเหรอ" เจลาลิ่งเอ่ยถามเมื่อเค้กเปิดประตูแอบย่องเข้ามาเบาๆ
"อืมๆ ก็กะจะอยู่เป็นเพื่อนนายไง"
"ขอบใจนะ นายนอนบนโซฟาละกันเดี๋ยวฉันจะนอนฟุบที่เก้าอี้" เจลาลิ่งหยิบเบาะบนโซฟาใบสี้ฟ้าขนาดเล็กมาหนึ่งใบพร้อมกับเก้าอี้หนึ่งตัวดึงมาข้างๆเตียงจีลพร้อมที่จะฟุบนอน
"เจลาลิ่ง" เค้กถามหา เด็กหนุ่มหันหน้ามาทันควัน
"แน่ใจนะว่านายไม่นอนบนโซฟา" เค้กถาม
"แน่ใจสิ" เจลาลิ่งยิ้มให้ก่อนที่จะฟุบนอนลงไปพร้อมๆกับเค้ก เจลาลิ่งหลับตาเฉยๆพลางนึกอะไรไปพลางๆ เขากำลังคิดเรื่องป่าเอเซนิกส์เหมือนเดิมคิดไปคิดมาก็ยังไม่รู้วิธีที่จะเข้าไปในป่านั้นได้อย่างไร เมืองเฟติสร้อยละเจ็ดสิบเป็นพื้นที่ป่าทั้งแถบกินอาณาเขตกว้างไปถึงเมืองมาดัสและเอลายอช กองกำลังหน่วย I.S.C ก็ตรึงกำลังป้องกันเมืองส่วนหนึ่งและเป็นยามเฝ้าในอาณาเขตนั้นด้วย ล่าสุดอีกก็มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ I.S.C เสียชีวิตเหมือนกับนักท่องเที่ยวอีก ซึ่งหาสาเหตุไม่ได้แต่สันนิฐานว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ดุร้ายออกมาอาละวาดแถบๆชายป่าและทำร้ายเจ้าหน้าที่ไปหนึ่งนาย ป่าเอเซนนิกส์เป็นป่าที่เก่าแก่นานมากๆซึ่งเชื่อกันว่ายังคงมีสัตว์ดุร้ายนานๆชนิดอาศัยรวมกันในป่า
เจ้าเมืองเฟติสเห็นท่าไม่ดีที่มีการตายสองศพติดต่อกันจึงออกมาแถลงข่าวว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประชาชนที่ติดบริเวณชายป่าหวั่นกลัวเล็กน้อยแต่ไม่มากนักเพราะเจ้าหน้าที่ I.S.C คอยดูแลความสงบสุข
เจลาลิ่งนอนไม่หลับเขาจึงลุกจากเตียงนอนมองหน้าสาวน้อยที่หลับปุ๋ยใบหน้าช่างดูน่ารักแปบนึง จึงค่อยๆเปิดประตูเบาๆออกจากห้อง เจลาลิ่งเดินมาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะข้างนอกโรงพยาบาลแอนจูลี่บรรยากาศข้างนอกออกจะเย็นสักนิดดวงดาวประดับประดาเต็มท้องฟ้ามากมาย แสงไฟระเรื่อๆสร้างบรรยากาศให้น่าเคลิ้มขึ้นไปอีก เก้าอี้ยาวที่ตั้งอยู่ใกล้เงาต้นไม้ขนาดใหญ่เจลาลิ่งเดินไปตรงนั้นและนั่งลง สายตากวาดโดยรอบ ตอนนี้เจลาลิ่งแทบจะลืมทุกสิ่งที่สร้างความทุกข์ให้กับเขา ความคิดเพลินๆบวกกับความสบายเข้ามาแทนที่ เขารู้สึกได้ถึงลมเบาๆพัดผ่านมาตรงหน้า ไม่นานนักเจลาลิ่งก็เคลิ้มหลับไปอย่างลืมตัว
..!!! เจลาลิ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคือชายชุดดำสองคนกับบุรุษลึกลับที่แต่งตัวมิดชิดปกปิดใบหน้าเอาไว้ท่าทางดูสง่างามน่าเกรงขามอย่างยิ่งนั่นคือสิ่งที่เจลาลิ่งคิด
บางอย่างที่ทำให้เจลาลิ่งไม่สามารถขยับได้เลย เจลาลิ่งพยายามลุกขึ้นวิ่งออกไปแต่ทำไม่ได้เหมือนถูกพันธนาการ ชายชุดดำทั้งสองหัวเราะหึๆเว้นแต่บุรุษที่อยู่ข้างหลังชายทั้งสอง แม้แต่จะพูดเจลาลิ่งยังไม่สามารถอ้าปากได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นของเรา
นำมาให้ข้าและข้าจะไว้ชีวิตเพื่อนรักเจ้าทุกคนๆ ถ้าเจ้าทำไม่ได้ก็จะตายทุกคนรวมถึงตัวเจ้าด้วย จำไว้เด็กน้อยอย่าคิดจะมาขัดขวางท่านดูริด เวย์ เธอคงจะไม่รู้อะไรถ้าท่านทรงกริ้วจะเป็นอย่างไร
"เทพแอนกริสจะต้องมาปกป้องพวกเรา" ในที่สุดเจลาลิ่งก็พูดได้ สีหน้าเด็กหนุ่มดูท่าจะไม่กลัวเลยสักเล็กน้อย
"เจ้าแข็งแกร่งเหมือนพ่อเจ้า" บุรุษนิรนามที่ปกปิดใบหน้าเดินมาใกล้เขา เจลาลิ่งเริ่มขนลุกชัน ทำไมเวลาเข้าใกล้ชายนี้ความหดหู่มันจึงมากมายเช่นนี้
"หมายความว่าไง" เจลาลิ่งเอ่ยพลางมองหน้าชายคนนั้น ชายคนนั้นนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไปก่อนที่จะหัวเราะเบาๆเป็นการยั่วโมโหแทน
"ข้าจะบอกให้นะ แอนกริสทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะตลบอบอวล
ดังกังวานเข้าสู่โสตประสาทเจลาลิ่ง
กึก...!! เจลาลิ่งลึกพรวดขึ้นจากเก้าอี้นั่ง บรรยากาศภายนอกดูปกติเหมือนเดิม ชายชุดดำ บุรุษนิรนามหายไป มีแต่เขาที่นั่งตรงนี้เหมือนเดิม กับเสียงสรรจรของรถยนต์บนถนนและเครื่องบินยานยนต์บินไปบินมาเหนืออากาศ
"ฝันไปเหรอเนี่ย" เจลาลิ่งส่ายหัวเล็กน้อย เสียงกังวานจากเสียงหัวเราะของความฝันเมื่อครู่ยังคงได้ยินแว่วๆอยู่ ทันใดนั้นเจลาลิ่งก็ลุกพรวดออกจากที่นั่งเหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างออก เขาค่อยๆเปิดประตูห้องที่จีลหลับอยู่
เจลาลิ่งถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนปลอดภัย จีลยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม เค้กรู้สึกจะนอนฝันหวานเจลาลิ่งสังเกตได้ว่าเค้กนอนอมยิ้มอยู่เล็กน้อย ชั่วเวลาแปบนึง
เจลาลิ่งก็เดินไปฟุบนอนที่เตียงของจีล
...............................................
อรุณยามเช้าส่องแสงประปรายกระทบใบหน้าของสาวน้อยที่ตื่นมายามเช้ารับวันใหม่ของวันนี้ เป็นการสื่อความหมายที่ดีที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆเรื่องเลวร้ายได้จบและพบกับแสงที่ส่องทางให้เราก้าวต่อไปให้พ้น
เด็กสาวสังเกตเห็นว่ามีคนมานอนพิงที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มน้อยฟุบหลับสนิทไม่มีท่าทีจะตื่นถึงแม้จะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่มือของจีล จีลเห็นเค้กเดินเปิดประตูไปเมื่อครู่ท่าทางจะไปซื้ออาหารเช้ามากิน สักแปบก็มีพยาบาลแง้มประตูเปิดมาพร้อมกับอาหารที่อยู่ในถาดเสิร์ฟพร้อมกับถาดรถเข็นที่กำลังเข็นมาเบาๆไปหยุดที่โต๊ะข้างๆเตียงของจีล
"วางไว้ตรงนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวทานเองได้" จีลเห็นพยาบาลกำลังปรับเตียงยกระดับขึ้นเพื่อให้ทานข้าวได้อย่างสะดวกในไม่ช้าเจลาลิ่งก็รู้สึกตัว
"อ้าว...!" เจลาลิ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพยาบาลเดินมาชนเขาเล็กน้อย "อาหารเช้าเหรอครับ"
"ค่ะ" พยาบาลคนนั้นยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรผมหยักศกเจลาลิ่งรู้ได้ว่าเขาคงดัดและโกรกผมแน่ๆผมสีทองที่ส่องประกายอย่างชัดเจนเมื่อแสงแดดมากระทบ แต่ก็ดุเก๋ไปอีกแบบในความคิดของเจลาลิ่ง
"มองตาไม่กระพริบเลยนะ" จีลกระฮึ่มในลำคอเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกไป
"เปล่าน่ะ ไม่มีอะไรก็แค่ดูไปเรื่อยเปื่อย" เจลาลิ่งพูดหันหน้าออกไปข้างนอกหน้าต่าง นกสีสันสวยงามที่บินว่อนตามท้องฟ้า บางตัวก็บินมาเป็นคู่จู๋จี๋กันตามประสา มีพยาบาลเข็นรถเข็นพาคนป่วยออกไปสูบอากาศข้างนอก ช่างน่าอบอุ่นจริงๆ
"สวยเนอะ" จีลเอ่ยลอยๆเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองไปข้างนอกอยู่นานพอควร
"นั่นสินะ" เจลาลิ่งยังไม่ละสายตาออกไปข้างนอกหน้าต่าง แววตายังคงจ้องมองนกที่บินไปตามประสาของมัน เสียงประสานกันทำให้เจลาลิ่งแทบจะหลับไปอีกครั้ง แต่
เจลาลิ่งก็สะดุ้งเฮือกเหมือนอะไรมาแทนความคิดของเขา
"เป็นอะไรไป" จีลทักด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางสะดุ้งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
"เปล่าๆน่ะไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เพิ่งนึกอะไรออก"
"อะไรเหรอ" จีลเอ่ยพลางยักคิ้วเล็กน้อย
"อ๋อๆไม่มีอะไร แหะๆ อืม... เธอรีบทานข้าวซะสิเดี๋ยวอาหารเย็นหมดจะไม่อร่อย"
เจลาลิ่งรีบตัดบท เขาไม่อยากให้จีลต้องกังวลแต่สีหน้าก็ทำให้จีลอดสงสัยไม่ได้
"เจลาลิ่ง" เด็กสาวเรียกชื่อเขา เด้กหนุ่มหันหน้ามามองด้วยท่าทางสงสัย
แอ๊ด.... เสียงเปิดประตูดังขึ้น เค้กนั่นเองที่เข้ามา เขาถือข้างกล่องใส่ถุงเข้ามาข้างในห้อง
"กินข้าวกัน" เค้กยกถุงเข้าขึ้นมาที่ระดับสายตาโชว์ไปให้เจลาลิ่งแต่เจลาลิ่งรู้สึกเฉยๆในการกระทำของเขา
"ฉันขอตัวละเผอิญมีอะไรต้องทำอีก เออนี่เฝ้าจีลให้ตลอดนะอย่าให้คลาดสายตา"
"เอ๋.." เค้กร้องเสียงหลง
"ไปก่อนละ" เจลาลิ่งรีบเดินออกจากห้องไปโดยเร็ว
..........................................
ณ ป่าเอเซนนิกส์
เจ้าหน้าที่ I.S.C ยังคงตรึงกำลังไว้ส่วนหนึ่งในเขตพื้นที่ของเมืองเฟติส ดูจากกำลังพลแล้วไม่ถึง 30 กว่าคนด้วยซ้ำสงสัยคงกระจายกำลังพลไปดูส่วนอื่นในเขตพื้นที่บริเวณนั้นอีก เจลาลิ่งค่อยๆเดินลัดริมรั้วกั้นที่ดูสูงกว่าหัวของเขาเพียบ เจ้าหน้าที่2คนกำลังยืนอยู่ที่ป้อมตรวจซึ่งอยู่ข้างๆปากประตูของป่าเอเซนนิกส์
"เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำแปบนะไม่ไหวแล้วอะ" เจ้าหน้าที่หนึ่งในสองคนที่เฝ้าปากทางเข้าเอ่ยและรีบวิ่งปรู๊ดไปที่หมู่บ้านในแถบระแวกนั้น เจลาลิ่งพอเห็นทางที่จะเข้าไปข้างในได้จึงถือโอกาสช่วงที่เจ้าหน้าที่อีกคนกำลังเหม่อวิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ภายในป่ากว้างใหญ่ต้นไม้นาๆชนิดอุดมสมบูรณ์สัตว์น้อยใหญ่ส่งเสียงร้องกันอย่างร่าเริง
พระอาทิตย์สามารถส่องแสงเข้ามาถึงได้เพราะป่าไม่ค่อยทึบสักเท่าไร เจลาลิ่งยังคงเดินไปสักพักเพื่อไปตามหาดอกไม้ที่ชื่อ "เซนโทรมินิก เอจิ ฟิคูเม้น" ถึงแม้ในโรงพยาบาลจะมียารักษามีสมุนไพรชื่อนี้แต่มันสายพันธ์ต่างกันซึ่งเป็นการเบรรเทาอาการเฉยๆ แต่ถ้าได้จากในป่าเอเซนนิกส์ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้
เดินไปได้ไม่ถึงสิบกว่านาทีเจลาลิ่งสังเกตอาการผิดปกติบางอย่างเสียงคำรามที่ชวนขนหัวลุกดังขึ้น มันดังมาจากด้านหน้าถ้าเขาฟังไม่ผิดด้านหน้าแน่ๆ เจลาลิ่งค่อยลดความเร็วในการเดินเป็นการย่องช้าแทนแต่เดินมาได้ระยะทางหนึ่งก็ไม่เห็นมีอะไรแต่เขากลับได้ยินเสียงน้ำตกแทน
"ว้าว สวยจริงๆ" เจลาลิ่งพูดหลุดปากโดยไม่ได้ตั้งใจคงเป็นเพราะว่ามันสวยกว่าที่เขาเคยเจอมาก รุ้งกินน้ำทอดสายยาวสวยงามเจลาลิ่งเดินไปนั่งในแถบบริเวณนั้น เขาวักน้ำมาล้างหน้าเพื่อให้รู้สึกสดชื่นแต่ความรูสึกมันแปลกมากเพราะความกระปี้กระเป่าเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ทำให้เจลาลิ่งวักน้ำมาดื่มด้วย ทันใดนั้น...
เฟี้ยว!! เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอะไรแวบๆที่ผ่านหน้าของเขาไปด้วยความรวดเร็ว เจลาลิ่งหันหลังไปมองพบกับธนูที่ปักอยู่บนต้นไม้ เจลาลิ่งพอตั้งสติได้ก็วิ่งหลบไปที่ต้นไม้หนึ่งซึ่งพอจะเป็นโล่กำบังได้
"แกเป็นใคร" เสียงตะคอกดังมาจากคนลึกลับ "มาทำอะไรในที่แห่งนี้ หรือว่าแกเป็นพวกเดียวกับมัน"
"ผะ.ผมชื่อเจลาลิ่ง นักเรียนของแอนกริสครับ" เจลาลิ่งตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาคิดอยู่พักนึงก่อนจะลดคันธนูลง
"มาทำอะไรแถวนี้" เขาถามต่อด้วยความสงสัย "ผมมาตามหาดอกไม้ชนิดหนึ่งครับ"
เจลาลิ่งค่อยๆเดินออกจากที่หลบเขาเห็นชายตัวใหญ่บึกบึนใส่เสื้อผ้าคล้ายๆคนป่าแต่ดูเนื้อผ้าที่ทำนั้นดีกว่าที่เขาสวมใส่ในขณะนี้ด้วยซ้ำ หน้าตาค่อนข้างโหดแววตาเหมือนกับโกรธแค้นอะไรบางอย่าง เจลาลิ่งมองแล้วก็ยังไว้ใจไม่ค่อยได้
"รู้ไหมที่นี่มันอันตราย" ชายคนนั้นพูดด้วยอารมณ์คนละอย่างกับมะกี้ ทั้งที่มะกี้เขาพยายามจะฆ่าผมด้วยซ้ำ
"รู้ครับ" เจลาลิ่งพูดข่มความกลัวพยายามพูดให้เนียนที่สุดแต่มือเท้าของเขายังสั่นๆอยู่เลย
"ผมต้องหาดอกไม้รักษาพื่อนผมครับซึ่งมันอยู่ที่นี่" ชายคนนั้นทำท่านึกคิด "มันคงหาไม่ได้ในเขตเมืองที่เจริญละสินะ ถ้าให้ฉันทายก็คงเป็น เซนโทร..."
"ใช่แล้วครับ" เจลาลิ่งพูดสวนกลับไปเร็วพลันโดยที่ชายนั้นยังพูดไม่จบ
"หมู่บ้านฉันมี นายคงรู้จักกับเพื่อนของฉันละสินะที่ชื่อเฟรมมิ่ง"
"ผอ. เหรอครับ"
"ใช่"
" .!!! ระวัง หลบ!" ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความตกใจ เจลาลิ่งเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเขารีบล้มตัวลงหลบอะไรบางอย่างได้ทัน
"หึๆๆ ดันด้นหาที่ตายเลยนะหนุ่มน้อย" เสียงหัวเราะที่ฟังดูประหลาดเจลาลิ่งถอยไปข้างหลังจนไปชนลำตัวของชายหนุ่มบึกบึนนั่นดังแป็ก
"โอ๊ยๆ ทำอะไรผมน่ะ" เจลาลิ่งพยายามดิ้นเมื่อเขาโดนล๊อกคอจากชายคนนั้น แต่ก็สำเร็จเจลาลิ่งสามารถหลุดออกมาได้ ขณะที่ชายชุดดำ และชายหนุ่มหัวเราะเขาด้วยความสบายใจ
"เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันต้องการตัวและเพื่อนเธอ จีล" ชายชุดดำเอ่ยเสียงเรียบๆแฝงด้วยความขรึมอย่างน่าสะพรึงกลัว
"ฝันไปเถอะ!" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงหนักแน่นแต่ขณะที่พูดเขาก็เดินถอยหลังไปทีละนิด
"หนีไม่พ้นหรอก"
ความตกใจโถมมาใส่เจลาลิ่ง !!! ในเมื่ออยู่ดีๆชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ล้มลงและเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา ชายชุดดำเบิกตากว้างเมื่ออยู่ดีๆชายคนนั้นก็เป็นผงไปในพริบตา
"อะไรกัน" เขาพูดเสียงสั่นด้วยความตกใจแต่ก็ภายในเวลาแปบเดียวเท่านั้นเขาก็พลิกมาอีกอารมณ์หนึ่ง "ยังไงซะก็เหลือข้า เจ้าไมพ้นแน่" ชายชุดดำรีบเดินเข้าไปที่ร่างเจลาลิ่ง เด็กหนุ่มได้แต่ถอยหลังหนี
"ถอยไปจากเด็กคนนั้นซะ" เสียงตะคอกที่เจลาลิ่งรู้ได้ว่าเป็นน้ำเสียงของผู้หญิง ใครกันที่จะมาช่วยเขาในเวลาขับขันแบบนี้ในที่แห่งนี้ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
ร่างของหญิงงามปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเจลาลิ่งเธอตัวสูงกว่าผมเล็กน้อย ร่างกายผิว
เนียนผ่องใสเหมือนกับนางฟ้ามาจากสวรรค์งั้นหละ เธอใส่ชุดสีขาวกระโปรงพลิ้วไสวยาวปกคลุมขาทั้งหมด ผมเธอยาวปกมาถึงด้านหลัง เจลาลิ่งไม่สามารถเห็นใบหน้าได้
เพราะเธอหันหลังให้กับเขาอยู่
"ถอยไปซะหรือว่าเจ้าอยากจะลองกับข้า" เทพสาวขู่ ชายชุดดำแสยะยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีที่หยาบ ชายชุดดำปล่อยลำแสงไฟฟ้าเหมือนอย่างที่เจลาลิ่งคิดเอาไว้ เทพสาวหลบทันท่วงทีและปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเธอปล่อยพลังบางอย่างและสิ่งที่เจลาลิ่งเคยเห็นเมื่อครู่ ชายชุดดำล้มลงและกลายเป็นผงธุลี
"ฝีมือท่านเองเหรอครับเมื่อกี้" เจลาลิ่งถามด้วยถ้อยคำที่สุภาพ
"เธอจะได้รับการคุ้มครองจากเราทุกฝีก้าว เธอไม่ต้องหาสมุนไพรนั่นแล้วนะฉันรักษาเขาให้หายแล้ว" เทพสาวเอ่ยเสียงเรียบ
"คุณเป็นใครเหรอครับ" เทพสาวหันมาทำให้เจลาลิ่งคาดไม่ถึงเพราะใบหน้าของเธอเหมือนกับพยาบาลที่เจอเมื่อเช้าไม่มีผิดเพี้ยนแน่
"คุณนั่นเอง" เจลาลิ่งอุทาน เธอยิ้มให้อย่างเอ็นดู
"ทำไมถึงมาช่วยผมกับเพื่อนผมด้วยหละครับ ผมสงสัย"
"เดี๋ยวเธอก็รู้เอง"
"เดี๋ยวสิครับ" เจลาลิ่งทักขึ้นเมื่อเห็นเทพสาวกำลังจะไป
"คุณเป็นเทพงั้นเหรอครับ" เจลาลิ่งค่อยๆพูด เทพสาวหยุดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตอบ
"เข้าใจถูกแล้ว เธอต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะอย่าทำอะไรคนเดียวรู้ไหม"เทพสาวหยุดพูดสักพักก่อนจะพูดต่อไป "ฉันรู้จักกับเธอดีนะเจลาลิ่งรู้จักยิ่งกว่าเธอรู้จักกับตัวตนของตัวเองเสียอีก" คำๆนี้ฟังดูแปลกๆเจลาลิ่งก้มหน้าคิดอยู่นานและจู่ๆเขาก็รู้สึกเคลิ้มและหลับไป...
..............................................
จะถึงบทที่ 10 แล้วนะดีใจจัง ยังไงก็ติดตามผลงานของผมต่อไปนะครับ ^^
"จะฟังข่าวก็ได้นะ รีโมทอยู่แถวๆนั้นแหละ" จีลหยิบแก้วน้ำจากมือเค้ก
"ค่อยๆดื่มก็ได้จีล" เค้กยิ้มมุมปากเล็กน้อย
วันนี้เกิดเหตุการณ์ที่เมืองเฟติส ณ ป่าเอเซนนิกส์ มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งขับเครื่องบินยานยนต์ขับชมวิวทิวทัศน์ในป่าใหญ่ได้พบกับ ชายนิรนามอายุราว 30 เสียชีวิตอยู่กลางป่า สภาพศพผิวหนังแห้งเหมือนๆกับมัมมี่ไม่มีร่องรอยการทำร้าย สาเหตุทางแพทย์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดเพราะอะไร รัฐบาลจึงประกาศว่าที่นั่นคือเขตหวงห้าม ห้ามใครไปเด็ดขาด
แอ๊ด... เสียงเปิดประตูดังขึ้นมา เจลาลิ่ง แคร์ มินท์ เดินเข้ามาภายในห้องในมือของแคร์มีกระเช้าดอกไม้สีสันสวยงามถือมาด้วย
"ฉันให้เธอนะ" แคร์เอ่ยและมอบกระเช้าดอกไม้ให้กับจีล
"ขอบใจนะแคร์" จีลยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ
"เป็นไงมั่งเพื่อน ฝึกไปถึงไหนและ" เค้กเดินมาตบบ่าเจลาลิ่ง
"ก็... งั้นๆอะ"
"มะกี้ฉันฟังข่าวมานะ เห็นบอกว่าเขาจะปิดเป็นเขตหวงห้ามอะที่ป่าเอเซนนิกส์
เห็นว่ามีคนตายสภาพศพเหมือนมัมมี่ แพทย์บอกว่าหาสาเหตุไม่ได้" เค้กอธิบายให้ฟัง
"ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ" เจลาลิ่งเสริม
"แล้วเอาไงดีจ๊ะ" แคร์เอ่ย
"เห็นทีต้องบุก" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงหนักแน่นเอาจริงเอาจัง
"ไม่ไหวมั๊ง มีเจ้าหน้าที่อยู่" มินท์ทำท่าไม่เห็นด้วย
"หรือว่าจะปล่อยให้จีลเป็นอะไรหนักขึ้นไปอีก" เจลาลิ่งเถียงโดยทันที ท่าทางเขาจะหงุดหงิดอะไรมาซักอย่าง
"เป็นอะไรของเขาเนี่ย" เค้กกระซิบที่หูของมินท์หลังจากที่เจลาลิ่งกระแทกประตูเดินออกจากห้องไป
"ใครไปทำให้เขาไม่สบายใจเหรอ" จีลพูดเสียงแหบๆ
"คงเป็นเรื่องวันนี้มั๊ง" มินท์ยักไหล่ตอบ
เหตุการณ์ดูจะนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จีลหมดแรงเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เค้กเองก็เดินไปนั่งบนโซฟาเปิดข่าวหนังสือพิมพ์อ่าน แคร์เห็นว่ามีธุระยุ่งจึงรีบกลับไปก่อน มินท์ท่าทางจะติดธุระพอๆกับแคร์เลยไปด้วยกัน ในห้องจึงเหลือแต่เค้กที่คอยอยู่เป็นเพื่อนจีล
"นี่เจเขาหายไปแล้วเนี่ย ฉันมีงานเหมือนกัน" เค้กบ่นในใจ
.. !!!
"อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เค้กทำท่าตกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมายืนอยู่ใกล้ๆโดยไม่รู้ตัว
"ก็ไม่นานเท่าไร เห็นฟุบหลับอยู่เราก็เลยไม่ได้ปลุก"
"เออ..นี่ เฝ้าจีลให้หน่อยสิ ฉันมีงานต้องทำนิดหน่อยอะนะ ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพื่อน ยังไงเราก็ต้องทำให้สำเร็จนั่นแหละน่า
"ขอบใจนะ งั้นตามสบายเลยทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง"
"อืมๆ"
"อีกนานไหมที่ฉันจะได้ออกจากโรงพยาบาล" เด็กสาวตาใสๆมองมาที่เจลาลิ่งอย่างมีหวัง จีลหวังว่าอีกไม่นานที่จะออกจากโรงพยาบาลนี่สักที อยู่นี่ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่นอนถึงแม้ตอนนี้อาการจะดีขึ้นเล็กน้อยแต่หมอก็ไม่มีทางให้ออกไปแน่ แต่ยังดีที่ยังมีเพื่อนๆที่แสนดีมาเฝ้าตลอด มันมีความสุขแปลกๆนะเมื่ออยู่กับเจลาลิ่งสองคนแบบนี้ไม่รู้เพราะอะไร สงสัยเราคิดมากไป
เจลาลิ่งรินน้ำดื่มมาให้เด็กสาว เมื่อมองเห็นเด็กสาวดูท่าทางอ่อนแรงถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เจลาลิ่งก็อดห่วงไม่ได้ที่อยู่ดูแลจีล ไม่รู้เป็นไรที่เราไม่เคยห่วงใครเท่าห่วงเธอ ยังไงก็ตามเถอะฉันไม่มีทางให้เธอเป็นไรเป็นอันขาด ต้องไปตามหาให้ได้
ศ. เองก็งานยุ่งเกี่ยวกับการเปิดเทอมที่จะมาถึงคงไม่มีเวลาว่างมาช่วยปัญหาในตอนนี้
คงต้องพึ่งตัวเองแล้วละ
"ขอบใจนะ" จีลค่อยๆดื่มน้ำ แก้วเปล่าที่ดื่มเสร็จเอาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆเตียง ขณะนี้เป็นเวลาเย็น จีลก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนแรง เจลาลิ่งเดินไปนั่งบนโซฟานอนคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยเปื่อย เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กลับไปที่บ้านตั้งแต่จีลป่วยแล้ว แต่ถึงเขาอยากจะกลับมากสักแค่ไหนก็คงต้องให้เรื่องทางนี้เสร็จซะก่อน
"2ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย" เจลาลิ่งพึมพำเบาๆ วันนี้เขากะค้างที่นี่เลยยังไม่กลับหอพักที่โรงเรียนแอนกริส
"มาแล้วเหรอ" เจลาลิ่งเอ่ยถามเมื่อเค้กเปิดประตูแอบย่องเข้ามาเบาๆ
"อืมๆ ก็กะจะอยู่เป็นเพื่อนนายไง"
"ขอบใจนะ นายนอนบนโซฟาละกันเดี๋ยวฉันจะนอนฟุบที่เก้าอี้" เจลาลิ่งหยิบเบาะบนโซฟาใบสี้ฟ้าขนาดเล็กมาหนึ่งใบพร้อมกับเก้าอี้หนึ่งตัวดึงมาข้างๆเตียงจีลพร้อมที่จะฟุบนอน
"เจลาลิ่ง" เค้กถามหา เด็กหนุ่มหันหน้ามาทันควัน
"แน่ใจนะว่านายไม่นอนบนโซฟา" เค้กถาม
"แน่ใจสิ" เจลาลิ่งยิ้มให้ก่อนที่จะฟุบนอนลงไปพร้อมๆกับเค้ก เจลาลิ่งหลับตาเฉยๆพลางนึกอะไรไปพลางๆ เขากำลังคิดเรื่องป่าเอเซนิกส์เหมือนเดิมคิดไปคิดมาก็ยังไม่รู้วิธีที่จะเข้าไปในป่านั้นได้อย่างไร เมืองเฟติสร้อยละเจ็ดสิบเป็นพื้นที่ป่าทั้งแถบกินอาณาเขตกว้างไปถึงเมืองมาดัสและเอลายอช กองกำลังหน่วย I.S.C ก็ตรึงกำลังป้องกันเมืองส่วนหนึ่งและเป็นยามเฝ้าในอาณาเขตนั้นด้วย ล่าสุดอีกก็มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ I.S.C เสียชีวิตเหมือนกับนักท่องเที่ยวอีก ซึ่งหาสาเหตุไม่ได้แต่สันนิฐานว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ดุร้ายออกมาอาละวาดแถบๆชายป่าและทำร้ายเจ้าหน้าที่ไปหนึ่งนาย ป่าเอเซนนิกส์เป็นป่าที่เก่าแก่นานมากๆซึ่งเชื่อกันว่ายังคงมีสัตว์ดุร้ายนานๆชนิดอาศัยรวมกันในป่า
เจ้าเมืองเฟติสเห็นท่าไม่ดีที่มีการตายสองศพติดต่อกันจึงออกมาแถลงข่าวว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประชาชนที่ติดบริเวณชายป่าหวั่นกลัวเล็กน้อยแต่ไม่มากนักเพราะเจ้าหน้าที่ I.S.C คอยดูแลความสงบสุข
เจลาลิ่งนอนไม่หลับเขาจึงลุกจากเตียงนอนมองหน้าสาวน้อยที่หลับปุ๋ยใบหน้าช่างดูน่ารักแปบนึง จึงค่อยๆเปิดประตูเบาๆออกจากห้อง เจลาลิ่งเดินมาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะข้างนอกโรงพยาบาลแอนจูลี่บรรยากาศข้างนอกออกจะเย็นสักนิดดวงดาวประดับประดาเต็มท้องฟ้ามากมาย แสงไฟระเรื่อๆสร้างบรรยากาศให้น่าเคลิ้มขึ้นไปอีก เก้าอี้ยาวที่ตั้งอยู่ใกล้เงาต้นไม้ขนาดใหญ่เจลาลิ่งเดินไปตรงนั้นและนั่งลง สายตากวาดโดยรอบ ตอนนี้เจลาลิ่งแทบจะลืมทุกสิ่งที่สร้างความทุกข์ให้กับเขา ความคิดเพลินๆบวกกับความสบายเข้ามาแทนที่ เขารู้สึกได้ถึงลมเบาๆพัดผ่านมาตรงหน้า ไม่นานนักเจลาลิ่งก็เคลิ้มหลับไปอย่างลืมตัว
..!!! เจลาลิ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคือชายชุดดำสองคนกับบุรุษลึกลับที่แต่งตัวมิดชิดปกปิดใบหน้าเอาไว้ท่าทางดูสง่างามน่าเกรงขามอย่างยิ่งนั่นคือสิ่งที่เจลาลิ่งคิด
บางอย่างที่ทำให้เจลาลิ่งไม่สามารถขยับได้เลย เจลาลิ่งพยายามลุกขึ้นวิ่งออกไปแต่ทำไม่ได้เหมือนถูกพันธนาการ ชายชุดดำทั้งสองหัวเราะหึๆเว้นแต่บุรุษที่อยู่ข้างหลังชายทั้งสอง แม้แต่จะพูดเจลาลิ่งยังไม่สามารถอ้าปากได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นของเรา
นำมาให้ข้าและข้าจะไว้ชีวิตเพื่อนรักเจ้าทุกคนๆ ถ้าเจ้าทำไม่ได้ก็จะตายทุกคนรวมถึงตัวเจ้าด้วย จำไว้เด็กน้อยอย่าคิดจะมาขัดขวางท่านดูริด เวย์ เธอคงจะไม่รู้อะไรถ้าท่านทรงกริ้วจะเป็นอย่างไร
"เทพแอนกริสจะต้องมาปกป้องพวกเรา" ในที่สุดเจลาลิ่งก็พูดได้ สีหน้าเด็กหนุ่มดูท่าจะไม่กลัวเลยสักเล็กน้อย
"เจ้าแข็งแกร่งเหมือนพ่อเจ้า" บุรุษนิรนามที่ปกปิดใบหน้าเดินมาใกล้เขา เจลาลิ่งเริ่มขนลุกชัน ทำไมเวลาเข้าใกล้ชายนี้ความหดหู่มันจึงมากมายเช่นนี้
"หมายความว่าไง" เจลาลิ่งเอ่ยพลางมองหน้าชายคนนั้น ชายคนนั้นนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไปก่อนที่จะหัวเราะเบาๆเป็นการยั่วโมโหแทน
"ข้าจะบอกให้นะ แอนกริสทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะตลบอบอวล
ดังกังวานเข้าสู่โสตประสาทเจลาลิ่ง
กึก...!! เจลาลิ่งลึกพรวดขึ้นจากเก้าอี้นั่ง บรรยากาศภายนอกดูปกติเหมือนเดิม ชายชุดดำ บุรุษนิรนามหายไป มีแต่เขาที่นั่งตรงนี้เหมือนเดิม กับเสียงสรรจรของรถยนต์บนถนนและเครื่องบินยานยนต์บินไปบินมาเหนืออากาศ
"ฝันไปเหรอเนี่ย" เจลาลิ่งส่ายหัวเล็กน้อย เสียงกังวานจากเสียงหัวเราะของความฝันเมื่อครู่ยังคงได้ยินแว่วๆอยู่ ทันใดนั้นเจลาลิ่งก็ลุกพรวดออกจากที่นั่งเหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างออก เขาค่อยๆเปิดประตูห้องที่จีลหลับอยู่
เจลาลิ่งถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนปลอดภัย จีลยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม เค้กรู้สึกจะนอนฝันหวานเจลาลิ่งสังเกตได้ว่าเค้กนอนอมยิ้มอยู่เล็กน้อย ชั่วเวลาแปบนึง
เจลาลิ่งก็เดินไปฟุบนอนที่เตียงของจีล
...............................................
อรุณยามเช้าส่องแสงประปรายกระทบใบหน้าของสาวน้อยที่ตื่นมายามเช้ารับวันใหม่ของวันนี้ เป็นการสื่อความหมายที่ดีที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆเรื่องเลวร้ายได้จบและพบกับแสงที่ส่องทางให้เราก้าวต่อไปให้พ้น
เด็กสาวสังเกตเห็นว่ามีคนมานอนพิงที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มน้อยฟุบหลับสนิทไม่มีท่าทีจะตื่นถึงแม้จะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่มือของจีล จีลเห็นเค้กเดินเปิดประตูไปเมื่อครู่ท่าทางจะไปซื้ออาหารเช้ามากิน สักแปบก็มีพยาบาลแง้มประตูเปิดมาพร้อมกับอาหารที่อยู่ในถาดเสิร์ฟพร้อมกับถาดรถเข็นที่กำลังเข็นมาเบาๆไปหยุดที่โต๊ะข้างๆเตียงของจีล
"วางไว้ตรงนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวทานเองได้" จีลเห็นพยาบาลกำลังปรับเตียงยกระดับขึ้นเพื่อให้ทานข้าวได้อย่างสะดวกในไม่ช้าเจลาลิ่งก็รู้สึกตัว
"อ้าว...!" เจลาลิ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพยาบาลเดินมาชนเขาเล็กน้อย "อาหารเช้าเหรอครับ"
"ค่ะ" พยาบาลคนนั้นยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรผมหยักศกเจลาลิ่งรู้ได้ว่าเขาคงดัดและโกรกผมแน่ๆผมสีทองที่ส่องประกายอย่างชัดเจนเมื่อแสงแดดมากระทบ แต่ก็ดุเก๋ไปอีกแบบในความคิดของเจลาลิ่ง
"มองตาไม่กระพริบเลยนะ" จีลกระฮึ่มในลำคอเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกไป
"เปล่าน่ะ ไม่มีอะไรก็แค่ดูไปเรื่อยเปื่อย" เจลาลิ่งพูดหันหน้าออกไปข้างนอกหน้าต่าง นกสีสันสวยงามที่บินว่อนตามท้องฟ้า บางตัวก็บินมาเป็นคู่จู๋จี๋กันตามประสา มีพยาบาลเข็นรถเข็นพาคนป่วยออกไปสูบอากาศข้างนอก ช่างน่าอบอุ่นจริงๆ
"สวยเนอะ" จีลเอ่ยลอยๆเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองไปข้างนอกอยู่นานพอควร
"นั่นสินะ" เจลาลิ่งยังไม่ละสายตาออกไปข้างนอกหน้าต่าง แววตายังคงจ้องมองนกที่บินไปตามประสาของมัน เสียงประสานกันทำให้เจลาลิ่งแทบจะหลับไปอีกครั้ง แต่
เจลาลิ่งก็สะดุ้งเฮือกเหมือนอะไรมาแทนความคิดของเขา
"เป็นอะไรไป" จีลทักด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางสะดุ้งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
"เปล่าๆน่ะไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เพิ่งนึกอะไรออก"
"อะไรเหรอ" จีลเอ่ยพลางยักคิ้วเล็กน้อย
"อ๋อๆไม่มีอะไร แหะๆ อืม... เธอรีบทานข้าวซะสิเดี๋ยวอาหารเย็นหมดจะไม่อร่อย"
เจลาลิ่งรีบตัดบท เขาไม่อยากให้จีลต้องกังวลแต่สีหน้าก็ทำให้จีลอดสงสัยไม่ได้
"เจลาลิ่ง" เด็กสาวเรียกชื่อเขา เด้กหนุ่มหันหน้ามามองด้วยท่าทางสงสัย
แอ๊ด.... เสียงเปิดประตูดังขึ้น เค้กนั่นเองที่เข้ามา เขาถือข้างกล่องใส่ถุงเข้ามาข้างในห้อง
"กินข้าวกัน" เค้กยกถุงเข้าขึ้นมาที่ระดับสายตาโชว์ไปให้เจลาลิ่งแต่เจลาลิ่งรู้สึกเฉยๆในการกระทำของเขา
"ฉันขอตัวละเผอิญมีอะไรต้องทำอีก เออนี่เฝ้าจีลให้ตลอดนะอย่าให้คลาดสายตา"
"เอ๋.." เค้กร้องเสียงหลง
"ไปก่อนละ" เจลาลิ่งรีบเดินออกจากห้องไปโดยเร็ว
..........................................
ณ ป่าเอเซนนิกส์
เจ้าหน้าที่ I.S.C ยังคงตรึงกำลังไว้ส่วนหนึ่งในเขตพื้นที่ของเมืองเฟติส ดูจากกำลังพลแล้วไม่ถึง 30 กว่าคนด้วยซ้ำสงสัยคงกระจายกำลังพลไปดูส่วนอื่นในเขตพื้นที่บริเวณนั้นอีก เจลาลิ่งค่อยๆเดินลัดริมรั้วกั้นที่ดูสูงกว่าหัวของเขาเพียบ เจ้าหน้าที่2คนกำลังยืนอยู่ที่ป้อมตรวจซึ่งอยู่ข้างๆปากประตูของป่าเอเซนนิกส์
"เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำแปบนะไม่ไหวแล้วอะ" เจ้าหน้าที่หนึ่งในสองคนที่เฝ้าปากทางเข้าเอ่ยและรีบวิ่งปรู๊ดไปที่หมู่บ้านในแถบระแวกนั้น เจลาลิ่งพอเห็นทางที่จะเข้าไปข้างในได้จึงถือโอกาสช่วงที่เจ้าหน้าที่อีกคนกำลังเหม่อวิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ภายในป่ากว้างใหญ่ต้นไม้นาๆชนิดอุดมสมบูรณ์สัตว์น้อยใหญ่ส่งเสียงร้องกันอย่างร่าเริง
พระอาทิตย์สามารถส่องแสงเข้ามาถึงได้เพราะป่าไม่ค่อยทึบสักเท่าไร เจลาลิ่งยังคงเดินไปสักพักเพื่อไปตามหาดอกไม้ที่ชื่อ "เซนโทรมินิก เอจิ ฟิคูเม้น" ถึงแม้ในโรงพยาบาลจะมียารักษามีสมุนไพรชื่อนี้แต่มันสายพันธ์ต่างกันซึ่งเป็นการเบรรเทาอาการเฉยๆ แต่ถ้าได้จากในป่าเอเซนนิกส์ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้
เดินไปได้ไม่ถึงสิบกว่านาทีเจลาลิ่งสังเกตอาการผิดปกติบางอย่างเสียงคำรามที่ชวนขนหัวลุกดังขึ้น มันดังมาจากด้านหน้าถ้าเขาฟังไม่ผิดด้านหน้าแน่ๆ เจลาลิ่งค่อยลดความเร็วในการเดินเป็นการย่องช้าแทนแต่เดินมาได้ระยะทางหนึ่งก็ไม่เห็นมีอะไรแต่เขากลับได้ยินเสียงน้ำตกแทน
"ว้าว สวยจริงๆ" เจลาลิ่งพูดหลุดปากโดยไม่ได้ตั้งใจคงเป็นเพราะว่ามันสวยกว่าที่เขาเคยเจอมาก รุ้งกินน้ำทอดสายยาวสวยงามเจลาลิ่งเดินไปนั่งในแถบบริเวณนั้น เขาวักน้ำมาล้างหน้าเพื่อให้รู้สึกสดชื่นแต่ความรูสึกมันแปลกมากเพราะความกระปี้กระเป่าเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ทำให้เจลาลิ่งวักน้ำมาดื่มด้วย ทันใดนั้น...
เฟี้ยว!! เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอะไรแวบๆที่ผ่านหน้าของเขาไปด้วยความรวดเร็ว เจลาลิ่งหันหลังไปมองพบกับธนูที่ปักอยู่บนต้นไม้ เจลาลิ่งพอตั้งสติได้ก็วิ่งหลบไปที่ต้นไม้หนึ่งซึ่งพอจะเป็นโล่กำบังได้
"แกเป็นใคร" เสียงตะคอกดังมาจากคนลึกลับ "มาทำอะไรในที่แห่งนี้ หรือว่าแกเป็นพวกเดียวกับมัน"
"ผะ.ผมชื่อเจลาลิ่ง นักเรียนของแอนกริสครับ" เจลาลิ่งตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาคิดอยู่พักนึงก่อนจะลดคันธนูลง
"มาทำอะไรแถวนี้" เขาถามต่อด้วยความสงสัย "ผมมาตามหาดอกไม้ชนิดหนึ่งครับ"
เจลาลิ่งค่อยๆเดินออกจากที่หลบเขาเห็นชายตัวใหญ่บึกบึนใส่เสื้อผ้าคล้ายๆคนป่าแต่ดูเนื้อผ้าที่ทำนั้นดีกว่าที่เขาสวมใส่ในขณะนี้ด้วยซ้ำ หน้าตาค่อนข้างโหดแววตาเหมือนกับโกรธแค้นอะไรบางอย่าง เจลาลิ่งมองแล้วก็ยังไว้ใจไม่ค่อยได้
"รู้ไหมที่นี่มันอันตราย" ชายคนนั้นพูดด้วยอารมณ์คนละอย่างกับมะกี้ ทั้งที่มะกี้เขาพยายามจะฆ่าผมด้วยซ้ำ
"รู้ครับ" เจลาลิ่งพูดข่มความกลัวพยายามพูดให้เนียนที่สุดแต่มือเท้าของเขายังสั่นๆอยู่เลย
"ผมต้องหาดอกไม้รักษาพื่อนผมครับซึ่งมันอยู่ที่นี่" ชายคนนั้นทำท่านึกคิด "มันคงหาไม่ได้ในเขตเมืองที่เจริญละสินะ ถ้าให้ฉันทายก็คงเป็น เซนโทร..."
"ใช่แล้วครับ" เจลาลิ่งพูดสวนกลับไปเร็วพลันโดยที่ชายนั้นยังพูดไม่จบ
"หมู่บ้านฉันมี นายคงรู้จักกับเพื่อนของฉันละสินะที่ชื่อเฟรมมิ่ง"
"ผอ. เหรอครับ"
"ใช่"
" .!!! ระวัง หลบ!" ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความตกใจ เจลาลิ่งเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเขารีบล้มตัวลงหลบอะไรบางอย่างได้ทัน
"หึๆๆ ดันด้นหาที่ตายเลยนะหนุ่มน้อย" เสียงหัวเราะที่ฟังดูประหลาดเจลาลิ่งถอยไปข้างหลังจนไปชนลำตัวของชายหนุ่มบึกบึนนั่นดังแป็ก
"โอ๊ยๆ ทำอะไรผมน่ะ" เจลาลิ่งพยายามดิ้นเมื่อเขาโดนล๊อกคอจากชายคนนั้น แต่ก็สำเร็จเจลาลิ่งสามารถหลุดออกมาได้ ขณะที่ชายชุดดำ และชายหนุ่มหัวเราะเขาด้วยความสบายใจ
"เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันต้องการตัวและเพื่อนเธอ จีล" ชายชุดดำเอ่ยเสียงเรียบๆแฝงด้วยความขรึมอย่างน่าสะพรึงกลัว
"ฝันไปเถอะ!" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงหนักแน่นแต่ขณะที่พูดเขาก็เดินถอยหลังไปทีละนิด
"หนีไม่พ้นหรอก"
ความตกใจโถมมาใส่เจลาลิ่ง !!! ในเมื่ออยู่ดีๆชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ล้มลงและเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา ชายชุดดำเบิกตากว้างเมื่ออยู่ดีๆชายคนนั้นก็เป็นผงไปในพริบตา
"อะไรกัน" เขาพูดเสียงสั่นด้วยความตกใจแต่ก็ภายในเวลาแปบเดียวเท่านั้นเขาก็พลิกมาอีกอารมณ์หนึ่ง "ยังไงซะก็เหลือข้า เจ้าไมพ้นแน่" ชายชุดดำรีบเดินเข้าไปที่ร่างเจลาลิ่ง เด็กหนุ่มได้แต่ถอยหลังหนี
"ถอยไปจากเด็กคนนั้นซะ" เสียงตะคอกที่เจลาลิ่งรู้ได้ว่าเป็นน้ำเสียงของผู้หญิง ใครกันที่จะมาช่วยเขาในเวลาขับขันแบบนี้ในที่แห่งนี้ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
ร่างของหญิงงามปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเจลาลิ่งเธอตัวสูงกว่าผมเล็กน้อย ร่างกายผิว
เนียนผ่องใสเหมือนกับนางฟ้ามาจากสวรรค์งั้นหละ เธอใส่ชุดสีขาวกระโปรงพลิ้วไสวยาวปกคลุมขาทั้งหมด ผมเธอยาวปกมาถึงด้านหลัง เจลาลิ่งไม่สามารถเห็นใบหน้าได้
เพราะเธอหันหลังให้กับเขาอยู่
"ถอยไปซะหรือว่าเจ้าอยากจะลองกับข้า" เทพสาวขู่ ชายชุดดำแสยะยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีที่หยาบ ชายชุดดำปล่อยลำแสงไฟฟ้าเหมือนอย่างที่เจลาลิ่งคิดเอาไว้ เทพสาวหลบทันท่วงทีและปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเธอปล่อยพลังบางอย่างและสิ่งที่เจลาลิ่งเคยเห็นเมื่อครู่ ชายชุดดำล้มลงและกลายเป็นผงธุลี
"ฝีมือท่านเองเหรอครับเมื่อกี้" เจลาลิ่งถามด้วยถ้อยคำที่สุภาพ
"เธอจะได้รับการคุ้มครองจากเราทุกฝีก้าว เธอไม่ต้องหาสมุนไพรนั่นแล้วนะฉันรักษาเขาให้หายแล้ว" เทพสาวเอ่ยเสียงเรียบ
"คุณเป็นใครเหรอครับ" เทพสาวหันมาทำให้เจลาลิ่งคาดไม่ถึงเพราะใบหน้าของเธอเหมือนกับพยาบาลที่เจอเมื่อเช้าไม่มีผิดเพี้ยนแน่
"คุณนั่นเอง" เจลาลิ่งอุทาน เธอยิ้มให้อย่างเอ็นดู
"ทำไมถึงมาช่วยผมกับเพื่อนผมด้วยหละครับ ผมสงสัย"
"เดี๋ยวเธอก็รู้เอง"
"เดี๋ยวสิครับ" เจลาลิ่งทักขึ้นเมื่อเห็นเทพสาวกำลังจะไป
"คุณเป็นเทพงั้นเหรอครับ" เจลาลิ่งค่อยๆพูด เทพสาวหยุดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตอบ
"เข้าใจถูกแล้ว เธอต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะอย่าทำอะไรคนเดียวรู้ไหม"เทพสาวหยุดพูดสักพักก่อนจะพูดต่อไป "ฉันรู้จักกับเธอดีนะเจลาลิ่งรู้จักยิ่งกว่าเธอรู้จักกับตัวตนของตัวเองเสียอีก" คำๆนี้ฟังดูแปลกๆเจลาลิ่งก้มหน้าคิดอยู่นานและจู่ๆเขาก็รู้สึกเคลิ้มและหลับไป...
..............................................
จะถึงบทที่ 10 แล้วนะดีใจจัง ยังไงก็ติดตามผลงานของผมต่อไปนะครับ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น