ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แอนกริสเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์สวรรค์

    ลำดับตอนที่ #9 : ป่าเอเซนนิกส์

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49


    "จะเอาอะไรไหมจีล" เด็กสาวลืมตาเล็กน้อย ทำท่าจะพูดเค้กสังเกตเห็นเลยเดินมาที่เตียงของจีล  "เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้ดื่มนะ" จีลพยักหน้าเล็กน้อย

    "จะฟังข่าวก็ได้นะ รีโมทอยู่แถวๆนั้นแหละ" จีลหยิบแก้วน้ำจากมือเค้ก

    "ค่อยๆดื่มก็ได้จีล" เค้กยิ้มมุมปากเล็กน้อย



    วันนี้เกิดเหตุการณ์ที่เมืองเฟติส ณ ป่าเอเซนนิกส์ มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งขับเครื่องบินยานยนต์ขับชมวิวทิวทัศน์ในป่าใหญ่ได้พบกับ ชายนิรนามอายุราว 30 เสียชีวิตอยู่กลางป่า สภาพศพผิวหนังแห้งเหมือนๆกับมัมมี่ไม่มีร่องรอยการทำร้าย    สาเหตุทางแพทย์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดเพราะอะไร  รัฐบาลจึงประกาศว่าที่นั่นคือเขตหวงห้าม ห้ามใครไปเด็ดขาด



    แอ๊ด...    เสียงเปิดประตูดังขึ้นมา เจลาลิ่ง แคร์ มินท์ เดินเข้ามาภายในห้องในมือของแคร์มีกระเช้าดอกไม้สีสันสวยงามถือมาด้วย



    "ฉันให้เธอนะ" แคร์เอ่ยและมอบกระเช้าดอกไม้ให้กับจีล

    "ขอบใจนะแคร์" จีลยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ



    "เป็นไงมั่งเพื่อน ฝึกไปถึงไหนและ" เค้กเดินมาตบบ่าเจลาลิ่ง

    "ก็... งั้นๆอะ"



    "มะกี้ฉันฟังข่าวมานะ เห็นบอกว่าเขาจะปิดเป็นเขตหวงห้ามอะที่ป่าเอเซนนิกส์

    เห็นว่ามีคนตายสภาพศพเหมือนมัมมี่  แพทย์บอกว่าหาสาเหตุไม่ได้" เค้กอธิบายให้ฟัง

    "ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ" เจลาลิ่งเสริม



    "แล้วเอาไงดีจ๊ะ" แคร์เอ่ย

    "เห็นทีต้องบุก" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงหนักแน่นเอาจริงเอาจัง



    "ไม่ไหวมั๊ง มีเจ้าหน้าที่อยู่" มินท์ทำท่าไม่เห็นด้วย

    "หรือว่าจะปล่อยให้จีลเป็นอะไรหนักขึ้นไปอีก" เจลาลิ่งเถียงโดยทันที ท่าทางเขาจะหงุดหงิดอะไรมาซักอย่าง

    "เป็นอะไรของเขาเนี่ย" เค้กกระซิบที่หูของมินท์หลังจากที่เจลาลิ่งกระแทกประตูเดินออกจากห้องไป  



    "ใครไปทำให้เขาไม่สบายใจเหรอ" จีลพูดเสียงแหบๆ

    "คงเป็นเรื่องวันนี้มั๊ง" มินท์ยักไหล่ตอบ



    เหตุการณ์ดูจะนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จีลหมดแรงเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  เค้กเองก็เดินไปนั่งบนโซฟาเปิดข่าวหนังสือพิมพ์อ่าน แคร์เห็นว่ามีธุระยุ่งจึงรีบกลับไปก่อน  มินท์ท่าทางจะติดธุระพอๆกับแคร์เลยไปด้วยกัน  ในห้องจึงเหลือแต่เค้กที่คอยอยู่เป็นเพื่อนจีล



    "นี่เจเขาหายไปแล้วเนี่ย ฉันมีงานเหมือนกัน" เค้กบ่นในใจ



    ………..   !!!



    "อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เค้กทำท่าตกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมายืนอยู่ใกล้ๆโดยไม่รู้ตัว

    "ก็ไม่นานเท่าไร เห็นฟุบหลับอยู่เราก็เลยไม่ได้ปลุก"

    "เออ..นี่  เฝ้าจีลให้หน่อยสิ ฉันมีงานต้องทำนิดหน่อยอะนะ  ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพื่อน ยังไงเราก็ต้องทำให้สำเร็จนั่นแหละน่า



    "ขอบใจนะ งั้นตามสบายเลยทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง"

    "อืมๆ"





    "อีกนานไหมที่ฉันจะได้ออกจากโรงพยาบาล"  เด็กสาวตาใสๆมองมาที่เจลาลิ่งอย่างมีหวัง   จีลหวังว่าอีกไม่นานที่จะออกจากโรงพยาบาลนี่สักที อยู่นี่ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่นอนถึงแม้ตอนนี้อาการจะดีขึ้นเล็กน้อยแต่หมอก็ไม่มีทางให้ออกไปแน่   แต่ยังดีที่ยังมีเพื่อนๆที่แสนดีมาเฝ้าตลอด  มันมีความสุขแปลกๆนะเมื่ออยู่กับเจลาลิ่งสองคนแบบนี้ไม่รู้เพราะอะไร    สงสัยเราคิดมากไป



    เจลาลิ่งรินน้ำดื่มมาให้เด็กสาว  เมื่อมองเห็นเด็กสาวดูท่าทางอ่อนแรงถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เจลาลิ่งก็อดห่วงไม่ได้ที่อยู่ดูแลจีล   ไม่รู้เป็นไรที่เราไม่เคยห่วงใครเท่าห่วงเธอ    ยังไงก็ตามเถอะฉันไม่มีทางให้เธอเป็นไรเป็นอันขาด ต้องไปตามหาให้ได้

    ศ. เองก็งานยุ่งเกี่ยวกับการเปิดเทอมที่จะมาถึงคงไม่มีเวลาว่างมาช่วยปัญหาในตอนนี้

    คงต้องพึ่งตัวเองแล้วละ



    "ขอบใจนะ" จีลค่อยๆดื่มน้ำ แก้วเปล่าที่ดื่มเสร็จเอาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆเตียง ขณะนี้เป็นเวลาเย็น จีลก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนแรง  เจลาลิ่งเดินไปนั่งบนโซฟานอนคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยเปื่อย   เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กลับไปที่บ้านตั้งแต่จีลป่วยแล้ว  แต่ถึงเขาอยากจะกลับมากสักแค่ไหนก็คงต้องให้เรื่องทางนี้เสร็จซะก่อน



    "2ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย" เจลาลิ่งพึมพำเบาๆ วันนี้เขากะค้างที่นี่เลยยังไม่กลับหอพักที่โรงเรียนแอนกริส    



    "มาแล้วเหรอ" เจลาลิ่งเอ่ยถามเมื่อเค้กเปิดประตูแอบย่องเข้ามาเบาๆ

    "อืมๆ ก็กะจะอยู่เป็นเพื่อนนายไง"

    "ขอบใจนะ นายนอนบนโซฟาละกันเดี๋ยวฉันจะนอนฟุบที่เก้าอี้"   เจลาลิ่งหยิบเบาะบนโซฟาใบสี้ฟ้าขนาดเล็กมาหนึ่งใบพร้อมกับเก้าอี้หนึ่งตัวดึงมาข้างๆเตียงจีลพร้อมที่จะฟุบนอน



    "เจลาลิ่ง" เค้กถามหา เด็กหนุ่มหันหน้ามาทันควัน

    "แน่ใจนะว่านายไม่นอนบนโซฟา" เค้กถาม

    "แน่ใจสิ" เจลาลิ่งยิ้มให้ก่อนที่จะฟุบนอนลงไปพร้อมๆกับเค้ก   เจลาลิ่งหลับตาเฉยๆพลางนึกอะไรไปพลางๆ เขากำลังคิดเรื่องป่าเอเซนิกส์เหมือนเดิมคิดไปคิดมาก็ยังไม่รู้วิธีที่จะเข้าไปในป่านั้นได้อย่างไร เมืองเฟติสร้อยละเจ็ดสิบเป็นพื้นที่ป่าทั้งแถบกินอาณาเขตกว้างไปถึงเมืองมาดัสและเอลายอช กองกำลังหน่วย I.S.C ก็ตรึงกำลังป้องกันเมืองส่วนหนึ่งและเป็นยามเฝ้าในอาณาเขตนั้นด้วย ล่าสุดอีกก็มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ I.S.C  เสียชีวิตเหมือนกับนักท่องเที่ยวอีก  ซึ่งหาสาเหตุไม่ได้แต่สันนิฐานว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ดุร้ายออกมาอาละวาดแถบๆชายป่าและทำร้ายเจ้าหน้าที่ไปหนึ่งนาย  ป่าเอเซนนิกส์เป็นป่าที่เก่าแก่นานมากๆซึ่งเชื่อกันว่ายังคงมีสัตว์ดุร้ายนานๆชนิดอาศัยรวมกันในป่า  

    เจ้าเมืองเฟติสเห็นท่าไม่ดีที่มีการตายสองศพติดต่อกันจึงออกมาแถลงข่าวว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้   ประชาชนที่ติดบริเวณชายป่าหวั่นกลัวเล็กน้อยแต่ไม่มากนักเพราะเจ้าหน้าที่ I.S.C  คอยดูแลความสงบสุข



    เจลาลิ่งนอนไม่หลับเขาจึงลุกจากเตียงนอนมองหน้าสาวน้อยที่หลับปุ๋ยใบหน้าช่างดูน่ารักแปบนึง จึงค่อยๆเปิดประตูเบาๆออกจากห้อง  เจลาลิ่งเดินมาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะข้างนอกโรงพยาบาลแอนจูลี่บรรยากาศข้างนอกออกจะเย็นสักนิดดวงดาวประดับประดาเต็มท้องฟ้ามากมาย แสงไฟระเรื่อๆสร้างบรรยากาศให้น่าเคลิ้มขึ้นไปอีก เก้าอี้ยาวที่ตั้งอยู่ใกล้เงาต้นไม้ขนาดใหญ่เจลาลิ่งเดินไปตรงนั้นและนั่งลง สายตากวาดโดยรอบ  ตอนนี้เจลาลิ่งแทบจะลืมทุกสิ่งที่สร้างความทุกข์ให้กับเขา ความคิดเพลินๆบวกกับความสบายเข้ามาแทนที่ เขารู้สึกได้ถึงลมเบาๆพัดผ่านมาตรงหน้า ไม่นานนักเจลาลิ่งก็เคลิ้มหลับไปอย่างลืมตัว





    ..!!!  เจลาลิ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคือชายชุดดำสองคนกับบุรุษลึกลับที่แต่งตัวมิดชิดปกปิดใบหน้าเอาไว้ท่าทางดูสง่างามน่าเกรงขามอย่างยิ่งนั่นคือสิ่งที่เจลาลิ่งคิด

    บางอย่างที่ทำให้เจลาลิ่งไม่สามารถขยับได้เลย เจลาลิ่งพยายามลุกขึ้นวิ่งออกไปแต่ทำไม่ได้เหมือนถูกพันธนาการ ชายชุดดำทั้งสองหัวเราะหึๆเว้นแต่บุรุษที่อยู่ข้างหลังชายทั้งสอง    แม้แต่จะพูดเจลาลิ่งยังไม่สามารถอ้าปากได้   เด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นของเรา

    นำมาให้ข้าและข้าจะไว้ชีวิตเพื่อนรักเจ้าทุกคนๆ   ถ้าเจ้าทำไม่ได้ก็จะตายทุกคนรวมถึงตัวเจ้าด้วย จำไว้เด็กน้อยอย่าคิดจะมาขัดขวางท่านดูริด เวย์ เธอคงจะไม่รู้อะไรถ้าท่านทรงกริ้วจะเป็นอย่างไร



    "เทพแอนกริสจะต้องมาปกป้องพวกเรา" ในที่สุดเจลาลิ่งก็พูดได้ สีหน้าเด็กหนุ่มดูท่าจะไม่กลัวเลยสักเล็กน้อย

    "เจ้าแข็งแกร่งเหมือนพ่อเจ้า" บุรุษนิรนามที่ปกปิดใบหน้าเดินมาใกล้เขา เจลาลิ่งเริ่มขนลุกชัน ทำไมเวลาเข้าใกล้ชายนี้ความหดหู่มันจึงมากมายเช่นนี้

    "หมายความว่าไง" เจลาลิ่งเอ่ยพลางมองหน้าชายคนนั้น  ชายคนนั้นนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไปก่อนที่จะหัวเราะเบาๆเป็นการยั่วโมโหแทน



    "ข้าจะบอกให้นะ แอนกริสทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะตลบอบอวล

    ดังกังวานเข้าสู่โสตประสาทเจลาลิ่ง  



    กึก...!!   เจลาลิ่งลึกพรวดขึ้นจากเก้าอี้นั่ง บรรยากาศภายนอกดูปกติเหมือนเดิม ชายชุดดำ บุรุษนิรนามหายไป มีแต่เขาที่นั่งตรงนี้เหมือนเดิม กับเสียงสรรจรของรถยนต์บนถนนและเครื่องบินยานยนต์บินไปบินมาเหนืออากาศ



    "ฝันไปเหรอเนี่ย" เจลาลิ่งส่ายหัวเล็กน้อย เสียงกังวานจากเสียงหัวเราะของความฝันเมื่อครู่ยังคงได้ยินแว่วๆอยู่  ทันใดนั้นเจลาลิ่งก็ลุกพรวดออกจากที่นั่งเหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างออก  เขาค่อยๆเปิดประตูห้องที่จีลหลับอยู่



    เจลาลิ่งถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนปลอดภัย จีลยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม เค้กรู้สึกจะนอนฝันหวานเจลาลิ่งสังเกตได้ว่าเค้กนอนอมยิ้มอยู่เล็กน้อย  ชั่วเวลาแปบนึง

    เจลาลิ่งก็เดินไปฟุบนอนที่เตียงของจีล



                                                    ...............................................



    อรุณยามเช้าส่องแสงประปรายกระทบใบหน้าของสาวน้อยที่ตื่นมายามเช้ารับวันใหม่ของวันนี้  เป็นการสื่อความหมายที่ดีที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆเรื่องเลวร้ายได้จบและพบกับแสงที่ส่องทางให้เราก้าวต่อไปให้พ้น



    เด็กสาวสังเกตเห็นว่ามีคนมานอนพิงที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มน้อยฟุบหลับสนิทไม่มีท่าทีจะตื่นถึงแม้จะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่มือของจีล   จีลเห็นเค้กเดินเปิดประตูไปเมื่อครู่ท่าทางจะไปซื้ออาหารเช้ามากิน     สักแปบก็มีพยาบาลแง้มประตูเปิดมาพร้อมกับอาหารที่อยู่ในถาดเสิร์ฟพร้อมกับถาดรถเข็นที่กำลังเข็นมาเบาๆไปหยุดที่โต๊ะข้างๆเตียงของจีล



    "วางไว้ตรงนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวทานเองได้" จีลเห็นพยาบาลกำลังปรับเตียงยกระดับขึ้นเพื่อให้ทานข้าวได้อย่างสะดวกในไม่ช้าเจลาลิ่งก็รู้สึกตัว



    "อ้าว...!" เจลาลิ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพยาบาลเดินมาชนเขาเล็กน้อย "อาหารเช้าเหรอครับ"



    "ค่ะ" พยาบาลคนนั้นยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรผมหยักศกเจลาลิ่งรู้ได้ว่าเขาคงดัดและโกรกผมแน่ๆผมสีทองที่ส่องประกายอย่างชัดเจนเมื่อแสงแดดมากระทบ  แต่ก็ดุเก๋ไปอีกแบบในความคิดของเจลาลิ่ง



    "มองตาไม่กระพริบเลยนะ" จีลกระฮึ่มในลำคอเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกไป

    "เปล่าน่ะ ไม่มีอะไรก็แค่ดูไปเรื่อยเปื่อย" เจลาลิ่งพูดหันหน้าออกไปข้างนอกหน้าต่าง นกสีสันสวยงามที่บินว่อนตามท้องฟ้า  บางตัวก็บินมาเป็นคู่จู๋จี๋กันตามประสา   มีพยาบาลเข็นรถเข็นพาคนป่วยออกไปสูบอากาศข้างนอก ช่างน่าอบอุ่นจริงๆ



    "สวยเนอะ"  จีลเอ่ยลอยๆเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองไปข้างนอกอยู่นานพอควร

    "นั่นสินะ"  เจลาลิ่งยังไม่ละสายตาออกไปข้างนอกหน้าต่าง  แววตายังคงจ้องมองนกที่บินไปตามประสาของมัน   เสียงประสานกันทำให้เจลาลิ่งแทบจะหลับไปอีกครั้ง แต่

    เจลาลิ่งก็สะดุ้งเฮือกเหมือนอะไรมาแทนความคิดของเขา



    "เป็นอะไรไป" จีลทักด้วยความตกใจเมื่อเห็นท่าทางสะดุ้งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

    "เปล่าๆน่ะไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เพิ่งนึกอะไรออก"

    "อะไรเหรอ" จีลเอ่ยพลางยักคิ้วเล็กน้อย

    "อ๋อๆไม่มีอะไร แหะๆ       อืม... เธอรีบทานข้าวซะสิเดี๋ยวอาหารเย็นหมดจะไม่อร่อย"

    เจลาลิ่งรีบตัดบท เขาไม่อยากให้จีลต้องกังวลแต่สีหน้าก็ทำให้จีลอดสงสัยไม่ได้



    "เจลาลิ่ง"  เด็กสาวเรียกชื่อเขา เด้กหนุ่มหันหน้ามามองด้วยท่าทางสงสัย



    แอ๊ด....  เสียงเปิดประตูดังขึ้น เค้กนั่นเองที่เข้ามา เขาถือข้างกล่องใส่ถุงเข้ามาข้างในห้อง

    "กินข้าวกัน" เค้กยกถุงเข้าขึ้นมาที่ระดับสายตาโชว์ไปให้เจลาลิ่งแต่เจลาลิ่งรู้สึกเฉยๆในการกระทำของเขา



    "ฉันขอตัวละเผอิญมีอะไรต้องทำอีก  เออนี่เฝ้าจีลให้ตลอดนะอย่าให้คลาดสายตา"  

    "เอ๋.." เค้กร้องเสียงหลง

    "ไปก่อนละ"   เจลาลิ่งรีบเดินออกจากห้องไปโดยเร็ว



                                                 ..........................................



    ณ ป่าเอเซนนิกส์



    เจ้าหน้าที่ I.S.C ยังคงตรึงกำลังไว้ส่วนหนึ่งในเขตพื้นที่ของเมืองเฟติส ดูจากกำลังพลแล้วไม่ถึง 30 กว่าคนด้วยซ้ำสงสัยคงกระจายกำลังพลไปดูส่วนอื่นในเขตพื้นที่บริเวณนั้นอีก   เจลาลิ่งค่อยๆเดินลัดริมรั้วกั้นที่ดูสูงกว่าหัวของเขาเพียบ  เจ้าหน้าที่2คนกำลังยืนอยู่ที่ป้อมตรวจซึ่งอยู่ข้างๆปากประตูของป่าเอเซนนิกส์    



    "เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำแปบนะไม่ไหวแล้วอะ" เจ้าหน้าที่หนึ่งในสองคนที่เฝ้าปากทางเข้าเอ่ยและรีบวิ่งปรู๊ดไปที่หมู่บ้านในแถบระแวกนั้น   เจลาลิ่งพอเห็นทางที่จะเข้าไปข้างในได้จึงถือโอกาสช่วงที่เจ้าหน้าที่อีกคนกำลังเหม่อวิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

    ภายในป่ากว้างใหญ่ต้นไม้นาๆชนิดอุดมสมบูรณ์สัตว์น้อยใหญ่ส่งเสียงร้องกันอย่างร่าเริง

    พระอาทิตย์สามารถส่องแสงเข้ามาถึงได้เพราะป่าไม่ค่อยทึบสักเท่าไร  เจลาลิ่งยังคงเดินไปสักพักเพื่อไปตามหาดอกไม้ที่ชื่อ "เซนโทรมินิก เอจิ ฟิคูเม้น"  ถึงแม้ในโรงพยาบาลจะมียารักษามีสมุนไพรชื่อนี้แต่มันสายพันธ์ต่างกันซึ่งเป็นการเบรรเทาอาการเฉยๆ  แต่ถ้าได้จากในป่าเอเซนนิกส์ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้



    เดินไปได้ไม่ถึงสิบกว่านาทีเจลาลิ่งสังเกตอาการผิดปกติบางอย่างเสียงคำรามที่ชวนขนหัวลุกดังขึ้น มันดังมาจากด้านหน้าถ้าเขาฟังไม่ผิดด้านหน้าแน่ๆ เจลาลิ่งค่อยลดความเร็วในการเดินเป็นการย่องช้าแทนแต่เดินมาได้ระยะทางหนึ่งก็ไม่เห็นมีอะไรแต่เขากลับได้ยินเสียงน้ำตกแทน  



    "ว้าว สวยจริงๆ" เจลาลิ่งพูดหลุดปากโดยไม่ได้ตั้งใจคงเป็นเพราะว่ามันสวยกว่าที่เขาเคยเจอมาก  รุ้งกินน้ำทอดสายยาวสวยงามเจลาลิ่งเดินไปนั่งในแถบบริเวณนั้น เขาวักน้ำมาล้างหน้าเพื่อให้รู้สึกสดชื่นแต่ความรูสึกมันแปลกมากเพราะความกระปี้กระเป่าเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ทำให้เจลาลิ่งวักน้ำมาดื่มด้วย   ทันใดนั้น...



           เฟี้ยว!!  เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอะไรแวบๆที่ผ่านหน้าของเขาไปด้วยความรวดเร็ว เจลาลิ่งหันหลังไปมองพบกับธนูที่ปักอยู่บนต้นไม้  เจลาลิ่งพอตั้งสติได้ก็วิ่งหลบไปที่ต้นไม้หนึ่งซึ่งพอจะเป็นโล่กำบังได้



    "แกเป็นใคร" เสียงตะคอกดังมาจากคนลึกลับ "มาทำอะไรในที่แห่งนี้  หรือว่าแกเป็นพวกเดียวกับมัน"

    "ผะ.ผมชื่อเจลาลิ่ง นักเรียนของแอนกริสครับ" เจลาลิ่งตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ  เขาคิดอยู่พักนึงก่อนจะลดคันธนูลง

    "มาทำอะไรแถวนี้" เขาถามต่อด้วยความสงสัย  "ผมมาตามหาดอกไม้ชนิดหนึ่งครับ"

    เจลาลิ่งค่อยๆเดินออกจากที่หลบเขาเห็นชายตัวใหญ่บึกบึนใส่เสื้อผ้าคล้ายๆคนป่าแต่ดูเนื้อผ้าที่ทำนั้นดีกว่าที่เขาสวมใส่ในขณะนี้ด้วยซ้ำ  หน้าตาค่อนข้างโหดแววตาเหมือนกับโกรธแค้นอะไรบางอย่าง   เจลาลิ่งมองแล้วก็ยังไว้ใจไม่ค่อยได้

    "รู้ไหมที่นี่มันอันตราย"  ชายคนนั้นพูดด้วยอารมณ์คนละอย่างกับมะกี้ ทั้งที่มะกี้เขาพยายามจะฆ่าผมด้วยซ้ำ

    "รู้ครับ" เจลาลิ่งพูดข่มความกลัวพยายามพูดให้เนียนที่สุดแต่มือเท้าของเขายังสั่นๆอยู่เลย

    "ผมต้องหาดอกไม้รักษาพื่อนผมครับซึ่งมันอยู่ที่นี่" ชายคนนั้นทำท่านึกคิด "มันคงหาไม่ได้ในเขตเมืองที่เจริญละสินะ ถ้าให้ฉันทายก็คงเป็น เซนโทร..."

    "ใช่แล้วครับ" เจลาลิ่งพูดสวนกลับไปเร็วพลันโดยที่ชายนั้นยังพูดไม่จบ

    "หมู่บ้านฉันมี  นายคงรู้จักกับเพื่อนของฉันละสินะที่ชื่อเฟรมมิ่ง"  

    "ผอ. เหรอครับ"

    "ใช่"



    "….!!!   ระวัง หลบ!"  ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความตกใจ เจลาลิ่งเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเขารีบล้มตัวลงหลบอะไรบางอย่างได้ทัน



    "หึๆๆ   ดันด้นหาที่ตายเลยนะหนุ่มน้อย" เสียงหัวเราะที่ฟังดูประหลาดเจลาลิ่งถอยไปข้างหลังจนไปชนลำตัวของชายหนุ่มบึกบึนนั่นดังแป็ก

    "โอ๊ยๆ  ทำอะไรผมน่ะ" เจลาลิ่งพยายามดิ้นเมื่อเขาโดนล๊อกคอจากชายคนนั้น แต่ก็สำเร็จเจลาลิ่งสามารถหลุดออกมาได้ ขณะที่ชายชุดดำ  และชายหนุ่มหัวเราะเขาด้วยความสบายใจ



    "เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันต้องการตัวและเพื่อนเธอ จีล"  ชายชุดดำเอ่ยเสียงเรียบๆแฝงด้วยความขรึมอย่างน่าสะพรึงกลัว



    "ฝันไปเถอะ!" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงหนักแน่นแต่ขณะที่พูดเขาก็เดินถอยหลังไปทีละนิด

    "หนีไม่พ้นหรอก"  



    ความตกใจโถมมาใส่เจลาลิ่ง !!! ในเมื่ออยู่ดีๆชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ล้มลงและเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา  ชายชุดดำเบิกตากว้างเมื่ออยู่ดีๆชายคนนั้นก็เป็นผงไปในพริบตา



    "อะไรกัน" เขาพูดเสียงสั่นด้วยความตกใจแต่ก็ภายในเวลาแปบเดียวเท่านั้นเขาก็พลิกมาอีกอารมณ์หนึ่ง "ยังไงซะก็เหลือข้า เจ้าไมพ้นแน่" ชายชุดดำรีบเดินเข้าไปที่ร่างเจลาลิ่ง  เด็กหนุ่มได้แต่ถอยหลังหนี



    "ถอยไปจากเด็กคนนั้นซะ" เสียงตะคอกที่เจลาลิ่งรู้ได้ว่าเป็นน้ำเสียงของผู้หญิง ใครกันที่จะมาช่วยเขาในเวลาขับขันแบบนี้ในที่แห่งนี้ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ



    ร่างของหญิงงามปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเจลาลิ่งเธอตัวสูงกว่าผมเล็กน้อย ร่างกายผิว

    เนียนผ่องใสเหมือนกับนางฟ้ามาจากสวรรค์งั้นหละ เธอใส่ชุดสีขาวกระโปรงพลิ้วไสวยาวปกคลุมขาทั้งหมด  ผมเธอยาวปกมาถึงด้านหลัง เจลาลิ่งไม่สามารถเห็นใบหน้าได้

    เพราะเธอหันหลังให้กับเขาอยู่



    "ถอยไปซะหรือว่าเจ้าอยากจะลองกับข้า" เทพสาวขู่  ชายชุดดำแสยะยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีที่หยาบ  ชายชุดดำปล่อยลำแสงไฟฟ้าเหมือนอย่างที่เจลาลิ่งคิดเอาไว้ เทพสาวหลบทันท่วงทีและปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเธอปล่อยพลังบางอย่างและสิ่งที่เจลาลิ่งเคยเห็นเมื่อครู่  ชายชุดดำล้มลงและกลายเป็นผงธุลี



    "ฝีมือท่านเองเหรอครับเมื่อกี้" เจลาลิ่งถามด้วยถ้อยคำที่สุภาพ

    "เธอจะได้รับการคุ้มครองจากเราทุกฝีก้าว  เธอไม่ต้องหาสมุนไพรนั่นแล้วนะฉันรักษาเขาให้หายแล้ว" เทพสาวเอ่ยเสียงเรียบ

    "คุณเป็นใครเหรอครับ"  เทพสาวหันมาทำให้เจลาลิ่งคาดไม่ถึงเพราะใบหน้าของเธอเหมือนกับพยาบาลที่เจอเมื่อเช้าไม่มีผิดเพี้ยนแน่



    "คุณนั่นเอง" เจลาลิ่งอุทาน เธอยิ้มให้อย่างเอ็นดู

    "ทำไมถึงมาช่วยผมกับเพื่อนผมด้วยหละครับ ผมสงสัย"

    "เดี๋ยวเธอก็รู้เอง"

    "เดี๋ยวสิครับ" เจลาลิ่งทักขึ้นเมื่อเห็นเทพสาวกำลังจะไป



    "คุณเป็นเทพงั้นเหรอครับ" เจลาลิ่งค่อยๆพูด  เทพสาวหยุดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตอบ

    "เข้าใจถูกแล้ว เธอต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะอย่าทำอะไรคนเดียวรู้ไหม"เทพสาวหยุดพูดสักพักก่อนจะพูดต่อไป "ฉันรู้จักกับเธอดีนะเจลาลิ่งรู้จักยิ่งกว่าเธอรู้จักกับตัวตนของตัวเองเสียอีก"   คำๆนี้ฟังดูแปลกๆเจลาลิ่งก้มหน้าคิดอยู่นานและจู่ๆเขาก็รู้สึกเคลิ้มและหลับไป...



                                                  ..............................................

    จะถึงบทที่ 10 แล้วนะดีใจจัง ยังไงก็ติดตามผลงานของผมต่อไปนะครับ ^^







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×