คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : วิชาเพิ่มเติม
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เค้กกับเพื่อนคนอื่นๆต้องเรียนคนละที่กัน มันรู้สึกเหงาแปลกๆเหมือนกันแต่ก็น่าตื่นเต้นที่จะได้เรียนกับนักเรียนหญิงเยอะๆแบบนี้ แต่ที่จะตื่นเต้นเป็นพิเศษคงเป็นการได้เรียนร่วมห้องกับแซน นักเรียนหญิงที่น่ารักที่สุดในสายตาของเค้กในตอนนี้
แซนเป็นนักเรียนหญิงที่สวยน่ารักใสๆสมกับวัย เธอดัดผมไว้ผมตาวสีผมสีทองที่ดูสะดุดตาทุกๆคน รูปร่างจัดว่าใช้ได้สม ส่วนสูงร้อยหกสิบกว่าเซนติเมตร เวลายิ้มแทบจะหยุดหัวใจของหนุ่มๆทุกๆคน
มองจากสายตาของอาจารย์ผู้สอนนั้นก็พอจะดูออกได้ว่า ประสบการณ์สอนคงจะเยอะน่าดู วิธีการพูดอธิบายให้ฟังไม่ติดขัดเลยสักนิด แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าอาจารย์แกจะยิ้มให้สักนิด ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาสอนอย่างเดียว
"ว่าแต่...ใครเคยเรียนฟิสิกส์มาบ้างคะ"อาจารย์มิสเทสเอ่ยเสียงเรียบ
"ผม.....ไม่เคยเรียน"นักเรียนชายคนหนึ่งตอบ
"แล้วทำไมต้องเรียนฟิสิกส์ด้วยละคะ"นักเรียนหญิงที่เค้กเดินชนตอนก่อนเขาห้องเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
"วิชาควบคุมคลื่นเป็นส่วนหนึ่งของวิชาฟิสิกส์น่ะสิ อาจารย์จึงต้องให้ทุกคนทำความรู้จักเกี่ยวกับคลื่นซึ่งอยู่ในฟิสิกส์พื้นฐาน ม.5"
"ฟิสิกส์ ม.5"นักเรียนสิบกว่าคนอุทานแทบจะพร้อมกัน "ผมแค่กำลังจะขึ้น ม.4 เองนะครับ"
"ไม่เท่าไรหรอกน๊า เรียนแค่เรื่องเดียวเอง"อาจารย์มิสเทสยิ้มให้กับทุกคน
"เวงเอ๋ยฟิสิกส์ จะไปรอดไหมเนี่ย"เค้กเป็นคนหนึ่งที่เรียนวิทยาศาสตร์ได้ห่วยแตกที่สุดในบรรดาหลายๆวิชา เขาเป็นคนหนึ่งที่มี่ชอบวิชาฟิสิกส์เอาซะเลยถึงจะพอมีความสามารถเรื่องคลื่นบ้างก็ตามเหอะ
"เบื่อทฤษฎีที่สุดจะเรียนไปทำไมกัน"นักเรียนชายนั่งหน้าห้องอยู่ซ้ายมือทำหน้าสะอิดสะเอียน "ต้องเรียนทฤษฎีอีกนานรึเปล่าครับ"เขายกมือขึ้นถาม
"คาบนี้คาบเดียวเองแหละ"อาจารย์มิสเทสยิ้ม "เอาละเมื่อพร้อมที่จะฟังกันแล้ว ใครจำได้ก็ไม่ต้องจดส่วนใครที่จำไม่ได้ก็จดเอาไว้นะ^^y" "เอาละเริ่มอธิบายแล้วนะ.....คลื่นเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากการรบกวนแหล่งกำเนิดและทำให้พลังงานที่เกิดจากการรบกวนกระจายออกไป เอางงี้อาจารย์จะนำขึ้นบอร์ดนะ"
"สมบัติของคลื่น 1.การสะท้อน 2.การหักเห 3.การเลี้ยวเบน4.การหักเห ประเภทของคลื่นก็อย่างเช่นคลื่นกล คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า" "ชนิดของคลื่นกลก็อย่างเช่นคลื่นเสียง คลื่นน้ำ แล้วคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็อย่างเช่นคลื่นวิทยุ เรดาร์ ไมโครเวฟ รังสีอินฟราเรด แสง รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา"
อาจารย์มิสเทสยังคงอธิบายต่อไปเรื่อยๆ มีเรื่องคำนวณเกี่ยวข้องด้วยนิดหน่อย นักเรียนบางส่วนยังตั้งใจฟังอยู่ เค้กเป็นคนหนึ่งที่ฟังผ่านหูไปเรื่อยๆโดยไม่ได้จดอะไร
"อาจารย์คะ"อาจารย์มิสเทสเว้นวรรคการอธิบายแล้วหันไปมองเด็กนักเรียนที่ลุกขึ้น "มีอะไรคะ"
"ขอเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ"เค้กหันไปมองนักเรียนหญิงคนนั้นปรากฎว่าเธอคนนั้นคือแซน เหมือนเวลามันหยุดเดินไปชั่วขณะ เค้กจึงขอเข้าห้องน้ำบ้างขณะที่แซนได้ออกจากห้องไปแล้ว
"อาจารย์ครับผมขอเข้าห้องน้ำครับ"เค้กเอ่ยขึ้นขณะที่อาจารย์ก็พยักหน้าเป็นการรับรู้ ใจจริงเขาอยากเรียนเวทเร็วๆด้วยซ้ำไม่เข้าใจทำไมต้องมีเรียนทฤษฏีก่อนอยู่เรื่อยเลย
เค้กออกจากห้องหลังจากแซนไม่นานนัก เธอกำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องเรียนขณะที่เค้กกำลังเดินตามแซนไปนั้น เด็กสาวเองก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีคนกำลังตามมา
"นี่นายตามฉันมาเหรอ"เด็กสาวหยุดเดินและหันไปมองเค้ก
"ผมก็มาเข้าห้องน้ำเหมือนกันนิ๊ครับ"จริงอยู่ที่เค้กตามแซนมาจริงๆแต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดว่าเขาตามมา
"อ้าวเหรอ..โทษทีนะงั้นฉันขอตัวก่อนละ"
แซนสงสัยเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว เพราะเธอโดนเค้กแอบมองตลอดเวลาความจริงก็ไม่ได้มีแค่เค้กคนเดียวที่แอบมองอยู่ นักเรียนชายบางคนก็แอบมองเหมือนกันแต่สายตาของแซนจำได้แค่เค้กคนเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่ามั๊งที่เขาจะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
........................................
ภายในห้องเรียน ณ ตึกจีนิส เด็กนักเรียน มีประมาณสิบกว่าคนเหมือนกับนักเรียนที่เรียนวิชาการควบคุมคลื่น โดยปกติแล้วในแต่ละวิชาก็จะมีเด็กประมาณนี้โดยเฉลี่ย เจลาลิ่งนั่งอยู่กลางห้องทางซ้าย คงเป็นครั้งแรกที่เจลาลิ่งเห็นเด็กต่างชาติมานั่งตามโต๊ะต่างๆมากหน้า เพราะก่อนหน้านี้ที่เรียนในห้องเรียนเขาเห็นเพียงสองคน
เจลาลิ่งดุ้นหน้ากับอาจารย์คนนี้มากเหมือนกับเคยเห็นมาก่อน แต่เมื่อพิจารณาดีๆเขาก็นึกออกว่านั่นคืออาจารย์ฟินลิปคนที่สอนวิชาการต่อสู้ เมื่ออาจารย์เข้ามาในห้องเสร็จเรียบร้อยนักเรียนทุกคนก็โค้งคำนับเป็นการทำความเคารพ
"เอาละเพื่อให้เป็นการเสียเวลานะ ให้ทุกคนพูดตามครูนะ" อาจารย์ฟินลิปกวาดสายตามองรอบห้องเพื่อเห็นจะได้รู้ว่านักเรียนทุกคนพร้อมจริงๆ
"ไฟ..." อาจารย์ฟินลิปเอ่ยสั้นๆ สีหน้าทุกคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
พูดแค่นี้เองเหรอ...
"ยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า แล้วพูด"อาจารย์ฟินลิปแนะ นักเรียนแต่ละคนทำตามอย่างว่าง่ายทำตามที่อาจารย์ฟินลิปบอกทุกประการ
"ไฟ..."นักเรียนคนหนึ่งพยายามอยู่หายรอบกับการพูดซ้ำๆไปๆมาๆ ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย
"ไม่เห็นมีอะไรเลยนิครับ"เด็กนักเรียนชายไว้ผมแหลมทำผมสีทองบ่นอย่างหัวเสียจากการพยายามอยู่หลายรอบติดกัน ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นแต่เป็นการทุกคน
"เพ่งสมาธิ อย่าคิดเรื่องอื่น"อาจารย์ฟินลิปเอ่ยอย่างใจเย็น
ฟู้ววววววว... จากการพยายามหลายๆครั้งของเจลาลิ่ง ลูกไฟดวงเล็กๆขนาดเท่าลูกปิงปองปรากฏขึ้นในมือขวาจนทำให้นักเรียนที่นั่งข้างๆเหลือบมามองอยู่สองสามคน แต่แล้วลูกไฟดวงนั้นก็ดับไป
"อ้าว!"เจลาลิ่งอุทานอย่างตกใจ
"อย่าให้สมาธิขาด"อาจารย์ฟินลิปที่สังเกตอาการของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาพูดสั้นๆแต่ได้ใจความ เจลาลิ่งกลับมีสติเหมือนเดิมแล้วนึกขึ้นขึ้นได้ว่ามะกี้ไม่ได้ตั้งสมาธิมากพอเพราะมัวแต่วอกแวกเรื่องอื่นอยู่
"ครั้งแรกก็นับว่าใช้ได้" สิ้นคำพูด อาจารย์ฟินลิปก็เดินออกจากโต๊ะไป
ส่วนคนอื่นๆนั้นบางคนก็ทำได้แล้วบางคนก็ยังไม่ได้ แต่อาจาร์ฟินลิปก็ดีใจที่เห็นนักเรียนทุกคนตั้งใจก็เป็นอย่างดี บางคนนั้นไม่รู้ทำอีท่าไหนเกิดมีสะเก็ดไฟไปโดนผมซะอย่างงั้น ขณะที่คนที่เห็นเหตุกาณ์ก็พยายามกลั้นหัวเราะให้ถึงที่สุดโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองกำลังแอบขำ แต่โชคยังดีที่เด็กคนนั้นไม่เป็นอะไร
"ใครที่ยังทำไม่ได้ก็ฝึกดูไปเรื่อยๆนะ เราจะไปขั้นตอนต่อไปกัน ขออาสาสมัครคนหนึ่งนะ เธอ..."อาจารย์ฟินลิปเรียกเจลาลิ่งเพราะรู้สึกจะคุ้นเคยกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ
เจลาลิ่งถูกเรียกออกมาหน้าห้อง สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เจลาลิ่งคนเดียว
"มายืนตรงนี้ซิ"เจลาลิ่งถูกเรียกให้ไปยืนตรงบานประตูเลื่อนซึ่งห่างจากอาจารย์ ฟินลิปสามเมตรครึ่ง "เรียกลูกไฟอีกทีซิ" อาจารย์ฟินลิปสั่ง
"ไฟ..."เจลาลิ่งเพ่งสมาธิจดจ่อในสิ่งเดียวภายในเสี้ยววินาทีลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปองก็เกิดขึ้นในมือขวาของเขา
"คราวนี้ก็เขวี้ยงลูกไฟมาตรงครูนะ" เจลาลิ่งทามอย่างว่าง่าย ลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปองพุ่งไปที่เป้าหมายแต่แล้วลูกไฟนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศตรงห่างจากหน้าอาจารย์ฟินลิปไปประมาณ 2 ฟุต คราวนี้สายตาของแต่ละคนเบิกขว้างขึ้นเมื่อจู่ๆลูกไฟดวงนั้นหยุดอย่างกระทันหัง
"ทำได้ยังไงคะ"เด็กสาวผมสั้นเอ่ยอย่างประหลาดใจ
"ขั้นตอนเหมือนกับเรียกลูกไฟนั่นแหละเพียงแต่คราวนี้เพ่งสมาธิให้มากกว่าเดิมโดยไม่ต้องพูดอะไร" คราวนี้อาจารย์ฟินลิปเรียกลูกไฟขึ้นโดยให้เจลาลิ่งเป็นผู้หยุด
ทันใดนั้นลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปองก็พุ่งไปยังเจลาลิ่งอย่างรวดเร็วเจลาลิ่งแทบจะไม่มีเวลาใช้สมาธิในเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้นจึงทำให้ลูกไฟดวงจ้อยกับแรงมหาศาสที่มากับลูกไฟพุ่งไปอัดตรงหน้าอกเจลาลิ่งอย่างจังเป็นเหตุให้เจลาลิ่งปลิวไปกระแทกกับผนังกระจกอย่างจัง
สายตาทุกคนเบิกตากว้างอีกครั้ง อาจารย์รีบไปพยุงเด็กหนุ่มขึ้นมาทันที
"เป็นอะไรมากรึเปล่า"อาจารย์ฟินลิปถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรครับ" เจลาลิ่งเอ่ยอย่างลำบากขณะที่เดินไปยังโต๊ะที่นั่งเดิม
"พวกเธอก็ไปฝึกกันนะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน " อาจารย์ฟินลิปเดินไปนั่งที่โต๊ะใหญ่และจัดแจงเก็บเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ ขณะที่ทุกๆคนออกไปจากห้องหมดยกเว้น เจลาลิ่งที่โดนอาจารย์เรียกคุย
...................................................
วิชาการควบคุมนกมีนักเรียนเพียงห้าคนเท่านั้นจึ้งไม่ได้มีการสอนในห้อง จีลกับนักเรียนอีกทั้งสี่คนจึงถูกย้ายไปเรียนแถวๆข้างๆหลังตึกเฟติสซึ่งเป็นตึกที่อยู่ลึกที่สุดของโรงเรียน นักเรียนที่มาเรียนเวิชานี้เป็นนักเรียนหญิงหมด ส่วนอาจารย์ที่คุมสอนก็เป็นอาจารย์ผู้หญิงสาว
"มากันครบแล้วใช่ไหมคะ"อาจารย์สาวผมยาวใส่เสื้อแขนสั้นและกระโปรงสั้นที่ในระดับหัวเข่า ปกติแล้วอาจารย์แต่ละท่านที่สอนจะแต่งชุดธรรมดาทั่วๆไปไม่ได้มีชุดคลุมเหมือนกับนักเรียน
"เริ่มสอนกันเลยนะ"นักเรียนแต่ละคนต่างพยักหน้ากัน
"ครูชื่ออะไรคะ ยังไม่ได้บอกพวกหนูเลย"เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆจีลถาม
"โทษทีจ๊ะ ครูชื่อลิซ่า ลาทาน่า"อาจารย์ยิ้ม "เอาละเริ่มสอนกันเลยละกัน"
"ขั้นแรกที่จะฝึกวิธีการควบคุมนก อันดับแรกต้องมีสมาธิเป็นหลักไม่วอกแวกข้อนี้จำให้ขึ้นใจนะสำคัญมากๆเพราะขาดสมาธิเมื่อไรจะไม่มีทางทำอะไรได้เลย แต่เหตุผลข้อนี้ก็สำหรับเด็กเกรดหนึ่งอย่างพวกเธอนะถ้าหากว่าฝึกอย่างชำนาญแล้วก็ไม่เป็นไร ส่วนขั้นที่สองก็ง่ายๆ เพียงพูดว่า "ชามิ่ง พรีดิสโพส!"
"ชามิ่ง พรีดิสโพส"จีลพึมพำเบาๆ เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน
"ง่ายขนาดนี้เลยเหรอคะ มีอะไรยากว่านี้ไหมคะ"เด็กสาวผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้าพูดเสียงเรียบแต่ก็เรียกสายตาของทุกคนให้หันมามองเธอ
"ก็ง่ายอะจะ แต่มันจะมียากกว่านี้อีกเยอะเพราะเวทย์การควบคุมนกไม่ได้มีแค่นี้ แต่เธอเรียนอยู่แค่เกรดหนึ่งก็เรียนง่ายๆไปก่อนจะ"
ครูลิซ่าท่องเวทย์ขึ้นลำแสงสีฟ้าอ่อนๆบิดพันเป็นเกรียวขึ้นไปเรื่อยๆไปสำผัสกำจมูกของนกตัวหนึ่ง นกตัวนั้นที่กำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ขนาดใหญ่หยุดอยู่นิ่งก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางบินมายังมือที่ยื่นรอเอาไว้และส่งเสียงร้องราวกับสนิทสนมกัน
"ท่างทางจะเชื่องด้วยสิคะ"จีลเอ่ย
"ใช่แล้วจ๊ะ"ครูลิซ่าพูด "ต่อไปก็ลองฝึกดูกันนะ ครั้งแรกอาจจะยังไม่ได้แต่อย่าลืมต้องมีสมาธิมิไม่งั้นเวทย์ที่เอ่ยไปจะไร้ผล"
"ครูคะ วันนี้ครูลองโชว์เวทย์อื่นๆหน่อยสิคะ หนูอยากเห็น"
"ท่าทางจะไม่ได้นะ พวกหนูลองฝึกไปก่อนเถอะ"
"นะคะๆ"นักเรียนแต่ละคนพูดขึ้นพร้อมๆกัน ทำให้ต้องจำใจแก้เด็กๆโดยมิอาจหลีกเลี่ยง
"ครั้งเดียวนะ"จีลเห็นริมฝีปากของครูลิซ่าพึมพำประโยคหนึ่งเบาๆ เกิดลมกรรโชกนิดๆบริเวณนั้น เศษใบไม้ที่อยู่ตามพื้นปลิว่อนตามแรงลม สายตาของนักเรียนทั้งห้าคนมองไปรอบตัวเหมือนทุกคนรู้ว่าจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น
ฟ้าวววววววววว... มีบางสิ่งบางอย่างโฉบผ่านหน้าของจีลรู้ได้ว่ามันมีขนาดใหญ่มากแต่มองไม่เห็นขณะที่ลมที่กรรโชกอยู่นั้นได้หายไปพร้อมกับเกิดแสงไปสีส้มแดงปนกับสีเหลืองส่องแสงระยิบระยับปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้าในระยะใกล้ๆขณะที่ค่อยๆหายไปพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่างที่มีรูปร่างขนาดใหญ่จีลเข้าใจว่ามันต้องเป็นนกแต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย
วิหคไฟ หรือเรียกอีกอย่างว่า แฟร็นทิค เซียกริฟฟิน เป็นวิหคที่มีนิสัยดุร้าย บ้าคลั่ง มันเป็นสัญชาติญาณของมันตั้งแต่เกิด ภูมิลำเนาไม่ทราบแน่ชัดนัก บางคนกล่าวว่ามันสูญพันธ์ไปตั้งแต่ยุคน้ำแข็งเมื่อประมาณ 10000 ปีมาแล้ว
"นกอะไรเหรอคะ สวยจัง" นักเรียนหญิงผมยาวถามขึ้น ขนสีแดงของมันเรียบเงาชวนให้สัมผัส นัยน์ตาสีบลอนเงินสามารถสะท้อนแสงได้ทำให้ดูเหมือนกับกระจกใสหรือเหมือนคนตาบอด ปีกของมันเมื่อกางออกจะใหญ่พอๆกับกระเบื้องสามสิบแผ่นต่อกันเรียงสาม เมื่อหุบปีกจะทำให้ตัวของมันใหญ่ขึ้นไปอีก และปากที่แหลมคมสามารถจิกศัตรูให้ตายคาที่ได้
"มันคือวิหคไฟจ๊ะ อย่าทำให้มันตกใจเด็ดขาด ปกติมันจะมินิสัยดุร้ายแต่ไม่ต้องห่วงนะมันไม่ทำอะไรหรอกแต่อย่าทำให้มันตกใจละ" ครูลิซ่าพูดขึ้นพลางรูปหัวเจ้านกตัวนั้นอย่างเอ็นดูที่อยู่ในลักษณะหมอบตัวลงกับพื้นใกล้ๆกับคนที่เรียกมันมา
"ขอจับมันได้ไหมคะ"เด็กหญิงที่อยู่ข้างๆจีลกำลังจะเอื้อมมือไปจับแต่โชคยังดีที่จีลยังรั้งเธอไว้ทันก่อนจะทำให้มันตกใจ
"พวกเธอห้ามจับเด็ดขาดนะ โทษทีที่ฉันไม่ได้บอกไว้ก่อน อันตรายมากเลยทีเดียวมันจะให้ไม่ให้ใครจับขนของมันเด็ดขาดนอกจากฉันคนเดียว ไม่งั้นละก็...มันจะฆ่าเธอ"ครูลิซ่าเพยายามบีบพยางค์สุดท้ายให้เบาที่สุดแต่ก็ทำให้ทุกคนสะดุ้งไปพร้อมๆกัน
"จริงเหรอคะ"เด็กสาวคนนั้นหน้าเสียสุดๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงคลุมเครือดีนะที่เพื่อนคนนั้นห้ามเธอไว้ได้ทัน ไม่งั้นเธอเองตายแน่ๆ
"ว่าแต่เราจะใช้เวทย์เมื่อกี้ที่อาจารย์บอก ควบคุมเจ้านกยักษ์ตัวนี้ได้ไหมคะ"จีลเอ่ยอ่างสงสัย
"ไม่ได้หรอกจ๊ะ มันเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันน่ะ ตราบใดถ้านกตัวไหนมีเจ้าของอยู่แล้ว เธอจะไม่มีทางควบคุมมันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเวทย์ใดๆก็ตาม"ครูลิซ่ายิ้มให้ที่ถามมาได้ดี แต่รู้สึกว่าตอนนี้เจ้านกยักษ์ตัวนั้นจะเริ่มออกอาการหงุดหงิดมันส่งเสียงร้องเบาๆและกระสับกระส่ายไปมา และมันเอาหัวของมันไซร้ไปที่เอวของนายมันเป็นเชิงให้รู้ว่าอยากจะกลับบ้านแล้วนะ
"ไปเถอะจ๊ะ"ครูลิซ่าตบที่ปีกข้างขวาของมันเบาๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวิหคไฟตัวนั้นจะบินขึ้นท้องฟ้าหายไปกับอากาศในชั่วพริบตา
"มันมาจากไหนกันคะ"เด็กหญิงที่ชื่อวิยะดา เจอเวอโรว์ ถามขึ้น
"ดินแดนทางเหนือแถบอ่าวฮัดสัน"ครูลิซ่าตอบ
"มันอยู่เขตหนาวเหรอคะ"เธอถามต่อ
"ใช่"
"วิหคไฟถ้าหนูจำไม่ผิด แล้วอยู่เขตหนาวเนี่ยนะ"เด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นคิ้วทั้งสองข้างขมวดกันอย่างสงสัย
"ใช่... แปลกใช่ไหมละฉันเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้"
"เสียเวลากันมากพอแล้วนะ ลองมาฝึกกันดู"ครูลิซ่าเอ่ยเสียงเรียบ
ชามิ่ง พรีดิสโพส !
จีลพูดขึ้น ลำแสงสีชมพูพันเป็นใยอ่อนๆพันขึ้นรอบมือขวาก่อนที่เด็กสาวจะชี้นิ้วไปยังนกฮัมมิ่งที่กำลังดูดน้ำหวานอยู่ที่ดอกไม้ ลำแสงสีชมพูพุ่งเป็นเส้นอ่อนๆอย่างนุ่มนวลพันรอบตัวนกตัวนั้นและบินมาเกาะตกไหล่เธอ
เด็กนักเรียนหญิงอีกสี่คนท่องเวทย์ขึ้นเช่นกัน แต่ลำแสงที่เกิดขึ้นนั้นไม่เหมือนกันเลยแต่ละคนเพราะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้ใช้
การท่องเวทย์ครั้งแรกทุกคนทำได้หมดรอยยิ้มแห่งความภูมิใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของทุกคน คงไม่มีใครหลายคนนักที่จะทำสำเร็จในครั้งแรก
"เยี่ยม ! "ครูลิซ่าเอ่ยขึ้นอย่างยินดี
"เอาเวทย์ที่อาจารย์ให้ไปหานกมานะ คาบหน้าเราจะเป็นการฝึกนกและกระบวนท่าของต่างๆของผู้ควบคุมดังนั้นแต่ละคนจึงจำเป็นต้องมีนกเป็นของตัวเอง นี่เป็นเวทย์ควบคุมธรรมดาสามารถควบคุมนกได้ภายในเวลาห้านาที"
"ส่วนเวทย์ที่เรียกนกมาเป็นคู่หูของตัวเองค่อนข้างจะยากหน่อยนะโอกาสสำเร็จ 20% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ดวงของตัวเองละนะ"ครูลิซ่าเอ่ยเสียงเรียบ "ชามิ่ง ดิสเลก้า!"
"พอแค่นี้ก่อนละกันนะ สวัสดีจ๊ะนักเรียนทุกคน"
.............................................................
อาจารย์ที่สอนวิชาการควบคุมไฟฟ้าเป็นอาจารย์ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมสูงไม่มากนักใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินที่ทำให้ดูเหมือนคนสูง นัยน์ตาสีดำคิ้วสีดำอ่อนๆ มีชื่อว่า เคาดินันท์ เธียริสท์
นักเรียนจำนวนกว่าสิบคนนั่งอยู่ในห้องอย่างเป็นระเบียบ โดยมีอาจารย์ยืนอยู่หน้าห้องเรียบร้อย
"วิชาควบคุมไฟฟ้าเป็นวิชาที่ควบคุมค่อนข้างยาก และการใช้เวทย์อาจเกิดอันตรายกับตัวเองเพราะฉะนั้นระวังหน่อยละกัน" เด็กนักเรียนยังคงใจจดใจจ่อตั้งใจฟังต่อไป
"ไลเทนนิ่ง เดสไพร์ม"อาจารย์เคาดินันท์เอ่ย "เวทย์เบื้องต้นในหารเรียกไฟฟ้า"
สักพักอาจารย์ก็สาธิตให้ดู ภายในสามวินาทีเส้นใยสีน้ำเงินพันเป็นเกรียวรอบมือทั้งสองข้างก่อนที่จะค่อยๆดับลง
"ไลเทนนิ่ง สไลด์โรป... เวทย์เบื้องต้นในการเปลี่ยนตัวเองเป็นธาตุไฟฟ้า"
"ไลเทนนิ่ง การ์ดิ้ง... เวทย์เบื้องต้นในการสร้างม่านไฟฟ้า"
"พูดแค่นี้แหละ ลองไปฝึกกันเอาเอง... วันนี้อาจารย์ติดธุรนิดหน่อยไปก่อนละ"ว่าไปเสร็จอาจารย์เคาดินันท์ก็เดินออกจากห้องไป
ไม่เข้าใจว่าจะรีบไปไหน - - ยังไม่ทันจะทำอะไรออกไปซะและ
"นี่เพื่อนๆเราไปข้างล่างกันดีไหม เหลือเวลากันอีกเพียบเลย"เด็กหญิงผมเปียเอ่ยขึ้น
"แล้วไปตรงไหน"เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยขึ้น
"สนามหญ้า"เธอบอก
"มัวรอช้าอะไรอยู่เล่า ไปกันเลยสิ"เด็กหนุ่มคนที่นั่งข้างประตูเลื่อนดูจากใบหน้าและคำพูดเดาออกได้ไม่ยากว่าเป็นคนขี้เล่นเฮฮา เขาวิ่งออกไปคนแรกก่อนที่เพื่อนๆอีกทั้งสิบคนรวมถึงมินท์จะออกจากห้องตามถึงแม้จะงงบ้างเล็กน้อย
สนามหญ้ามีอยู่ที่เดียวคือทางด้านขวาของโรงเรียนถัดไปจากตึกมินิสมีขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลถึงสามเท่า เป็นที่โล่งกว้างดูจากพื้นหญ้ายังไม่มีต้นไหนตายเลยเพราะได้รับการทนุถนอมเป็นอย่างดี
พวกเขาเดินลงมาข้างล่างจากตึกจีนิสไปยังสนามหญ้าระยะทางก็ไม่ไกลมากเพราะตึก จีนิสจะอยู่ไม่ไกลมากนักจากตึกมินิสสักเท่าไร แต่ที่เห็นก็มีอยู่คนหนึ่งที่ใช้บอร์ดลอยนำลิ่วไปที่สนามหญ้าอยู่คนเดียว
ความจริงแล้วบอร์ดลอยเป็นพาหนะชนิดหนึ่งในการเดินทางพัฒนามาจากสเก็ทบอร์ด รูปร่างก็เหมือนสเก็มบอร์ดเพียงแต่ไม่มีล้อ ความเร็วขึ้นอยู่กับคุณภาพของบอร์ดลอยแต่ละชนิด นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนจะใช้บอร์ดธรรมดาทั่วไปซึ่งมีความเร็วเริ่มต้นอยู่ที่ 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ราคาซื้อเริ่มต้นก็ประมาณ 150 แอนกริด ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็เท่ากับ 6000 บาท
เมื่อมาถึงที่หมายกันทุกคน แต่ละคนก็ริ่มแยกย้ายไปหามุมของตัวเองเพื่อฝึกเวทย์ที่อาจารย์เคาดินันท์ได้บอก มินท์แยกตัวไปฝึกตรงใต้เงาร่มไม้ใหญ่เพราะกลัวแดดจะทำให้ผิวเธอเสียหมดแม้ว่าตอนนี้จะเกือบๆเย็นแล้วก็ตาม
"มะกี้อาจารย์บบอกว่าไวนะ"มินท์ทำท่านึกคิดอยู่สักพัก "ไลเทนนิ่ง เดสไพท์ ใช่แล้วๆ ไลเทนนิ่ง เดสไพท์"มินท์ยิ้มที่มุมปากอย่างดีใจแต่หารู้ไม่ว่าเธอกำลังจะท่องเวทย์ผิด
"ไลเทนนิ้ง เดสไพท์!!!"มินท์ท่องด้วยความมั่นใจ
สักพัก ... ... ... กระแสไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเหมือนลวดขนาดใหญ่พันรอบตัวมินท์และมือทั้งสองข้างของเธอมีกระแสไฟฟ้าช็อตอย่างรุนแรง เธอไม่สามารถควบคุมพลังของเธอได้ จู่ๆฟ้าก็เกิดผ่ามาทีตัวเธอเต็มๆขณะที่วิสัยทัศน์ก็ยังดีอยู่แม้ตัวเธอจะไม่เป็นอะไรเลย ทำให้เพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นวิ่งหลบด้วยความตกใจ
เปรี้ยง...
กระแสไฟฟ้าพุ่งออกจากร่างกายเป็นเส้นหยักสีน้ำเงินออกมาจากร่างกายเธอเรื่อยๆขณะที่เพื่อนนักเรียนบางคนเกือบจะหลบพลังนี้ไม่ทัน ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆเธอได้รับผลกระทบไปด้วย ใบไม้ที่ถูกไฟฟ้าเล่นงานไปนั้นกระจุยเป็นผง อาจารย์คนหนึ่งที่อยู่ในละแวกนั้นวิ่งเข้ามารวดเร็วเกือบได้รับอันตราย ไฟฟ้าของมินท์ซึ่งบัดนี้ยังควบคุมไม่ได้ยังปล่อยเส้นกระแสไฟฟ้าออกมาหลายเส้นอยู่ตลอด เศษหินที่สร้างขึ้นเป็นก้อนเล็กๆหลายๆชิ้นวิ่งไปกระทบกระแสไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาก่อนที่จะใช้ความเร็วลมวิ่งไปหาเด็กสาวคนนั้นเพื่อที่จะควบคุมสถาการณ์
มินท์ถูกส่งเข้าห้องพยาบาลหลังเธอหมดสติไป ไฟฟ้าที่เธอเรียกและใช้มานั้นเป็นเวทย์ขั้นสูงซึ่งเธอเองยังไม่สามารถควบคุมได้จึงทำให้เธออ่อนแอลงและหมดสติไป
"ดูแลเธอให้ดีนะ ฉันไปก่อนละ"
"ค่ะ... ท่าน ผบ."คนที่พามินท์ไปห้องพยาบาลนั้นเป็น ผบ. I.S.C ที่มาทำธุรอะไรบางอย่างกับทางโรงเรียน ปกติจะไม่ค่อยได้มาบ่อยนักหากไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นจริงๆ
..............................................................
ในห้องเรียนมีนักเรียนจำนวนกว่ายี่สิบกว่าคน วิชาการควบคุมลมนั้นเป็นวิชาที่มีนักเรียนเรียนกันเยอะที่สุดในแต่ละปี เป็นวิชาที่ฮิทที่สุดเลยก็ว่าได้
"ทำไมยังไม่เห็นมีใครเข้ามาเลย"แคร์พึมพำ แต่ทุกคนก็นั่งรออยู่ในห้องด้วยความสงบ
ผ่านไป 30 นาที...
"ขอโทษด้วยวันนี้ที่มาสายนะ คืออาจารย์เพิ่งกลับมาถึงที่นี่แล้วไปหา ผอ.มาเมื่อครู่"เนื่องจากอาจารย์คนนี้มีเชื้อสายเทพไม่แปลกที่ร่างกายทุกส่วนจะดูดีไปหมด ใบหน้าก็ขาวสะอาดตัดผมรองทรงสูง นัยน์ตาสีส้มซึ่งไม่ได้ใส่คอนแท็กเลนส์การแต่งตัวก็ธรรมดาเหมือนๆกับอาจารย์ทั่วไปในโรงเรียน "ครูชื่อโฟรไดร์ฟ ด็อกแมททิค"
"ไปธุรที่ไหนมาคะ"เด็กหญิงคนหนึ่งถาม
"เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"อาจารย์โฟรไดร์ฟเอ่ยเสียงเรียบ "จะสอนกันได้รึยัง วันนี้เลยเวลามามากพอแล้ว" "ไวด์วินดิ้ง คะมอน เวทย์บทนี้เป็นเวทย์การสร้างลม ท่องง่ายๆแต่ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน ถ้าจะดูใครแกร่งหรืออ่อนแอให้ดูประสิทธิภาพที่เกิดขึ้น"
ตั้งสมาธิให้มั่น 1...2...3...
"ไวด์วินดิ้ง คะมอน!!! "นักเรียนกว่ายี่สิบคนพูดพร้อมกันตามที่ครูโฟไดร์ฟสั่ง พลังลมสีฟ้าตัดกับสีขาวรวมตัวกันเป็นทรงกลมเกิดขึ้นกับมือทั้งสองข้างเกิดเสียงลมแหวกอากาศดังขึ้นเล็กน้อย ลมที่แต่ละคนสร้างขึ้นมานั้นจริงเหมือนที่อาจารย์โฟไดร์ฟบอกที่ขนาดรูปร่างไม่เท่ากันแต่ก็มีเพียงสองถึงสามคนยังไม่สามารถเรียกลมได้คงเป็นเพราะว่ายังไม่มีสมาธิมากพอ
"อาจจะรู้สึกเหนื่อยสักหน่อยนะ ลองเพ่งความรู้สึกและสมาธิเพิ่มขึ้นอีกซิ"อาจารย์ โฟรไดร์ฟเอ่ย
ฟู้วววววว... เด็กหนุ่มหน้าตาดีสามารถทำให้เกิดพลังลมอันรุนแรงได้เป็นคนแรก พลังลมที่มีลักษณะเท่ากับฟุตบอลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดใหญ่เท่ากับฟุตบอลสองเท่าก่อนจะค่อยๆลดขนาดลงไปทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นหอบเหนื่อยด้วยความหมดแรง
แคร์พยายามจะทำให้พลังลมของตัวเองใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังทำไม่ได้ตอนนี้เธอสามารถทำให้พลังลมของตัวเองใหญ่เท่ากับลูกบอลได้แค่นั้นแต่ก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะคนส่วนใหญ่ก็สามารถสร้างพลังลมได้เท่ากับลูกฟุตบอลเช่นกัน
"เอาละ...เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาที ครูจะให้เธอลองเลือกระหว่างเวทย์สร้างโล่ลมหรือหมัดแห่งลม" ปรากฎว่านักเรียนแต่ละคนต่างลงมติว่าเลือกเวทย์การสร้างโล่ลม
"ไวด์ดิ้ง ชาดิ้ง"อาจารย์โฟไดร์ฟเอ่ยเสียงเรียบ คราวนี้ไม่ได้สาธิตอะไรให้ดูก่อน
ไวด์ดิ้ง ชาดิ้ง!!!...
สักพักโล่ลมก็บังเกิดอยู่ที่แขนซ้ายของแคร์รูปร่างก็เหมือนกับโล่ของนักรบทั่วไปธรรมดาลักษณะคล้ายๆรูปหัวใจแต่ไม่มีรอยหยักเกิดขึ้นที่แขนข้างซ้ายของแคร์ เธอท่องเวทย์นี้เพียงหนเดียวเท่านั้น แต่เพื่อนๆอีกเกือบยี่สิบคนยังทำกันไม่ได้
"เย้... ฉันทำได้แล้ว"แคร์เอ่ยอย่างดีใจขณะที่คนอื่นๆยังไม่สามารถทำได้และเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวด้วยที่ทำได้
"ใครที่สร้างโล่ลมได้ขอชมนะว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถสูง ครูคิดว่าจะไม่มีใครทำได้ซะแล้วเพราะเวทย์ที่สอนกันอยู่ในระดับเกรดสาม ถึงจะสร้างโล่ลมขึ้นมาได้ภายในเวลาแปบเดียวก็ตามครูก็ขอชมว่าเก่ง"อาจาย์โฟไดร์ฟเอ่ยอย่างใจดี
...............................................................
ในห้องนอน...
"นี่ทำไมเพิ่งมาละมินท์ รู้ไหมฉันรอเธอตั้งนานนะ"แคร์บ่น
"เกิด accident นิดหน่อยน่ะ"มินท์ตอบอย่างเซงๆ
"เป็นอะไรไปรึเปล่าเนี่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ"แคร์พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจ
"หมดสติไปน่ะ เรื่องมันยาวตอนที่ฉันท่องเวทย์ผิด"มินท์บอก แคร์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ "ขออาบน้ำละกันนะ ไม่ไหวแล้วเพลีย"ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจ
..............................................
ความคิดเห็น