ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แอนกริสเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์สวรรค์

    ลำดับตอนที่ #13 : วิชาเพิ่มเติม

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 49


    นี่คงเป็นครั้งแรกที่เค้กกับเพื่อนคนอื่นๆต้องเรียนคนละที่กัน  มันรู้สึกเหงาแปลกๆเหมือนกันแต่ก็น่าตื่นเต้นที่จะได้เรียนกับนักเรียนหญิงเยอะๆแบบนี้   แต่ที่จะตื่นเต้นเป็นพิเศษคงเป็นการได้เรียนร่วมห้องกับแซน   นักเรียนหญิงที่น่ารักที่สุดในสายตาของเค้กในตอนนี้ 

    แซนเป็นนักเรียนหญิงที่สวยน่ารักใสๆสมกับวัย   เธอดัดผมไว้ผมตาวสีผมสีทองที่ดูสะดุดตาทุกๆคน   รูปร่างจัดว่าใช้ได้สม ส่วนสูงร้อยหกสิบกว่าเซนติเมตร เวลายิ้มแทบจะหยุดหัวใจของหนุ่มๆทุกๆคน

    มองจากสายตาของอาจารย์ผู้สอนนั้นก็พอจะดูออกได้ว่า ประสบการณ์สอนคงจะเยอะน่าดู วิธีการพูดอธิบายให้ฟังไม่ติดขัดเลยสักนิด  แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าอาจารย์แกจะยิ้มให้สักนิด ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาสอนอย่างเดียว

    "ว่าแต่...ใครเคยเรียนฟิสิกส์มาบ้างคะ"อาจารย์มิสเทสเอ่ยเสียงเรียบ

    "ผม.....ไม่เคยเรียน"นักเรียนชายคนหนึ่งตอบ

    "แล้วทำไมต้องเรียนฟิสิกส์ด้วยละคะ"นักเรียนหญิงที่เค้กเดินชนตอนก่อนเขาห้องเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

    "วิชาควบคุมคลื่นเป็นส่วนหนึ่งของวิชาฟิสิกส์น่ะสิ  อาจารย์จึงต้องให้ทุกคนทำความรู้จักเกี่ยวกับคลื่นซึ่งอยู่ในฟิสิกส์พื้นฐาน ม.5"

    "ฟิสิกส์ ม.5"นักเรียนสิบกว่าคนอุทานแทบจะพร้อมกัน   "ผมแค่กำลังจะขึ้น ม.4 เองนะครับ" 

    "ไม่เท่าไรหรอกน๊า เรียนแค่เรื่องเดียวเอง"อาจารย์มิสเทสยิ้มให้กับทุกคน

    "เวงเอ๋ยฟิสิกส์  จะไปรอดไหมเนี่ย"เค้กเป็นคนหนึ่งที่เรียนวิทยาศาสตร์ได้ห่วยแตกที่สุดในบรรดาหลายๆวิชา เขาเป็นคนหนึ่งที่มี่ชอบวิชาฟิสิกส์เอาซะเลยถึงจะพอมีความสามารถเรื่องคลื่นบ้างก็ตามเหอะ

      "เบื่อทฤษฎีที่สุดจะเรียนไปทำไมกัน"นักเรียนชายนั่งหน้าห้องอยู่ซ้ายมือทำหน้าสะอิดสะเอียน     "ต้องเรียนทฤษฎีอีกนานรึเปล่าครับ"เขายกมือขึ้นถาม

    "คาบนี้คาบเดียวเองแหละ"อาจารย์มิสเทสยิ้ม         "เอาละเมื่อพร้อมที่จะฟังกันแล้ว ใครจำได้ก็ไม่ต้องจดส่วนใครที่จำไม่ได้ก็จดเอาไว้นะ^^y"   "เอาละเริ่มอธิบายแล้วนะ.....คลื่นเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากการรบกวนแหล่งกำเนิดและทำให้พลังงานที่เกิดจากการรบกวนกระจายออกไป  เอางงี้อาจารย์จะนำขึ้นบอร์ดนะ"

    "สมบัติของคลื่น 1.การสะท้อน 2.การหักเห 3.การเลี้ยวเบน4.การหักเห  ประเภทของคลื่นก็อย่างเช่นคลื่นกล  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า"        "ชนิดของคลื่นกลก็อย่างเช่นคลื่นเสียง คลื่นน้ำ  แล้วคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็อย่างเช่นคลื่นวิทยุ เรดาร์ ไมโครเวฟ รังสีอินฟราเรด แสง รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา"

    อาจารย์มิสเทสยังคงอธิบายต่อไปเรื่อยๆ มีเรื่องคำนวณเกี่ยวข้องด้วยนิดหน่อย  นักเรียนบางส่วนยังตั้งใจฟังอยู่  เค้กเป็นคนหนึ่งที่ฟังผ่านหูไปเรื่อยๆโดยไม่ได้จดอะไร

    "อาจารย์คะ"อาจารย์มิสเทสเว้นวรรคการอธิบายแล้วหันไปมองเด็กนักเรียนที่ลุกขึ้น  "มีอะไรคะ"

    "ขอเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ"เค้กหันไปมองนักเรียนหญิงคนนั้นปรากฎว่าเธอคนนั้นคือแซน เหมือนเวลามันหยุดเดินไปชั่วขณะ   เค้กจึงขอเข้าห้องน้ำบ้างขณะที่แซนได้ออกจากห้องไปแล้ว

      "อาจารย์ครับผมขอเข้าห้องน้ำครับ"เค้กเอ่ยขึ้นขณะที่อาจารย์ก็พยักหน้าเป็นการรับรู้  ใจจริงเขาอยากเรียนเวทเร็วๆด้วยซ้ำไม่เข้าใจทำไมต้องมีเรียนทฤษฏีก่อนอยู่เรื่อยเลย

     

    เค้กออกจากห้องหลังจากแซนไม่นานนัก  เธอกำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องเรียนขณะที่เค้กกำลังเดินตามแซนไปนั้น เด็กสาวเองก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีคนกำลังตามมา

    "นี่นายตามฉันมาเหรอ"เด็กสาวหยุดเดินและหันไปมองเค้ก

    "ผมก็มาเข้าห้องน้ำเหมือนกันนิ๊ครับ"จริงอยู่ที่เค้กตามแซนมาจริงๆแต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดว่าเขาตามมา 

    "อ้าวเหรอ..โทษทีนะงั้นฉันขอตัวก่อนละ"

    แซนสงสัยเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว เพราะเธอโดนเค้กแอบมองตลอดเวลาความจริงก็ไม่ได้มีแค่เค้กคนเดียวที่แอบมองอยู่ นักเรียนชายบางคนก็แอบมองเหมือนกันแต่สายตาของแซนจำได้แค่เค้กคนเดียวเท่านั้น   แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่ามั๊งที่เขาจะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน

                                                        ........................................

    ภายในห้องเรียน ณ ตึกจีนิส เด็กนักเรียน มีประมาณสิบกว่าคนเหมือนกับนักเรียนที่เรียนวิชาการควบคุมคลื่น โดยปกติแล้วในแต่ละวิชาก็จะมีเด็กประมาณนี้โดยเฉลี่ย  เจลาลิ่งนั่งอยู่กลางห้องทางซ้าย  คงเป็นครั้งแรกที่เจลาลิ่งเห็นเด็กต่างชาติมานั่งตามโต๊ะต่างๆมากหน้า เพราะก่อนหน้านี้ที่เรียนในห้องเรียนเขาเห็นเพียงสองคน

    เจลาลิ่งดุ้นหน้ากับอาจารย์คนนี้มากเหมือนกับเคยเห็นมาก่อน แต่เมื่อพิจารณาดีๆเขาก็นึกออกว่านั่นคืออาจารย์ฟินลิปคนที่สอนวิชาการต่อสู้  เมื่ออาจารย์เข้ามาในห้องเสร็จเรียบร้อยนักเรียนทุกคนก็โค้งคำนับเป็นการทำความเคารพ

    "เอาละเพื่อให้เป็นการเสียเวลานะ ให้ทุกคนพูดตามครูนะ"  อาจารย์ฟินลิปกวาดสายตามองรอบห้องเพื่อเห็นจะได้รู้ว่านักเรียนทุกคนพร้อมจริงๆ

    "ไฟ..." อาจารย์ฟินลิปเอ่ยสั้นๆ สีหน้าทุกคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจ

    พูดแค่นี้เองเหรอ...

    "ยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า แล้วพูด"อาจารย์ฟินลิปแนะ         นักเรียนแต่ละคนทำตามอย่างว่าง่ายทำตามที่อาจารย์ฟินลิปบอกทุกประการ

     "ไฟ..."นักเรียนคนหนึ่งพยายามอยู่หายรอบกับการพูดซ้ำๆไปๆมาๆ ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย

    "ไม่เห็นมีอะไรเลยนิครับ"เด็กนักเรียนชายไว้ผมแหลมทำผมสีทองบ่นอย่างหัวเสียจากการพยายามอยู่หลายรอบติดกัน  ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นแต่เป็นการทุกคน

    "เพ่งสมาธิ อย่าคิดเรื่องอื่น"อาจารย์ฟินลิปเอ่ยอย่างใจเย็น

     

    ฟู้ววววววว...  จากการพยายามหลายๆครั้งของเจลาลิ่ง ลูกไฟดวงเล็กๆขนาดเท่าลูกปิงปองปรากฏขึ้นในมือขวาจนทำให้นักเรียนที่นั่งข้างๆเหลือบมามองอยู่สองสามคน แต่แล้วลูกไฟดวงนั้นก็ดับไป

    "อ้าว!"เจลาลิ่งอุทานอย่างตกใจ

    "อย่าให้สมาธิขาด"อาจารย์ฟินลิปที่สังเกตอาการของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาพูดสั้นๆแต่ได้ใจความ  เจลาลิ่งกลับมีสติเหมือนเดิมแล้วนึกขึ้นขึ้นได้ว่ามะกี้ไม่ได้ตั้งสมาธิมากพอเพราะมัวแต่วอกแวกเรื่องอื่นอยู่

    "ครั้งแรกก็นับว่าใช้ได้" สิ้นคำพูด  อาจารย์ฟินลิปก็เดินออกจากโต๊ะไป

     

    ส่วนคนอื่นๆนั้นบางคนก็ทำได้แล้วบางคนก็ยังไม่ได้ แต่อาจาร์ฟินลิปก็ดีใจที่เห็นนักเรียนทุกคนตั้งใจก็เป็นอย่างดี  บางคนนั้นไม่รู้ทำอีท่าไหนเกิดมีสะเก็ดไฟไปโดนผมซะอย่างงั้น  ขณะที่คนที่เห็นเหตุกาณ์ก็พยายามกลั้นหัวเราะให้ถึงที่สุดโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองกำลังแอบขำ แต่โชคยังดีที่เด็กคนนั้นไม่เป็นอะไร

    "ใครที่ยังทำไม่ได้ก็ฝึกดูไปเรื่อยๆนะ เราจะไปขั้นตอนต่อไปกัน ขออาสาสมัครคนหนึ่งนะ         เธอ..."อาจารย์ฟินลิปเรียกเจลาลิ่งเพราะรู้สึกจะคุ้นเคยกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ

    เจลาลิ่งถูกเรียกออกมาหน้าห้อง  สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เจลาลิ่งคนเดียว

    "มายืนตรงนี้ซิ"เจลาลิ่งถูกเรียกให้ไปยืนตรงบานประตูเลื่อนซึ่งห่างจากอาจารย์                  ฟินลิปสามเมตรครึ่ง   "เรียกลูกไฟอีกทีซิ" อาจารย์ฟินลิปสั่ง

    "ไฟ..."เจลาลิ่งเพ่งสมาธิจดจ่อในสิ่งเดียวภายในเสี้ยววินาทีลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปองก็เกิดขึ้นในมือขวาของเขา

    "คราวนี้ก็เขวี้ยงลูกไฟมาตรงครูนะ" เจลาลิ่งทามอย่างว่าง่าย ลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปองพุ่งไปที่เป้าหมายแต่แล้วลูกไฟนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศตรงห่างจากหน้าอาจารย์ฟินลิปไปประมาณ 2 ฟุต    คราวนี้สายตาของแต่ละคนเบิกขว้างขึ้นเมื่อจู่ๆลูกไฟดวงนั้นหยุดอย่างกระทันหัง

    "ทำได้ยังไงคะ"เด็กสาวผมสั้นเอ่ยอย่างประหลาดใจ

    "ขั้นตอนเหมือนกับเรียกลูกไฟนั่นแหละเพียงแต่คราวนี้เพ่งสมาธิให้มากกว่าเดิมโดยไม่ต้องพูดอะไร"  คราวนี้อาจารย์ฟินลิปเรียกลูกไฟขึ้นโดยให้เจลาลิ่งเป็นผู้หยุด

    ทันใดนั้นลูกไฟขนาดเท่าลูกปิงปองก็พุ่งไปยังเจลาลิ่งอย่างรวดเร็วเจลาลิ่งแทบจะไม่มีเวลาใช้สมาธิในเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้นจึงทำให้ลูกไฟดวงจ้อยกับแรงมหาศาสที่มากับลูกไฟพุ่งไปอัดตรงหน้าอกเจลาลิ่งอย่างจังเป็นเหตุให้เจลาลิ่งปลิวไปกระแทกกับผนังกระจกอย่างจัง

    สายตาทุกคนเบิกตากว้างอีกครั้ง  อาจารย์รีบไปพยุงเด็กหนุ่มขึ้นมาทันที 

    "เป็นอะไรมากรึเปล่า"อาจารย์ฟินลิปถามอย่างเป็นห่วง

    "ไม่เป็นไรครับ" เจลาลิ่งเอ่ยอย่างลำบากขณะที่เดินไปยังโต๊ะที่นั่งเดิม

    "พวกเธอก็ไปฝึกกันนะ  วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน " อาจารย์ฟินลิปเดินไปนั่งที่โต๊ะใหญ่และจัดแจงเก็บเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ   ขณะที่ทุกๆคนออกไปจากห้องหมดยกเว้น              เจลาลิ่งที่โดนอาจารย์เรียกคุย

                                                     ...................................................

     วิชาการควบคุมนกมีนักเรียนเพียงห้าคนเท่านั้นจึ้งไม่ได้มีการสอนในห้อง  จีลกับนักเรียนอีกทั้งสี่คนจึงถูกย้ายไปเรียนแถวๆข้างๆหลังตึกเฟติสซึ่งเป็นตึกที่อยู่ลึกที่สุดของโรงเรียน นักเรียนที่มาเรียนเวิชานี้เป็นนักเรียนหญิงหมด  ส่วนอาจารย์ที่คุมสอนก็เป็นอาจารย์ผู้หญิงสาว

    "มากันครบแล้วใช่ไหมคะ"อาจารย์สาวผมยาวใส่เสื้อแขนสั้นและกระโปรงสั้นที่ในระดับหัวเข่า  ปกติแล้วอาจารย์แต่ละท่านที่สอนจะแต่งชุดธรรมดาทั่วๆไปไม่ได้มีชุดคลุมเหมือนกับนักเรียน

    "เริ่มสอนกันเลยนะ"นักเรียนแต่ละคนต่างพยักหน้ากัน

    "ครูชื่ออะไรคะ ยังไม่ได้บอกพวกหนูเลย"เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆจีลถาม

    "โทษทีจ๊ะ  ครูชื่อลิซ่า ลาทาน่า"อาจารย์ยิ้ม "เอาละเริ่มสอนกันเลยละกัน"

    "ขั้นแรกที่จะฝึกวิธีการควบคุมนก  อันดับแรกต้องมีสมาธิเป็นหลักไม่วอกแวกข้อนี้จำให้ขึ้นใจนะสำคัญมากๆเพราะขาดสมาธิเมื่อไรจะไม่มีทางทำอะไรได้เลย แต่เหตุผลข้อนี้ก็สำหรับเด็กเกรดหนึ่งอย่างพวกเธอนะถ้าหากว่าฝึกอย่างชำนาญแล้วก็ไม่เป็นไร  ส่วนขั้นที่สองก็ง่ายๆ เพียงพูดว่า   "ชามิ่ง พรีดิสโพส!"

    "ชามิ่ง พรีดิสโพส"จีลพึมพำเบาๆ เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน

    "ง่ายขนาดนี้เลยเหรอคะ มีอะไรยากว่านี้ไหมคะ"เด็กสาวผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้าพูดเสียงเรียบแต่ก็เรียกสายตาของทุกคนให้หันมามองเธอ

    "ก็ง่ายอะจะ แต่มันจะมียากกว่านี้อีกเยอะเพราะเวทย์การควบคุมนกไม่ได้มีแค่นี้ แต่เธอเรียนอยู่แค่เกรดหนึ่งก็เรียนง่ายๆไปก่อนจะ"

    ครูลิซ่าท่องเวทย์ขึ้นลำแสงสีฟ้าอ่อนๆบิดพันเป็นเกรียวขึ้นไปเรื่อยๆไปสำผัสกำจมูกของนกตัวหนึ่ง นกตัวนั้นที่กำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ขนาดใหญ่หยุดอยู่นิ่งก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางบินมายังมือที่ยื่นรอเอาไว้และส่งเสียงร้องราวกับสนิทสนมกัน

    "ท่างทางจะเชื่องด้วยสิคะ"จีลเอ่ย

    "ใช่แล้วจ๊ะ"ครูลิซ่าพูด "ต่อไปก็ลองฝึกดูกันนะ ครั้งแรกอาจจะยังไม่ได้แต่อย่าลืมต้องมีสมาธิมิไม่งั้นเวทย์ที่เอ่ยไปจะไร้ผล"

    "ครูคะ วันนี้ครูลองโชว์เวทย์อื่นๆหน่อยสิคะ หนูอยากเห็น"

    "ท่าทางจะไม่ได้นะ พวกหนูลองฝึกไปก่อนเถอะ"

    "นะคะๆ"นักเรียนแต่ละคนพูดขึ้นพร้อมๆกัน ทำให้ต้องจำใจแก้เด็กๆโดยมิอาจหลีกเลี่ยง

    "ครั้งเดียวนะ"จีลเห็นริมฝีปากของครูลิซ่าพึมพำประโยคหนึ่งเบาๆ เกิดลมกรรโชกนิดๆบริเวณนั้น เศษใบไม้ที่อยู่ตามพื้นปลิว่อนตามแรงลม สายตาของนักเรียนทั้งห้าคนมองไปรอบตัวเหมือนทุกคนรู้ว่าจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น

    ฟ้าวววววววววว...         มีบางสิ่งบางอย่างโฉบผ่านหน้าของจีลรู้ได้ว่ามันมีขนาดใหญ่มากแต่มองไม่เห็นขณะที่ลมที่กรรโชกอยู่นั้นได้หายไปพร้อมกับเกิดแสงไปสีส้มแดงปนกับสีเหลืองส่องแสงระยิบระยับปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้าในระยะใกล้ๆขณะที่ค่อยๆหายไปพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่างที่มีรูปร่างขนาดใหญ่จีลเข้าใจว่ามันต้องเป็นนกแต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย

    วิหคไฟ หรือเรียกอีกอย่างว่า  แฟร็นทิค เซียกริฟฟิน   เป็นวิหคที่มีนิสัยดุร้าย บ้าคลั่ง มันเป็นสัญชาติญาณของมันตั้งแต่เกิด ภูมิลำเนาไม่ทราบแน่ชัดนัก บางคนกล่าวว่ามันสูญพันธ์ไปตั้งแต่ยุคน้ำแข็งเมื่อประมาณ 10000 ปีมาแล้ว

      "นกอะไรเหรอคะ สวยจัง" นักเรียนหญิงผมยาวถามขึ้น ขนสีแดงของมันเรียบเงาชวนให้สัมผัส นัยน์ตาสีบลอนเงินสามารถสะท้อนแสงได้ทำให้ดูเหมือนกับกระจกใสหรือเหมือนคนตาบอด  ปีกของมันเมื่อกางออกจะใหญ่พอๆกับกระเบื้องสามสิบแผ่นต่อกันเรียงสาม เมื่อหุบปีกจะทำให้ตัวของมันใหญ่ขึ้นไปอีก  และปากที่แหลมคมสามารถจิกศัตรูให้ตายคาที่ได้

    "มันคือวิหคไฟจ๊ะ อย่าทำให้มันตกใจเด็ดขาด ปกติมันจะมินิสัยดุร้ายแต่ไม่ต้องห่วงนะมันไม่ทำอะไรหรอกแต่อย่าทำให้มันตกใจละ" ครูลิซ่าพูดขึ้นพลางรูปหัวเจ้านกตัวนั้นอย่างเอ็นดูที่อยู่ในลักษณะหมอบตัวลงกับพื้นใกล้ๆกับคนที่เรียกมันมา

    "ขอจับมันได้ไหมคะ"เด็กหญิงที่อยู่ข้างๆจีลกำลังจะเอื้อมมือไปจับแต่โชคยังดีที่จีลยังรั้งเธอไว้ทันก่อนจะทำให้มันตกใจ

    "พวกเธอห้ามจับเด็ดขาดนะ โทษทีที่ฉันไม่ได้บอกไว้ก่อน อันตรายมากเลยทีเดียวมันจะให้ไม่ให้ใครจับขนของมันเด็ดขาดนอกจากฉันคนเดียว ไม่งั้นละก็...มันจะฆ่าเธอ"ครูลิซ่าเพยายามบีบพยางค์สุดท้ายให้เบาที่สุดแต่ก็ทำให้ทุกคนสะดุ้งไปพร้อมๆกัน

    "จริงเหรอคะ"เด็กสาวคนนั้นหน้าเสียสุดๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงคลุมเครือดีนะที่เพื่อนคนนั้นห้ามเธอไว้ได้ทัน ไม่งั้นเธอเองตายแน่ๆ

    "ว่าแต่เราจะใช้เวทย์เมื่อกี้ที่อาจารย์บอก ควบคุมเจ้านกยักษ์ตัวนี้ได้ไหมคะ"จีลเอ่ยอ่างสงสัย

    "ไม่ได้หรอกจ๊ะ มันเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันน่ะ ตราบใดถ้านกตัวไหนมีเจ้าของอยู่แล้ว เธอจะไม่มีทางควบคุมมันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเวทย์ใดๆก็ตาม"ครูลิซ่ายิ้มให้ที่ถามมาได้ดี  แต่รู้สึกว่าตอนนี้เจ้านกยักษ์ตัวนั้นจะเริ่มออกอาการหงุดหงิดมันส่งเสียงร้องเบาๆและกระสับกระส่ายไปมา และมันเอาหัวของมันไซร้ไปที่เอวของนายมันเป็นเชิงให้รู้ว่าอยากจะกลับบ้านแล้วนะ

    "ไปเถอะจ๊ะ"ครูลิซ่าตบที่ปีกข้างขวาของมันเบาๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวิหคไฟตัวนั้นจะบินขึ้นท้องฟ้าหายไปกับอากาศในชั่วพริบตา

    "มันมาจากไหนกันคะ"เด็กหญิงที่ชื่อวิยะดา เจอเวอโรว์ ถามขึ้น

    "ดินแดนทางเหนือแถบอ่าวฮัดสัน"ครูลิซ่าตอบ

    "มันอยู่เขตหนาวเหรอคะ"เธอถามต่อ

    "ใช่"

    "วิหคไฟถ้าหนูจำไม่ผิด แล้วอยู่เขตหนาวเนี่ยนะ"เด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นคิ้วทั้งสองข้างขมวดกันอย่างสงสัย

    "ใช่...  แปลกใช่ไหมละฉันเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้"

    "เสียเวลากันมากพอแล้วนะ ลองมาฝึกกันดู"ครูลิซ่าเอ่ยเสียงเรียบ

     

    ชามิ่ง พรีดิสโพส !    

    จีลพูดขึ้น  ลำแสงสีชมพูพันเป็นใยอ่อนๆพันขึ้นรอบมือขวาก่อนที่เด็กสาวจะชี้นิ้วไปยังนกฮัมมิ่งที่กำลังดูดน้ำหวานอยู่ที่ดอกไม้ ลำแสงสีชมพูพุ่งเป็นเส้นอ่อนๆอย่างนุ่มนวลพันรอบตัวนกตัวนั้นและบินมาเกาะตกไหล่เธอ

    เด็กนักเรียนหญิงอีกสี่คนท่องเวทย์ขึ้นเช่นกัน แต่ลำแสงที่เกิดขึ้นนั้นไม่เหมือนกันเลยแต่ละคนเพราะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้ใช้

    การท่องเวทย์ครั้งแรกทุกคนทำได้หมดรอยยิ้มแห่งความภูมิใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของทุกคน คงไม่มีใครหลายคนนักที่จะทำสำเร็จในครั้งแรก

    "เยี่ยม ! "ครูลิซ่าเอ่ยขึ้นอย่างยินดี

    "เอาเวทย์ที่อาจารย์ให้ไปหานกมานะ คาบหน้าเราจะเป็นการฝึกนกและกระบวนท่าของต่างๆของผู้ควบคุมดังนั้นแต่ละคนจึงจำเป็นต้องมีนกเป็นของตัวเอง  นี่เป็นเวทย์ควบคุมธรรมดาสามารถควบคุมนกได้ภายในเวลาห้านาที"

    "ส่วนเวทย์ที่เรียกนกมาเป็นคู่หูของตัวเองค่อนข้างจะยากหน่อยนะโอกาสสำเร็จ 20% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ดวงของตัวเองละนะ"ครูลิซ่าเอ่ยเสียงเรียบ   "ชามิ่ง ดิสเลก้า!"

    "พอแค่นี้ก่อนละกันนะ สวัสดีจ๊ะนักเรียนทุกคน"

    .............................................................

    อาจารย์ที่สอนวิชาการควบคุมไฟฟ้าเป็นอาจารย์ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมสูงไม่มากนักใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินที่ทำให้ดูเหมือนคนสูง นัยน์ตาสีดำคิ้วสีดำอ่อนๆ มีชื่อว่า        เคาดินันท์  เธียริสท์

    นักเรียนจำนวนกว่าสิบคนนั่งอยู่ในห้องอย่างเป็นระเบียบ โดยมีอาจารย์ยืนอยู่หน้าห้องเรียบร้อย

    "วิชาควบคุมไฟฟ้าเป็นวิชาที่ควบคุมค่อนข้างยาก  และการใช้เวทย์อาจเกิดอันตรายกับตัวเองเพราะฉะนั้นระวังหน่อยละกัน" เด็กนักเรียนยังคงใจจดใจจ่อตั้งใจฟังต่อไป

    "ไลเทนนิ่ง เดสไพร์ม"อาจารย์เคาดินันท์เอ่ย "เวทย์เบื้องต้นในหารเรียกไฟฟ้า"                          

    สักพักอาจารย์ก็สาธิตให้ดู  ภายในสามวินาทีเส้นใยสีน้ำเงินพันเป็นเกรียวรอบมือทั้งสองข้างก่อนที่จะค่อยๆดับลง

    "ไลเทนนิ่ง สไลด์โรป...  เวทย์เบื้องต้นในการเปลี่ยนตัวเองเป็นธาตุไฟฟ้า"

    "ไลเทนนิ่ง การ์ดิ้ง...   เวทย์เบื้องต้นในการสร้างม่านไฟฟ้า"

    "พูดแค่นี้แหละ ลองไปฝึกกันเอาเอง...   วันนี้อาจารย์ติดธุรนิดหน่อยไปก่อนละ"ว่าไปเสร็จอาจารย์เคาดินันท์ก็เดินออกจากห้องไป

    ไม่เข้าใจว่าจะรีบไปไหน - - ยังไม่ทันจะทำอะไรออกไปซะและ  

     

     

    "นี่เพื่อนๆเราไปข้างล่างกันดีไหม เหลือเวลากันอีกเพียบเลย"เด็กหญิงผมเปียเอ่ยขึ้น

    "แล้วไปตรงไหน"เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยขึ้น

    "สนามหญ้า"เธอบอก

    "มัวรอช้าอะไรอยู่เล่า ไปกันเลยสิ"เด็กหนุ่มคนที่นั่งข้างประตูเลื่อนดูจากใบหน้าและคำพูดเดาออกได้ไม่ยากว่าเป็นคนขี้เล่นเฮฮา เขาวิ่งออกไปคนแรกก่อนที่เพื่อนๆอีกทั้งสิบคนรวมถึงมินท์จะออกจากห้องตามถึงแม้จะงงบ้างเล็กน้อย

    สนามหญ้ามีอยู่ที่เดียวคือทางด้านขวาของโรงเรียนถัดไปจากตึกมินิสมีขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลถึงสามเท่า เป็นที่โล่งกว้างดูจากพื้นหญ้ายังไม่มีต้นไหนตายเลยเพราะได้รับการทนุถนอมเป็นอย่างดี

    พวกเขาเดินลงมาข้างล่างจากตึกจีนิสไปยังสนามหญ้าระยะทางก็ไม่ไกลมากเพราะตึก      จีนิสจะอยู่ไม่ไกลมากนักจากตึกมินิสสักเท่าไร แต่ที่เห็นก็มีอยู่คนหนึ่งที่ใช้บอร์ดลอยนำลิ่วไปที่สนามหญ้าอยู่คนเดียว

     ความจริงแล้วบอร์ดลอยเป็นพาหนะชนิดหนึ่งในการเดินทางพัฒนามาจากสเก็ทบอร์ด รูปร่างก็เหมือนสเก็มบอร์ดเพียงแต่ไม่มีล้อ ความเร็วขึ้นอยู่กับคุณภาพของบอร์ดลอยแต่ละชนิด นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนจะใช้บอร์ดธรรมดาทั่วไปซึ่งมีความเร็วเริ่มต้นอยู่ที่ 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ราคาซื้อเริ่มต้นก็ประมาณ 150 แอนกริด ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็เท่ากับ 6000 บาท 

    เมื่อมาถึงที่หมายกันทุกคน แต่ละคนก็ริ่มแยกย้ายไปหามุมของตัวเองเพื่อฝึกเวทย์ที่อาจารย์เคาดินันท์ได้บอก มินท์แยกตัวไปฝึกตรงใต้เงาร่มไม้ใหญ่เพราะกลัวแดดจะทำให้ผิวเธอเสียหมดแม้ว่าตอนนี้จะเกือบๆเย็นแล้วก็ตาม

    "มะกี้อาจารย์บบอกว่าไวนะ"มินท์ทำท่านึกคิดอยู่สักพัก "ไลเทนนิ่ง เดสไพท์  ใช่แล้วๆ ไลเทนนิ่ง เดสไพท์"มินท์ยิ้มที่มุมปากอย่างดีใจแต่หารู้ไม่ว่าเธอกำลังจะท่องเวทย์ผิด

     

    "ไลเทนนิ้ง เดสไพท์!!!"มินท์ท่องด้วยความมั่นใจ

    สักพัก ... ... ...  กระแสไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเหมือนลวดขนาดใหญ่พันรอบตัวมินท์และมือทั้งสองข้างของเธอมีกระแสไฟฟ้าช็อตอย่างรุนแรง เธอไม่สามารถควบคุมพลังของเธอได้ จู่ๆฟ้าก็เกิดผ่ามาทีตัวเธอเต็มๆขณะที่วิสัยทัศน์ก็ยังดีอยู่แม้ตัวเธอจะไม่เป็นอะไรเลย ทำให้เพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นวิ่งหลบด้วยความตกใจ

    เปรี้ยง...

    กระแสไฟฟ้าพุ่งออกจากร่างกายเป็นเส้นหยักสีน้ำเงินออกมาจากร่างกายเธอเรื่อยๆขณะที่เพื่อนนักเรียนบางคนเกือบจะหลบพลังนี้ไม่ทัน  ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆเธอได้รับผลกระทบไปด้วย ใบไม้ที่ถูกไฟฟ้าเล่นงานไปนั้นกระจุยเป็นผง    อาจารย์คนหนึ่งที่อยู่ในละแวกนั้นวิ่งเข้ามารวดเร็วเกือบได้รับอันตราย ไฟฟ้าของมินท์ซึ่งบัดนี้ยังควบคุมไม่ได้ยังปล่อยเส้นกระแสไฟฟ้าออกมาหลายเส้นอยู่ตลอด  เศษหินที่สร้างขึ้นเป็นก้อนเล็กๆหลายๆชิ้นวิ่งไปกระทบกระแสไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาก่อนที่จะใช้ความเร็วลมวิ่งไปหาเด็กสาวคนนั้นเพื่อที่จะควบคุมสถาการณ์

    มินท์ถูกส่งเข้าห้องพยาบาลหลังเธอหมดสติไป ไฟฟ้าที่เธอเรียกและใช้มานั้นเป็นเวทย์ขั้นสูงซึ่งเธอเองยังไม่สามารถควบคุมได้จึงทำให้เธออ่อนแอลงและหมดสติไป

     

    "ดูแลเธอให้ดีนะ ฉันไปก่อนละ"

    "ค่ะ... ท่าน ผบ."คนที่พามินท์ไปห้องพยาบาลนั้นเป็น ผบ. I.S.C ที่มาทำธุรอะไรบางอย่างกับทางโรงเรียน ปกติจะไม่ค่อยได้มาบ่อยนักหากไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นจริงๆ

    ..............................................................

    ในห้องเรียนมีนักเรียนจำนวนกว่ายี่สิบกว่าคน วิชาการควบคุมลมนั้นเป็นวิชาที่มีนักเรียนเรียนกันเยอะที่สุดในแต่ละปี  เป็นวิชาที่ฮิทที่สุดเลยก็ว่าได้

    "ทำไมยังไม่เห็นมีใครเข้ามาเลย"แคร์พึมพำ  แต่ทุกคนก็นั่งรออยู่ในห้องด้วยความสงบ

                ผ่านไป 30 นาที...

    "ขอโทษด้วยวันนี้ที่มาสายนะ คืออาจารย์เพิ่งกลับมาถึงที่นี่แล้วไปหา ผอ.มาเมื่อครู่"เนื่องจากอาจารย์คนนี้มีเชื้อสายเทพไม่แปลกที่ร่างกายทุกส่วนจะดูดีไปหมด ใบหน้าก็ขาวสะอาดตัดผมรองทรงสูง นัยน์ตาสีส้มซึ่งไม่ได้ใส่คอนแท็กเลนส์การแต่งตัวก็ธรรมดาเหมือนๆกับอาจารย์ทั่วไปในโรงเรียน  "ครูชื่อโฟรไดร์ฟ ด็อกแมททิค"

    "ไปธุรที่ไหนมาคะ"เด็กหญิงคนหนึ่งถาม

    "เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"อาจารย์โฟรไดร์ฟเอ่ยเสียงเรียบ "จะสอนกันได้รึยัง วันนี้เลยเวลามามากพอแล้ว"  "ไวด์วินดิ้ง คะมอน เวทย์บทนี้เป็นเวทย์การสร้างลม  ท่องง่ายๆแต่ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน ถ้าจะดูใครแกร่งหรืออ่อนแอให้ดูประสิทธิภาพที่เกิดขึ้น"

    ตั้งสมาธิให้มั่น    1...2...3...

    "ไวด์วินดิ้ง คะมอน!!! "นักเรียนกว่ายี่สิบคนพูดพร้อมกันตามที่ครูโฟไดร์ฟสั่ง พลังลมสีฟ้าตัดกับสีขาวรวมตัวกันเป็นทรงกลมเกิดขึ้นกับมือทั้งสองข้างเกิดเสียงลมแหวกอากาศดังขึ้นเล็กน้อย   ลมที่แต่ละคนสร้างขึ้นมานั้นจริงเหมือนที่อาจารย์โฟไดร์ฟบอกที่ขนาดรูปร่างไม่เท่ากันแต่ก็มีเพียงสองถึงสามคนยังไม่สามารถเรียกลมได้คงเป็นเพราะว่ายังไม่มีสมาธิมากพอ

    "อาจจะรู้สึกเหนื่อยสักหน่อยนะ ลองเพ่งความรู้สึกและสมาธิเพิ่มขึ้นอีกซิ"อาจารย์       โฟรไดร์ฟเอ่ย

    ฟู้วววววว...      เด็กหนุ่มหน้าตาดีสามารถทำให้เกิดพลังลมอันรุนแรงได้เป็นคนแรก พลังลมที่มีลักษณะเท่ากับฟุตบอลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดใหญ่เท่ากับฟุตบอลสองเท่าก่อนจะค่อยๆลดขนาดลงไปทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นหอบเหนื่อยด้วยความหมดแรง

     

    แคร์พยายามจะทำให้พลังลมของตัวเองใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังทำไม่ได้ตอนนี้เธอสามารถทำให้พลังลมของตัวเองใหญ่เท่ากับลูกบอลได้แค่นั้นแต่ก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะคนส่วนใหญ่ก็สามารถสร้างพลังลมได้เท่ากับลูกฟุตบอลเช่นกัน

    "เอาละ...เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาที ครูจะให้เธอลองเลือกระหว่างเวทย์สร้างโล่ลมหรือหมัดแห่งลม" ปรากฎว่านักเรียนแต่ละคนต่างลงมติว่าเลือกเวทย์การสร้างโล่ลม

    "ไวด์ดิ้ง ชาดิ้ง"อาจารย์โฟไดร์ฟเอ่ยเสียงเรียบ  คราวนี้ไม่ได้สาธิตอะไรให้ดูก่อน

    ไวด์ดิ้ง ชาดิ้ง!!!...

    สักพักโล่ลมก็บังเกิดอยู่ที่แขนซ้ายของแคร์รูปร่างก็เหมือนกับโล่ของนักรบทั่วไปธรรมดาลักษณะคล้ายๆรูปหัวใจแต่ไม่มีรอยหยักเกิดขึ้นที่แขนข้างซ้ายของแคร์  เธอท่องเวทย์นี้เพียงหนเดียวเท่านั้น  แต่เพื่อนๆอีกเกือบยี่สิบคนยังทำกันไม่ได้

    "เย้... ฉันทำได้แล้ว"แคร์เอ่ยอย่างดีใจขณะที่คนอื่นๆยังไม่สามารถทำได้และเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวด้วยที่ทำได้

     "ใครที่สร้างโล่ลมได้ขอชมนะว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถสูง ครูคิดว่าจะไม่มีใครทำได้ซะแล้วเพราะเวทย์ที่สอนกันอยู่ในระดับเกรดสาม ถึงจะสร้างโล่ลมขึ้นมาได้ภายในเวลาแปบเดียวก็ตามครูก็ขอชมว่าเก่ง"อาจาย์โฟไดร์ฟเอ่ยอย่างใจดี

    ...............................................................

    ในห้องนอน...

    "นี่ทำไมเพิ่งมาละมินท์ รู้ไหมฉันรอเธอตั้งนานนะ"แคร์บ่น

    "เกิด accident  นิดหน่อยน่ะ"มินท์ตอบอย่างเซงๆ

    "เป็นอะไรไปรึเปล่าเนี่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ"แคร์พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจ

    "หมดสติไปน่ะ เรื่องมันยาวตอนที่ฉันท่องเวทย์ผิด"มินท์บอก แคร์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ "ขออาบน้ำละกันนะ ไม่ไหวแล้วเพลีย"ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจ

    ..............................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×