ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แอนกริสเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์สวรรค์

    ลำดับตอนที่ #12 : แพ้ ชนะ

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 49


    บรรยากาศภายในโรงเรียนยามเช้ามีแดงอ่อนนิดๆ เสียงใบไม้บนลำต้นที่ถูกลมพัดผ่านดังขึ้นเป็นระยะๆ หอพักนักเรียนชาย กับ หอพักนักเรียนหญิง มีนักเรียนบางส่วนเดินออกมาจากในตัวอาคารบ้างแล้ว ที่เห็นๆมีแต่นักเรียนที่ใส่ชุดคลุมสีขาวปนดำกันทั้งนั้นคงเป็นเพราะนักเรียนรุ่นน้องเป็นเด็กใหม่และอยากรู้อยากเห็นจึงมีความขยันเป็นพิเศษในการตื่นนอนหรือกิจกรรมอะไรก็ตาม  เจลาลิ่งที่ลงมาจากหอเป็นคนแรกๆที่ตื่นมาสำรวจบริเวณโรงเรียนดูผิดเผินแล้วโรงเรียนก็เหมือนจะแคบทั้งนี้เพราะตึกอาคารมีหลายแห่งและยังมีตึกหอพักชายกับหญิงอีก  กำแพงที่สูงราวสามเมตรที่ล้อมทั่วอาณาบริเวณโรงเรียน เหตุที่สร้างกำแพงสูงและใหญ่คงเป็นเพราะไม่อยากให้คนภายนอกได้เล็ดลอดเข้ามาและไม่ต้องการให้ใครเห็น    มองจากด้านนอกโรงเรียนแล้วก็คงจะเห็นแค่ตึกที่สูงจากพื้นดินหลายเมตรเท่านั้น

    "ไงพี่ ตื่นนอนไม่บอกกันเล๊ย" เค้กทักเจลาลิ่งน้ำเสียงที่ดูออกได้ว่ามะวานคงจะนอนหลับไม่สนิท พยัญชนะที่พูดออกมาฟังไกลห่างออกไปแค่สามฟุตก็คงไม่ได้ยินแล้ว "แล้วนี่แค่ 6.15น. เองนะ รีบตื่นทำไม กว่าจะได้เรียนก็โน่น 8.00น.  เห็นตื่นมายังงี้ทุกวัน"   ปกติเด็กนักเรียนทั่วไปจะออกจากหอมันเรียนตามตึกต่างๆก็ประมาณ

     7.30น.  มีนักเรียนไม่กี่คนนักหรอกที่ตื่นมาสูดอากาศยามเช้า

    "ชินแล้วไง ปกติตอนอยู่บ้านก็ตื่นประมาณนี้แหละมาที่นี่ฉันก็ตื่นเหมือนเดิม" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงธรรมดา "ที่นี่ก็ดูร่มรื่นดีนะ"

    "จะว่าไปก็ใช่ แต่อนาคตก็ไม่แน่"

    "หมายความว่าไงอะ.. เค้ก" เจลาลิ่งทำสีหน้าจริงจัง

    "ล้อเล่นอะ โทษที" เค้กหัวเราะแหะๆ

    ตอนนี้อีกห้านาทีก็จะเข้าห้องเรียนวันนี้ต้องเข้าห้องเรียนเป็นพิเศษเร็วหน่อยเพราะมีวิชาที่จะต้องเลือกเพิ่มอีกสามวิชา จึงนัดให้เข้าห้องเร็วก่อนปกติสิบห้านาที     นักเรียนแต่ละคนก็นั่งรออยู่ในห้องประจำที่แต่น่าเสียดายที่แคร์อยู่คนละห้องกับพวกเรา

    อาจารย์ฟินลิปเข้ามาในห้องตามกำหนดเพะๆไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว  สีหน้าของอาจารย์ดูแปลกๆยังไงไม่รู้   บอกไม่ถูกเหมือนกัน หรือว่าจะคิดไปเองละเนี่ย

    "ไงทุกคน คงรู้ใช่ไหมว่าวันนี้ทำอะไรกัน" อาจารย์ฟินลิปเว้นวรรคก่อนจะพูอีกประโยค "วันนี้จะให้พวกเธอเลือกวิชาเลือกเพิ่มอีกสามวิชา ส่วนวิชาที่มีเครื่องหมาย "*"พวกเธอจะลงเรียนก็ได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับที่ให้เลือกสามวิชา   เอาละอาจารย์จะมีวิชาเสริมต่างๆอยู่บนบอร์ด และจะแจกกระดาษให้พวกเธอกาเครื่องหมายถกในวิชาที่ต้องการเลือก   ในนั้นมีวิชาเสริมไว้ทั้งหมดแล้วละ"

     สักพักอักษรต่างๆก็ขึ้นมาบนบอร์ดซึ่งมีเหมือนกับกระดาษแผ่นพอประมาณที่ถกแจกไป   นักเรียนแต่ละคนก็จัดแจงพิจารณาวิชาเสริมอย่างละเอียด ตามแต่ตนจะชอบหรือมีความสามารถพิเศษในทางนั้นพอดี ก็เลือกเอาตามความถนัดของตัวเอง

    1.วิชาควบคุมไฟ                     

    2.วิชาควบคุมลม                     

    3.วิชาควบคุมน้ำ                     

    4.วิชาควบคุมดิน                     

    5.วิชาควบคุมหิน                    

    6.วิชาควบคุมคลื่นเสียง          

    7.วิชาควบคุมนก                                                                                                     

    8.วิชาควบคุมสัตว์ป่า(ต้องเลือกเรียนวิชาควบคุมดิน)             

    9.วิชาควบคุมเหล็ก

    10. วิชาควบคุมจิตใจ (ต้องเลือกวิชาควบคุมนก)

     11.วิชาการหลบหลีก(ต้องเลือกวิชาควบคุมลม)

    12.วิชาเลียนเลียนเสียงสัตว์(ต้องเลือกวิชาคลื่นเสียง)

    13.วิชาควบคุมสัตว์น้ำ(ต้องเลือกเรียนวิชาควบคุมน้ำ)

    14.วิชาควบคุมแสง(ต้องเลือกวิชาควบคุมไฟ)

    15.วิชาควบคุมโครงสร้างอะตอมและโมเลกุล

    16.วิชาภาษาไทย*

    17.ภาษาสาม*

    18.การปฐมพยาบาล 2

    19.วิชาการต่อสู้ 2

    20.วิชาควบคุมไฟฟ้า


    เจลาลิ่งยังครุ่นคิดอยู่ในการตัดสินใจครั้งนี้  แต่ละวิชาต่างก็มีเอกลักษณ์ที่เด่นต่างกันออกไป 

    วิชาแต่ละวิชาถ้าเลือกไม่ตรงกับความสามารถของตนมีสิทธิ์ตกได้ง่ายๆและอาจไม่ผ่านการเลือนขั้นไปเกรดสอง   ถ้าอยู่ที่โรงเรียนปกติทั่วไปคงไม่ต้องซีเรียสกับวิชาเพิ่มเติมพวกนี้หรอก  แต่ที่นี่วิชาพวกนี้เป็นวาชี้ชะตาของและคนว่ามีความสามารถแค่ไหน  และเก่งเพียงใด    อาจารย์ฟินลิปมองแผ่นกระดาษอย่างคร่าวๆว่าจะมีวิชาอะไรที่สอนได้บ้างหรือไม่ก็วิชาอะไรที่ เพิ่มขึ้นมาใหม่  ดูเหมือนจะมีอยู่ 2-3 วิชาที่เพิ่มขึ้นมาโดยเอาวิชาเลือกจากนักเรียนเกรด 3  มาลง

    ผ่านไป 10 นาที นักเรียนแต่ละคนก็ตัดสินใจได้ว่าจะเลือกเรียนวิชาเสริมวิชาไหนดี

    เจลาลิ่งเลือกลงวิชาควบคุมไฟ,ควบคุมแสงและวิชาการต่อสู้2               
    จีลเลือกลงวิชาควบคุมจิตใจ
    ,วิชาการปฐมพยาบาล2และวิชาควบคุมนก
    เค้กเลือกลงวิชาควบคุมคลื่นเสียง,วิชาเลียนเสียงสัตว์และวิชาการต่อสู้2
    มินท์เลือกลงวิชาควบคุมไฟฟ้า,วิชาควบคุมน้ำ,วิชาควบคุมสัตว์น้ำ

    แต่ละคนเมื่อเลือกวิชาที่ตนเองต้องการได้แล้วก็เขียนชื่อนามสกุลพร้อมกับเลขประจำตัวส่งไปให้อาจารย์ฟินลิป

    วิชาเพิ่มเติมนั้นจะเป็นวิชาพิเศษที่ถูกจัดขึ้นให้เรียนตามตารางสอนแต่ทั้งนี้เกรงว่าจะสอนไม่ทันและอาจเกินเวลาได้จึงจัดให้วิชาเพิ่มเติมอยู่ท้ายสุดของคาบซึ่งจะจัดอยู่ในวันจันทร์ พุธและศุกร์

    "วันนี้ก็เรียนสบายๆไปก่อนนะ เริ่มด้วยที่วิชาประวัติศาสตร์ละกันถ้าจะเรียนการต่อสู้ก่อนเห็นทีมันจะหนักเกินไปสำหรับเด็กใหม่อย่างพวกเธอ"

    "แบบนี้เซ็งแย่ บรือ...." เด็กชายคนเดิมซึ่งอาทิตย์ที่แล้วเคยพูดจาไม่สุภาพบ่นอย่างระอา

    "เธอเพิ่งเรียนไปแค่อาทิตย์เดียวไม่ต้องรีบร้อนก็ได้"

    "ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมาของเมืองนี้ก่อนกันเลยนะความจริงแล้วเมืองแอนเจอลัสเคยเป็นที่ตั้งของเมืองเทพจนเกิดสงครามขึ้นนั่นแหละที่นี่ก็เลยเสียหายอย่างมาก ชาวเทพก็อพยพย้ายไปอยู่เมืองซานนิก้าห่างไกลจากที่นี่มากๆแทบจะอยู่คนละซีกกันเลยก็ว่าได้      แต่เทพแอนกริสก็ทรงมีพระเมตตาสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมาและอนุสาวรีย์เป็นอนุสรณ์ แต่บางทีคนอื่นๆมักจะขนานนามโรงเรียนนี้ว่าโรงเรียนแห่งเทพ"

    นักเรียนแต่ละคนใจจดใจจ่อกับการบรรยายของอาจารย์ฟินลิป  นักเรียนไม่มีวี่แววว่าจะหลับกันเลยแต่ละคนตั้งหน้าตั้งใจฟังเป็นอย่างดี คงเป็นเพิ่งได้ยินครั้งแรกและแปลกใหม่ แต่สำหรับรุ่นพี่เกรดห้าเกรดหกต้องเบื่อกับการฟังเรื่องพวกนี้และออกข้อสอบซะยากที่ทำให้แต่ละคนทำไม่ได้

    "เล่าต่ออีกสิคะ กำลังสนุกเลย"เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูด

    "อืมๆ...  เมืองแอนเจอลัสเมื่อก่อนจะมีเมืองหน้าด่านทั้งสี่ทิศคอยเป็นป้อมปราการคอยรักษาการเอาไว้  แต่ก็ในข่วงสงครามนี่แหละที่เมืองป้อมปราการทั้งสี่แตกพ่ายให้แก่กองทัพของลอร์ดดูริค  เมืองแอนเจอลัสก็ถูกยึดในตอนนั้น  อารยธรรมโดนทำลายไปแทบทั้งสิ้น  แต่โชคยังดีเทพแอนกริสสามารถกู้สถาณการณ์ ไว้ได้ทัน ลอร์ดดูริคเกรงว่าจะถูกจับเป็นเชลยจึงหลบนี้ซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งหนึ่ง   สงครามครั้งนั้นชนะได้อย่างสบายๆ แต่ก็น่าจับตามองว่าพันธมิตรของดูริคไม่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งนั้นเลย  พวกดาร์คเอล์ฟที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับเทพซึ่งเป็นพันธมิตรกับลอร์ดดูริค ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม    มันแปลกๆอยู่นะ"

    ดาร์คเอล์ฟเกิดมาจากมนุษย์ที่ฝักใฝ่ไปในทางที่ไม่ดีเรียนรู้ในเวทมืด   ทำให้ตนเองเกิด

    มิวเตชั่นที่มีลักษณะแปลกออกไป  ร่างกายจะสูงใหญ่มีสีผิวดำ ใบหูรูปมีร่างเรียวแหลม

    กางออก

     "จบแล้วเหรอคับอาจารย์"เด็กชายที่อยู่หน้าห้องถาม

    "อืม...วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกันนะ เตรียมตัวเรียนวิชาต่อไปละกัน"

    นักเรียนในห้องโค้งตัวเป็นการแสดงความเคารพ  อาจารย์ฟินลิปเดินออกจากห้องไป    คาบต่อไปเป็นวิชากรต่อสู้ซึ่งจะต้องไปเรียนที่ตึกแอนกริสจึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตึกเรียน  นักเรียนในห้องก็ทยอยเดินกันออกมา  นักเรียนบางกลุ่มทันสมัยหน่อยเรียกบอร์ดลอยประจำตัวออกมาจากนาฬิกาไปตึกเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

    "อ้าว...กำลังจะไปไหนกัน" เสียงแคร์ทักขึ้น

    "เปลี่ยนคาบเรียนน่ะกำลังไปจะตึกแอนกริส" มินท์เอ่ย  "แล้วเธอะไปไหนที่ไหนล" มินท์ถามต่อ

    "ฉันเหรอ กำลังจะไปห้องสมุดน่ะ คาบว่าง อิอิ พอดีอาจารย์ไม่อยู่น่ะเห็นบอกติดธุรอะไรบางอย่าง"

    "งั้นเหรอ..." มินท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "ไป่ก่อนนะแคร์  เร็วๆหน่อยมินท์" เค้กโบกมือลา

    ระยะทางจากตึกเจนิสไปตึกแอนกริสก็ไม่ใกล้ไม่ไกลไหร่ บรรยากาศก็เหมือนๆโรงเรียนทั่วไปธรรมดา พอหมดคาบก็ไปย้ายไปตามตึกที่กำหนดเว้นแต่ว่าคาบต่อไปจะมีเรียนในห้องไม่มีการเปลี่ยนตึก  แต่ที่แตกต่างที่เห็นก็คือนักเรียนบางคนจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น บอร์ดลอย หรือใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างแล้วแต่บุคคล   ทางโรงเรียนก็อนุญาตไม่เป็นการผิดกฎเพราะระยะทางของตึกบางตึกห่างกันเกือบๆหนึ่งกิโลเมตรเลยทีเดียว

    ตึกเจนิสเป็นอาคารสูงสามชั้นตัวตึกไม่ใหญ่มากนักถ้าจะเทียบกับตึกแอนกริสหรือตึก

    เวนิสละก็นับว่าตึกเจนิสนั้นเล็กมากเลยทีเดียว                 

    "นั่นทำไมเพิ่งมาล่ะ"ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

    "เออ... ไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ ขอโทษนะคะที่เข้าห้องมาช้า "จีลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดเพื่อนๆแต่ละคนมาถึงก่อนหมดแล้วทั้งนั้น

    "ก็บอกแล้วให้ไวๆ"มินท์กระซิบ

    ตอนนี้นักเรียนทุกคนก็มาพร้อมกันอยู่ที่ตึกเจนิส  ภายในชั้นสามนั้นเป็นห้องว่างขนาดใหญ่พื้นถูกปูด้วยไม้ปาเก้ขัดเงาอย่างดี 

     "มานี่ซิ"ครูฟูเรียส เมเนสซี่เอ่ย   "มาทั้งสี่คนเลยนั่นแหละ... ครูขอเธอละกันนะส่วนอีกสามคนไปนั่งก่อนไป"

    "มีอะไรเหรอครับ"อาจารย์ฟูเรียสเงียบไม่ตอบคำถามกับเจลาลิ่ง "ครูขออาสาสมัครเพิ่มอีกหนึ่งคนนะ ขอเป็นผู้ชายละกัน" ครูฟูเรียสกวาดสายตามองไปยังเด็กนักเรียนห้าสิบกว่าชีวิตที่นั่งอยู่ข้าง  หลังจากจบคำพูดนักเรียนชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาทันที

    เด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีเดินออกมาช้าๆหยุดอยู่ข้างๆเจลาลิ่ง  บุคลิกท่าทางมองดูแล้วน่าจะเป็นเด็กคงแก่เรียนเป็นแน่  แว่นตากรอบสีดำที่ใส่อยู่ทำให้ใบหน้าดูเข้มขึ้น

    แววตาที่มองผ่านเลนส์ออกมานั้นแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม   นักเรียนหญิงบางคนถึงกับส่งสายตาให้ไปตามๆกัน.

    "ครูอย่างให้เธอสองคนแสดงฝีมือออกมาให้เห็นกันหน่อย  ไหนๆคาบนี้เกี่ยวกับวิชาการต่อสู้แล้ว ครูอยากรู้ว่าเธอจะมีฝีมือกันมากแค่ไหน แสดงออกมาให้เพื่อนในห้องเห็นหน่อยสิ" ครูฟูเรียสเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

    "แล้วต้องทำอะไรบ้างละครับ"เจลาลิ่งพูดสายตามองไปครูฟูเรียส

    "ก็แค่นำทฤษฎีการต่อสู้เบื้องต้นที่เคยสอนไปเมื่ออาทิตยี่แล้ว นำมาปฏิบัติให้เห็นหน่อย  เพราะหลังจากนี้จะสอนปฏิบัติอย่างเดียว"

    ทั้งสองคนเดินออกมาอยู่ใจกลางห้องสายตาทั้งคู่มองคู่ต่อสู้อย่างไร้ความรู้สึก    ทั้งสองยืนห่างกันสามเมตรรอฟังสัญญาณจากครูผู้สอนก่อนการประลองครั้งนี้จะเริ่มต้น

    "เริ่มได้..."

    แสงไฟสปอทไลท์ส่องมาในสนามการแข่งขันทั้งสี่ทิศ         คู่ต่อสู่ยังคงยืนลองเชิงกันอยู่

    เจลาลิ่งมีข้อได้เปรียบอยู่บ้างเล็กน้อยที่ตนเองนั้นเคยผ่านสนามการประลองนี้ตอนสอบมาก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะประมาทคู่ต่อสู้ได้  แต่ดูแววตาของเด็กคนนั้นท่าทางจะไม่กังวนอะไร เจลาลิ่งรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่ก็แค่รู้สึกไปเอง

    เฟี้ยววววววววววว.......

    รู้สึกตัวอีกทีเจลาลิ่งก็ปลิวออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ครูดไปกับกำแพงที่อยู่ห่างกันออกไปห้าสิบเมตร   เด็กที่นั่งอยู่ข้างๆสนามการแข่งขันอุทานอย่างตกใจแต่ก็มีนักเรียนหญิงบางคนร้องกรี๊ดเด็กหนุ่มหน้าตาดียืนวางมาดอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

    มะกี้เกิดอะไรขึ้นเหตุการณ์มะกี้แทบจะจับการเคลื่อนไหวของเด็กนั่นไม่ทัน   จากท่าการโจมตีเมื่อกี้ทำให้เจลาลิ่งรู้ว่าวิชากระบวนท่านั้นเป็นการโจมตีขั้นสูง     เจลาลิ่งลุกขึ้นมาอีกทีเดินมาได้สองสามก้าว         เด็กคนนั้นก็มาอยู่ข้างหลัง  เจลาลิ่งปลิวออกไปในอากาศเหนือจากพื้นสี่เมตรก่อนจะตกลงมา       แขนซ้ายของเจลาลิ่งแทบจะขยับไม่ได้   เนื่องจากตกลงมาโดนพื้นอย่างจัง ดูเหมือนว่าเจลาลิ่งจะไม่มีโอกาสโจมตีหรือเตรียมตั้งวรับได้เลย

     "นายเป็นใครกันแน่"เจลาลิ่งเอ่ยกับตัวเองอย่างอ่อนล้า  คราวนี้ระวังมากกว่าเดิม

    ฟิ้ววววววววววว         เสียงลมแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงเจลาลิ่งหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด  เจลาลิ่งพอจะรู้ความสามารถของนายคนนี้ได้ว่าคงมีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับการควบคุมลม มิน่าถึงไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวได้เลย         เจลาลิ่งเสียการทรงตัวเนื่องจากหลบกระสุนลมลูกที่สามที่ยิงมาได้อย่างหวุดหวิด

    เจลาลิ่งใช้โอกาสที่มีอยู่อย่างมีประโยชน์ รวบรวมกำลังทั้งหมดกระโดดลอยจากพื้นสองเมตรกำหมัดขวาแน่น หมัดไร้ตัวตนที่เจลาลิ่งต่อยแหวกอากาศนั้นพุ่งตรงไปที่เด็กหนุ่มหน้าหล่อที่ยืนนิ่งอยู่  แต่ในเสี้ยววินาทีหมัดที่พุ่งตรงออกไปก็เปลี่ยนไปโดนพื้นปาเก้แทน      

    "อะไรกันเนี่ย!"เจลาลิ่งสบถเบาๆอย่างตกใจ  คงลืมนึกไปว่าเด็กคนนั้นเคลื่อนที่โดยใช้ความสามารถในการควบคุมลม

    "โอ้ไม่นะ" "จีลพึมพำเบาๆ  สีหน้าของมินท์เค้กและจีลก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยกับผู้ที่กำลังถูกวัดฝีมือในขณะนี้

    เจลาลิ่งเลิ่กลั่กเมื่อจู่ๆคู่ต่อสู้ได้หายตัวไปอย่างฉับพลัน เมื่อหันมาด้านหลังยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเด็กนั่นถีบอัดเจลาลิ่งเซถลาไปสองก้าวก่อนที่แรงลมมหาศาลที่เด็กหล่อนั่นจะเป็นคนปล่อยออกไปกระแทกเจลาลิ่งปลิวล้มอย่างหมดท่า

    "พอแล้วละ เธอเป็นอะไรมากรึเปล่าเจลาลิ่ง"อาจารย์ฟูเรียสเอ่ยด้วยน้ำเสียงธรรมดา  นักเรียนแต่ละคนปรบมือให้กับคนแพ้คนชนะอย่างเป็นมรรยาท

    "ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ"เด็กหนุ่มคนนั้นเดินมาจับมือเจลาลิ่งแสดงความเป็นมิตรให้อย่างสุภาพอ่อนโยนผิดกับมะกี้ที่เขาพยายามจะทำร้ายเจลาลิ่ง   เจลาลิ่งก็เพียงแต่พยักหน้าหงึกๆไปงั้น 

    "เป็นอะไรมากรึเปล่า" จีลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงไม่แพ้กับเค้กและมินท์

    ส่วนเด็กหน้าหล่อคนนั้นก็เดินจากไป

    "ไม่ต้องกังวลหรอกนะ มีแพ้ก็ต้องมีชนะ  แพ้ครั้งนี้ก็เพื่อที่จะชนะครั้งหน้าไง"เค้กพูดทำสีหน้าเป็นจริงเป็นจังพลางตบที่บ่าของเจลาลิ่ง

    "พูดฉลาดก็เป็นนิ๊ นึกว่าจะพูดไม่เป็นซะแล้ว" มินท์พูดแซวเค้ก

    "นี่ว่าฉันโง่เหรอฮะ"

    "เปล่านิ๊"มินท์พูดเสียงสูง

    "วันนี้ขอบใจเธอทั้งสองมากนะที่ออกมาสาธิตให้เพื่อนดู  วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวจะปล่อยไปทานข้าวแล้ว "อาจารย์ฟูเรียสเอ่ยเสร็จก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

    นักเรียนชายคล้ายกับนักเลงเดินผ่านหน้าเจลาลิ่ง  เจลาลิ่งจำได้ว่าเด็กคนนี้ที่แสดงอากัป กิริยาไร้มรรยาทบ่อยๆตอนเรียนบนห้องแถมยังติเพื่อนๆไปทั่วรวมถึงจีลด้วย    คงไม่แปลกใจซักเท่าไรที่เด็กชายคนนั้นตอนเดินผ่านจะส่งสายตาดูถูกมาให้เขา   ขณะที่นักเรียนหญิงบางคนส่งสายตาชื่นชมให้กับเด็กหน้าหล่อที่ชนะเจลาลิ่งได้เมื่อครู่   

    "รับอะไรคะ"พนักงานเสริ์ฟสาวเอ่ย  เจลาลิ่ง จีล มินท์ เค้ก ก้มหน้าก้มตาเลือกเมนูอาหารที่ถูกใจ   

    "132"เจลาลิ่งหันไปบอก

    "146"จีลพูด

    "369"มินท์พูด

    "412"เค้กพูด

    ภายในสิบวินาทีโรบอทรูปร่างเหมือนอาซิโม่ก็ถือถาดอาหารมาถึงโต๊ะเจลาลิ่งถึงที่      พร้อมกับนำใบเสร็จสอดเอาไว้ตรงมุมโต๊ะ

                                                ............................................... ........................

    วิชาสุดท้ายเป็นวิชาเพิ่มเติมที่ให้นักเรียนเลือกเรียนเองตามใจชอบ  บางคนก็เลือกเหมือนกันบางคนก็เลือกต่างกันทำให้ต้องมีการแยกย้ายกันไปเรียนในที่ต่างๆนักเรียนทั้งห้าห้องจะถูกย้ายไปเรียนตามสถานที่ที่จัดเอาไว้       บางวิชาคนลงเยอะถึงร้อยกว่าคนก็มี

    จึงต้องจัดเรียนตามตึกที่เหมาะสม     ส่วนวิชาบางวิชาคนลงไม่ถึงยี่สิบคนอาจจะเรียนตามที่ต่างๆที่ไม่ได้จัดไว้เฉพาะเจาะจง  

    "เยสสส... หวังว่าวันนี้จะได้พบน้องแซนสุดที่รักนะ"เค้กงึมงำเบาๆ สายตาเหม่อลอยมองออกไปไร้จุดหมาย จนเผลอเดินไปชนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    "ขอโทษนะครับ  เป็นอะไรรึเปล่าครับ"เค้กพูดจาอย่างสุภาพที่สุด

    "ไม่เป็นไรหรอกทีหลังก็หัดเดินดูทางซะหน่อยนะ"พูดเสร็จก็มีเพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินมาทักเด็กสาวคนนั้น     สำหรับเค้กแล้วพวกเขาเรียนวิชาควบคุมคลื่นเสียงเป็นวันแรกนักเรียนที่เลือกสาขาวิชานี้ประมาณทางสายตาก็ประมาณสิบกว่าคนเห็นจะได้ส่วนใหญ่แล้วร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นจะเป็นนักเรียนหญิง

    "ขอต้อนรับนักเรียนหน้าใหม่ทุกๆคนนะจ๊ะ วันนี้ก็เป็นวันแรกที่จะสอนนักเรียนเกรดหนึ่งอย่างพวกเธอ เธอเลือกวิชานี้เป็นวิชาเพิ่มเติมสำหรับตัวเองแล้วก็ขอให้ตั้งใจมากๆ เพราะกลางภาคเรียนกับปลายภาคเรียนจะมีการสอบวัดผลและที่สำคัญจะมีการประลองเวทประจำทุกปีกับโรงเรียนเวทมนต่างๆทุกสาขา   ขอให้ตั้งใจมากๆนะจ๊ะ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×