คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : แพ้ ชนะ
บรรยากาศภายในโรงเรียนยามเช้ามีแดงอ่อนนิดๆ เสียงใบไม้บนลำต้นที่ถูกลมพัดผ่านดังขึ้นเป็นระยะๆ หอพักนักเรียนชาย กับ หอพักนักเรียนหญิง มีนักเรียนบางส่วนเดินออกมาจากในตัวอาคารบ้างแล้ว ที่เห็นๆมีแต่นักเรียนที่ใส่ชุดคลุมสีขาวปนดำกันทั้งนั้นคงเป็นเพราะนักเรียนรุ่นน้องเป็นเด็กใหม่และอยากรู้อยากเห็นจึงมีความขยันเป็นพิเศษในการตื่นนอนหรือกิจกรรมอะไรก็ตาม เจลาลิ่งที่ลงมาจากหอเป็นคนแรกๆที่ตื่นมาสำรวจบริเวณโรงเรียนดูผิดเผินแล้วโรงเรียนก็เหมือนจะแคบทั้งนี้เพราะตึกอาคารมีหลายแห่งและยังมีตึกหอพักชายกับหญิงอีก กำแพงที่สูงราวสามเมตรที่ล้อมทั่วอาณาบริเวณโรงเรียน เหตุที่สร้างกำแพงสูงและใหญ่คงเป็นเพราะไม่อยากให้คนภายนอกได้เล็ดลอดเข้ามาและไม่ต้องการให้ใครเห็น มองจากด้านนอกโรงเรียนแล้วก็คงจะเห็นแค่ตึกที่สูงจากพื้นดินหลายเมตรเท่านั้น
"ไงพี่ ตื่นนอนไม่บอกกันเล๊ย" เค้กทักเจลาลิ่งน้ำเสียงที่ดูออกได้ว่ามะวานคงจะนอนหลับไม่สนิท พยัญชนะที่พูดออกมาฟังไกลห่างออกไปแค่สามฟุตก็คงไม่ได้ยินแล้ว "แล้วนี่แค่ 6.15น. เองนะ รีบตื่นทำไม กว่าจะได้เรียนก็โน่น 8.00น. เห็นตื่นมายังงี้ทุกวัน" ปกติเด็กนักเรียนทั่วไปจะออกจากหอมันเรียนตามตึกต่างๆก็ประมาณ
7.30น. มีนักเรียนไม่กี่คนนักหรอกที่ตื่นมาสูดอากาศยามเช้า
"ชินแล้วไง ปกติตอนอยู่บ้านก็ตื่นประมาณนี้แหละมาที่นี่ฉันก็ตื่นเหมือนเดิม" เจลาลิ่งพูดน้ำเสียงธรรมดา "ที่นี่ก็ดูร่มรื่นดีนะ"
"จะว่าไปก็ใช่ แต่อนาคตก็ไม่แน่"
"หมายความว่าไงอะ.. เค้ก" เจลาลิ่งทำสีหน้าจริงจัง
"ล้อเล่นอะ โทษที" เค้กหัวเราะแหะๆ
ตอนนี้อีกห้านาทีก็จะเข้าห้องเรียนวันนี้ต้องเข้าห้องเรียนเป็นพิเศษเร็วหน่อยเพราะมีวิชาที่จะต้องเลือกเพิ่มอีกสามวิชา จึงนัดให้เข้าห้องเร็วก่อนปกติสิบห้านาที นักเรียนแต่ละคนก็นั่งรออยู่ในห้องประจำที่แต่น่าเสียดายที่แคร์อยู่คนละห้องกับพวกเรา
อาจารย์ฟินลิปเข้ามาในห้องตามกำหนดเพะๆไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว สีหน้าของอาจารย์ดูแปลกๆยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน หรือว่าจะคิดไปเองละเนี่ย
"ไงทุกคน คงรู้ใช่ไหมว่าวันนี้ทำอะไรกัน" อาจารย์ฟินลิปเว้นวรรคก่อนจะพูอีกประโยค "วันนี้จะให้พวกเธอเลือกวิชาเลือกเพิ่มอีกสามวิชา ส่วนวิชาที่มีเครื่องหมาย "*"พวกเธอจะลงเรียนก็ได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับที่ให้เลือกสามวิชา เอาละอาจารย์จะมีวิชาเสริมต่างๆอยู่บนบอร์ด และจะแจกกระดาษให้พวกเธอกาเครื่องหมายถกในวิชาที่ต้องการเลือก ในนั้นมีวิชาเสริมไว้ทั้งหมดแล้วละ"
สักพักอักษรต่างๆก็ขึ้นมาบนบอร์ดซึ่งมีเหมือนกับกระดาษแผ่นพอประมาณที่ถกแจกไป นักเรียนแต่ละคนก็จัดแจงพิจารณาวิชาเสริมอย่างละเอียด ตามแต่ตนจะชอบหรือมีความสามารถพิเศษในทางนั้นพอดี ก็เลือกเอาตามความถนัดของตัวเอง
1.วิชาควบคุมไฟ
2.วิชาควบคุมลม
3.วิชาควบคุมน้ำ
4.วิชาควบคุมดิน
5.วิชาควบคุมหิน
6.วิชาควบคุมคลื่นเสียง
7.วิชาควบคุมนก
8.วิชาควบคุมสัตว์ป่า(ต้องเลือกเรียนวิชาควบคุมดิน)
9.วิชาควบคุมเหล็ก
10. วิชาควบคุมจิตใจ (ต้องเลือกวิชาควบคุมนก)
11.วิชาการหลบหลีก(ต้องเลือกวิชาควบคุมลม)
12.วิชาเลียนเลียนเสียงสัตว์(ต้องเลือกวิชาคลื่นเสียง)
13.วิชาควบคุมสัตว์น้ำ(ต้องเลือกเรียนวิชาควบคุมน้ำ)
14.วิชาควบคุมแสง(ต้องเลือกวิชาควบคุมไฟ)
15.วิชาควบคุมโครงสร้างอะตอมและโมเลกุล
16.วิชาภาษาไทย*
17.ภาษาสาม*
18.การปฐมพยาบาล 2
19.วิชาการต่อสู้ 2
20.วิชาควบคุมไฟฟ้า
เจลาลิ่งยังครุ่นคิดอยู่ในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ละวิชาต่างก็มีเอกลักษณ์ที่เด่นต่างกันออกไป
วิชาแต่ละวิชาถ้าเลือกไม่ตรงกับความสามารถของตนมีสิทธิ์ตกได้ง่ายๆและอาจไม่ผ่านการเลือนขั้นไปเกรดสอง ถ้าอยู่ที่โรงเรียนปกติทั่วไปคงไม่ต้องซีเรียสกับวิชาเพิ่มเติมพวกนี้หรอก แต่ที่นี่วิชาพวกนี้เป็นวาชี้ชะตาของและคนว่ามีความสามารถแค่ไหน และเก่งเพียงใด อาจารย์ฟินลิปมองแผ่นกระดาษอย่างคร่าวๆว่าจะมีวิชาอะไรที่สอนได้บ้างหรือไม่ก็วิชาอะไรที่ เพิ่มขึ้นมาใหม่ ดูเหมือนจะมีอยู่ 2-3 วิชาที่เพิ่มขึ้นมาโดยเอาวิชาเลือกจากนักเรียนเกรด 3 มาลง
ผ่านไป 10 นาที นักเรียนแต่ละคนก็ตัดสินใจได้ว่าจะเลือกเรียนวิชาเสริมวิชาไหนดี
เจลาลิ่งเลือกลงวิชาควบคุมไฟ,ควบคุมแสงและวิชาการต่อสู้2
จีลเลือกลงวิชาควบคุมจิตใจ,วิชาการปฐมพยาบาล2และวิชาควบคุมนก
เค้กเลือกลงวิชาควบคุมคลื่นเสียง,วิชาเลียนเสียงสัตว์และวิชาการต่อสู้2
มินท์เลือกลงวิชาควบคุมไฟฟ้า,วิชาควบคุมน้ำ,วิชาควบคุมสัตว์น้ำ
แต่ละคนเมื่อเลือกวิชาที่ตนเองต้องการได้แล้วก็เขียนชื่อนามสกุลพร้อมกับเลขประจำตัวส่งไปให้อาจารย์ฟินลิป
วิชาเพิ่มเติมนั้นจะเป็นวิชาพิเศษที่ถูกจัดขึ้นให้เรียนตามตารางสอนแต่ทั้งนี้เกรงว่าจะสอนไม่ทันและอาจเกินเวลาได้จึงจัดให้วิชาเพิ่มเติมอยู่ท้ายสุดของคาบซึ่งจะจัดอยู่ในวันจันทร์ พุธและศุกร์
"วันนี้ก็เรียนสบายๆไปก่อนนะ เริ่มด้วยที่วิชาประวัติศาสตร์ละกันถ้าจะเรียนการต่อสู้ก่อนเห็นทีมันจะหนักเกินไปสำหรับเด็กใหม่อย่างพวกเธอ"
"แบบนี้เซ็งแย่ บรือ...." เด็กชายคนเดิมซึ่งอาทิตย์ที่แล้วเคยพูดจาไม่สุภาพบ่นอย่างระอา
"เธอเพิ่งเรียนไปแค่อาทิตย์เดียวไม่ต้องรีบร้อนก็ได้"
"ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมาของเมืองนี้ก่อนกันเลยนะความจริงแล้วเมืองแอนเจอลัสเคยเป็นที่ตั้งของเมืองเทพจนเกิดสงครามขึ้นนั่นแหละที่นี่ก็เลยเสียหายอย่างมาก ชาวเทพก็อพยพย้ายไปอยู่เมืองซานนิก้าห่างไกลจากที่นี่มากๆแทบจะอยู่คนละซีกกันเลยก็ว่าได้ แต่เทพแอนกริสก็ทรงมีพระเมตตาสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมาและอนุสาวรีย์เป็นอนุสรณ์ แต่บางทีคนอื่นๆมักจะขนานนามโรงเรียนนี้ว่าโรงเรียนแห่งเทพ"
นักเรียนแต่ละคนใจจดใจจ่อกับการบรรยายของอาจารย์ฟินลิป นักเรียนไม่มีวี่แววว่าจะหลับกันเลยแต่ละคนตั้งหน้าตั้งใจฟังเป็นอย่างดี คงเป็นเพิ่งได้ยินครั้งแรกและแปลกใหม่ แต่สำหรับรุ่นพี่เกรดห้าเกรดหกต้องเบื่อกับการฟังเรื่องพวกนี้และออกข้อสอบซะยากที่ทำให้แต่ละคนทำไม่ได้
"เล่าต่ออีกสิคะ กำลังสนุกเลย"เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูด
"อืมๆ... เมืองแอนเจอลัสเมื่อก่อนจะมีเมืองหน้าด่านทั้งสี่ทิศคอยเป็นป้อมปราการคอยรักษาการเอาไว้ แต่ก็ในข่วงสงครามนี่แหละที่เมืองป้อมปราการทั้งสี่แตกพ่ายให้แก่กองทัพของลอร์ดดูริค เมืองแอนเจอลัสก็ถูกยึดในตอนนั้น อารยธรรมโดนทำลายไปแทบทั้งสิ้น แต่โชคยังดีเทพแอนกริสสามารถกู้สถาณการณ์ ไว้ได้ทัน ลอร์ดดูริคเกรงว่าจะถูกจับเป็นเชลยจึงหลบนี้ซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งหนึ่ง สงครามครั้งนั้นชนะได้อย่างสบายๆ แต่ก็น่าจับตามองว่าพันธมิตรของดูริคไม่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งนั้นเลย พวกดาร์คเอล์ฟที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับเทพซึ่งเป็นพันธมิตรกับลอร์ดดูริค ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม มันแปลกๆอยู่นะ"
ดาร์คเอล์ฟเกิดมาจากมนุษย์ที่ฝักใฝ่ไปในทางที่ไม่ดีเรียนรู้ในเวทมืด ทำให้ตนเองเกิด
มิวเตชั่นที่มีลักษณะแปลกออกไป ร่างกายจะสูงใหญ่มีสีผิวดำ ใบหูรูปมีร่างเรียวแหลม
กางออก
"จบแล้วเหรอคับอาจารย์"เด็กชายที่อยู่หน้าห้องถาม
"อืม...วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกันนะ เตรียมตัวเรียนวิชาต่อไปละกัน"
นักเรียนในห้องโค้งตัวเป็นการแสดงความเคารพ อาจารย์ฟินลิปเดินออกจากห้องไป คาบต่อไปเป็นวิชากรต่อสู้ซึ่งจะต้องไปเรียนที่ตึกแอนกริสจึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตึกเรียน นักเรียนในห้องก็ทยอยเดินกันออกมา นักเรียนบางกลุ่มทันสมัยหน่อยเรียกบอร์ดลอยประจำตัวออกมาจากนาฬิกาไปตึกเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
"อ้าว...กำลังจะไปไหนกัน" เสียงแคร์ทักขึ้น
"เปลี่ยนคาบเรียนน่ะกำลังไปจะตึกแอนกริส" มินท์เอ่ย "แล้วเธอะไปไหนที่ไหนล" มินท์ถามต่อ
"ฉันเหรอ กำลังจะไปห้องสมุดน่ะ คาบว่าง อิอิ พอดีอาจารย์ไม่อยู่น่ะเห็นบอกติดธุรอะไรบางอย่าง"
"งั้นเหรอ..." มินท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
"ไป่ก่อนนะแคร์ เร็วๆหน่อยมินท์" เค้กโบกมือลา
ระยะทางจากตึกเจนิสไปตึกแอนกริสก็ไม่ใกล้ไม่ไกลไหร่ บรรยากาศก็เหมือนๆโรงเรียนทั่วไปธรรมดา พอหมดคาบก็ไปย้ายไปตามตึกที่กำหนดเว้นแต่ว่าคาบต่อไปจะมีเรียนในห้องไม่มีการเปลี่ยนตึก แต่ที่แตกต่างที่เห็นก็คือนักเรียนบางคนจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น บอร์ดลอย หรือใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างแล้วแต่บุคคล ทางโรงเรียนก็อนุญาตไม่เป็นการผิดกฎเพราะระยะทางของตึกบางตึกห่างกันเกือบๆหนึ่งกิโลเมตรเลยทีเดียว
ตึกเจนิสเป็นอาคารสูงสามชั้นตัวตึกไม่ใหญ่มากนักถ้าจะเทียบกับตึกแอนกริสหรือตึก
เวนิสละก็นับว่าตึกเจนิสนั้นเล็กมากเลยทีเดียว
"นั่นทำไมเพิ่งมาล่ะ"ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
"เออ... ไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ ขอโทษนะคะที่เข้าห้องมาช้า "จีลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดเพื่อนๆแต่ละคนมาถึงก่อนหมดแล้วทั้งนั้น
"ก็บอกแล้วให้ไวๆ"มินท์กระซิบ
ตอนนี้นักเรียนทุกคนก็มาพร้อมกันอยู่ที่ตึกเจนิส ภายในชั้นสามนั้นเป็นห้องว่างขนาดใหญ่พื้นถูกปูด้วยไม้ปาเก้ขัดเงาอย่างดี
"มานี่ซิ"ครูฟูเรียส เมเนสซี่เอ่ย "มาทั้งสี่คนเลยนั่นแหละ... ครูขอเธอละกันนะส่วนอีกสามคนไปนั่งก่อนไป"
"มีอะไรเหรอครับ"อาจารย์ฟูเรียสเงียบไม่ตอบคำถามกับเจลาลิ่ง "ครูขออาสาสมัครเพิ่มอีกหนึ่งคนนะ ขอเป็นผู้ชายละกัน" ครูฟูเรียสกวาดสายตามองไปยังเด็กนักเรียนห้าสิบกว่าชีวิตที่นั่งอยู่ข้าง หลังจากจบคำพูดนักเรียนชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีเดินออกมาช้าๆหยุดอยู่ข้างๆเจลาลิ่ง บุคลิกท่าทางมองดูแล้วน่าจะเป็นเด็กคงแก่เรียนเป็นแน่ แว่นตากรอบสีดำที่ใส่อยู่ทำให้ใบหน้าดูเข้มขึ้น
แววตาที่มองผ่านเลนส์ออกมานั้นแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นักเรียนหญิงบางคนถึงกับส่งสายตาให้ไปตามๆกัน.
"ครูอย่างให้เธอสองคนแสดงฝีมือออกมาให้เห็นกันหน่อย ไหนๆคาบนี้เกี่ยวกับวิชาการต่อสู้แล้ว ครูอยากรู้ว่าเธอจะมีฝีมือกันมากแค่ไหน แสดงออกมาให้เพื่อนในห้องเห็นหน่อยสิ" ครูฟูเรียสเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
"แล้วต้องทำอะไรบ้างละครับ"เจลาลิ่งพูดสายตามองไปครูฟูเรียส
"ก็แค่นำทฤษฎีการต่อสู้เบื้องต้นที่เคยสอนไปเมื่ออาทิตยี่แล้ว นำมาปฏิบัติให้เห็นหน่อย เพราะหลังจากนี้จะสอนปฏิบัติอย่างเดียว"
ทั้งสองคนเดินออกมาอยู่ใจกลางห้องสายตาทั้งคู่มองคู่ต่อสู้อย่างไร้ความรู้สึก ทั้งสองยืนห่างกันสามเมตรรอฟังสัญญาณจากครูผู้สอนก่อนการประลองครั้งนี้จะเริ่มต้น
"เริ่มได้..."
แสงไฟสปอทไลท์ส่องมาในสนามการแข่งขันทั้งสี่ทิศ คู่ต่อสู่ยังคงยืนลองเชิงกันอยู่
เจลาลิ่งมีข้อได้เปรียบอยู่บ้างเล็กน้อยที่ตนเองนั้นเคยผ่านสนามการประลองนี้ตอนสอบมาก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะประมาทคู่ต่อสู้ได้ แต่ดูแววตาของเด็กคนนั้นท่าทางจะไม่กังวนอะไร เจลาลิ่งรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่ก็แค่รู้สึกไปเอง
เฟี้ยววววววววววว.......
รู้สึกตัวอีกทีเจลาลิ่งก็ปลิวออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ครูดไปกับกำแพงที่อยู่ห่างกันออกไปห้าสิบเมตร เด็กที่นั่งอยู่ข้างๆสนามการแข่งขันอุทานอย่างตกใจแต่ก็มีนักเรียนหญิงบางคนร้องกรี๊ดเด็กหนุ่มหน้าตาดียืนวางมาดอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
มะกี้เกิดอะไรขึ้นเหตุการณ์มะกี้แทบจะจับการเคลื่อนไหวของเด็กนั่นไม่ทัน จากท่าการโจมตีเมื่อกี้ทำให้เจลาลิ่งรู้ว่าวิชากระบวนท่านั้นเป็นการโจมตีขั้นสูง เจลาลิ่งลุกขึ้นมาอีกทีเดินมาได้สองสามก้าว เด็กคนนั้นก็มาอยู่ข้างหลัง เจลาลิ่งปลิวออกไปในอากาศเหนือจากพื้นสี่เมตรก่อนจะตกลงมา แขนซ้ายของเจลาลิ่งแทบจะขยับไม่ได้ เนื่องจากตกลงมาโดนพื้นอย่างจัง ดูเหมือนว่าเจลาลิ่งจะไม่มีโอกาสโจมตีหรือเตรียมตั้งวรับได้เลย
"นายเป็นใครกันแน่"เจลาลิ่งเอ่ยกับตัวเองอย่างอ่อนล้า คราวนี้ระวังมากกว่าเดิม
ฟิ้ววววววววววว เสียงลมแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงเจลาลิ่งหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด เจลาลิ่งพอจะรู้ความสามารถของนายคนนี้ได้ว่าคงมีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับการควบคุมลม มิน่าถึงไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวได้เลย เจลาลิ่งเสียการทรงตัวเนื่องจากหลบกระสุนลมลูกที่สามที่ยิงมาได้อย่างหวุดหวิด
เจลาลิ่งใช้โอกาสที่มีอยู่อย่างมีประโยชน์ รวบรวมกำลังทั้งหมดกระโดดลอยจากพื้นสองเมตรกำหมัดขวาแน่น หมัดไร้ตัวตนที่เจลาลิ่งต่อยแหวกอากาศนั้นพุ่งตรงไปที่เด็กหนุ่มหน้าหล่อที่ยืนนิ่งอยู่ แต่ในเสี้ยววินาทีหมัดที่พุ่งตรงออกไปก็เปลี่ยนไปโดนพื้นปาเก้แทน
"อะไรกันเนี่ย!"เจลาลิ่งสบถเบาๆอย่างตกใจ คงลืมนึกไปว่าเด็กคนนั้นเคลื่อนที่โดยใช้ความสามารถในการควบคุมลม
"โอ้ไม่นะ" "จีลพึมพำเบาๆ สีหน้าของมินท์เค้กและจีลก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยกับผู้ที่กำลังถูกวัดฝีมือในขณะนี้
เจลาลิ่งเลิ่กลั่กเมื่อจู่ๆคู่ต่อสู้ได้หายตัวไปอย่างฉับพลัน เมื่อหันมาด้านหลังยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเด็กนั่นถีบอัดเจลาลิ่งเซถลาไปสองก้าวก่อนที่แรงลมมหาศาลที่เด็กหล่อนั่นจะเป็นคนปล่อยออกไปกระแทกเจลาลิ่งปลิวล้มอย่างหมดท่า
"พอแล้วละ เธอเป็นอะไรมากรึเปล่าเจลาลิ่ง"อาจารย์ฟูเรียสเอ่ยด้วยน้ำเสียงธรรมดา นักเรียนแต่ละคนปรบมือให้กับคนแพ้คนชนะอย่างเป็นมรรยาท
"ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ"เด็กหนุ่มคนนั้นเดินมาจับมือเจลาลิ่งแสดงความเป็นมิตรให้อย่างสุภาพอ่อนโยนผิดกับมะกี้ที่เขาพยายามจะทำร้ายเจลาลิ่ง เจลาลิ่งก็เพียงแต่พยักหน้าหงึกๆไปงั้น
"เป็นอะไรมากรึเปล่า" จีลเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงไม่แพ้กับเค้กและมินท์
ส่วนเด็กหน้าหล่อคนนั้นก็เดินจากไป
"ไม่ต้องกังวลหรอกนะ มีแพ้ก็ต้องมีชนะ แพ้ครั้งนี้ก็เพื่อที่จะชนะครั้งหน้าไง"เค้กพูดทำสีหน้าเป็นจริงเป็นจังพลางตบที่บ่าของเจลาลิ่ง
"พูดฉลาดก็เป็นนิ๊ นึกว่าจะพูดไม่เป็นซะแล้ว" มินท์พูดแซวเค้ก
"นี่ว่าฉันโง่เหรอฮะ"
"เปล่านิ๊"มินท์พูดเสียงสูง
"วันนี้ขอบใจเธอทั้งสองมากนะที่ออกมาสาธิตให้เพื่อนดู วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวจะปล่อยไปทานข้าวแล้ว "อาจารย์ฟูเรียสเอ่ยเสร็จก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
นักเรียนชายคล้ายกับนักเลงเดินผ่านหน้าเจลาลิ่ง เจลาลิ่งจำได้ว่าเด็กคนนี้ที่แสดงอากัป กิริยาไร้มรรยาทบ่อยๆตอนเรียนบนห้องแถมยังติเพื่อนๆไปทั่วรวมถึงจีลด้วย คงไม่แปลกใจซักเท่าไรที่เด็กชายคนนั้นตอนเดินผ่านจะส่งสายตาดูถูกมาให้เขา ขณะที่นักเรียนหญิงบางคนส่งสายตาชื่นชมให้กับเด็กหน้าหล่อที่ชนะเจลาลิ่งได้เมื่อครู่
"รับอะไรคะ"พนักงานเสริ์ฟสาวเอ่ย เจลาลิ่ง จีล มินท์ เค้ก ก้มหน้าก้มตาเลือกเมนูอาหารที่ถูกใจ
"132"เจลาลิ่งหันไปบอก
"146"จีลพูด
"369"มินท์พูด
"412"เค้กพูด
ภายในสิบวินาทีโรบอทรูปร่างเหมือนอาซิโม่ก็ถือถาดอาหารมาถึงโต๊ะเจลาลิ่งถึงที่ พร้อมกับนำใบเสร็จสอดเอาไว้ตรงมุมโต๊ะ
............................................... ........................
วิชาสุดท้ายเป็นวิชาเพิ่มเติมที่ให้นักเรียนเลือกเรียนเองตามใจชอบ บางคนก็เลือกเหมือนกันบางคนก็เลือกต่างกันทำให้ต้องมีการแยกย้ายกันไปเรียนในที่ต่างๆนักเรียนทั้งห้าห้องจะถูกย้ายไปเรียนตามสถานที่ที่จัดเอาไว้ บางวิชาคนลงเยอะถึงร้อยกว่าคนก็มี
จึงต้องจัดเรียนตามตึกที่เหมาะสม ส่วนวิชาบางวิชาคนลงไม่ถึงยี่สิบคนอาจจะเรียนตามที่ต่างๆที่ไม่ได้จัดไว้เฉพาะเจาะจง
"เยสสส... หวังว่าวันนี้จะได้พบน้องแซนสุดที่รักนะ"เค้กงึมงำเบาๆ สายตาเหม่อลอยมองออกไปไร้จุดหมาย จนเผลอเดินไปชนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"ขอโทษนะครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ"เค้กพูดจาอย่างสุภาพที่สุด
"ไม่เป็นไรหรอกทีหลังก็หัดเดินดูทางซะหน่อยนะ"พูดเสร็จก็มีเพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินมาทักเด็กสาวคนนั้น สำหรับเค้กแล้วพวกเขาเรียนวิชาควบคุมคลื่นเสียงเป็นวันแรกนักเรียนที่เลือกสาขาวิชานี้ประมาณทางสายตาก็ประมาณสิบกว่าคนเห็นจะได้ส่วนใหญ่แล้วร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นจะเป็นนักเรียนหญิง
"ขอต้อนรับนักเรียนหน้าใหม่ทุกๆคนนะจ๊ะ วันนี้ก็เป็นวันแรกที่จะสอนนักเรียนเกรดหนึ่งอย่างพวกเธอ เธอเลือกวิชานี้เป็นวิชาเพิ่มเติมสำหรับตัวเองแล้วก็ขอให้ตั้งใจมากๆ เพราะกลางภาคเรียนกับปลายภาคเรียนจะมีการสอบวัดผลและที่สำคัญจะมีการประลองเวทประจำทุกปีกับโรงเรียนเวทมนต่างๆทุกสาขา ขอให้ตั้งใจมากๆนะจ๊ะ"
ความคิดเห็น