ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แอนกริสเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์สวรรค์

    ลำดับตอนที่ #2 : นาฬิกาชวนฉงน

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 49


    หลังจากสิ้นสุดสงครามศักดิ์สิทธิ์ เทพแอนกริสก็ได้สร้างโรงเรียนที่พิเศษขึ้นมาโดยใช้นามของท่านเอง "แอนกริส" เป็นชื่อโรงเรียน สถานที่ตั้งของโรงเรียนหลายคนคงไม่รู้แต่มันก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยนอกจากที่ที่เรายืนอยู่ในกรุงเทพฯ เพียงแต่ไม่สามารถจะไปได้ถ้าหากไม่มีประตูมิติที่จะไป

    อาจจะสงสัยอยู่สักนิดว่าจะไปได้อย่างไร ใช้อะไรไป คือว่าโรงเรียนนี้ไม่มีตัวตนจริงๆในมิติที่เราอยู่อาศัยนี้ แต่มันอยู่อีกมิติหนึ่ง คนรู้จักก็มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นซึ่งนับว่าน้อยมากเพราะชื่อของโรงเรียนไม่ต้องการให้คนอื่นในโลกปัจจุบันทราบ  ส่วนใหญ่คนที่รู้ก็มีเด็กบางกลุ่มเท่านั้นที่เป็นเด็กพิเศษและได้สารพิเศษจากทางโรงเรียน   

    ทางโรงเรียนแอนกริสจะส่งสารไปถึงผู้ที่มีความสามารถซึ่งอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ที่อื่นนอกจากที่นี้ไม่เกี่ยวกัน  มันเป็นกฎของทางโรงเรียน ถึงจะเป็นเด็กพิเศษก็จะไม่ได้รับการคัดเลือก แต่ประเทศอื่นๆนอกจากประเทศไทยก็ยังมีด็กพิเศษอีก  อาทิ สหรัฐอเมริกา  รัสเซีย ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆอีกจำนวนมาก นักเรียนแอนกริสจะมีนักเรียนใหม่ตอนช่องปิดเทอมของโรงเรียน  และการปิดเทอมใหญ่ของนักเรียนก็มาถึง....


    "เจลาลิ่ง ไนท์" เด็กหนุ่มซึ่งมีอายุประมาณ15ปี กำลังขึ้นชั้น ม.4 ในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในย่านกรุงเทพฯ เมื่อเขากลับมาจากการรายงานตัวเป็นนักเรียน ม.4 เขาได้พบซองจดหมายซองโตที่มีตราประทับเป็นดาบเงินดาบทองไขว้กันเป็นกากบาท เหมือนดูคล้ายกับนิทานที่เขาเคยอ่านมาตั้งแต่เด็กๆ  ข้างในเป็นกระดาษพับสี่เหลี่ยมผืนผ้าพับครึ่งด้วยความประณีตเมื่อคลี่ออกมาก็พบข้อความที่เขียนมามองลื่นตาเพราะข้อความที่เขียนมานั้นบรรจงด้วยสละสวยงามอักษรสีทองเอียงลานเส้นนิดๆ มีใจความว่า


    ถึงคุณ   "เจลาลิ่ง ไนท์"

                    ท่านมีสิทธิจะสอบเข้าโรงเรียนแอนกริส  โรงเรียนนี้อาจตั้งบริเวณที่ท่านยืนอยู่เพียงแต่ว่าท่านมิอาจมองเห็นได้ นอกจากท่านจะใช้นาฬิกาข้ามมิติซึ่งทางโรงเรียนนำมาให้พร้อมจดหมาย  ทางโรงเรียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะให้ความสนใจไม่น้อย  ถ้าต้องการจะสมัครสอบให้มาก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2548 ตามเวลาปัจจุบันของพวกคุณนาฬิกาจะมีปุ่มสีเขียวอยู่ ให้ท่านกดปุ่มนั้น  แล้วท่านจะมาที่นี่ได้

                                                                                  ด้วยความเคารพจาก ศ.ดอลลี่    ไอเซนเบิร์ก
                                                                                           ผู้อำนวยการโรงเรียนแอนกริส

    ขณะที่เจลาลิ่งอ่านจดหมายก็ขำกับตัวเองไปราวกับเป็นเรื่องโกหก  เขาเองไม่เคยคิดว่าจะมีจริง โรงเรียนบ้าอะไรจะอยู่ต่างมิติ และมนุษย์พิเศษอะไรนั่นก็แค่นิทานที่เขาเคยอ่านเท่านั้น  ตอนนี้สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่หรูหรา แต่มีสิ่งที่แปลกจากนาฬิกาทั่วไป ตัวอักษรเหมือนสามมิติวิ่งออกมานอกจอเห็นเป็นภาพได้ชัด เด็กหนุ่มจึงให้ความสนใจทันทีและลุกขึ้นหยิบมาดูอย่างถี่ถ้วน

    มันเป็นนาฬิกาแสดงผลสามมิติ มีปุ่มสีเขียวปุ่มเล็กๆในกรอบนาฬิกามันดูคล้ายกับนาฬิกาที่เขาใส่อยู่นึกวาปุ่มสีเขียวคือปุ่มไฟ  และข้อความที่อ่านในจดหมายก็ผุดขึ้นมาในสมอง "นาฬิกาจะมีปุ่มสีเขียวอยู่ ให้ท่านกดปุ่มนั้น แล้วท่านจะมาที่นี่ได้" เจลาลิ่งตัดสินใจลองกดปุ่มนั้นดูโดยไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น และบางสิ่งก็เกิดขึ้น มันเหมือนกับเกมส์ออนไลน์ที่เคยเล่น จุดวาป!!

    ภายในเสี้ยววินาทีเขาได้มาอยู่ที่หนึ่ง ความรู้สึกเหมือนไมได้ไปไหนอย่างกับ...อยู่ที่เดิม  แต่บรรยากาศดูแปลกหูแปลกตาอาคารสถานที่ที่เจลาลิ่งเห็นไม่ได้ต่างกับหาวิทยาลัยในปัจจุบันเลยเพียงแต่มันดูสวยงามมาก เหมือนกับตึกที่เพิ่งสร้างมาใหม่ๆเด็กนักเรียนจำนวนมากมายเดินเข้าไปในสถานที่เขาเพิ่งเคยเห็น  ตอนนี้เขาอยู่ในภาวะมึนงงยืนนิ่งทำไรไม่ถูกหรือเรียกง่ายๆว่าเอ๋อนั่นเอง

    "อะไรกันเนี่ย" นั่นคือสิ่งที่เจลาลิ่งคิด มีนักเรียนที่แต่งชุดไปเวทบางคนหันมามองแต่ก็เดินต่อไป

    "เป็นไงเป็นกัน" เขาพึมพำบ่นกับตัวเองเบาๆ และเดินเข้าไปสู่สถานที่ที่เขาคิดว่าเป็นมหาวิทยาลัยและเมื่อเข้าได้มานั้นมีป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า "โรงเรียนแอนกริส" แต่เขาก็เดินอย่างไม่สนใจอะไร สายตาเป็นที่หมายปองไปยังบริเวณที่มีคนเยอะๆเกาะกลุ่มไปทำไรกันอยู่ และนั้นทำให้เขาเดินชนอะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหน้าของเขา

    "โอ๊ย!!" เสียงเด็กผู้หญิงร้องออกมา เจลาลิ่งได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องจึงหยุดเดินและหันไปมองข้างหลัง เจอกับเด็กผู้หญิงที่ล้มลงไปกำลังพยุงตัวเองขึ้น เจลาลิ่งจึงช่วยพยุงเธอและกล่าวคำขอโทษ เด็กผู้หญิงที่หน้าตาดูน่ารักใส่เสื้อสีแดงกางเกงขาสั้น ผมยาวถักเปีย ใบหน้าอมสีชมพูนิดๆเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากสีแดงอ่อนๆและนัยน์ตาสีน้ำตาลบ่งบอกถึงความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเธอมองเด็กหนุ่มที่กำลังช่วยพยุงเขาอยู่

    "เป็นอะไรรึเปล่าครับ" เจลาลิ่งถามเด็กสาวด้วยถ้อยคำสุภาพ มือของเจลาลิ่งยังไม่ได้ปล่อยและช่วยพยุงตัวเธออยู่

    "ไม่เป็นอะไรหรอกนะ แต่นายปล่อยมืออกจากตัวฉันก่อนได้มั้ย ฉันไหวอยู่" น้ำเสียงใสๆที่ฟังดูลื่นหูทำให้เจลาลิ่งแทบจะเคลิ้มจนเด็กสาวต้องบอกกับเจลาลิ่งอีกรอบหนึ่ง

    "ขอโทษครับ" เจาลิ่งเอ่ยเขินนิดๆแต่ก็ถามปัดเรื่องไป "ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนเหรอ ผมยังงงๆอยู่" เจลาลิ่งเอ่ย สายตาสองข้างกวาดมองสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆไป

    "อ้าว นายไม่รู้แล้วนายมาได้ไงละ" เด็กสาวถาม

    "ได้จดหมายมา มีนาฬิกาด้วยฉันกดที่นาฬิกา...แล้วก็เลยมาที่นี่"

    "อืม.. ว่าแต่เธอชื่อไรคับ" เจลาลิ่งเอ่ยถามนำ


    "ฉันชื่อ จีล วาเลนไทน์" เธอพูดก่อนที่จะไปถามเจลาลิ่ง
    "ผม เจลาลิ่ง ไนท์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมกำลังหาเพื่อนอยู่พอดีเลย โชคดีนะที่เจอคุณไม่งั้นผมคงแย่แน่ๆ" เจลาลิ่งเอ่ยน้ำเสียงที่ปลาบปลื้มมากๆ - -

    "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ฉันก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกันแหละ  ว่าแต่ทำไมนายแต่งชุดนอนมาละ" จีลถามสายตาเพ่งมองไปที่เด็กหนุ่มซึ่งเห็นจะแต่งตัวแปลกว่าคนอื่นแถมสะดุดตาเป็นพิเศษด้วยเพราะชุดนอนของเขานั้น มีลายการ์ตูนอยู่ทั่วไปหมดทั้งตัว

    "อ๋อๆ ลืมเปลี่ยนน่ะ รีบมาไปหน่อย" เจลาลิ่งตอบปัดๆแต่จีลก็พอรู้อาการของเด็กหนุ่มอยู่  ความจริงแล้วเจลาลิ่งไม่ได้ลืมเปลี่ยนชุด เพียงแต่ว่าเขาไม่เชื่อการมามิติครั้งนี้  นี่ฉันคงประสาทไปแน่ๆ!

    "นี่นายเป็นอะไรรึเปล่า" จีลถามขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่นาน
    "ปะ..เปล่า ก็แค่นึกอะไรเพลิน" สิ้นเสียงเจลาลิ่ง เด็กหนุ่มก็เดินนำหน้าจีลไป
    "แล้วนายจะเดินไปไหนกันเล่า ที่สมัครอยู่ตรงนี้เอง" จีลทักเจลาลิ่งเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินไปทางโน้น


    "อ้าวทางนี้หรอกเหรอ มะกี้ก็แค่เซอเวย์นิดหน่อยเอง แหะๆ" เจลาลิ่งพูดแก้ตัวและเดินตามจีลไป ระหว่างที่เดินไปก็มีนักเรียนมากมายเดินสวนมา จากระยะสายตาของเจลาลิ่งที่ประมาณไว้ นักเรียนความจริงแล้วไม่ถึง 1000 คนด้วยซ้ำ!

    "จีล หยิบใบสมัครให้หน่อยนะ" เจลาลิ่งเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าจีลกำลังจะไปที่สมัคร

    "นายก็มากับฉันสิ" จีลพูดโดยไม่หันไปมองเจลาลิ่งเลย   ทั้งสองหยุดอยู่ตรงหน้าอาคารมันเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนมีป้ายชื่อติดตัวอาคารว่าอาคารมินิส

    "อาคารมินิส"รูปร่างอาคารดูใหญ่โตผนังเป็นสีขาวไม่มีสีอื่นมาตกแต่งให้เลอะเทอะหน้าทางเข้ามีคนแต่งชุดคลุมสีดำสลับขาวภายในเสื้อคลุมนั้นเป็นเสื้อสีขาวดูแล้วอายุของคนคนนั้นไม่มากไปกว่าเขาสักสองสามปี  แน่นอนต้องเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนแน่ๆที่คอยแจกใบสมัครกับนักเรียนที่มาใหม่


    "จีลๆนี่นะเหรอโรงเรียนที่หรูแต่มาแจกใบสมัครอย่างเงี้ย" เจลาลิ่งกระซิบข้างหูจีลแต่จีลก็แค่พยักหน้า

    "ฉันนึกว่ามันจะเป็นระบบอินเตอร์เน็ทซะอีก เฮ้อ"

    "เป็นระเบียบหน่อยนะคะ ทุกๆคนจะได้สะดวกรวดเร็ว" รุ่นพี่ที่แจกใบสมัครไม่ได้พูดอะไรสักคำเพียงแต่เขาอยู่นิ่งเฉยๆ

    "เสียงมาจากไหนละเนี่ย" เจลาลิ่งคิดพลางๆอยู่ในใจ

    "จีลๆรู้ต้นเสียงปะ"

    "………….." จีล



    "กระแสเสียงให้พลังจิตครับ" เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันแต่งชุดสีน้ำตาลกางเกงขายาวนับตาสีดำรูปร่างสูงพอๆกับเจลาลิ่ง ทรงผมของเขาถูกหวีไว้อย่างเรียบร้อย เห็นได้ชัดเจนว่าการแต่งตัวนั้นต้องพิถีพิถันเป็นอย่างดี

    เจลาลิ่งกับจีลหันไปมองเด็กหนุ่มซึ่งเป็คนคลายคำถามจากปริศนาจากคำถามที่เจลาลิ่งได้ถามจีลไป  ทั้งสองยังคงเงียบอยู่ไม่รู้เพราะเป็นอะไรจนกระทั่งมีคนมาทำลายความเงียบ

    "ได้ใบสมัครรึยังครับ"

    "ว่าแต่ใช้พลังจิตพูดได้จริงๆเหรอ" เจลาลิ่งยังคงไม่หายงง

    "ใช่ครับ เวทมนต์จิ๊บๆเอง" เด็กหนุ่มยิ้มให้เจลาลิ่ง

    "นายชื่ออะไรละ จะได้มาเป็นเพื่อนกันตอนนี้มีกันแค่สองคนเอง" จีลถามเด็กหนุ่มที่เขายังไม่รู้จักชื่อ

    "ผมชื่อเค้ก  บัตเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ" เค้กทำความรู้จักกับทุกๆคน


    "ว่าแต่เวลาในนี้กับเวลาปัจจุบันแตกต่างอะไรกันรึเปล่า" เจลาลิ่งสงสัยเพราะพรุ่งนี้ในปัจจุบันเขาต้องไปรับสมุดพกและรับหนังสือรุ่นอีก  หากเวลาแตกต่างกันเกินไปเขาคงแย่แน่

    "เรื่องนี้คงไม่ต้องวิตกหรอกนะเพราะเวลาเดินเท่ากันเช่นถ้าเราอยู่ที่นี่ 1 ชั่วโมง เมื่อเราไปปัจจุบันในเวลาปัจจุบันก็เพิ่มไปอีก1ชั่วโมงแต่ความแตกต่างของเวลาจะแตกต่างกันซักนิดหน่อย คือ ตอนนี้ 17.00น. เวลาปัจจุบันก็คือ 22.00น. แตกต่างกันเท่านี้เองนะแค่ระยะห่างของกาลเวลาเอง" เจลาลิ่งตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อแต่จีลนั้นได้แค่ฟังผ่านหูไปเรื่อยๆ เพราะเธอได้รู้อะไรมาหมดแล้ว

    "ตอนนี้เวลา 18.00น. เพราะฉะนั้นเวลาปัจจุบันก็ 23.00น. ใช่ปะ" เจลาลิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

    "ใช่ครับ" เค้กตอบ

    "จะไปแล้วเหรอ" จีลทักขึ้นเมื่อเห็นเจลาลิ่งกระสับกระส่ายและทำท่ากดปุ่มนาฬิกา

    "ใช่ ฉันจะไปนอนแล้ว ลาก่อนนะ แล้วเจอกันวันสอบอีก 5 วัน มาพบกัน" เจลาลิ่งพูดก่อนที่จะกดปุ่มสีเขียวและจุดวาปก็เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีร่างเจลาลิ่งก็หายไป

    "แล้วเธอจะไปรึยัง" จีลหันไปถามเค้กหลังจากเจลาลิ่งวาปหายไป

    "ก็จะไปแล้วนะ กู๊ดไนท์ละ" เค้กโบกมือลาก่อนจะกดปุ่มสีเขียวไป


    วาป !!!   ทั้งจีลและเค้กหายตัวไปเกือบพร้อมๆกัน



                                               วันรุ่งขึ้น  31 มีนาคม 2548


    "เจลาลิ่งวันนี้ลูกต้องไปโรงเรียนแต่เช้านะ" เสียงผู้เป็นแม่ดังขึ้นกับนาฬิกาบนเตียงที่เจลาลิ่งตั้งขึ้นเจลาลิ่งหันไปกดนาฬิกาปลุกและขานตอบรับคำว่าครับไป

    เจลาลิ่งเดินเข้าห้องน้ำหลังจากลุกออกจากเตียงนอนและหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ในราวตากผ้าอันเล็กวางไว้ใกล้ๆเยื้องกับห้องน้ำ  หลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จเจลาลิ่งได้แต่งชุดนักเรียนและเดินบันไดลงมาข้างล่างและหยิบขนมปังทาแยมมา2แผ่นที่วางไว้บนโต๊ะอาหาร เป็นของกินก่อนไปโรงเรียนตอนเช้าที่แม่จัดเอาไว้ให้

    "แม่ฮะ ผมไปก่อนนะ" เจลาลิ่งวิ่งไปนอกบ้านสวมรองเท้าก่อนที่จะเรียกรถแท็กซี่ไปโรงเรียน

              
                                                                 ………………………………………

    "1m 2m 3m เฮ้ออีกตั้ง 2km กว่าจะถึงโรงเรียน"  จีลก้มหน้าพึมพำกับตัวเอง และเมื่อเดินทางไปซัก 800m ก็พบกับชายชุดดำสามคนเดินเข้ามาที่จีล  จีลพิจารณาจากภายนอกก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่พวกที่เป็นมิตร ลักษณะการแต่งตัวก็ดูแปลกๆ ไม่เคยพบเห็น 

    "พวกนายเป็นใครกัน" จีลทำเสียงขู่ออกไป  ชายชุดดำหัวเราะแล้วก้าวเท้าช้าๆมาที่จีลอีกที  จีลทำท่าตั้งรับอย่างสุดความสามารถก่อนจะพบรถแท็กซี่ขับผ่านมา
    "นั่นมันจีลนี่" เจลาลิ่งบอกคนขับรถแท็กซี่ให้หยุดรถและรีบเปิดประตูมาที่จีลทันที

    "เจลาลิ่ง!!!"

    "เป็นอะไรรึเปล่า พวกนั้นมันทำอะไรกับเธอรึเปล่า" เจลาลิ่งทำสีหน้าวิตก

    "เปล่าน่ะ แต่มะกี้มันจะเดินมาหาฉัน" จีลทำสีหน้าแทบจะปกติ เขาไม่กลัวพวกนั้นเลย

    "แล้วมันไปไหนละจีล" จีลหันไปมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างไร

                 

     เปรี้ยง!!! เจลาลิ่งแสบวี๊ดเข้ามาที่ด้านหลังอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเซถลาเข้าไปข้างหน้า   ชายชุดดำปรากฏตัวหน้าเจลาลิ่งจีลถอยหลังไปสามก้าวและหยุดตรงที่เจลาลิ่งยืนอยู่


    "นั่นคือคนที่จีลบอกใช่ไหม" จีลพยักหน้าสามคนนั้นยิ้มแสยะแท็กซี่ที่เจลาลิ่งอาศัยมานั้นขับหนีไป  ชายชุดดำไม่เลิกราปล่อยกระแสไฟฟ้าเป็นเส้นสีน้ำเงินด้วยความเร็วสูง เจลาลิ่งและจีลหลบทันอย่างฉิวเฉียด

    "พวกนายเป็นใครกัน" เจลาลิ่งเอ่ยและคุมเชิงฝ่ายตรงข้ามอยู่

    "หึๆ อีกไม่นานนายก็รู้ว่าพวกเราเป็นใคร" ชายชุดดำคนหนึ่งพูดทั้งสามคนรูปร่างลักษณะ คล้ายๆกัน  ตอนนี้พวกมันปล่อยกระแสไฟฟ้าไปที่จีลโดยจีลไม่ทันระวัง เจลาลิ่งกระโดดคว้าร่างจีลล้มลง ทำให้เกิดรอยถลอกบนแขนซ้ายของเจลาลิ่ง

    "เอาตัวเธอมาไม่งั้นนายตาย" ชายอีกคนพูดเสียงเรียบและเดินมาหาจีล  เจลาลิ่งกระโจนหาชายคนนั้นและต่อยเข้าไปที่ใบหน้าแต่ฝ่ายเจ็บกลับกลายเป็นเจลาลิ่งมือขวาของเขาแทบจะชาเมื่อสัมผัสบริเวณใบหน้าชายคนนั้น  มันดั่งกับ เหล็ก!!!

    "ทำไปก็ไร้ประโยชน์ไอ้หนู" ชายคนนั้นที่เพิ่งโดนเจลาลิ่งต่อยคว้าคอเสื้อเจลาลิ่งและเหวี่ยงไปปะทะต้นไม้ซึ่งอยู่บริเวณนั้นจีลรีบวิ่งไปที่เจลาลิ่งและบังตัวเจลาลิ่งไว้และทั้งสองคนนั้นก็หายไป

    "พวกมันไปไหนแล้ว" ชายอีกสองคนวิ่งมาที่ชายอีกคนซึ่งอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ
    "ปล่อยมันไป วันนี้มันไปไหนไม่รอดแน่" ชายชุดดำคนซ้ายพูดน้ำเสียงเรียบแฝงอำมหิตก่อนที่ทั้งสามจะจางตัวหายไป

    "ปลอดภัยแล้วนะ เจลาลิ่ง! เจลาลิ่ง! ตื่นสิตื่น" จีลมองเจลาลิ่งด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่สายตาดวงน้อยๆจะลืมตาขึ้น  เจลาลิ่งเอามือของเขาจับไปที่ศีรษะและส่ายหน้าไปมานิดหน่อย

    "ขอบใจนะจีล" เจลาลิ่งยิ้มให้ก่อนที่จะถามไปว่า "มะกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ"

    "มี่ต้องห่วงนะฉันใช้วิชาพลางตัวน่ะ" จีลพูดอมยิ้มนิดๆ

    "วิชาพลางตัว" เจลาลิ่งพูดทวนคำ


    "มันเป็นพรสวรรค์ของฉันตั้งแต่เล็กๆแล้วละ  แม่ฉันเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ฉันเกิด ตอนรับฉันจากโรงพยาบาลพากลับบ้าน พยาบาลไม่เห็นตัวฉัน วุ่นกันทั้งโรงพยาบาลเลยละ อิอิ นึกแล้วยังขำเลย" จีลพูดนำเสียงใสๆปนหัวเราะออกมานิดๆ


    "เดินมาแถวนี้จะมาทำอะไรเหรอ" เจลาลิ่งหันไปถามจีล

    "ก็จะไปโรงเรียนไง"

    "งั้นแสดงว่า..."

    "ใช่ โรงเรียนเดียวกับเธอนั่นแหละน๊า" ทั้งคู่เดินด้วยกันไปโรงเรียน ตอนนี้เวลาประมาณ 9.00น. แล้วอีกประมาณ 200m ก็ถึงโรงเรียน

    เด็กผู้ชายสองคนยืนรออยู่ปากทางเข้าของประตูโรงเรียนที่เจลาลิ่งและจีลกำลังเดินมาถึงโรงเรียน ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้น

    "มาช้าจริง นัดกัน 8โมง มา 9 โมง เฮ้อ..ประจำ" เด็กหนุ่มใส่เสื้อนักเรียนรูปร่างสูงสมส่วนผมทรงนักเรียนพูดขึ้น

    "เราขึ้นหอประชุมก่อนนะ" จีลพูดเสร็จและเดินไป



    "โทษทีมาช้าไปนิด พวกนายรอนานปะ แหะๆ" เค้กที่ฟังคำตอบส่ายหน้าไปมานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    "จะขึ้นหอประชุมกันรึยังบีม" เด็กที่สูงเท่ากับใหล่ของบีมหันไปถามบีมก่อนที่ทั้งสองจะเดินขึ้นหอประชุม

                  ภายในหอประชุม ผอ. ได้คุยสนทนากับนึกเรียนไปเรื่อยๆ มีการรับวุฒิบัติการจบนักเรียน ชั้น ม.3 ม.6 ใบหน้าของนักเรียนทุกคนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ประสบความสำเร็จสำหรับก้าวแรกของชีวิต ทุกคนร่วมกันฉลองกัน ครูอาจารย์มาอวยพรกับลูกๆที่จบการศึกษากันทั้งหลาย เด็กนักเรียนชั้น ม.3และม.6พร้อมที่จะเดินก้าวต่อไปหลังจากก้าวแรกผ่านไปด้วยดี


    "เจลาลิ่ง เจ เจ" เสียงเด็กผู้หญิงดังมา ณ เบื้องหลัง ยังไม่ทันที่เจลาลิ่งได้หันไปจีลก็เดินมาหา

    "วันนี้ว่างไหม อยู่ที่โรงเรียนสักพักหนึ่งนะ"  จีลหันไปบอกเจลาลิ่ง

    "ได้ๆ" เจตอบสั้นๆก่อนที่เขาทั้งคู่จะเดินไปยังที่นั่งไม้หินอ่อนซึ่งอยู่ทางซ้ายของหอประชุมมาอีก

    "ไปไหนแล้วละ" เสียงของเด็กผู้หญิงมะกี้ที่มาเรียกเจเมื่อไม่เจอตัวสีหน้าของเด็กสาวนั้นก็หงอยไปเลยทีเดียว

    "มีอะไรรึเปล่าจีล เห็นเดินรีบซะอย่างงั้น มีอะไรว่ามาเลยนะเราไม่รีบร้อนหรอก"  เจลาลิ่งยิ้มให้


    "อืมๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ เมื่อเช้าที่เจอชายชุดดำนายก็รู้ใช่ไหม ทำไมพวกนั้นถึงได้ปล่อยพลังลึกลับอะไรนั่นได้มันแปลกมากเลยนะ ในโลกนี้ไม่มีใครทำแบบนั้นได้หรอก" จีลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดสี่งที่เจอในเมื่อเช้านี้ทำให้จีลไม่เข้าใจ  ทำไมเขาต้องการตัวเรา ทำไมกัน

    เจลาลิ่งทำสีหน้าครุ่นคิด เขาลืมสนใจไปเลยว่าพวกนั้นต้องมาทำร้ายจีลและพวกนั้นมีพลังพิเศษได้ไงหรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ  เป็นไปไม่ได้สิมันจะบังเอิญได้อย่างไรกันนะ

    "หรือว่าจะเป็น..มนุษย์พิเศษ"

    "หา?" จีลอุทาน

    "เฮ้! จีล เฮ้!เจ มะกี้ได้ยินเรื่องมนุษย์พิเศษ พวกนายเป็นเหรอ" เด็กผู้หญิงซึ่งเคยทักเจลาลิ่งบนหอประชุมแววตาบ่งบอกความสดใส ผมยาวพลิ้วไหวด้วยแรงลมอ่อนๆ หันสบตากับเจลาลิ่ง

    "ได้ยินพวกฉันคุยกันด้วยเหรอ" เจลาลิ่งพูดตะกุกตะกัก

    "อืม..ใช่ ไม่ต้องกลัวหรอกนะฉันก็เหมือนกับพวกเธอนั่นแหละ"

    "เราไปก่อนนะ บายมินท์ บาย" จีลพูดและจะลุกออกจากที่นั่ง

    "เดียวสิ เดี๋ยวฉันไปส่งนะ   บายก่อนนะมินท์" เจลาลิ่ง

    "อืมๆ บายๆ" มิ้นท์



    "ช่วงนี้ฉันขอไปส่งเธอที่บ้านนะ ไม่ค่อยไว้ใจเลยกลัวพวกนั้นจะมาทำร้ายเธออีก"    เจลาลิ่งเอ่ยน้ำเสียงดูเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด จีลเองก็ยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ

    "แต่นายไม่ต้องห่วงฉันมากนะห่วงตัวเองเถอะฉันมีเวทย์อำพลางตัวอยู่"    จีลเอ่ย ^^y

    "นั่นสินะ จริงด้วย แต่ยังไงฉันก็ขอไปกับเธอด้วยนั่นแหละ"

    "ตามใจละกาน"    จีลพูดไม่ได้ขัดอะไร

                                                ………………………………………………

    ยังไม่ได้มาลงอีก4บท ขี้เกียจพิมพ์อะ เป็นไงบ้างครับสนุกไหม แต่ถ้าไม่สนุกก็อยากให้ทุกคนอ่าน อิอิ ยังไงช่วยเป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ    (มือใหม่หัดแต่ง) นิกส์ ^^




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×