Crossover Of Multiverses
ชายผู้จะถูกส่งไปต่างโลก แต่ด้วยตัวตนกับหายนะจากต่างมิติที่กำลังจะเกิดขึ้น ข้อตกลงเดิมจึงต้องเปลี่ยนไปและกลายเป็นผจญภัยข้ามมิติอันยากจะจินตนาการ
ผู้เข้าชมรวม
939
ผู้เข้าชมเดือนนี้
18
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Dimension 0Zer0
“โหว... ผมเจอแจ็คพอตเข้าให้แล้วสินะ...” ภายในพื้นที่สีขาวที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่เพียงผู้เดียว เสียงหนึ่งทักขึ้นพร้อมกับร่างที่ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า “ยินดีที่ได้พบคุณคนดังนะครับ ผมคือพระเจ้าของโลกที่คุณอยู่ตอนนี้ ชื่อแทมินครับ”
“ต้องการอะไร” เด็กหนุ่มส่งเสียง ก่อนจะถอนหายใจและหันมาเผชิญหน้าคู่สนทนาที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า
“ถึงผมจะรู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดจะแนะนำตัวพอเป็นพิธีหน่อยเหรอครับ”
“ไนน์เก้า นวชาติ วิญญมั่น มีอะไรให้มนุษย์ผู้ต่ำต้อยคนนี้รับใช้ครับคุณพระเจ้า”
“อย่าพึ่งเครียดมากนักสิครับ ผมเองไม่เหมือนคนอื่นที่คุณเคยเจอมาหรอกนะ เพราะผมเองก็เป็นมนุษย์มาก่อน” อีกฝ่ายโบกมือเพื่อพยายามลดท่าทีจริงจังของคู่สนทนา แต่อีกฝ่ายก็ยังคงจริงจังอยู่ “ก็ได้ครับก็ได้ เข้าเรื่องเลย พอดีผมจะส่งคุณไปต่างโลกน่ะครับ”
“ถ้างั้นก็ทำเลย”
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณไนน์ใจเย็นก่อนนน” แทมินรีบเกาะเสื้อและดึงให้อีกฝ่ายกลับมาคุยด้วย “พอดีมันพึ่งจะมีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรกซะก่อนน่ะครับ และประจวบเหมาะกับที่เจอคุณพอดีด้วย ถ้าปล่อยให้ไปต่างโลกทางนี้จะแย่เอา”
“หมายความว่าไง”
“พาราด็อกซ์(Paradox)ครับ โลกที่คุณอยู่ตอนนี้และที่ผมกำลังรับหน้าดูแลอยู่ถูกดึงเข้าไปพัวพันในพาราด็อกซ์เข้า”
“ไหนบอกว่าตัวแกเองเป็นมนุษย์มาก่อนไง นี่กะจะเล่นตลกอะไรกับชีวิตคนอีกแล้วงั้นเหรอ?”
“ใจเย็นก่อนสิครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ พาราด็อกซ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจตจำนงของผมหรือตัวตนจำพวกผมครับ มันเป็นแค่ความบังเอิญในอนันต์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ”
“ชั้นฟังอยู่...”
“ในเอกภพที่อยู่ในระนาบเดียวกับเอกภพของพวกเราดันมีเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความเสถียรของมิติเกิดขึ้นพร้อมกันครับสองเหตุการณ์ครับ รายละเอียดผมขอข้ามไป แต่นั่นส่งผลให้มิติของเราได้รับผลไปด้วย อีกไม่นานผนังกั้นมิติน่าจะทนความไม่เสถียรไม่ไหวและแตก... เกท(Gate) พอทัล(Portal) หรืออย่างอื่นอย่างใดสุดแล้วแต่จะเรียกกำลังจะเปิดขึ้นที่นี่ครับ โลกนี้กำลังจะไม่อยู่ในสภาพเอกภพสามัญ(The Fourth Wall World or Audience world)ไปอีกโลกหนึ่งแล้ว”
“นายทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ”
“ถูกกฎกำหนดไว้ว่าให้ทำไม่ได้ครับ ทั้งผมและตัวตนอื่นที่ได้รับผลของพาราด็อกซ์ครั้งนี้ถูกกำหนดไว้เหมือนกันหมด”
“ไร้ประโยชน์จริง ๆ”
“มุแง ผมขอโทษ” พระเจ้าได้แต่ทำท่าร้องไห้และถอนหายใจ “ผมยื้อผนังไว้ให้มากสุดก็สองปีครับ ในระหว่างนี้จะพยายามหาทางรอดเท่าที่กฎของเอกภพนี้จะอนุญาตให้ทำได้ แต่ถ้าได้คุณช่วยน่าจะจัดการปัญหานี้ได้”
“ติดต่อไปหาผู้นำประเทศต่าง ๆหรือยัง”
“ทำไปแล้วครับ แต่มีแค่อเมริกา จีน และรัสเซียที่ค่อนข้างจะเชื่อครับ ที่เหลือก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง”
เด็กหนุ่มมองพระเจ้าผู้ไร้ประโยชน์และถอนหายใจใส่จนอีกฝ่ายทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง
“ส่งชั้นไปต่างโลกเหมือนเดิม อยากน้อยชั้นน่าจะได้อะไรเพิ่มถ้าอาศัยพันธะทวิเอกภพ(Bi-universe bond)ที่นายทำกับตัวตนฝั่งนั้น”
“แล้วโลกทางนี้ล่ะครับ”
“เพิ่มเงื่อนไขไปในพันธะทวิเอกภพว่าชั้นจะยอมเสียสิทธิพิเศษของผู้กล้า(Hero)เพื่อแลกกับการไปกลับที่นี่ได้ และถ้าชั้นทำให้เป้าหมายของที่นั่นบรรลุผลได้ ฝั่งนั้นจะต้องให้การสนับสนุนปัจจัยที่ทางเราต้องการ”
“รับทราบครับ” อีกฝ่ายทำท่าตะเบ๊ะรับทราบ ซึ่งทั้งท่าทางและความขี้แงผิดกับที่เคยเจอมาทำให้ไนน์เชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์มาก่อนจริง ๆ “มีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“ให้สกิล [ครอสเวิร์ส(Cross-Verses)]กับชั้นด้วย ที่เอกภพสามัญฝั่งนี้คงจะหาปัจจัยสนับสนุนอะไรไม่ได้ ในเวลาสองปีชั้นต้องไปหาปัจจัยสนับสนุนที่มิติอื่นแทน นอกจากนี้มันน่าจะช่วยให้ชั้นสร้างความดีความชอบให้โลกเหล่านั้นด้วย อย่างน้อยตัวตนแบบนายที่ปกครองที่นั่นอยู่อาจจะยอมช่วยอะไรบ้าง”
“ให้แล้วครับ แล้วผมก็ถือวิสาสะแถมโบนัสให้ด้วย แต่คงจะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับ เพราะสกิลนั้นใช้ค่าที่ต้องแลกมากเกินไป ขอโทษจริง ๆนะครับ ขนาดสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอย่างระบบผมยังให้ไม่ได้เลย”
“เรื่องนั้นชั้นจัดการเองได้...” เขากล่าว ก่อนจะยืนคิดบางอย่างอยู่ในใจ จนเป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่กล่าวออกมาดด้วยท่าทีรู้สึกผิดและรู้สึกไม่มีประโยชน์
“ปกติคุณไนน์น่าจะต้องเกลียดหรือรำคาญไม่ใช่เหรอครับ เพราะการส่งคนไปต่างโลกในฐานะผู้กล้า หรือการที่จะมีมิติที่เปิดออกและนำมาซึ่งนักล่า(Hunter) ผลลัพธ์ก็คือโลกนี้จะไม่ใช่เอกภพสามัญอีกต่อไปเหมือนกัน แล้วทำไมครั้งนี้ถึงไม่คิดจะถามเหตุผลหน่อยเหรอครับว่าก่อนหน้านี้ผมจะส่งคนของทางเราไปต่างโลกทำไม”
“ไม่จำเป็น... ถึงยังไงตอนนี้ชั้นก็ต้องไปอยู่ดี จะรู้เหตุผลไปก็ไม่เปลี่ยนผลลัพธ์”
“แฮะๆ” อีกฝ่ายหัวเราะกลบเกลื่อน “จากได้ยินมา คิดว่าคุณจะเกลียดพวกเรามากกว่านี้ซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะให้ความร่วมมือกันขนาดนี้”
“อย่าเข้าใจผิดไป ถึงแต่แรกชั้นจะผิด แต่ก็รู้สึกไม่ชอบหน้าพวกนายอยู่ดี ที่ยอมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อสิ่งนั้นหรอกนะ”
................
“ตื่นแล้วเหรอคุณนาย...” เสียงทักขึ้นในขณะที่เจ้าของชื่อพึ่งจะยืดตัวขึ้นมาหลังจากฟุบหลับบนโต๊ะไป “หายากนะเนี้ยที่คนอย่างนายจะแอบหลับในคาบเรียน อาจารย์โวยวายกันใหญ่ว่านายไม่สบายหรือเปล่า แถมถึงขั้นจะตามรถพยาบาลมาด้วย โคตรเว่อร์... หรือว่าช่วงนี้ทำงานหนักไปเหรอวะ”
“เจได... หุบปาก...”
“ครับบบ”
คู่สนทนาตัดรำคาญ ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาดูเวลาและใบหน้าทรงผม ซึ่งหลังจากเช็คสภาพตัวเขาเองเสร็จ ก็เก็บของใส่กระเป๋าเป้ ก่อนจะลุกขึ้น
“นายจะไปไหนต่อ” เจไดเอ่ยถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็อยู่ในสภาพสะพายกระเป๋าอยู่แล้ว แต่มือยังคงกดเล่นเกมสมาร์ทโฟนบนมือไม่เลิก
“รู้มั้ยพี่วัลแคนอยู่ที่ไหน”
“เวลานี้น่าจะอยู่ที่สนามบาสฯนะ ทำไมวะ วันนี้ไม่ใช่วันนัดประชุมไม่ใช่เหรอ”
“มีเรื่องรบกวนนิดหน่อย ไม่ต้องทำหน้าอยากรู้ ไม่บอกหรอกเว้ย”
“อะไรวะ” คนที่เบือนหน้าขึ้นมาทำอยากยุ่งเต็มที่เปลี่ยนกลับไปเล่นเกมมือถือต่อ “เสร็จแล้วจะไปทำงานพาร์ท-ไทม์ต่อเหรอ”
“ดูก่อน วันนี้อาจจะลา”
“เฮ้ย!! จริงดิ งั้นไปห้าง...”
“ไม่ว่าง ที่ลาเพราะอาจจะติดธุระอื่นต่างหาก”
“นี่นอกจากหักอกผู้หญิงแล้ว แกยังเก่งเรื่องหักอกเพื่อนด้วยสินะ” คู่สนทนาทำท่าราวกับสายน้อยอกหัก “เงินมันสำคัญกว่าเพื่อนสินะ ไอ้ทาสทุนนิยมเอ้ย”
“เอาเถอะ โตอีกหน่อยนายจะเข้าใจอำนาจของทุนนิยม...” อีกฝ่ายเมินเพื่อน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป “เจอกันพรุ่งนี้”
“ไม่โว้ย ฉันจะไปโดนแม่น้ำฮันฆ่าตัวตาย! แล้วแกจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตตตต”
“อย่าไปสร้างภาระให้นักประดาน้ำสิ... ไปป่าอาโอกิกาฮาระใกล้ๆภูเขาฟูจิดีกว่า ที่นั่นไม่มีใครตามไปเก็บให้เป็นภาระคนอื่นแน่นอน” ไนน์เก้ายกนิ้วโป้งแนะนำ
“ไปตายซะไอ้คนใจดำ!!!”
ร่างสูงกว่า 184 เซนติเมตรนำพาร่างพร้อมกับกระเป๋าเป้ออกมาจากห้องเรียน ก่อนจะผ่านโถงทางเดิยหน้าห้อง ซึ่งก็ทำให้มีโอกาสได้เผชิญสิ่งที่น่ารำคาญเป็นอันดับสองรองจากเพื่อนสนิทคนเมื่อกี้
“พะ... พี่ไนน์สวัสดีค่ะ”
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
“อ๊ายย ช่วยดูถูกชั้นแรงๆกว่านี้ด้วยค่ะ”
“ไปให้พ้นนะยัยพวกบ้า เป็นโรคจิตหรือไงชอบโดนด่า!!”
“อ๊ายยยย!!”
ท่ามกลางเหล่านักเรียนมัธยมปลายในชุดสูทนักเรียนสีกรมท่าและกางเกงสแล็คสีเดียวกัน ร่างสูงระดับน้อง ๆยีราฟเดินผ่านท่ามกลางเสียงกรี๊ดของเหล่านักเรียนหญิง มีเพียงนักเรียนชายและนักเรียนหญิงบางคนเท่านั้นที่ไม่ได้หลงไหลได้ปลื้มกับผู้ชายปากเสียคนนี้
“ชั้นละไม่เข้าใจเลย ทำไมหล่อนถึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้ ยอมรับว่าหมอนั่นหล่อในระดับวัวตายควายล้ม แต่ปากกับนิสัยนี่ไม่ไหวนะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนสาวที่ตาเป็นประกายขณะมองไปที่เป้าขี้ปาก
“ไว้จากนี้เธอรู้จักเขาเองก็จะเข้าใจ...”
ผลงานอื่นๆ ของ Desolate_knight ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Desolate_knight
ความคิดเห็น