คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่11 ค้นพบ
...ผมมันก็แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึง...
ผมน่ะ...เป็นเหมือนกับที่เด็กคนอื่นๆเป็นนั่นแหละ ต่างจากพวกเขานิดหน่อยตรงที่ผมเป็นเจ้าชาย ฟังแล้วคงดูดี แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอก เพราะว่ามันน่าปวดหัวที่สุด
ทำตามตารางงานที่มีคนวางไว้ให้ ตอนเช้าพอตื่นมาก็จะมีคนไปเปลี่ยนชุดให้ ต่อมากินข้าว แล้วก็เรียนมากมายก่ายกอง มันดูหนักหนาจะตายชักสำหรับเด็กหกขวบอย่างผม แต่พ่อก็ชอบบอกว่ามันเป็นหน้าที่ แต่ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่
ผมชอบมาก เวลาที่อยู่บ้านคุณลุงที่นี่ แต่จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูก เพราะดูยังไงมันก็วังชัดๆ วังที่ประเทศทริสทอร์นี่ไงล่ะ
ที่นี่ไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ จะดีกว่าบ้านที่เวนอลก็ตรงที่ไม่ต้องเรียนหนักๆนี่ล่ะ ผมชอบไปวิ่งเล่นในสวนของที่นี่คนเดียว หรือไม่ก็อ่านหนังสือเล่นๆใต้ต้นไม้ ดูเงียบๆมีความสุขดีเหมือนกัน
แต่วันนึง...
จู่ๆก็มีมีดพุ่งมาตรงที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ เฮ้ย! มาได้ไงเนี่ย ถ้าหลบไม่ทันมันคงบาดแขนแน่ๆ แล้วใครเป็นคนปามาล่ะเนี่ย
แต่ทันทีที่ผมคิด ก็เหมือนว่าจะหาคำตอบได้แล้วล่ะนะ นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว แต่ทำไม...
...น่ารักจัง...
ผมจ้องมองเธอคนนั้นอย่างไม่วางตา เรือนผมสีทองที่ยาวไม่มากถูกติดด้วยกิ๊บสีขาวดูเรียบร้อย นัยน์ตาสีม่วงอเมทิสคู่โตนั้นฉายแววตกใจเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะมีดมันไม่ถูกเป้าหมายที่วางไว้แต่แรกก็ได้
“มีดนี่ ของเธอหรอ...” ผมตัดสินใจถาม
“อืม...ใช่ ขอคืนได้มั้ยถ้ามันทำไม่ทำให้นายเจ็บตัว”
“ก็ได้น้า แต่ฉันไม่อยากให้คืนเลย ขอได้มั้ย” ผมลองเอ่ยปากขอเธอดู
“ฉันคงให้นายไม่ได้น่ะนะ”
“เหตุผลล่ะ”
“ก็เพราะมันเป็นของของฉัน ฉันรักมันมากด้วย”
“ก็...” ผมนึกคำพูด “เหตุผลฟังขึ้น...งั้นเอาไป” ผมยื่นมีดนั่นส่งคืนให้ เธอรับมันไปและรีบเก็บใส่กระเป๋า
“นี่...จิบชาด้วยกันมั้ย” เมื่อผมทักขึ้น เธอคนนั้นมองอย่างงงๆ สงสัยใช่มั้ยล่ะว่ามันมาได้ยังไงทั้งที่เมื่อกี้ก็ไม่มี แต่เธอก็ตอบรับ
“เอาสิ”
ระหว่างที่เราจิบชากันอยู่ ผมก็ถามโน่นถามนี่เธอ ตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น แต่มีคำถามนึงที่ผมอยากรู้ที่สุดเลยนะ
“เออ...นี่เธอเป็นผู้หญิงใช่มั้ย” ทันทีที่ผมถามไป เธอก็สำลักชาค่อกแค่กทันที แล้วเธอก็หันมาเถียง
“เจ้าบ้า! ฉันเป็นผู้ชาย นี่นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหรอ”
“จะไม่ให้คิดได้ไงล่ะ ก็เธอออกจะน่ารัก ผมก็ยาว ตาก็โต แล้วก็ติดกิ๊บด้วย”
ผมเถียงไปตามความจริง แต่ก็แอบผิดหวังอยู่เหมือนกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย เอ...แต่ถ้าสมมุติว่าผมรักผู้ชายจริงๆแล้วพ่อจะว่ายังไงนะ ฮ่าๆๆ
เธอบอกกับผมว่า มันเป็นเรื่องที่ออกจะบ้าบอนิดหน่อย ปกติไว้ผมสั้นก็มีแต่คนบอกว่าหน้าหวานเหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว นี่พ่อเธอก็ดันลืมพาไปตัดผมจนผมมันยาว เลยให้ติดกิ๊บกันผมบังตาก็แค่นั้น
“ฉันขอเรียกเธอว่าลอรี่ได้มั้ย”
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ ออกจะเหมาะกับคนน่ารักๆอย่างเธอนะ”
“ฉันไม่ชอบ”
“ไม่รู้ล่ะ แต่ฉันจะเรียกเธอแบบนี้นะลอรี่”
ทันทีที่ผมเรียกไปเท่านั้น มีดสั้นอันเดิมก็หันขวับมาทันที พร้อมกับสายตาคมๆจากคนที่กำลังคุยด้วย
“แหม...ลอรี่ ไม่เห็นต้องเล่นถึงขนาดนี้ก็ได้นี่”
ลอรี่ หรือชื่อจริงๆของเธอก็คือลอเรน เธอบอกว่าที่มาที่นี่เพราะตามพ่อที่เป็นทูตระหว่างประเทศมา อีกประมาณอาทิตย์กว่าๆพ่อของเธอก็จะจัดการงานเสร็จ ถึงตอนนั้นเธอก็จะต้องกลับบ้านที่อยู่เวนอล แต่แหม...ที่จริงผมบ้านก็อยู่เวนอลนะ ดีใจจังเลย ถ้ากลับไปผมต้องเจอเธอแน่
หลังจากนั้น พอว่างเมื่อไหร่ผมก็จะต้องรีบไปหาเธอทันที ซึ่งบ่อยครั้งที่เธอทำสีหน้าเหมือนรำคาญนิดหน่อย แต่ผมก็ชอบนะ มันน่ารักดี
“คนที่นี่มีเยอะแยะ นายก็เลือกสิ”
เธอพูดขึ้น เมื่อผมรั้งเธอไว้ตอนที่เธอจะกลับ
“ก็ฉันเลือกแล้วไง ฉันจะอยู่กับเธอ นะ...อย่าเพิ่งไปนะ”
“ฉันมีหน้าที่ของฉัน นายก็มีหน้าที่ของนาย ฉันก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ไง”
“หน้าที่น่ะ ฉันไม่สนมันหรอก ฉันรักเธอ เราแต่งงานกันนะ”
ผมพลั้งปากออกไป แต่ความรู้สึกมันก็แบบนี้จริงๆนี่ ถ้าแต่งงานกัน ก็จะได้อยู่ด้วยกันใช่มั้ยล่ะ
“แต่งไม่ได้หรอก”เธอตอบ “แต่เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสฉันจะมาหานายนะ หรือนายจะไปหาฉันที่เวนอลก็ได้”
“จริงสิ ฉันมีญาติอยู่ที่เวนอล งั้นถ้ามีโอกาส ฉันจะรีบไปหานายนะ”
“เอาสิ”
“ขอบใจนะ ฉันรักเธอที่สุดเลย”
ผมดึงตัวเธอเข้ามากอดแบบไม่คิดจะขอ เล่นเอาลอรี่น้อยๆของผมชะงักกึกไปเลย ไม่ไหว...ทำตัวน่ารักจนวินาทีสุดท้าย อยากหยุดเวลานี้ไว้ชะมัด
เธอจากผมไปพร้อมรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็น และหลังจากนั้นผมก็ไม่มีโอกาสได้พบเธออีกเลย ผมเทียวไปเทียวมาระหว่างทริสทอร์กับเวนอล พอได้ไปที่เวนอลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากวังสักเท่าไหร่ ทรมานที่สุด แต่ทว่า...
วันหนึ่งที่ผมได้ออกมาเดินเล่นที่ตลาดกับเรย์ที่เป็นองค์รักษ์ เรย์ก็ได้แนะนำให้รู้รู้จักกับคนคนนึง ผมสีทองกับตาสีม่วงอเมทิสที่ชอบฉายแววเอาแต่ใจและนั้นยังคงเหมือนเดิม เขาคนนั้นชื่อลอเรน ก็ลอรี่น้อยๆของผมนั่นแหละ แต่ตอนนี้โตขึ้นมากจนห่างไกลคำว่าหนูน้อยมากเกินไปแล้ว
แต่เราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย...
ผมพบผู้หญิงคนนึงในงานเต้นรำที่พ่อจัดขึ้น วันนี้จะเป็นวันที่ผมต้องเลือกคู่ครองน่ะ แต่ทันทีที่ได้เห็นเธอ ผมรู้สึกเหมือนมีภาพซ้อนทับของลอรี่ผุดขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นนั่นก็เป็นเธอสินะ...แต่จู่ๆ... เธอก็วิ่งออกไปจากงานโดยที่ไม่กล่าวอะไรสักคำ
...แล้วผมควรจะทำยังไงต่อไปนะ...
“ตื่นแล้วหรอ”
ร่างบางลุกพรวดทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ภาพตรงหน้าคือบุคคลที่เธอคุ้นเคย
“ลูเคียน! แกมาได้ยังไง”
“ไม่เห็นต้องถามเลย ฉันก็มาตามเจ้าหญิงของฉันกลับวังน่ะสิ”
“จะไปก็ไปสิ มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”
“เกี่ยวสิ ก็เธอนี่แหละ เจ้าหญิงน้อยที่น่ารักของฉัน”
“เพ้อเจ้อ” เธอว่าแล้วลุกเดินหนี ร่าสูงจึงเข้าไปขวางไว้
“จะหนีไปไหนอีกล่ะ ลอรี่”
“นี่มันก็ค่ำแล้ว ฉันจะไปนอน แล้วก็อย่าเรียกชื่อฉันแบบนั้นอีก”
“งั้นขอนอนด้วยคนสิ”
“ไม่”
“แหมๆ ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ต่างจากตอนนั้นเลย”
“ตอนไหน”
“จำได้รึเปล่า ที่ทริสทอร์เมื่อสิบสี่ปีก่อน”
“เฮอะ! ความหลังแบบนั้นน่ะหรอ ไม่เคยลืม...”
“ดีใจจังที่จำได้” เขาดึงเธอเข้ามากอด
“ปล่อย”
“ไม่เอา อยากกอด ไม่ได้กอดนานแล้วนี่”
“หยุดเลย ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นกับนายเหมือนเมื่อก่อนหรอกนะ”
“โธ่~” เขาปล่อยมือออกจากตัวเธอ แล้วเธอจึงหันไปเก็บข้าวของ
“แล้วตกลงนายมาที่นี่ทำไม”
“ก็ทีแรกผ่านมาทางนี้ กะจะแวะมาเยี่ยมเธอเฉยๆน่ะ แต่พอเจอในสภาพแบบนี้แล้ว...เก็บกลับวังเลยคงจะดีกว่า”
“อย่าคิดบ้าๆ”
“ฉันก็แค่ต้องทำตามหน้าที่ของฉันก็แค่นั้น ไม่ได้คิดบ้าๆอะไรหรอกนะ”
“หน้าที่บ้านนายสิแบบนี้...”
“นี่...ฉันจำได้นะ เธอเคยบอกฉันว่า ทั้งฉันและเธอก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ ตอนนั้นเธอก็ทำหน้าที่ของเธอแล้ว ตอนนี้ฉันขอทำหน้าที่ของฉันบ้างก็แล้วกัน”
“อะไร” ร่างบางหันขวับมามอง
“ใส่นี่ซะ” เขายื่นสิ่งนั้นมาให้
“รองเท้า?”
“อย่าทำงง ฉันรู้หรอกน่ะว่ามันเป็นของเธอตั้งแต่แรก”
“ไม่ว่าง ฉันไม่ใส่”
“ต้องใส่สิ” เขาขอร้อง
“งั้นเดี๋ยวมา”
ลอเรนหอบข้าวของทั้งชุดน้ำชาและหนังสือไปเก็บในครัวสักพักหนึ่ง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับ...
“บันได?”
“ก็ใช่น่ะสิ เห็นเป็นเศษไม้รึไง”
“เปล่า ว่าแต่เอามาทำอะไร”
“เข้าห้อง”
“ห้อง? เข้าทางหน้าต่างเนี่ยนะ”
“ฉันไม่อยากเข้าทางประตู เดี๋ยวพวกแม่เลี้ยงจะเห็นเข้า”
“อ้อ...”
“เร็วๆ จับไว้ ฉันจะปีน”
“ครับๆ”
ลอเรนปีนเข้ามาถึงเป็นคนแรก และนั่งลงบนเตียง ตามด้วยลูเคียนที่ปีนตามเข้ามา และยืนหอบแฮ่กๆอยู่ใกล้
“เรย์มาด้วยรึเปล่า”
“หมอนั่นน่ะหรอ มาสิ คุยกับซีบิล่าอยู่ข้างนอกนั่นแหละมั้ง” เขาว่าแล้วมานั่งข้างๆเธอ
“อ้อ...”
“แล้วทีนี้จะใส่ให้ได้รึยัง รองเท้าน่ะ”
“อันนี้น่ะหรอ”
“เฮ้ย! เอามาได้ไงน่ะ”
“ข้างนี้มันอยู่กับฉันแต่แรกแล้ว”
“งั้นตกลงเธอก็เป็นเจ้าของรองเท้าน่ะสิ”
“ใช่ไง คิดว่าไงล่ะ”
“ใส่ให้ดูหน่อยสิ...นะ”
“เฮ้อ~เอางั้นก็ได้” ว่าแล้วเธอจึงหยิบรองเท้าทั้งสองข้างมาใส่
“พอดีเลยนี่”
“อืม...แล้วไงต่อล่ะ”
“ไม่มีแล้วล่ะ แต่คืนนี้ฉันขอนอนกับเธอนะ”
“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ”
“น่า...นะ ไหนๆก็จะแต่งงานกันแล้วนี่”
“ยังไม่ได้ตอบนี่ว่าจะแต่ง”
“ก็ตอบซะสิ” เขาเลื่อนมือมาโอบเอวเธอ “นะ...แต่งงานกับฉันนะ”
“ยังไม่ตอบได้มั้ย...”
“นะ...แต่งเถอะ ฉันอุตส่าห์ให้ไข่มุกแสงจันทร์ไปแล้วนะ”
“งั้นฉันจะคืนให้”
“ของที่ให้ไปแล้ว ฉันไม่รับคืน”
“นี่สรุปคือยังไงฉันก็ต้องแต่งงานกับนายใช่มั้ย”
“ใช่ มันเป็นความต้องการของฉันกับเธอ”
“ฉันไม่เคยต้องการมัน”
“เธอน่ะอาจจะไม่ต้องการ แต่หัวใจเธอน่ะมันต้องการ”
“ย...อย่ามายัดเยียดกันง่ายแบบนี้นะ”
“ไม่ได้ยัดเยียด แค่พูดความจริง”
“...”
“ฉันรอวันที่จะได้อยู่กับเธอแบบนี้มาสิบสี่ปี อย่าให้ฉันต้องรออีกเลยนะ” เขาขยับแว่นและถอดมันออกวางไว้กับเตียง
“ลูเคียน...ฉัน...”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ”
ว่าจบ ร่างสูงก็โน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากกับร่างบางทันที ลอเรนเบิกตากว้างอย่างเล็กน้อย ก่อนจะค่อยปรือตาลงช้าๆและปล่อยให้สติหลุดลอยไป
...ไม่ชอบแบบนี้เลย...
...เพราะว่าทุกครั้งที่นายทำแบบนี้ฉันก็มักจะหวั่นไหวทุกที...
“เอ่อ...คุณเรย์คะ”
“ว่าไงครับ”
“ไม่ทราบว่าคุณจะว่ามั้ย ถ้าเกิดฉันจะพาไปเยี่ยมคุณลอเรนน่ะค่ะ”
“แล้วนี่คุณลอเรนเขาอยู่ที่ห้องมั้ยน่ะครับ”
“เมื่อกี้ตอนเดินผ่านห้องได้ยินเสียงพูดลอดออกมา คิดว่ายังอยู่นะคะ”
“งั้นเชิญนำไปเลยครับ”
“ค่ะ”
และเมื่อมาถึงที่จุดหมาย ซีบิล่าก็เปิดประตู ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไป และพบว่า...
“พี่ลอเรน...” << ซีบิล่า
“เจ้าชาย...” << เรย์
เสียงเรียกนั้นทำให้คนที่อยู่ในห้องสะดุ้งโหยงและรีบผละออกจากกันทันที ก่อนที่ผู้มาเยือนจะยิงคำถามใส่
“เมื่อกี้...ทำอะไรกันอยู่หรอคะ”
“คุยกันเรื่องรองเท้าแก้วนี่น่ะ ไมมีอะไรหรอก” ลูเคียนตอบ
“แต่แค่คุยกัน ทำไมต้องมีโอบเอวแล้วก็จูบด้วยล่ะครับ เจ้าชาย...”
“เผลอไปนิดเดียวเองน่า”
“เห็นเต็มสองตาเลยนะครับ...”
“พอได้แล้วน่ะทั้งคู่ ไงล่ะไอ้ลูเคียน บอกแล้วว่าอย่าเล่น เป็นเรื่องมั้ยเนี่ย”
“ก็ใครใช้ให้เธอจูบตอบฉันเล่า แบบนี้ก็เพลินน่ะสิ”
“พูดออกมาได้ไม่อายปากนะ พูดมากเข้าเถอะ สักวันฉันจะเอามีดยัดปากแก”
“ถ้าเอามีดยัดปาก ฉันจะจูบเธอยังไงล่ะ”
“เอ่อ...พวกคุณครับ ลืมรึเปล่าว่าพวกผมอยู่ด้วย”
“โทษที...ไม่ได้ตั้งใจ” ลอเรนบอกปัดๆ
“เรย์ เดี๋ยวกลับไปแล้ว บอกท่านพ่อด้วยนะว่าหาตัวเจอแล้ว ลงไปเตรียมเกวียนได้ อีกหน่อยฉันจะตามไป”
“รับทราบครับ”
เรย์ออกไปแล้ว ซีบิล่าจึงขอตามไปด้วย ในตอนนี้จึงเหลือเพียงเธอและเขาอยู่สองคน
“เตรียมเก็บของเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ช่วงสายๆจะมารับ โอเคมั้ย”
“อืม...รู้แล้ว”
“ฉันไปนะลอรี่”
“ไปแล้วไปเลยนะ ไม่ต้องกลับมา”
“ถ้าไม่กลับมา พรุ่งนี้ใครจะมารับ”
“เรย์ไง”
“แล้วถ้าไม่กลับมา เธอจะแต่งงานกับใคร”
“เออ ฉันยอมแพ้ ไปได้แล้วไป”
“ครับๆ ราตรีสวัสดิ์นะลอรี่”
“เช่นกัน”
ลูเคียนกลับออกไปแล้ว ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงเธอคนเดียวที่อยู่ในห้อง เมื่ออยู่ว่างๆ เธอจึงลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู พบว่ามันก็เรียบร้อยดี เลยไม่ทำอะไร เสร็จแล้วจึงเข้านอนเลยเพราะอาบน้ำกินข้าวตั้งแต่บ่ายแก่ๆแล้ว
แสงจันทร์สาดส่องท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบในช่วงค่ำ ท้องฟ้ามืดไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังมีแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์หลงเหลืออยู่ นกเริ่มโผบินกลับเข้ารัง คงเหลือแต่แสงจากดวงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง ส่องเข้ามายังห้องของเธอ
*********************************
ปั่นเสร็จภายในวันเดียวเป็นตอนที่สอง
รู้สึกว่าตอนนี้ก็จะกลายเป็นแนวรักๆใคร่ๆอย่างสมบูรณ์แบบแล้วสินะ
ฮู่ว~ อีกไม่น่าถึงสิบตอนก็จะจบแล้ว
ความคิดเห็น