ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FIC EXO ] Syyllinen [KAIDO]

    ลำดับตอนที่ #3 : 02 Wipe the memory 50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20
      0
      20 พ.ค. 58

    CR.SQW

    CHAPTER 2


    Wipe  the  memory

     








                   ‘’น้องจุนพอแค่นั้นแหละครับลูก เดี๋ยวที่เหลือแม่จัดการเอง’’

     

     

                    ‘’เอางั้นหรอครับแม่ ..ผมอยู่ช่วยแม่จนเสร็จเลยก็ได้นะ’’

     

     

                   ‘’ดึกแล้วขึ้นไปนอนเถอะเราน่ะ  พรุ่งนี้มีแข่งอีกไม่ใช่หรือไง ไปดูพี่ให้แม่ด้วยนะลูก ถ้าพี่เค้ายังไม่นอนก็บอกให้พี่เขานอนได้แล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว’’

     

     

                  ‘’ครับผม แม่มีอะไรให้ช่วยเรียกผมได้ตลอดนะ’’

     

     

                   จุนฮงช่วยแม่ล้างจานและทำความสะอาดหลังจากที่จงอินกลับไปจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อไปดูว่าคยองซูหลับไปแล้วหรือยัง

     

     

                    จุนฮง ค่อยๆย่องแบบเสียงเบาที่สุดไปที่ห้องของคยองซู มือเรียวค่อยๆแง้มประตูออกแล้วเดินเข้าไปในห้องของคนตัวเล็กอย่าเงียบๆ เด็กหนุ่มเห็นว่าข้างในห้องมืดสนิทไปแล้วแล้วหลือเพียงแสงสว่างจากโคมไฟข้างเตียงที่ยังถูกเปิดทิ้งไว้อยู่ ขายาวจึงก้าวด้วยความระวัดระวัง ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงของคยองซู

     

     

                  สิ่งที่เด็กหนุ่มเห็นข้างหน้าตอนนี้คือร่างของพี่ชายที่กำลังนอนผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนว่าอีกคนจะหลับสนิทไปแล้วด้วย จุนฮงยิ้มแล้วกำลังจะหันหลังกลับเพื่อจะเดินไปที่ห้องของตัวเอง แต่ว่าพอเด็กหนุ่มหันกลับไปมองคยองซูอีกครั้ง เด็กหนุ่มกลับเห็นร่างของคนตัวเล็กที่กำลังสั่นเทิ้ม สองมือเล็กสอดประสานโอบกอดลำตัวอย่างแนบแน่นเพื่อคลายความหนาว

     

     

                   หางตาสวยมีน้ำใสๆไหลออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย สภาพพี่ชายของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับคนที่กำลังผจญอยู่กับฝันร้าย จุนฮงยืนมองสีหน้าพี่ชายตอนนี้ด้วยหัวใจที่รู้สึกปวดร้าวไม่ต่างกัน

     

     

                  ตัวจุนฮงเองก็รู้ และเอาใจช่วยคนตัวเล็กอยู่ตลอด เขารู้ว่าคนตัวเล็กต้องพยายามมากขนาดไหน กับการที่ต้องพยายามจะเป็นคนที่เข้มแข็งมากกว่าเดิม แต่บางครั้งมันกลับดูเหมือนเป็นการทำร้ายตัวเอง

     

     

                   จุนฮงอยากให้คยองซูเข้มแข็งมากกว่าเดิมก็จริง แต่ไม่ใช่การที่คนตัวเล็กปิดกั้นตัวเองและขังตัวเองอยู่กับความทุกข์ทรมานแบบนี้ เด็กหนุ่มอยากให้พี่ชายใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยากให้คนตัวเล็กปล่อยวางกับอะไรที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้แล้ว

     

     

                    และอยากให้คยองซูไม่ย่อท้อต่อปัญหาและยิ้มสู้กับมัน ถึงอาจจะมีบางครั้งที่คนตัวเล็กรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง เขาและแม่ก็จะคอยมองดูอยู่ข้างหลังของคนตัวเล็ก พร้อมที่จะให้กำลังใจและมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้อีกคนเสมอ

     

     

                    เด็กหนุ่มค่อยๆนั่งลงบนเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆคยองซูแล้วหันไปพูดกับอีกคน

     

     

                    ‘’ฮยองครับ ไม่เป็นไรแล้วนะ จุนฮงอยู่นี่แล้ว’’

     


                   ‘’เวลามีเรื่องไม่สบายใจอะไรน่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียวนะครับรู้มั้ย บอกน้องชายคนนี้บ้างก็ได้’’

     

     

                   เด็กหนุ่มพูดจบก่อนจะขยับไปใกล้ๆแล้วใช้สองแขนโอบกอดร่างเล็กแน่น

     

     

                  ‘’จุนฮงรักฮยองมากนะครับรู้ป่าว ผมรู้ว่าฮยองก็รักผมมากๆเลยเหมือนกันใช่ไหมล่า ฝันดีนะครับขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีของฮยองนะครับ’’

     

     

                   เด็กหนุ่มค่อยๆผละออกจากอ้อมกอด ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วค่อยๆโน้มลงไปกดจูบลงบนหน้าผากใสของคนตัวเล็ก ก่อนที่ขายาวจะค่อยๆก้าวเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะปอดประตู

     

     

                    ‘’เป็นไงบ้างลูกพี่เขาหลับไปแล้วใช่มั้ย คงไม่ได้โดนว่ามาใช่ไหมครับ เราน่ะ’’

     

     

                     จุนฮงส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ให้ฮเยซอน ก่อนทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน

     

     





                   ทันทีสี่แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาผ่านกระจกหน้าต่างแล้วตกสะท้อนลงบนใบหน้าสวย 



                   คยองซูค่อยๆกระพริบตาหลัวรู้สึกตัว เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างที่ส่องเข้ามากระทบกับใบหน้า มือเล็กควานหานาฬิกาเพื่อจะดูว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว เมื่อเห็นว่าสายมากแล้วคยองซูจึงขยี้ตาสองสามทีก่อนจะหาวหวอดแล้วลุกขึ้นเต็มความสูง

     

     

                  คนตัวเล็กเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบชุดนักเรียนออกมาวางไว้บนเตียง ก่อนจะสังเกตุเห็นโพสอิทสีเหลืองที่ถูกแปะอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ขาเรียวจึงค่อยค่อยเดินเข้าไปอ่าน

     

     



    'ฮยองงงงวันนี้วันแข่งจุนฮงแข่งแล้วจริงๆนะครับบฮยองต้องมาดูให้ได้เลยนะ   ขอร้องล่ะครับ   

    แล้วตื่นสายจังเลยนะครับวันนี้เนี่ยย อาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว ผมเห็นว่าดูหลับสบายเลยไม่อยากปลุกน่ะ

    ถึงจะรีบขนาดไหนก็อย่าลืมทานข้าวเช้าด้วยนะครับ เข้าใจป่าว -3- ♥♥♥♥♥

     

     

                   คยองซูดึงโพสอิทบนกระจกมาอ่านก่อนจะยิ้มออกมาเพราะความน่ารักแบบเด็กๆของน้องชาย แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว

     

     

                   คนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วเดินไปเปิดประตูห้องแล้วค่อยๆเดินลงไปข้างล่าง

     


                   ดูเหมือนว่าแผลที่เท้าจะของคยองซูจะโอเคขึ้นมากแล้ว คนตัวเล็กลองเดินดูซักพักก็รู้สึกปวดน้อยลงจากเมื่อวานมากแล้ว อีกวันนึงก็คงหาย คนตัวเล็กเดินลงมาจากบันไดอย่างทุลักทุเลเพราะไม่อยากประมาท เขากลัวว่าแผลที่เท้าจะกลับมาเจ็บอีกเลยต้องระวังเป็นพิเศษ

     



                  ‘’อ้าวดีโอลงมาแล้วเหรอลูก สายแล้วนะ แบคฮยอนเค้ามารออยู่หน้าบ้านตั้งนานแล้วแน่ะ แม่บอกให้เข้ามารอข้างในก็ไม่เข้ามา’’



                   เมื่อเห็นว่าแม่ยืนรออยู่ คนตัวเล็กจึงโค้งทำความเคารพ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหาร ที่บนโต๊ะมีกล่องแซนด์วิชทูน่าวางอยู่

                

     

                   ‘’อ๋อแซนด์วิชบนโต๊ะอย่าลืมเอาไปด้วยนะลูกแม่ทำเผื่อตอนเที่ยงให้ด้วยเยอะแยะเลยถ้าดีโอกินไม่หมดก็แบ่งเพื่อนนะจ๊ะ ‘’ฮเยซอนมันมาพูดกับลูกชายแล้วยิ้มให้

     

     

                   ‘’งั้นผมไปเรียนแล้วนะครับ’’

     

     

                   คนตัวเล็กก้มหน้าลงหยิบกล่องแซนด์วิชเข้ากระเป๋าแล้วรูดซิปปิด ก่อนยกขึ้นสะพายบนบ่า แล้วเดินไปสวมรองเท้าก่อนเปิดประตูบ้าน

     

     

                   ‘’ทำอะไรของนายน่ะ’’

     

     

                   ทันทีที่คยองซูเปิดประตูออกไปก็เห็นร่างของแบคฮยอนกำลังเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านด้วยท่าทีรีบร้อนและสีหน้าของอีกคนตอนนี้ดูไม่ค่อยโอเคเลย

     

     

                   ถ้ามันสายขนาดนี้แล้วยังจะมารอเขาทำไมกัน เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่...

     

     

                   ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ตั้งตัว เมื่อแบคฮยอนเห็นคยองซู เด็กหนุ่มก็หันมากุมข้อมือคนตัวเล็กไว้แน่นก่อนจะลากคยองซูแล้ววิ่งนำออกไป



                   คยองซูพยายามสะบัดแขนออกแต่ยังไงก็ไม่หลุดสักทีคนตัวเล็กจึงต้องออกแรงวิ่งตามอีกคนโดยเลือกไม่ได้

     

     

                   ‘’นี่นายเป็นบ้าอะไรของนายหรอแบคฮยอน จะมารอฉันทำไม ฉันไม่ได้ขอสักหน่อย’’

     

     

                   คนตัวเล็กรู้สึกอารมณ์เสียที่จู่จู่ก็โดนลากมาแบบนี้ คยองซูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแบคฮยอนต้องมาทำแบบนี้มันก็ตั้งนานแล้วที่ไม่ใช่หรอที่ไม่ได้เดินไปโรงเรียนด้วยกันน่ะ

     

     

                   ‘’ทีหลังถ้ามันสายขนาดนี้แล้ว นายก็ไปก่อน สิ เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้หรือไง’’

     

     

                    ‘’ทำงั้นได้ไงล่ะ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา’’

     

     

                   แบคฮยอนตอบโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามอง แบคฮยอนรู้ดีว่าคยองซูไม่ได้เกลียดเขาหรอก อีกคนแค่พยายามสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อปิดกั้นตัวเองจากความเจ็บปวดเท่านั้นแหละ

     

     

                   เมื่อคยองซูได้ยินคำตอบของแบคฮยอนคนตัวเล็กก็หมดคำจะพูด จึงปล่อยเลยตามเลยให้อีกคนลากเขาไปที่ป้ายรถเมล์แล้วขึ้นรถตามอีกคนไปอย่างโดยดี

     

     

                   ‘’เฮ่ออ เกือบไม่ทันรถรอบสุดท้ายแล้วเชียว’’

     

     

                   ‘’ถ้าขึ้นรถไม่ทันรอบนี้เราแย่แน่เลย อาจารย์ฝ่ายปกครองยิ่งเพ่งเล็งฉันอยู่ช่วงนี้’’

     

     

                   ทันทีที่นั่งลงอีกคนก็พูดๆๆๆและบ่นไม่หยุด โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มือของแบคฮยอนน่ะยังไม่ได้ปล่อยจากข้อมือของคนตัวเล็กเลย คยองซูเพ่งสายตามองอีกคนก่อนจะมองไปที่มือ จนแบคฮยอนก็รู้สึกตัว มือเรียวจึงรีบปล่อยออกจากข้อมือของคยองซู

     

     

                    ทันทีที่อีกคนปล่อยมือ รอยแดงก็ปรากฏบนข้อมือของคนตัวเล็ก

     

     

                   "ด...ดีโอ ขอโทษ..ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันกลัวว่าเราจะไปโรงเรียนไม่ทั.."

     

     

                   "ช่างมันเถอะ...ว่าแต่ ตั้งแต่วิ่งมาจนนั่งนายก็พูดไม่หยุดเลยนะ หยุดพูดบ้างไม่ได้รึไง มันน่ารำคาญรู้รึเปล่า พูดมากๆไม่หิวข้าวหรอ"

     

     

                   คนตัวเล็กว่าพร้อมสะบัดมือออกเพระรำคาญ ก่อนจะนั่งกอดอกหันมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงท้องร้องมาจากคนข้างๆ

     

     

                   ‘’อูยย..โทษทีนะ พอดีเมื่อเช้ารีบออกจากบ้านไปหน่อย ลืมเลย’’

     

     

                   คนตัวเล็กรู้สึกรำคาญแบคฮยอนจึงก้มลงไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะรูดซิปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องแซนด์วิชโยนไปที่บนหน้าตักแบคฮยอน

     

     

                   ‘’กินเข้าไปซะ...แล้วก็เลิกพูดได้แล้ว รำคาญ’’

     

     

                  ใบหน้าของแบคฮยอนปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันทีหลังจากที่คนตัวเล็กโยนกล่องแซนด์วิชมาให้แล้วก็เบือนหน้าหนีหันเข้ากระจก วันนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้มั้งที่เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดคนเดียวอีกแล้วคยองซูพูดกับเขาเกินสามประโยคด้วยซ้ำ

     


                   ถ้าเเบคฮยอนตัดสินใจตื๊อแบบนี้ตั้งแต่แรกป่านนี้ก็คงดีกว่านี้แน่ๆเลย

     

     

                   รถเมล์เคลื่อนตัวมาจนถึงหน้าโรงเรียนก่อนจะจอดเทียบฟุตบาท คยองซูหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะค่อยๆก้าวเดินลงจากรถโดยมีแบคยอนเดินตามมาติดๆ

     

     

                   ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดมาสักพัก อยู่ดีๆคยองซูก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าขึ้นมา สงสัยจะเป็นเพราะวิ่งเมื่อกี้สินะ คนตัวเล็กพยายามเดินอย่างทุลักทุเลไปที่หน้าห้องเรียน แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว อาจารย์ที่สอนคาบแรกเดินนำเข้าไปก่อนแล้ว

     

     

                   ตามคาดคยองซูและแบคฮยอนถูกลงโทษให้ยืนรอหน้าห้องเป็นเวลา 1 ชั่วโมงจนกว่าจะหมดคาบ คนตัวเล็กน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่แบคฮยอนนี่สิ มองมาทางเขาแล้วทำท่าจะร้องไห้อยู่แล้วน่ะ

     

     

                   ‘’ฮึก..ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันลืมไปเลยว่าที่ขาของนายได้รับบาดเจ็บ ฮือออ’’

     

     

                  ‘’ช่างมันเถอะน่า’’ ถึงคนตัวเล็กจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่แบคฮยอนก็ยังคงใช้ฝ่ามือเรียวฟาดไปที่มืออีกข้างของตัวเองไม่ยอมหยุด

     

     

                  "ข้างนอกนั่นน่ะ!!! เสียงเบาๆหน่อย ไม่เข้าเรียนแล้วยังจะรบกวนการสอนฉันอีก"

    แบคฮยอนสะดุ้งทันทีหลังจากได้ยินเสียงของอาจารย์ที่ตวาดเขาออกมาจากครั้งในห้องเรียน

     

     

                  "นายเป็นเด็กประถมหรือไงแบคฮยอน เรื่องแค่นี้จะร้องไห้ไปทำไม นายไม่ได้ฆ่าฉันตายซักหน่อย"

     

     

                   คยองซูหันไปมองทางเด็กหนุ่มแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย คนตัวเล็กจึงหันมองไปรอบรอบเพื่อหาที่พักสายตา แต่ไม่นานนักหูของคยองซูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหอบเหนื่อยที่กำลังเข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  พอหันไปมองอีกทางคนตัวเล็กก็พบกับร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งมาตรงหน้า พอเพ่งมองดูแล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คิมจงอินนั่นเอง

     

     

                   ‘’โอ้ะ’’

     

     

                  ‘’ไงแบคฮยอน แย่จัง วันนี้ผมมาสายจนได้ ฮ่าๆๆ’’

     

     

                   ‘’ฮึก...มาเลยมายืนด้วยกันเดี๋ยวหมดคาบแรกก็ได้เข้าไปแล้วแหละจงอิน’’

     

     

                   ‘’อ๋อ..แล้วนี่เป็นอะไรล่ะร้องไห้ทำไม..ใครทำอะไรหรอ’’

     

                   ‘’ก็.......’’ แบคฮยอนหันหน้ามาทางคยองซูความรู้สึกผิด เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะตอบจงอินยังไงดี

     

     

                   ‘’ฮ่าๆๆ ช่างงเถอะ ผมไม่อยากรู้แล้วล่ะ ว่าแต่นี่พวกนายทานข้าวกันมายัง’’ แบคฮยอนพยักหน้าให้จงอิน ผิดกับคยองซูที่เอาแต่ยืนนิ่งโดยที่ไม่สนใจคำถามของคนตัวสูงเลย

                   ‘’ทานข้าวเช้าหรือยัง..’’

     

     

                   ‘’เรื่องของฉัน’’ คนตัวเล็กตอบเสียงเรียบ โดยที่ไม่แม้แต่จะชายต่มองจงอินเลย

     

     

                   ‘’ยังโกรธเราอยู่หรอ’’

     

     

                   ‘’เหอะ..เปล่านี่ ฉันจะไปโกรธนายเรื่องอะไรล่ะ’’ คนตัวเล็กยิ้มขำก่อนจะหันมาตอบจงอิน

     

     

                   แบคฮยอนมองสลับซ้ายขวาเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี สถานการณ์ตอนนี้มันชักจะชวนงงเกินไปแล้ว ทั้งสามคนยืนนิ่งอยู่ไม่นานนักเสียงออดหมดคาบเรียนก็ดังขึ้นเพื่อบอกเวลาว่าตอนนี้หมดคาบแรกไปเรียบร้อยแล้ว

     

     

                   คยองซูเดินนำทั้งสองคนออกมาอย่างทุลักทุเล แล้วค่อยๆเดินไปยังที่นั่งตัวเองก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วหย่อนตัวนั่งลงไป ไม่นานนักแบคฮยอนกับจงอินก็เดินตามเข้ามา

     

     

                   โรงเรียนของคยองซูเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงพอสมควร ระดับของคะแนนเฉลี่ยนักเรียนอยู่ในระดับที่ถือว่าสูงมากๆเมื่อเปรียบเทียบระหว่างในประเทศ

    แต่ละห้องถูกจัดแต่งอย่างสวยงามและมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน จำนวนนักเรียนต่อห้อง ไม่น่าจะเกิน 30 คน

     


                   ห้องของเขายิ่งมีแต่พวกลูกคุณหนูไฮโซโลกสวย มีการแบ่งชนชั้นเรื่องการคบเพื่อนอยู่เป็นเรื่องปกติ

     

                   แต่ก็นั่นแหละถ้าไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นก็ไม่ถูกใครเขาจ้องเล่นงานหรอก

     




     





                   ‘’Good morning guys how are you today’’

     

     

                   คุณครูสาวสวยร่างอวบอั๋นแต่งตัวล่อตาล่อใจ เดินจิกส้นรองเท้าของเธอเข้ามาในห้องเรียนก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะแล้วกล่าวทักทายบรรดานักเรียนในห้อง

     

     

                   วันนี้ครูฮโยซองสวยกว่าทุกวันเลยคร้าบบ วิ่ดวิ้วววววว

     

                 ‘ครูคร้าบบคำว่ารักเธอจนหมดใจภาษาอังกฤษเค้าพูดว่ายังไงหรอครับ

     

                 ‘ครูครับวันนี้ชุดครูถูกใจผมสุดๆอ่ะ

     

     

                 บรรดาเพื่อนผู้ชายในห้องต่างแย่งกันตอบเสียงดังเอะอะโวยวาย คนตัวเล็กมองภาพตรงหน้าพร้อมกับสบถในใจ ยังกะมาแย่งซากสัตว์ข้างถนนยังไงยังงั้น

     

     

                คยองซูนั่งฟังการสอนอันน่าเบื่อหน่ายและไม่มีประสิทธิภาพของหล่อนได้ไม่นาน คนตัวเล็กก็ตัดสินใจเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะแล้วมองไปที่นอกหน้าต่าง

     

     

                  ฝนตกหนักเลยนี่...จุนฮงจะทำอะไรอยู่นะ..คงไม่ได้เปียกฝนอยู่หรอกใช่ไหม...แล้วตอนนี้แม่จะทำอะไรอยู่นะ.. คยองซูนั่งคิดอะไรเพื่อนเพื่อนก่อนมือเล็กจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดเข้าไปดูอัลบั้มภาพ

     

     

                   คยองซูเมื่อก่อนน่ะ ทั้งอ่อนแอ เรียนก็แค่กลางๆ ทำอะไรก็ไม่ค่อยได้เรื่อง และมักจะโดนคนอื่นแกล้งอยู่ประจำ พอมีปัญหาก็เรียกหาแต่แบคฮยอน ..คนตัวเล็กรู้สึกสมเพชตัวเองในอดีตเหลือเกิน

     

     

                   แต่ว่าตอนนี้เขาน่ะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ตอนนี้คยองซูกลายเป็นเด็กที่เรียนดี ปกป้องตัวเองได้ และไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใครถ้าไม่จำเป็น ทั้งหมดนี้จะขอบคุณใครไม่ได้หรอก.....นอกจากปาร์คชานยอลนั่นแหละ

     

     

     

     

    .................

    1ปีก่อน

     

     

     

                   ‘’คยองซูอ่าา ทำไมวันนี้ลงมาช้านักล่ะ ? เราคิดถึงใครยองซูแทบบ้านแล้วนะ นี่เรามารอตั้งชั่วโมงกว่าแล้วเนี่ย มานี่เลยมาให้จัดการซะดีๆ’’ ทันทีที่ชานลอลเห็นคยองซูเดินลงมา คนตัวสูงก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที

     

     

                   ‘’..ชานยอลอ่าอย่าทำแบบนี้สิ..วันหลังถ้าจะมาไว...ก็โทรมาบอกเราก่อนก็ได้นี่ เราจะได้รีบลงมาหาไง’’ คยองซูยิ้มตอบอีกคน

     

     

                   ‘’ทำไงได้ล่ะ เราไม่อยากคลาดกับเขายองซูเลยซักวินาทีเดียวนี่นาา ต่อให้นานกว่านี้เราก็จะรอ’’ คนตัวสูงโผเข้ากอดคนตัวเล็กแน่นก่อนจะขยี้กลุ่มผมคยองซูด้วยความหมั่นเขี้ยว ส่วนคยองซูก็เงยหน้าขึ้นไปยิ้มบางๆให้อีกคน

     

     


                   แต่นั่นเป็นเพียงฉากทีถูกตัดออกมาแล้วน่ะสิ..

     

     

     

     

    ก่อนหน้านั้น30นาที

     



     

                   คยองซูและแบคฮยอนเดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมกันก่อนที่แบคฮยอนจะแยกตัวไปก่อนเพราะว่ามีธุระด่วน แต่คยองซูมีธุระที่ห้องแนะแนวเพราะต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย ใช้เวลาไม่นานมากนักคยองซูก็พูดคุยกับอาจ์ยเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

     

     

                   ทันทีที่ขาเล็กก้าวออกมาจากห้องแนะแนว เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นไม่หยุด พอมือเล็กหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายเข้าจากแบคฮยอน

     

     

                   สิ่งเพื่อนของเขาเล่ามาไม่ได้มีอะไรมากหรอก

     

     

                   แบคฮยอนแค่โทรมาบอกคยองซูว่า แบ็คฮยอนเห็นชานยอลมาจอดรถเทียบฟุตบาทที่หลังโรงเรียน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เป็นปกติเหมือนทุกวันที่ชานยอลมารับคยองซู อีกคนก็มักจะจอดรอที่หลังโรงเรียน เพราะว่าใกล้กับตึกเรียนของคนตัวเล็ก

     

                    แต่ประเด็นมันอยู่ที่แบคฮยอนเห็นชานยอลออกมาจากรถแล้วเดินไปขึ้นรถอีกคันที่มีผู้หญิงนั่งอยู่ฝั่งคนขับ แบคฮยอนเห็นทั้งสองคนกำลังนัวเนียอยู่บนรถไม่อายสายตาคนอื่นที่เดินไปมา

     

     

                   ตอนแรกคยองซูก็ไม่ปักใจเชื่อเรื่องที่แบคฮยอนพูดหรอก คนตัวเล็กด่าอีกคนไปเสียด้วยซ้ำ

     

     

    เพราะความร้อนใจ คยองซูจึงรีบเดินมาหลังโรงเรียน ใช้เวลาไม่นานนักคยองซูก็เห็นรถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่รู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างดีจอดเทียบกับฟุตบาทอยู่..แต่มันแปลกตรงที่ชานยอลกลับนั่งอยู่บนรถเก๋งสีบรอนซ์ที่จอดอยู่ข้างหลังนี่สิ

     

     

                    ชานยอลเปิดประตูรถออกมาก่อน...เค้าคงจะลงมารับผมแล้วสินะ ... อาจจะแค่คนรู้จักกันก็ได้ แบคฮยอนอาจจะมองผิดไป คนตัวเล็กค่อยค่อยคลี่ยิ้มออกมา ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไป

     

     

                  เพราะในขณะที่ชานยอลกำลังจะออกมาจากรถ อยู่ดีๆ ร่างของชานยอลก็ถูกดึงกลับเข้าไปในรถ เขาสองคนนัวเนียกันอยู่ในรถไม่นานนัก หญิงสาวคนนั้นก็ขับรถออกไป

     

     

                   คยองซูมองภาพตรงหน้า ก่อนจะสั่นไปทั้งตัวเพราะคนตัวเล็กไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว การที่ต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้มันเกินไปจริงๆสำหรับคนตัวเล็ก คยองซูรู้สึกชาไปทั้งหน้าและเจ็บที่หัวใจแปลบๆ คนตัวเล็กค่อยๆตั้งสติแล้วกลับเข้าไปที่ตึก ก่อนจะเดินเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ ก่อนจะเดินมาจากตึกเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

     

                   ‘’คยองซูอ่าา ทำไมวันนี้ลงมาช้านักล่ะ ? เราคิดถึงใครยองซูแทบบ้านแล้วนะ นี่เรามารอตั้งชั่วโมงกว่าแล้วเนี่ย มานี่เลยมาให้จัดการซะดีๆ’’

     

     

                   หึ...ตอแหลสิ้นดี ถ้าคยองซูในตอนนั้นเข้มแข็งกว่านี้ คนตัวเล็กคงได้ต่อยหน้าอีคนซักหมัดสองหมัดไปแล้วล่ะ...

     

     

     

     

                   ‘’โดคยองซูเลขที่ 6 ไหนลองแปลบทความหน้า 138 ให้เพื่อนเพื่อนฟังซิ’’

     

     

                   คยองซูถูกดึงกลับมาสู่ปัจจุบันเพราะเสียงของคุณครูคนสวยที่กำลังทำหน้าดุจ้องมาทางเขาก่อนจะสั่งให้คนตัวเล็กแปลบทความในหนังสือ

     

     

                   คยองซูลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะแปลตามที่เธอสั่ง

     

     

                   ''เธออายุสี่สิบ เธอรู้สึกเหนื่อย เธอรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา เธอไปหาหมอ หมอถาม 'เกิดอะไรขึ้น คุณมีปัญหาอะไร' เธอบอกหมอว่า ฉันเหนื่อย ฉันรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา

     

                   ‘’หมอทดสอบเธอ หมอถามเธอมากมาย หมอต้องการตัวอย่างเลือด เขาเจาะเลือดจากแขนเธอ หมอต้องการทดสอบกรดยูริค เขาจึงสั่งให้เธอเก็บปัสสวะในถ้วย’’

     

                   ‘’ สัปดาห์ต่อมา หมอนัดพบเธอ เขาบอกว่า 'ตัวอย่างเลือดและปัสสวะของคุณปกติ ไม่มีอะไรผิดปรกติกับคุณ คุณเหนื่อยเพราะคุณไม่ออกกำลังกาย คุณต้องออกกำลังกาย เดินทุกๆวัน ขี่จักรยานทุกๆวัน เดินขึ้นบันไดทุกๆวัน ถ้าคุณออกกำลังกาย คุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย’’

     

     

                   ‘’ เธอไม่เชื่อหมอของเธอ เธอไม่ออกกำลังกาย ถ้าเธอออกกำลังกาย เธอคิดว่า ฉันก็ก็คงเหนื่อยกว่าเดิม จากบทความเรื่อง Tired All the Time ครับ''

     

     

                   ‘’โอเคดีมาก เชิญนั่งจ๊ะ’’

     

     

                   ทันทีที่คยองซูนั่งลงแบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ปรบมือให้คนตัวเล็กเสียงดัง

     

     

                  ‘’นายนี่ เก่งภาษาอังกฤษจริงๆเลยนะ อิจฉาจัง’’

     

     

                   คยองซูไม่ได้ตอบอะไรแบคยอน ก่อนจะยกมือขออนุญาตครูไปเข้าห้องน้ำ

     

     

                   คนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องเรียนสักพักก มือเล็กหยิบโทรศัพท์และหูฟังขึ้นมาเสียบก่อนจะสอดหูฟังเข้าหูแล้วกดเปิดเพลง 



                   แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ร่างของอีกคนก็ปรากฏขึ้น



    50%



    talk

    เอาไปก่อน 50%แล้วกันเนอะ เอาใจช่วยแบคฮยอนด้วยนะทุกคนTT

    เม้นด้วยบ้างก็ดีน้าาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×