ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิญญาณรอรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue-Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 47


    แปลจากบทประพันธ์ของ Kelly Rowe - “The Ghost”  





    บทนำ  ปี ค.ศ. 1901 (พ.ศ. ๒๔๔๔)

    มันเป็นคืนเดือนมืดที่แสนเหน็บหนาว  ลมพัดแผ่วและหยาดน้ำฝนที่ตกกระทบหน้าต่างสร้างเสียงครวญครางเบาๆ  แต่ในทางกลับกันไฟในเตาผิงยังคุกรุ่นสร้างแสงสว่างและความอบอุ่นไปทั่วห้องนอน  หญิงคนหนึ่งนอนอ่อนแรงบนเตียงหลังใหญ่  เธออุ้มทารกน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างทะนุถนอมดวงตาเธอเอ่อล้นด้วยน้ำตาเมื่อเธอมองใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของลูกสาวของเธอ  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอและลูกได้อยู่ตามลำพัง  เธอต้องขอร้องหมอและพยาบาลให้เธอได้อยู่กับลูกตามลำพัง  เธอจูบหน้าผากลูกของเธออย่างรักใคร่ “อลิซาเบธ แอน” เธอพึมพำเบาๆ “แม่รักลูกนะ แม่ตัวน้อย  ถ้าเพียงแค่พ่อของลูก..” เธอหยุดพูดเมื่อน้ำตาเธอเริ่มไหลรินอาบแก้มอีกครั้ง  เธออายุแค่ 23 แต่ต้องกลายเป็นม่ายและต้องแบกรับภาระจัดการโรงแรมของสามีและยังต้องเลี้ยงลูกน้อยเพียงลำพัง  เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือเธอต้องทำได้

    เธอมองที่รูปภาพสามีผู้จากไปของเธอซึ่งแขวนอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามกับเตียงที่เธอนอน “ฉันจะดูแลเธอเอง..แฮงค์” เธอสัญญา “ฉันจะเลี้ยงเธอให้เป็นคนที่เข้มแข็ง ซื่อสัตย์และเป็นหญิงที่มีความเชื่อมั่น” เธอมองหน้าเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเธออีกครั้ง “แม่ไม่มีพลังวิเศษอะไรนะ..ลูกรัก” เธอกระซิบ “แต่หากแม่มีอำนาจ  แม่จะอธิษฐานเพื่อลูก  แม่ขอให้ลูกพบรักแท้  รักที่บริสุทธิ์อย่างที่แม่เคยมีให้กับแฮงค์พ่อของลูก  แม่รับรองว่าลูกจะไม่จากโลกนี้ไปไหนจนกว่าลูกจะหาเขาพบ” ทันทีที่เธอกล่าวจบเปลวไฟในเตาผิงลุกโชติช่วงแสงสว่างสะท้อนกับภาพของแฮงค์อย่างน่ากลัว  จอยซ์สะอื้นและนั้นทำให้ลูกน้อยของเธอขยับตัวเธอจึงหันมาสนใจลูกสาวเธออีกครั้ง…แต่เธอจะไม่ลืมช่วงเวลาที่ราวกับว่าคำอธิษฐานของเธอได้รับการยอมรับแล้ว…

    ********************

    ปี ค.ศ. 1926 (พ.ศ. ๒๔๖๙)

        อากาศภายในสวนช่างเยือกเย็นและมืดสนิทไม่มีแม้แสงจันทร์สาดส่องผ่านเมฆหม่นที่ปกคลุมท้องฟ้า  ความสว่างเดียวมาจากปาร์ตี้ด้านในโรงแรม  เสียงเพลงแผ่วและเสียงหัวเราะยังคงได้ยินออกมาจากงาน  อลิซาเบธ แอน ซัมเมอร์  เดินด้วยความสั่นเทาในความมืดเธอไม่มีเวลาแม้แต่จะคว้าเสื้อโค้ทเพราะเธอรีบออกมาจากงานทันทีที่เธอมีโอกาส  เธออยากอยู่คนเดียวฝูงชนที่คราคร่ำในงานทำให้เธออึดอัด  อย่างไรก็ตามเธอรู้ดีว่าอีกสักพักไรลีย์คู่หมั้นของเธอต้องออกมาตามแน่แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเธอเต็มใจเดินในความมืดมากกว่าอยู่ในงาน  เธอเดินไปตามทางเดินแคบๆอย่างช้าๆ  เธอเกิดที่โรงแรมนี้ใช้ชีวิตทุกวันที่นี่และมีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจว่าเธอรักโรงแรมนี้มากเพียงไร…โดยเฉพาะไรลีย์  ลึกๆแล้วเธอรู้ว่าเธอสามารถหาคู่ใจได้ดีกว่านายธนาคารผู้จืดชืด..ไรลีย์ ฟินน์  แต่เธอชอบเขาและเธอคิดว่าเขาคงจะเป็นสามีและพ่อที่ดีได้  เธอเหนื่อยที่จะรอคอยรักแท้ที่แม่ของเธอคอยพร่ำบอก  ตอนนี้เธออายุ 25 แล้วมันคงจะไม่มีทางให้เธอได้เลือกมากนัก  เธอต้องการสร้างครอบครัวของเธอเองและเธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถรอรักแท้ได้อีกต่อไป

        เธอเดินไปเรื่อยๆห่างจากโรงแรมไปทีละนิดจนเธอไม่ได้ยินเสียงปาร์ตี้วันเกิดของเธอ  เธอเดินเตร่บนสนามหญ้าของเธอที่ได้มรดกจากพ่อที่เธอไม่เคยรู้จักและแม่ที่รักของเธอ  เธอสังเกตเห็นแสงจากกระท่อมคนสวนที่ถูกทิ้งร้างและมีชาย 3 คน ยืนอยู่หน้ากระท่อมนั้น  แสงโคมไฟส่องที่ใบหน้าชายคนหนึ่งที่เธอรู้จัก เขาคือ แซนเดอร์ แฮร์ริส นายตำรวจและเพื่อนสนิทของเธอ  เธอเดินเข้าไปเพื่อทักทาย “แซนเดอร์  นายมาทำอะไร…” แสงสว่างวาบพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างดังออกมาจากตำแหน่งของ 1 ในชายที่ยืนอยู่ในเงามืดใกล้ๆแซนเดอร์  เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระทบหน้าอกของเธออย่างจังแรงกระแทกทำให้เธอล้มลงนอนกับพื้นอันเย็นเชียบ  เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นและตามมาด้วยการยิงนัดที่ 2 และเสียงของการต่อสู้  เธอลืมความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกและความอลหม่านรอบกายเธอ  สิ่งที่เธอรู้สึกตอนนี้คือความมืดที่ค่อยๆโอบล้อมรอบกายเธอ  เธอพยายามขยับตัวแต่เธอทำไม่ได้  แม้เธอจะพยายามอีกครั้งแต่เธออ่อนล้าไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะต่อสู้กับความมืดที่กำลังจะครอบงำเธอตลอดกาล

    ********************

    ตอนที่ ๑ ปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. ๒๕๔๔)

        แองเจิล โอคอนเนล เจ้าของคนใหม่และผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในการฟื้นฟูโรงแรมซัมเมอร์  เขาไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้  เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขันในเมื่อเขายังไม่เห็นเลยสักตัวตั้งแต่เขาย้ายเข้ามาเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงก่อน  เขากำลังสำรวจของเก่าๆในห้องใต้หลังคาแต่เมื่อเขาเงยหน้าละสายตาจากสิ่งของเหล่านั้น…เขาก็เห็นเธอยืนอยู่มุมห้องจ้องมองเขาอยู่  แองเจิลอึ้ง…เขาแน่ใจว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นตอนที่เขาเข้ามาแต่ตอนนี้กลับปรากฎหญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดขาวยืนอยู่  เธอมีผมสีทองยาวเป็นลอนรับกับใบหน้า  ดวงตาเธอมีสีน้ำตาลอ่อน  ผิวเนื้อผุดผ่องไร้ตำหนิและเธอดูบริสุทธิ์สดใสไปทุกอย่าง  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ…เธอเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา  เขาไม่อยากเชื่อว่าเขามองเห็นเธอ  เขาขยี้ตา…บางทีเธออาจเป็นแสงสะท้อนของอะไรบางอย่างหรือภาพลวงตาที่เกิดจากความหิวของเขาก็เป็นได้  แต่เมื่อเขาลืมตาอีกครั้งเธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องเขาอยู่  หรือเธออาจเป็นขโมยซึ่งติดอยู่ในโรงแรมโดยที่เขาไม่ทันเห็น  เมื่อคิดได้ดังนั้นและกำลังจะถามหาคำอธิบายจากเธอ…แต่เขาไม่ทันได้พูดอะไรเมื่อเขาสังเกตว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านเธอไปได้  ความคิดของเขาวกกลับมาที่ภาพลวงตาแต่แล้วเสียงจากบันไดก็มาหันเหความสนใจของเขา  “ลุงรูเพิร์ต” เขาเรียกและเดินไปที่ขั้นบันไดโดยไม่ใส่ใจสิ่งที่เขาเห็นอีก “ลุงรูเพิร์ต  ผมว่าเราเข้าไปหาอะไรกินในเมืองกันเถอะ”

        อลิซาเบธแทบจะกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ‘ฉันคิดว่าเขาเห็นฉันล่ะ’ เธอคิดอยู่คนเดียว ‘มันแปลกดีแฮะ’ เธอรำพึงเมื่อสายตาเธอหยุดนิ่งอยู่ที่ขั้นบันไดอันว่างเปล่า ‘ฉันรู้สึกแปลกๆเมื่อเขามองฉัน…อย่างกับว่าฉันอาจสื่อสารกับเขาได้ถ้าฉันพยายาม’ เธอรู้ดีว่ามีบางอย่างคอยกันเธอออกจากคนที่ยังมีชีวิต  มันยากที่จะมีคนมองเห็นเธอและทุกครั้งมันจะใช้เวลาเพียงไม่นานและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่คราวนี้เธอรู้ว่ามันแตกต่างกัน  

    ‘บางทีฉันควรพยายามหาทางพูดกับเขา’ เธอคิด ‘บางทีเขาอาจเป็นคนที่จะมาช่วยฉัน…ถ้าหากฉันพูดคุยกับเขาได้’ เธอมองที่บันไดอีกครั้งและเริ่มวางแผนการพบชายแปลกหน้าในครั้งต่อไป

    ********************

    20 นาทีต่อมา  แองเจิลเดินลงจากรถและมองไปรอบๆเมือง…ซันนี่เดล-บ้านใหม่ของเขา  เขาและลุงเดินเข้ามาในร้านเอสเพรสโซ่ พัมพ์  สถานที่เดียวนอกเหนือจากร้าน Happy Berger ที่พวกเขาคิดว่าอาหารคงถูกปาก  พวกเขาเข้ามานั่งและรอสาวเสิร์ฟมาจดรายการอาหาร

    “ฉันหิวจนตาลายแล้ว” รูเพิร์ต ไจลส์ ลุงของเขาบ่น “เตือนฉันด้วยว่าเราต้องไปซื้อของไม่งั้นเราคงหิวตายแน่คืนนี้”

    “แน่นอนครับ” แองเจิลรับปาก  ลุงเขาดูประหลาดที่เดียวเมื่ออยู่ในชุดสูทกับแว่นตาแต่ภายใต้เปลือกนอกนั้นเขาเป็นคนฉลาดเฉียบแหลมและสนใจในเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นที่สุด

    ไจลส์หันเหความสนใจของหลานชายเมื่อเขาพูดขึ้นมาว่า “พวกเขาตกแต่งร้านรับวาเลนไทน์กันแล้วดูสิ”

    “แล้วไง” แองเจิลตอบ

    ไจลส์ถอนใจบางครั้งหลานชายเขาก็ช่างยั่วโมโหเสียจริง “ก็…นายควรใช้เวลาอยู่กับคนพิเศษบ้างนะสิ” ไจลส์บอก

    แองเจิลยิ้ม “ผมก็ทำอยู่…กับลุงไง”

    “ฉันพูดถึงความสัมพันธ์หนุ่มๆสาวๆ  แค่เพราะการแต่งงานของแกล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าแกต้องยอมแพ้นี่  แกต้องพยายามใหม่  อายุแกก็เพิ่งจะ 28 เอง”

    “ลุงอย่าเริ่มดีกว่า”

    ไจลส์ถอนใจอีก “ช่วยไม่ได้  ฉันชอบวาเลนไทน์…เจนนี่เธอพิถีพิถันมากไม่เคยปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ” ไจลส์พูดรำลึกความหลังกับภรรยาผู้จากไปของเขา

    “เหมือนกับดาร์ล่า” แองเจิลกล่าว “มันมักจะหมดเปลืองไปกับคำทำนายเล็กๆน้อยๆไม่ใช่เพราะผมเสียดายเวลาที่ผมควรจะได้อยู่กับเธอนะแต่เป็นเพราะผมไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่…เพียงแค่นั้นก็ทำให้เธอเคืองผมไปเป็นเดือนๆเลย”

    “เธอคงโกรธมากเลยสิเนี่ย” ไจลส์พูดเศร้าๆ

    แองเจิลรู้สึกโล่งใจที่สาวเสิร์ฟเดินมาที่โต๊ะเพราะเขาจะได้ไม่ต้องพูดถึงสาวอารมณ์ร้ายที่เขาเคยแต่งงานด้วย

    ********************

    ตอนที่ ๒

    พวกเขาเกือบจะทานอาหารเสร็จแล้วเมื่อชายหนุ่มแต่งกายด้วยสูทแย่ๆเดินเข้ามาทักทาย “พวกคุณคงเป็นเจ้าของใหม่ของโรงแรม”

    “ใช่…ผม รูเพิร์ต ไจลส์ แล้วนี่หลานชายผม  แองเจิล โอคอนเนล เขาเป็นเจ้าของส่วนฉันแค่มาช่วย” ไจลส์ตอบชายแปลกหน้า

    ชายคนนั้นยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จัก ผมดอยล์  เจ้าของสำนักพิมพ์และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ซันนี่เดล เดลี่  ยินดีต้อนรับครับ”

    “ขอบคุณครับ” แองเจิลกล่าว “แล้วรับผมเป็นสมาชิกหนังสือคุณด้วยนะ”

    ดอยล์ยิ้มอย่างร่าเริง “แน่นอน…ผมน่ะทำแต่งานใหญ่ๆทั้งนั้น  แค่เมื่อเช้าผมก็ได้รับเชิญไปในงานแถลงข่าวงานวันวาเลนไทน์ของนักเรียนประถม  ในงานมีการท่องกลอนเปล่าและท่อง…เอ่อ..ประกวดร้องเพลงรัก  ทำไมคุณไม่ไปด้วยกันล่ะ”

    แองเจิลรีบตอบออกไปทันที “ไม่เลวนี่  ขอผมเช็คตารางงานก่อนนะ”

    ดอยล์หัวเราะ “นายมีลูกที่จะเข้าร่วมการแข่งขันรึเปล่าล่ะ”

    “ไม่มี..ไม่ได้แต่งงาน” แองเจิลตอบ

    “เหมือนกัน” ดอยล์ยอมรับ “มันถึงเวลาที่จะเตือนสติฉันหรือยังว่าทำไมฉันยังไม่มีใครสักที” แองเจิลยิ้มขณะที่ดอยล์ยังไม่หยุดพูด “เฮ้! นายจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอสัมภาษณ์นายบ้าง…ยังไงนายก็มาอยู่ที่เมืองนี่แล้ว”

    “ทำไมล่ะ  ฉันไม่มีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นหรอก”

    “แน่ใจนะ…แต่จากคำบอกเล่าของนายหน้าขายที่ดิน..” ดอยล์ยิ้มก่อนจะถามคำถามที่อยู่ในใจเขามาตลอดเวลาที่เริ่มสนทนากับแองเจิล “นายรู้สึกยังไงเกี่ยวกับวิญญาณ”

    แองเจิลหน้าซีด “ผ..ผีเหรอ”

    “นายรู้ใช่มั้ยเรื่องที่เขาเล่าต่อๆกันมาเกี่ยวกับโรงแรมของนาย” ดอยล์กลืนน้ำลายก่อนพูดต่อ “โรงแรมนายมีผีสิง”

    “ฉันว่ามันก็แค่เรื่องเล่าหลอกเด็ก” แองเจิลยอมรับ “ฉันไม่ค่อยสนใจหรอก”

    ลุงของเขาจ้องหน้าเขาอย่างตกใจ “แกรู้ว่าที่นี่มีผีแล้วแกไม่บอกฉันสักคำเหรอ”

    ดอยล์รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที “ขอโทษที” เขาพูดต่อ “ผมคิดว่าคุณรู้แล้วผมมั่นใจว่ามันเป็นแค่เรื่อง…”

    “คงตื่นเต้นน่าดูถ้าได้เห็นผี” ไจลส์พูดขัดจังหวะขึ้นมา “แถมมันยังดีกับธุรกิจด้วย”

    แองเจิลรู้สึกอายกับคำพูดของลุง “ผมอยากให้คนมาพักที่โรงแรมเพราะบรรยากาศมากกว่า  ผมไม่ต้องการให้มีม๊อบ ‘เรารักผี’ มาตั้งแคมป์อยู่หน้าโรงแรมหรอกนะ”

    “เรารักผี…ฉันชอบคำพูดนี้แฮะ” ดอยล์ล้อ

    “ฉันไม่..” แองเจิลบ่นพึมพำ “ฉันไม่เชื่อเรื่องผี” เขาขนลุกอีกครั้งเมื่อเขานึกถึงหญิงสาวที่เขาเห็นที่โรงแรมก่อนมาที่นี่  เขายังคงเตือนตัวเองว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา  เขาตาลายเพราะความหิวเท่านั้น

    “นี่! ฉันต้องไปแล้วล่ะ” ดอยล์ขอตัว “แล้วฉันจะโทรหานายเรื่องนัดสัมภาษณ์”

    “ได้เลย”

    หลังจากที่ดอยล์เดินออกไปชายอีกคนก็เดินเข้ามาหาพวกเขา “สวัสดีครับ” เขาทัก “ผมนายกเทศมนตรี ริชาร์ด วิลกินส์ ยินดีต้อนรับสู่ซันนี่เดลครับ”

    แองเจิลจับมือทักทายกับท่านนายกฯ “เช่นกันครับ ผม แองเจิล โอคอนเนล และนี่ ลุงผม รูเพิร์ต ไจลส์”

    “หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไรที่ผมบังเอิญได้ยินคุณคุยกับคุณดอยล์” นายกฯพูดเหมือนเขาไม่พอใจอะไรบางอย่าง “ผมหวังว่าคุณคงไม่คิดจริงจังกับเรื่องผีบ้าบอพวกนั้นนะ”

    “ไม่ครับ..ผมไม่เชื่อเรื่องนั้นอยู่แล้วและผมไม่ตั้งใจจะใช้ตำนานพวกนั้นมาดึงดูดลูกค้าด้วย” แองเจิลยืนยัน

    “ดีแล้ว…ยินดีที่ได้พบคุณ” ท่านนายกฯรีบเดินจากไปทันทีที่พูดจบ  แองเจิลมองตามหลังไปก่อนจะหันมาถามลุงของเขาว่า “ทำไมผมถึงย้ายมาที่นี่เนี่ย”

    “ดาร์ล่า” ไจลส์ตอบสั้นๆง่ายๆ

    “ใช่สิ” แองเจิลพึมพำเบาๆ “เธอทำให้ผมแทบคลั่งแล้วผมก็ดันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยคนประหลาด”

    ********************

    เมื่อแองเจิลกลับมาที่โรงแรม  เขาก็เริ่มเดินตรวจความเรียบร้อยในสนาม  เขาเดินเข้าไปใกล้กับกระท่อมเก่าๆและเหมือนมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขาหยุด  มันไม่ใช่ความเย็นธรรมดาแต่เขารู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก  ด้วยสันชาตญาณเขาก้าวถอยหลังทันทีและความเย็นก็จางหายไป  เขาก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งแล้วเขาก็รับรู้ถึงความหนาวเย็นในบริเวณเดียวกันกับที่เขายืนอยู่ในครั้งแรก  ความเย็นนั้นทำให้เขาขนลุก  เขาขืนตัวเองให้หันหลังกลับแต่ทว่าหญิงสาวเมื่อกลางวันมาปรากฏกายอยู่ด้านหลังของเขา…ใกล้มาก..ใกล้เสียจนเกือบชนเธอเข้า “ผม” เขามองหน้าเธออย่างงงๆไม่รู้จะพูดอะไร “ไม่เชื่อเรื่องผี” และนั้นคือคำพูดที่เขาตอบเธองั้นเหรอ  เขายังงงตัวเองอยู่

    เธอยิ้ม  ปากเธอขยับแต่ไม่มีเสียงออกมา  หรืออย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ยิน

    “ผมไม่ได้บ้านะ” เขาถามตัวเองออกมาดังๆ

    เธอส่ายหน้าอย่างมั่นใจ

    แต่เขาไม่เชื่ออย่างนั้น “นี่มันบ้าชัดๆ” เขาพูดสายตาเขาไม่ละจากใบหน้าของเธอเลย “มันเป็นเรื่องตลกใช่มั้ย  เรื่องล้อเล่นต้อนรับเข้าเมืองใช่มั้ย  คุณเป็นใครกันแน่”

    ความเห็นใจปรากฏบนใบหน้าของเธอและที่สำคัญกว่านั้นมันมีความโกรธเคืองซ่อนอยู่  แองเจิลไม่อยากเชื่อเลยว่าภาพลวงตารู้สึกเสียใจกับเขา “นี่…ผมจะทำให้ง่ายขึ้น” เขาตกลงกับเธอ “ผมจะหันหลังไปและเมื่อผมหันกลับมาถ้าคุณเป็นผีจริงคุณต้องหายไป…ตกลงมั้ย”

    ปากเธอขยับและคราวนี้เขาคิดว่าเขาได้ยินเธอพูดว่า “เดี๋ยวก่อน” เขาหันหลังและเริ่มนับ 1-50 พอเขาหันกลับมาหญิงสาวคนนั้นก็หายไปแล้ว  เขาถอนใจอย่างโล่งอกและบ่นพึมพำกับตัวเอง “ยินดีต้อนรับสู่ซันนี่เดล เมืองแห่งวิญญาณและเค้กผลไม้เลิศรส” เขาเดินกลับเข้าข้างในและพยายามลืมสาวผมทองที่เขาพบเสีย

    ********************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×