First Love บันทึกรักฉบับแรก - นิยาย First Love บันทึกรักฉบับแรก : Dek-D.com - Writer
×

    First Love บันทึกรักฉบับแรก

    เมื่อ น้ำไหล เด็กสาวเฟรชชี่ปีหนึ่งได้มาบังเอิญเจอกับหนุ่มวิศวะรุ่นพี่ปี 3 เรื่องราวต่างๆจึงเกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    120

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    120

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ค. 54 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ
    พรหมลิขิตหรือเรื่องบังเอิญ   
                                     ( คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือยัง )       
    โครม!!!! 
    ตุบ..ตับ กุ๊ง..กิ้ง ก่อง..ก่อง
    อุ๊ย...ว๊าย..ว๊าย   
                    สิ้นเสียงฉันก็หล่นลงไปกองอยู่กับพื้น เสียงแรกเป็นเสียงชนเข้าอย่างจังงังของฉันเองแหละกับใครคนนึง??               อีกเสียงที่ตามมาก็คือข้าวของสัมภาระ    หนังสือ    หนังหา    ช่างสามัคคีกันแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง  
    ขอโทษครับ เดี๋ยวผมช่วยเก็บ          
    อ่ะ แน่นอนอยู่แล้ว นายต้องเก็บ ไม่ว่าตอนนี้นายจะเป็นใคร จะเป็นลูกนายก                จะเป็นลูกสส. หรือว่าจะเป็น...โอ้โฮ้... ฉันเงยหน้าจากกองสมบัติบ้าตรงหน้าขึ้นมามองหน้าคนพูดเป็นครั้งแรกฉันขยับแว่นตาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่ F4 เกาหลีเขามาถ่ายทำกันที่เมืองไทยเหรอ??    ลีมินโฮถึงได้มาช่วยเก็บของให้ฉันงก ๆ อยู่นี่
    (     )(-   -)(*   *)(     )
                    โอไม่นะ   ทุกความคิดที่ฉันคิดเมื่อตอนแรกฉันขอยุติว่าถ้าเป็นลีมินโฮฉันยกเว้นฉันเก็บเอง                           เพราะฉันชอบ ฉันรีบก้มลงเก็บ ๆ   สัมภาระทุกอย่างใส่กระเป๋าผ้าใบเบ้อเริ่ม           มือเริ่มสั่นเทา(ฉันเป็นคนแพ้คนหน้าตาดีในระยะกระชั้นชิด)
                    เค้าจะเห็นมั๊ยนะ..?
    ฉันแน่ใจว่าของทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้ยินพี่เค้าพูดอะไรก็ไม่รู้สองสามคำไล่ตามหลังฉันมา แต่ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจกลับไป(สนใจน่ะ แต่ฟอร์มนิดนึง)คงจะพูดว่าคราวหลังเดินระวังหน่อยแล้วกันทำนองนั้น ตามแบบฉบับของคนที่เค้าชนกันนั่นแหละ
                                                                    .
    ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์
    วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน ใครจะคิดว่าจู่ ๆ สาวสวยอย่างฉันจะได้มาเดินเฉิดฉายจรัสแสงอยู่ในคณะนี้       คณะที่เค้าว่ากันว่าโคตรจบยาก ที่สำคัญชายเยอะ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือวันนี้ฉันได้มายืนอยู่ที่แห่งนี้แล้ว ฉันเดินมาหยุดอยู่ตรงลานหน้าตึกคณะ               เหลียวมองไปตรงม้าหินอ่อนแต่ละโต๊ะเต็มไปด้วยนักศึกษาแน่นเอี๊ยด ไม่เหลือแม้แต่สักเก้าอี้ให้คนสวยได้นั่งเลยอิ ๆ งั้นยืนรอยัยนุชตรงนี้ล่ะ
                    .....ข้าง ๆ ตู้โทรศัพท์....
                    นุชเป็นเพื่อนรักของฉันเอง     เธอมีชื่ออันเต็มยศว่า นงนุชรักกันมานี่ก็ปีที่เจ็ดแล้วสิ        แต่เค้าบอกว่าเจ็ดปีมีอาถรรพ์นี่นาต้องเลิกคบกันงั้นเดี๋ยวค่อยขอเลิกคบกับนงนุชก่อนดีกว่า ( เค้าใช้กับคู่รักย่ะหล่อน ) 
                    อ่ะ แฮม   ส่วนฉันชื่อ นางสาวน้ำไหล   อมรพฤกษา เป็นหญิงสาวที่มีสี่ตา ฮ่า ๆ ๆวิเศษใช่มั๊ยล่ะ ความจริงแล้วฉันเป็นคนที่สายตายาวไม่ถึงเรตินาน่ะ คุณหมอกับครอบครัวก็เลยอ้อนวอนให้ใส่แว่น:P         บางคนบอกว่าฉันชื่อแปลก ฉันว่ามันก็แปลกจริง ๆ น่ะแหละ           ทำไมฉันถึงไม่ชื่อ น้ำหวาน น้ำผึ้ง น้ำฝน น้ำใสน้ำตา น้ำทิพย์ น้ำเชื่อม น้ำดื่ม น้ำเน่า แฮะ ๆ        พอก่อนดีกว่าเริ่มที่จะมีกลิ่นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แต่พ่อของฉันบอกกับฉันในวันแรกเมื่อสมัยยังเด็ก ๆ ว่า
                    มันมีที่มานะลูก
    ฮะแน่ มีที่มาด้วยยังกะชีวประวัติคนสำคัญแน่ะเรา พ่อเริ่มเล่าให้ฉันฟังว่า ตอนที่แม่ท้องฉันแม่ชอบกินมังคุดมาก ๆ กิน ๆ ๆ กินได้กินดีทั่วแทบทั้งบ้านเรียกได้ว่าเห็นแต่มังคุด   และแล้ววันที่ชาวโลกทั้งหลายร่วมกันแสดงความยินดีก็มาถึงเมื่อแม่เจ็บท้องจะคลอดอัจฉริยะตัวน้อยที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กึกก้องระบือโลก วันนั้นพ่อก็มีมังคุดติดมือกลับบ้านมา ด้วยความดีใจที่แม่จะคลอด   ตุบ ก่อง ก่อง
    โอ้พระเจ้าช่วยทอดกล้วยพ่อทิ้งถุงมังคุดกลิ้งก่อง              ก่องที่หน้าบ้าน       อย่างน่าใจหาย ( เสียดายจัง)พ่อรีบถอยรถเร่งเครื่องสู่โรงพยาบาลในตัวเมือง         พ่อเล่าว่าระหว่างทางที่จะไปถึงโรงพยาบาล     รถติดไฟแดงนานมาก พ่อเหลือบไปเห็นรถกระบะคันข้าง โอ้          ไม่เชื่อ ก็เชื่อเถอะ รถคันที่ว่าบรรทุกมังคุดเต็มคันรถ พ่อเล่าอย่างตื่นเต้น#160;พ่อยิ้มพลางแววตาบ่งบอกถึงความตื้นตันใจ( ตรงไหน )
    อุ๊แว้ วู๊ ๆ เย้ ฮะเลวังก้า ( เสียงร้องของฉันเอง อิ ๆ)
    สุดท้ายพ่อบอกว่าพ่อก็เลยตกลงปลงใจที่จะคลอดชื่อให้กับฉันว่า   น้ำไหล
    ??... แล้วเกี่ยวไรกับที่พ่อเล่ามาทั้งหมดอ่ะพ่อ ฉันล่ะงง
    พ่อเสริมในตอนท้ายว่า
    ก็พ่อตื้นตันใจน่ะที่ได้เห็นหน้าลูกสาวของพ่อ    น้ำตาก็เลยไหลออกมาแบบไม่ต้องสั่งก็เลยกลายเป็นชื่อน้ำไหลจนทุกวันนี้ไงลูก
    ไงล่ะ พ่อฉันคิดได้ไงเนี่ยยยยย แต่ฉันก็นึกขอบใจพ่อนะที่นึกชื่อน้ำไหลออกก่อนชื่อมังคุดไม่อย่างนั้นฉันคงกลายเป็นนางสาวมังคุดแบบไม่ต้องสงสัย
    โอไม่นะ   แต่ฉันก็พอจะนึกอะไรออกว่าฉันได้ความติ้งต๊องและจินตนาการอันล้ำเลิศมาจากใคร
    คราวนี้ก็ทราบชีวประวัติกันแล้ว งั้นวนมาที่ เวลา ณ ปัจจุบันกันดีก่าจ้า
    เวลา 8.15 น.
    ยัยนงนุชเพื่อนฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาเมื่อคืนบอกว่าต้องไปช่วยงานบวชญาติที่ต่างจังหวัด ยัยนี่เจ้าแม่งานราษฏร์งานหลวงตัวจริงเลยล่ะ ตามรอยแม่ของเธฮ นี่แหละน้าที่เค้าว่าดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ นงนุชบอกว่าเช้านี้ให้ฉันรอที่คณะแปดโมงจะมาถึง            ฉันจะมาให้ทันนะเพื่อนคำพูดทิ้งท้ายของมันเมื่อคืน
    แล้วไหนล่ะ นี่มันแซงแปดโมงไปแล้วจะแปดโมงครึ่งแล้วนะเธอ เมื่อไหร่จะโผล่หัวมาเนี่ยเพื่อนฉัน
    โทรหาดีกว่า ฉันล้วงมือควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าผ้าใบเบอเริ้มเทิ้ม
    ...??...
    เฮ้ยมันไปไหน เป็นไปไม่ด้ายยย ก็เมื่อเช้าตอนเดินลงมาจากหอพักฉันยังคุยโทรศัพท์กับแม่มาตลอดทาง มันจะหายไปตอนไหน
    คิด คิด   แล้วก็คิด ............ปิ๊ง............ต้องใช่แน่    ต้องเป็นตอนที่ชนกับพระเอกเกาหลีคนที่ขาวเผือกคนนั้นแน่ ๆ ฉันจึงตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่เดิม ????                แล้วที่เดิมตอนนี้มันออกทางไหนแล้วนั่นสิคือปัญหานี่ฉันกลายเป็นปลาทองไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ยฉันถึงจำทางที่เข้ามาเมื่อตะกี้ไม่ได้
    (-    )(-   -)(    -)
    แงT_T จะทำยังไงดีเนี่ยหาทางออกก็ไม่ได้ ติดต่อนงนุชก็ไม่ได้จำเบอร์ไม่ได้อีกต่างหากเวรกรรมแท้หนอ
    คิดซิคิดคิดเมื่อกี้ฉันเดินมาทางนี้แล้วก็เดินจงกลมหาที่นั่งอยู่รอบสองรอบก่อนที่มาหยุดอยู่ข้าง ๆ ตู้โทรศัพท์ตรงนี้
    โอ๊ยนึกไม่ออก ปวดหัว  อาคารนี่จะทำไปทำไมเฮอะ ตั้งสี่ห้าแยกไม่เห็นใจคนความจำสั้นอย่างฉันบ้างเลย ดูสิอย่างกะเขาวงกต ใครนะเป็นคนเขียนแปลน (เยี่ยมจริง ๆ) สามารถทำให้ฉันหลงได้
    อ่ะ นั่นฉันคงยังดวงดีอยู่บ้างมีพี่คนนึงกำลังเดินมา กะด้วยหางตา                 เอ้ย สายตาน่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะเค้าไม่ผูกเนคไท เหมือนกับที่พวกเฟรชชี่แต่งกายเรียบร้อยมากผูกเนคไทอย่างกะจะผูกคอตายหัวเข็มขัดนี่ก็สะท้อนซะจนแสบตา
    !!!!!!
    ถามเขาดีกว่า ก่อนที่เค้าจะผ่านฉันไป
    พี่ ๆ เดี๋ยวค่ะ
    ครับน้องสงสัยอะไรรึเปล่าครับ
    คือว่า หนูกำลังหาทางออกน่ะค่ะ เอ่อ....คือหนูหมายถึงทางเข้าคณะน่ะค่ะตกลงจะทางเข้าหรือทางออกวะงงกะตัวเองจริง ๆ ภาวนาขอให้พี่เขาเข้าใจล่ะกัน
    อ๋อ ทางนี้เลยครับที่มีกระถางต้นไม้นะครับ เข้าก็ได้ออกก็ได้ครับ  โอเคนะครับ
    โชคยังดีที่พี่เขาฟังรู้เรื่อง เก่งจริง ๆ สมแล้วที่เรียนวิศวะ เยี่ยม!!
    ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่
    ไม่เป็นไรครับ      
    พี่เขามองฉันยิ้ม ๆ คงคิดในใจล่ะซิว่าถ้าฉันไม่บ้าก็คงเอ๋อ เพราะทางเข้าที่ว่าห่างกับที่ฉันยืนแค่สองสามก้าวเท่านั้นเอง!!!! อายเขามั๊ยล่ะน้ำไหล ( /0\)
    ฉันรีบเดินไปตรงจุดเมื่อกี้แต่ไม่พบแม้แต่เงาของโทรศัพท์ ก็แน่ล่ะใครจะเดินข้ามไปข้ามมาล่ะโทรศัพท์นะคนเค้าคงไม่คิดว่าเป็นขยะหรอกต้องมีใครสักคนเก็บไปหลังจากที่ชนกับพี่เผือกเกาหลีแน่ ๆ เลย       เฮ้อแล้วจะติดต่อนงนุชยังงัยดีล่ะที่นี้
    เฮ้ ไอ้น้ำทางนี้
    เฮ้ย นงนุช
    ฉันกับนงนุชกอดกันราวกับไม่เจอกันมาแปดร้อยชาติ
    ฉันโทรหาแกแทบแย่ เดี๋ยวนี้เล่นปิดเครื่องใส่กันเลยเหรอ
    เอ้ย บ้าแล้วฉันปล่าวปิดนะ                 โทรศัพท์ฉันหาย
    หา โทรศัพท์หาย หายที่ไหน
    ฉันไม่รู้หรอก         แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะหล่นไปพร้อม ๆ กับตอนที่ฉันชนกับพี่คนนึงที่ตรงนี้แหละ
    แล้วแกจำจำหน้าเค้าได้มั๊ยล่ะ
    ยิ่งกว่าจำได้เสียอีก
    ฉันพึมพำอยู่ในลำคอ
    หา แกว่าไงนะ น้ำ
    แหมกำลังฝันหวานอยู่เชียวขัดจังหวะจริงยัยนุชนี่
    อ๋อ ก็จำได้ดีไง ก็เพราะเค้าชนชั้นอย่างแรงน่ะสิเพื่อน
    เปล่าเลย                 เพราะเค้าหล่อมากตะหาก (O-O)
    ฉันนึกถึงผิวขาวเผือกของเขา จมูกเป็นสันเหมือนทำศัลยกรรม ปากแดงอย่างกะทาลิปสติกยิ่งนัยย์ตาที่เวลามองยิ่งชวนให้หัวใจแทบจะละลาย ลีมินโฮชัดๆ โอ๊ยไม่อยากจะเซดอ่ะ แบบว่าน้ำลายมันจะสอ คิ ๆ
    งั้นเอางี้ ลองโทรเข้าเบอร์แก
    อืม เอาดิ
    นงนุชกดโทรออกไปแล้วโดยที่มีฉันยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ อย่างใจจดใจจ่อ                ติดที่เถ๊อะ เครื่องนี้ซื้อมา พันปลาย ๆ เลยนะ กว่าจะเก็บตังก์ซื้อมาได้ เลือดตาฉันแทบกระเด็น       ถ้าเกิดหายขึ้นมาจริง ๆ เห็นทีกินข้าวไม่ได้ไปหลายเดือน คราวก่อนกระเป๋าสตางค์ใบโปรดหล่นหายไปกับตังก์ สามร้อย ทำเอาผอมจนหัวโตเหมือนถั่วงอกเชียว
    ติดแล้วน้ำ แต่ยังไม่มีคนรับสาย.รับแล้วน้ำ
    นงนุชส่งโทรศัพท์ให้ฉัน
    ฮึ เสร็จฉันล่ะ ไอ้โจรกระจอก ฉันได้ยินปลายสายพูดเซฮัลโหล แต่ฉันไม่สนใจที่จะทักทายตอบ                ควันเริ่มพุ่งออกทางหู            ฉู่ ๆ ๆ
    นี่ ๆ โทรศัพท์ของฉันอยู่ที่เธอใช่มั๊ย เอามาคืนฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่มีจิตสำนึกรึไงว่า เก็บของได้แล้วเก็บไว้กับตัวน่ะ เค้าเรียกว่าขโมย               
    ฉันหยุดพูด หลังจากที่ไม่ได้รับสัญญาณตอบรับจากอีกฝ่ายเลย
    เงียบทำไมล่ะ ไม่ต้องกลัวหรอกนะเอามาคืนฉันเถอะ................เอาล่ะๆ ถ้าเธอจะไม่พูดอะไรกับฉันสักคำล่ะก็ ฉันจะคอยเธอตรงที่เธอเจอโทรศัพท์ล่ะกันนะ
    ฉันด่าไม่สนุกเลยก็อีกฝ่ายเล่นไม่โต้ตอบอะไรเลยซะงั้น    ฉันกับนงนุชยังคงยืนรอ โจรผู้นั้นอยู่ตรงนี้แล้วถ้ามันไม่มาล่ะ? บ้าไปแล้ว โจรที่ไหนที่ไหนจะเอาของมาคืน   
    ฉันยังคงรอ..รอ..รอ และก็รอ                 โจรเจ้ากรรมอย่างใจจดใจจ่อ พยายามจินตนาการถึงโจรกระจอกผู้นี้หน้าตามันจะเป็นยังไงน้า แต่ที่รู้มันผู้ชายเพราะฉันได้ยินเสียงแว่ว ๆ ตอนที่มันพูดเซฮัลโหล
    เวลาผ่านไป 10 นาที ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเป็นระยะ ๆ ท่ามกลางนักศึกษาที่เดินขึ้นคณะผ่านไปมา เพื่อนเฟรชชี่อย่างฉันยืนออกันอยู่เต็มลานไปหมด( สังเกตุได้จากกระโปรงจีบรอบที่ดูยาวและจีบคมเป็นพิเศษ ) บ้างก็ก็ยืนเกาะกันเป็นกลุ่ม ๆ        บ้างก็สองคน บ้างก็คนเดียว นี่ถ้าฉันไม่มีนงนุชเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ฉันก็คงจะอยู่ในกรณีสุดท้ายแล้วสิเนอะ
    (-   -)(OO)
    ฉันเห็นรุ่นพี่ผู้ชายสองคนกำลังเดินฝ่าฝูงนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่กำลังเมาส์แตกกันอยู่และยิ่งไปกว่านั้นพี่ทั้งสองคนกำลังเดินตรงมาที่ฉันยืนอยู่ห่างกันราว ๆ 4-5 เมตร เค้ามีสีหน้าเหมือนกินรังแตนก่อนมาเรียนอย่างไงก็อย่างงั้น ฉันขยับแว่นเพื่อที่จะดูได้ถนัดลูกตา
    ตายห่า   นั่นพี่เผือกเกาหลีคนเมื่อกี้นี่หว่า
    อุ๊ย เค้ามองมาที่ฉันยืนด้วย ฉันเริ่มที่จะทำตัวไม่ถูก ฉันใช้ช่วงวินาทีนั้นแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้าด้วยการณ์หาที่กำบัง
    เออ นี่แหละฉันผลัก ๆ เพื่อนรักของฉันหันออกไปรับหน้าแทนอย่างน้อย นงนุชก็ยังไม่เคยเจอนงนุชทำหน้างงกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของฉัน                พร้อมกับหันหน้ามาทำมาหน้าย่นเหมือนเจ้าย่นในเจ้าขุนทองเลยฮ่า ๆ
    อะไรแกเหอะไอน้ำ
    จุ๊ ๆ แกหันไปทางนู้นนะ ฉันกำลังสำรวจให้ว่า กระโปรงจีรอบของแกเนี่ยจีบแตกรึเปล่าแต่ฉันว่ามันเริ่มที่จะ สะ ซวย แล้วซิเพื่อนฉันมันบ้าสวย   จึงยอมแต่โดยดี
    ฮะ   แกว่าไงนะไอน้ำ
    เปล่าเพื่อน
    ปากขยับแต่ตาฉันกำลังมองคนที่กำลังย่างเข้ามาเบื้องหน้าที่ฉันยืน                 เขาบุ้ยหน้าเพื่อนอีกคนให้หันมาทางที่เราสองคนยืนอยู่ รึว่าเค้าจะพาเพื่อนมาด่าฉันเรื่องที่ฉันไปชนเขาเข้าเมื่อตอนเช้า   ถ้าขืนเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ฉันก็จะอ้างด้วยว่าเขาเป็นทำโทรศัพท์ฉันหายไปเหมือนกัน ไม่ได้ขี้แพ้ชวนตีนะแต่มันคือเรื่องจริงที่ปั้นขึ้นมาต่างหาก   ไงล่ะฉลาดมั๊ยเรา ฉันหันหลังกลับไปมองเผื่อคนที่เขามองอาจจะเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน แต่เปล่าเลยข้างหลังฉันมีแต่เพียงความว่างเปล่า
    เออ ฉันก็ฉันสิไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลย ก็แค่เผือกเกาหลีเท่านั้นเข้ามาสิจะต้มกินให้เรียบเลยอยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง
    แต่ฉันไม่ค่อยชอบที่จะเห็นคนหน้าตาดีเดินผ่านในระยะใกล้กว่า 3 เมตรเพราะฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ค่อยออก      เหมือนกับฉันต้องการออกซิเจนเพิ่ม           เพราะฉันอยากจะกรี๊ดดดดด......ให้สลบ แล้วตื่นขึ้นมารับออกซิเจนใหม่อีกครั้ง แล้วก็ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเดินผ่านไป (ไอบ้า !! น้อง ๆ หนู ๆ ห้ามลอกเลียนแบบนะ แต่ลองทำตามดู (อย่าเชียว!!))
    น้อง ๆ
    ฉันเหมือนได้ยินเสียงใครสักคนพูดอยู่ใกล้ ๆ แต่เป็นศัพท์ที่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเพราะฉันกำลังเพลิดเพลินอยู่กับจินตนาการอันแสนจะสร้างสรรค์ (ตรงไหน)
    น้องครับ
    ฉันสะดุ้งสุดตัว ด้วยเสียงอย่างกะลำโพงแตกมีแววของอารมณ์หงุดหงิดน้อย ๆของเจ้าของเสียง พร้อม ๆ กับการเขย่าแขนข้างขวาอย่างรุนแรงของเพื่อนรักฉันเอง
    ละ........แล้ว
    ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
    เอ๊ะ นี่มันพี่จราจรที่ช่วยบอกทางให้เรานี่ ฉันละสายตาหันไปมองคนข้าง ที่ตอนนี้ยืนห่างกันแค่สามสี่ฟุตที่แท้เขาก็เป็นเพื่อนกันเหรอ
    แต่พี่เผือกเกาหลีนี่สิเจอกันอีกแล้วโลกมันกลมจริง ๆแฮะ แล้วเมื่อกี้เค้าเรียกเราทำไมหรือพรหมลิขิตจะดลบันดาลให้เค้ามาทำความรู้จักกับเรา คิ ๆO-O
    ว้าว จะมีแฟนแล้วโว้ยเรา
    ....ตกลงคือพรหมลิขิตใช่มั๊ยที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น....
    นี่
    อะไรพี่เผือกเกาหลีส่งโทรศัพท์ในมือมาให้ฉัน
    ++ !!!++
    แล้วพี่เขาเอาโทรศัพท์มาให้ฉันทำไม   เอ๊ะ เดี๋ยวรึว่าเมื่อกี้ฉันจะขอ แต่ไม่นะฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ                ถึงฉันจะความจำสั้นแต่ก็ไม่ได้สั้นซะขนาดนั้น เอ๊ะ เดี๋ยว ๆ หรือว่าเขามาขอเบอร์ฉัน โอ้ไม่นะฉันเขินอ่ะ
    แต่ แหมแต่รสนิยมเดียวกันนะ>_<เหมือนกะของฉันราวกับเป็นอันเดียวกัน
    แต่เอ๊ะ     ภาพพักหน้าจอนี่มันคุ้น ๆ เนอะ ยิ่งมองก็ยิ่งคุ้น  คุ้น...คุ้น คุ้นอีก เฮ้ยนี่มันโทรศัพท์ฉันนี่นา           มีภาพโดเรมอนเหินอากาศ   โชว์อยู่ที่หน้าจอ            ที่ห้อยโทรศัพท์โนบีตะที่มีขาขาดไปข้างหนึ่งตอนนอนละเมอกัด ด้านหลังติดสติกเกอร์ชิชุกะ       เป๊ะเลย
    ใช่เลย
    ฉันรีบคว้าโทรศัพท์กลับมา   หน้าจอโชว์ภาพโดเรมอนเหินอากาศ   พลิกหน้าพลิกหลังชิชุกะนั่งอยู่ที่เดิมที่ห้อยโทรศัพท์โนบีตะขาขาดก็ยังอยู่   ของฉันร้อยเปอร์เซ็นต์
    แล้วมันมาอยู่ที่พี่ตอนไหน
    หรือว่า.............ไม่อยากจะคิดเลย แต่มันก็น่าคิดอยู่หรือว่า..........   
    ฮือ ฮือ T_T แง ๆ ๆ ๆ ๆ
    แล้วที่ฉันพูดใส่โทรศัพท์ไปพี่เค้าก็รับไปเต็ม ๆ น่ะสิไม่ต้องถามว่าพี่เค้ารู้สึกยังไง ฉันรู้สึกได้จากใบหน้าพี่เผือกในตอนนี้ที่ดูราวกับโกรธใครมาเป็นร้อยแปดชาติ              ก็ฉันไม่รู้นี่นาถ้าฉันรู้ว่าเป็นเขาฉันจะสรรหาคำพูดมาขอบคุณเขาเป็นอย่างดีที่เค้าอุตส่าห์เก็บไว้ให้( เปลี่ยนเรื่องเร็วดีนะ และความลำเอียงก็มีอยู่จริง ๆด้วย )เสียหมดเลยรักแรกของเรา      แล้วฉันควรจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย
    ขอบคุณนะคะที่ช่วยเก็บโทรศัพท์ไว้ให้   ไม่งั้นหนูคงแย่แน่ ๆ
    // \\
    แฮะ ๆ คำพูดนี้น่าจะใช้ได้ดีที่สุดในเวลานี้
    ก็ไม่ได้ตั้งใจเก็บไว้หรอกนะ เห็นเล่นวิ่งอย่างกะไม่คิดถึงชีวิต
    \\ // ขวานผ่าซากมาก
    นี่นาย..               
    นงนุชดึงและบีบแขนฉันไว้    ฉันหันหน้าไปมองนงนุชนงนุชพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าอย่ามีเรื่องกันเถอะทำให้ฉันอ่อนลง            มิฉะนั้นนะหล่อก็หล่อเถอะ     แม่จะอัดให้เละเชียว (ลองสลับกันนะ) ฉันว่าถ้าปากแบบนี้อย่ามีปากเลยยังจะดีซะกว่า เสียดายหน้าตา คนหล่อเป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่าเนี่ย
    ไปกันเถอะน้ำ       ขอบคุณนะคะพี่
    ไม่เป็นไรครับ
    เงียบไปพักก่อนที่พี่จราจรจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายตอบรับคำขอบคุณแทนเพื่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนบทบาทเป็นพระอิฐพระปูนไปเรียบร้อยแล้ว สิ้นคำพูดนงนุชก็ลากแขนฉันออกมาจากสองหนุ่มหล่อนั่น เพราะเพื่อนคงจะรู้ว่าถ้าขืนหากยังยืนอยู่ต่อล่ะก็ทีหวังสงครามย่อย ๆ ระหว่างฉันกับตาเผือกเกาหลีนั่นได้เกิดขึ้นแน่ ๆ
    แกไปขอบใจเขาทำไมฮะนุช เค้าหลอกด่าฉันทางอ้อมนะแก
    ฉันพูดหลังจากที่นงนุชปล่อยมือฉันลง และก็ไกลพอที่จะไม่ให้นายสองคนนั้นเห็น
    ก็ตามมารยาทน่ะ               ช่างมันเถอะเพื่อน ฉันไม่อยากให้แกไปมีเรื่องกะเค้า         ยิ่งเค้าเป็นรุ่นพี่ด้วยนะแก
    เสียใจเพื่อนนุช    ฉันไม่กลัวหรอกตาเผือกเกาหลีนั่นน่ะ
    เออ เก่งย่ะ แกไม่กลัวแต่ฉันกลัว แล้วเกี่ยวอะไรกะเผือกของแก
    ก็ตานั่นไง แกไม่เห็นเหรอขาวซีดอย่างกะเผือกไม่เปรียบเทียบกับศพก็บุญแล้ว
    แล้วที่เกาหลีนี่      หน้าตาเค้าคล้ายเกาหลีใช่ป่ะ เฮ้ยแต่แกก็ชอบไม่ใช่เหรอเพื่อน
    ยกเว้นคนนี้สักคนล่ะกันเพื่อน
    ปล่อย ๆ เถอะน้ำ
    ฉันหวนนึกถึงใบหน้าหล่อ ๆ เมื่อครู่
    ปล่อยเหรอ ปล่อยไม่ได้หรอก ปล่อยก็หลุดดิคนนี้น่ะถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันเลย             จริง ๆ นะเกิดมาจนยี่สิบปลาย ๆ นี่ไม่เคยเจอใครที่ถูกสเป็กขนาดนี้เลย
    มีคนเคยบอกว่า หากพบกันครั้งแรกแล้วรู้สึกถูกชะตากันหรือมีความรู้สึกแปลก ๆมีความรู้สึกเหมือนคุ้นหน้ากัน คนคนนั้นอาจจะเป็นเนื้อคู่ของเราก็ได้  ฉันก็เป็นคนคนนึงที่เชื่อว่าคู่แท้มีอยู่จริง เพียงแค่รอให้พรหมลิขิตเป็นผู้นำพาไป
    หรือว่าฉันจะพบคู่แท้ของฉันแล้ว
    แล้วเรื่องของฉันที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตกันนะ?
     
     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น