คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Mondstadt Arc : บทเพลงแหงสายลม
วันต่อมา เด็กสาวและเพื่อนมาสคอตของเธอได้ออกไปเดินเล่นในเมือง เสียงดนตรีจากพิณทำให้รู้สึกเคลิ้มไปราวกับสายลมที่อ่อนโยน เด็กสาวได้เหลียวไปมองที่อนุสาวรีย์เทพแห่งลมก็พบกับเด็กหนุ่มในชุดสีเขียวกำลังบรรเลงบทเพลงให้กับชาวเมืองฟัง
“ฮ่าห์~เหมือนเสียงจากสวรรค์เลยน้า~” ไพม่อนเคลิ้มไปกับบทเพลงจนลืมสังเกตว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือคนที่พวกเธอเคยเจอเมื่อหลายวันก่อน
“อ๊า! เจ้าหมอนั่นนี่!”
“ไพม่อนเขาหายไปแล้ว!”
“รีบใช้จิตสัมผัสธาตุเร็ว! เขาไม่น่าจะหนีได้เร็วขนาดนั้นหรอก!”
แล้วไพม่อนกับลูมินก็ได้วิ่งตามร่องรอยของเธอลมที่เด็กหนุ่มคนนั้นทิ้งเอาไว้ จนพวกเธอไปเจอกับเขาอีกทีที่หน้าโบสถ์
“เจอกันจนได้นะนักเดินทาง”
“นายเป็นใครกัน?” เด็กสาวถามแล้วเด็กหนุ่มก็ได้ดีดพิณไปพร้อมกับเล่าเรื่องไป
“ผมก็แค่นักกวีเร่ร่อนที่ชอบดื่มสุราไปวันเท่านั้นแหละครับ~ แต่ว่าผมรู้...ผมรู้เรื่องที่เธอจะมาหาผม ทั้งเรื่องของเซซิเลีย แล้วก็เรื่องของคริมสันล็อคเกอร์ด้วย พวกเธอมีชะตาที่ผูกมัดกันอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน”
‘เขาพูดเรื่องอะไรกัน’
“อย่างไรก็ตาม พวกเธอก็น่าจะสังเกตเห็นว่าผมค่อนข้างแตกต่างจากชาวเมือง...ใช่ ผมมีวิชั่น”
‘ไอ้นักร้องข้างถนนนี่กวนตรีนเร๊อะ!’ ไพม่อนเริ่มโมโหแต่ลูมินก็ดึงเอาไว้ก่อนที่จะได้พูดอะไร
“ผมสัมผัสได้ถึงพลังของดวาลิน พวกเธอเก็บสิ่งนั้นมาด้วยหรือเปล่า”
“สิ่งนั้น?” ไพม่อนทำหน้างงแล้วลูมินก็ได้เอาน้ำตาของดวาลินออกมาให้ดู
“อื้มๆ พวกเธอชำระล้างมันได้จริงด้วย”
“นายยังไม่ได้บอกชื่อมาเลยนะ” เด็กสาวถาม
"ผมชื่อว่า เวนติ อย่างที่เห็นผมเป็นหนุ่มน้อยโชตะน่ารักไง อะปะชะว็อคกิ้ง" เวนติวิ้งใส่หนึ่งทีแต่ลูมินก็ปัดตกไป
“เพื่อนของผม...มังกรตัวนั้นต้องการความช่วยเหลือ เขาถูกเวทย์มนต์ของอาบิสเข้าครอบงำ ผมต้องการ ‘พิณศักดิ์สิทธิ์’ ที่อยู่ในโบสถ์เพื่อช่วยเหลือเขา”
“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่า-”
“ไปขโมยมาให้ผมหน่อยจิ”
.
หลังจากที่คุยอยู่นานสุดท้ายลูมินกับไพม่อนก็ได้ยอมทำตามแผนของเวนติเหมือนเดิม แล้วเหล่าทหารก็เริ่มรู้สึกตัวว่า พิณศักดิ์สิทธิ์ ถูกขโมยไปแล้ว เขาจึงได้ไล่ตามลูมินและไพม่อนไป
“ว๊าก! มันมาแล้ว! ลูมินเข้าไปหลบในร้านนั่นเร้ว!!”
“เงียบหน่อยได้มั้ยมันเสียสมาธิเนี่ย!”
แล้วลูมินก็ได้เข้าร้านของดิลุคมา ซึ่งในร้านก็ดันมีเซจกับเซซิเลียนั่งอยู่ด้วย ลูมินจึงขอให้ดิลุคช่วยไม่ให้บอกว่าพวกเธออยู่ที่นี่ ดิลุคจึงชี้ขึ้นไปที่ด้านบนแล้วทั้งสองก็ขึ้นไปหลบ หลังจากนั้นกลุ่มทหารก็ตามมาถึงที่ร้าน
“พอจะเห็นเด็กสาวผมสีทองตัวประมาณนี้กับเด็กมาสคอตตัวเท่านี้ไหมครับ” ทหารคนนึงถามขึ้นมา
“ถ้าลูมินจังกับไพม่อนจะก็อยู่- อุ๊บ!” ในขณะที่เซซิเลียกำลังจะหลุด เซจก็ได้เอามือปิดปากเอาไว้
“หืม?” ทหารเริ่มสงสัย
“คุณเซซิเลียเขาเมามากน่ะ พูดอะไรไม่รู้เรื่องหรอก ดูหน้าสิแดงขนาดนี้ยังไงก็เมาเละ สองคนนั้นไม่มีทางเข้าร้านแบบนี้ได้หรอก เนอะดิลุค” เซจตีเนียนแล้วดิลุคก็พยักหน้าก่อนที่พวกทหารจะออกไปที่อื่น
หลังจากนั้นลูมินและไพม่อนก็ลงมาจากชั้นสองแล้วตัวของเวนติก็ตามมาทีหลัง
“ที่ฉันหน้าแดงเพราะเธอปิดปากฉันต่างหากล่ะเซจ” เซซิเลียกล่าวด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวพร้อมกับดื่มไวน์ที่สั่งมาต่อ
“ทำไมคุณเซจกับคุณเซซิเลียถึงมาอยู่ที่นี่-”
“เจ้าเคย่าแนะนำน่ะ เห็นว่าไวน์ที่นี่เด็ด ก็เลยมาลองชิมดูปรากฏว่าเด็ดจริง แต่ราคาก็โหดจริง”
“หึ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก” ดิลุครับคำชมพร้อมกับเช็ดแก้วไปด้วย
แล้วหนักกว่านั้นคือจีน เธออยู่ในช่วงเวลาพักระหว่างที่ตามหาคนร้ายขโมยพิณ เธอเลยจะเข้าร้านมาเพื่อดื่มสักหน่อย แต่คนร้ายอยู่กันทั้งขบวนการเลย
“เจอคนร้ายแล้ว”
จีนทำท่าเหมือนจะออกไปแจ้งกับคนที่อยู่ข้างนอก แต่พอลูมินได้อธิบายให้ฟังเธอก็เลยเลือกที่จะยังไม่บอกกับคนอื่นแล้วก็ได้ฟังเหตุผลจากเวนติที่ต้องการนำพิณอันนี้ไปช่วยดวาลินหรือสตอร์มเทอร์เรอร์
“แล้วนายจะใช้พิณนี่ได้หรอ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเทพแห่งลมอะไรนั่นหรอกหรอ”
“น่า เดี๋ยวผมเล่นให้ฟัง ผมสามารถบอกอดีตของนายได้ด้วยนะ”
แล้วเวนติก็ได้เริ่มบรรเลงบทเพลงจากพิณนั้นจนทำให้เซจนึกถึงเรื่องราวในอดีตได้บางส่วนและเป็นส่วนที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่
“อื้ม นายน่ะมาจากที่เดียวกันกับเธโอจริงๆด้วย”
“เธโอ...บาฮามุท...”
“นี่นายไม่ปวดหัวแล้วหรอ?” จีนถามแล้วเซจก็พยักหน้า เพราะว่าตอนนี้เขาเริ่มนึกใบหน้าของเธโอออกแล้วแต่ก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นอะไรกันแต่น่าจะรู้จักกันแน่ ๆ
“จริงๆมีเรื่องอยากจะบอกนายด้วยเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าเธโอนี่แหละ” ดิลุคกล่าว
“ไม่เป็นไร มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรรู้ในตอนนี้หรอก...”
“แล้วเราจะดำเนินแผนการยังไงต่อเวนติ?” ลูมินถาม
“นั่นสินะครับ รวบรวมน้ำตาของดวาลินมาให้ครบ4หยดแล้วไปเจอกันที่แหลมสตาร์แนชนะครับ”
“ใช่หน้าผาที่ฉันตกลงมารึเปล่า?” เซจถาม
“ผมบอกไม่ได้หรอกครับ บางทีนายอาจจะลื่นหญ้าล้มก็ได้”
“(หอยหลอด แอมเบอร์บอกว่าลื่นจากผาสูง ไอ้นี่บอกสะดุดยอดหญ้า)” เซจคิดด่าเวนติในใจ
“งั้นไว้เจอกันคร้าบ~” แล้วเวนติก็ได้ออกจากร้านไป แต่สิ่งที่เขาลืมเอาไว้คือค่าเหล้าที่ติดไว้อยู่
“แล้วค่าเหล้าของเด็กนั่นใครจะจ่าย?”
“ฉันจ่ายก็ให้ได้ นี่เงินก้อนสุดท้ายแล้ว หลังจากนี้น่าจะได้ฟาร์มต่อ” เซจได้วางถุงเงินลงบนโต๊ะพร้อมกับเดินออกจากร้านไป
“ลูกชายของคุณออกไปแล้วนะคุณเซซิเลีย” ดิลุคกล่าวแล้วเซซิเลียก็เขิน
“เซจไม่ใช่ลูกชายของฉันสักหน่อย!”
“ก็ออกเสียง ซ เหมือนกัน จริงๆเจ้าเคย่าพาผมพูดน่ะ”
“งั้นหรอ?” เซซิเลียได้วางเงินเอาไว้ก่อนจะเดินออกจากร้านซึ่งเป้าหมายก็น่าจะรู้ดีดิลุคเลยปล่อยไป
“รุ่นพี่-”
“เรื่องนี้เธอตัดสินใจเอาเองเถอะ...ว่าแต่จะดื่มอะไร?” ดิลุคถามแล้วจีนก็ยิ้มพร้อมกับตอบออกไป
“เหมือนเดิมค่ะ”
.
.
.
.
หลายวันต่อมา ที่แหลมสตาร์แนช เวนติก็ได้นัดทุกคนที่อยู่ในร้านวันนั้นออกมาแล้วลูมินก็ได้เอาน้ำตาของดวาลินมาใส่ในพิณเพื่อให้มีพลังในการชำระล้างที่มากขึ้น
“ผมจะเริ่มแล้วนะ”
“ได้ ๆ เตรียมแซนวิชรอแล้ว” เซจกล่าวก่อนจะแจกแซนวิชให้กับคนอื่นๆ
จากนั้นเด็กหนุ่มก็เริ่มบรรเลงบทเพลง ไม่นานนักสายลมก็เริ่มแปรปรวน ร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่บินปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มตัวเอก
“ท่านเรียกข้า...”
“ดวาลิน ไม่ต้องห่วงผมอยู่นี่-”
“ข้าเกลียดท่าน!” มังกรสีฟ้าคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้้นพร้อมกับกระพือปีกขนาดใหญ่เพื่อสร้างลมพายุ
พลังงานด้านลบสะสมจนทำให้สายพิณขาดออกทำให้กลุ่มตัวเอกแถวนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เซจที่ตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงต่อ เกล็ดมังกรดำที่จีนห้อยมาด้วยก็เปล่งแสงออกมาอย่างน่าประหลาด
“จีน! ส่งเกล็ดนั่นมา!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจีนก็ได้ส่งเกล็ดมังกรดำให้กับเซจ แล้วเซจก็เกิดอาการบางอย่าง เกล็ดมังกรนั้นไปกระตุ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘ตราบาป’ ในตัวของเซจให้ตื่นขึ้นถึงแม้จะชั่วคราวก็ตาม
จงออกมาราชันย์มังกรดำ บาฮามุท!
ชายหนุ่มผมสีแดงสดได้กล่าวคำร่ายออกมาก่อนที่จะมีแขนของมังกรดำขนาดเท่าบ้านโผล่ออกมาจากวงเวทย์พร้อมกับต่อยหน้าดวาลินไปหนึ่งทีแล้วดวาลินก็ได้กัดแขนที่ออกมาจากเวทย์มนต์จนหายไปก่อนที่จะบินหนีไป
ชายหนุ่มอ่อนแรงเนื่องจากใช้พลังเวทย์เยอะเกินไปหน่อยเขาจึงทรุดลงไปเล็กน้อย แล้วจู่ๆก็มีหอกสีขาวถูกปาลงมาจากฟ้า แล้วก็มีหญิงสาวผมสีทองที่สวมเครื่องแบบที่มันดูไฮเทคโนโลยีมากๆค่อยๆบินลงมา
“อาบิสฟลาวเวอร์...ส่วนเธอคือ... เบียงก้า อทาเอจีน่า”
“รู้จักด้วยหรอคะคุณเซซิเลีย!” ลูมินถาม
หญิงสาวได้ติดต่อกับคนที่อยู่ปลายสายสักพักแล้วเธอสัญญาณเกิดขัดข้องทำให้การสื่อสารถูกตัดขาด เธอจึงดึงอาบิสฟลาวเวอร์ขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่หน้าเซจ
“มากับเราด้วยค่ะ คริมสันล็อคเกอร์”
“...ขอปฏิเสธ...”
“ถ้างั้นก็คงไม่มีทางเลือก” เบียงก้าได้เรียก Phantom ออกมาพร้อมกันสองตัว
“ขอให้คุณตายอย่างสงบด้วย”
แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม....
----
ถ้างั้นก็ เจอกันตอนหน้าครับ เย้
ความคิดเห็น