ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนี้…จ่ายด้วยหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 ช่วยเหลือ

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 67


    บทที่ 6 ช่วยเหลือ


     

    ในวันนี้ยอร์ชได้ยินจากปากของเวกัสและหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา หลายครั้งที่เวกัสทำสิ่งที่เขาไม่เข้าใจอย่างเช่นนั่งทานข้าวในโรงอาหารตำแหน่งเดิมๆ ชอบเข้าห้องสมุดหมวดเดิมๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอกวิชาของเขา และไหนจะชอบเดินอ้อมตึกไกลๆทั้งๆที่ภาควิชาของพวกเขานั้นไม่จำเป็นต้องเดินผ่านไปทางคณะของวุ้นเส้น


     

    “เหอะๆ แล้วทำไมมึงไม่บอกกูแต่แรกวะ มึงนี่ปากหนักจริงๆ”

    “ไม่รู้สิ กูอยากเห็นคนที่กูชอบอยู่ไกลๆมากกว่า”

    “ทำเป็นพระเอกซีรี่เกาหลีไปได้นะมึงเนี่ย ดีนะที่แม่งหยิ่งไม่งั้นคงผ่านผู้ชายเป็นร้อยละ”

    “ถึงเป็นอย่างนั้นจริงกูก็ชอบของกูว่ะ”

    ยอร์ชเริ่มเข้าใจทุกอย่างทั้งในเรื่องที่เขาขอในช่วงก่อนวันเกิดของเวกัสจะมาถึง เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ซื้อตัวของวุ้นเส้นมาสนองความต้องการของตัวเอง เพราะหากเป็นเช่นนั้นคนที่น่าสงสารที่สุดคงจะเป็นเพื่อนชายผู้ซื่อสัตย์ในรักอย่างเวกัสคนนี้


     

    ………………..


     

    วุ้นเส้นมองออกไปนอกหน้าต่างหอพักเพื่อจ้องดูสายฝนพรำอยู่อย่างนั้น มือของเธอแกว่งปากกาไปมาเมื่อคำนวณรายรับรายจ่ายที่ไม่ลงตัว แม้ว่าเงินที่ยอร์ชโอนให้ในตอนนั้นจะมากพอ แต่การค้างค่าเช่าที่พักมานานของเธอนั้นทำให้เงินร่อยหรอลงไปมากเลยทีเดียว


     

    “ร้านซักผ้าไม่รับคน…ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ไม่รับคน เด็กเสิร์ฟก็ไม่มีตำแหน่งว่าง หรือว่าสาวเชียร์เบียร์ ไม่อ่ะฉันไม่ทำเด็ดขาด…”

    วุ้นเส้นคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะที่พักสายตา และสิ่งสุดท้ายที่เธอคิดนั้นมันทำให้เธอหัวเราะกับตัวเองเบาๆ

     

    “หึๆ ไปนุ่งสั้นเชียร์เบียร์ไม่เอา…แล้วยอมขายตัวเนี่ยนะ ยัยโง่เอ๊ย!!!”

    วุ้นเส้นพยายามลืมเรื่องเลวร้ายในคืนที่เธอตัดสินใจเข้าไปในห้องนั้น หญิงสาวปิดสมุดรายการรับจ่ายแล้วหันไปลงมือทำงานส่งอาจารย์เพื่อให้สมองหยุดคิด แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียงและใบหน้าของเวกัสก็ดังแว่วแทรกเข้ามาอยู่ไม่ขาด


     

    -ลำบากเมื่อไหร่ก็โทรมาละกัน ฉันสัญญาว่าครั้งหน้าจะใส่ถุง-

    มือเรียวกดดินสอกับกระดาษจนปลายของมันหัก เธอเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธที่ถูกชายคนหนึ่งดูถูกได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่อาจโทษใครได้เลยนอกจากตัวของเธอเองที่ไม่รักศักดิ์ศรียอมขายความบริสุทธิ์ไปเพื่อใช้เป็นค่าเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบ


     

    “หนูครับ คือทางเรายังไม่รับพนักงานครับ”

    “ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”

    สองเท้าของหญิงสาวพาร่างบอบบางเดินไปเรื่อยตามถนนหนทางในเมือง ราวกับว่าสวรรค์จงใจกลั่นแกล้งเธอโดยเฉพาะ เพราะไม่ว่าร้านใดที่เธอเคยทำพาร์ทไทม์ต่างก็ไม่รับพนักงานในช่วงนี้ ครั้นจะหยิบยืมจากเพื่อนก็ไม่มีเครดิตเพราะข่าวพ่อกับแม่ของเธอนั้นทำให้ใครหลายๆคนไม่อยากเสี่ยงให้เธอยืมเงิน


     

    “ฉันมีสองพัน แต่ฉันให้เธอเลยนะไม่ต้องคืน”

    หลินเพื่อนสนิทของวุ้นเส้นเอ่ยพร้อมกับยื่นธนบัตรให้กับหญิงสาวที่นั่งทำหน้าตาซึมอยู่คนเดียว เพื่อนสาวของเธอคนนี้รู้ว่าวุ้นเส้นกำลังลำบากแต่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้มาก


     

    “ฉันขอบใจเธอนะ แต่รอให้ฉันไม่ไหวจริงๆก่อน”

    “อะไรง่ะ…นี่ยังไหวอยู่อีกเหรอ? ดูหน้าเธอซะก่อนสิ” หลินตัดพ้อ

    “ฉันไม่ได้อยากหยิ่งนะ ฉันแค่ไม่อยากเสียเพื่อนเท่านั้นเอง”

    “ยัยวุ้นเส้น…” 

    หลินโอบวุ้นเส้นเอาไว้ด้วยความเห็นใจ ในเวลานี้วุ้นเส้นนั้นไม่ต้องการให้ตัวเองต้องเป็นภาระของเพื่อนเลย เพียงแค่เห็นใจและไม่ทอดทิ้งยามลำบากหญิงสาวก็รู้สึกพอใจมากแล้ว


     

    …………………


     

    “กลับบ้านได้สักทีนะ ไอ้เวกัส” 

    ดิเรกพ่อของเขาลดไปป์ในมือลงและมองลูกชายที่เดินเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ เมื่อเขาได้ยินเสียงของพ่อที่กำลังทำท่าจะต่อว่าก็หยุดเดิน แต่ไม่หันไปมองหน้าพ่อบังเกิดเกล้าแม้แต่น้อย ความผูกพันระหว่างสองพ่อลูกนั้นได้ลดน้อยลงไปทุกที


     

    “ก็แหงล่ะครับ นี่มันบ้านผมนี่”

    “แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปทำล่ะ ทำรึยัง?” ดิเรกถามด้วยเสียงเข้ม

    “งั้นผมถามหน่อยเถอะ ถ้าเจอเธอแล้วพ่อจะทำยังไงต่อ…ฆ่าเค้าเหมือนที่ฆ่าพ่อแม่เค้ารึไงครับ?”

    “ไอ้!!! พูดให้มันดีๆนะ ฉันฆ่าใครตรงไหน?”

    “ก็ตรงที่พ่ออยากได้โรงงานของเค้าจนตัวสั่น จนพวกเค้าไม่มีทางเลือกยังไงล่ะครับ”

    เวกัสพูดจบก็รีบเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องส่วนตัวของตัวเอง สิ่งที่เขาพูดนั้นยิ่งตอกย้ำความเสียใจให้กับสองพ่อลูกคู่นี้ไม่มีวันลืม เมื่อวันหนึ่งดิเรกต้องการเพิ่มกิจการให้หลากหลายจึงกว้านซื้ออยู่หลายเจ้า โดยไม่สนใจเลยว่าเจ้าของตัวจริงนั้นจะใช้ชีวิตอยู่รอดหลังจากนั้นได้อย่างไร หลายครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะถูกกดราคาและไม่อาจใช้เงินน้อยนิดนั้นพยุงชีวิตที่เหลือได้


     

    “ให้ตายเถอะ …หรือว่าเราจะปล่อยเธอไปดีนะ”

    เวกัสทิ้งตัวลงนอนบนเตียงและมองเหม่อไปยังเพดานห้อง เขานึกถึงวันที่วิชาภพมาอ้อนวอนขอให้พ่อเขาคืนโรงงานให้กับครอบครัว และไม่นานหลังจากนั้นข่าวการฆ่าตัวตายของคู่สามีภรรยาโชคภพสกุลก็เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่บนสื่อทุกสำนัก


     

    สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ลง เขาคิดไม่ตกเมื่อรู้ว่าพ่อของเขานั้นต้องการอุปการะลูกสาวบ้านโชคภพสกุล หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเลี้ยงเธอไว้


     

    …เพื่อเป็นเครื่องบำเรอกามเหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในคฤหาสน์ทวีศักดิ์ทินโชติแห่งนี้นั่นเอง…


     

    ********************

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×